เห็นภาพคลื่นน้ำทะเลซัดท่วมภูเขามาเลย(พี่ที่ทำงานบอกนั่งสมาธิเห็น)

เมื่อเราเริ่มปฏิบัติใหม่ๆเจอบททดสอบทั้งในความฝันและโลกของความเป็นจริิงผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง. แต่ถ้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้าวันไหนกำลังสมาธิดีก็ผ่านฉลุย

 

จับผิดคนอื่นประโยชน์น้อย
จับผิดตนเองประโยชน์มาก

 

พูดน้อยต่อยหนัก..

 

ชอบมาก เลยยุคนี้ พวกเราต้องใช้ ถือของก็หนักมือ ถือสาก็หนักใจ

 

วันเวลาที่ 11:11

ดวงอาทิตย์ : แกนแม่เหล็กโลก

จุดดับดวงอาทิตย์ 11 จุด : เส้นที่เชื่อมระหว่างขั้วแม่เหล็กทั้งสองด้านมีความเอียงประมาณ 11.3° กับแกนการหมุนของโลก

https://th.m.wikipedia.org/wiki/สนามแม่เหล็กของโลก

 

ปัจจุบันนี้...สิ่งที่มนุษย์ต้องรู้ก็คือ "จุดดำ" บนดวงอาทิตย์มิใช่ "จุดดับ" แต่อย่างใด

นักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่าจุดดำบนดวงอาทิตย์ที่เห็น คือจุดดับ จึงคิดกันไปใหญ่โต เป็นการคาดเดา

ทีบางสิ่งที่ควรรู้เพราะน่าห่วงใยกลับไม่รู้และไม่วิตกหวาดกลัวเอาเสียเลย ทั้ง ๆ ที่ภัยกำลังใกล้มาถึงฝ่าเท่าของตนอยู่แล้ว

เช่น กรณีการสร้างขยะเทคโนโลยีขยะยึ้นมาจนรกโลก ทำให้โลกเสียสมดุลด้านน้ำหนักมวล ซึ่งมีผลต่อแรงเหวี่ยงรอบตัวเองและการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของโลกต้องแปรเปลี่ยน ทำให้แกนหมุนของโลกเอียงจากแนวดิ่งมากขึ้นไปอีก และโลกหมุนแกว่งไปแกว่งมา เป็นต้น ซึ่งทำให้ความสมดุลทางพลังงานของดาวเคราะห์โลกสูญเสียไปอย่างร้ายแรงอีกด้วย แต่กลับไม่มีใครคิดกัน

 

เราไม่ได้มีวาจาเลย...เรามีเพียงสติ...เมื่อมีสติย่อมมีปัญญา

 

คืออยากจะบอกว่า หากขณะนี้สัมผัสได้พลังงานการแกว่งไกวของโลกในช่วง 5 วินาทีแรกจะรับรู้ได้ถึงการส่ายไปส่ายมาที่เร็วและสั้น ถ้าเปรียบแล้วก็คือ การกวัดแกว่งที่เสียสมดุลมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งตอนแรกจะไหวไปไหวมามีแรงเฉื่อยและช้ากว่านี้เมื่อประมาณหนึ่งอาทิตย์หลังจากออกพรรษามานะค่ะ ก็เกือบจะสองเดือนได้แล้วมั้งคะ หลังจากรับรู้เรื่องพลังงานการกวัดแกว่งของโลกได้

แสดงว่ามายาปรากฎการณ์นี้ไม่ธรรมดา เพราะธรรมดาโลกจะมีขนาดใหญ่มากหากเสียสมดุลเพียงเล็กน้อย ก็คงยากสัมผัสได้ นี่สัมผัสได้อย่างชัดเจน แสดงว่าต้องอาการหนัก

ใครคิดว่าอย่างไรคะ

 

ถ้าท่านอยากเห็นภัยพิบัติ...ท่านก็ช่วยอธิษฐานเร่งให้ด้วยนะ...เราก็อยากให้มาไวๆเหมือนกัน...ทุกอย่างจะได้จบเราจะได้ไปบวชเสียที...ภัยพิบัติจบเร็วโอกาสไปบวชก็เพิ่มขึ้น...ตอนนี้ก็เบื่อเต็มทีแล้ว...คนเห็นเงินมีค่ามากกว่าความดี...คนเห็นเงินมีค่ามากกว่าธรรม...เราเบื่อสิ่งเหล่านี้เต็มทีแล้ว

 

ท่านปิยนาถมีปัญญามาก

 

จุดดำบนดวงอาทิตย์ทำให้โลกร้อน จากนั้นความร้อนจะทำให้น้ำระเหยขึ้นไปบนบรรยากาศจำนวมาก ช่วงวันชำระใหญ่ ฝนตกต่อเนื่องไม่น้อยกว่าสิบห่าในเวลาที่ต่อเนื่องกันในช่วงเวลาชำระโลก อุทกภัยครั้งใหญ่ของโลกเสรีที่จะชำระแผ่นดินและเกาะในทะเลให้จมหายไปรวม 1 ใน 3 ของแผ่นดินเดิมจะต้องเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

เราเบื่อสังคมที่วัดค่ากันด้วยฐานะร่ำรวย...เราเบื่อสังคมที่วัดค่ากันด้วยวัตถุ...เราเบื่อสังคมที่ชิงดีชิงเด่นกัน...แต่เราไม่อยากหนีไปบวชเหมือนเจ้าชายสิทธัตถะ...เราอยากให้ครอบครัวพ่อแม่...ยอมรับ รับรู้และยินดีในการบวชของเรา..

 

เร่งภัยพิบัติดูสิท่านแม่ชี...ไม่ใช่มาเร่งติดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วไปอวดรู้ไม่หยุดสักที....ที่ท่านทำอยู่นี้เราว่ามันไม่ใช่เมตตาแล้วล่ะ...มันเป็นอาการอวดรู้...อวดสิ่งศักดิ์สิทธิ์..

 

ใช่รึเปล่า5555

"คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้"

...คนมีปัญญาก็เช่นเดียวกัน...

 

เสริมคุณจิตยิ้มครับ...


ตาผ้าขาววัดสามแยก
บอกว่าจุุดดำบนดวงอาทิตย์เป็นจุดที่เทวดาไปเกลี่ยผิวของดวงอาทิตย์ออก

(อารมณ์คงเหมือนเตาย่างไก่ ที่เขาเผ่าถ่านให้แดง แล้วเอาเถ้ากลบก็ร้อนน้อยลง พอเกลี่ยเถ้าออก ความร้อนก็แรงขึ้น)

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า
จุดดำบนดวงอาทิตย์เป็นจุดที่เส้นแรงแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ภายในดวงอาทิตย์ มีกำลังสูง จนบิดงอและทะลักโผล่ออกมาข้างนอกดวงอาทิตย์

พื้นผิวดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิต่ำ เมื่อเทียบกับอุณภูมิของจุดดำ และชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์
แต่
เพราะจุดดำบนดวงอาทิตย์มักจะมีการลัดวงจรของเส้นแรงแม่เหล็ก ทำให้เกิดการระเบิดและปลดปล่อยอุณหภูมิที่สูงมาก ๆ ออกมา

 

ไม่เห็นเป็นเหตุเป็นผลเลยค่ะ

รู้อย่างไรก็พูดไปตามที่รู้

ถ้าไม่รู้จะนำสิ่งใดมาพูด

และสิ่งที่รู้มาก็เพื่อมาบอกกล่าวกันเพื่อให้รู้

มิใช่เพื่อให้เชื่อ

 

แล้วแต่ท่านเถอะแม่ชี...อย่าติดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มากจนเกินไปก็พอ...เอาความรู้ตัวเองมาใช้สิถึงจะถูก....ก็บอกอยู่ว่าเมื่อท่านติดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วจิตเราจะกระเพื่อมแรง...ถ้าจิตเรากระเพื่อมแรงเราก็ทำสมาธิไม่ได้...ท่านเข้าใจรึเปล่า...เราบอกท่านมาเดือนนึงแล้วแต่ท่านไม่เคยจำ...ท่านโง่รึเปล่า

 

เอาเป็นว่าจะหยุดเรื่องนี้ไว้แค่นี้นะคะ สัญญาณที่มีมาถ้าภายในปีสองปี หรือเร็ว ๆ นี้ไม่เกิดอะไรขึ้น ก็คงไม่มีอีกแล้วก็ได้ค่ะ เพราะที่ผ่านมามีภัยพิบัติมาหลายสิบปีก็โลกยังไม่สามารถรับรู้การกวัดแกว่งได้ชัดเจนขนาดนี้ ถ้าเรื่องที่จิตยิ้มกล่าวมาเป็นเรื่องปกติของโลก ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

 

ภาวนาเยอะๆ...ภาวนามากๆ...อย่ามาหาเหตุผลอยู่เลย...แม้หาได้ก็ไม่ทำให้พ้นทุกข์ได้...เพราะถ้ารู้จากการบอกกล่าวนั้นมันเป็นปัญญาโลกีย์...ปัญญาโลกีย์ยิ่งมีมากยิ่งมีตัวกูของกูมาก

 

ไปฝึกวางอุเบกขาเยอะๆ...วางทุกอย่างให้เป็นไปตามกรรมของสัตว์โลก...แล้วไปเร่งแก้ไขจิตตน....อย่าให้เราต้องบอกซ้ำๆอยู่แต่เรื่องเดียวเลย..มันเสียเวลา...อย่าให้เรามาเสียเวลากับท่านให้มากนัก..ไปเร่งฝึกจิตตนสิ...ไปภาวนาสิ