ห้องแมวยิ้ม สัพเพ เหระ อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ

เอาข้อแรกให้ผ่านก่อนเถอะ...แต่ห้ามเปิดพัดลมและห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด...เอาให้ตัวเองมีกลิ่นอับกลิ่นเหม็นที่สุด

 

เราจะบอกให้อย่างนึงนะ...ธรรมชั้นอนาคามี...เป็นแนวทางตามวิชชาธรรมกาย.....วิชชาธรรมกายเป็นวิชชาของพระโพธิสัตว์...เป็นวิชชาโปรดสัตว์โดยเฉพาะ....นี้กล่าวถึงหลวงพ่อสด วัดปากน้ำองค์เดียวนะ

 

เรามาเกิดพร้อมบุญฤทธิ์เพราะ
ฉนั้นผู้มีอิทธิฤทธิ์ถือว่ากระจอกมากสำหรับเรา

 

ราตรีสวัสดิ์

 

ทำไมผมต้องแนะนำคนอื่น? ผมทำอะไรผมทำเองถ้าผมเห็นว่าควร ผมก็เคยมาแนะนำเหมือนกัน แล้วผลลัพธ์เป็นยังไง "ผมรู้เองและรู้ก่อนคุณด้วย"

บางคนทำแบบนั้นไม่ได้ ต้องเปลี่ยนวิธี บางคนทำแบบนี้ไม่ได้ บางคนเชื่อในตัวเองโดยไม่ได้ลองทำตาม มีเหตุปัจจัยเยอะแยะไปหมด ผมเลยพึงรู้ว่าถ้าลองพูดแล้วแต่เขาไม่ได้ลองหรือทำวิธีนั้นไม่ได้ ก็เท่านั้นไง

และมันไม่ใช่ความเห็นนะที่ผมบอกคุณมโน "มันคือความจริงล้วนๆ" ตรงที่คุณบอก "พิจารณา(คิด)ลูกยันรากอะนะ" นั่นแหละเรียกมโน สรุปแล้ว "คุณขอให้ผมแนะนำ" แต่ผม "ไม่ทำตามคุณ" นี่แหละความจริง "คุณหวังจะชี้ทางผู้อื่นก็เรื่องของคุณ" แต่ผมจะไม่ทำตามคุณ "เพราะผมก็มีวิธีของผมเหมือนกัน" ดังนั้น "อย่าเอาวิธีคิดของคุณ(มโนของคุณ)มาใช้กับผม"

และคุณ "โคตรหลอกตัวเองเลยลองดูตามความจริงเลย ณ ปัจจุบันขณะ กระทู้นี้คุณโดนแซะมากี่หน้าแล้ว? กระทู้เก่าอีก และยังไปหลงเชื่อ "ดาราแฟร์" ที่โผล่มาพูดลอยๆ แต่หลายคนหลงเชื่อ ทั้งๆที่มันเป็น "แนวคิด" ว่าคุณเป็นนั่นนี ดาวนั่นนี่ปรากฏ แถมศาสตร์ตัวเลขที่ปรากฏอีก ทั้งๆที่ความจริงคือ หากลองทดสอบจะพบว่าโอกาสเจอเลขที่เขาพูดมามันมีน้อย แต่เมื่อเราเอะใจเมื่อเวลามันตรง ก็จะคิดไปเองว่าเออวะเขาพูดถูก ทั้งๆที่เลขที่ไม่ตรงตามที่เขาพูดมามันมีตั้งหลายครั้่ง

ศาสนาพุทธ สอนให้คนมีปัญญา แต่คนพุทธส่วนใหญ่ "ดันไม่มีปัญญาซะงั้น" ดังนั้นถ้าคุณ "ยังไม่เข้าใจอีก" ผมก็จะโนคอมเม้นท์ละครับ

 

อยู่ในเวปนี้มานานหลายปีเห็นอะไรมามากมาย ช่วงปี 2555-2556 เป็นปีที่กระแสคำนายร้อนแรงมากที่สุดอะไรก็ฉุดไม่อยู่ เหล่าผู้วิเศษมากมายออกมาแสดงตัวกันใหญ่ กำหนดวันและเวลาชัดเจน ลักษณะคล้ายกับที่คนบางคนที่อ้างตัวว่าจะหายไปจากเวปก่อนภัยพิบัติใหญ่จะมา ซึ่งเราทันเหตุการณ์ตอนนั้นพอดี เราผ่านมันมาก่อน หลายคนในกระทู้นี้เป็นคนหน้าใหม่ไม่เคยสัมผัสกับผู้วิเศษมาก่อน กลโกง อุบาย กับดักอัน ฉ้อฉลทั้งปวงเราเห็นมาก่อนแล้ว แต่พวกท่านบางคนเลือกที่จะเชื่อคำพูดเพียงไม่มีกี่คำของคนๆนึงที่รักษาแม้กระทั่ง "สัจจะ" ของตัวเองไม่ได้ ผิดแล้วผิดอีก หลอกได้แม้กระทั่งตัวเอง

ก็ไม่อยากจะกล่าวอะไรมากแต่ละคนมีวิถีทางเป็นของตัวเอง เลือกเส้นทางไหนก็เอาที่สบายใจกันไป คิดว่าบอกและเตือนมาพอสมควรแล้ว ธาตุแท้ของคนที่นับถือกันนักหนาซักวันจะได้เห็นด้วยตัวเองอย่างแน่นอน บอกไปก็คงไม่เชื่อ แต่คิดว่าอย่างน้อยหลายคนก็คงจะเริ่มรู้สึกตัวบ้างแล้วแม้จะยังไม่กระจ่าง น่าเสียดายที่หลักฐานที่ถูกเซฟเป็นภาพไว้ในกระทู้ของคุณ Hiflyer หายไปแล้วจะด้วยเหตุใดก็ตาม ถ้ามันยังอยู่ ผู้วิเศษรายนี้คงจะไม่มีแผ่นดินให้ยืนอยู่แน่อนเพราะทุกอย่างทุกคำพูดมันฟ้องออกมาด้วยตัวของมันเอง เรื่องความจริงมีคนนึงที่รู้อยู่แก่ใจมากที่สุดในเวปนี้เป็นคนที่พูดคุยกับผู้วิเศษคนนี้มากที่สุด รวมถึงเซฟกระทู้นั้นไว้ด้วย แต่เขาเลือกที่จะหลอกตัวเองเรื่องคำทำนายอะไรนั่นต่อไปด้วยการโพสข้อความหรือคลิปเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา เหมือนติดอยู่ในโลกเสมือนจริงและยังจะเชื่อมั่นอยู่อย่างนั้น

หลายคนอยากช่วยคนสอนธรรม เผยแพร่ธรรม พื้นฐานไม่ได้เป็นคนที่มีจิตใจที่ไม่ดี แต่แค่หลงทางเพราะไม่มีครูบาอาจารย์ชี้นำ ฝึกเองปฏิบัติด้วยตัวเอง เราจะไม่โพสก็ได้แต่เราเห็นนายสงบแล้วเรานึกถึงเพื่อนรักเรา มันเหมือนกันมาก ตกที่นั่งเดียวกัน โดนยัดเยียด แต่งตั้งตำแหน่งสำคัญบนโลกมนุษย์โดยอ้างจากโลกทิพย์ข้างบนอะไรนั่น ต้องมาทำงานทำหน้าที่อะไรก็ไม่รู้ มันเหมือนกันเป็นอย่างมากในเวลานั้นกว่าจะช่วยเพื่อนได้เราเหนื่อยมาก วิธีการและกลวิธีมันเหมือนกับที่นายสงบโดนเลย เรารู้สึกเวทนาสงสารเลยพยายามเตือนสติไม่ให้เตลิดไปไกลกว่านี้ แต่เราก็คงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมเสียแล้ว เอาเป็นว่าอีกไม่นานเดี๋ยวจะรู้เองว่าทำไปแล้วมันจะถึงทางตันของมันเองเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว

 

เรื่องบางเรื่องคุณดาราแฟร์เอง แกก็ไม่ได้แน่ใจ 100 เปอร์เซ็นต์หรอก
แกก็ใช้หลักเหตุผลของชาวบ้านเรา ๆ คาดการณ์ไปนั่นแหละ (มโน)

แกอาจถือศีล มีกุศลกรรมบท จริง

แต่สิ่งที่แกรู้ อาจจะ ยังไม่จริง แต่แกก็เชื่อสิ่งที่แกรู้ เมื่อแกพูดตามสิ่งที่แกเชื่อ มันเลยคลาดเคลื่อน

ผมเข้าใจดีว่าคำว่ามโนหมายถึงอะไร
เพราะ 4-5 ปีที่แล้ว ผมเคยมโนหนัก มาก เพิ่ง มโนน้อยลง ก็ไม่กี่เดือนย้อนมานี้ครับ แต่ก็ยังมโนหนักกว่าคนทั่วไปอยู่นะ

เอาเป็นว่า กระทู้ที่ผมปิดไปกระทู้นั้นน่ะ
"มีคำทำนายฯ" ตอนนั้นผมยังมโนมากกว่าตอนนี้อยู่เลย

ถามว่าผมมีโอกาสกลับไปมโนเท่านั้นอีกหรือเปล่า ตอบเลย ว่า ตอนนี้ยัง "มี " เพราะ ผมยังไม่หลุดพ้นจากการพึ่งพาการมโน อะไร ๆ มันก็เลยไม่เที่ยงหรอก ถ้ายังไม่รู้มากพอที่จะหลุดพ้นจากการยึดถือเอาการมโนเป็นที่พึ่งอยู่ล่ะนะครับ

 

คนที่เคยคิดว่าตนเป็นคนที่เบื้องบนเขาส่งมา เท่าที่ผ่านมา มีหลายคนมากครับ
หนึ่งในนั้นมีผมรวมอยู่ด้วยแน่นอน ไม่ปฏิเสธ ยอมรับแต่โดยดีว่าผมเคยคิดว่าตนเป็นพระศรี หรือ พระจักรพรรดิ์ เพราะฝันบอกเหตุ และยึดเอาความฝันนั้นโดยไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่
(เอาเป็นว่า การอยู่ในวัฒนธรรมที่เชื่อความฝัน อย่างวัฒนธรรมไทยนี่ มันมีส่วนให้เราเป็นคนแบบนี้ได้เหมือนกัน) ตอนนี้ก็ยังมีส่วนคิดว่าตนเป็นพระศรีหรือพระจักรพรรดิ์องค์ใดองค์หนึ่งอยู่ครับ
แต่
ตอนนี้ผมคิดว่าตนเป็ฯพระศรี หรือพระจักรพรรดิ์ น้อยลงมาก ๆ เพราะ ผมก็เคยพลาดมาก่อนหน้านี้แล้ว บ่อยมาก จนได้สติมากขึ้นเรื่อง ๆ จากความผิดพลาดครับ
(และเพราะผิดจึงรู้นี่แหละ
การเรียนรู้ของผมมันเลยเอาโทสะเรียนรู้ ทำไปตามอย่างที่ตัวเองเชื่อก็แล้วกัน ผิดแล้วรู้ ดีกว่า ไม่ได้ทำแล้วไม่รู้)

แต่ไอ้การที่เราคิดว่าเราเป็นคนสำคัญนี่ บางทีมันก็ให้อะไร ๆ เรากลับมาเหมือนกันนะ อย่างเช่น เราได้ศึกษาพุทธศาสนา ได้หาความรู้ เพราะ เราคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของเรา เราต้องช่วยคน

แต่ ก็เพราะ เรามีปัญญาไม่ถึงกันนั่นแหละ เลยดีแตก ใช้การมโนนึกในการศึกษาศาสนาพุทธเอามากกว่าที่จะไปตามรู้ตามดูตามความเป็นจริงความเข้าใจหลักอะไรต่าง ๆ เลยคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าการมโนคืออะไร แต่ก็ยังหยุดมโนไม่ได้ เพราะ ยังไม่รู้ชัดดีว่าการรู้คืออะไร

ต้องขอบคุณคุณซาตานที่สอนการอยู่กับเนื้อกับตัวเบื้องต้นให้ครับ

 

ออกมานั่งดูพระจันทร์บ้างก็ได้...ดูความสว่างของมันสิ....ให้จิตใจบางคนสว่างได้อย่างนี้ก็คงดี.....และเราจะขอบอกทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย...เราไม่ได้ถูกใครหน้าไหนทั้งนั้นคอยบงการอยู่เบื้องหลัง...ทุกอย่างที่ท่านดาราแฟร์ส่งมาให้ก็ด้วยน้ำใจเท่านั้น...เราไม่ได้ติดต่อท่านดาราแฟร์นานแล้ว...มีแต่ท่านติดต่อเรามาเวลาจะส่งของมาให้

 

ความคิดของเรา ความเชื่อของเรา มันบงการเราได้นะ

ถ้าสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราเชื่อ มันไม่ถูก การกระทำที่ออกมาของเรา ก็ออกมาจากความคิดความเชื่อที่ไม่ถูก

ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ถูกมันเป็นยังไง แต่ ที่แน่ ๆ ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันอาจจะยังไม่เข้าท่าเข้าทีเท่าไร
สิ่งที่ผมทำ ก็แค่ ทำได้แค่ทำตามสิ่งที่ตัวเองเชื่อไปเรื่อย ๆ เท่านั้น

 

และอีกอย่างการปฏิบัติสมาธิของเรา...เราก็ไม่ได้มโนหรอกนะ...ทุกอย่างมันมาจากบุญบารมีที่เคยสั่งสมมามันส่งผล....ตั้งแต่เด็กเวลาเราทำบุญเมื่ออธิษฐานจิตเราจะขอให้ตัวเองมีดวงตาเห็นธรรม....เมื่อก่อนเราทำบุญเราก็ขอเท่านี้...ไม่เคยขอให้ตัวเองร่ำรวยเป็นเศษรฐีอะไรเลย....สุดท้ายเอาเป็นว่าเราสามารถปฏิบัติถึงคำว่าสิ้นทุกข์ได้...สามารถปฏิบัติจนจบกิจศาสนาได้แน่นอน.......

 

อยากให้ท่านเห็นธรรมในพิสัยที่กว้างกว่าการเห็นความเป็นจริงของร่างกายที่ประกอบด้วยธาตุ 4 ขันธ์ 5 เสียจริง

ผมหมายถึงการเห็นธรรมดาของสัตว์โลกน่ะ ถ้าเห็นแบบนั้นได้ท่านน่าจะสอนคนได้ดีกว่านี้

 

ตั้งแต่ปฏิบัติจนถึงระดับการดูจิต...หลังจากนั้นเราไม่เคยเชื่อความคิดตัวเองเลย...ความคิดมันเป็นม่านอวิชชา...สิ่งที่เราประสบอยู่ตอนนี้คงเป็นบุพกรรมของเราในอดีต...ที่เคยโกหกหลอกลวงคนไว้มาก...ทุกวันนี้จึงไม่อาจทำให้ใครเชื่อได้ง่ายๆ...แต่ก็เอาเถอะเรายอมรับกรรมนั้น...และเราก็ไม่ได้ติดอยู่ในคำว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ

 

การเพ่งไม่ใช่วิปัสนา แต่เป็น สมถะ

 

พิสัยกว้างอย่างไรมันก็อยู่ในกายในจิตนี้แหละ...จะธรรมชาติของโลกหรือของคนสัตว์ต่างๆมันก็อยู่ในกายในจิตนี้แหละ...ทุกคนมีพระพุทธเจ้าประทับอยู่ในจิตแล้วทุกคน...เพียงแต่ต้องฝ่าดงกิเลสเข้าไปให้ถึงเท่านั้น....ก็จะได้พบพุทธะที่มีในใจในจิตของทุกคนเอง......ขอแค่มีสัมมาทิษฐิเท่านั้น...อย่างอื่นจะตามมาเอง

 

เราไม่ได้บอกว่าเราเพ่งอย่างเดียวนี่....ตอนอยู่ระยองเวลาทำงานเราก็พิจารณาธรรมไปด้วย...เห็นธรรมไปด้วยทุกวัน...สิ่งใดที่ประสบอยู่ก็เอามาพิจารณาจนเห็นธรรม...นั้นหมายถึงธรรมในปัจจุบัน...ปัจจุบันธรรม....เมื่อก่อนเราพิจารณาธรรมอยู่ตลอดเวลา....บางครั้งเกิดวิปัสนูกิเลสเราก็ปล่อยให้มันพิจารณาไป...เราเอาเพียงสติตามดูไปเรื่อยๆ...เมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็หยุดเอง....เราก็ข้ามวิปัสนูกิเลสมาได้ทุกครั้ง.....มันต้องประสบด้วยตัวเองมันถึงจะรู้เข้าใจ....เราบอกได้เท่านี้แหละ

 

ผู้ที่เข้าถึงธรรมชั้นสูงได้นั้นในใจในจิตท่านมีแต่ความเมตตาต่อสรรพสัตว์เท่านั้นแหละ...คำด่าต่างๆท่านเหล่านั้นไม่เก็บมาใส่ใจหรอก...เพราะเห็นว่าสิ่งที่ได้รู้มานั้นมันไม่ใช่ของตน...มันเป็นของที่มีอยู่แล้วในโลก...ความดีทั้งหมดที่ทำก็เพื่อเป็นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทุกข์เพราะมีความคิด...มีตัวกูของกูจึงทุกข์...วางตัวกูของกูลงได้แล้วมันจะเหลืออะไร

 

อันนั้นไม่เถียงหรอก
แต่ท่านบอกจะพาคนข้ามไปนิพพานเป็นหลายร้อยล้านดวง ท่านไม่รู้ธรรมชาติของเขา ท่านคิดว่าท่านจะดึงเขาไปได้หมดมั้ยล่ะ

ก็เพื่อจะสอนคนอื่นให้ถูกกับจริตหรือความคิดเขา มันก็ต้องเข้าใจคนอื่นด้วยไงท่าน
ท่านจะเป็นครูไม่ใช่เหรอ ครูใหญ่ด้วยนะไม่ใช่ครูน้อย

 

เราบอกเมื่อไหร่..ว่าพาดวงจิตข้ามไปนิพพาน...เราบอกว่าท่านดาราแฟร์ฝากบอกมา...ไมใช่หรือ....