รับพยากรณ์ ปรึกษาการดำเนินชีวิต ด้วยญาณสัมผัส

ในห้อง 'บริการรับดูดวง' ตั้งกระทู้โดย บุญธริย์ฎา, 27 มิถุนายน 2012.

  1. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
    สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
    สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
    กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ
    ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี
    กรรมน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระสงฆ์
    ขอพระสงฆ์ จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น
    เพื่อการสำรวมระวัง ในพระสงฆ์ ในกาลต่อไป
     
  2. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    พูดน้อย ทานน้อย นอนน้อย
    ฟังธรรมมาก สวดมนต์มาก ปฏิบัติภาวนามาก
     
  3. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    วันที่ 17 กรกฎาคม 2555 สำหรับผู้ที่เกิดวันจันทร์-อาทิตย์

    จันทร์-ระวังเริ่องการถูกใส่ร้าย ใส่ความ การนินทา หรืออย่าหวังสูงนักจะไม่ได้ดังหวัง
    อังคาร-ระวังจะมีคนมายืมเงิน หรือขอความช่วยเหลือ หรืือตนเองต้องไปขอความช่วยกับผู้อื่น ควรบริจาคทานช่วยเหลือผู้อื่น

    พุธ-สามารถทำอะไรได้ดี มีความสามารถเก่งรอบตัว แต่เบื่อง่าย มีพรสวรรค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2012
  4. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    พฤหัส-หมั่นทำบุญ ให้ผู้ยากไร้ ด้อยโอกาส เงินทองจะคล่องตัว
    ศุกร์-อย่าเที่ยวเตร่ หลงระเริง อย่ายุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด หรือไม่ซื่อสัตย์กับคู่ของตน คือระวัง ศีลข้อ 3,5
    เสาร์-งานที่ต้องรับผิดชอบค่อนข้างหนักมาก อย่าหักโหม ค่อยเป็น ค่อยไป อย่าแบกรับคนเดียว
    อาทิตย์-มีการแข่งขันสูง ทำให้ตนเองขยันมากขึ้น แต่ถ้พยายาม ชัยชนะจะเป็นของคุณ
     
  5. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    แนวทางและวิธีการแก้ไข สำหรับผู้ที่เกิดวันต่าง ๆ คือ

    จันทร์- ฟังธรรมมาก ๆ สวดมนต์ในใจเข้าไว้ ทำสมาธิ นิ่ง ๆ ควบคุมอารมณ์ตนเอง กับเสียงที่มากระทบ เพราะอาจทำให้เราเกิดความไม่พอใจ เกิดโทสะขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
    อังคาร-เป็นผู้ให้ก่อน ตั้งใจนำเงินใส่ซอง เพื่อบริจาคให้....... อะไรก็ได้ที่ตัวเองต้องการช่วยดูความจำเป็นความเหมาะสมถวายเลย แล้วแผ่เมตตาอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร กรมดน้ำได้ยิ่งดี แล้วรีบนำเงินนั้นไปให้เลย แต่ถ้าไม่สะดวกฝากไว้ที่หิ้งพระแล้ววันต่อไปรีบให้ อย่าทิ้งไว้นาน
    พุธ-อย่าประมาทในความสามารถตนเอง รับฟังผู้อื่น เมื่อสุขสมหวัง ไม่มีปัญหาอุปสรรค จะทำความผิดได้ง่ายเพราะไม่เกรงกลัวบาป เพราะผลยังไม่เกิด เพราะการที่เราโชคดีอยู่นั้น นั่นหมายถึงเราใช้บุญเก่า ส่วนคนที่มีปัญหา อุปสรรค นั่นคือกำลังชดใช้บาปเก่า ซึ่งถ้าว่ากันแล้ว คนได้เปรียบคือคนที่มีปัญหา เพราะเค้าได้ชดใช้แล้ว แต่ที่สำคัญอย่าสร้างเหตุไม่ดี สร้างเหตุที่ดีทุกลมหายใจเข้าออก
     
  6. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    พฤหัส-บริจาคเงินช่วยมูลนิธิ หรือช่วยงานเพื่อน ซื่ออาหารฝาก พ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง สัตว์เลี้ยงในบ้าน ขอทาน เสร็จแล้วแผ่เมตตา กรวดน้ำ อธิษฐานจิตขอกุศลอุดหนุนให้ชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม
    ศุกร์-อย่าหลงมัวเมาในอบายต่าง ๆ อย่านอกใจคนรัก ไม่ซื่อสัตย์ ความเดือดร้อนจะตามมา เหมือนไฟที่เร่าร้อนเผาตนเองและครอบครัว จนไม่เหลืออะไร เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหนทางที่จะไปสู่อบายภูมิ 4 คือ เปรต นรก อสูรกาย สัตว์เดรฉาน แต่เมื่อเห็นแกความสุขเพียงเล็กน้อย ชั่วครั้งคราวเท่านั้น แต่ทุกข์ที่ได้รับมากกว่า นานกว่า มากมายกว่า เพราะฉะนั้นจงอย่าประมาทต่อบาปกรรมที่คิดว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับตนเอง แต่อาจมากสำหรับผู้ถูกเรากระทำ เมื่อทำบ่อยๆจนชำนาญเป็นนิสัย ก็ยากต่อการเลิกทำ และจะสะสมบาปมากขึ้นๆ
     
  7. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    เสาร์-ความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องประมาณตนเอง ปล่อยวางบ้าง ขอให้มีเวลาปฏิบัติธรรม ให้เวลากับตนเอง เพื่อวิเคราะห์ถึงตนเอง ทุกสิ่งทุกอย่างขอให้เดินสายกลาง อย่าตึง หรือหย่อนไป ดังเช่นที่พระพุทธองค์ทรมานตนเอง และได้ตรัสรู้หนทางพ้นทุกข์ จริง ๆแล้ว สิ่งที่เราต้องการ คือมีความสุข พ้นทุกข์ แล้วเรารู้หรือยังว่า สุข ทุกข์ คืออะไร
    อาทิตย์-ในชีวิตทุกชีวิตที่เกิดมา ต้องแข่งขัน ทุกคนต้องการเป็นผู้ชนะ คือชนะผู้อื่นนะ แต่ไม่เคยคิดชนะตนเอง กาย วาจา ใจ ของเรา ๆ ชนะได้มั้ย แพ้ตลอด เพราะฉะนั้นมาเริ่มต้นที่ตนเองก่อนดีกว่า ชนะตนเองได้ประเสริฐที่สุด
     
  8. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    สิ่งที่ได้โพสต์ในวันนี้คงเป็นประโยชน์ การที่เป็นผู้ให้ ในสิ่งที่ดี เพื่อ
    ให้เกิดปัญญา ได้พบหนทาง แนวทางการดำเนินชีวิต ที่ถูกต้อง ต่อหนทางที่จะนำให้พ้นทุกข์
    ส่วนที่เป็นกุศล จากเจตนาที่ดี ขออุทิศให้ครูบาอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวร หรือผู้ที่อยู่ใน 31 ภพภูมิ ได้รับส่วนแห่งบุญกุศลในครั้งนี้ด้วย น

    ขออธิษฐานจิตให้เกิดปัญญาญาณ มีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม นิพพาน ปัจจะโย โหนตุ
     
  9. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_865666 class=t_msgfont></TD></TR></TBODY></TABLE>เชิญท่านที่สนใจดูดวง วันที่ ๒๑ และ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ พี่นุช คนฉายกรรม จากเว็ปญาณทิพย์ จะเปิดกิจกรรมดูดวง เพื่อนำรายได้ไปสร้างสถานปฏิบัติธรรม คุณเสขบุคคล ได้รับการติดต่อจากทีมของพี่นุชมา เพื่อไปร่วมสร้างกุศลด้วยกัน ดิฉัน จะไปร่วมกิจกรรมดูดวงการกุสลครั้งนี้ด้วย จึงมาโพสเรียนเชิญ..ท่านใด สนใจดูดวงหรือร่วมสร้างกุศลร่วมกันก็เชิญได้ที่สุขุมวิท ๑๐๑ หรือ ติดต่อที่ โทร 0870973890 เบอร์สไกด์ pattysalon1 เฟรสบุ๊ค Noopakoon Pul
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2012
  10. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    ได้ไปช่วยงานการกุศลมา 2 วัน นำบุญมาฝากทุกคนนะค่ะ อานิสงค์จากการสร้างสถานปฏิบัติธรรม ทำให้มีที่อยู่ที่อาศัยดี มีความมั่นคง เจริญด้วยปัญญา มีธรรมมะคุ้มครอง
     
  11. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    การทำบุญด้วยการไหว้พระพุทธรูปด้วยจิตศรัทธา
    ผู้ที่ทำบุญด้วยการไหว้พระพุทธรูปด้วยจิตที่ศรัทธานั้นจะได้รับอานิสงส์ คือ อานิสงส์นี้จะไปเสริมดวงให้เป็นที่เคารพนับถือ
    ชีวิตครอบครัวก็จะสุขสบาย เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงและน่าสรรเสริญ ปราศจากศัตรูที่คิดร้าย คนคิดร้ายก็จะสำนึกในความดีต่างๆ แล้วพ่ายแพ้ไปเส้นทางชีวิตมีแต่ความสุข สงบ พบเจอแต่เรื่องดีๆ ในชีวิต จะมีสติดี ทำให้ประสบความสำเร็จในเรื่องที่หวังได้ง่าย
    การทำบุญด้วยดอกไม้ ธูปเทียน
    ผู้ ที่ทำบุญด้วยการถวายดอกไม้ ธูปเทียน จะได้รับอานิสงส์ผลบุญในส่วนของการมีสติปัญญาที่ฉลาดปราดเปรื่อง รู้จักแก้ไขปัญหาจัดการเรื่องต่างๆ กับชีวิตของตนได้เป็นอย่างดี หากคิดจะวางแผนก็เป็นนักวางแผนตัวสำคัญ
    ในเรื่องของรูปร่างหน้าตาก็สง่างาม เป็นหญิงอย่างกุลสตรี เป็นชายก็สมชายชาตรี ใครเห็นก็รักใคร่ชอบพอกันทุกคน
    ส่วน ใหญ่แล้วอานิสงส์นี้จะผลักดันให้ผู้ที่ทำบุญพบกับความสำเร็จ ชื่อเสียงโด่งดัง จนเป็นที่ยอมรับของคนทุกเพศทุกวัย นับเป็นบุญกุศลที่สูงส่งยิ่ง
     
  12. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    [​IMG]
    ก่อนท่องคาถาท้าวเวสสุวรรณ จุดธูป 9 ดอก สักการะท้าวเวสสุวัณ-ท้าวเวสสุวรรณ และถวายดอกกุหลาบ 9 ดอก แล้วตั้งนะโม 3 จบ ระลึกถึงคุณบิดา มารดา และครูบาอาจารย์ ทั้งหลาย ที่ประสิทธิประสาทวิชามาแล้วระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วท่อง คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ
    อิติปิ โส ภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ
    มะระณัง สุขัง อะหัง สุคะโต นะโม พุทธายะ
    ท้าวเวสสุวรรณโณ จาตุมะหาราชิกา ยักขะพันตาภัทภูริโต
    เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโม พุทธายะ
     
  13. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    อานิสงส์คาถาอุณหิสสวิชัย
    ในสมัยหนึ่งพระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่เหนือพระแท่นศิลาอาสน์ภาย
    ใต้ต้นปาริกชาติ ณ ดาวดึงสพิภพ ตรัสพระสัทธรรม เทศนา อภิธรรม 7 คัมภีร์ โปรดพุทธมารดา ใน
    กาลครั้งหนึ่งนั้นมีเทพบุตรองค์หนึ่ง นามว่าสุปติฏฐิตา ได้เสวยทิพย์สมบัติอยู่ชั้นดาวดึงส์มาช้านาน ก็
    อีก 7 วัน จะสิ้นบุญจุติจากดาวดึงส์ ลงไปอุบัติในนรกเสวยทุขเวทนาอยู่ตลอดแสนปี ครั้นสิ้นกรรมใน
    นรกนั้นแล้วก็จะไปบังเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน 7 จำพวก เสวย วิบากกรรมอยู่ 500 ชาติ ทุก ๆ จำพวก

    ยังมีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อว่า อากาสจารินี ซึ่งเป็นผู้รู้ บุรพกรรมของสุปติฏฐิตาเทพบุตร อาศัยความคุ้นเคย
    สนิทสนมกลมเกลียวกันตั้งแต่ครั้งเป็นมนุษย์ เคยได้รักษาอุโบสถศีลด้วยกันในอดีตชาติล่วงมาแล้ว
    มองเห็นอกุศลกรรมตามทัน จะสนองผลแก่สหายของตนก็มีจิตปรานีใคร่จะอนุเคราะห์ จึงเข้าไปสู่
    สำนักของสุปติฏฐิตาเทพบุตร แล้วก็บอกเหตุที่จะสิ้นอายุภายในอันเร็ว ๆ นี้ ตลอดทั้งที่จะไปเกิดในนรก
    ครั้งพ้นจากนรกแล้ว จะต้องไปกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานให้ทราบสิ้นทุกประการ ฝ่ายสุปติฏฐิตาเทพบุตร ได้
    ทราบเหตุดังนั้นแล้ว ก็มีความสะดุ้งตกใจกลัว คิดปริวิตก บุพพนิมิต 4 ประการ คือ
    ดอกไม้ทิพย์ร่วงโรย ประการหนึ่ง สรีระ ร่างกายมัวหมองไม่ผ่องใส ประการหนึ่ง
    ผ้าทิพย์ภูษา เครื่องทรงเศร้าหมองไม่ผ่องใส ประการหนึ่ง ครั้งทรงผ้าสไบเข้าก็ร้อนกระวนกระวายไปประการหนึ่ง
    บุพพนิมิตเหล่านี้ก็ปรากฏแก่สุปติฏฐิตาเทพบุตร บุพพนิมิต 4 ประการนี้
    ปรากฏแก่เทพบุตรหรือเทพธิดาองค์ใดแล้ว เทพบุตรธิดาองค์นั้น จะต้องจุติจากเทวโลกอย่างแน่นอน

    เมื่อ สุปติฏฐิตาเทพบุตร ทราบชัดเจนเช่นนั้นแล้ว ก็ไม่นิ่งนอนใจใคร่จะหาเครื่องป้องกัน จึงเข้าไปสู่
    สำนักท้าวอเมรินทราธิราชเจ้า ถวายอภิวาทแล้วกราบทูลเหตุการณ์ให้ทรงทราบ แล้วทูลอ้อนวอนขอ
    ชีวิตในสำนักอมรินทร์ โดยอเนกปริยายท้าวเธอตรัสตอบว่า ชื่อว่าความตายนี้เราเห็นผู้ใหญ่ในสรวง
    สวรรค์ ก็ไม่อาจห้ามบุพพกรรมอันมีกรรมแรงนี้ได้ เราเห็นอยู่แต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นที่
    พึ่งของสัตว์โลกทั่ว 3 ภพ พระองค์เสด็จประทับอยู่ใต้ต้นปาริกชาติ มาเราจะพาเข้าเฝ้ากราบทูล
    อาราธนา ให้พระองค์ทรงช่วยเหลือ สุปติฏฐิตาเทพบุตร ถือเครื่องสักการบูชาตามเสด็จท้าว
    อมรินทราธิราช เข้าสำนักพระมหามุนีนาถพระศาสดาจารย์แล้ว กราบทูลเหตุการณ์เหล่านั้น ให้พระ
    องค์ทรงทราบโดยสิ้นเชิง แล้วพระองค์ทรงแสดงบุพพกรรมของ สุปติฏฐิตาเทพบุตร องค์นี้เกิดเป็น
    มนุษย์มีความเห็นผิด เป็นผู้ประมาทตั้งอยู่ในมิจฉาทิฏฐิเป็นพรานฆ่าเนื้อเบื่อปลาเป็นผู้มีใจแข็งกระด้าง
    ตบตีบิดามารดาต่อสมณชีพราหมณ์ ไม่ลุกรับนิมนต์ให้อาสนะที่นั่งภิกษุสงฆ์ผู้เข้าไปสู่สำนัก แม้เห็น
    แล้วก็ทำเป็นไม่เห็นเสีย ด้วยวิบากผลอกุศลกรรมอันนี้ตามทันเข้า สุปติฏฐิตาเทพบุตรจึงได้ไปเกิดใน
    นรกตลอดแสนปี ครั้นพ้นจากนรกขึ้นมาก็จะไปกำเนิดแห่งสัตว์ 7 จำพวก คือเป็นแร้ง เป็นรุ้ง เป็นกา
    เป็นเต่า เป็นหนู เป็นสุนัข และเป็นคนหูหนวกตาบอดอย่างละ 500 ชาติ ด้วยอำนาจอกุศลกรรมนั้น
    แหละ ขอมหาบพิตรจงทราบด้วยประการฉะนี้

    เมื่อท้าวอมรินทร์ทรงทราบแล้ว ก็มีความเมตตาสงสารแก่สุปติฏฐิตาเทพบุตร ยิ่งนัก จึงกราบ
    ทูลให้พระองค์ทรงแสดงพระสัจธรรมเทศนาอันจะเป็นที่พึ่งแก่สัตว์โลก ช่วยชีวิตเทพบุตรองค์นี้ไว้ไม่
    ให้ตายลงภายใน 7 วันนี้ สมเด็จพระบรมศาสดาจึงตรัสเทศนาคาถาอุณหิสสวิชัย มีใจความดังต่อไปนี้
    อตฺถิ อุณฺหิสฺสวิชโย ธมฺโม โลเก อนุตฺตโร สพฺพสตฺตหิตตฺถาย ตํ ตฺวํ คณฺหาหิ เทวเต ปริวชฺ
    เช ราชทณฺเฑ อมนุสฺเสหิ ปาวเก พยคฺเฆ นาเค วิเสภูเต อกาลเรเณน วา สพฺพสฺมา มรณา มุตฺโต
    ฐเปตุวา กาลมาริตํ ตสฺเสว อานุภาเวน โหตุ เทโว สุขี สทาสุทฺธสีลํ สมทาย ธมฺมํ สุจริตํ จเร ตสฺ
    เสว อานุภาเวน โหตุ เทโว สุขี สทา ลิกฺขิตตํ ปูชํ ธารณํ วาจนํ ครุ ปเรสํ สุตฺวา ตสฺส อายุปวฑฺฒตี
    ติ ฯ
    เทวเต ดูกรเทวดาทั้งหลาย พระธรรมนี้ชื่อว่าอุณหิสสวิชัย เป็นยอดแห่งพระธรรมทั้งหลายเป็น
    ประโยชน์แก่สัตว์ทั้งมวล ท่านจงเอาพระธรรมนี้เป็นที่พึ่ง อุตสาห์สวดบ่นสาธยายทุกเช้าค่ำ ย่อมห้าม
    เสียซึ่งภัยทั้งปวง อันจะเกิดขึ้นจากผีปิศาจหมู่พยัคฆะงูใหญ่น้อย และพญาเสนาอำมาตย์ทั้งหลายจะไม่
    ตาย ผู้ใดได้เขียนไว้ก็ดี ได้ฟังก็ดี ได้สวดมนต์ภาวนาอยู่ทุกวันก็ดี จะมีอายุยืน เทวเต ดูกรเทวดา ทั้ง
    หลายท่านจงมีความสุขเถิด
    อนึ่งบุคคลผู้ใดบูชาแก้วทั้ง 3 คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี้เป็นยาอันอุดม ย่อมคุ้ม
    ครองผู้นั้นให้พ้นจากทุกข์ภัยพยาธิทั้งปวง ด้วยอำนาจพระอุณหิสสวิชัยนี้ จะรักษาคุ้มครองให้ชีวิตของ
    ท่านเจริญสืบต่อไป ท่านจงรักษาไว้ให้มั่นอย่าให้ขาดเถิด เมื่อจบพระสัทธรรมเทศนาลง เทวดาทั้ง
    หลายมีท้าวอมรินทร์เป็นประธานได้ดื่มรสแห่งพระสัทธรรมเป็นอันมาก ฝ่าย สุปติฏฐิตาเทพบุตร มีจิต
    น้อมไปตามกระแสแห่งพระธรรมเทศนานั้น ได้กลับอัตตภาพใหม่ คือ มีกายอันผ่องใส เป็นเทวบุตร
    หนุ่มคืนมาแล้วจะมีอายุยืนตลอดไปถึงพระพุทธพระนามว่า ศรีอริยเมตไตรยลงมาตรัสจึงจะจุติจากเทว
    โลกลงมาสู่มนุษย์โลก เป็นพระอรหันตขีณาสวะองค์หนึ่ง ดังนั้นขอพุทธบริษัททั้งหลาย จงสำเนียกไว้
    ในใจแล้วประพฤติปฏิบัติในพระคาถา อุณหิสสวิชัย ก็จะสมมโนมัยตามความปรารถนาทุกประการ

    แนะนำ :-
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
    ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
    จวมานสูตร
     
  14. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    คาถาอุณหิสสวิชัย

    อัตถิอุณหิสสะ วิชะโย ธัมโม โลเก อะนุตตะโร
    สัพพะสัตตะหิตัตถายะ ตัง ตวัง คัณหาหิ เทวะเต
    ปะริวัชเช ราชะทัณเฑ อะมะนุสเสหิ ปาวะเก
    พยัคเฆ นาเค วิเส ภูเต อะกาละมะระเณนะ วา
    สัพพัสมา มะระณา มุตโต ฐะเปตวา กาละมาริตัง
    ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา
    สุทธะสีลัง สะมาทายะ ธัมมัง สุจะริตัง จะเร
    ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา
    ลิกขิตัง จินติตัง ปูชัง ธาระณัง วาจะนัง คะรุง
    ปะเรสัง เทสะนัง สุตวา ตัสสะ อายุ ปะวัฑฒะตีติ


    คาถาอุณหิสหรืออุณหิสสวิชัยนี้ ผู้ใดสวดเป็นประจำทุกคืนนอกจากอายุยืนยังแคล้วคลาดจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง
     
  15. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    กรณียเมตตาสูตร แปล

    กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
    กิจอันใด อันพระอริยเจ้าบรรลุบทอันกระทำแล้ว กิจอันนั้นกุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์พึงกระทำ
    สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ
    กุลบุตรนั้นพึงเป็นผู้อาจหาญ และซื่อตรงดี
    สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี
    เป็นผู้ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่มีอติมานะ
    สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ
    เป็นผู้สันโดษ เลี้ยงง่าย
    อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ
    เป็นผู้มีธุรกิจน้อย ประพฤติเบากายจิต
    สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ
    มีอินทรีย์อันระงับแล้ว มีปัญญา
    อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
    เป็นผู้ไม่คะนอง ไม่พัวพันในสกุลทั้งหลาย
    นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
    วิญญูชนติเตียนชนทั้งหลายอื่นด้วยกรรมอันใด ไม่พึงประพฤติกรรมอันนั้นเลย
    สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
    ขอสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้มีสุข มีความเกษม มีตนถึงความสุขเถิด
    เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ
    สัตว์มีชีวิตทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีอยู่
    ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
    ยังเป็นผู้สะดุ้ง ( คือมีตัณหา ) หรือเป็นผู้มั่นคง ( ไม่มีตัณหา ) ทั้งหมดไม่เหลือ
    ทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
    เหล่าใดยาวหรือใหญ่ หรือปานกลางหรือสั้นหรือผอมพี
    ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา
    เหล่าใดที่เราเห็นแล้ว หรือมิได้เห็น
    เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร
    เหล่าใดอยู่ในที่ไกลหรือที่ไม่ไกล
    ภูตา วา สัมภะเวสี วา
    ที่เกิดแล้ว หรือแสวงหาภพก็ดี
    สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
    ขอสัตว์ทั้งปวงเหล่านั้น จงเป็นผู้มีตนถึงความสุขเถิด
    นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ
    สัตว์อื่นอย่างพึงข่มเหงสัตว์อื่น
    นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ
    อย่าพึงดูหมิ่นอะไรๆ เขา ในที่ไรๆ เลย
    พยาโรสะนา ปะฏิฆะสัญญา นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
    ไม่ควรปรารถนาทุกข์แก่กันและกัน เพราะความกริ้วโกรธด้วยความคับแค้นใจ
    มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
    มารดาถนอลูกคนเดียว ผู้เกดในตนด้วยยอมพร่าชีวิตได้ฉันใด
    เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
    ุพึงเจริญเมตตา มีในใจ ไม่มีประมาณในสัตว์ฉันนั้น
    เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
    บุคคลพึงเจริญเมตตา มีในใจไม่มีประมาณไปในโลกทั้งสิ้น
    อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ
    ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องเฉียง
    อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
    เป็นธรรมอันไม่คับแคบ ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู
    ติฎฐัญจะรัง นิสินโน วา
    ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น ยืนอยู่ก็ดี เดินไปก็ดี นั่งแล้วก็ดี
    สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
    นอนแล้วก็ดี เป็นผู้ปราศจากความง่วงนอนเพียงใด
    เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ
    ก็ตั้งสติอันนั้นไว้เพียงนั้น
    พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
    บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวกิริยาอันนี้ว่า เป็นพรหมวิหาร ในพระศาสนานี้
    ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา
    บุคคลที่มีเมตตา ไม่เข้าถึงทิฏฐิ เป็นผู้มีศีล
    ทัสสะเนนะ สัมปันโน
    ถึงพร้อมแล้วด้วยทัศนะ ( คือโสดาปัตติมรรค)
    กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง
    นำความหมกมุ่นในกามทั้งหลายออก
    นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติฯ
    ย่อมไม่ถึงความนอน ( เกิด) ในครรภ์อีก โดยแท้ทีเดียว




    จวนจะเข้าพรรษา ภิกษุจำนวนหนึ่งกราบทูลลาพระพุทธเจ้า เพื่อไปอยู่จำพรรษาในป่าลึกแห่งหนึ่ง เหล่ารุกขเทวดาคิดว่าพระคุณเจ้าคงพักชั่วคราว ไม่กี่วันก็จะไป จึงพากันลงมาอยู่บนพื้นดินเพื่อถวายความเคารพแก่พระสงฆ์แต่เมื่อรู้ว่าพระคุณเจ้าจะอยู่ที่ป่านี้ตลอดพรรษา จึงปรึกษากันว่าพวกเราเห็นจะต้อง"ไล่" พระท่านไป ไม่เช่นนั้นจะลำบากมากที่จะต้องมาอยู่บนพื้นดินอย่างนี้จึงพร้อมใจกันหลอกหลอนภิกษุที่ไปนั่งกรรมฐานอยู่ใต้ต้นไม้ ในถ้ำ จนท่านอยู่ไม่เป็นสุข จึงตกลงกันกลับไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ พุทธองค์ตรัสว่า "พวกเธอมิได้เอาอาวุธติดตัวไปด้วย จึงถูกผีหลอก" เมื่อทูลถามว่า อาวุธชนิดไหน พระองค์ก็ตรัสว่า อาวุธคือความเมตตา แล้วก็ทรางสวดกรณียเมตตสูตร ให้ฟัง แล้ว มีพุทธบัญชาให้กลับไปยังป่านั้นอีก และให้สวดทันทีที่เดินเข้าป่า และสวดทุกวันภิกษุเหล่านั้นก็ทำตามพุทธโอวาท บรรดาผีสางทั้งหลายได้ยินบทสวด ก็มีจิตใจอ่อนโยน รักใคร่ในพระสงฆ์ ไม่หลอกหลอน ทำให้สามารถอยู่ในป่าได้ พระภิกษุได้สัปปายะ เจริญธรรมสำเร็จอรหันต์กันทั่วหน้า
    เพราะเหตุว่าเนื้อหาของบทสวดเป็นการแผ่เมตตาความรัก ปรารถนาดีแก่เหล่าเทวดาในป่าและแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายซึ่งท่านก็จะมีไมตรีจิตตอบและถวายการอารักขาให้ผาสุกกัน จึงกลายเป็นธรรมเนียมว่าเมื่อผ่านศาลเจ้าเทพารักษ์หรือไม้วนปติ ที่มีชนนับถือพึงให้ภิกษุเจริญสามีจิกรรมเจริญเมตากรียสูตร บทนี้ใช้ได้ดีทีเดียวเวลาไปนอนป่าหรือที่ไม่คุ้นชินทำให้นอนหลับง่ายและทำให้จิตสงบได้
     
  16. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    อานิสงส์กรวดน้ำ

    ในครั้งหนึ่ง องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ ณ เชตะวันมหาวิหาร พร้อมด้วย ภิกษุสงฆ์ มีพราหมณ์ผู้หนึ่งอยู่ในเมืองสาวัตถีนั้น มีทรัพย์สมบัติอยู่ 80 โกฎิ พราหมณ์ผู้นั้นมีบุตรชาย อยู่คนหนึ่ง เป็นที่รักมากเพราะมีบุตรคนเดียว พอบุตรชายมีอายุได้ประมาณ 17 ปี ก็เกิดโรคาพยาธิมา เบียดเบียน ก็ถึงซึ่งความตายไป พราหมณ์ผู้เป็นพ่อและแม่ บังเกิดความทุกขเวทยาโทมนัสเศร้าโศก เสียใจ เพราะอาลัยรักในบุตรที่ตายไปอย่างยิ่ง จึงให้สั่งคนใช้ที่เป็นบริวาร นำเอาศพไปเผาในป่าช้า
    และสั่งให้ปลูกศาลาขึ้นหนึ่งหลัง มีเสื่อสาดอาสนะ แล้วจัดทาสคนหนึ่งไปคอยปฏิบัติรักษาอยู่ในป่าช้านั้น เพื่อจะได้ส่งข้าวน้ำอาหารเข้าและเย็นให้แก่ลูกชายของตนทุก ๆ วันมิได้ขาด ทำเหมือนกับบุตรชาย ของตนมีชีวิตอยู่ ทาสผู้นั้นก็ทำตามคำสั่งอยู่เสมอมิได้ขาดเลยสักวันเดียว
    อยู่มาวันหนึ่ง บังเอิญฝนตกหนักมากน้ำก็ท่วมหนทางที่จะไปนั้นทาสผู้นั้นจะข้ามไปก็ไม่ได้จึงกลับมาในระหว่างทางพบพระภิกษุรูปหนึ่งมาบิณฑบาตก็เลยเอาอาหารนั้นใส่บาตรให้เป็นทานแก่พระภิกษุ แล้วก็กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญนั้นส่งให้แก่ผู้ตาย ลูกชายที่ตายไปนั้นมานิมิตฝันให้พราหมณ์ผู้เป็นพ่อว่า
    ข้าพเจ้าได้ตายไปนานแล้วไม่เคยได้กินข้าวเลยสักวันเดียว เพิ่งจะมาได้กินข้าวแต่วันนี้วันเดียวเท่านั้น
    ครั้นพราหมณ์ผู้เป็นพ่อได้นิมิตฝันอย่างนี้ก็ใช้ให้คนไปตามทาสผู้ไปคอยเฝ้าปฏิบัติมาไถ่ถามดูทาสผู้นั้นก็ตอบว่าข้าพเจ้าไปส่งข้าวทุก ๆ วัน แต่วันนี้ข้าพเจ้าไปไม่ได้ฝนตกหนัก น้ำท่วม
    ก็กลับมาพบพระภิกษุรูปหนึ่งมาบิณฑบาต
    ข้าพเจ้าก็เลยเอาข้าวนั้นใส่บาตร แก่ภิกษุรูปนั้น แล้วอุทิศส่วนบุญนี้ไปให้บุตรของท่าน บุตรของท่านก็
    คงจะได้กินข้าวแต่วันนี้วันเดียวดังนี้แล ครั้นพราหมณ์ได้ฟังดังนั้นแล้วก็คิดว่าเราจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเสียก่อน จะทูลถามพระพุทธเจ้าว่าเป็นอย่างไร พราหมณ์ก็ถือดอกไม้ธูปเทียนของหอมเข้าไปสู่สำนัก
    พระพุทธเจ้าแล้วบูชาเครื่องสักการะนั้น แล้วนั่งที่สมควรแก่ตน ได้กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า คนหญิงชายทั้งหลายในโลกนั้นครั้นเขาตายไปปรโลกแล้วผู้อยู่ภายหลังได้แต่งข้าทาสชายหญิงให้ไปปฏิบัติแล้วปลูกศาลาไว้ให้ เอาเสื่อสาดอาสนะช้างม้าวัวควายไปในป่าชั้นนั้น จะเป็นอานิสงส์แก่ผู้ภายไปนั้นหรือไม่ พระพุทธเจ้าข้า
    องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ตรัสพระธรรมเทศนาว่า ดูกรพราหมณ์จะให้เป็นอานิสงส์แก่ผู้ตายนั้น ควรถวายสังฆทานให้แก่พระภิกษุสงฆ์สามเณร ตรวจน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลที่ตนได้กระทำนั้นให้แก่ผู้ตาย จึงจะเป็นผลอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาลผู้ที่ตายไปแล้วนั้นครั้นได้รับส่วนอุทิศอันให้แล้วก็จะพ้นทุกข์ทั้งมวลนั้นได้อย่างแน่แท้ ครั้นพราหมณ์ได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้วก็ชื่นชมยินดีอย่างมาก แล้วทูลอาราธนาพระพุทธเจ้ากับทั้ง
    พระภิกษุสงฆ์ไปสู่บ้านเรือนของตน เพื่อฉันภัตตาหารครั้นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้ากับพระภิกษุสงฆ์ ฉันภัตตาหารเสร็จ ได้ถวายปัจจัย 4 มี จีวร เป็นต้น แล้วตรวดน้ำอุทิศส่วนบุญไปให้แก่ลูกชายของตน องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาว่า ดูกรพราหมณ์ตั้งแต่นี้ต่อไปอย่าได้ไปปฏิบัติ อยู่ในป่าช้านั้นอีกเลยท่านจงรักษาศีลภาวนาอย่าได้ขาด บุตรของท่านก็จะได้พ้นทุกข์ ขึ้นไปเสวยสุขอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาจบลงแล้ว บุตรชายของพราหมณ์ผู้ตายไปแล้วนั้นก็พ้นจากเปรตวิสัย
    ได้ไปอุบัติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีวิมานทองสูง 12 โยชน์ มีนางฟ้าเทพอัปสรพันหนึ่งเป็นบริวาร พราหมณ์ผู้เป็นบิดาก็ตั้งอยู่ในศีล 5 ศีล 8 ตราบเท่าสิ้นชีวิตแล้วได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีปราสาททองและเทพกัญญาหนึ่งหมื่นเป็นบริวาร ดังนี้เป็นต้น
     
  17. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    อานิสงส์การฟังธรรม
    ......ในพระนครสาวัตถี มีธรรมมิกอุบาสก คนหนึ่งมีธิดาเจ็ดคน ซึ่งทั้งบุตรและธิดาก็ขวนขวายในการให้ทาน มีการถวายสลากยาคู สลากภัตต์ ปักขิกภัตต์ อุโปสถิกภัตต์ อาคันตุกภัตต์ คนละอย่างกัน บุตรธิดาเหล่านั้น จึงได้ชื่อว่าอนุชาตบุตร ด้วยกันทั้งนั้นครั้นต่อมาวันหนึ่งธรรมมิกอุบาสก ได้ป่วยเป็นไข้ขึ้น อายุและสังขารก็ถอยลง มีความประสงค์จะฟังธรรมจึงส่งสาส์นไปยังสำนักพระศาสดาขอให้พระองค์จัดส่งภิกษุสักแปดรูปหรือสิบหกรูปพระศาสดาก็ทรงส่งภิกษุไปแล้ว ธรรมมิกอุบาสกก็พูดว่าท่านเจ้าขา การที่เห็นพระผู้เป็นทั้งหลาย ข้าพเจ้าหาได้ยากมาก เพราะข้าพเจ้ามีกำลังน้อย ดังนั้นขอท่านพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย จงสวดพระสูตรหนึ่งเถิด พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายก็สวดพระสูตรสติปัฏฐานให้ธรรมมิกอุบาสกฟัง
    ทันใดนั้น รถหกคันประมาณร้อยห้าสิบโยชน์ประดับด้วยเครื่องอลังการครบทุกอย่างเทียมด้วยม้าสินธพ หนึ่งพันได้แล่นมาแต่เทวโลกทั้งหกชั้น พวกเทวดาผู้ประจำรถก็กล่าวกันว่า พวกข้าพเจ้าจักนำไปสู่เทวโลกของพวกข้าพเจ้า ธรรมมิกอุบาสก ไม่ปรารถนาอันตรายแก่การฟังธรรมจึงกล่าวว่ารอก่อนดังนั้นภิกษุทั้งหลายก็พากันนิ่งเสีย ด้วยเข้าใจว่าธรรมมิกอุบาสกบอกให้หยุด บุตรและธิดาก็พากันร้องไห้ว่าบิดาของตน เมื่อก่อนนี้เป็นผู้สนใจการฟังธรรมแต่บัดนี้กลับห้ามไม่ให้ภิกษุสวดด้วย บิดาของเรากลัวตาย ภิกษุทั้งหลายก็พากันกลับสู่สำนักธรรมิกอุบาสก เผลอไปคู่หนึ่ง เมื่อได้สติแล้วถามบุตรว่าเจ้าทั้งหลายค่ำครวญกันทำไม และพระภิกษุไปไหนกันเสียหมดเล่าข้าแต่พ่อ พ่อได้สั่งให้พระภิกษุหยุดสวด แล้วภิกษุทั้งหลายได้กลับไปหมดแล้วพวกฉันมาคิดว่าธรรมดาสัตว์ผู้ไม่กลับความตายย่อมไม่มีพ่อไม่ได้พูดกับพระผู้เป็นเจ้า ถ้าเช่นนั้นพ่อพูดกับใคร พ่อบอกกับเทวดาทั้งหลาย ที่เอารถซึ่งประดับมาหกคัน แต่เทวโลกหกชั้น แล้วหยุดอยู่ในอากาศแล้วบอกพ่อกับเทวดาเหล่านั้นพ่อจึงบอกให้รอก่อน รอก่อน ดังนี้รถอยู่ที่ไหนเล่าพ่อ พวกฉันไม่เห็น
    พ่อจึงถามว่า "ดอกไม้ที่ร้อยเป็นพวงมีบ้างไหม" ลูก "มีพ่อ" พ่อ "เทวโลกชั้นไหนน่ารื่นรมย์ "
    ลูก"ดุสิตพิภพ ซึ่งเป็นที่อยู่ของพระโพธิสัตว์ทุก ๆ พระองค์ น่ารื่นรมย์พ่อ"

    ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงอธิษฐานว่า ขอพวงดอกไม้จงคล้องอยู่ที่รถมาแต่ดุสิตพิภพ แล้วโยนพวงดอกไม้ขึ้นไปบุตรทั้งหลายโยนดอกไม้ขึ้นไป พวงดอกไม้ก็คล้องอยู่ที่งอนรถห้อยอยู่ในอากาศ มหาชนเห็นพวงดอกไม้นั้นแต่ไม่เห็นรถ อุบาสกพูดว่าพวกเจ้าเห็นดอกไม้อยู่ในอากาศแล้วมิใช่หรือ
    บุตรธิดาทั้งหลายบอกว่าเห็นแล้วจึงบอกว่านั่นแหละ พวงดอกไม้ได้แขวนอยู่ที่รถชั้นดุสิตพ่อจะไปสู่ดุสิตพิภพ พวกเจ้าอย่าตกใจไปเลย เมื่อต้องการจะไปบังเกิดในสำนักเดียวกับพ่อ ก็จงทำบุญให้ทานรักษาศีลแล้วฟังธรรมตามโอกาสเวลาสมัย ดังที่เราได้ทำไว้แล้วนั่นแหละครั้นแล้วธรรมมิกอุบาสก ก็ทำกาลกิริยาตายไป ไปประดิษฐานอยู่ในรถที่มาแต่ชั้นดุสิตพิภพ มีนางเทพอัปสรพันหนึ่ง แวดล้อมวิมานแก้ว ประมาณยี่สิบห้าโยชน์ได้ปรากฏคอยรอรับธรรมมิกอุบาสกนั้น
     
  18. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    วันนี้กำลังเดินทางไปวัดอัมพวา จ.สิงห์บุรี ไปพบหลวงพ่อจรัญ กับเพื่อน ๆ ร่วมกับทำบุญ เคยไปกันบ้างมั้ย ที่ท่านให้สวดพาหุง อิติปิโส มากกว่าอายุ 1 ปี
     
  19. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    กำลังหาบ้านเช่า ราคาไม่แพง ไม่เข้าซอยลึก ใกล้แถวสาธุประดิษฐ์ ถ้ามีใครรู้ ช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ
     
  20. บุญธริย์ฎา

    บุญธริย์ฎา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +205
    เมื่อวานไปทำบุญ เวีียนเทียนที่ไหนมากันบ้าง เล่าสู่กันฟังบ้างนะค่ะ อาจารย์ไปวัดจากแดงมาค่ะ มีสวดธรรมจักรทั้งคืนด้วย บรรยากาศดีมาก ๆ มีพระบรมสารีริกธาตุด้วย ติดริมน้ำ ไว้จะส่งภาพให้ดูค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...