มงคลวัตถุ - เครื่องรางของขลัง (๑๓)

โอนแล้วครับ รายละเอียด PM

 

รับทราบการโอนเงินครับ..

รับทราบการโอนเงินครับ ขอบพระคุณครับ..
bubububububububububububu

thaiput007@hotmail.com

 

ช่วยแจ้งราคาในp.m. ด้วยครับ

 

มหาลาภ - มหาอุตม์









เหรียญมหาลาภ-มหาอุตม์ หลวงพ่อหวั่น กุสลจิตโต วัดคลองคูณ จ.พิจิตร เพื่อนำเงินรายได้ไปสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ของโรงเรียนวัดคลองคูณ วัตถุมงคลชุดนี้มีแค่ 3 รายการหลักๆ คือ พระกริ่ง-ชัยวัฒน์ รูปเหมือนปั้มรุ่นแรก และเหรียญมหาลาภ-มหาอุตม์ โดยหลวงพ่อจะทำพิธีปลุกเสกทุกวันในกุฏิและปลุกเสกปิดท้ายในวันที่ 29 ม.ค.55 ที่ผ่านมา วัตถุมงคลรุ่นนี้จัดสร้างได้อย่างสวยงามตอกโค๊ตและหมายเลขเป็นมาตรฐาน ที่สำคัญบูชาวัตถุมงคลรุ่นนี้ได้บุญด้วยครับเพราะรายได้ทั้งหมดจะนำไปจัดสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ของทางวัดครับ..

เหรียญมหาลาภ-มหาอุตม์ หลวงพ่อหวั่น กุสลจิตโต เนื้อเิงนลงยา จัดสร้างเพียง 99 เหรียญ หลวงพ่อเมตตาจารให้เป็นกรณีพิเศษ สภาพสวยเดิมๆจากวัด (โทรสอบถามได้ครับ)

นาย อรรถพล ด่านศรีชาญชัย ธ.กรุงเทพ สาขาพิษณุโลก ออมทรัพย์ เลขที่ 263-520213-4 โทร.084-6245007

 

ล็อกเก็ตหลวงพ่อคูณ..



ล็อกเก็ตเสกตะกรุด พระโพธิสัตว์แห่งที่ราบสูง หรือเทพเจ้าแห่งด่านขุนทด หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ สุดยอดพระเกจิอาจารย์ผู้บริจาคทานเยี่ยงพระโธิสัตว์ ลูกศิษย์ลูกหาหลวงพ่อมีอยู่ทั้งในและต่างประเทศ จะพูดว่าทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ในบรรดาวัตถุมงคลของหลวงพ่อที่กล่าวถึงนั้นมีมากมายหลายรุ่น ซึ่งล็อกเก็ตนั้นผมเองพิศมัยที่สุดก็ว่าได้ เท่าที่ทราบล็อกเก็ตของหลวงพ่อจัดสร้างไม่กี่รุ่น ไม่เหมือนพระเหรียญ รูปหล่อ พระผง และประเภทอื่นๆ ซึ่งมากมายหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นก็ดีทั้งนั้นเลือกแขวนและบูชากันได้ตามถนัดแล้วแต่ชอบครับ..

ลำดับรุ่นล็อกเก็ตพอสังเขป..

1. ล็อกเก็ตครึ่งองค์ หินอ่อนเขียนสี หลังบุตะกั่วเถื่อนลงเหล็กจาร จัดสร้าง ปี 2516 โดยกลุ่มศิษย์สัตหีบ

2. ล็อกเก็ตครึ่งองค์ หลังบุตะกั่วลงเหล็กจาร จัดสร้างที่วัดสระแก้ว ปี 2517 (มาตรฐานเล่นกันเป็นรุ่นแรก แต่รุ่นแรกจริงๆคือ ปี 16)

3. ล็อกเก็ตครึ่งองค์ ฉากสีฟ้าและซีเปีย หลังบุตะกั่วลงเ้หล็กจาร จัดสร้างปี 2526-27

4. ล็อกเก็ตครึ่งองค์ ชุดเสาร์ 5 ปี 2533 มีทั้งล็อกเก็ตเปลือยและแบบมีตัวเรือนถังแสตนเลส มีหลายขนาด ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ฉากทอง ฉากฟ้า ฉากสีแดง และแบบจิ๋วก็เคยพบ ล็อเก็ตเสาร์ ๕ ปี 36 ล็อกเก็ตคุณลาภ คูณเงิน คูณทอง ล็อกเก็ตคูณทรัพย์แสนล้าน ฯลฯ

5. ล็อกเก็ตที่ออกนอกวัดเช่น ล็อกเก็ตรุ่นสุดยอด ล็อกเก็ตวัดเจริญพรต ล็อกเก็ตคูณเซ็งลี้ฮ้อ ล็อกเก็ตวัดใหม่อัมพร ล็อกเก็ตวัดมะระ ล็อกเก็ตวัดใหม่อัมพวัน ล็อกเก็ตย้อนยุควัดบึง ฯลฯ

6. ล็อกเก็ตที่บรรดาลูกศิษย์จัดสร้างถวายในรูปแบบต่างๆกัน เช่น ล็อกเก็ตศิษย์วัดพันอ้น เชียงใหม่ หลังบุแผ่นโลหะลงจารโดยลายมือหลวงพ่อคูณ แบบนี้ไม่มีข้อยุติ ถือเอาลายมือหลวงพ่อคูณเป็นหลัก ถ้าใช่ลายมือหลวงพ่อคูณก็เช่าหาได้อย่างสบายใจ..

ที่กล่าวมานี้เป็นล็อกเก็ตของหลวงพ่อคูณรุ่นต่างๆพอสังเขป ถ้านึกขึ้นได้จะนำมาเขียนเพิ่มเติมกันต่อไปครับ..

thaiput007@hotmail.com

 

ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล

 

น่าใช้ที่สุด..





รูปหล่อรุ่นพิเศษ (รุ่นสุดท้าย) หลวงพ่อขวัญ ปวโร วัดบ้านไร่ จ.พิจิตร รุ่น 8 รอบ 96 ปี 18 กันนายน 2547 รูปหล่อโบราณรุ่นนี้หลวงพ่อขวัญดำริจัดสร้างเอง และท่านเป็นประธานเททองหล่อรูปเหมือนรุ่นนี้เองที่วัดบ้านไร่ ถือว่าเป็นรูปหล่อรุ่นพิเศษรุ่นสุดท้าย องค์เป็นเนื้ออัลปาก้า ไม่ค่อยพบเจอเท่าไหร่ ใต้ฐานตอกโค๊ตปวโรและหนุมาน เป็นรูปหล่ออีกรุ่นนึงที่น่าบูชามากครับ บูชาองค์ละ 1,200 บาท (พร้อมจัดส่งครับ)

นาย อรรถพล ด่านศรีชาญชัย ธ.กรุงเทพ สาขาพิษณุโลก ออมทรัพย์ เลขที่ 263-520213-4 โทร.084-6245007

 

ปิดรายการทั้งหมดครับ..

แหวนหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก มีผู้บูชาไปหมดแล้วครับ ขอบพระคุณครับ..

thaiput007@hotmail.com

 

หลวงพ่อสำเนียง : หมอพร







ตามประวัติหลวงพ่อสำเนียง ท่านเป็นโอรสในกรมหลวงชุมพรฯ (เสด็จเตี่ย) สมัยที่เสด็จเตี่ย เสด็จไปต่างประเทศเป็นเวลานาน ได้ทรงพามารดาของหลวงพ่อสำเนียงกับหลวงพ่อสำเนียงซึ่งยังอยู่ในท้อง ไปฝากไว้กับหลวงปู่ศุข เมื่อท่านคลอดแล้วและโตขึ้นมา ได้บวชอยู่กับหลวงปู่ศุข ตั้งแต่เป็นเณรได้ศึกษาวิชามาโดยตรงกับหลวงปู่ศุข ซึ่งยากนักในปัจจุบันที่จะหาพระที่สืบทอดสายวิชาหลวงปู่ศุขอย่างแท้จริง

เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร หลังหมอพร (เสด็จเตี่ย) เนื้อทองแดงเปียกทองเก่าๆ สภาพสวยเดิม เลี่ยมพลาสติคกันน้ำอย่างดี ผู้ที่นับถือเสด็จเตี่ยและสายวิชาหลวงปู่ศุขอย่างแท้่จริงไม่ควรพลาด (มีผู้บูชาไปแล้วครับ)

นาย อรรถพล ด่านศรีชาญชัย ธ.กรุงเทพ สาขาพิษณุโลก ออมทรัพย์ เลขที่ 263-520213-4 โทร.084-6245007

### ปิดรายการครับ ขอบคุณครับ ###
​

 

จัดส่งให้แล้วครับ (13/02/55)



13-02-55 คุณ สมเกียรติ จ.กรุงเทพ จัดส่ง EMS พร้อมของที่ระลึกเรียบร้อยแล้วครับ (EH 5695 4022 0 TH)

13-02-55 คุณ พูลศักดิ์ จ.กรุงเทพ จัดส่ง EMS พร้อมของที่ระลึกเรียบร้อยแล้วครับ (EH 5695 4023 3 TH)

13-02-55 คุณ ณรงค์ศักดิ์ จ.ตาก จัดส่ง EMS พร้อมของที่ระลึกเรียบร้อยแล้วครับ (EH 5695 4024 7 TH)

13-02-55 คุณ บุรักษ์ จ.สตูล จัดส่ง EMS พร้อมของที่ระลึกเรียบร้อยแล้วครับ (EH 5695 4025 5 TH)

13-02-55 คุณ นพ.จิมมี่ จ.ชลบุรี จัดส่ง EMS พร้อมของที่ระลึกเรียบร้อยแล้วครับ (EH 5695 4026 4 TH)

thaiput007@hotmail.com โทร.084-6245007<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

พระกริ่ง : พระชัยวัฒน์ กุสลจิตโต : รุ่นแรก














[FONT=Arial,MS Sans Serif]พระกริ่งกุสลจิตฺโต[/FONT] รุ่นแรก : หลวงพ่อหวั่น [FONT=Arial,MS Sans Serif]กุสลจิตฺโต[/FONT] วัดคลองคูณ จ.พิจิตร เพื่อนำเงินรายได้ไปสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ของโรงเรียนวัดคลองคูณ วัตถุมงคลชุดนี้มีแค่ 3 รายการหลักๆ คือ พระกริ่ง-ชัยวัฒน์ รูปเหมือนปั้มรุ่นแรก และเหรียญมหาลาภ-มหาอุตม์ โดยหลวงพ่อจะทำพิธีปลุกเสกทุกวันในกุฏิและปลุกเสกปิดท้ายในวันที่ 29 ม.ค.55 ที่ผ่านมา วัตถุมงคลรุ่นนี้จัดสร้างได้อย่างสวยงามตอกโค๊ตและหมายเลขเป็นมาตรฐาน ที่สำคัญบูชาวัตถุมงคลรุ่นนี้ได้บุญด้วยครับเพราะรายได้ทั้งหมดจะนำไปจัด สร้างอาคารเรียนหลังใหม่ของทางวัดครับ..

[FONT=Arial,MS Sans Serif]พระกริ่งรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของวัดคลองคูณ (พระกริ่งกุสลจิตฺโต) หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร[/FONT][FONT=Arial,MS Sans Serif]เนื้อทองระฆัง จัดสร้าง 3,000 องค์ ตอกโค๊ตและหมายเลขกำกับทุกองค์ พระกริ่งกุสลจิตโตตอนนี้ที่วัดหมดแล้วครับ พระกริ่งชุดนี้นัมเบอร์ 662 พิเศษหลวงพ่อหวั่นลงเหล็กจารให้เต็มสูตร [/FONT](โทรสอบถามได้ครับ)

นาย อรรถพล ด่านศรีชาญชัย ธ.กรุงเทพ สาขาพิษณุโลก ออมทรัพย์ เลขที่ 263-520213-4 โทร.084-6245007

 

สำหรับคนศรัทธา..





วันนี้นำล็อกเก็ตหลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร นฐ.. มาแบ่งปันสำหรับลูกศิษย์ที่เคารพศรทธาในองค์หลวงปู่อั๊บ ล็อกเก็ตรุ่นนี้จัดสร้างประมาณปี 2546 ถ้าจำไม่ผิดนะครับ ล็อกเก็ตสวยคมชัด กระทาะด้านข้างนิดหน่อยตามรูปไม่โดนองค์หลวงปู่อั๊บนะครับ ด้านหลังอุดผงพุทธคุณ ตะกรุดรุ่นนี้หลวงปู่จารเอง จีวรและเกษา ครบเครื่องครับ แบ่้งบูชา 550 บาท (พร้อมจัดส่งครับ)

นาย อรรถพล ด่านศรีชาญชัย ธ.กรุงเทพ สาขาพิษณุโลก ออมทรัพย์ เลขที่ 263-520213-4 โทร.084-6245007

 

ประวัติโดยย่อเทวอาจารย์ ซักบ้อเซียน

​

ประวัติโดยย่อเทวอาจารย์ ซักบ้อเซียน (ฮ้อเอี้ยฮุ้นเซี้ยโจ้ว)

​

ในบันทึกของตำบลเตี่ยเอี๊ย ซึ่งบันทึกขึ้นในรัชการลกวงสู ปีที่ 13 (ค.ศ.1884) มีการบัทึกเรื่องทั่วไป เล่มที่ 13 ไว้

​

สุสานเทวอาจารย์ซักบ้อเซียนแห่งกุ๊ยสือ นี้ เป็นหนึ่งใน 13 เรื่องที่บันทึกไว้ เรื่องการบูรณะสุสานโบราณ ในรัชการกวงสู ปีที่ 13 ตรงกับเดือนสิบ (จีน) และได้บูรณะเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1887

​

ข้อความเดิมบันทึกไว้ดังนี้

​

ตอนต้นราชวงศ์หมิง มีเทวอาจารย์ซักบ้อเซียนผู้เชียวชาญในศาสตร์แห่งชัย๓มิ (ฮวงจุ้ย) ได้มายังเขตแต้จิ้ว เป็นผู้เลือกสรรทำเล สถานที่ให้กับผู้คนต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงตำราของผู้อื่น ท่านสามารถดูชัยภูมิว่า เป็นที่มงคลหรือไม่มงคลได้อย่างแม่นยำเหมือนดังเทพยดาเพียงท่านได้ก้มลงนั่ง ยองๆ ณ ที่ใด ที่นั่นส่วนใหญ่จะเป็นที่สิริมงคล ดังนั้นผู้คนจึงมักแกะสลักคำทำนายของท่านเป็นลายลักษณ์ เพื่อเป็นการบันทึกความแม่นยำไว้ นอกจากนี้มีการกล่าวถึง "ฮ้อเอี้ยฮุ้น" ตั้งแต่ "ตั่งอิ๋วเหลียง" พ่ายศึก ท่านแกล้งเป็นบ้า และ ร่อนเร่มาถึง ณ ที่นี้ แต่ก็ไม่ทราบถถึงที่อยู่อันเป็นหลักแหล่งแน่นอนของท่าน รู้แต่ว่าเพียงว่า ส่วนใหญ่ท่านจะอาศัยอยู่ที่ หมู่บ้านห่งกั้งกับตระกูลโล้ว และยังมีคำร่ำลือว่า นอกชนบทแห่งนี้มีสุสานที่ฝังศพท่าน

​

แท้จริงแล้ว "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" คือผู้ใด

​

เมื่อพูดถึง "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" นามนี้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป แต่ท่านเป็นใครนั้นน้อยคนนักที่จะมีคนรู้จักอย่างถ่องแท้ "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" ผู้ได้รับการสรรเสริญสืบทอดกันมานาน ว่าท่านคือ เสนาธิการกองทัพชื่อ "ฮ้อเอี้ยฮุ้น"ของกษัตริย์ตั่งอิ๋วเหลียงแห่งราชวงศ์ฮั่น อันเกรียงไกร ตั่งอิ๋วเหลียงกับจูง่วงเจีย หลังจากที่นำทัพผ้าพันคอสีแดง ล้มล้างราชวงค์ง้วงแล้ว ทั้งสองแย่งชิงกันครองแผ่นดิน ดังนั้นในช่วงระหว่างเดือนสี่ ถึงเดือนเจ็ด ค.ศ.1393 ตลอดเวลา 85 วัน แห่งการทำศึกสงคราม ที่ทะเลสาบพัวเอี่ยงโอ๊ว ปรากฏว่าตั่งอิ๋วเหลียง ได้รับชัยชนะ 99 ครั้ง แต่พ่ยแพ้ในการทำศึกครั้งสุดท้าย ถูกศรยิงสิ้นพระชนม์ ตั่งลี่ผู้เป็นโอรสตั่งอิ๋วเหลียงได้สืบทอดอำนาจแทน และยอมแพ้แก่จูง่วงเจีย จูง่วงเจียได้รับชัยชนะสถาปนาต้นราชวงศ์หมิง เสนาธิการกองทัพของปฐมกษัตริตย์จูง่วงเจียชื่อ "เหล่าแป๊ะอุง"มิอาจลืมบทเรียน แห่งความพ่ายแพ้ถึง 99 ครั้งในอดีต ท่านยกย่องและนับถือในความสามารถของ "ฮ้อเอี้ยฮุ้น"เป็นอย่างมาก กราบบังคมทูลเสนอปฐมกษัตริย์ ให้ทรงรับฮ้อเอี้ยฮุ้นเป็นเสนาบดี พระองค์ทรงอนุญาต และทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้น ณ ที่ท้องพระโรงทันที โดยสั่งให้ "ฮ้อเอี้ยฮุ้น" เข้าเฝ้ารับสนองพระบรมราชโองการปรากฏว่า "ฮ้อเอี้ยฮุ้น"กลับปฏิเสธเด็ดขาด ด้วยความสุขภาพอ่อนน้อม ปกปิดชื่อเสียงเรียงนามของตน แกล้งทำตัวเป็นคนโง่ บ้า ร่อนเร่พเนจรไปตามที่ต่างๆ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งที่แน่นอน ในช่วงระหว่าง "ปีอั่งบู๊"แห่งราชวงศ์หมิง "ฮ้อเอี้ยฮุ้น" ร่อนเร่จากเหนือไปยังใต้จนถึงเขตแต้จิ๋ว ในยามชราได้ปักหลักที่"กุ๊ยสือฮวง ณ เมืองเตี่ยเอี๊ย" ได้รับคำสรรเสริญ และเล่าขานสืบทอดกันมา ในหมู่ชาวบ้านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "ฮ้อเอี๊ยฮุ้น ได้รับเสื้อเทพเจ้า"สัญลักษณ์ใช้กิ่งใบต้นไทรแขวนไว้บนขอบประตูในเทศกาล หง่วงเซียว (เทศกาลขึ้น 15 ค่ำ เดือน 1 ตามปีปฏิทินจีน) ว่า"ดินแดนเเห่งเซียน" ซึ่งเป็น "ที่มาแห่งการสู่ประตูเมืองเทพเจ้า" "แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์","ประตูคีแจ่มึ๊ง","เพ็กชวงกี๊ฮ้อเอี้ยฮุ้นที่ อัศจรรย์" "โหว้ซัว". "เจียะเต๊ง"(ศาลาหิน) ซึ่งมีที่มาจาก เรื่องการสร้างศาลของ"ฮ้อเอี้ยฮุ้น" เรื่องราวเกี่ยวกับแต้กกเส็ง ทำลายศาลาแล้วดามหอกหัก ตามคำทำนายทายทักของ "ฮ้อเอี้ยฮุ้น" ที่เคยทำนายไว้ เรื่องราวเหล่านี้ล้วนเป็นร่องรอยโบราณสถาน ซึ่งเล่าขานสรรเสริญ ฮ้อเอี้ยฮุ้น เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน ระหว่างที่อยู่ในเขตแต้จิ๋ว ทั้งสิ้น

​

กาลเวลาผ่านไปยาวนาน ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ขณะที่ "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" พักอาศัยอยู่กับแม่เฒ่าตระกูลโล้ว ขณะที่ "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" เกิดความพลั้งเผลอไปชั่วขณะ ถอดเสื้อคลุมออกตากแดด แต่หารู้ไม่ว่า ในขณะที่นอนอยู่นั้น ท่านแม่เฒ่าผู้เป็นเจ้าของบ้าน เห็นว่าคลุมบอง "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" ทั้งสกปรกทั้งเหม็น และเต็มไปด้วยเหา ด้วยความหวังดี จึงลงมือนำน้ำร้อนมาราดในทันใดนั้นเอง "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" กระโดนขึ้นมาส่งเสียงร้องลั่นว่า "ชีวิตฉันจบสิ้นแล้ว" เพราะขณะที่ราดน้ำร้อนลงบนเสื้อคลุมของท่านนั้น เหาบนเสื้อคลุมถูกลวกด้วยน้ำร้อนลาวกตายหมด ตัวของท่านเทวอาจารย์ซักบ้อเซียนเอง ก็รู้สึกเหมือนถูกลวกด้วยน้ำร้อนเช่นกัน เจ้บปวดสุดจะทน ท่านรู้ตัวว่า มิอาจหลีกพ้นจากภัยภิบัติอันใหญ่หลวงนี้ได้ จึงได้สั่งเสียเรื่องราวต่างๆ ก่อนที่ท่านจะจากไป ให้แก่คนทั้ง 5 ในตระกูลโล้วให้ทำตามคำสั่งเสียของท่าน โดยท่านสั่งให้ฝังศพของท่านที่ "หมู่บ้านห่งกั่ง" ทำเลที่เป็น "อัวะกูตี่" อันเป็นทำเลชัยภูมิ ที่เป็นเนินเหมือนหลังเต่าที่มีพลัง จัดเป็นทำเลฮวงจุ้ยที่เป็นมงคลยิ่ง แท่นศิลาจารึกที่สุสานจารึกไว้ว่า "สุสานแห่งซักบ้อเซียน" เจ้าของสถาที่ห่กกั้ง คือ โหล้วเกี๊ยก จากสมัยราชวงศ์หมิงจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 600 ปี

​

ตามคำที่เล่าลือกันต่อๆ มา ก่อนที่ "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" ใกล้สิ้นชีวิตนั้น เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ ของท่านแม่เฒ่าตระกูลโล้ว จึงสอบถามความเห็นของแม่เฒ่าว่า

​

"ท่านต้องการน้ำมันเงา 3 เต้า หรือต้องการเสื้อคลุมของผู้มีบุญ" หมายถึงการได้เป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ทุกชาติไป หรือต้องการได้หมวกสำหรับผู้มียศถาบรรดาศักดิ์สวมใส่กันจำนวน 18 ใบท่านแม่เฒ่าคิดว่าเป็นการหยอกล้อเล่น จึงปล่อยให้วาจาศักดิ์สิทธิ์เป็นแค่ลมพัดผ่านหูไป สุดท้ายแม่เฒ่าจึงตอบกลับว่า เป็นคนบ้านนอก เป็นชาวไร่ชาวนา ขอให้มีงานทำ มีข้าวกิน ก็ดีถมไปแล้วล่ะ!

​

"เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" เห็นว่าท่านแม่เฒ่าไม่ใส่ใจ เลือกวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ในที่สุดจึงได้แต่ทิ้งคำกลอนไว้เป็นอนุสรณ์ดังนี้

​

ใครจักรู้ว่าข้าจงรักภักดีต่อแผ่นดินนี้

​

กะเรียนป่าบินจากที่สูงมา ณ สถานที่แห่งนี้

​

เปิกเมฆเห็นที่เนินหลังเต่าที่มีพลังมงคล

​

หลังจากข้าวายชีวาแล้วจักรู้ว่าข้าคือเซียน (เทพเจ้า)

​

(คำกลอนนี้ใช้ท่องจำสรรเสริญกันสืบต่อๆ มาในประโยคที่ 3 จักต้องมี คำผิดพลาดโปรดแก้ไขด้วย)

​

คุณงามความดีสุดคณานับ จักคงร่องรอยไว้ให้จารึกสืบไป
​

​

จากประวัติ คัมภีร์เหล่งซัว มีบทกลองบันทึกไว้ดังนี้ "จะถึงเก๋าหย่งจิวได้อย่างไร เมฆคล้อยไป ดาวจรัสแสงรายรอบสถานบ วงสรวงเทพเจ้า ร่องรอยเซียนที่ห่งกั้งเลื่องระบือไกล อาจารย์กับศิษย์ร่วมกัน ณ เมือง อั่งเอี๊ยงเป็นสถานที่ที่มีทิวทัศัน์อันสวยงาม เป็นแหล่งรวมคุณงามความดีนานับประการ ที่มีรอยจารึกฝากไว้ชั่วกาลนาน

​

เพื่อที่จะเข้าใจ ในบันทึกประวัติศาสตร์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นข้าพเข้าเคยแวะไปแวะเยี่ยมนาง โง้วซกไฮ่ ที่สถานสงเคราะห์อั่งเอี๊ยง เมืองโผวเล้ง ทำให้ได้รู้ว่า ชาวเมืองอั่งเอี๊ยงมีความเคารพศัรัทธา"เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" มีลูกศิษย์ 2 คน ชื่อ แชอี กับ เหล่งท้ง เข้าทรง "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านทั่วไป ที่เมืองอั่งเอี๊ยงนี้ จึงเป็นเหตุให้ชาวอั่งเอี๊ยงทุกยุคทุกสมัยไม่เคยลืมบุญคุณของ"เทวอาจารย์ซัก บ้อเซียน" ผู้เป็นบูรพาจารย์ของแชอีกับเหล่งท้ง ปัจจุบันชาวแต้จิ๋วทุกหมู่เหล่าทั้งภายในและภายนอกประเทศศิษยานุศิษย์จากศาล เจ้าทุกแห่ง เมื่อได้ยินว่า สุสานโบราณได้รับการอนุญาต ให้อนุรักษ์จากทางการในระดับหัวเมืองและได้มีการสร้างสถานที่ระลึก ศาลาเซ่นไหว้ เป็นต้น เเละเพื่อเป็นสถานที่ชมทิวทัศน์เวลานี้ แม้จะเป็นเพียง ขั้นตอนเริ่มแรกในการงานตามโครงการในการพัฒนาอนุสรณ์โบราณสถานครั้งแรก ก็มีผู้มาจากศาลเจ้าต่างๆ ทั่วโลกมุ่งมาบูชากันอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในปี พ.ศ.2537 (ค.ศ.1994) ท่านอาจารย์ใหญ่"ฉั่วจุ้ยใช้"แห่งมูลนิธิแสงพระธรรม(ผ่งไล้เช้งเซี้ยมเกาะ) จากกรุงเทพฯ ได้สืบทอดเจตนาของท่าน "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" ได้ส่งเจ้าหน้าที่ มาค้นหาสุสานโบราณของท่านเทวอาจารย์ฯ จนพบ และได้วาดรูปเหมือนของท่านเทวอาจารย์ฯ และสมาคมห่งกั้งเตี่ยเอี้ย ประเทศจีนก็ได้แกะสลักรูปเหมือนของท่านด้วยหินแกรนิตขนาดเท่าองค์จริง มอบไว้ให้แก่มูลนิธิแสงพระธรรม มูลนิธิแสงพระธรรมได้อัญเชิญภาพเหมือนและรูปแกะสลักรูปเหมือน มาประดิษฐานให้ลูกศิษย์ได้กราบไหว้บูชาที่ปทุมธานีทุกๆปี โดยเฉพาะในเทศกาลเชงเม้ง และในวัที่ระลึกวันเกิดของเทวอาจารย์ซักบ้อเซียน

​

ศิษยานุศิษย์ทั้งชายหญิงต่างพากันมาสุสานเพื่อกราบไหว้กันอย่างต่อเนื่องไม่ ขาดสาย ทั้งนี้เป็นเพราะเจ้าบ้านตระกูลโล้วแห่งห่งกั้งได้เป็นผู้ตั้งหลักจารึกสืบ ทอดไปยังทุกยุคทุกสมัย ให้แก่ "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" ณ สถานที่ดั้งเดิมนี้ เพื่อเป็นการเทิดพระคุณ "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" ที่ซื่อสัตย์ ทุกวันนี้สุสานแห่งนี้ ได้รับการอนุรักษ์เป็นโบราณสถานทางด้านศิลปวัฒนธรรมในระดับตำบล ทำให้น่าภาคภูมิใจยิ่งนัก

​

พวกเราเชื่อมั่นว่า จากการให้ความสำคัญจากรัฐบาล ความร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันเสียสละกำลังทรัพย์ โดยชาวจีนโพ้นทะเล และชาวจีนในท้องถิ่นต่างร่วมแรงกาย แรงใจทุกฝ่ายเช่นนี้ จักบรรลุผล ให้เป็นที่ปรากฏได้ในเร็ววันนี้

​

สุสานโบราณ

​

ณ ริมแม่น้ำเหลียงกัง ทางด้านนอกประตูทิศใต้ (หน่ำมึ๊ง) หมู่บ้านห่กกั้ง ตำบลกุ๊ยสือ เมืองเตี่ยเอี๊ย มีสุสานโบราณแห่งหนึ่งมีแผ่นศิลาจารึกไว้ว่า "สุสานที่กำเนิดเทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" สุสานเดิม "บูรณะปฏิสังขรณ์ ในปีรัชกาลกวงสูที่ 13 " "ตระกูลโล้วแห่งห่งกั้งผู้สร้าง" นับจากสมัยราชวงศ์หมิงจนถึงปัจจุบัน สุสานนี้มีอายุยาวนานกว่า 600 ปี สถานที่แห่งนี้ มีทำเลเป็นเนินเหมือนหลังเต่าที่มีพลังศิลิมงคล ด้านหนึ่งติดริมแม่น้ำ สายน้ำสะท้อนประกายดั่งคลื่นสีหยกน้ำในคลองไหลวน แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลต่อเนื่องไม่ขาดสาย ในช่วงที่เกิดภัยน้ำแล้งครั้งใหญ่ในรอบ 70 ปี ซึ่งไม่เคยปรากฏภัยแล้งเช่นนี้มาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ ก้นแม่น้ำเหลียงกังแห้งขอด จนกลายเป็นถนนเดินได้แต่สระน้ำด้านหน้าสุสานกลับมีน้ำลึก 3 เมตรกว่า ปลาเต็กโหงวฮือ ในสระน้ำซึ่งมีน้ำหนักถึง 80 ชั่ง ก็ยังคงมีชีวิตแหวกวายอยู่ตามปกติ น้ำในสระทั้งใสและสะอาด ในยามใดที่แม่น้ำเหลียงกังขาดแคลนน้ำ ไม่อาจใช้แหล่งน้ำได้ น้ำจากสระนี้สามารถหล่อเลี้ยงชาวบ้าน 3 ตระกูล คือ ตระกูลแพ้ ตระกูลเบ้ และตระกูลโล้ว ให้ได้ใช้น้ำดืมและใช้สอยอื่นๆ หงส์เหิรบินข้ามคลอง สายน้ำไหลผ่านทั้งตะวันออก ตะวันตก ตลอดไปยังแดนไกล หงส์ร่อนเหนือฟ้า แดนหงส์แจ่มจรัส ร่องรอยโบราณแห่ง "เทวอาจารย์ซีกบ้อเซียน" กลายเป็นเรื่องเล่าขานสรรเสริญตราบชั่วกาลนาน นับแต่โบราณกาลเป็นต้นมา ขณะเดียวกัน ก็นำมาซึงการเบ่งบานไปทั่วของดอกไม้แห่งการปฏิรูป ในดินแดนมาตุภูมิ การอนุรักษณ์โบราณสถานไว้เป็นศิลปวัฒนธรรมของชาติ ทำให้ผู้คนเกิดความซาบซึ้ง เป็นการพัฒนาการท่องเที่ยว ที่ทางการให้ความสำคัญอย่ายิ่งยวด เพื่อให้ศิญานุศิษย์ ผู้มีจิตศรัทธาทั้งภายในประเทศ และชาวจีนพ้นทะเลได้ชื่นชมกับโบราณสถาน อัน "มหัศจรรย์และลำค่านี้" อย่างเต็มที่ โดยความเคารพศรัทธาต่อสถานที่โบราณแห่งนี้ อย่างสูงยิ่งของชวาชนบทห่งกั้ง ภายใต้การนำของคณะกรรมการหมูบ้าน เมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมการก่อตั้งศาล "เทวอาจารย์ซักบ้อเซียน" ได้รับการอนุมัติ จากทางการระดับตำบลอย่างเป็นทางการ ให้จัดตั้งขึ้นได้ ปัจจุบันสถานที่แห่งหนึ่งนี้ได้ กลายเป็นแหล่งอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมทางด้านโบราณ และมีดำริ ที่จะเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม นับเป็นการประดับทัศนียภาพอันงดงามยิ่งให้แก่บ้านเกิดเมืองนอนด้วย

​

คณะกรรมการมูลนิธิพ่งไล้เซ็งเซี้ยมเกาะ​

จารึกไว้ เมื่อปี พ.ศ.2551 (ค.ศ.2008)​

 

พุทธองค์ฮ้อเอี้ยฮุ้นเซี้ยโจ้ว..

ผู้โชคดีที่ได้รับเหรียญ เทวอาจารย์ซักบ้อเซี้ย (ฮ้อเอี้ยฮุ้นเซี้ยโจ้ว) จากผมไปขอให้บูชาด้วยความเชื่อมั่น งดรับประทานเนื้อวัวนะครับ ท่านจะทำมาค้าขึ้น เจริญรุ่งเรือง ปราศจากศัตรูหมู่มารมารบกวน องค์เซี้ยโจ้วท่านเป็นเทพผู้รู้เรื่องพื้นที่มงคล ตี่ลี่ฮวงจุ้ย และการจับวิญญาณ ถ้ามีพิธีล้างป่าช้าของชาวพ่งไล้ท่านเทวอาจารย์เซี้ยโจ้วจะลงมาทำฮู้และปกปักรักษาคณะลูกศิษย์ในงานครับ ท่านมีศักดิ์ศิทธิ์มาก ผมเองและครอบครัวเจออภินิหารย์จากท่านอย่างมากมาย..

thaiput007@hotmail.com

 

ตำนานเจ้าแม่ทับทิมของชาวไหหนำ

​

ยกเอาจากตำนานเจ้าแม่ทับทิมของชาวไหหนำ

ความเป็นมาแรกเริ่มในสมัยราชวงศ์ฮั่นในสมัยกษัตริย์ ฮั่นกวงบู๊ตี๋ (ประมาณระหว่าง พ.ศ. 537 - 610) ซึ่งในระหว่างรัชสมัยนี้เองเจ้าแม่ทับทิมได้รับการยกย่องและแต่งตั้งให้เป็นเทพยุดาแห่งความเมตตากรุณย์ช่วยคุ้มครองมวลมนุษย์ให้พ้นจากสรรพภัยและขจัดความทุกข์ยากทั้งมวล

แต่พอยุคสมัยราชวงศ์หมิง ผู้คนก็เริ่มลืมเลือนไป จนกระทั่งในปี พศ.2167 ตำนานของเจ้าแม่ทับทิมจึงปรากฏขึ้นอีกครั้งที่เกาะไหหนำ เขตบ่นเซียว แขวงหน่ำไห้หมู่บ้านตุ้ยบ้วย

ตำนานเริ่มจาก ผู้เฒ่าชาวประมง แซ่ พัวพบขอนไม้ติดมากับแห (บางตำนานบอกว่าเป็นขอนไม้ทับทิม) ในคืนที่หาปลาไม่ได้เลยจึงอธิษฐานกับขอนไม้ว่า
"หากท่านศักดิ์สิทธิ์และมีศักดานุภาพจริง ขอให้ข้าฯสามารถหาปลาได้เต็มช้อนแห ข้าฯ จะระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ทรงการุณย์ แก่ข้าฯด้วยการนำท่านกลับไปแกะสลักเป็นเทวรูป “เจ้าแม่” พร้อมกับจะได้ทำการกราบไหว้บูชาบวงสรวงทุกค่ำเช้า”

...แล้วคืนนั้นเค้าก็หาปลาได้เต็มลำเรือจริงๆผู้เฒ่าแซ่พัว ดีใจเก็บขอนไม้ไว้บูชา และก็หาปลาได้เต็มลำเรือทุกครั้งเนิ่นนานผ่านไปจนหลงลืมว่า..สัญญาจะแกะสลักท่อนไม้เป็นรูปเจ้าแม่..

...คืนหนึ่ง..เจ้าแม่เลยมาเข้าฝันและขอให้ผู้เฒ่าแซ่พัวทำตามสัญญาเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาและเป็นเครื่องแสดงถึงเดชบารมีของเจ้าแม่และเป็นที่พึ่งพิงแก่ปวงชนที่ตกทุกข์ได้ยาก

ดังนั้นในคืนมงคลกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 (ตรงกับเดือน 12 ทางจันทรคติของไทย) ณ ทุ่งกว้างของหมู่บ้านตุ้ยบ้วย ก็มีศาลของ “เจ้าแม่ตุ้ยบ้วย” เพื่อคุ้มครองมาประสิทธิ์ประสาทแก่ปวงชน พร้อมทั้งสรรพสัตว์ที่ทุกข์ยากและอำนวยความสำเร็จให้บังเกิดแก่ผู้ที่วิงวอนขอร้องให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ
คนจีนไหหนำ (ไหหลำ) ได้เริ่มเดินทางมาประเทศไทยพึ่งพระบรมโพธิสมภารในราวพุทธศักราช 2385 ตลอดระยะเวลาที่เดินทางโดยเรือชาวจีนไหหนำอาศัยการบนบานเจ้าแม่ตุ้ยบ้วยให้คุ้มครองรักษาให้การเดินทางให้เป็นไปโดยสวัสดิภาพฉะนั้น เจ้าแม่ตุ้ยบ่วยหรือเจ้าแม่ทับทิมจึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวไทยเชื้อสาย จีนไหหนำมาโดยตลอดงานพิธีงานไหว้เจ้าแม่ทับทิมหรือตุ้ยบ๊วยเต็งเหนี่ยงซึ่งอยู่ราวๆ เดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ประเพณีในการไหว้เจ้านั้นมักจะมีการกินเลี้ยงโต๊ะจีนและการแสดงงิ้วถวายเจ้า เรียกว่าเป็นงานครบวงจรคือคนที่มาในงานเลี้ยง ก็จะได้พร้อมทั้งผลบุญ พบปะสังสรรค์ อิ่มหนำสำราญและความบันเทิง ในคราวเดียวกัน

 

ได้รับแล้วครับ.....ขอบคุณครับ

 

รับทราบครับเฮียปอ ได้รับเหรียญองค์เซี้ยโจ้วหรือเปล่าครับ...

ขอให้เฮงๆๆๆครับ..

thaiput007@hotmail.com

 

ขอจองล๊อคเก็ตหลวงปู่อั๊บครับพี่

รบกวนขอเบอร์ได้มั้ยครับพี่ออย

ผมจะโทรไปสอบถามเรื่องวัตถุมงคลด้วยครับ

 

หายากที่สุดในบรรดาแหวนของท่าน..





ในบรรดาวัตถุมงคลของหลวงพ่อขวัญ วัดบ้านไร่ ถ้าเอ่ยถึงแหวนตะกร้อหรือแหวนพิรอดนั้น เป็นวัตถุมงคลที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่านเป็นอย่างมาก เพราะประสบการณ์ต่างๆ เช่น มีแหวนติดตัวไปทำไร่ไถนาเจองูและสัตว์ร้ายไม่ทำอันตรายใดๆแก่ผู้มีแหวนของ ท่านติดตัว รถประสบอุบัติเหตุชนประสานงา รถพังยับทั้งคัน แต่คนไม่เป็นอะไรเลยเพราะมีแหวนของท่านติดตัวอยู่ ทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อขวัญเป็นที่ขจรกระจายเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้าง ขวาง แหวนที่หลวงพ่อขวัญจัดสร้างขึ้นมีหลายรุ่น เช่น แหวนรูปเหมือนลงยา แหวนข้างสิงห์ลงยา แหวนพระเจ้าห้าพระองค์ แหวนตะกร้อและแหวนพิรอด ฯลฯ ที่กล่าวมานั้นล้วนเป็นสุดยอดของดีที่มีประสบการณ์จริงๆ ไม่ใช่เขียนโม้หรือยกเมฆใดๆทั้งสิ้น แหวนของท่านทุกรุ่นไม่ว่าจะถูกหรือแพงถ้าผ่านมือหลวงพ่อขวัญนั้นถือว่าเป็น อันใช้ได้ มีติดตัวไว้จะแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง..

แหวนพระเจ้าห้าพระองค์ "นะ โม พุท ธา ยะ" เนื้ออัลปาก้าลงยา ใต้ท้องวงตอกชื่อหลวงพ่อขวัญ แหวนรุ่นนี้หายากที่สุดในบรรดาแหวนรุ่นต่างๆของท่าน มีประสบการณ์ประจักษ์จริงมาแล้ว (โทรสอบถามได้ครับ)

นาย อรรถพล ด่านศรีชาญชัย ธ.กรุงเทพ สาขาพิษณุโลก ออมทรัพย์ เลขที่ 263-520213-4 โทร.084-6245007

 

รับทราบการจองครับ..

รับทราบการจองครับ ขอบพระคุณครับ..

thaiput007@hotmail.com โทร.084-6245007