ภัยพิบัติและพระศรีอาริยเมตไตรยจากคำบอกเล่าของเด็กชายปลาบู่

ผมได้รับทราบจากพี่สาวที่ไปปฎิบัติธรรมที่เมืองกาญจนบุรี มาเช่นกันครับว่าวันที่ 7 ธค. นี้ ไปอาจจะมีเหตุการณ์ภัยพิบัติบางอย่างเพิ่มเติมที่ กทม.

 

คนที่คิดหว่าไม่เกิดจริงไม่มีการระวังตัวสวนมากไม่รอด ผมคิดหว่าท่าคิดจะไม่เชื่อก็ควรทำความดีเอาไว้บ้างดีกว่าตายเเล้วไม่ใด้ทำ สาธุ

 

ขอโอกาสชี้แจงประเด็นสำคัญ เรื่อง คืนปีใหม่ 55 หรือ 56 ??

ตามที่มีหลาย ๆ ท่านเช่น คุณ karan20 ได้วิเคราะห์เรื่องวัน เวลา พ.ศ. ของเหตุการณ์ "ยามสอง คืนปีใหม่ แผ่นดินไหว คนไทยเมา" ในปีที่ 38 (พ.ศ.2555) ภายหลังที่เด็กชายปลาบู่เสียชีวิตนั้น !!

กรณีที่หนึ่ง เนื่องจากเวลายามสอง (22.00 - 24.00 น.) ของคืนวันที่ 31 ธันวาคม นั้น ยังอยู่ในปี พ.ศ. 2554 เพราะเหลือเวลาอีกประมาณ 1-2 ชั่วโมงกว่าจะถึงพ.ศ. 2555

ดังนั้น เหตุการณ์อาจจะยังไม่เกิดในปีใหม่ที่จะถึงนี้ก็ได้ เพราะเป็นยามสอง ของพ.ศ. 2554 เหตุการณ์อาจจะเกิดในยามสองของ พ.ศ. 2555 ซึ่งหมายถึง ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 หรือคืนปีใหม่ 2556

กรณีที่สอง ถ้าเด็กชายปลาบู่ หมายถึง "คืนปีใหม่" ของปีที่ 38 หลังจากตนเองเสียชีวิต หรือ "คืนปีใหม่" ของ พ.ศ. 2555 ซึ่งก็หมายถึงคืนปีใหม่ที่จะถึงนี้ ไม่ใช่"คืนปีใหม่" ของ พ.ศ.2556

ความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น 2 กรณีดังที่กล่าวมา แต่เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลของครูบาอาจารย์และฆราวาสผู้ทรงอภิญญาญาณแล้ว น้ำหนักก็จะไปที่ ปลายปี 2555 ถึง ต้นปี 2556

อย่างไรก็แล้วแต่ ก่อนจะถึงปีใหม่หน้า ก็ต้องถึงปีใหม่นี้ก่อน พวกเราก็เตรียมการป้องกันไว้สักนิด ในคืนปีใหม่ ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชม. ถ้าไม่เกิดขึ้นก็เป็นที่น่ายินดี เพราะมหาชนไม่ต้องเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ เราก็กลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติและเหลือเวลาเตรียมตัวอีก 1 ปี แต่ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นในปีนี้ ก็หวังว่าพวกเราที่เตรียมการป้องกันเอาไว้ก็คงจะรอดกัน

เรื่องวันเวลาที่ปลาบู่บอกเอาไว้ มันคาบเส้นว่าปีใหม่ปี 55 หรือ ปีใหม่ 56 ?? และทางปลาบู่ผู้เล่าเองก็เสียชีวิตไปแล้ว ทางคุณตาทองใบและผู้ที่เกี่ยวข้องก็มีข้อมูลตามที่ปลาบู่ชี้ชัดไว้แค่นี้ ถ้าผิดพลาดประการใด ให้ถือว่าไม่ใช่ความผิดพลาดของปลาบู่ เพราะตีความหมายผิดเอง ดังนั้นขอให้เพื่อนสมาชิกและผู้ที่รับทราบข้อมูลทุกท่านอภัยให้ด้วย

แนวทางวิเคราะห์ด้านบนนี้ อนุญาติให้เพื่อนสมาชิกวิพากษ์วิจารณ์ได้ตามสะดวก เพื่อการเตรียมการป้องกันที่รัดกุมที่สุด ขออนุโมทนากับคุณ karan20 ด้วย

สิงหนาท

 

karan20 ก็อยากไปเหมือนกันใครจะไปบ้างก่อนปีใหม่ ใครรู้เส้นทางไปช่วยเป็นศูนย์รวมพลให้หน่อย ขอบคุณ...ขอบคุณ

 

ตอนดูเด็กชายปลาบู่ใหม่ ๆ ผมคิดคล้าย ๆ คุณ Singhanat น่ะ
ก็ต้องดูต่อไป

 

เพิ่มข้อมูลภาพถ่าย เพื่อประกอบการพิจารณา

ภาพที่ 1. ภาพคุณตาทองใบ ถ่ายตอนสมัยปลาบู่ยังมีชีวิตอยู่. เงาเด็กที่ด้านขวาของภาพคือเงาของเด็กชายปลาบู่ ภาพนี้ถ่ายบริเวณบ้านหลังเก่า ซึ่งปัจจุบันคือสวนศรีมหาโพธิ์

ภาพที่ 2.ภาพธาตุขันธุ์คุณตาทองใบ สมัยยังอยู่ในวัยกลางคน

ภาพที่ 3. ภาพธาตุขันธุ์คุณตาทองใบ ปัจจุบัน (2554)

ภาพที่ 4-5. ภาพสีน้ำเด็กชายปลาบู่ (ไม่ได้ตัดผม)แขวนอยู่ที่ศาลาสวนศรีมหาโพธิ์ วาดโดย คุณพรชัย ณ อยุธยา เมื่อ 37 ปีมาแล้ว (คุณตาทองใบเล่าว่า เมื่อคุณพรชัยวาดเสร็จ อุทานออกมาว่า "ผมทำไปได้อย่างไรเนี๊ย !! " กรุณาสังเกตุแววตาปลาบู่ในภาพ)

ภาพที่ 6-7.ภาพสีน้ำเด็กชายปลาบู่ (ตัดผม) แขวนอยู่ที่ศาลาเขาลับแล วาดโดย คุณพรชัย ณ อยุธยา เมื่อ 37 ปีมาแล้ว เป็นภาพตอนคุณตาทองใบ พาปลาบู่ไปเล่นน้ำทะเลที่ชายหาดบ้านฉาง จ.ระยอง

ภาพที่ 8-9. ตามข้อมูลเชิงลึกคือดวงพระวิญญาณของผู้ที่มาทำหน้าที่เป็น "พระมหาเถระโพธิสัตว์" ผู้อุปถัมป์ "ธรรมิกราชโพธิญาณ" (เป็นข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณา)

 

ถ้ามาช่วงนี้!! ที่สวนศรีมหาโพธิ์และเขาลับแลจะเจอแต่คุณตาทองใบนะ เพราะเรา (สิงหนาท)ได้ทำหน้าที่ขั้นต้นเสร็จแล้ว อีกทั้งมีคณะต่าง ๆ มาหาทุกวัน ความวุ่นวายและลาภสักการะเริ่มเข้ามา ข้อมูลที่ให้มาเบื้องต้นน่าจะเพียงพอแล้ว

เรามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องแจ้งเตือนภัยพิบัติเพราะ"หน้าที่" ตาม"วิถี"กำหนดมา (หลีกเลี่ยงไม่ได้) และความเมตตาสงสารชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์ ฯลฯ

ดังนั้น ระยะนี้จึงขอออกมาปลีกวิเวกภาวนาที่วัดป่าแถวๆ จันทบุรีก่อน เพราะวิถีนำไปทำหน้าที่ตั้งแต่ต้นปี ลุยคนเดียวมา 8 เดือนแล้ว จึงขอโอกาสหลบมาพักผ่อน แต่ยังทำหน้าที่เป็นเบื้องหลังผ่าน Air Card ต่อไป.

--------------------------------------------------------------

ตำแหน่งที่ตั้งเขาลับแล และสวนศรีมหาโพธิ์

สถานที่ตั้งของสวนศรีมหาโพธิ์และเขาลับแล (โครงการจัดตั้งฯวัดป่าร่มโพธิ์ศรี) หมู่ที่ 1 ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี
ละติจูด 13° 4'4.80" เหนือ ลองติจูด102°16'6.19" ตะวันออก

ทิศเหนือ เป็นถนนทางหลวงเลขที่ 317 ผ่านตัวอำเภอสอยดาว มุ่งสู่จังหวัดสระแก้ว ระยะทางประมาณ 85 กิโลเมตร

ทิศใต้ เป็นถนนทางหลวงเลขที่ 317 มุ่งสู่ตัวจังหวัดจันทบุรี ระยะทางประมาณ 55 กิโลเมตร

ทิศตะวันออก เป็นถนนทางหลวงเลขที่ 3193 มุ่งสู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตลาดบ้านแหลม ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร

ทิศตะวันตก เป็นเทือกเขาสอยดาว ห่างจากเขาลับแล ประมาณ 3 กิโลเมตร

การเดินทาง

จากกรุงเทพมหานคร สามารถมาได้ 2 เส้นทาง คือ

1. มาทาง ชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี เลี้ยวซ้ายมาตามถนนทางหลวงเลขที่ 317 จันทบุรี -สระแก้ว ระยะทางประมาณ 55 กิโลเมตร (กม. 55)

2. มาทางปราจีน-สระแก้ว เลี้ยวขวามาตามถนนทางหลวงเลขที่ 317 สระแก้ว-จันทบุรี ระยะทางประมาณ 85 กิโลเมตรจากตัวเมืองสระแก้ว (กม. 55)

เมื่อมาถึงอำเภอสอยดาว กม.55 สามแยกตามูล สามารถถามตำแหน่งที่ตั้งของสวนศรีมหาโพธิ์ หรือเขาลับแล กับชาวบ้านแถวๆ นั้นได้เลยครับ


---------------------------------------------------------------

ในสมัยเสียกรุงครั้งที่สอง จันทบุรีเคยเป็นดินแดนที่พระเจ้าตากสินมหาราชรวบรวมกำลังพล จัดกองทัพ ต่อเรือ ฝึกฝนอาวุธเพื่อเตรียมกอบกู้เอกราชจากพม่า เพราะเมืองจันทบุรีเป็นเมืองที่อยู่ห่างไกลรัศมีการโจมตีของข้าศึก อีกทั้งแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่นป่าไม้และข้าวปลาอาหารต่าง ๆ บ้านเมืองที่มีความมั่งคั่งจากการค้าขาย ประชาชนมีนํ้าใจไมตรี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพ พระองค์ออกเดินทัพเพื่อกอบกู้เอกราชจากทหารพม่า สามารถตีทหารพม่าที่ทำหน้าที่ระวังป้องกันแผ่นดินที่ยึดมาได้ทุกค่ายอย่างยับเยิน เป็นที่กล่าวขวัญในความกล้าหาญ เสียสละของพระองค์และเหล่าทหารหาญมาจนถึงปัจจุบัน

ในครั้งนี้ก็เช่นกัน จันทบุรีเป็นดินแดนที่ถูกเลือกเพื่อเป็นสถานที่ตั้งกองบัญชาการและศูนย์อพยพ ศูนย์ปฏิบัติการรับมือมหาภัยพิบัติ มหาสุรสิงหนาท ซึ่งตั้งอยู่ ณ สวนศรีมหาโพธิ์และ(โครงการจัดตั้งฯ) วัดป่าร่มโพธิ์ศรี โดยมีเป้าหมายสูงสุดสามประการคือช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในยุคภัยพิบัติ เสริมสร้างพระศาสนาของพระพุทธองค์ให้เจริญถึงห้าพันปี และธำรงรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพียงแต่ข้าศึกครั้งนี้ไม่ใช่พม่าข้าศึก แต่เป็นภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติ นํ้ามือมนุษย์ และอื่น ๆ !!

(ขออนุโมทนากับเจ้าของข้อมูลรูปภาพที่แนบมา เผยแพร่เป็นธรรมทาน)

 

จันทบุรี เป็นเมืองที่ปรากฏในหน้าบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ เท่าที่จำได้มีสองเหตุการณ์

สมัยพระเจ้าตากเข้าตีเมืองจันทบุรี(เป็นที่มาของคำว่าทุบหม้อข้าวเข้าตีเมืองจันทบุรี)

และสมัยที่จันทบุรีตกเป็นเมืองขึ้น(หรือในสภาพเมืองประกัน)ของฝรั่งเศสในยุคล่าอาณานิคม รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สืบเนืองจาก วิกฤติการณ์สยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ 112


ส่วนภาพอนุสาวรีย์ที่คุณ singhanat แนบมาใน ความเห็นที่ 194 นั้น ผมอ่านตัวหนังสือไม่ได้เพราะเล็กเกินไป ไม่ทราบว่า เป็นอนุสาวรีย์ของบุคคลใด

แต่ถ้าให้เดา ... คิดว่า น่าจะเป็นพระบวรราชานุสาวรีย์กรมพระราชวังบวร ในรัชกาลที่ 1 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
เท่าที่ทราบประวัติพระองค์ท่านที่เกี่ยวข้องกับจันทบุรีคือ ครั้นสมัยพระเจ้าตากยึดเมืองจันทบุรีได้แล้วนั้น นายสุดจินดา มหาดเล็ก(พระนามเดิมของกรมพระราชวังบวร)ได้รับพระมารดาพระเจ้าตากจากเมืองเพชรบุรี (ตามคำแนะนำของหลวงยกกระบัตร(ด้วง)ผู้พี่: พระนามเดิม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ) ส่งมอบให้แก่พระเจ้าตากที่ค่ายเมืองจันทบุรี พระเจ้าตากจึงแต่งตั้งนายสุดจินดา ดำรงตำแหน่ง พระมหามนตรี เจ้ากรมพระตำรวจในขวา .... จากนั้นทรงรับราชการจนกระทั่งรับพระยศเป็นสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท และสวรรคตในรัชกาลที่ 1

พระบวรราชประวัติท่านน่าสนใจศึกษาเป็นอย่างยิ่งครับ ลองหาอ่านดู ยกตัวอย่างเช่น การศึกสงคราม,การอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากลำปางมาประดิษฐานที่กรุงเทพ,เหตุใดพระองค์ท่านจึงทำนุบำรุงวัดมหาธาตุ หรือแม้แต่พระบวรราชนิพนธ์ เพลงยาวถวายพยากรณ์ครั้งเพลิงไหม้พระที่นั่งอินทราภิเศกมหาปราสาท

 

ผมก็ไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนะครับ แต่ ...ถ้ามันจะต้องเกิดขึ้นจริงๆ ในวันนั้น วันปีใหม่ ก็นับว่าเป็นความเมตตาของฟ้าเบื้องบนแล้วครับ เพราะถ้าหากไปเกิดวันอื่น วันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดเทศกาลใหญ่ คนที่อยู่ในกรุงเทพทุกคน 10กว่าล้านจะตายกันหมดนะครับ คราวนี้พอเป็นวันปีใหม่คนทุกคนจะกลับบ้าน ทั้งรวยจน ไปกลาง เหนือ อิสาน ใต้ คนจะกระจายตัวออกไป คนจะไม่ไปอยู่กระจุกตัวที่ใดที่หนึ่งมากเกินไป แล้วถ้าใครไปรวมตัว countdownกันแล้วกินเหล้าเมามาย ภัยมาแล้วตายตอนเมาก็นรกนะครับ เพราะตายขณะใจยังหมอง สำหรับคนที่คิดว่าอยากจะไป countdown แนะว่าให้ไป countdownที่วัดเลยครับถ้าใครตายไปตอนนั้นนี่จิตจะได้เกาะเกี่ยวบุญกุศล
ทั่วโลกพอปีใหม่เขากลับบ้านกันหมด ภัยพิบัติจะได้ตายน้อยลง เพราะคนกระจายออกไป ก็ดูอยู่ครับหวังว่าถึงวันนั้นอยากให้ทุกๆท่านรอด
ไม่มีรักใดที่สุดเท่ารักตนเองครับ ขอบคุณครับ

 

คุณ CopperOxide เรื่องประวัติศาสตร์เยี่ยมเลยครับ !!

คืออนุสาวรีย์ของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ราชอนุชาของรัชกาลที่ 1 ตั้งอยู่ที่ ทุ่งลาดหญ้า สมรภูมิรบเมื่อสงครามเก้าทัพ สองภาพนี้ถ่ายตอนไปอธิษฐานจิตให้เพื่อนๆ ทหาร ที่อาจตกค้างอยู่ที่นั่น.

ตามข้อมูลเชิงลึก ท่านคือสิงหนาท โพธิสัตว์ ผู้มาทำหน้าที่ในยุคกึ่งพุทธกาลคู่กับดวงพระวิญญาณของรัชกาลที่ 1 พระศรีฯ โพธิสัตว์ อีกครั้ง ท่านทำหน้าหน้าที่เป็นพระโพธิสัตว์พี่เลี้ยง เพราะพระเอกในเวลานี้คือพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์

ตามข้อมูลเชิงลึก ท่านบำเพ็ญบารมีมาตั้งแต่ก่อนสมเด็จองค์พระปฐมจะตรัสรู้ คือยังเป็นพระโพธิสัตว์ ตามที่ได้ยินมา ในชาติหนึ่งคราวที่สมเด็จองค์พระปฐมยังบำเพ็ญเพียรเป็นพระโพธิสัตว์ ในชาตินั้นท่านเป็นกษัตริย์ ส่วนสิงหนาท โพธิสัตว์ เป็นแม่ทัพใหญ่ของเมืองนั้น เวลากษัตริย์ไปไหน แม่ทัพก็ต้องตามไปอารักขาด้วยจึงได้เห็นปณิธานและคุณธรรมองค์พระปฐมโพธิสัตว์ ที่นำเอามาเป็นแบบอย่าง

พ่อแม่ครูบาอาจารย์พระราชพรหมยาน (หลวงปู่ฤาษีลิงดำ)ในชาตินั้นท่านเป็นโอรสของพระโพธิสัตว์สมเด็จองค์พระปฐม อีกท่านหนึ่งเป็นน้องของพ่อแม่ครูบาอาจารย์พระราชพรหมยาน เป็นเหตุหนึ่งให้สิงหนาทโพธิสัตว์ท่านมีสายสัมพันธ์ในสายของพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่ฤาษีลิงดำ

สิงหนาทโพธิสัตว์ ตามข้อมูลท่านบำเพ็ญบารมีมานานมากแล้ว เกิดตายมาจนเบื่อแล้วมั้ง ?!?

ในความเหมือนที่แตกต่างกัน ระหว่างยุคตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ กับยุคมหาภัยพิบัติในปัจจุบัน ตามข้อมูลคือ ชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนที่จะสูญสิ้นไปเป็นอันมาก การย้ายเมืองหลวงใหม่ การฟื้นฟูสังคม เศรษฐกิจ ศาสนา ฯลฯ ในทุก ๆ ด้าน เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างกันคือข้าศึกครั้งนี้เป็นมหาภัยพิบัติ ไม่ใช่พม่าเหมือนในสมัยตั้งกรุงรัตนโกสินทร์

เป็นชาติที่สำคัญที่สุดของพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ ก่อนจะไปตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ดังนั้นด้วยบุญบารมีของพระองค์ ทำให้ครูบาอาจารย์และฆราวาสผู้มีอภิญญาญาณหลาย ๆท่านได้ทำนายตรงกันว่าประเทศไทยต่อไปจะเป็นศูนย์กลางของโลกและพระพุทธศาสนาจะเป็นศาสนาอันดับหนึ่งของโลกในอนาคตอันไกล้ หรือยุคศิวิไลน์

การเป็นผู้นำผู้คนในคราววิกฤติต้องอาศัยไหวพริบความชาญฉลาด ครบเครื่องและที่สำคัญต้องสามารถรับแรงกดดันอย่างมหาศาลได้ บุคคลที่มาทำหน้าที่แบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเหล่าพุทธภูมิและเป็นการบำเพ็ญบารมีไปในตัว มันก็วน ๆ เวียน ๆ อยู่อย่างนี้แหล่ะครับ ตัวละครเดิม ฉากเดิม กรรมของผู้คนขึ้น ๆ ลง ๆเหมือนเดิม เหตุการณ์และเหตุปัจจัยใหม่ ๆ

ตามที่วิเคราะห์ดวงเมืองตอนนี้ก็คล้าย ๆ กับก่อนเสียกรุงศรีฯ เพราะคนไทยแตกแยกกันอย่างรุนแรง ข้าศึกรอบด้าน ฯลฯ คุณตาทองใบเล่าให้ฟังว่า ปลาบู่ก็บอกไว้เหมือนกัน ว่าดวงเมืองในยุคนี้จะเหมือนยุคประมาณ พ.ศ. 2300 ลองให้คุณตาทองใบเล่าให้ฟังดู

สถานการณ์ในก่อนเสียกรุงศรีครั้งที่สองลองอ่านในเพลงยาวพระยาเสือดูครับ เพลงยาวพระยาเสือ โดย สมเด็จฯกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ต่างเพียงว่าในเพลงยาวฯกล่าวถึง กรุงศรีอยุธยาแตกเพราะพม่า แต่ครั้งหน้ากรุงรัตนโกสินทร์ ตามข้อมูลจะแตกเพราะมหาภัยพิบัติ!!

ดังนั้น ความศิวิไลน์ทางด้านวัตถุ ตึกรามบ้านช่อง เทคโนโลยี รถรา ฯลฯ ในตอนนี้ ให้สังเกตุและพิจารณาไว้ให้มากๆ ครับ เพราะต่อไปอาจพังเสียหายไปไม่มีให้เห็น.

 

ข้อความที่ทำให้หลวงพี่ขนลุกมีเยอะนะครับเรื่องภัยพิบัติก็รู้บ้างแล้ว อันหลังนี่ หลวงพี่ได้ยินเค้าพูดเรื่องสงคราม ปืนไฟ
ไม่ต้องใช้เครื่องบินทิ้ง ยิงอยู่กับที่ ก็ไปตกที่นั่นที่นี่ได้ คือหลวงพี่เคยไปเรียน ม.ปลายที่เมืองจีนและใช้ชีวิตอยู่4ปี จีนมีขีปนาวุธที่สามารถ ยิงข้ามทวีปได้โดยไม่ต้องส่งออกนอกโลก เหมือนเมกาใช้อยู่ครับ*0* มังกรเค้าผยองนะครับ Modern Warfare 3 Coming soon เด็ก5ขวบรุ้ได้ไง
ป.ล คุย กับเพื่อนที่เมืองจีนเมื่อ10ปีก่อนแล้วนะเรื่องยุทโธปกรณ์ของจีนน่ะ

 

ดูจากclip
มังกร=จีน
อินทรีย์=เมกา
ครุฑ=มีหลายประเทศใช้เป็นตราประจำแผ่นดิน มี3ประเทศ 1ไทย 2 อินโด 3มองโกเลีย
แต่อาจหมายถึงไทยก็ได้
แต่ฟังแล้วเห็นบอกว่าไม่มีใครแพ้ชนะนี่ สุดท้ายเลิกกันไป แต่ความสูญเสียมันมากมหาศาล

 

พญาครุฑ ผมคาดว่าเป็นไทย เพราะไทยเราเป็นมิตรทั้งจีนและอเมริกา จีนก็ต้องฟังความคิดเห็นเราบ้าง เพราะคบหากันมาหลายร้อยปี เป็นคนเอเซียด้วยกัน นับถือพระพุทธศาสนาด้วยกัน เราอาจมีข้อคิดธรรมะทำให้จีนเห็นสัจธรรมในตอนนั้นก็ว่าได้ อเมริกาอาจได้สติและเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชาวโลก เลยอยากไถ่บาปที่ทำไป

การที่มาเกิดแล้วมีชีวิตแค่อายุ 5 ปีแล้วเสียชีวิตเพื่อกลับไปสวรรค์ สัญญากับพ่อลุงทองใบ ว่าจำหนูให้ดี จะมาเกิดใหม่มีปานขาวที่แขน บวชเป็นสามเณรช่วยพ่อสร้างวัด เพื่อแสดงให้รู้ว่าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง บาปบุญกุศลมีจริง ตอนมีชีวิตได้บอกถึงการเสริมตัวเขื่อนให้แข็งแรงแสดงความรู้ทางวิศวกรรม พูดภาษาอังกฤษกับพวกทหารอเมริกันได้ ทั้งๆที่ไม่เคยเรียนภาษามาก่อน บอกไอ้ดำมีเมียขาว ไอ้ขาวมีเมียดำ บอกอนาคตเรื่องเครื่องบินชนตึกที่อเมริกา บอกว่าจะมีคลื่นยักษ์ที่ไทย ก็เกิดคลื่นสึนามิ เมื่อปี 2547 ถามพ่อว่า รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั๊ยพ่อ รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั๊ยพ่อ
ผมคิดว่าน่าจะเป็นไปตามที่เพื่อนสมาชิกพิมพ์บอกคือ เกิดแผ่นดินไหว และมีน้ำท่วม แผ่นดินไหวทำให้โครงสร้างของเสาคานรถไฟฟ้าสั่นสะเทือนมาก ทำให้รถไฟฟ้าพุ่งทะยานหลุดจากราง และน้ำได้ท่วมลงไปอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าเลยมุดน้ำ

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ จงอยู่กับสติ ทุกอย่าง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไปตามกาลเวลา รุ่นต่อรุ่น ไม่มีวันจบ ในวัฎสังสาร นี้

 

ุถ้าเป็นตามที่คุณปลาบู่ได้บอกไว้

แสดงว่าประเทศไทยก็น่าจะเกิดภัยพิบัติอีกหนึ่งครั้งจากแผ่นดินไหว

งั้นพวก ภาคใต้ยุบลง แผ่นดินหายไปกว่าครึ่งก็น่าจะไม่เกิด หรือสึนามิ

ภาวนาให้คุณปลาบู่ถูก ๆ

 

ถ้าวิเคราะห์การกลับชาติมาเกิด ด้วยหลักจักรวาลคู่ขนานหรืออนันตจักรวาล

เท่าที่ฟิสิกส์ปัจจุบันของเราไปถึง เชื่อว่า เวลา และอวกาศ ไม่ใช่สิ่งตายตัว และจักรวาลมีหลายมิติ เมื่อมีหลายมิติ เวลา และอวกาศ ย่อมแตกต่างกันไป (คล้ายๆความเชื่อเรื่อง ภพ- ภูมิ)

เรา ณ ที่ตรงนี้ บนโลกนี้ ไม่ได้โดดเดี่ยว แต่ทว่า อาจมีเราอีกคน แสดงตัวตนในอีกจักรวาลหนึ่ง หรืออาจมีเราจนเป็นอนันต์ กำลังดำเนินชีวิตไปพร้อมๆกัน ต่างเพียง เวลา และอวกาศ ทุกความคิด คำพูด การกระทำ ของเรา ไม่เคยหายไปไหน มันจะแสดงตัวตน โดยจิตปรุงแต่งมันขึ้นในอีกจักรวาลหนึ่ง(มิติ หรือ เวลา/อวกาศ) เป็นอีกหนึ่งที่เป็นเรา แต่อิสระต่อกัน
เรื่องเช่นนี้ เป็นหนึ่งในอจินไตย (จักรวาลและโลก) เพราะมันซับซ้อนเกินการประมวลผลของสมองมนุษย์ (สมองทำงานได้ดีในสภาวะ 3 มิติ) การที่คนๆหนึ่ง เกิดเป็นอีกคนๆหนึ่ง และมีอีกคนมาเกิดเป็นคนๆเดียวกันอีก มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าวิเคราะห์ด้วยโลกหรือจักรวาล 3 มิติ แต่ปัญหาเช่นนี้จะหมดไป ถ้าใช้หลักจักรวาลคู่ขนาน เช่น กรณีของ ปลาบู่ หลวงพ่อพระราชพรหมญาณ หลวงปู่ดู่ ที่เชื่อว่าเคยเกิดเป็น กษัตริย์คนเดียวกัน เป็นไปได้เพราะ ต่างคนก็ต่างเกิดในแต่ละจักรวาล เพราะแต่ละคนก็มีตัวตนเป็นอนัตนต์เช่นกัน ต่างกันเพียง มิติ (เวลา และอวกาศ) ที่ตัวเองเกิด
แม้แต่ในจักรวาลเดียวกัน เวลา และอวกาศ ก็ไม่เท่ากัน สมองมนุษย์ถูกกำหนดให้รู้สึกต่อเวลาในแบบเส้นตรง คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต แต่มนุษย์จำได้เพียงอดีต และปัจจุบัน ส่วนอนาคตจำไม่ได้เลย เราจึงตกอยู่ในกรอบคิดเรื่องเวลา ยากจะถอนตัวออกมา ความจริงที่ลึกซึ้งจึงยากจะเข้าถึง เพราะความจริง ไม่อิงเวลาใดๆเลย
ถ้าเราจำอนาคตได้ ก็แสดงว่าเราเข้าถึงความจริงแห่งจักรวาลแล้ว และภัยพิบัติที่ทำนายว่าจะเกิดกับโลกในเวลาใกล้ๆนี้ มันอาจเกิดขึ้นและจบไปแล้วในอีกมุมหนึ่งของจักรวาลอื่น และมีตัวเราในที่นั่นเป็นผู้ได้รับผลกระทบกันทุกคน หรือมันอาจจะยังไม่เกิด และอาจเกิด ณ ที่นี้ จักรวาลนี้ โลกนี้ เมื่อใดก็ได้

 

คำทำนายที่แม่นยำเสมอโดยที่ทางการต้องออกประกาศเตือนทุกปี โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ใกล้จะถึงนี้ คือ

ช่วง " 7 วันอันตราย" ทั้งช่วงปีใหม่ฝรั่งและปีใหม่ไทย

​

ใน ทุกๆปี ตอนเย็นๆ เปิดทีวี ข่าวแต่ละช่องจะรีบนำเสนอทั้งภาพข่าว-สถิติ(ที่ไม่อยากให้ทำลาย) การเกิดอุบัติเหตุ จากรถจักรยานยนต์ จากรถยนต์ สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก การดื่มสุรา การไม่สวมหมวกกันน๊อก หลับใน ...

ผมมองว่านี่คือ ภัยอันตรายที่แท้จริงต่างหากที่จะเกิดช่วงรอยต่อวันสิ้นปี-ปีใหม่

ถ้าทุกคนในประเทศตั้งคำถามว่า จะทำอย่างไรให้อุบัติเหตุทางถนนลดลง แล้วเอาคำตอบของแต่ละคนนั้นไปปฏิบัติจริงๆ ... ผมเชื่อว่าจำนวนอุบัติเหตุจะลดลงอย่างมากทีเดียว

ส่วนเรื่อง รอยเลื่อนที่อาจจะเกิดแผ่นดินไหวนั้น นอกจากจะติดตามข่าวสาร-บทความ-คำทำนาย ในห้องภัยพิบัติแล้ว อยากให้ทุกคนลองเข้าเวบของกรมทรัพยากรธรณีบ้าง แม้เนื้อหาไม่ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนห้องนี้ แต่ก็สามารถนำไปเป็นข้อมูลพื้นฐานในการตัดสินใจเรื่องภัยพิบัติได้ครับ

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ พอได้อ่านพุทธพยากรณ์ในคลิป บวกกับคำทำนายอื่นๆ ก็รู้สึกว่าน่ากลัวจังค่ะ แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจให้มีสติ และให้เดินในทางของคนดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เพราะคนมีสติย่อมไม่ประมาท ผู้ไม่ประมาทย่อมไม่ตาย ผู้ไม่เบียดเบียนย่อมไม่ถูกผู้ใดเบียดเบียน ต้องเร่งทำบุญแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะที่เร่งมาเตือนสติกัน

 

ตอนนี้ก็พยายามคิดว่า มันต้องเกิดแน่ เผื่อว่า เดียวมันจะได้เลื่อนออกไป แต่ที่อดคิดไม่ได้คือ พอคิดอะไรประมาณนี้ มักไม่เคยเกิด บางครั้งคำทำนายอื่น ระบุวันระบุเป็นช่วง ก็ไม่เกิดเหมือนกัน คือไม่เกิดได้ก็จะดีมากครับ เพราะเรื่องอย่างนี้ น่าสงสารยิ่งนะครับ ลองนึกแค่เรื่องน้องน้ำจัดหนักช่วงนี้ ก็ว่า แม่เจ้าแล้ว นี้ถ้า เป็นน้องน้ำยกกำลังไหวด้วยหละก็ 5555 จ๊อดดดด+กล้วยทอดแน่ๆ ไม่อยากคิดจริงๆครับ

สงสัยอย่างครับ ว่า ในหลวง พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำรัสไว้ปีไหนนะ จำไม่ได้ ว่าจะหาข้อมูลแล้วย้อนกลับไปฟังพระราชดำรัสครับ ประมาณว่า

แซยิสที่ 70 กว่า ท่านจะได้มีการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำถ้วม แซยิสที่ 84 จะได้ทำการย้ายเมืองหลวง

จำไม่ได้ครับว่าปีไหน ช่วยบอกผมด้วยนะครับที่ใครทราบ