พระสมเด็จผงยันต์เกราะเพรชลพ.บุญธรรมลพ.แลวัดพระทรงปี๑๙

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,647
    ค่าพลัง:
    +21,332
    สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ_(ปุ่น_ปุณฺณสิริ).jpg
    พระสมเด็จแสน เป็นพระที่จัดสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระสังฆราช ป๋า วัดเชตุพนหรือวัดโพธิ์ กรุงเทพ ในปี ๒๕๑๒ ท่านสมเด็จป๋า เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบรูปหนึ่ง ท่านเป็นชาวสุพรรณบุรี เป็นพระสังฆราชที่ชาวสุพรรณยกย่องมากเพราะท่านเป็นพระที่ไม่ติดในยศศักดิ์ สมเด็จป๋า มีความสนิทสนมกับยอดพระเกจิดังๆในอดีตหลายองค์ เช่น หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ เป็นต้น
    เนื้อหามวลสาร และการจัดสร้างพระสมเด็จแสน ของสมเด็จป๋า ถือว่าเป็นยอดพระผงที่มีมวลสารจากทั่วประเทศ เป็นของดีที่ซ่อนเร้นอยู่ในวงการ พุทธคุณพระรุ่นนี้ไม่เป็นรองพระแพงๆ เพราะเจตนาผู้สร้างบริสุทธิ์ มวลสารดีมากๆจากทั่วประเทศ พระเกจิที่นิมนต์มาปลุกเสก เช่น หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยา หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธินิมิต เป็นต้น สมเด็จแสน ที่สร้างโดยสมเด็จสังฆราชป๋า ปี 2512 (ตอนนั้นท่านยังดำรงตำแหน่งสมเด็จพระวันรัต) ได้สร้างพระสมเด็จแสน ออกแจกลูกศิษย์ในงานฉลองอายุครบ ๗๒ ปีของท่านครับ
    ในส่วนของวัตถุมงคลนั้นได้จัดสร้าง 2 พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่และเล็ก มีทั้งแบบ พิมพ์หน้าเดียวและพิมพ์ 2 หน้า ( พบเจอยากมากๆ ) สร้างทั้งหมด หนึ่งแสนองค์ เอกลักษณ์ของพระพิมพ์นี้คือ ด้านหลังเป็นลายก้านโพธิ์
    จัดว่าเป็นอีกหนึ่ง พระดี ปีลึก พิธีใหญ่ ที่ราคาเช่า บูชา ในปัจจุบัน อยู่แค่เพียง หลักร้อยถึงหลักพันต้น ซึ่งเมือดูจากมวลสารและพิธีที่จัดสร้างนั้นนับว่าราาเบามากๆ ( รุ่นนี้ชาวต่างชาติตามเก็บสะสมกันมาก )
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    กล่องที่ใส่โดนความร้อนจนละลายบิดเบี้ยว เสียรูป
    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240919_184526.jpg IMG_20240919_184553.jpg IMG_20240919_184617.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,647
    ค่าพลัง:
    +21,332
    u5.jpg
    เหรียญหลวงพ่อคง วัดบ้านสวน ปี ๒๕๓๐
    พระครูพิพัฒน์สิริธร หรือ"หลวงพ่อคง สิริมโต" (7 มกราคม พ.ศ. 2445 - 23 กันยายน พ.ศ. 2517) อดีตเจ้าคณะตำบลมะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ท่านเป็นศิษย์ของพระครูสิทธยาภิรัต (พระอาจารย์เอียด) วัดดอนศาลา และศึกษาเพิ่มเติมจากตำราไสยศาสตร์ของท่านอาจารย์เฒ่า วัดเขาอ้อ จนมีความรู้แตกฉานและทรงวิทยาคุณในวิชาแขนงนี้ เป็นที่รู้จักและเคราพนับถือจากประชาชนทั่วไปทั้งในจังหวัดพัทลุง และจังหวัดอื่นๆ
    ในงานผูกพัทธสีมาวัดบ้านสวน เมื่อปีพ.ศ.2530 ทางวัดได้จัดสร้างเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อคงขึ้นเป็นที่ระลึก มีพิธีปลุกเสกใหญ่โดยนิมนต์เกจิสายเขาอ้อและสายใต้มาร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิต
    แม้จะเป็น"เหรียญตาย" แต่ได้สุดยอดเกจิร่วมกันอัดพลังคาถาอาคม และมีประสบการณ์มากมายหลายด้าน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    มี ๓ เหรียญ
    ให้บูชาเหรียญละ 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240919_175730.jpg IMG_20240919_175810.jpg IMG_20240919_175912.jpg IMG_20240919_175950.jpg IMG_20240919_180033.jpg IMG_20240919_180117.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,647
    ค่าพลัง:
    +21,332
    1726788104652.jpg

    ประสบการณ์ในการปลุกเสกวัตถุมงคลของท่านนั้นยังมีอีกมากมาย ที่หลายท่านได้ประสบพบเจอกัน เช่นการปลุกเสกน้ำมนต์จนโอ่งแตกที่จ.พิจิตร
    โดยมีผู้ร่วมพิธีหลายพันคนต่างตกตะลึงในความมหัศจรรย์ ทั้งทีโอ่งใบนี้ใหญ่และแข็งแรงมากระดับว่าต้องใช้ชายฉกรรณ์ถึงกว่า10คนยกขึ้นมาในสถานที่ทำพิธี
    รวมถึงการลอยตัวลงจากอาสนะขณะปลุกเสกน้ำมนต์ที่ ลอสแองเจอลิส สหรัฐอเมริกา และการปลุกเสกประจุพลังยกวัตถุมงคลที่หนักกว่า 40-60 กิโลให้ลอยเหนือศรีษะ ด้วยมือเพียงข้างเดียว ฯลฯ ยังมีอีกมากมายเลยครับเล่ายังไงก็ไม่จบ
    พระครูสุนธรธรรมประภาส (หลวงพ่อแขก วัดสุนทรประดิษฐ์) ตำบลบางระกำ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก
    นามเดิมชื่อ ลำยอง นามสกุล นาทีทองพิทักษ์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ.2467 ตรงกับแรม 7 ค่ำ เดือน 10 ปีชวด ณ บ้านกรุงกรัก ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก บิดาชื่อ นายเฮง มารดาชื่อ นางพัน อาชีพทำนา มีพี่น้องรวม 7 คน
    ท่านเป็นพระอาจารย์ที่ชาวจังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพนับถือท่านเป็นอย่างมาก เพราะท่านเป็นพระที่ถือสันโดษ บำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
    ในด้านการปฏิบัติของท่านนั้น ถือเอาปฏิบัติสัจจะเป็นที่ตั้ง ท่านจึงมีสานุศิษย์ใกล้ชิดที่มีความเคารพมาก เพราะได้ประจักษ์แก่สายตาของตนเองมาแล้วทั้งนั้น
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระฝักไม้ขาวปี๒๕๓๔ตะกรุดโทน เหรียญโภคทรัพย์ ๓ รายการ
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240920_062429.jpg IMG_20240920_062450.jpg IMG_20240920_062513.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2024 at 12:37
  4. romegat

    romegat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,523
    ค่าพลัง:
    +9,411
    ปิดรายการนี้ครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,647
    ค่าพลัง:
    +21,332
    1667431896997.jpg 1667431883447.jpg
    คุณจักร ฯ กับ คุณศาสน์ ฯ
    เล่าเรื่องเกี่ยวกับพระเดชพระคุณพระอริยสงฆ์ ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเรียกว่า พระสุปฏิปันโน มาหลายองค์แล้ว ชักจะเบื่อ ๆ ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศติดตามเรื่องของฆราวาส ๒ ท่านดูบ้าง คือ เรื่องของ คุณจักร ฯ กับ คุณศาสน์ เดี๋ยวพอให้คลายหายง่วงหายเหงา แล้วค่อยกลับเรื่องไปคุยถึงหลวงพ่อ ฯ หลวงปู่องค์อื่น ๆ กันอีกก็แล้วกันนะครับ
    ในสมัยที่ผมได้มาพบกับหลวงพ่อ ฯ ของเรานั้น ผมมียศเป็นร้อยตำรวจเอก แต่ได้รับเกียรติยศเป็นอย่างสูง ให้ไปช่วยราชการอยู่ที่กองยุทธการ กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า (ปัจจุบันเรียกชื่อใหม่ว่า “ศูนย์อำนวยการร่วม กองบัญชาการทหารสูงสุด”)
    ทั้งนี้ เป็นความกรุณาอย่างยิ่งของท่าน พล.อ. ทวนทอง สุวรรณทัต อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งในขณะนั้นมียศเป็น พ.อ. ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองยุทธการ ท่าน พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นมียศ พล.ท. ดำรงตำแหน่งรองเสนาธิการกองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า ท่าน พล.อ.อ. ทวี จุลละทรัพย์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหาร และท่าน พล.อ. ทำเนียบ ทับมณี รองประธานคณะเสนาธิการ กองอำนวยการกลางรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ขณะนั้นยศ พ.ท. ดำรงตำแหน่งประจำกองยุทธการ
    ความจริงนอกจากผู้หลักผู้ใหญ่ทางฝ่ายทหารจะได้กรุณาผมดังกล่าวแล้ว ท่านผู้ใหญ่ทางตำรวจที่ให้ความกรุณาเป็นอย่างยิ่งกับผมในครั้งนั้นก็มี คือ ท่าน พล.ต.ท. ประเนตร ฤทธิ์ฤาชัย อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ ขณะนั้นยศ พล.ต.ต. ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน และท่าน พล.ต.อ. วสิฏฐ์ เดชกุญชร ณ อยุธยา อดีต รมช. กระทรวงมหาดไทย ขณะนั้นยศ พล.ต.ต. ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน ได้ช่วยเหลือและชักชวนให้ผมไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจตระเวณชายแดนเช่นเดียวกัน
    ผมจำได้ดีว่า ทั้งสองท่านยังได้กรุณาพาผมไปเลี้ยงอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งแถวถนนพหลโยธิน แต่แล้วในที่สุด ด้วยความจำเป็นและความสะดวกสบายที่ได้รับมากกว่าจากทางกองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า ผมจึงจำเป็นต้องเลือกการไปช่วยราชการอยู่กับฝ่ายทหาร ทั้งๆ ที่ความผูกพันทางใจที่ลึกซึ้งนั้นอยู่กับตำรวจตระเวณชายแดนมากกว่า
    แต่ถ้าท่านเป็นผม ก็คงจะต้องเลือกเช่นเดียวกับที่ผมเลือกไปแล้ว ก็ลองคิดดูว่าจะให้ผมเลือกทางไหน ในเมื่อขณะนั้นผมยังเดินไม่ได้ ต้องใช้ไม้เหน็บรักแร้ค้ำยันเวลาเดิน และต้องไปรักษาพยาบาลที่ ร.พ. พระมงกุฎทุกวัน ผมและภรรยาเช่าบ้านอยู่ที่ท่าดินแดงฝั่งธนบุรี ผมจะไปทำงานที่กองบัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน ซึ่งอยู่ตรงข้ามซอยสายลม พหลโยธินได้อย่างไร จะเบียดขึ้นรถประจำทางรึ ก็คงจะไปไม่รอด ครั้นจะขึ้นรถแท็กซี่อีกรึ ก็คงจะไม่มีปัญญา
    สำหรับทางฝ่ายทหารนั้นมีขีดความสามารถในการสนับสนุนและช่วยเหลือผมได้ดีกว่ามาก กล่าวคือ ได้จัดรถยนต์รับ-ส่ง พร้อมพลขับให้ อันเป็นการดูแลและอำนวยความสะดวกตลอดจนบรรเทาความเดือดร้อนในการเดินทาง ทั้งการไปทำงานและการไปรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ
    ดังนั้น ผมจึงจำเป็นต้องเลือกหนทางที่จะสามารถดำรงชีวิตได้เอาไว้ก่อน และในระหว่างที่ผมช่วยราชการอยู่ที่กองยุทธการ กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้านี้นั่นเอง ผมก็ได้รับความกรุณาจากท่าน พล.อ. ทวนทอง สุวรรณทัต เป็นอย่างยิ่ง โดยท่านได้กรุณาสนใจและเอาใจใส่ ให้ความสนิทสนม ให้ความคุ้นเคยประดุจบิดาซึ่งกระทำต่อบุตร
    ท่านมักเข้ามาที่ห้องทำงานของผมบ่อย ๆ นอกจากจะเข้ามาคุยเฮฮาสัพเพเหระ หรือเข้ามาสอนเรื่องหน้าที่การงานต่าง ๆ แล้ว ยังสอบถามเกี่ยวกับสาระทุกข์สุขดิบไม่เคยขาด เพราะความดีมีน้ำใจอันสม่ำเสมอของท่านนี่เอง ทำให้ท่านได้เห็นหนังสือที่เกี่ยวกับหลวงพ่อของเรา (ประวัติหลวงพ่อปาน ฯ วัดบางนมโค) ที่ผมได้พยายามซ่อนเร้นแล้วบนโต๊ะทำงานของผม
    (ความจริงก็ไม่ได้ตั้งใจซ่อนให้จริงจังอะไร เพราะไม่ได้เป็นความผิดอะไร เพียงแต่อายนิดหน่อย กลัวท่านจะหาว่าบาดเจ็บแค่นี้ถึงกับเสียอกเสียใจจนต้องเข้าหาพระหาเจ้า จึงเอาหนังสือเล่มอื่นวางทับไว้ และด้วยเกรงว่าท่านจะหาว่าเอาเวลาราชการมาอ่านหนังสืออย่างหนึ่ง และงมงายอีกอย่างหนึ่ง)
    ต่อมาท่านก็คงจะสังเกตว่า เมื่อมีเวลาว่างคราใด ผมจะต้องหยิบหนังสือของหลวงพ่อ ฯ ขึ้นมาอ่านทุกที (ส่วนใหญ่เป็นเวลาหลังอาหารเที่ยง) ท่านจึงหยิบไปเปิดอ่านดูบ้าง พลิกไปพลิกมาแล้วก็คืน ผมเดาว่าท่านคงจะมีความสนใจ ดังนั้น ถ้าผมมีหนังสือเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับหลวงพ่อ ฯ ผมจะหามาเผื่อให้ท่านด้วยอีก ๑ ชุดเสมอ หลังจากนั้นเมื่อท่านพบผม ท่านถามทำนองหยั่งเชิงผมทันทีว่า
    “คุณว่าจริงเร๊อะ” (ท่านคงจะหมายถึง เรื่องราวต่าง ๆ ในหนังสือที่หลวงพ่อเขียนเล่าเอาไว้)
    ผมก็ได้แต่มองหน้าท่านแบบยิ้ม ๆ ไม่ตอบท่านตรง ๆ ในทันที (เพราะผมก็ยังไม่แน่ใจนั่นเอง) แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมได้มีโอกาสศึกษาธรรมจากหลวงพ่อ ฯ และยังได้พบเห็นสิ่งแปลก ๆ ที่น่าอัศจรรย์ของหลวงพ่อ ฯ และเมื่อสังเกตว่าท่านมีเวลาว่างพอ ผมจึงได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อ ฯ ที่ผมได้ประสบพบมาให้ท่านฟัง ซึ่งท่านก็ฟังเรื่องที่ผมเล่าอย่างสนใจ แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุปจากผมว่า จริงหรือไม่จริง
    ส่วนผมเองนั้นก็ไม่ทราบว่าท่านเชื่อหรือไม่เชื่อ (บุคคลในระดับนี้นั้น เด็กระดับผมชักจูงท่านไม่ได้หรอกครับ) เพราะภูมิปัญญาและความรู้ตลอดจนประสบการณ์ของท่าน สูงกว่าผมมากมายนัก
    เวลาล่วงเลยไปอีกระยะหนึ่ง ผมจึงได้ทราบว่า ท่านนั้นมีความเคารพเชื่อถือใน “หลวงปู่พล” เป็นอย่างยิ่ง สาเหตุนั้นมีอยู่ กล่าวคือ ท่าน พล.อ.ท. ลิขิต สุวรรณทัต (ยศ น.ท. สมัยนั้น) ญาติของท่านและภรรยา ได้ไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับ “หลวงปู่พล” อยู่เสมอ ๆ
    สมัยนั้นทราบว่า หลวงปู่พล ฯ ท่านมักจะมาสอนกรรมฐานอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งแถว ๆ บางแค ท่านลิขิต ฯ กับภริยาก็มักจะหาโอกาสไปฝึกเสมอ และได้นำบุตรชายของท่าน ๒ คนติดตามไปด้วย คือ คุณจักร ฯ กับ คุณศาสน์ ฯ ซึ่งเมื่อท่านบิดามารดากำลังฝึกกรรมฐาน คุณจักร ฯ กับ คุณศาสน์ ฯ ก็เล่นกันอยู่ข้างนอกตามประสาเด็ก
    ครั้นเล่นจนเหนื่อยอ่อนจึงมานั่งคอยบิดามารดา และได้ยินการสอนของ หลวงปู่พล ฯ ไปด้วยโดยบังเอิญ และก็ตามประสาเด็กอีกนั่นแหละ คุณจักร ฯ กับ คุณศาสน์ ฯ ก็ชวนกันเล่นนั่งสมาธิเลียนแบบผู้ใหญ่ตามที่ได้ยินคำสอนของ หลวงปู่พล ฯ นั้น
    ปรากฏว่า ทั้ง คุณจักร ฯ และ คุณศาสน์ ฯ นั้น พอจิตเป็นสมาธิก็ได้ทิพจักขุญาณทันที สามารถเห็นเทวดา เห็นพรหม เห็นพระ และไม่ใช่เพียงแต่เห็นอย่างเดียว ยังสามารถติดต่อพูดคุยด้วยได้อีก สิ่งของต่าง ๆ ที่บ้านใคร คุณจักร ฯ และ คุณศาสน์ ฯ บอกได้หมดว่าอะไรวางอยู่ตรงไหน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปที่บ้านนั้นมาก่อน
    แม้สิ่งของบางอย่างที่เจ้าของลืมไปแล้วว่าสิ่งของในกล่องที่เก็บเอาไว้นั้นเป็นอะไร ก็สามารถบอกได้เลยว่าสิ่งของนั้นเป็นอะไร ทีนี้ท่าน พล.อ. ทวนทอง ฯ ซึ่งมีศักดิ์เป็นคุณตาท่านก็สนุกใหญ่ ท่านพา คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ ไปที่บ้านของท่าน พาไปที่ห้องเก็บของ แม่จ้าวโวย...สัพเพเหระ สิ่งของกองเป็นพะเนินอยู่ในห้อง อยู่ในกล่องก็มี ห่อเอาไว้ก็มี ขี้ฝุ่นหนาปึ้ก
    ท่านเจ้าของเองก็ลืมไปหมดแล้วว่า ภายในมีอะไรบ้าง แล้วคุณตาก็ถามคุณหลานว่าห่อนั้นห่อนี้มีอะไร คุณหลานก็บอก ซึ่งเมื่อแก้กล่องหรือห่อออกมาพิสูจน์ดู ก็ตรงตามที่คุณหลานบอกเอาไว้ไม่มีผิดพลาด คุณตากับคุณหลานก็มักจะเล่นทายสิ่งของที่หมกเอาไว้จนคุณตาลืมอยู่เป็นประจำ จนคุณหลานสุดแสนจะเบื่อหน่าย แต่คุณตาไม่เบื่อเลย (สมัยนั้น คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ อายุราว ๆ ๔-๕ ขวบ)
    คุณตาอยากเล่นแบบนี้ด้วยทุกวัน เพราะการทายสิ่งของดังกล่าวนี้ คุณตาสามารถท้าพิสูจน์กับใครก็ได้ว่าคุณหลานเห็นจริง ๆ นอกจากนั้น เรื่องที่ตลกและขำขันก็คือ คราวหนึ่ง คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ นึกสนุกอยากจะรู้ใจเจ้าสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ขึ้นมา จึงได้ผลัดกันหลอกถามเจ้าสุนัขน้อยนั้นว่า ระหว่าง คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ นั้น เจ้าหมาน้อยรักใครมากกว่า
    คำตอบของเจ้าหมาน้อยทำให้ คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ หัวเราะลั่นจนงอหาย ชอบอกชอบใจว่าสุนัขนั้นตอบถูกใจ แต่ก็ทำเอาคุณพ่อคุณแม่ตกอกตกใจคิดว่าเกิดอะไรขึ้นจึงได้มาสอบถาม และจึงพลอยได้รู้เรื่องนี้ไปด้วย
    ทั้งนี้ไม่ว่าใคร พอได้ทราบว่าเจ้าหมาน้อยตอบ คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ ว่าอย่างไรแล้ว ต่างก็หัวร่อกันงอหายเช่นเดียวกับ คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ ไปตาม ๆ กัน เพราะสำหรับสุนัขแล้ว คำตอบนี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าสุนัขน้อยตัวนี้ นอกจากจะฉลาดแล้วยังมีปฎิภาณไหวพริบและ IQ ไม่เบา
    อยากรู้ไหมว่าเจ้าสุนัขตอบ คุณจักร ฯ กับคุณศาสน์ ฯ ว่าอย่างไร มันตอบว่า “รักเท่ากัน”
    ผมยังจำได้ดีในขณะที่ได้ฟังเรื่องนี้จากท่าน พล.อ. ทวนทอง ฯ ท่านจะเล่าไปหัวเราะไปขบขันขนาดน้ำหูน้ำตาไหล ท่านว่า “แหม...ไอ้หมาตัวนี้มันฉะหลาด (ฉลาด)” แล้วก็หัวร่อต่อจนงอหงาย..!
    เหรียญหัวใจหลวงปู่พล
    ัวัดหนองคณฑี สระบุรีเลี่ยม เก่า
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240920_093655.jpg IMG_20240920_093718.jpg
     
  6. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,057
    ค่าพลัง:
    +6,765
    ขอจองครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,647
    ค่าพลัง:
    +21,332
    วันนี้จัดส่ง
    1726827314983.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,647
    ค่าพลัง:
    +21,332
    FB_IMG_1726992049516.jpg FB_IMG_1726992044978.jpg FB_IMG_1726992039848.jpg
    สมเด็จพิมพ์คะแนน หลัง “ธ ” หลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม ทางเลือกของคส
    น ที่อยากมีพระผงยันต์เกาะเพชร ดีๆ ไว้ใช้สักองค์ หรือ คนที่อยากใช้ผงยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งหลวงพ่อบุญธรรม ได้รับมอบจากหลวงพ่อปานมาเยอะมาก เพื่อทำพระเครื่องชุดนี้
    หลวงพ่อบุญธรรม นับได้ว่าไม่เป็นสองรองใครในเรื่องของความขลังและศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากท่านได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆไว้มากมาย จากหลากหลายอาจารย์ และท่านยังเป็นผู้ที่ระลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์ต่างๆโดยเสมอ ดังนั้นเมื่อถึงวันเสาร์แรกของเดือนห้า ทุกๆปี ท่านจะจัดงานไหว้ครู ขึ้นโดยที่จะมีลูกศิษย์ของท่านเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทุกปี นอกจากจะเป็นที่พึ่งให้บรรดาชาวบ้านทางด้าน ยาแผนโบราณ และทางเวทย์มนต์คาถาแล้ว ท่านก็ยังเป็นหัวแรงในการพัฒนาชุมชนและวัดวาอารามต่างๆที่ขัดสน อีกด้วย ซึ่งก็ปรากฏหลักฐานเป็นอาคารต่างๆ ทั้งในวัดและโรงเรียนในท้องที่ต่างๆทั้งในจังหวัดนครปฐมเองและที่อื่น
    พระเครื่องที่ท่านสร้างไว้มีหลายพิมพ์ เช่น พระพิมพ์สมัยทวาราวดี ซึ่งท่านได้แม่พิมพ์ของเก่าจากในวัดพระปฐมเจดีย์นั่นเอง พระพิมพ์สมเด็จ มีหลายขนาด ท่านสร้างขึ้นด้วยผงสีขาว โดยมีผงยันต์เกาะเพชรที่ท่านทำขึ้นจากวิชาที่เรียนมาจาก หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ( หรือบางตำราว่าท่านได้รับผงยันต์เกาะเพชร จากหลวงพ่อปาน มาเป็นส่วนผสมจำนวนมาก ) เป็นมวลสารสำคัญ ด้านหลังพระพิมพ์สมเด็จของท่านมักจะมีตัวอักษร ธ กดจมลงในเนื้อ ซึ่งคงจะหมายถึง หลวงพ่อบุญธรรม นั่นเอง

    สมเด็จ หลัง "ธ" สร้างโดยพระปฐมเจติยาทร (หลวงพ่อบุญธรรม ธมฺมาราโม) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม ศิษย์เอกและหลานของหลวงพ่อปาน โสนนฺโท วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สืบทอดต้นตำรับวิชาเป่ายันต์เกราะเพชร พุทธคุณครอบจักวาล โดยเฉพาะพระสมเด็จหลัง ธ ของหลวงพ่อบุญธรรม คุณสุธี
    สูงกิจบูลย์ เคยเล่าให้พระมหาวัดพระปฐมเจดีย์ฟังว่าได้มีเพื่อนที่รู้จักกันกับแกเคยรอดตายจากการถูกงูเห่ากัดในขณะอยู่ในป่า แต่นึกขึ้นได้ว่ามีพระสมเด็จหลัง ธ อยู่ที่ตัวด้วยความเชื่อและศรัทธาในพุทธคุณของพระสมเด็จเลยตัดสินใจเคี้ยวกินพระสมเด็จเนื้อผงหลัง ธ ไปครึ่งองค์จึงรอดตายมาได้ ส่วนอีกครึ่งองค์ได้นำไปเลี่ยมทองขึ้นคอ นี่คืออานุภาพของพระสมเด็จหลัง ธ ผสมผงยันต์เกราะเพชรและทุกวันเสาร์ 5 แรกจะมีพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรเป็นประจำจนหลวงพ่อบุญธรรมมรณภาพจากไป นี่แหละสุดยอดพระเครื่องพุทธคุณที่ควรหามาบูชาติดตัวทั้งเมตตามหาลาภป้องกันคุณไสย คุณผี อันตรายต่าง ๆ ที่สำคัญคนนครปฐมเก็บเงียบเป็นพระใช้ประจำกาย

    " อานุภาพพุทธคุณสมเด็จหลัง ธ "
    หลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์
    เรื่องราวนี้กระผมผู้เขียนได้ฟังเรื่องเล่า จากหลวงพ่อสายันต์ วัดไทร
    ท่านเล่าให้ฟังว่า ครั้งสมัยที่ท่านยังเป็นสามเณรอยู่วัดใหญ่กับหลวงพ่อทิม ศิษย์หลวงพ่อบุญธรรม คนสมัยนั้นมักจะมีหลายท่านรู้ว่า หลวงพ่อทิมท่านนั้นเป็นพระที่มีวิชาดีเก่งทั้งเรื่องดูดวงและไล่ของได้เหมือนหลวงพ่อบุญธรรม ซึ่งท่านได้สืบวิชาการสับเขียงไล่ผี(ตามตำหรับหลวงปู่ปานวัดบางนมโค) โดยการสับเขียงไล่ผีนั้น ท่านกล่าวไว้ว่ากำลังจิตนี้สำคัญคนทำแป๊บเดียว ของที่เข้าตัวคนโดนทำมาก็ออกจากตัวได้อย่างรวดเร็ว(อย่างหลวงพ่อบุญธรรมสับเขียงไล่ผีแหละครับ) วิชานี้เขาว่า ใช้เขียงที่ทำครัวเรียกว่าป่าช้าร้อยศพเป็นการข่มว่าสัตว์ต้องมาตายที่เขียงนี้และนำมีดหมอมาสับเรียกชื่อนามของคนที่โดนของเข้า ใส่ไปในเขียงและท่องคาถาภาวนาไปเลื่อย บ้างก็ว่าในสมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคบางครั้งท่านก็ยังเคยนำเขียงขึ้นไว้เหนือบนศรีษะแล้วสับเขียงบนศรีษะ(เขาว่ากันอย่างนั้นก็ไม่สามารถมีอะไรยืนยันได้) เมื่อคนที่โดนทำมาของออกแล้วก็ให้ไปรดน้ำมนต์(เพื่อประสานเนื้อหนัง) ถือว่าเป็นเสร็จพิธี
    ส่วนเรื่อง อานุภาพพุทธคุณของสมเด็จหลัง"ธ" หลวงพ่อบุญธรรมนั้น สมัยก่อนท่านจะลบผงเกราะเพชรเพื่อทำพระให้ลูกศิษย์ได้นำไปใช้พกติดตัว
    แต่เรื่องสมเด็จหลังธ นี้ มีอยู่ว่า คราวที่หลวงพ่อสายันต์ท่านอยู่กับหลวงพ่อทิม อาจารย์สำราญท่านเคยพาโยมคนนึงมาหาหลวงพ่อทิม โยมคนนี้เป็นคนจีน อาศัยอยู่ในตลาดนครปฐมแถวห้วยจระเข้ พามาหาหลวงพ่อทิม โดนของผีเข้า มาให้ท่านรักษา ท่านจึงพูดคุยกันและทำการเอามีดหมอไล่ผี จิ้มไล่ผีก็แล้ว รดน้ำมนต์ก็แล้ว อะไรก็แล้ว จึงได้สับเขียงไล่ของไล่ผี คนที่โดนของนั้นก็ดิ้นทุรนทุราย ไปไหนก็ไม่ได้ ดิ้นไปดิ้นมาอยู่กับที่(เพราะหลวงพ่อทิมท่านสะกดผีไว้ให้อยู่) จนหลวงพ่อสายันต์เห็นว่าผีไม่ยอมออกสักที จึงได้เปิดประตูเดินออกมาจากกุฏิ สักพักต่อมาท่านจึงคิดว่าจะเข้าไปดูอีกรอบ ปรากฏว่า คราวนี้คนจีนที่โดนของผีเข้าคนนี้ ธุรนธุรายดิ้นคลานหนีด้วยอาการความเจ็บปวดนี้ออกไปจากประตูกุฏิหลวงพ่อทิม ขณะหลวงพ่อสายันต์เปิดประตู ลงจากชั้นบนสู่ชั้นล่างของกุฏิ(ซึ่งแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือจริงๆคนที่คลานไปแบบทุนรนทุรายนั้นต้องมีร่องรอยขีดข่วนตามร่างกายแต่คนๆนี้กลับไม่มีอะไร) หลวงพ่อทิมท่านจึงสั่งให้ลูกศิษย์จับคนๆนี้กลับมาแล้วทำพิธีรดน้ำมนต์ ให้เสร็จปรากฏว่าอาการก็ดีขึ้น
    ต่อมาประมาณ อีกสองวันหลวงพ่อทิม ท่านจึงใช้ให้อาจารย์สำราญ ไปดูอาการโยมคนจีนคนนั้นว่าหายหรือยังอาจารย์สำราญ จึงชวนหลวงพ่อสายันต์ซึ่งเป็นสามเณรไปด้วยที่บ้านแถวห้วยจรเข้ อาจารย์สำราญจึงนำเอาพระสมเด็จเล็กหลัง ธ. หลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ มาฝนกับน้ำ เพื่อทำน้ำมนต์ประพรมคนป่วยที่โดนของคนนั้น แกก็หลบไม่ให้พรมน้ำมนต์ถูกตัวแก อาจารย์สำราญจึงให้ญาติคนป่วยจับตัวไว้ แล้วนำเอาน้ำมนต์กรอกปากส่วนที่เหลือก็ให้เอาไว้ให้กินน้ำมนต์อีก ต่อมาอีกสองวันญาติจึงพาคนป่วยที่ถูกของซึ่งมีอาการหน้าตาสดใสพามาไหว้หลวงพ่อทิม ที่กุฏิคณะบูรณานนท์และบอกกล่าวว่า อาการนั้นได้หายดีขึ้นแล้ว

    โดยที่ไม่มีอาการอะไรอีกเลย แต่ก็เป็นที่อานุภาพพุทธคุณสมเด็จหลังธ และบารมีของหลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ที่ช่วยรักษาคุ้มครองให้โยมคนนั้นหายจากอาการโดนของ(ที่เรียกกันว่า คุณไสยมนต์ดำของที่ไม่เห็นตัวตน)
    #เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลและเป็นความเชื่อที่คนไทยเชื่อถือกันมานานนะครับ
    ข้อมูลที่มา
    พระครูวิสุทธิ์ธรรมโฆส(หลวงพ่อสายันต์)
    วัดไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จคะแนนหลัง ธ. หลวงพ่อบุญธรรม ให้บูชาราคา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240922_153826.jpg IMG_20240922_153857.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,647
    ค่าพลัง:
    +21,332
    FB_IMG_1726996362075.jpg
    สมเด็จคะแนนหลวงพ่อแลวัดพระทรง ปี๒๕๑๙
    ประวัติ พ่อแล
    สุดยอดพระเกจิเมืองเพชรบุรี
    พระเกจิอาจารย์ ผู้ทรงวิทยาคมศิษย์สายพุทธาคม #หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง และหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง ท่านเป็นเจ้าของตำนาน #หนุมานและวิชามหาเมฆ อันลือลั่นเกจินามนี้มีนามว่า....
    #หลวงพ่อแล ทิตัพโพ" วัดพระทรง จ.เพชรบุรี

    ........หลวงพ่อแล ทิตฺตพฺโพ ท่านเป็นพระผู้ปฎิบัติผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียนชื่นชอบในไสยเวทวิทยาคม ทั้งวิชาถอนพิษ สักยันต์ โหราศาสตร์ เสริมดวงชะตา วิชาทำตะกรุด ท่านมีความเชี่ยวชาญในฐานะพระอาจารย์สักยันต์ โดยเฉพาะ “ยันต์หนุมาน” เป็นที่กล่าวขานถึงประสบการณ์ต่างๆมากมาย มีลูกศิษย์ ทั้งทหาร ตำรวจ ดารา คนดัง ในสมัยก่อน
    .......ชื่อเสียงของหลวงพ่อแลเริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปมานานนับสิบปี เมื่อท่านได้ลงมือสักยันต์ต่างๆ ทั้งหนุมาน ลิงลม พญาหงส์ และลงนะหน้าทองให้แก่บรรดาลูกศิษย์ แล้วบังเกิดอภินิหาร ทั้งในทาง เมตตามหานิยม โดยเฉพาะทาง อยู่ยงคงกระพัน จนเป็นที่ร่ำลือไกล จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ต้องมาขอร้องให้หลวงพ่อเลิกสักยันต์ เนื่องจากมีลูกศิษย์บางคนไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น แต่ด้วยความเมตตา ประกอบกับคำสั่งขององค์อาจารย์ ทำให้ หลวงพ่อแลไม่อาจเลิกสักยันต์ด้วยตัวเองได้ แต่ท่าน ก็เพียรพยายามเน้นย้ำสั่งสอนญาติโยมให้หมั่นทำความดี-มีศีลธรรม เพื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะได้ปกปักรักษาคุ้มครอง ตัวตลอดไปไม่เสื่อมคลาย
    #ประวัติ
    ......หลวงพ่อแล วัดพระทรง มีสายเลือดชาวเพชรบุรี เกิดในสกุล วาดวงศ์ เมื่อวันพุธที่ 19 ก.ค. 2459 ที่บ้านไร่สัตว์ ต.ไร่มะขาม อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายอยู่ และนางทอง วาดวงศ์ เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 7 คน
    อายุ 14 ปี เข้าพิธีบรรพชาที่วัดบ้านเกิด
    กระทั่งอายุครบ 20 ปี หลวงพ่อแล ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดหนองไม้เหลือง จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2477 มี #หลวงพ่อใหม่ วัดเขาทะโมน เป็นพระอุปัชฌาย์, #หลวงพ่อยอด วัดหนองไม้เหลือง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ #หลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ทิตัพโพ"
    ท่านเคยจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองไม้เหลือง ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่วัดพระทรง เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘
    .....#ท่านมีคณาจารย์ที่ได้ศึกษาเรียนวิทยาคมไสยเวทต่างถึง ๑๕ ท่าน เฉพาะในเพชรบุรีเพียงจังหวัดเดียวถึง ๗ ท่าน
    ๑. #จากหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง อ.เมือง เรียนวิชาถอนพิษแมลงต่างๆ
    ๒. #จากหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง อ.ท่ายาง ร่ำเรียนวิชาสักยันต์ครู ซึ่งเป็นยันต์สูงสุดของการสัก เป็นยันต์แรกที่เรียกว่า "หัวใจพระราม" มีหน้าที่ควบคุมยันต์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นลิงลม, หนุมาน, พญาหงส์เงิน-หงส์ทอง
    ๓. #หลวงพ่อชิต วัดมหาธาตุวรวิหาร ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ วิชานี้เชื่อกันว่าทำให้หลวงพ่อแลได้สัมผัสที่ ๖ สามารถทราบเหตุการณ์ต่างๆ ล่วงหน้าได้
    ๔. #ศึกษาวิชาพระขรรค์ จากหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
    ๕. #วิชาตะกรุดโทน ตะกรุดแฝด จากหลวงพ่อผัน วัดมหาธาตุวรวิหาร
    ๖.#ได้เรียนสักตัวมหาเมฆ จากคุณพ่อต่อ และคุณพ่อจันทร์ ศิษย์พระครูสันต์ แห่งวัดเขาวัง จ.เพชรบุรี พระเถราจารย์สมัยรัชกาลที่ ๕ สำหรับการสักตัวมหาเมฆนี้ในประเทศไทยมีหลวงพ่อแลเพียงรูปเดียวที่สามารถสักได้
    ในปี พ.ศ.๒๔๘๙ เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดฝัน ผลักดันชีวิตของท่านให้ต้องเปลี่ยนไป เมื่อครั้งที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดมหาธาตุ ได้เกิดเหตุร้ายแรงกับครอบครัวและญาติโยมของท่าน เมื่อมีโจรเข้าปล้นเงินทอง ทำร้ายโยมมารดาและพี่น้องทุกคนเสียชีวิต (โยมบิดาเป็นอัมพาตและได้เสียชีวิตไปก่อนแล้ว) ท่านต้องนำเงินจากการขายทองคำหนัก ๖ บาท ที่พวกโจรรีบร้อนทำตกไว้ เพื่อนำไปจัดงานศพครอบครัว
    จากเหตุการณ์นี้เป็นเหตุให้ท่านตัดสินใจออกเดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่า เพื่อปฏิบัติธรรมและแสวงหาความรู้ มาช่วยคนรุ่นหลังที่ต้องถูกทำร้ายโดยไม่มีทางสู้ โดยออกเดินทางจาก จ.เพชรบุรี มุ่งสู่ จ.นครปฐม เรียนวิชาต่างๆจากเกจิอาจารย์อีกหลายท่านคือ
    ๗.-#หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง. วิชากะลาตาเดียว ราหูอมจันทร์ และวิชาเสริมดวงกับ
    ๘-#วิชาลงนะหน้าทองกับหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม
    ๙-#วิชาผงยาจินดามณี ที่ทำมาจากเบี้ยแก้ กับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
    ......จากนั้นจึงเดินทางสู่ จ.สมุทรสาคร
    ๑๐.#เรียนวิชาชูชกกับหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน.
    ๑๑. #เรียนวิชาตะกรุดไม้ไผ่ จากหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ .
    ......ก่อนเข้าสู่กรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี
    ๑๒. #เรียนวิชาเบี้ยแก้ กับหลวงปู่รอด วัดนายโรง ตลิ่งชัน
    ......แล้วมุ่งไปเมืองอยุธยา
    ๑๓..#เรียนวิชาตะกรุดพวง และยันต์หัวใจ ปลาตะเพียนมหาลาภ จากหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    .......ก่อนเดินทางขึ้นเหนือถึง จ.นครสวรรค์
    ๑๔.#เรียนวิชาศาสตรามีดหมอจากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    ........และสุดท้ายย้อนมาทางภาคตะวันออก ฝากตัวเป็นลูกศิษย์
    ๑๕..#หลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ อ.สัตหีบ เรียนวิชาคุณปลัดขิก
    ....เห็นได้เลยว่าหลวงพ่อแลท่านเป็นพระที่คงแก่เรียนมากๆๆครับครูบาอาจารย์ของท่านนั้นเป็นสุดยอดพระเกจิทรงอภิญาฌานทุกรูปครับ...
    .......นอกจากเป็นพระเกจิอาจารย์สุดยอดด้านสักยันต์ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายแล้ว ด้าน พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง ที่เลื่องลือของหลวงพ่อแล คือ เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแลรุ่นแรก ที่โด่งดัง ต่อมา ได้สร้างรุ่น 2 และรุ่น 3 อีกทั้ง มีตะกรุด เหรียญพระพิฆเนศวร หนุมาน พญาหงส์ เป็นต้น
    ต้นปีพ.ศ.2551 ได้จัดสร้างพระพิฆเนศ เนื้อผง รุ่น "แก้วมหามงคล" ด้านหน้ารูปพระพิฆเนศ 4 กรถือลูกแก้ว ด้านหลังรูปหนุมานเชิญธงขี่สิงห์ โดยอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว มอบเป็นของขวัญปีใหม่แก่ศิษยานุศิษย์
    .....วัตถุมงคลดังกล่าวถือเป็นรุ่นสุดท้าย ที่หลวงพ่อแลจัดสร้าง เพราะหลังจากนั้น หลวงพ่อแล ได้อาพาธติดเชื้อทางกระแสโลหิต เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เพชรรัชต์ แต่ปรากฏว่าอาการไม่ดีขึ้น มีการทรงตัวตลอด
    กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 10 มี.ค. 2551 หลวงพ่อแล ละสังขารด้วยอาการสงบ สิริอายุ 92 ปี พรรษา 54
    สร้างความอาลัยให้ชาวเมืองเพชรบุรี อย่างยิ่ง
    ขอบคุนที่มา....
    ❀#จดหมายเหตุพระเกจิ❀
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จคะแนน ลวงพ่อแลวัดพระทรงปี๒๕๑๙ ให้บูชา300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240922_153927.jpg IMG_20240922_154001.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,647
    ค่าพลัง:
    +21,332
    spd_20161011205316_b.jpg th318.jpg หลวงปู่คร่ำ.jpeg FB_IMG_1726998158526.jpg
    ปิดตาพ้นบ่วงมาร พิมพ์เล็ก ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาตรตากผ้า ครูบาหล้า วัดป่าตึง ลำพูน หลวงปูครํ่า วัดวังหว้า ระยอง
    พระปิดตาพ้นบ่วงมาร เป็นพระปิดตาที่ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมได้จัดสร้างขึ้นในปีพ.ศ 2526 เพื่อได้มีการแจกจ่ายผู้ที่มาร่วมทำบุญสร้างอนุเสาวรีย์ครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า โดยสูตรพระเนื้อผงชุดนี้เป็นเดิมที่ อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร เคยสร้างพระเนื้อผงของหลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค พระสมเด็จปัจเจกโพธิ หรือสมเด็จปัจเจกธรรม ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย พระชุดเนื้อผงต่างๆของครูบาขันแก้ว อุตตฺโม วัดสันพระเจ้าแดง
    เดิมทีพระปิดตาชุดนี้มีทั้งหมด 3 พิมพ์
    1.พิมพ์ใหญ่(ตัวอย่างที่นำมาลงให้ชมนี้ ขนาดสูง3.5 ซ.ม กว้าง3 ซมหนา1 ซ.ม)
    2.พิมพ์กลาง(พิมพ์นี้ได้ถวายให้ ณวัดป่าตึง เรียกว่า ปิดตาป่าตึง)
    3.และพิมพ์เล็ก (ถวายวัดวังหว้้า ออกให้บูชาในนามปิดตาพ้นบ่วงมาร วัดวังหว้า) โดยทั้ง 3 พิมพ์นี้ข้างหลังได้โรยไหมเจ็ดสีที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ทุกองค์
    เป็นความคิดของอาจารย์หมอสมสุขที่ต้องการที่จะสร้างถวายให้ วัดพระพุทธบาทตากผ้าโดยขอเมตตาจากครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า ปลุกเสกพระชุดนี้ใน วันที่14 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2527 คราวที่ครูบาได้นำอนุเสารีย์ท่านมาประดิษฐานที่วัดพระธาตุดอยน้อย อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ด้วยที่ครูบาพรหมาท่านกล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่านไม่สามารถลืมได้เลยเพราะเป็นสถานที่ท่านได้มาบรรลุธรรมและเป็นที่แห่งแรกที่มาธุดงค์เมื่ออายุ24 พรรษาที่4 ได้อธิฐานจำพรรษาที่วัดพระธาตุดอยน้อยเป็นระยะเวลา3เดือน
    เมื่อขนย้ายอนุเสาวรีย์มาถึงวัดพระธาตุดอยน้อยแล้ว ครูบาพรหมมา ท่านได้นั่งหาสถานที่ว่าจุดไหนควรจะตั้งอนุเสาวรีย์ โดยท่านได้เข้าไปนั่งในพระอุโบสถ เข้านิโรธสมาบัติและปลุกเสกพระปิดตาชุดนี้เป็นระยะเวลา2ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อท่านปลุกเสกและหาสถานที่ตั้งอนุเสาวรีย์ได้แล้วท่านก็บอกกับ อาจารย์หมอสมสุขว่า พระปิดตาและวัตถุมงคลอื่นๆปลุกเสกเสร็จหมดแล้ว (โดยที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติปลุกเสกแบบพระอริยะเจ้าครั้งสุดท้ายในชีวิตท่าน) หลังจากนั้นอีก3วัน ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมได้ทราบข่าวการมรณะภาพของครูบาวัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.หมอสมสุขท่านจึงเรียกพระปิดตารุ่นนี้ว่า
    "พระปิดตาพ้นบ่วงมาร" เพื่อที่ว่าได้รำลึกถึงท่านครูบาพรหมา แห่งวัดพระพุทธบาททตากผ้า ว่าจิตของท่านได้หลุดพ้นแห่งกิเลสเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
    และหลังจากนั้น อาจารย์หมอท่านก็นำพระปิดตาชุดนี้ไปขอเมตตาครูบาหล้า วัดป่าตึง และหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยองปลุกเสกอีกจนถึงปี พ.ศ.2528 พระปิดตาชุดนี้ไม่ค่อยมีเห็นตามสนามพระทั่งไปสักเท่าไหร่เพราะเป็นการสร้างให้กับบรรดาคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก แต่ก็มีหลุดไปบ้าง ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติ ผมเลยขออนุญาตฺนำประวัติพระชุดนี้นำมาเผยแพร่ เพื่อที่ใครมีจะได้รู้ถึงประวัติที่แท้จริงว่าที่มาเป็นแบบไหน
    ใครมีพระปิดตาชุดนี้บูชาติดตัวอยู่ผมก็ดีใจด้วยนะครับ ถือว่าเป็นพระปิดตาที่สมบูรณ์ที่สุดผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระอริยะเจ้าที่แท้จริงได้เมตตาปลุกเสกด้วยการเข้านิโรจธสมาบัติก่อนมรณะภาพ แค่3 วัน และนำไปไห้พระอริยะเจ้าอีก2 รูปปลุกเสกอีก
    พุทธคุณนั้นเป็นเมตตาร่มเย็นดั่งปรกติวิสัยแห่งครูบาพระพุทธบาทตากผ้า หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า เป็นโชคลาภโภคทรัพย์แก่ผู้ที่บูชา ปลดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ถือว่าเป็นที่สุดแห่งพระปิดตาก็ว่าได้ครับ
    ปิดตาพ้นบ่วงมาร พิมพ์เล็ก ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาตรตากผ้า ครูบาหล้า วัดป่าตึง ลำพูน หลวงปูครํ่า วัดวังหว้า ระยอง
    พระปิดตาพ้นบ่วงมาร เป็นพระปิดตาที่ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมได้จัดสร้างขึ้นในปีพ.ศ 2526 เพื่อได้มีการแจกจ่ายผู้ที่มาร่วมทำบุญสร้างอนุเสาวรีย์ครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า โดยสูตรพระเนื้อผงชุดนี้เป็นเดิมที่ อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร เคยสร้างพระเนื้อผงของหลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค พระสมเด็จปัจเจกโพธิ หรือสมเด็จปัจเจกธรรม ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย พระชุดเนื้อผงต่างๆของครูบาขันแก้ว อุตตฺโม วัดสันพระเจ้าแดง
    เดิมทีพระปิดตาชุดนี้มีทั้งหมด 3 พิมพ์
    1.พิมพ์ใหญ่(ตัวอย่างที่นำมาลงให้ชมนี้ ขนาดสูง3.5 ซ.ม กว้าง3 ซมหนา1 ซ.ม)
    2.พิมพ์กลาง(พิมพ์นี้ได้ถวายให้ ณวัดป่าตึง เรียกว่า ปิดตาป่าตึง)
    3.และพิมพ์เล็ก (ถวายวัดวังหว้้า ออกให้บูชาในนามปิดตาพ้นบ่วงมาร วัดวังหว้า) โดยทั้ง 3 พิมพ์นี้ข้างหลังได้โรยไหมเจ็ดสีที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ทุกองค์
    เป็นความคิดของอาจารย์หมอสมสุขที่ต้องการที่จะสร้างถวายให้ วัดพระพุทธบาทตากผ้าโดยขอเมตตาจากครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า ปลุกเสกพระชุดนี้ใน วันที่14 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2527 คราวที่ครูบาได้นำอนุเสารีย์ท่านมาประดิษฐานที่วัดพระธาตุดอยน้อย อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ด้วยที่ครูบาพรหมาท่านกล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่านไม่สามารถลืมได้เลยเพราะเป็นสถานที่ท่านได้มาบรรลุธรรมและเป็นที่แห่งแรกที่มาธุดงค์เมื่ออายุ24 พรรษาที่4 ได้อธิฐานจำพรรษาที่วัดพระธาตุดอยน้อยเป็นระยะเวลา3เดือน
    เมื่อขนย้ายอนุเสาวรีย์มาถึงวัดพระธาตุดอยน้อยแล้ว ครูบาพรหมมา ท่านได้นั่งหาสถานที่ว่าจุดไหนควรจะตั้งอนุเสาวรีย์ โดยท่านได้เข้าไปนั่งในพระอุโบสถ เข้านิโรธสมาบัติและปลุกเสกพระปิดตาชุดนี้เป็นระยะเวลา2ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อท่านปลุกเสกและหาสถานที่ตั้งอนุเสาวรีย์ได้แล้วท่านก็บอกกับ อาจารย์หมอสมสุขว่า พระปิดตาและวัตถุมงคลอื่นๆปลุกเสกเสร็จหมดแล้ว (โดยที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติปลุกเสกแบบพระอริยะเจ้าครั้งสุดท้ายในชีวิตท่าน) หลังจากนั้นอีก3วัน ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมได้ทราบข่าวการมรณะภาพของครูบาวัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.หมอสมสุขท่านจึงเรียกพระปิดตารุ่นนี้ว่า
    "พระปิดตาพ้นบ่วงมาร" เพื่อที่ว่าได้รำลึกถึงท่านครูบาพรหมา แห่งวัดพระพุทธบาททตากผ้า ว่าจิตของท่านได้หลุดพ้นแห่งกิเลสเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
    และหลังจากนั้น อาจารย์หมอท่านก็นำพระปิดตาชุดนี้ไปขอเมตตาครูบาหล้า วัดป่าตึง และหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยองปลุกเสกอีกจนถึงปี พ.ศ.2528 พระปิดตาชุดนี้ไม่ค่อยมีเห็นตามสนามพระทั่งไปสักเท่าไหร่เพราะเป็นการสร้างให้กับบรรดาคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก แต่ก็มีหลุดไปบ้าง ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติ ผมเลยขออนุญาตฺนำประวัติพระชุดนี้นำมาเผยแพร่ เพื่อที่ใครมีจะได้รู้ถึงประวัติที่แท้จริงว่าที่มาเป็นแบบไหน
    ใครมีพระปิดตาชุดนี้บูชาติดตัวอยู่ผมก็ดีใจด้วยนะครับ ถือว่าเป็นพระปิดตาที่สมบูรณ์ที่สุดผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระอริยะเจ้าที่แท้จริงได้เมตตาปลุกเสกด้วยการเข้านิโรจธสมาบัติก่อนมรณะภาพ แค่3 วัน และนำไปไห้พระอริยะเจ้าอีก2 รูปปลุกเสกอีก
    พุทธคุณนั้นเป็นเมตตาร่มเย็นดั่งปรกติวิสัยแห่งครูบาพระพุทธบาทตากผ้า หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า เป็นโชคลาภโภคทรัพย์แก่ผู้ที่บูชา ปลดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ถือว่าเป็นที่สุดแห่งพระปิดตาก็ว่าได้ครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตาพ้นบ่วงมารพิมพ์เล็ก ครูบาพรหมมาเข้านิโรธสมาบัติปลุกเสกอธิฐานจิต ให้บูชา 1,500 บาทครับ

    IMG_20240922_154035.jpg IMG_20240922_154103.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...