พระบูชา พระแก้วมรกต ท่านใดทราบรายละเอียด

เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่าครับคุณป๊อบ มีแล้วจะเอาไรตั้ง 2 องค์ บางคนบุญไม่ถึงขนาดคุณป๊อบเลย 55555 องค์เดียวยังไม่มีเลย เป็นผมก็ไม่เสี่ยงเอาเหมือนกันอ่ะครับ

 

พึ่งมีโอกาสได้แวบเข้ามาชม พระสวยมากครับ แต่องค์ที่นำมาให้ชมองค์หลังคงเป็นพระแกะขึ้นมาใหม่เลียนแบบแน่ ๆ เพราะเนื้อหยก ฝีมือ ตลอดจนตัวเลขแตกต่างกันอย่างชัดเจน

 

โหออตโต้พูดซะเวอร์เลย ขอบคุณนะออตโต้ ผมก็ไม่เสี่ยงหรอกไม่กล้าๆ

 

พี่ศนิวารสวัสดีครับเป็นเกรียติที่พี่เข้ามาชมครับ ปลื้มหลายๆ ขอบคุณมากๆเลยครับ องค์หลังนี้กล้าลงประกาศว่ามีใบออกจากวัดด้วย สุดยอดไปเลยครับ คนเรา...

 

อย่าว่าแต่ใบประกาศที่เป็นกระดาษเลยครับ พระเป็นองค์ยังปลอมกันได้ กระดาษแค่ใบเดียว ก๊อปขึ้นมาง่ายนิดเดียวครับ อิๆ ต้องขอบอกว่า ทำไปด้ายยยย

 

คนในพื้นที่เขาเรียก พระแก้วดอนเต้า จ้า คำว่า เต้า ไม่ใช่หมายถึง นม เน้อ มาจากคำว่า หมากเต้า หรือ บ๊ะเต้า ที่คนเหนือใช้เรียกผลไม้ชนิดหนึ่งตรงกับภาคกลางว่า แตงโม เจ๊า หากจำไม่ผิด พระองค์นี้น่าจะอยู่ที่วัดพระแก้วดอนเต้า จ.ลำปาง

 

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับพี่ พี่ครับพระแก้วดอนเต้า กับ พระแก้วเชียงรายนี้ตกลงองค์เดียวกันใช่ไหมครับ

 

คนละองค์กันครับ พระแก้วเชียงรายนี่สร้างใหม่ ตามประวัตินี้ครับ

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>พระแก้วมรกต กับ พระหยกวัดพระแก้ว เชียงราย


วัดพระแก้วเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มีเนื้อที่ <?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:METRICCONVERTER productid="6 ไร่" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="6 ไร่" w:st="on">6 ไร่</ST1:METRICCONVERTER>2งาน <ST1:METRICCONVERTER productid="60 ตารางวา" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="60 ตารางวา" w:st="on">60 ตารางวา</ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="60 ตารางวา" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="60 ตารางวา" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER> ตั้งอยู่ที่ถนนไตรรัตน์ ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะจากวัดราษฎร์เป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 31พฤษภาคม 2521<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O>
เดิมเป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐาน แต่บริเวณนี้มีไม้ไผ่ชนิดหนึ่งคล้ายไผ่สีสุก แต่ไม่มีหนาม ชาวบ้านนิยมนำคันธนูและหน้าไม้ คงจะมีมากในบริเวณนี้ชาวเชียงรายจึงเรียกว่า “วัดป่าเยี๊ยะ หรือวัดป่าญะ” ต่อมาในปี พ.ศ. 1977 ฟ้าผ่าเจดีย์วัดนี้จึงได้พบพระแก้วมรกต ชาวบ้านจึงเรียกเสียใหม่ว่า “วัดพระแก้ว” <O></O>
ตามตำนานโบราณ(พระภิกษุพรหมราชปัญญา แต่งเป็นภาษาบาลีไว้ เมื่อ พ.ศ. 2272) ชื่อหนังสือรัตนพิมพ์วงศ์ พระนาคเสนเถระเป็นผู้สร้างด้วยแก้วอมรโกฏิ ที่เทวดานำมาจากพระอินทร์มาถวายที่เมืองปาฏลีบุตร(ปัจจุบัน เมืองปัตนธ รัฐพิหาร อินเดีย) ต่อมาได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐาน ยังที่ต่าง ๆ ดังนี้

1. เกาะลังกา
2. กัมพูชา
3. อินทาปัฐ (นครวัด)
4. กรุงศรีอยุธยา
5. ละโว้(ลพบุรี)
6. วชิรปราการ(กำแพงเพชร)
7. เชียงราย (พ.ศ.1934 – 1979 ประดิษฐาน 45 ปี)
8. ลำปาง (พ.ศ.1979 – 2011 ประดิษฐาน 32 ปี)
9. เชียงใหม่ (พ.ศ.2011 – 2096 ประดิษฐาน 85 ปี)
10. เวียงจันทร์ (พ.ศ.2096 – 2321 ประดิษฐาน 225 ปี)
11. กรุงเทพมหานคร (พ.ศ.2321 – ปัจจุบัน)

ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามพระบรมหาราชวัง ได้รับพระราชทานนามว่า “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร”


พระประธานที่ประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระแก้วเป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง<ST1:METRICCONVERTER productid="2 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="2 เมตร" w:st="on">2 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> สูงจากเกตุถึงยอดพระรัศมี <ST1:METRICCONVERTER productid="2.80 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="2.80 เมตร" w:st="on">2.80 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> รอบพระเศียร <ST1:METRICCONVERTER productid="1.60 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="1.60 เมตร" w:st="on">1.60 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> นั่งขัดสมาธิราบ พระรัศมีเป็นลักษณะมีดอกบัวตูมอยู่ในเปลวเพลิง ชายสังฆาฏิสั้นเหนือรายพระถัน เม็ดพระศกใหญ่พระหนุเป็นปมใหญ่และชัดมาก พระพุทธรูปองค์นี้แต่ดิมเป็นของวัดล้านทอง ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย ต่อมามีสภาพเป็นวัดร้างจึงถูกรื้อไป ต่อมาได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดดอยงำเมือง หรือดอยงามเมือง ต่อมาได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดพระแก้ว เมื่อวัดพฤหัสบดี ที่ 9 พฤศจิกายน 2504 ซึ่งคนเชียงรายนิยมเรียกกันว่า “พระเจ้าล้านทอง” พระอุโบสถสร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.2433 มีขนาดกว้าง <ST1:METRICCONVERTER productid="9.50 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="9.50 เมตร" w:st="on">9.50 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> ยาว <ST1:METRICCONVERTER productid="21.85 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="21.85 เมตร" w:st="on">21.85 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> เดิมเป็นพระวิหาร ต่อมาได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมา ประกอบพิธีผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2495 ได้บูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ.2503<O></O>

ได้บูรณะใหญ่ครั้งที่ 1 พ.ศ.2503 – 2505 ในสมัยพระพุทธวงศ์วิวัฒน์(วงศ์ ทานวโส) เป็นเจ้าอาวาส นาย<ST1ERSONNAME productid="หมัด ไชยา" w:st="on">หมัด ไชยา</ST1ERSONNAME> เป็นช่างผู้ควบคุมการก่อสร้าง ประกอบพิธีปอยหลวงสมโภชเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2505

ได้บูรณะใหญ่ครั้งที่2 พ.ศ.2543-2545 โดยเปลี่ยนกระเบื้อง กะเทาะปูนเก่าออกฉาบปูนใหม่ลงรัก ปิดทอง เปลี่ยนช่อฟ้าใบระกา บานประตู หน้าต่างลวดลายภายในเป็นไม่สักทั้งหมด โดยควบคุมการก่อสร้างของพระเทพรัตนมุนี เจ้าอาวาส และนาย<ST1ERSONNAME productid="นภดล อิงควนิช" w:st="on">นภดล อิงควนิช

</ST1ERSONNAME>พระเจดีย์ เป็นสถานที่ค้นพบพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต) เมื่อพ.ศ.1977 เป็นพระเจดีย์ฐานรูปแปดเหลี่ยมแต่ละเหลี่ยมกว้าง <ST1:METRICCONVERTER productid="5.20 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="5.20 เมตร" w:st="on">5.20 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> วัดเส้นผ่านศูนย์กลางได้9.50 เมตร เมื่อครั้งท่านเจ้าคุณพระพุทธิวงศ์วิวัฒน์เป็นเจ้าอาวาสได้มีการขออนุญาตกรมศิลปากรบูรณะและห่อหุ้มทองแผ่นทองแดง ลงรักปิดทองทั้งองค์ สมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จมาเป็นประธานพิธียกฉัตรพระเจดีย์ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน2541<O></O>อาคารสมเด็พระพุทธชินวงศ์

เป็นอาคารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์งานสมโภชน์สมณศักดิ์เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์(สุวรรณ สุวัณณโชตมหาเถร)ปฐมสมเด็จของล้านนาเป็นอาคารค.ส.ล.4ชั้น ขนาดกว้าง <ST1:METRICCONVERTER productid="25 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="25 เมตร" w:st="on">25 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> ยาว <ST1:METRICCONVERTER productid="40 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="40 เมตร" w:st="on">40 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> วางศิลาโดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2533 เวลา 07.09 น. เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2533 เสร็จเมื่อพ.ศ.2538

หอพิพิธภัณฑ์ “อาคารแสงแก้ว” เป็นอาคาร ค.ส.ล. ประกบด้วยไม้ทั้งภายในภายนอก สูง 2 ชั้น ทรงล้านนา ขาดกว้าง <ST1:METRICCONVERTER productid="10 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="10 เมตร" w:st="on">10 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> ยาว <ST1:METRICCONVERTER productid="23.25 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="23.25 เมตร" w:st="on">23.25 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> สำหรับเป็นหอพิพิธภัณฑ์ประจำวัดพระแก้ว เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 6พฤศจิกายน 2538 วางศิลาฤกษ์ โดยคุณแม่อมรา(แสงแก้ว)มุนิกานนท์ เมื่อวันที่27 พฤษภาคม 2541 และบำเพ็ญกุศลถวายทานเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2543 อันเป็นโอกาสมงคลอายุครบ 7 รอบ ของคุณแม่อมา ซึ่งคุณ<ST1ERSONNAME productid="แม่อมรา มุนิกานนท์" w:st="on">แม่อมรา มุนิกานนท์</ST1ERSONNAME> ได้บริจาคสร้างถวายทั้งหมด

โรงเรียนพุทธวงศ์วิทยา

เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาหลวงพ่อหระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ เป็นผู้ก่อตั้ง เมื่อปีการศึกษา 2515 ในระยะแรกเปิดในระดับ ป.5-ป.7 และม.ศ.1-3 ปัจจุบันเปิดเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1-3 มีนักเรียนทั้งหมด 350 รูปโดยมีอาคารเรียน 2 หลัง คือ

1. “อาคารพุทธิวงศ์ <ST1:METRICCONVERTER productid="15”" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="15”" w:st="on">15”</ST1:METRICCONVERTER> เป็นอาคารขนาดกว้าง <ST1:METRICCONVERTER productid="10 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="10 เมตร" w:st="on">10 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> ยาว <ST1:METRICCONVERTER productid="25 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="25 เมตร" w:st="on">25 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> สูง 2 ชั้น วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2515 สร้างเสร็จทำบุญฉลองเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2518

2. “อาคารเทพรัตน์44” เป็นอาคารขนาดกว้าง <ST1:METRICCONVERTER productid="12 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="12 เมตร" w:st="on">12 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> ยาว <ST1:METRICCONVERTER productid="47 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="47 เมตร" w:st="on">47 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> สูง 3 ชั้น 16 ห้องเรียน พระเทพรัตนมุนี ดำเนินการก่อสร้าง ตั้งแต่เดือนพฤกษภาคม 2544 เสร็จเดือนพฤศจิกายน 2546

เนื่องในมหามงคลสมัย สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเจริญพระชนมายุ 90 พรรษา จังหวัดเชียงรายได้จัดสร้างพระพุทธรูปหยก ขนาดหน้าตักกว้าง <ST1:METRICCONVERTER productid="47.9 ซม." w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="47.9 ซม." w:st="on">47.9 ซม.</ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="47.9 ซม." w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER> สูง <ST1:METRICCONVERTER productid="65.9 ซม." w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="65.9 ซม." w:st="on">65.9 ซม.</ST1:METRICCONVERTER> สร้างด้วยหยกจากประเทศแคนนาดา(มร.ฮูเวิร์ด โล ผู้บริจาค) แกะสลักโดยโรงงานหยกวาลินนาน มหานครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน


พระพุทธรูปหยกองค์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นองค์แทนพระแก้วมรกต เพราะพระแก้วมรกตได้ถูกค้นพบ ณ พระเจดีย์วัดพระแก้วเป็นแห่งแรก(พ.ศ.1977) และเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งพระองค์ท่านได้พระราชทานนามถวายว่า “พระพุทธรตนากรนวุติวัสสานุสรณ์มงคล” แปลว่าพระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นอากรแห่งรัตน เป็นมงคลอนุสรณ์ 90 พรรษาและโปรดเกล้าให้เรียกนามสามัญว่า “พระหยกเชียงราย”


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชาให้ประกอบพิธีพุทธ่ภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2534 และจังหวัดเชียงราย ได้ประกอบพิธีแห่เข้าเมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2534

หอพระหยกเชียงราย


วัดในภาคเหนือสมัยโบราณ นอกจากจะมีอุโบสถ วิหาร ศาลา กุฏิ หอพระธรรม ฯลฯ แล้วยังมี “หอพระสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป” วัดพระแก้วจึงจัดสร้าง “หอพระหยกเชียงราย” เป็นอาคารทรงแบบล้านนาโบราณเป็นอาคารค.ส.ล. ประกบด้วยไม้ชั้นเดียว ใต้ถุนสูง ขนาดกว้าง <ST1:METRICCONVERTER productid="8 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="8 เมตร" w:st="on">8 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> ยาว <ST1:METRICCONVERTER productid="12 เมตร" w:st="on"></ST1:METRICCONVERTER><ST1:METRICCONVERTER productid="12 เมตร" w:st="on">12 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> วางศิลาฤกษ์ โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุธชินวงศ์ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2534 เมื่อทำการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จมาเป็นประธานเปิดหอพระหยกเชียงรายเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2541

ขอบคุณข้อมูลจากเวป พระเครื่องณัฐวิทย์ และ นายรอบรู้ google

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

4 พระบรมธาตุ
ตำนานที่มาโดยละเอียด สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อายุกว่าพันปี
พระธาตุลำปางหลวง ลำปาง
โดย สำนักงานนิตยสารเทียนชัย


ตำนานพระแก้วมรกต วัดพระธาตุลำปางหลวง




จากตำนานพระแก้วมรกตของวัดพระธาตุลำปางหลวงกล่าวไว้ว่า เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานล่วงไปได้ 1000 ปี ศิษย์แห่งตถาคตได้จุติจากดาวดึงส์มาเกิดที่เมืองกุกุตนคร เมื่อจำเริญวัยขึ้นมาจักบวชเป็นภิกษุสงฆ์ตั้งอยู่ในสมณะเพศจนได้เป็น “เถร”

บนสวรรค์เทพธิดาองค์หนึ่งก็ได้จุติลงมาเกิดในเมืองกุกุตนครเช่นเดียวกันนางผู้นี้ชื่อว่า “สุชาดา” นางมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก ได้มาเป็นอุปัฏฐากพระมหาธาตุเจ้าวัดม่อนดอนเต้า (วัดพระแก้วดอนเต้า) และมหาเถรเจ้าองค์นี้ด้วย

อยู่ต่อมาวันหนึ่งพระมหาเถร มีจิตปฎิสนธิ์ให้คิดอยากจะสร้างพระพุทธรูปสักองค์หนึ่งแต่ยังหาวัตถุสิ่งใดที่จะแกะสลักหาได้ไม่ คราวนั้นมีพระยานาคตนหนึ่งอยู่รักษาในแม่น้ำวังกะนะที (แม่น้ำวัง) ได้นำเอาแก้วมรกตลูกหนึ่ง สุกใสเปล่งประกายรัศมีสวยงามมากมาจากเมืองนาคของพระองค์ พระยานาคก็เอาแก้วมรกตลูกนั้นใส่เข้าในหมากเต้า (แตงโม) ในไร่ของนางสุชาดา

เช้าวันรุ่งขึ้นวันหนึ่งนางสุชาดาก็เข้าไปในไร่เก็บดอกไม้เพื่อเอาไปบูชาพระมหาธาตุและถวายพระมหาเถร พลันนางสะดุดพบหมากเต้าลูกหนึ่งมีสีสันสุกใสผิดแผกกว่าลูกอื่น ๆ นางจึงนำมาวัดมหาธาตุดอนเต้า แล้วถวายให้แก่พระมหาเถร

เมื่อผ่าออกมาปรากฏมีแก้วมรกตลูกหนึ่งอยู่ในแตงโม พระมหาเถรและนางสุชาดาเมื่อได้เห็นแก้วมรกตนั้นแล้วก็ให้มีความปลื้มปิติเป็นอย่างมาก ส่วนพระมหาเถรเมื่อได้แก้วมรกตมาแล้วก็พยายามแกะสลักเป็นพระพุทธรูป แต่สลักอย่างใดก็หาเข้าไม่พระมหาเถรพยายามสลักอยู่หลายวันก็ไม่สำเร็จ

วันหนึ่งขณะกำลังพิจารณาหาทางที่จะสลักแก้วมรกตอยู่หน้ากุฏิ ก็มีชายแก่คนหนึ่งมาจากไหนไม่ปรากฏรับอาสาที่จะสลักแก้วมรกตลูกนั้นให้เป็นพระพุทธรูป เมื่อมหาเถรเข้าไปเพื่อที่จะเอาเครื่องมือให้แก่ชายคนแก่นั้นครั้นกลับออกมาก็แลเห็นองค์พระพุทธรูปแก้วมรกตมีสีสันสุกใส วรรณผ่องใสเปล่งประกายกับแสงสวยสดงดงามมากยิ่งนัก

แต่พระมหาเถรมองหาชายแก่ในที่นั้นไม่พบ ก็ออกเที่ยวตามหาจนทั่วบริเวณก็หาพบไม่ พระมหาเถรจึงคิดว่าชะรอยว่าพระอินทร์และเทวดาลงมาช่วยเนรมิตให้แก้วมรกตลูกนั้นให้เป็นพระพุทธรูป พระมหาเถรและนางสุชาดาต่างก็มีความยินดีเป็นอันมาก กิติศัพท์เรื่องพระแก้วมรกตได้ร่ำลือไปทั่วหมู่บ้านและหัวเมือง ประชาชนจากที่ต่าง ๆ ก็ทยอยมาทำการสักการบูชากราบไหว้พระแก้วมรกตเป็นอันมาก ส่วนพระมหาเถรและนางสุชาดาก็ได้ร่วมกันจัดงานสมโภชพระพุทธรูปแก้วมรกตนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาสวดสมโภช สถานที่แห่งนี้จึงมีชื่อเรียกกันต่อมาว่า “วัดพระแก้วดอนเต้า” จนทุกวันนี้

ล่วงต่อมามีบุคคลบางพวกบางหมู่ ได้เล่าลือกันว่าพระมหาเถรและนางสุชาดาเป็นชู้กัน เป็นที่เสื่อมเสียแก่พระศาสนา ข่าวลือดังกล่าวทราบถึงอำมาตย์เสนาของเจ้าปกครองเมืองนั้น ได้นำความขึ้นกราบทูลเจ้าผู้ครองนครให้ทรงทราบ พระองค์เมื่อได้รับฟังเรื่องราวนั้นแล้วหาได้ทรงพิจารณาหาข้อเท็จจริงให้ถ่องแท้ไม่ ทรงบัญชาให้เพชฌฆาตนำตัวนางสุชาดาไปประหารเสียที่ริมฝั่งน้ำแม่วังคะนะที

ก่อนลงมือประหาร นางได้ตั้งสัตย์อธิษฐานว่า ถ้าข้าเป็นชู้กับพระมหาเถรจริงตามคำกล่าวหาก็ขอให้เลือดของข้าพุ่งสู่พื้นดิน แต่ถ้าตัวข้ามิได้เป็นชู้กับพระมหาเถร ก็ขอให้เลือดของข้าพุ่งขึ้นสู่อากาศ อย่าได้ตกสู่พื้นดินเลย
เมื่อเพชฌฆาตประหารฟันคอนางขาด ปรากฏว่าเลือดของนางพุ่งขึ้นสู่อากาศโดยไม่ตกสู่พื้นดินแม้สักหยด

เพชฌฆาตเห็นเหตุการณ์อย่างนั้นก็นำเหตุการณ์ไปกราบทูลให้เจ้านครให้ทรงทราบเมื่อพระองค์ทรงทราบเหตุการณ์เช่นนั้นทรงเสียพระทัยเป็นอันมาก ลุกขึ้นจากแท่นแล้วก็วิ่งไปมาล้มลงขาดใจตายในบัดนั้น

พระมหาเถรเกรงว่าจะมีภัย ก็หนีออกจากวัดพระแก้วดอนเต้าพร้อมกับนำพระพุทธรูปพระแก้วมรกตไปด้วย หนีไปพำนักอยู่วัดลัมภะกัปปะ (วัดพระธาตุลำปางหลวง) ดังนั้นพระพุทะรูปแก้วมรกตองค์นั้นจึงได้สถิตประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวงมาจนตราบเท่าทุกวันนี้

 

ขอบพระคุณพี่ศนิวาร มากๆครับสำหรับความรู้ แหมออตโต้จำพระผิดวัดผิดองค์ 5555 ขออภัยอย่างแรงครับแต่พระแก้วดอนเต้า นี่สีเขียวนะครับ ไม่ใช่ใสๆขาวๆแบบนี้อ่ะครับ???? แถมรูปทรงก็ไม่ใช่แบบนี้แน่ครับรูปทรงจะเหมือนกับพระแก้วเชียงรายนะถ้าจำไม่ผิดอ่ะครับ รูปประกอบผิดพลาดหรือไงครับ??? ยังไงกันเนี๊ยะงง

 

ขอขอบคุณพี่ศนิวารมากๆสำหรับความรู้ครั้งนี้ครับ ออตโต้เค้าคงจะพยายามเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังอยู่แต่งานเค้าเข้าช่วงนี้ ฮ่าๆๆ

 

อ้าวพูดปุ๊ปมาปัปเลย ออตโต้สวัสดี ตกลงเป็นยังไงเดี๋ยวรอพี่ศนิวารมาตอบ ชอบๆงานนี้ได้พี่หมอมาด้วยน่าดี พี่หมอๆอยู่ไหน

 

คุณป๊อบ ทำไม่ผมเข้ากูเกิลไม่ได้อ่ะ ช่วยทำลิงค์ให้หน่อยครับ ไม่ทราบว่าเป็นอะไร เข้าไม่ได้มา 2 วันแล้วอ่ะครับ

 

พระแก้วดอนเต้า

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
<!-- start content -->
<DL><DD>บทความนี้เกี่ยวกับพระแก้วดอนเต้า สำหรับพระแก้วองค์อื่นๆ ดูที่ พระแก้ว
</DD></DL>
พระแก้วดอนเต้า ในวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม จังหวัดลำปาง




ผมเองก็สงสัยแต่ถามวิกิพิเดียแล้วก็ขึ้นรูปนี้ให้เช่นกันตามข้อมูลข้างบนครับ

 

Google

ลองดูนะออตโต้

 

ขอบคุณมากครับคุณป๊อบ มันเปลี่ยนเป็น au นี่เอง เมื่อก่อน .co.th ถึงว่าเข้าไม่ได้ ขอบคุณมากครับ

 

ครับถ้าเป็น au จะเป็น google ของ ออสเตรเลียครับ บางทีของไทยพังเลี่ยงใช้ได้ถ้า เป็น .com จะเป็นของเมกาครับผม

 

เอ ให้ดิ้นตาย ผมว่าแก ลงภาพผิดครับพี่ศนิวาร แบบนี้แย่เลยคนเข้าใจผิดแย่เลย พระแก้วดอนเต้า เนื้อพระเขียวววววใบตองอ่อน สวยงามมากๆ ศิลป์นี่ไปคนละแบบกับองค์ในรูปเลยอ่ะครับ งานแกะปรานีตบรรจงสุดๆ

 

ออตโต้มั้ใจเช่นนี้สงสัยจะลงรูปผิดเป็นไปได้เหมือนกันที่wikiจะลงผิดถ้าผิดจริงน่าจะแจ้งเค้าได้นะครับ มีประโยชน์

 

น่าจะเป็นองค์นี้หรือเปล่า ได้มาจากเวปแดนพระนิพพาน