ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนพัทลุงเสียหาย 40 หลัง

    [​IMG]

    พัทลุง 22 เม.ย.- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฤดูร้อนหอบลูกเห็บพัดถล่มบ้านเรือนประชาชน ต้นไม้หักโค่น กระเบื้องปลิวว่อน ในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน และพื้นที่ หมู่ที่ 11 ตำบลลำปำ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ได้รับความเสียหาย จำนวน 40 หลังคาเรือน

    โดยเฉพาะบ้านเลขที่ 100 หมูที่ 4 ตำบลพนางตุง ของนายเจียร มณีดุล อายุ 86 ปี และนางแคล้ว มณีดุล อายุ 82 ปี สองตา - ยาย ถูกพายุพัดถล่ม ทำให้บ้านไม้ยกพื้นหลังใหญ่ ได้รับความเสียทั้งหลัง ข้าวของภายในบ้านแตกกระจัดกระจายเสียหายทั้งหมด โชคดีขณะเกิดเหตุ สองตา - ยาย ได้ออกมานั่งบริเวณหน้าบ้าน มีเพียงหลังคาบ้านยุบตัวลงมา จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ

    ส่วนนายเผือน ปล้องใหม่ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่ที่ 4 ต.พะนางตุง เพื่อนบ้าน ถูกท่อนไม้ที่หลุดจากหลังคาบ้านฟาดที่เป้าตาได้รับบาดเจ็บ
    นายผัด ไล่สาม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 กล่าวว่า ได้เกิดพายุลูกเห็บพัดถล่มหมู่บ้านนานประมาณ 5 นาที ส่งผลให้บ้านเรือนของราษฎรในหมู่บ้านได้รับความเสียหายจำนวน 22 หลัง ส่วนหมู่ที่ 11 ตำบลลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถูกพายุพัดบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายจำนวน 18 หลัง ในขณะนี้ทางเทศบาลตำบลพนางตุง และ อบต.ลำปำ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจความเสียหาย และได้นำกระเบื้องพร้อมวัสดุก่อสร้าง ออกไปช่วยเหลือผู้ประสพภัยในเบื้องต้นแล้ว.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-22 12:08:45

    กรมศิลป์ยันโครงกระดูกกลางทุ่งนาที่ยโสธร มีอายุกว่า 2,000 ปี

    [​IMG]

    <NOEMBED></NOEMBED><NOSCRIPT></NOSCRIPT><NOEMBED></NOEMBED><NOSCRIPT></NOSCRIPT>ยโสธร 23 เม.ย.-ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนายกอง จันทน์ละบุตร อายุ 68 ปี ว่าจ้างรถแบ็กโฮให้ขุดดิน บริเวณกลางทุ่งนา บ้านเชือก ม.5 เขตเทศบาลตำบลเดิด อ.เมือง จ.ยโสธร เพื่อปรับพื้นที่ แต่กลับขุดเจอกระดูกและหม้อดินเผาอายุหลายร้อยปีจำนวนนับร้อยชิ้น

    จึงแจ้งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านให้ประสานกรมศิลปากรเข้าตรวจสอบนั้น ล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พ.อ.นิรุทธ์ เกตุสิริ ผบก.กรมทหารราบที่ 16 ค่ายบดินทรเดชา นางพวงคำ ทองทั่ว วัฒนธรรม จ.ยโสธร พร้อมด้วย นายชินวุฒิ วลิยาลัย นักโบราณคดี (ชำนาญพิเศษ) เขตพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ตลอดจนกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ต.เดิด อ.เมืองยโสธร ร่วมกันตรวจสอบบริเวณทุ่งนาจุดที่พบกระดูกและหม้อสมัยโบราณ ท่ามกลางความสนใจของชาวบ้านกว่า 200 คน

    เบื้องต้น นายชินวุฒิ ระบุว่า เครื่องปั้นดินเผาที่ขุดพบเป็นหม้อดินเขียนด้วยสีแดงลงบนพื้นสีขาวเป็นฝีมือคนในสมัยตอนกลางยุคโลหะ หรือยุคปลายบ้านเชียง จ.อุดรธานี มีอายุประมาณ 2,500 ปี ส่วนมากจะขุดพบในภาคอีสานตอนเหนือแถว จ.อุดรธานี หนองคาย และสกลนคร โดยบริเวณที่ขุดพบน่าจะเป็นสุสานฝังศพหรือป่าช้า เพราะพบโครงกระดูกจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-23 16:59:39

    ชาวสมุทรสาครคัดค้านการชุมนุมใหญ่เสาร์นี้ หวั่นเกิดจลาจล

    [​IMG]

    สมุทรสาคร 23 เม.ย.- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันนี้(23 เม.ย.)ชาวบ้านใน จ.สมุทรสาคร ประมาณ 200 คน ได้รวมตัวกัน บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร

    พร้อมถือป้ายมีข้อความไม่เห็นด้วยที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะมาเปิดเวทีปราศรัย บริเวณลานตลาดนัด หมู่บ้านมหาชัยวิลล่า หมู่ที่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร ในเย็นวันที่ 25 เมษายนที่จะถึงนี้ โดย นายดำรง ทับสุวรรณ บ้านเลขที่ 49/849 หมู่ที่ 4 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เป็นตัวแทนชาวบ้านอ่านแถลงการณ์คัดค้านการชุมนุม และมอบหนังสือคัดค้าน ให้นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อส่งผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ชาวบ้านได้ระบุเหตุผลการคัดค้าน ดังนี้ คือ

    1.ชาวสมุทรสาครไม่ต้องการเห็นการแตกแยกของคนประชาชนในพื้นที่ อันสืบเนื่องมาจากการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงดังเช่นเหตุการณ์ช่วงวันที่ 8 – 13 เมษายน ที่ผ่านมา

    2.เนื่องจากพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ทำให้เสี่ยงต่อการปะปนของแรงงานกลุ่มดังกล่าวในการร่วมชุมนุม ซึ่งเป็นการยากสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ ในการควบคุมความสงบเรียบร้อยกรณีเกิดเหตุจลาจลขึ้น

    3.จากเหตุการณ์การจลาจลช่วงวันที่ 8 – 13 เมษายน ที่ผ่านมา ทำให้ชาว จ.สมุทรสาคร กังวลใจ ว่า จะไม่มีความปลอดภัยเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่นเดียวกับชาวชุมชนนางเลิ้ง

    ด้านนายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวภายหลังรับหนังสือคัดค้านจากชาวบ้าน ว่า กรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเข้ามาจัดตั้งเวทีปราศรัยในจังหวัดสมุทรสาครนั้น เป็นสิทธิที่ทำได้ตามกฎหมาย แต่จะไม่อนุญาตให้มาจัดตั้งเวทีปราศรัยในพื้นที่ของศาลากลางจังหวัด หรือหน่วยงานราชการอื่น ๆ ซึ่งหากผู้ชุมนุมจะย้ายไปใช้ลานตลาดนัดของหมู่บ้านมหาชัยวิลล่า ในตำบลท่าทราย ซึ่งเป็นพื้นที่เอกชน ก็เป็นสิทธิที่ได้ แต่ต้องเป็นการชุมนุมที่สงบและปราศจากอาวุธ.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-23 13:48:36

    ไทยประสบความสำเร็จเพาะพันธุ์นกแว่นใต้หลังพยายามนานกว่า 7 ปี

    [​IMG]

    จันทบุรี 23 เม.ย. - ไทยประสบความสำเร็จเพาะพันธุ์นกแว่นใต้ได้ ทั้งลูกนกอายุ 2 สัปดาห์ และไข่นกอายุ 3 วัน เผยเป็นนกเฉพาะถิ่น หาได้ยาก มีสีสันสวยงาม ทั้งโลกมีเพียงในภาคใต้ของไทยเท่านั้น ปัจจุบันเหลือไม่กี่ร้อยตัว เพราะตลาดมืดต้องการสูง จึงถูกล่าอย่างหนัก

    นายศรชัย สังคเลิศ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสอยดาว ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสอยดาวได้ประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์นกแว่นใต้ ซึ่งเป็นนกเฉพาะถิ่น ที่พบได้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น และปัจจุบันเหลืออยู่ไม่กี่ร้อยตัวแล้ว ล่าสุดขยายพันธุ์ได้ลูกนกแว่นใต้อายุ 2 สัปดาห์ และไข่นกแว่นใต้ 1 ฟอง ที่มีอายุไข่ได้ 3 วัน เป็นความสำเร็จครั้งแรกในรอบ 7 ปี

    “ในประเทศไทย มีสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า 2 แห่ง จากจำนวนทั้งสิ้นกว่า 20 แห่งที่ดำเนินการเพาะพันธุ์นกแว่นใต้ คือสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสอยดาว และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า จ.พัทลุง ปัจจุบันมีนกแว่นใต้อยู่ในความดูแลกว่า 10 ตัว ขณะที่ในธรรมชาติก็เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น จึงเป็นนกอีกชนิดหนึ่งที่เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ เพราะนอกจากจะเป็นที่ต้องการของตลาดมืด ส่งผลให้ถูกล่าอย่างหนักแล้วการขยายพันธุ์ยังทำได้ยาก เพราะตัวเมียจะออกไข่เพียงครั้งละ 1 ฟองเท่านั้น หากไข่ไม่สมบูรณ์ก็ไม่สามารถฟักเป็นตัวได้”.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-23 11:24:37

    เมืองสองแควพบผู้ป่วยอุจจาระร่วงแล้วกว่า 5 พันคน เด็กแรกเกิด-4 ขวบ สูงสุด

    [​IMG]

    พิษณุโลก 23 เม.ย.- นางทองพูล แต้สมบัติ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า จากสภาวะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ส่งผลให้ประชาชนเป็นโรคระบบทางเดินอาหาร ที่มีสาเหตุจากการปนเปื้อนเชื้อโรคในอาหารและน้ำดื่ม

    โดยเฉพาะโรคอุจจาระร่วง และอาหารเป็นพิษ เพิ่มสูงขึ้นจนน่าห่วง สถิติตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงปัจจุบัน มีประชาชนในจังหวัดพิษณุโลกป่วยเป็นโรคอุจจาระร่วงจำนวน 5,045 ราย ขณะเดียวกันก็มีผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษอีก จำนวน 1,014 ราย พบในเด็กแรกเกิด – 4 ขวบ สูงสุด รองลงมา 5 -9 ปี และ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ และโรงพยาบาลเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยพบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงที่อำเภอบางระกำสูงที่สุด รองลงมาคืออำเภอชาติตระการ และอำเภอนครไทย

    “เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค จึงควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร และออกจากห้องน้ำ รวมทั้งดูแลทำความสะอาดภาชนะ เครื่องปรุงที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และน้ำดื่ม หากมีอาการท้องเดินให้ดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำ ถ้าอาการรุนแรงถ่ายเป็นน้ำซาวข้าว ให้รีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที ที่สำคัญไม่ควรรับประทานยาหยุดถ่าย เพราะจะทำให้เชื้อโรคอยู่ในร่างกาย เป็นอันตรายมากขึ้น “รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก กล่าว.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-23 10:15:04

    ดินถล่มทับนักขุดหาแร่ทองคำพิจิตร เสียชีวิต 1 ศพ

    [​IMG]

    พิจิตร 22 เม.ย.- เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.พัฒนา กะมะโน ร้อยเวรสอบสวน สภ. วังทรายพูน อ.วังทรายพูน จ. พิจิตร ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเหตุดินถล่มทับคนตายที่บริเวณเขาพนมพา ม.7 ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ. พิจิตร จึงได้รุดไปยังที่เกิดเหตุ พบศพ น.ส.ศลิษา ป้อมผาเดช อายุ 34 ปี ถูกดินถล่มทับร่าง ตำรวจพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยและชาวบ้านต้องใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จึงนำศพขึ้นมาให้พนักงานสอบสวนและแพทย์เวรร่วมกันชันสูตรพลิกศพได้ ซึ่งถือเป็นศพที่ 3 แล้วที่ถูกดินถล่มทับเสียชีวิตในบริเวณดังกล่าว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านแอบเข้ามาลักลอบขุดหาแร่ทองคำบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นที่ดินของวัดพระธรรมกายนับร้อยไร่ ตั้งแต่ปี 2542 จนขณะนี้บริเวณดังกล่าวกลายเป็นโพรงคล้ายอุโมงค์ลึก 5 เมตรเศษ ยาว 20-30 เมตร อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปเตือนชาวบ้าน หรือทำป้ายห้ามไม่ให้เข้าไปขุดหาแร่ทองคำแสวงโชคแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-22 18:41:49

    ที่มา http://news.mcot.net
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    กรรมของผู้ที่ล่วงเกินผู้มีพระคุณอันบริสุทธิ์

    [​IMG]

    เหตุแห่งภัยพิบัติอันน่าสะพรึงกลัว ๑๐ ประการ

    ผู้บริสุทธิ์ที่บุคคลไม่ควรประทุษร้าย ไม่ควรปรามาส ไม่ควรล่วงเกินโดยประการทั้งปวง มิฉะนั้นจะเกิดภัยพิบัติ ๑๐ ประการแก่บุคคลผู้ล่วงเกิน และเป็นผลพวง นับเนื่อง ถึงบุคคลอื่น ๆ ซึ่งเป็นทายาทแห่งกรรมอันหนักนั้นด้วย

    ผู้มีอุปการะก่อน โดยไม่หวังผลตอบแทน เช่น พระคุณมารดา พระคุณบิดา พระคุณครูอุปัชฌายะธรรมมาจารย์ผู้ทรงคุณ ทั้งหลายทั้งปวง บรรดาลูกกตัญญูกตเวที พระโพธิสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ผู้มีดวงใจอิ่มด้วยบุญ ทั้งที่เป็นมนุษย์หรือสรรพสัตว์น้อยใหญ่ แม้แต่รูปปั้น พระปฏิมากรของพระองค์ บรรดาผู้ทรงฌานบริสุทธิ์ ตลอดถึงผู้บรรลุธรรมตั้งแต่เบื้องต้นเป็นลำดับ ตั้งแต่พระอริยะเบื้องต้น ตราบถึงพระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งปวง

    บุคคลทั้งปวงที่เป็นผู้บริสุทธิ์ สุจริต และมีดวงใจอันอิ่มด้วยบุญ แม้แต่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม ผู้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันยิ่งใหญ่ ของพสกนิกรทั้งหลายทั้งปวง ก็ตามนับได้ว่า เป็นผู้มีพระคุณบริสุทธิ์ โดยประการทั้งสิ้นทั้งปวง อันบุคคลมิบังควรประทุษร้าย มิบังควรปรามาส มิบังควรล่วงเกิน.

    ภัยพิบัติ ๑๐ ประการมีดังนี้

    ภัยพิบัติ ๑๐ ประการ อันเกิดแต่การประทุษร้ายล่วงเกิน ปรามาสผู้ทรงคุณดังกล่าวบุคคลผู้กระทำกรรมหนักนั้น ย่อมได้รับผลอันเหมาะสมแก่การกระทำของตน ๑๐ ประการดังนี้.

    ๑. แม้มีเงินทอง ย่อมเปรียบเสมือนด้วยก้อนแห่งถ่านเพลิง แม้จับถือแล้วก็ต้องปล่อยทันที ไม่อาจเก็บงำไว้ได้ เสมือนว่าเงินทองนั้นเป็นของร้อนเหมือนก้อนถ่านเพลิง

    ๒. แม้ทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่มีอยู่ ย่อมเปรียบเสมือนกระเบื้องแตก มีความหมายว่า ถ้าเป็นกระเบื้องหลังคา ก็ไม่อาจกันร้อน ไม่อาจกันลม ไม่อาจกันฝนได้ ถ้าเปรียบด้วยกระเบื้องคือ ภาชนะ ก็ไม่อาจใส่อาหาร ได้อย่างโดยบริบูรณ์ ทรัพย์สมบัตินั้นเป็นทรัพย์สมบัติที่ใช้การไม่ได้ ประดุจดั่งว่า เมล็ดฝ้ายผุ ถูกหนอนเจาะเพาะไม่ขึ้น ทรัพย์สมบัติล้วนกลายเป็นของคนอื่น ทั้งหมดเขาเวนคืนหรือถูกยึดไป

    ๓. บ้านแตกสาแหรกขาด ญาติพี่น้องแตกแยก ขาดความสมาน ขาดความปรองดอง ขาดความสามัคคี แม้นมียศศักดิ์ ฐานันดร อันสูงส่ง ก็เป็นคนปราศจากสง่าราศี เป็นคนไม่มีราศี ย่อมถูกบุคคลผู้เป็นคู่เวรกลั่นแกล้ง ถูกขุดคุ้ยเรื่องเลวร้ายให้ขยาย กระจายความขึ้นเกินกว่าเหตุ ถูกอาเพท ให้บุคคลคู่เวรได้ใส่ร้ายป้ายสี ต่าง ๆ นานา เป็นเหตุให้เป็นที่รังเกียจแก่ผองชนทั่วไป

    ๔. ย่อมถูกราชทัณฑ์ ต้องโทษ ถูกจองจำ ถูกกฎหมายบีบบังคับ ให้ต้องอาญาร้ายแรง ถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว

    ๕. ย่อมเกิดทุกขเวทนาอย่างแก่กล้าแสนสาหัส โดยหาสมมุติฐานแห่งโรคไม่พบ

    ๖. ย่อมเกิดโรคร้ายแรง เป็นที่ยิ่ง อันเป็นเหตุ ให้เกิดความทุกขเวทนาแสนสาหัส

    ๗. อวัยวะร่างกายของเขา ย่อมพิกลพิการไป ด้วยเพราะการประสบอุบัติเหตุในลักษณะต่าง ๆ

    ๘. จิตใจของเขาผู้นั้น ย่อมไม่อาจหยั่งลงสู่สมาธิรสอันลึกซึ้งได้ ขาดความปราโมทย์ ขาดความสดชื่น ขาดความแช่มชื่นจิต ขาดความปลื้มจิตปีติใจ จิตใจขาดความสุขุมเยือกเย็น ขาดความหนักแน่น ขาดความตั้งมั่นของจิตใจ จิตใจเสียการทรงตัว จิตใจมิอาจเข้าแถวเขาแนวให้เป็นระบียบได้ จิตใจซัดส่าย ฟุ้งซ่าน คิดมาก เกิดความเครียดอย่างแสนสาหัส เป็นเหตุให้เกิด โรคประสาทโรคจิต ชนิดต่าง ๆ

    ๙. ทุมเมโท....เขาผู้นั้น ย่อมถึงแก่ความเป็นคนบ้า ควบคุมสติไม่อยู่ แม้นได้รับการบำบัดเยียวยา ด้วยหยูกยาต่าง ๆ ก็มิอาจบำบัดให้หายเป็นปกติได้

    ๑๐. ปาวโก... เทวทัณโฑ อัสนี อันว่าไฟแห่งบาปเวร ผู้ชำระ อันเกิดขึ้นโดยเหมาะสม แก่การกระทำของตน ย่อมเผาไหม้สมบัติบ้านเรือน ปีละหนบ้าง สองหนบ้าง หากแม้นว่า อันว่าไฟแห่งบาปเวรผู้ชำระ มิล้างผลาญซึ่งสมบัติบ้านเรือนแล้วไซร้ เทวทัณโฑ อัสนี อันว่าอาญาแห่งเทพ คืออัสนีบาต ย่อมฟาดลงกลางกระหม่อม แห่งเขาผู้กระทำซึ่งกรรมหนักนั้น (ฟ้าผ่า หรือไฟช๊อตตาย) อันเป็นลางร้ายเป็นความหมายแห่งไฟอันเกิดแต่ไฟแห่งอเวจี เข้ามาเผาผลาญเขาผู้นั้นให้ย่อยยับ เพื่อจักได้อบรมบ่มอุปนิสัยให้ได้เกิดความสำนึก รู้ผิดชอบชั่วดี รู้ความบังควรหรือมิบังควร โดยประการไร ๆ

    ดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นภัยพิบัติ 10 ประการ ที่เกิดขึ้นจากการประทุษร้าย ปรามาสล่วงเกิน ท่านผู้บริสุทธิ์ดังกล่าว ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงตรัสเทศนา ไว้แก่พุทธบริษัททั้งหลาย มีภิกษุ ภิกษุณี สามเณร สามเณรี สิกขมานา อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายทั้งปวง เป็นต้น

    ซึ่งในปัจจุบันนี้ ปรากฏการณ์อันน่าสะพรึงกลัวนี้ ได้ประสบกันโดยมาก และเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันโดยมาก และน่าสะพรึงกลัวมากอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้น เหล่าบุคคล ผู้รักสงบ รักสันติสุข อย่างโดยชอบธรรม ควรแนะนำซึ่งกันและกัน ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้และทั่วถึง ถึงสาเหตุแห่งภัยพิบัติ ๑๐ ประการนี้ แล้วพากันระงับเหตุแห่งภัยพิบัติทั้ง ๑๐ ประการดังกล่าว

    มิให้เกิดภัยพิบัติทั้ง ๑๐ ประการ อันน่าสะพึงกลัวดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ทั้งแก่ตน คนที่รัก ญาติสนิท มิตรสหาย บริวาร และบุคคลอื่น ๆ ตลอดถึงเพื่อนร่วมชีวิต เพื่อนร่วมโลก เพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายทั้งปวง ด้วยการพากันสำนึก พินิจตรึกตรองโดยอย่างถี่ถ้วนถ่องแท้ ว่า ณ ทุก ๆ ปัจจุบันขณะนี้ ทุกข์นี้มีมาแต่ไหน และจะดับเหตุแห่งทุกข์นี้ ด้วยวิธีประการไร จึงจะถูกวิธีอย่างโดยบริบูรณ์ อย่างโดยเร่งด่วน จงอย่าได้ประมาทในชีวิตอันน้อยนิดนี้ และจงอย่าได้เป็นผู้ต้องเสียใจ และเดือดร้อนใจในภายหลังเลย.

    [FONT=Verdana, Tahoma, Helvetica, sans-serif]มาในพระธรรมบท อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ นิพพานะปัจจะโย โหตุ ท่านทั้งหลาย จงเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะอย่างโดยบริบูรณ์ มีกระแสพระนฤพานอันเป็นเครื่องดับกิเลส ดับทุกข์ทั้งปวง โดยความเป็นอารมณ์ อยู่ทุกเมื่อเถิด[/FONT]

    [FONT=Verdana, Tahoma, Helvetica, sans-serif]ท่านทั้งหลาย จงอย่าได้เป็นผู้ประมาทแล้ว ท่านทั้งหลาย จงอย่าได้เป็นผู้มีความเดือดร้อนใจในภายหลังเลย นี้เป็นคำย้ำพร่ำสอน คำย้ำพร่ำตักเตือน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย เอวังโหตุ[/FONT]

    [FONT=Verdana, Tahoma, Helvetica, sans-serif]พระพุทธธรรมค้ำคูณชีวิต พระพุทธธรรมกำลังแผ่นดิน [/FONT]

    FROM: ธรรมสัญญา แดนพระมุนี กาญจนบุรี

    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2009
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ถือสัจจะ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ****

    บางคนยังปลูกต้นไม้ ดูแลต้นไม้ ไม่เป็นเลย ไม่เคยทำเอง
    ................................
    กฎหมายจะแก้อย่างไร ก็ทำกันไม่ได้ เพราะผู้คนขาดสัจจะ
    เมื่อทำกันไม่ได้ ก็แก้ไปเรื่อย เปลี่ยนไปเรื่อย
    จึงต้องแก้ไขที่ผู้คนก่อน ทำให้ผู้คนรู้จักสัจจะ รักษาสัจจะของตนเอง

    หลักเดียวที่นิ่งคงที่ไม่ขยับ คือ หลักสัจจะธรรม ในธรรมชาติ
    กฎหมายที่ดี จึงต้องนำหลักสัจจะธรรมมาบรรจุ เพื่อมาใช้ในชีวิตประจำวัน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผวาหนอนขนนับล้าน-บุกวัดกัดกินต้นไม้ เกรง"พระ-เณร"เกิดอันตราย

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    เมื่อเร็วๆ นี้ นายประวัติ ถีถะแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับการร้องเรียนจากพระภิกษุ-สามเณรที่วัดเหนือ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ว่า ได้เกิดตัวหนอนขนจำนวนมาก กัดกินใบไม้และต้นไม้จนบางต้นไม่มีใบเหลืออยู่เลย ทำให้พระภิกษุ-สามเณร เกรงว่าจะเกิดอันตราย

    นายประวัติจึงได้สั่งการให้ทีมงานสำนักงานเกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด นำโดยนายวสันต์ สวัสดิรัมย์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร พร้อมด้วยนายธำรงค์ จำเริญสาร นายปราโมทย์ กาญจนรัตน์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 7ว. นายวิชัย กิตติศรีวรพันธ์ นายวินัย ลือชา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6ว. และเจ้าหน้าที่เกษตรอีก 3 นาย ลงไปตรวจสอบในพื้นที่ พบว่ามีหนอนขนจำนวนนับล้านตัวกำลังกัดกินใบไม้และต้นไม้ในวัดจนหมดทั้งต้นไปหลายต้นแล้ว และกำลังระบาดไปทั้งวัด เมื่อหน่วยป้องกันกำจัดสำนักงานเกษตรจังหวัดร้อยเอ็ดไปถึง ได้ช่วยกันฉีดพ่นยาเชื้อแบคทีเรียที่เก็บจากตัวหนอนไปสกัดเป็นสารกำจัดตัวหนอน ฉีดพ่นไปตามต้นไม้ทั่วทั้งวัด ท่ามกลางพระภิกษุ-สามเณร และประชาชนชาวคุ้มวัดที่แห่มาดูจำนวนมาก

    นายปราโมทย์ กาญจนรัตน์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 7ว. กล่าวว่า ตัวหนอนขนที่บุกวัดในครั้งนี้ คือ หนอนผีเสื้อกลางคืนหรือที่ชาวบ้านภาคอีสานเรียกว่า บุ้งขน หรือ บ้งขน เมื่อเติบโตเต็มที่จะกลายเป็นผีเสื้อ ออกไข่คราวละมากๆ เป็นแมลงศัตรูพืชกัดกินใบและลำต้นไปเรื่อยๆ สามารถระบาดไปได้โดยตัวแก่จะบินไปเล่นไฟ ไปเกาะกลุ่มกันวางไข่ไปเรื่อยๆ หากมีมากก็จะทำความเสียหายให้กับต้นไม้มากมายเหมือนกับที่เกิดขึ้นในวัดนี้ และอาจเป็นอันตรายแก่คนได้หากขนถูกผิวหนัง ซึ่งนับว่าเป็นการระบาดอย่างรุนแรงที่ไม่เคยพบเห็นในจังหวัดร้อยเอ็ดมาก่อน


    http://www.matichon.co.th/khaosod/kh...sectionid=0307
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สมุนไพร : พระเอกตัวจริงที่ “รพ.ท่าฉาง”</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 เมษายน 2552 08:59 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขั้นตอนการบรรจุแคปซูบสมุนไพรลงในขวด</TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>“ของดีของจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่หลายคนยังไม่ทราบ คือ ขมิ้นชัน ที่มีสารเคอร์คูมินอยด์ เข้มข้นที่สุดในโลก และต้นทุนจากท้องถิ่นของบ้านเราเองนี่แหละ ที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการใช้ของดีเหล่านี้มาทำยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพร”

    คำบอกเล่าอย่างง่ายๆ ที่แฝงไว้ด้วยความภาคภูมิในอย่างเต็มเปี่ยมในน้ำเสียงของ “นพ.ศราวุธ เรืองสนาม” ผู้อำนวยการคนขยันแห่งโรงพยาบาลท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่กำลังพูดถึงงานหลักสำคัญงานหนึ่งของโรงพยาบาล ที่เจ้าตัวพยายามผลักดันอย่างเต็มความสามารถเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่

    “เราเริ่มโครงการยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรนี้ ตั้งแต่ช่วงประมาณปี พ.ศ.2542 เราไม่ได้ทำแบบเร่งนะ ค่อนข้างค่อยเป็นค่อยไป เพราะเป้าหมายจริงๆ ไม่ใช่เชิงธุรกิจ แต่เราหวังไว้ว่าการพัฒนาองค์ความรู้และการวิจัยด้านนี้ของโรงพยาบาล จะเป็นการพัฒนาเพื่อไปสู่ความยั่งยืนและประโยชน์ของผู้ป่วยของเรา”

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=268 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=268>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขั้นตอนการบรรจุน้ำมันไพลลงในขวด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ***พัฒนาคนในพื้นที่ เพื่อกลับมาพัฒนาบ้านเกิด
    นพ.ศราวุธ อธิบายขั้นตอนแรกที่เขาทำเมื่อคิดจะทำโครงการนี้ ว่า เริ่มจากการส่งคนในพื้นที่ไปศึกษาองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยสาขาอายุรเวชและหัตถเวช โดยส่งไปศึกษาที่สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข

    “ที่เราเลือกเอาคนในพื้นที่ ส่วนหนึ่งเพราะปัญหาหลักปัญหาหนึ่งของจังหวัดในแถบนี้ อย่างจังหวัดระนอง หรือกระทั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีเอง ประสบอุปสรรคด้านการรักษาสำคัญประการหนึ่งคือ เราขาดแคลนแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์แทบทุกแขนงค่อนข้างหนัก

    นอกจากแพทย์ที่ขาดกันทุกโรงพยาบาลแล้ว ยังมีบุคลากรสาขาทันตแพทย์ เภสัชกร รวมถึงพยาบาลวิชาชีพด้วยที่ไม่เคยมีพอ อาจจะเพราะพื้นที่ค่อนข้างห่างไกล และดูทุรกันดารเดินทางลำบาก ทำให้แพทย์ใช้ทุนส่วนใหญ่ขอย้ายทันทีที่หมดสัญญาทุน แพทย์และบุคลากรการแพทย์อื่นๆ ที่ยังคงอยู่ในพื้นที่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนพื้นเพที่นี่ หรือไม่ก็มาแต่งงานกับคนที่นี่ จึงไม่ได้ย้ายไปไหน เราจึงพยายามส่งเสริมทรัพยากรบุคคลในท้องถิ่น ส่งเขาไปเรียน เพื่อให้เขากลับมาพัฒนาบ้านเกิดของเขา”

    ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าฉางให้ภาพการดำเนินการขั้นต่อไป ว่า ภายหลังบุคคลากรที่ถูกคัดเลือกเรียนจบหลักสูตรจากสถาบันฯ แล้ว ทางโรงพยาบาลท่าฉางก็ได้ค่อยๆ ปรับการรักษา โดยสอดแทรกแนวทางการรักษาแบบการแพทย์แผนไทยลงไปในการรักษาแบบการแพทย์แผนปัจจุบันอันเป็นแนวหลักของโรงพยาบาลทีละน้อย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=268 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=268>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>การอัดผงยาใส่แคปซูลด้วยเครื่อง เครื่องนี้สามารถบรรจุได้ 360 เม็ด ใน 2 นาที</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ***ใช้สมุนไพรควบคู่ ผู้ป่วยตอบรับดีเกินคาด
    “เราใช้แนวทางการรักษาด้วยยาสมุนไพรและแนวการรักษาแบบแพทย์แผนไทยลงไปผสมกับการรักษาแบบปกติในระยะแรกๆ เพื่อให้คนไข้ปรับตัวและค่อยๆ ชินไปทีละน้อย ไม่ว่าจะเป็นด้านยาหรือการบำบัดอาการป่วยเจ็บด้วยการนวดตามศาสตร์ของหัตถเวชแบบการแพทย์แผนไทย ควบคู่ไปกับการผลิตยาสมุนไพรเองจากวัตถุดิบของดีในท้องถิ่น และการนำยาสมุนไพรที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ เช่นโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี มาจ่ายและวางจำหน่ายให้แก่ผู้ป่วยด้วย ซึ่งพอเราลองไประยะหนึ่งก็พบว่าผู้ป่วยรับได้และตอบรับการรักษาแบบแพทย์แผนไทยดีมากครับ”

    ผู้อำนวยการหนุ่มไฟแรงได้ให้รายละเอียดของยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่โรงพยาบาลทำเองว่า แบ่งออกเป็นสองประเภทหลักคือยาและเครื่องสำอาง ในส่วนของยาที่โรงพยาบาลผลิตเองได้ ได้แก่ ขมิ้นชันแคปซูล แก้ท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย จุกเสียด, มะระขี้นกแคปซูล ลดน้ำตาลในเลือด แก้ร้อนใน แก้ไข้, เถาวัลย์เปรียงแคปซูล แก้ปวดเมื่อยและขับปัสสาวะ, ส้มแขกแคปซูล ลดไขมันส่วนเกินและช่วยระบาย, เพชรสังฆาตแคปซูล แก้ริดสีดวงทวาร และมีสรรพคุณบำรุงสมานกระดูก, ฟ้าทะลายโจรแคปซูล แก้ร้อนใน เจ็บคอ ท้องเสีย, มะขามแขกแคปซูล ช่วยระบายท้องและบำรุงธาตุ, พริกไทยดำแคปซูล ช่วยละลายไขมัน ขับเหงื่อ ขับลม ทั้งยังมียาอมแก้ไอ แก้เจ็บคอรสต่างๆ ให้เลือกซื้อ ทั้งยาอมฟ้าทะลายโจร, ยาอมรสส้ม, ยาอมรสบ๊วย และยาอมรสมะนาว

    ส่วนยาทาภายนอกก็มีไม่ได้น้อยหน้ากัน แถมน่าสนใจหลายๆ ตัวทีเดียว โดย นพ.ศราวุธ ได้ให้รายละเอียดว่า มีทั้งยาหม่องไพลที่ทั้งหอมและใช้ทาแก้เคล็ดขัดยอกได้ด้วย,พิมเสนน้ำที่ใช้สูดดมแก้วิงเวียน, เจลว่านหางจระเข้ที่รักษาไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้ชะงัดกว่ายาฝรั่งเป็นไหนๆ รวมไปถึงยาหม่องพญายอ ที่ช่วยบรรเทาอาการแมลงสัตว์กัดต่อย ที่ขายดีไม่น้อยหน้าคาลามายด์แก้คันเนื้อคันตัวสูตรไทยๆ ที่ทำจาก “เสลดพังพอน” ด้วย

    ***โลชั่นขมิ้นชัน มัดใจคุณสาวๆ
    ถึงตรงนี้คุณสาวๆ ผู้รักสวยรักงามคงอยากจะให้ผู้อำนวยการหนุ่มบอกเล่าถึงรายละเอียดประเภทผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสมุนไพร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของโรงพยาบาลแล้ว...

    “ขายดีที่สุดต้องยกให้ขมิ้นชันบอดี้โลชั่นครับ ผลิตเท่าไหร่ก็หมด คุณสุภาพสตรีจะชอบมาก เพราะนอกจากจะบำรุงผิวได้ดีแล้วกลิ่นของโลชั่นจะหอมติดผิวได้นาน โลชั่นขมิ้นนี้ถือว่าเป็นตัวเด่นของเรา เพราะขมิ้นที่นี่ดีมาก พูดได้ว่าดีที่สุดในโลก ทำเป็นโลชั่นแล้วสรรพคุณเรื่องดูแลรักษาผิวไม่แพ้โลชั่นอื่นๆ แน่นอน ที่สำคัญคือราคาไม่แพงเพราะวัตถุดิบเป็นวัตถุดิบในท้องถิ่นเราเอง เราใช้ขมิ้นจากอ.บ้านตาขุนนี่เองครับ ทำให้เราไม่มีค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งมากนักเพราะไม่ไกล”

    นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์สบู่เหลวขมิ้นชัน,เกลือขัดผิว,แชมพูและครีมนวดมะกรูด, สบู่ก้อนแตงกวา แชมพูและครีมนวดอัญชัญ และครีมล้างหน้าสูตรมะขาม

    นพ.ศราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า การตอบรับของการใช้ยาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรแบบการแพทย์แผนไทยในเบื้องต้นดีกว่าที่คาดไว้มาก เพราะแต่แรกเขาหวังผลโดยให้น้ำหนักไปทางการศึกษาต่อยอดองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยของบุคลากรของโรงพยาบาลมากกว่า แต่ปรากฏว่าผู้ป่วยตลอดจนประชาชนทั่วไปให้การตอบรับดีและในระยะที่สอง ก็ปรากฏว่า ผู้ป่วยแสดงความจำนงต่อแพทย์ผู้รักษาว่าต้องการรับยาสมุนไพรสำหรับรักษาโรคเล็กๆ น้อยๆ เช่น อาการเจ็บคอ เป็นไข้ หรือท้องอืดท้องเฟ้อ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นพ.ศราวุธ เรืองสนาม ผอ.รพ.ท่าฉางกับยาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรของโรงพยาบาล</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> *** “เพชรสังฆาต” แทนยาฝรั่ง 100%
    “ที่ประสบความสำเร็จมากที่เห็นชัด ก็คือ การใช้เพชรสังฆาตรักษาอาการริดสีดวงทวารหนัก เพราะทางโรงพยาบาลของเราได้ตัดยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาโรคนี้ออกไปได้ระยะหนึ่งแล้วครับ และสั่งจ่ายเพชรสังฆาตทดแทนยาฝรั่งแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าเทียบในส่วนของราคา ยาฝรั่งจะแพงมาก ในขณะที่เพชรสังฆาตถูกกว่าและให้ผลการรักษาที่ดี”

    และเมื่อถามต่อถึงส่วนของการผลิตยาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร นพ.ศราวุธ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้กำลังการผลิตมีมากพอสมควร โดยโรงพยาบาลท่าฉางสามารถผลิตยาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรขายป้อนให้แก่โรงพยาบาลในจังหวัดสุราษฎร์ธานีทุกแห่ง เพราะทุกแห่งสนใจที่จะใช้สมุนไพรควบคู่ไปกับการรักษาแบบแผนปัจจุบันเช่นกัน

    ***มุ่งพัฒนาสู่มาตรฐานจีเอ็มพี
    “แต่เราไม่หยุดแค่นี้นะครับ เราไม่ได้ต้องการจะผลิตใช้เอง หรือผลิตป้อนโรงพยาบาลในท้องถิ่นเท่านั้น เพราะเราเชื่อในศักยภาพของสมุนไพรไทยและภูมิปัญญาเก่าแก่ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วในเชิงการแพทย์แบบวิทยาศาสตร์ว่าดีจริง รักษาได้จริง แถมมีผลข้างเคียงน้อย และบางตัวราคาไม่แพง เราจึงต้องการให้ยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรของเรามีคุณภาพและได้รับการรับรองตามระบบสากลที่เรียกว่าจีเอ็มพี (GMP) คือโครงการพัฒนาการผลิตยาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรให้โครงการของรัฐให้ได้มาตรฐาน โดยอย.จะเป็นผู้รับรอง ซึ่งจะทำให้ยาและผลิตภัณฑ์ของเราได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจมากขึ้น

    ขณะนี้เราได้ปรับทั้งกระบวนการผลิต มีการนำเครื่องจักรการบรรจุแคปซูลเข้ามาใช้ และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาอาคารผลิตยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมถึงส่วนที่จะให้บริการด้านการนวดและหัตถเวชแก่ผู้ป่วย ก็คาดว่าน่าจะอีกประมาณสองเดือนทุกอย่างก็จะเรียบร้อย”

    ***ไม่ลืมพัฒนาทักษะผู้ปลูกวัตถุดิบ
    ถึงตรงนี้ นพ.ศราวุธ ก็ได้กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง ต่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์ดีๆ ทุกชนิดของโรงพยาบาลท่าฉาง นั่นก็คือเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรเพื่อนำมาเข้าสู่กระบวนการผลิตนั่นเอง

    “ช่วงแรกเราสนับสนุนให้พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ปลูกสองชนิดหลักคือขมิ้นชันและไพล ควบคู่ไปกับตัวอื่นๆ อีกประมาณสิบชนิด แต่ขณะนี้ทั้งยาและผลิตภัณฑ์ในส่วนของเครื่องสำอางผลิตไม่พอต่อความต้องการ ในอนาคตก็จะสนับสนุนให้ปลูกมากขึ้นและดูแลรับซื้อวัตถุดิบมากขึ้นด้วย

    เราเชื่อว่ายาและผลิตภัณฑ์ของเราจะดีมีมาตรฐาน ต้องเริ่มตั้งแต่ได้วัตถุดิบที่ดี ยาจะดีไม่ได้เลยถ้าต้นทางไม่ดีมาตั้งแต่ต้น เรามีต้นทุนคือดินที่ดี แต่เท่านั้นไม่พอ ในอนาคตอันใกล้เราจะลงไปในมุมของผู้ผลิตคือเกษตรกร จะมีการจัดอบรมให้ความรู้แก่พวกเขาด้วย ว่าต้องปลูกอย่างไร ดูแลอย่างไร และทำอย่างไรวัตถุดิบจึงจะปลอดภัยจากสารเคมี” ผอ.ศราวุธ

    ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000045651</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชุดไฮโดรเจนพลังงานน้ำทางเลือกนอกLPG-NGV</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>23 เมษายน 2552 16:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ข่าวในประเทศ - เปิดทางเลือกพลังงานเชื้อเพลิงรถยนต์ นอกเหนือ LPG และ NGV บริษัทคนไทย “HPI” ประกาศผลิต Hydrogen Power Kit ชุดอุปกรณ์ผลิตพลังงานไฮโดรเจน ใช้ควบคู่กับน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล คุยเป็นนวัตกรรมเหนือคู่แข่ง ไม่ต้องใช้ถังบรรจุ ติดตั้งง่าย ระบบทำงานอัตโนมัติ ลดปัญหาหลักที่พบในรถยนต์ไฮโดรเจนปัจจุบัน ที่สำคัญใช้พลังงานจากน้ำสะอาด จึงช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 40-60% เคาะราคาขายเริ่มต้น 3.36 หมื่นบาท เผยได้รับความสนใจจากผู้จำหน่ายกว่า 50 แห่งทั่วประเทศสั่งจองนับหมื่นชุด มั่นใจสิ้นปีมียอดขายทะลุแสนชุด

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ชุดอุปกรณ์ Hydrogen Power Kit</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ดร.สิริภพ รักษ์ธนธัช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮโดรเจน เพาว์เวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (HPI) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทรถยนต์เกือบทุกค่าย ได้ทำการศึกษาและพัฒนารถที่ใช้พลังงานก๊าซไฮโดรเจนในการขับเคลื่อนรถยนต์ และในท้องตลาดก็มีผู้ผลิตอิสระอื่นๆ ทำการคิดค้นเรื่องนี้โดยเฉพาะ จึงถือเป็นพลังงานที่อยู่ในความสนใจ และน่าจะมีแนวโน้มสูงในการนำมาใช้จริงในอนาคต ซึ่งขณะนี้เป็นการพัฒนาในรูปแบบของไฮโดรเจนเหลว และต้องเก็บในถังบรรจุ เช่นเดียวกับแอลพีจี และเอ็นจีวี

    “ในไทยมีผู้ผลิตอิสระ 4-5 ราย ในการติดตั้งพลังงานไฮโดรเจนกับรถยนต์ทั่วไป แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะมีปัญหาก๊าซไฮโดรเจนผลิตออกมาเกินกว่าอัตราการใช้งาน ความร้อนที่เกิดขึ้นจากระบบการผลิต การตกตะกอนของแร่ธาตุในน้ำที่นำมาใช้หรือตะกรัน และความเสื่อมของแบตเตอรี่ จากปัญหาเหล่านี้ทำให้ทีมวิศวกรและนักวิจัยของเรา นำมาแก้ไขและปรับปรุงจนได้ชุดอุปกรณ์ Hydrogen Power Kit ที่ผลิตพลังไฮโดรเจนจากน้ำ ผ่านกระบวนทางไฟฟ้า ในการขับเคลื่อนรถยนต์ โดยใช้ร่วมกับพลังงานน้ำมัน ทำให้สามารถประหยัดได้ 40-60%”

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แหล่งส่งเชื้อเพลิงไฮโดรเจน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ทั้งนี้ชุดอุปกรณ์ผลิตไฮโดรเจนดังกล่าว ได้พัฒนาและออกแบบในลักษณะอุปกรณ์ควบเสริม ที่ใช้ผสมกับเชื้อเพลิงหลัก ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน หรือดีเซล โดยไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์ พร้อมจุดเด่นที่ไม่ต้องมีถังบรรจุ และใช้เทคโนโลยี Ultra Sonic ในการแยกก๊าซไฮโดรเจนจากน้ำ ซึ่งนำมาเป็นเซลล์เชื้อเพลิง ใช้ร่วมกับน้ำมันหลัก

    ดร.สิริภพกล่าวว่า ชุดอุปกรณ์ Hydrogen Power Kit ทำงานอัตโนมัติทั้งระบบ ประกอบด้วย Cell Hydrogen ตัวเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน กล่อง CPU ควบคุมการผลิตไฮโดรเจนให้พอเหมาะตามรอบเครื่องยนต์ จึงไม่กินกระแสไฟ รวมถึงป้องกันกระแสไฟเกิน โดยจะตัดทันทีหากเกิดผิดปกติ ECU ควบคุมปริมาณการจ่ายเชื้อเพลิง ให้กับเครื่องยนต์ร่วมกับพลังงานน้ำมันหลัก และยังป้องกันไฟย้อนกลับ กล่อง Power Control และระบบน้ำในการผลิตไฮโดรเจน ไม่ว่าจะเป็นหม้อน้ำวน หรือนวัตกรรมหล่อเย็น และถังบรรจุน้ำวัตถุดิบในการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจน

    “จากระบบของชุดอุปกรณ์ Hydrogen Power Kit จะเห็นว่าปัญหาของการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในตลาดทั่วไปได้ชัดเจน ซึ่งเป็นนวัตกรรมของเราโดยเฉพาะ และได้มีการจดลิขสิทธิ์ไว้แล้ว ที่สำคัญเป็นพลังงานที่ได้จากน้ำสะอาด ไม่ว่าจะน้ำจากเครื่องกรองน้ำในบ้าน หรือน้ำขวดที่จำหน่ายทั่วไป ซึ่งจากการทดสอบมาเป็นเวลานานจนมั่นใจ ทั้งความปลอดภัยและประหยัด โดยจากการทดสอบรถเอสยูวีชื่อดัง ระยะทาง 100 กิโลเมตร จากเดิมต้องเติมน้ำมันประมาณ 8 ลิตร แต่เมื่อใช้ชุดอุปกรณ์ไฮโดรเจน เติมน้ำมันเพียง 3.5 ลิตเท่านั้น” ดร.สิริภพกล่าวและว่า

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รถที่ได้รับการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับชุดอุปกรณ์ Hydrogen Power Kit รุ่นแรก H40 ใช้ได้กับรถทุกชนิดทั้งเบนซินและดีเซล ในราคาชุดละ 33,600 บาท สำหรับรถ 4 ล้อ และมีค่าบริการติดตั้ง 3,500 บาท รถบรรทุก 6 ล้อ ราคา 43,200 บาท ค่าติดตั้ง 4,500 บาท และรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ราคาชุดละ 57,000 บาท ค่าติดตั้ง 5,500 บาท โดยสามารถติดตั้งได้กับตัวแทนจำหน่าย ที่ผ่านการอบรมวิธีการติดตั้ง และการใช้บริการตามมาตรฐานบริษัท ซึ่งปัจจุบันแต่งตั้งไปแล้ว 56 ศูนย์ทั่วประเทศ

    “แม้จะเพิ่งเปิดตัวแต่ได้รับการตอบรับจากผู้แทนจำหน่ายดีมาก โดยมียอดจองแล้วกว่าหมื่นชุด ซึ่งบริษัทมีกำลังการผลิตในระยะแรก 2 หมื่นชุดต่อเดือน คาดว่าภายในสิ้นปีน่าจะมียอดขายกว่า 1 แสนชุด และในจำนวนนี้มีกลุ่มรถองค์กร เช่นราชสีมาแอร์ที่สนใจและเจรจากันอยู่ รวมถึงรถโดยสารรายอื่นๆ หรือรถขนส่งประมาณ 30% และอนาคตจะมีโปรดักต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจุบันที่มีเฉพาะรุ่น H40 ซึ่งประหยัดพลังงานได้ 40-60% โดยพัฒนาให้ประหยัดได้สูงสุดถึง 90% แต่จะไม่ถึง 100% เพราะเทคโนโลยีเครื่องยนต์ปัจจุบันไม่ได้รองรับก๊าซ 100% จึงจำเป็นต้องฟิล์มป้องกันการสึกหรอ” ดร.สิริภพกล่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9520000045677
     
  7. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    ข่าว: เสี่ยร้านเกมโหดจ่อยิงดช.ดับคาร้าน ก่อนแบกศพโยนทิ้ง

    <SCRIPT type=text/javascript><!-- google_ad_client = "pub-0032874521947222"; /* 468x15, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 3/13/09 */ google_ad_slot = "7657140061"; google_ad_width = 468; google_ad_height = 15; //--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=google_ads_frame1 height=15 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-0032874521947222&dt=1240540893078&lmt=1240540893&output=html&slotname=7657140061&correlator=1240540893078&url=http%3A%2F%2Fnews.mthai.com%2Fgeneral-news%2F24969.html&ref=http%3A%2F%2Fwww.mthai.com%2F&frm=0&ga_vid=3674070254143023600.1235895513&ga_sid=1240539893&ga_hid=782193771&ga_fc=true&ga_wpids=UA-1682552-2&flash=10.0.22.87&u_h=768&u_w=1024&u_ah=740&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_java=true&dtd=15&w=468&h=15&xpc=IZAXiKqR1V&p=http%3A//news.mthai.com" frameBorder=0 width=468 allowTransparency name=google_ads_frame marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS>


    บทความนี้เขียนโดย Hanoiii Reuters, โพสต์เมื่อ <ABBR class=published title=2009-04-23T13:20:42+0700>23/04/2009 at 13:20</ABBR>, ในหมวด ข่าวทั่วไป, ข่าวเด่นประจำวัน และ ยิง, ร้านเกม. เก็บกระทู้นี้ได้ที่ ลิ้งค์นี้. ติดตามความคิดเห็นในบทความนี้ ด้วยระบบ RSS feed. แสดงความคิดเห็น หรือทิ้งแทร็กแบค: Trackback URL.

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากอินเทอรืเน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว
    แค่ เด็กเล่นเกมส่งเสียงดัง หนุ่มเจ้าของร้านสติแตก ยกปืนยิงจ่อหัวลูกค้าวัย 12 ขวบ ตายสยองต่อหน้าเพื่อนตัวน้อยที่นั่งเล่นเกมอยู่ เสร็จแล้วแบกศพขึ้นรถเก๋งขับหนีหาย ตำรวจไปเจอศพเหยื่อทมิฬ โดนทิ้งริมถนนเส้นทางจะไปสนามบินภูเก็ต


    แฉเจ้าของร้านสติแตก ชอบเอาปืนมาขัดถูเล่น เพื่อขู่เด็กที่เล่นเกมเสียงดัง เหยื่อกำลังเล่นเกมยิงเลยส่งเสียงดัง หนุ่มอำมหิตห้ามไม่เชื่อร้องถาม “ชอบเกมยิงใช่ไม่” จากนั้นเหนี่ยวไกทันที ตร.พลิกเกาะภูเก็ตไล่ล่าฆาตกรเหี้ยม

    เจ้าของร้านเกมคลั่ง จ่อยิงหัวเด็กวัย 12 ขวบ ก่อนแบกศพขึ้นรถเผ่นหนี โทษฐานเล่น เกมส่งเสียงดังรายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 22 เม.ย. พ.ต.ท.สมคิด ขาวสังข์ สวส. สภ.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต รับแจ้งมีเจ้าของร้านเกม ใช้ปืนยิงลูกค้าที่เป็นเด็กเสียชีวิต เสร็จแล้วแบกศพใส่รถเก๋งหลบหนีไป
    จึงไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ ภายในร้านเกม “ดร.คอมอีเล็กโทนิค เซ็นเตอร์” เลขที่ 38/12 บ้านบางเทา ซอย 17 ต.เชิงทะเล บริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์ พบกองเลือดไหลนอง โดยมีเด็กที่เข้ามาเล่นเกมกว่า 10 คน ยืนจับกลุ่มคุยกันด้วยสีหน้าตื่นตกใจกับเหตุการณ์สยองครั้งนี้
    จากนั้นจึงรีบแจ้งผู้บังคับบัญชาระดับสูง อาทิ พ.ต.อ.วิฑูรย์ กองสุดใจ ผกก. พ.ต.ท.นรินทร์ ขิงแก้ว รอง ผกก.สส. และประสาน พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ อินยิ้ม สวป.นำกำลังสายตรวจออกหาเบาะแสคนร้าย เบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นเจ้าของร้านที่เกิดเหตุ
    ชื่อนายเอกวุฒน์ หรือโรม พิพัฒน์รัตนะ อายุ 34 ปี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 57 ตรอกวัดพายัพ ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา หลังก่อเหตุได้ขับรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีแดง ทะเบียน กท 2254 ภูเก็ต หลบหนีไป จึงวิทยุสกัดจับ
    จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุน้องกาก้า หรือ ด.ช.อมรเทพ ปัญญาสิริกุล อายุ 12 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนอนุบาลภูเก็ต กับเพื่อนอีกจำนวนหนึ่งเข้ามาเล่นเกมในร้านดังกล่าว โดยน้องกาก้าเล่นเกมยิงพร้อมกับส่งเสียงด้วยความมัน
    ระหว่างนั้นนายเอกวุฒน์เอาปืนขนาด .38 มาขัดถูเล่นต่อหน้าเด็ก เนื่องจากก่อนหน้านี้หากเวลาเด็กเล่นเกมส่งเสียงดัง นายเอกวุฒน์ชอบเอาปืนออกมาขู่ให้เด็กหวาดกลัว แต่น้องกาก้ายังเล่นเกมส่งเสียงดังเพราะความมัน ไม่ได้สนใจหรือฟังคำเตือนของนายเอกวุฒน์
    ทำให้นายเอกวุฒน์โมโหเลือดขึ้นหน้า ที่ลูกค้าตัวน้อยไม่สนใจคำพูดของตน เลยเดินถือปืนเข้ามาหาน้องกาก้า พร้อมกับถามว่า “ชอบเกมยิงใช่มั้ย” จากนั้นขาดคำยกปืนจ่อขมับซ้าย น้องกาก้าและลั่นไกใส่ 1 นัด ท่ามกลางความตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเด็กคนอื่น
    จากนั้นนายเอกวุฒน์อุ้มศพน้องกาก้า ขึ้นรถ เก๋งขับหลบหนีไป ต่อมาตำรวจพบศพน้องกาก้า หรือ ด.ช.อมรเทพ ถูกทิ้งไว้ที่ริมถนนเส้นทาง ไปสนามบินภูเก็ต ถนนสายทางลัดบ้านสาคู- หาดในยาง ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 300 เมตร สภาพศพใส่เสื้อยืดสีแดง กางเกงขาสั้นสีขาว
    ซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดแดงฉาน มีบาดแผลถูกยิงที่ขมับซ้าย 1 นัด ส่วนหนุ่มเจ้าของร้านอำมหิต อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ และผู้เสียชีวิตเป็นแค่เด็กอายุไม่กี่ขวบ.
    ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก [​IMG] เดลินิวส์
    .
    —————————————————————
    ข่าว: ผบ.ทบ. รับกระสุนยิง สนธิ ใช้ในทัพภาค1 จริง

    <SCRIPT type=text/javascript><!-- google_ad_client = "pub-0032874521947222"; /* 468x15, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 3/13/09 */ google_ad_slot = "7657140061"; google_ad_width = 468; google_ad_height = 15; //--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=google_ads_frame1 height=15 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-0032874521947222&dt=1240541213015&lmt=1240541213&output=html&slotname=7657140061&correlator=1240541213015&url=http%3A%2F%2Fnews.mthai.com%2Fheadline-news%2F24893.html&ref=http%3A%2F%2Fwww.mthai.com%2F&frm=0&ga_vid=3674070254143023600.1235895513&ga_sid=1240539893&ga_hid=31636155&ga_fc=true&ga_wpids=UA-1682552-2&flash=10.0.22.87&u_h=768&u_w=1024&u_ah=740&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_java=true&dtd=31&w=468&h=15&xpc=IcIWSTcCcz&p=http%3A//news.mthai.com" frameBorder=0 width=468 allowTransparency name=google_ads_frame marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS>


    บทความนี้เขียนโดย Hanoiii Reuters, โพสต์เมื่อ <ABBR class=published title=2009-04-23T09:00:02+0700>23/04/2009 at 09:00</ABBR>, ในหมวด ข่าวการเมือง, ข่าวพาดหัว และ RTA, กระสุนปืน, สนธิ ลิ้มทองกุล, อนุพงษ์ เผ่าจินดา. เก็บกระทู้นี้ได้ที่ ลิ้งค์นี้. ติดตามความคิดเห็นในบทความนี้ ด้วยระบบ RSS feed. แสดงความคิดเห็น หรือทิ้งแทร็กแบค: Trackback URL.
    [​IMG]
    [​IMG]

    ชุดสืบสวนตร.ตรวจ3ปลอกกระสุนเอ็ม 16 ยิงถล่มรถ”สนธิ” พบกรมสรรพาวุธ ทบ.ผลิต ตีตรา”RTA” ส่งให้กองทัพภาค 1 ใช้เท่านั้น “อนุพงษ์”ยอมรับของกองทัพภาค1จริง อ้างรั่วไหวจากการฝึก คุ้มครองเข้มพยานปากสำคัญเห็นเหตุการณ์ตลอด เผยถูกคนร้ายยิงใส่

    พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงกล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ปลอกกระสุนเอ็ม 16 จำนวน 3 นัดที่ใช้ยิงนายสนธินั้น
    จากการตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมรับว่าเป็นกระสุนที่มาจากกองพลทหาร ราบที่ 9 ซึ่งอยู่ในสายงานการบังคับบัญชาของกองทัพภาคที่ 1 แต่เป็นกระสุนที่ใช้ในการฝึกยิงและได้มีการรั่วไหลออกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบากในการตรวจสอบว่าเป็นกระสุนมาจากหน่วยใด
    ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีการตรวจสอบพบว่าเป็นกระสุนจากที่ใด ก็จะต้องมีการดำเนินการสอบสวนผู้รับผิดชอบจากกฎระเบียบของกองทัพต่อไป
    ส่วนความคืบหน้าการติดตามหาตัวคนร้ายที่ลงมือยิงนายสนธินั้น ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) รายงานข่าวจากชุดสืบสวนคลี่คลายคดีคนร้ายยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แจ้งว่า จากการตรวจสอบ ที่เกิดเหตุได้ตรวจพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ขนาด 5.56 มม.จำนวน 3 ปลอก
    ซึ่ง 2ใน 3เป็นกระสุนที่ผลิตโดยกรมสรรพาวุธทหารบกมีการตีตราสัญลักษณ์ (RTA) ซึ่งมาจากว่า ROYAL THAI ARMY และเป็นซีรีส์ที่ส่งให้เฉพาะหน่วยทหารในกองทัพภาคที่ 1ใช้เท่านั้น และที่เกิดเหตุยังพบกระสุนปืนอาก้าหลายสิบปลอก แต่ไม่สามารถตรวจสอบที่มาได้ เนื่องจากกระสุนชนิดนี้ไม่มีประจำการในหน่วยราชการของไทย
    รายงานข่าวแจ้งว่า จากการวิเคราะห์แนวทางการสืบสวนเชื่อว่า คนร้ายที่ก่อเหตุใช้ปืนอาก้า เป็นหลักเพราะเป็นอาวุธปืนสงครามที่อำนาจการทะลุทะลวงสูง อีกทั้งไม่มีข้อมูลในสารบบ เนื่องจากเป็นอาวุธปืนจากประเทศรัสเซีย ที่หาซื้อได้ง่ายตามแนวชายแดน การติดตามที่มาของอาวุธทำได้ยาก
    แต่กระสุนปืนเอ็ม 16 ที่พบน่ามาจากปืนเอ็ม 203 ซึ่งเป็นปืนเอ็ม 16 ประกอบเครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม79 ไว้ที่ด้านล่างของลำรางปืน ซึ่งคนร้ายน่าจะนำมาใช้เพื่อยิงลูกระเบิดถล่มรถยนต์ของนายสนธิ โดยไม่ได้ตั้งใจจะยิงปืนเอ็ม16 น่าจะเป็นการบังเอิญยิงออกไปเท่านั้นจึงมีปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุเพียง 3ปลอก
    รายงานข่าวแจ้งด้วยว่านอกจากเด็กปั๊มที่เห็นเหตุการณ์ 2 คนแล้ว ชุดสืบสวนยัง ได้พยานปากสำคัญซึ่งเห็นเหตุการณ์อย่างละเอียด ตั้งแต่คนร้ายเริ่มลงมือจนหลบหนี ซึ่งคนร้ายได้พยายามสังหารพยานโดยการยิงใส่แต่หลบทัน ขณะนี้พยานคนดังกล่าวอยู่ในการคุ้มครองของชุดสืบสวนนครบาลแล้ว
    พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีนายชนาพัทธ์ ณ นคร หรือเตมูจิน แกนนำเครือข่ายผู้รักประชาธิปไตย เข้าพบพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เพื่อให้รายละเอียดคดียิงนายสนธิ ว่า มีการเข้าพบ แต่ไม่ทราบรายละเอียด อาจให้ข้อมูลเพิ่มเติม และมีประชาชนแจ้งเบาะแสเป็นระยะๆ ยืนยันว่ากระสุนเอทู ที่พบไม่มีข้าราชการตำรวจใช้
    พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. กล่าวภายหลัง พล.ต.อุทิศ สุนทร ผบ.มทบ.11 เข้าพบ ว่า มาเพื่อหารือกับผบช.น. ในเรื่องการจัดงานเลี้ยงรุ่นไม่มีเรื่องอะไรมาก ส่วนคดีคนร้ายลอบยิงนายสนธิ มีเพียง ผบช.น.คนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์ พร้อมพูดทิ้งท้ายว่า “ติดตามใกล้พอเห็นหลังไวๆ แล้ว”
    วันเดียวกัน เวลา 13.00 น. พ.ต.ท.เจริญ ปานคล้าย รองผู้กำกับการ 3 กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ นำเจ้าหน้าที่ 20 นาย เข้าตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายยิงถล่มนายสนธิอีกครั้งอย่างละเอียด โดยตรวจสอบแนววิถีกระสุน และรอยล้อรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด และรอยล้อรถรวมถึงดอกยางรถที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะ
    ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งตรวจสอบบริเวณชั้น 3 ของอาคารธนาคารแห่งประเทศไทยที่ถูกกระสุนยิงใส่กระจก1 นัด คาดว่าจะเป็นลูกกระสุนที่คนร้ายยิงใส่ตู้ควบคุมสัญญาณกล้องวงจรปิดบริเวณสี่ แยกบางขุนพรหม
    แหล่งข่าวชุดสืบสวน เปิดเผยว่าตรวจสอบกล้องวงจรปิดร้านค้าแห่งหนึ่งใกล้จุดที่นายสนธิ ถูกยิงได้จับภาพรถยนต์ของกลุ่มคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน เป็นรถยนต์กระบะสีดำ อยู่ระหว่างติดตามและพบว่ามีเพียงประมาณ 1,000 กว่าคัน ส่
    วนแผ่นป้ายทะเบียนน่าจะเป็นป้ายอำพราง ชุดสืบสวนสืบยังทราบว่าทางฝ่ายกลุ่มผู้เดือดร้อนแทนผู้เสียหายอยู่ระหว่าง ระดมทีมราว 20-30 คน เพื่อหวังล้างแค้นคืนให้กับนายสนธิ
    ขณะที่ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการตีพิมพ์รูปพยาน คดีลอบฆ่านายสนธิ ว่า หากมีการนำภาพเผยแพร่เป็นเหตุให้พยานคนดังกล่าวได้รับอันตราย หรือเสียชีวิต ถือว่าเกิดความเสียหายขึ้น พยาน หรือญาติมีสิทธิยื่นฟ้องดำเนินคดีต่อสื่อได้ การเปิดเผยใบหน้าชัดเจนของพยานเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ตำรวจต้องเข้าไปดูแล
    เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิ จะทำให้พยานนั้นไม่ปลอดภัย ถ้ามีการห้ามกันไว้อยู่แล้ว แต่ยังนำมาเผยแพร่ก็ถือว่าผิด หากการเผยแพร่ภาพพยานส่งผลให้ภายหลังพยานถูกข่มขู่ คุกคาม พยานคนดังกล่าวสามารถยื่นเรื่องให้กรมคุ้มครองฯ เข้าไปดูแลคุ้มครองได้ทันที
    ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก [​IMG] มติชนออนไลน์
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>รวบพระปลอมปิดเทอมจูงเด็กเดินสายเรี่ยไรเงินชาวบ้าน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเทอร์เนต</TD></TR></TBODY></TABLE>

    พ.ต.ต.ประสิทธิ์ ปลื้มสุด สารวัตรสืบสวน สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น รับแจ้งจากชาวบ้านนองบัวบาน ต.ทรายมูล อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ว่ามีพระสงฆ์และสามเณรจำนวนหลายรูป และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง มีพฤติกรรมน่าสงสัยเข้ามาเรี่ยไรเงิน และสิ่งของกับชาวบ้าน หวั่นเกรงว่า จะเป็นพระปลอม หรือแก็งค์มิจฉาชีพ จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนรีบเข้าตรวจสอบ

    ภายในหมู่บ้านหนองบัวบาน พบพระสงฆ์จำนวนหนึ่งห่มผ้าเหลืองลักษณะค่อนข้างเก่า ภายในมืออุ้มบาตรพร้อมซองใบฎีกาเดินเข้าพบชาวบ้านตามครอบครัวต่าง ๆ ภายในหมู่บ้าน

    เพื่อขอเรี่ยไรเงินจึงได้ให้ตำรวจชุดสืบสวนปลอมตัวเข้าไปสอบถาม โดยพระรูปหนึ่งบอกว่าที่วัดนิคมพัฒนาราม ม.11 บ้านหนองผักแว่น ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น กำลังมีการก่อสร้างศาลาการเปรียญและขณะนี้ได้สร้างไปแล้วกว่า 70% และขาดปัจจัยในการก่อสร้างต่อให้แล้วเสร็จ ทางผู้นำชาวบ้านจึงขอให้พระสงฆ์และชาวบ้านในหมู่บ้านช่วยกันออกหาปัจจัยจากชาวบ้านเพื่อสมทบทุนในการก่อสร้าง

    ต่อมาหลังสอบถาม พบพิรุธของพระสงฆ์ที่มาขอบริจาคเงินกับชาวบ้าน โดยพบว่า ใต้สบงของพระสงฆ์รูปดังกล่าวนั้น มีการสวมใส่กางเกงขาสั้นอยู่ด้วย จึงเอะใจว่า ไม่ใช่พระจริง จึงได้ขอตรวจสอบดูใบสุทธิ แต่ไม่มีมาแสดง จึงได้ขอตรวจค้นตัว พบว่า สวมใส่กางเกงขาสั้นและกางชั้นในด้วย ชุดสืบสวนจึงขอนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.น้ำพอง แต่ระหว่างนั้น พระปลอมได้พยายามจะวิ่งหลบหนี ทำให้พระปลอมอีก 5 คน และชาวบ้านที่มาด้วยต่างพากันวิ่งหนีเข้าป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วิ่งไล่ตามจับตัวมาได้ทั้งหมด

    ทราบชื่อภายหลังคือ นายบุญรัตน์ เขตเจริญ อายุ 42 ปี ชาว ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งแต่งตัวเป็นพระ ,นายทองมา ศิริราช อายุ 42 ปี ชาว อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ,นายวันชัย ศิราราช อายุ 20 ปีแต่งตัวเป็นพระเช่นกัน ,และเด็กชายวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี จำนวน 7 คน ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านและพื้นที่ละแวกเดียวกัน และเด็กวัยรุ่นในจำนวน 7 คนนี้มี 3 คนแต่งตัวเป็นสามเณรที่เดินเรี่ยไรด้วย จึงได้ควบคุมตัวทั้งหมดไปดำเนินคดีที่ สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น


    พ.ต.ต.ประสิทธิ์ กล่าวว่า จากการจับกุมสามารถตรวจยึดเงินสดกับผู้ต้องหาทั้ง 10 คน ที่เรี่ยไรมาได้รวมเป็นเงินสดจำนวน 7,085 บาท และข้าวสารอาหารแห้งอีกจำนวนมาก

    พร้อมรถยนต์ปิคอัพ 1 คัน โดยจากการสอบสวนนายบุญรัตน์ หัวหน้าแก็ง ให้การรับสารภาพว่า ช่วงนี้เศรษฐกิจย่ำแย่ไม่รู้จะหาเงินทางไหน จึงได้ร่วมมือกับนายทองมา ชักชวนเด็ก ๆ ที่เป็นนักเรียนในหมู่บ้านออกเรี่ยไรเงินชาวบ้าน เนื่องจากช่วงนี้เด็กปิดเทอมไม่มีอะไรทำ ซึ่งเงินที่ได้มาก็จะแบ่งปันให้กับเด็ก ๆ ทุกคน

    ซึ่งแรก ๆ ก็เริ่มเดินเรี่ยไรเงินในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นสังเกตว่าชาวบ้านเริ่มสงสัยจึงย้ายมาเรี่ยไรเงินในเขตพื้นที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งก็ทำมาเกือบ 1 เดือนแล้วก็ได้เงินดี เฉลี่ยต่อวันหลายหมื่นบาท แล้วมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในที่สุด รวมแล้วได้เงินไปหลายแสนบาท

    และหลังสอบสวนเสร็จเบื้องต้นจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งหมดว่า ร่วมกันเรี่ยไรเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย ส่วนนายบุญรัตน์ และ นายทองมา ซึ่งเป็นหัวหน้าแก็งได้แจ้งข้อพาเพิ่มเติมว่า ร่วมกันส่งเสริมชักจูงหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร และเสี่ยงต่อการกระทำความผิด พร้อมกันควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ข้าวไทยเสียชื่อ 'หอมมะลิ' ถูกปลอมในจีน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    กรมการค้าต่างประเทศ เตรียมจดทะเบียนเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยในจีนเพิ่มเติม หลังพบทำเครื่องหมายปลอมอื้อ ทำให้ข้าวไม่มีความหอม ทำเสียชื่อ จี้ กวางโจว-เซี่ยะเหมินในตรวจสอบ


    วันนี้ (22 เม.ย.) นายอิทธิพล ช้างหลำ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมอยู่ระหว่างดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยเป็นภาษาอังกฤษเพิ่มเติมในประเทศจีน เพราะพบว่า ข้าวหอมมะลิไทยที่ส่งออกไปจีนมีการปลอมปน ทำให้ข้าวไม่มีความหอม และยังทำปลอมเครื่องหมายรับรอง จนทำให้ข้าวหอมมะลิไทยเสียหายมาก ซึ่งเมื่อจดทะเบียนแล้ว หากพบมีการทำปลอม ก็ดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที สำหรับเครื่องหมายรับรองดังกล่าว ออกโดยกรม เพื่อรับรองว่าข้าวหอมมะลิไทยที่ส่งออกไปแล้ว มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานที่กำหนดคือ มีเนื้อข้าวหอมมะลิ 92% และมีข้าวชนิดอื่นปนไม่เกิน 8%


    นอกจากนี้ นายอิทธิพล กล่าวด้วยว่า จะประสานสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ที่กวางโจว และเซี่ยะเหมิน ให้ตรวจสอบการใช้เครื่องหมายรับรองอย่างต่อเนื่อง

    หากพบว่ามีการกระทำความผิด กรมจะมอบอำนาจให้หน่วยงานในจีน เช่น กงสุล หรือสำนักงานทนายความดำเนินคดีต่อไป พร้อมกันนั้น จะเพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานที่ดูแลตรวจสอบและกักกันของจีน ดูแลการนำเข้าว่ามีคุณภาพถูกต้องตามที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบของไทยก่อนส่งออกหรือไม่ และร่วมมือกับหน่วยงานที่ดูแลเครื่องหมายการค้า แก้ไขปัญหาการละเมิดเครื่องหมายรับรองในจีน


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ร้อนจัด ความต้องการไฟฟ้าในไทยปรับขึ้นสูงสุดในรอบปี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรุงเทพฯ 22 เม.ย.-การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยแจ้งว่า จากอากาศร้อนจัดในวันนี้ ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ ช่วง 14.30 น.

    มีความต้องการใช้ถึง 21,815 เมกะวัตต์ นับเป็นอัตราการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ในรอบปี 2552 อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับปี 2551แล้วพบว่ายังต่ำกว่า เพราะพีคเกิดขึ้นที่อัตรา 22,018 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2551 ซึ่งการที่พีคปีนี้ยังไม่สูงมากนัก เป็นผลมาจากการใช้ไฟฟ้าในส่วนของสถานประกอบการ โรงงานต่าง ๆ ที่ลดกำลังผลิต แม้ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าของบ้านเรือนและอาคารพาณิชย์จะเพิ่มขึ้นเพราะอากาศร้อนก็ตาม


    ทั้งนี้ ในส่วนของความต้องการใช้ไฟฟ้าในวันที่ 21 เม.ย.52 นั้น พบว่า มีความต้องการอยู่ที่ 21,336.8 เมกะวัตต์

    เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ลดลง 439.61 เมกะวัตต์ และหากคิดเป็นปริมาณไฟฟ้าเทียบเท่า 7,988.2 ล้านหน่วย ลดลงร้อยละ 6.56 และหากสรุปปริมาณการใช้ไฟฟ้าไตรมาส ที่ 1 (ม.ค.-มี.ค. 52) เท่ากับ 33,621.12 ล้านหน่วย และเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 5.48.-สำนักข่าวไทย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>กู้ภัยแสบปล่อยคนป่วย อาสาพาไปส่งหนุ่มเป็น"นิ่ว"แต่ทิ้งริมถนน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ประณามจนท.มูลนิธิฯกู้ภัย.ใจบาป ลอยแพหนุ่มใหญ่ ผู้ป่วยโรคนิ่ว แขน ขา ไม่มีแรง ทำทีใจบุญ

    อาสานำตัวขึ้นรถตู้ออกจากโรงพยาบาลไปส่งบ้านพัก แต่พอถึงกลางทางกลับใจร้าย ปล่อยหิ้วถุงปัสสาวะทิ้งไว้ที่ริมถนนเผชิญชะตากรรมอย่างโดดเดี่ยว ปัดสวะโยนขี้ให้อีกมูลนิธิฯรับกรรมไป อ้างหน้าตาเฉยจะมีจนท.อีกมูลนิธิฯมารับตัวไปส่งต่อถึงที่หมายปลายทาง แต่ยังเคราะห์ดีมีพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวใจบุญพบเห็นเสียก่อน จึงให้ดื่มน้ำประทังชีวิต ก่อนมีอุปนายกสมาคมมูลนิธิฯใจบุญ มอบเงินช่วยเหลือและหารถพาไปส่งถึงมือญาติพี่น้อง


    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากนางสุมาลี โชคโชติ อายุ 39 ปี เจ้าของร้านรักษ์ก๋วยเตี๋ยวเรือ

    เลขที่ 617/18 ถนนพหลโยธิน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี ว่า มีผู้ป่วยเป็นชายสูงอายุ ถูกนำตัวใส่รถตู้ไม่ ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ที่ข้างรถมีอักษรเขียนว่า มูลนิธิฯแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี นำมาทิ้งไว้ที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ใกล้กับร้านขายก๋วยเตี๋ยว ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมาและจนถึงขณะนี้ยังไม่มีญาติหรือบุคคลใดมารับไปดูแลแต่อย่างใด

    จึงไปตรวจสอบ พบชายสูงอายุ สภาพ ร่างกายอิดโรย กำลังนั่งถือขวดน้ำเปล่าอยู่ใต้ต้นไม้ ใหญ่ ข้าง ๆ ตัวมีถุงต่อท่อสายยางปัสสาวะ 1 ใบ


    และจากการสอบถามทราบชื่อนายณรงค์ สมพงษ์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 9 ต.คชสิทธิ์ อ.หนองแค จ.สระบุรี พร้อมกับเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ได้เดินทางจากบ้านพักใน ต.คชสิทธิ์ ไปรับจ้างทำงานกับเพื่อน ๆ ที่ จ.ลพบุรี มานานหลายเดือนแล้ว แต่ต่อมาเกิดล้มป่วยลงด้วยโรคนิ่วและแขน ขา ไม่มีแรง จึงไปเข้ารักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่ง ใน จ.ลพบุรี และต่อมาจะขอกลับบ้านไปหาญาติพี่น้องที่ ต.คชสิทธิ์ แต่ไม่สามารถติดต่อ กับญาติพี่น้องได้เลย ทางโรงพยาบาลจึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯแห่งหนึ่ง ใน จ.ลพบุรี นำตัวขึ้นรถตู้ เดินทางจากลพบุรีไปส่งที่บ้านพักใน ต.คชสิทธิ์

    หนุ่มใหญ่โชคร้ายรายนี้ เล่าต่อว่า แต่ขณะเดินทางผ่านมาถึง จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯกู้ภัยดังกล่าว จำนวน 2 คน ได้จอดรถแวะตรงที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน แล้วอุ้มตนลงจากรถทิ้งไว้

    โดยอ้างว่า เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯอีกแห่ง มารับไปส่งต่อที่บ้านพัก ก่อนพากันขับรถออกไปทันที จากนั้นคิดไม่ออกและไม่รู้จะทำอย่างไรดี อีกทั้งตนเดินก็ไม่ได้และเงินในตัวก็ไม่มี จึงทำได้เพียงกระเสือกกระสนไปขอน้ำดื่มจากร้านขายก๋วยเตี๋ยวใกล้เคียงมาดื่มประทังความหิว เพราะข้าวก็ไม่ได้กิน จนถึงกลางดึกจึงหลับนอนอยู่ริมถนนและถูกมดและยุงรุมกัดทั้งคืน ตนจึงอยากกลับบ้านไปหาพ่อแม่และฝากวอนผู้สื่อข่าวช่วยหารถไปส่งให้ด้วย

    ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยัง นายวิบูลย์ สุขอนันตธรรม อุปนายกสมาคมสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี

    เพื่อให้การช่วยเหลือและได้มอบเงินส่วนตัวไว้ใช้จ่ายเบื้องต้นจำนวนหนึ่ง ก่อนจัดหาเจ้าหน้าที่และรถไปส่ง นายณรงค์ ได้ไปพบญาติพี่น้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีผู้คนที่ทราบข่าวต่างประณามเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯใจร้ายแห่งนั้น ที่ไม่ยอมส่งผู้ป่วยถึงที่หมายปลายทาง อีกทั้งยังปล่อยทิ้งไว้ให้เผชิญชะตากรรมอย่างโดดเดี่ยว ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรงสมบูรณ์อีกด้วย.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โลกร้อนทำป่าเสื่อมโทรม "ต้นไม้" อาจปล่อยคาร์บอนแทนดูดซับ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 เมษายน 2552 14:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ป่าฝนบนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งในปัจจุบันป่ายังเป็นหลักสำคัญที่ช่วยกักเก็บคาร์บอนเอาไว้ได้ แต่ในอนาคตหากภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงขึ้นจนอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอีก 2.5 องศาเซลเซียส อาจส่งผลกระทบจนทำให้ป่าไม่สามารถกักเก็บคาร์บอนไว้ได้อีกและต้องปลดปล่อยออกมาสู่บรรยากาศ ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก (เอเอฟพี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นักวิทย์เตือน ป่าจะไม่ช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนได้อีกต่อไป ซ้ำยังจะเร่งเพิ่มคาร์บอนในบรรยากาศอีกหลายเท่า หากอุณภูมิโลกสูงขึ้นอีกแม้เพียง 2 องศา ยิ่งหนุนให้โลกร้อนขึ้น ส่งผลสะท้อนกลับสู่ป่าให้ยิ่งเสื่อมโทรมลงและโลกร้อนหนักกว่าเดิม ถ้ายังไม่รีบช่วยกันลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเสียแต่ตอนนี้

    ในการประชุมนานาชาติด้านป่าไม้ (UN Forum on Forests) ที่เริ่มขึ้นในมลรัฐนิวยอร์ก สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 เม.ย.52 ที่ผ่านมา บีบีซีนิวส์รายงานว่าได้มีการเปิดเผยรายงานการวิจัยในที่ประชุมว่าในอนาคตอันใกล้นี้ป่าไม้ที่เคยเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนมายาวนาน อาจสูญเสียศักยภาพตรงนี้ไป และยิ่งกว่านั้นยังจะเป็นต้นกำเนิดของคาร์บอนในชั้นบรรยากาศให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

    รายงานผลการวิจัยของสมาพันธ์ป่าไม้นานาชาติ (The International Union of Forest Research Organizations: IUFRO) โดยนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ระดับโลก จำนวน 35 ราย ระบุว่าขณะนี้ป่าไม้อยู่ภายใต้อุณหภูมิของโลกที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องมาจากภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หากอุณหภูมิเพิ่มขึ้นราว 2.5 องศาเซลเซียส ป่าอาจปลดปล่อยคาร์บอนจำนวนมหาศาลออกมาสู่บรรยากาศได้

    "โดยปรกติแล้วพวกเรามักคิดกันว่าป่าไม้จะเป็นตัวช่วยหยุดยั้งภาวะโลกร้อนได้ ทว่าในช่วงอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้านี้ความเสียหายอันเกิดจากการชักนำของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจทำให้ป่าปล่อยคาร์บอนออกมาจำนวนมาก และทำให้สถานการณ์ ตกอยู่ในภาวะที่เป็นตัวเร่งให้โลกร้อนขึ้นมากกว่าที่จะช่วยลดให้มันเกิดขึ้นช้าลง" คำชี้แจงของศาสตราจารย์ริสโต เซพพาลา (Professor Risto Seppala) นักวิจัยสถาบันวิจัยป่าไม้ฟินแลนด์ (Finnish Forest Research Institute) หัวหน้าคณะผู้จัดทำรายงานวิจัยดังกล่าว

    ในการประชุมระดับนานาชาติด้านภูมิอากาศ มักพุ่งเป้าไปที่การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายพื้นที่ป่าเป็นอันดับแรก แต่นักวิชาการหลายคนบอกว่าจากการศึกษาวิเคราะห์แล้ว เราควรจะพุ่งความสนใจไปที่ผลกระทบต่อพื้นที่ป่าอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศด้วย

    แม้ว่าการตัดไม้ทำลายป่า จะก่อให้เกิดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาราว 20% ของก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ ป่าที่เหลืออยู่ก็จะสามารถดูดซับคาร์บอนกลับคืนไปได้มากกว่าที่ปล่อยออกมาในตอนแรก

    ทว่าปัญหาคือสมดุลดังกล่าวนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลง เหตุเพราะโลกร้อนขึ้น และถ้าหากอุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นถึง 2.5 องศาเซลเซียสเป็นต้นไป จะทำให้ป่าสูญเสียประสิทธิภาพในการดูดซับคาร์บอนกลับคืนโดยสิ้นเชิง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ณ ขณะนั้นระบบนิเวศน์ของป่าจะกลายเป็นแหล่งสำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ปลดปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศ

    ทั้งนี้ อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจประเมินได้จากระยะเวลายาวนานขึ้นของภัยแล้ง การแพร่ระบาดของแมลงหรือสัตว์รบกวน และภาวะตึงเครียดอื่นๆ ของสิ่งแวดล้อม จะเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ป่าไม้เสื่อมโทรมหรือถูกทำลายลง และทำให้เกิดความเสียหายสะท้อนกลับมาอีก

    เมื่อภาวะโลกร้อนสร้างความเสียหายให้กับป่าไม้ ยิ่งทำให้คาร์บอนถูกปลดปล่อยออกมา ส่งผลให้ความร้อนบนโลกยิ่งทวีสูงขึ้น และในการประชุมครั้งนี้ สมาพันธ์ป่าไม้นานาชาติมีจุดประสงค์ต้องการส่งเสริมเรื่องการจัดการ การอนุรักษ์ และการพัฒนาป่าไม้ทุกชนิดอย่างยั่งยืน เพื่อให้ป่าไม้ช่วยดูดซับคาร์บอนในบรรยากาศให้น้อยลง ควบคู่ไปกับการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยวิธีการอื่น.

    ที่มา http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9520000044708
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยูเอ็นเผยพลเรือนติดอยู่ในพื้นที่สู้รบของศรีลังกาถึง 50,000 คน

    [​IMG]

    สหประชาชาติ 24 เม.ย. - เจ้าหน้าที่สหประชาชาติฝ่ายกิจการด้านมนุษยธรรม แถลงว่า พลเรือนศรีลังการาว 50,000 คนยังคงติดอยู่ในพื้นที่สู้รบระหว่างกองกำลังรัฐบาลกับกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของศรีลังกา

    เจ้าหน้าที่ยูเอ็นกล่าวในการแถลงข่าวว่า ประชาชนราว 95,000 คนอพยพหนีออกจากพื้นที่ดังกล่าวมาถึงค่ายผู้ลี้ภัยที่ตั้งอยู่ด้านนอกแล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่ประเมินไว้เท่านั้น และยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด ทั้งนี้ กองทัพศรีลังกา แถลงว่า พลเรือนราว 15,000-20,000 คนยังคงติดอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ที่กลุ่มกบฏถูกกองกำลังรัฐบาลล้อมเอาไว้ .-สำนักข่าวไทย

    2009-04-24 08:01:14

    คนงานบริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์ประท้วงในเยอรมนี

    [​IMG]

    เยอรมนี 24 เม.ย. คนงานที่กำลังโกรธแค้นหลายพันคน จากโรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์ในฝรั่งเศสและเยอรมนีจัดการชุมนุมเพื่อประท้วงแผนการปลดพนักงานของบริษัท

    คนงานที่กำลังโกรธแค้นราว 3,000 คน จากโรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์ “คอนติเนนตัล เอจี” ทั้งในฝรั่งเศสและเยอรมนี นัดชุมนุมกันเมื่อวานนี้ที่สถานีรถไฟเมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี เพื่อประท้วงแผนการปิดโรงงาน ก่อนพร้อมใจกันเดินขบวนไปยังศูนย์การประชุมที่ผู้บริหารของบริษัทกำลังหารือกันอยู่

    ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคม บริษัทคอนติเนนตัล เอจี ของเยอรมนีประกาศแผนปิดโรงงานทางตอนเหนือของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งขณะนั้นมีพนักงานประจำ 1,120 คน ทั้งยังวางแผนปิดโรงงานในเมืองฮันโนเวอร์ ซึ่งจะทำให้พนักงาน 1,900 คน ต้องตกงาน ทางด้านรัฐบาลฝรั่งเศสให้สัญญาว่าจะหารือกับผู้เกี่ยวข้องที่โรงงานทางตอนเหนือของกรุงปารีส. -สำนักข่าวไทย

    2009-04-24 01:05:35

    ฮิลลารี คลินตัน วิตกสถานการณ์ในปากีสถาน

    [​IMG]

    บีบีซี ออนไลน์ 23 เม.ย. - นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แสดงความวิตกต่อสถานการณ์ในปากีสถาน หลังจากที่ฝ่ายรัฐบาลอนุญาตให้กลุ่มตอลีบานควบคุมหลายพื้นที่ในประเทศ

    นางคลินตัน กล่าวต่อคณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรว่า สถานการณ์ในปากีสถานเป็น “ภัยคุกคามอย่างรุนแรง” ต่อความมั่นคงของโลก กลุ่มสุดโต่งกำลังได้รับอนุญาตให้ควบคุมพื้นที่ เช่น หุบเขาสวอท ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน เธอระบุด้วยว่าเกิดการฉ้อฉลขึ้นในระบบยุติธรรม ทำให้การใช้อำนาจในเขตชนบทเป็นไปอย่างจำกัด รัฐมนตรีต่างประเทศหญิงสหรัฐเรียกร้องชาวปากีสถานให้ร่วมกันต่อต้านนโยบายของรัฐบาล เพราะได้ยินยอมให้ดินแดนบางส่วนแก่กลุ่มก่อการร้าย เช่น ตอลีบาน อัลกออิดะห์

    นางคลินตัน เผยว่า มีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจกับสถานการณ์ในปากีสถานอย่างเร่งด่วน เพราะกลุ่มก่อการร้ายมีความพยายามล้มล้างรัฐปากีสถาน เธอบอกว่าขณะนี้กลุ่ม “ตอลีบาน” อยู่ห่างจากกรุงอิสลามบัดเพียงไม่กี่ชั่วโมง. - สำนักข่าวไทย

    2009-04-23 16:20:51

    เลขาฯ ยูเอ็นเรียกร้องคว่ำบาตรการใช้ทหารเด็ก

    [​IMG]

    สหประชาชาติ 23 เม.ย.-นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธที่ยังคงเกณฑ์และใช้ทหารเด็ก

    ในรายงานที่เสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ซึ่งครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่เดือน ก.ย. 2550- เดือน ธ.ค.2551 เปิดเผยความรุนแรงต่อเยาวชนใน 20 ประเทศ และกลุ่มต่าง ๆ 56 กลุ่ม ทั้งรัฐบาล และกลุ่มกบฏที่ใช้ทหารเด็กในความขัดแย้ง ได้แก่ อัฟกานิสถาน บุรุนดี สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ชาด โคลอมเบีย คองโก จอร์เจีย อิรัก ไอวอรีโคสต์ เลบานอน พม่า เนปาล ดินแดนปาเลสไตน์ อิสราเอล ฟิลิปปินส์ โซมาเลีย ศรีลังกา ซูดาน ไทย และยูกันดา

    นายบัน เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นยืนกรานให้กลุ่มต่าง ๆ ที่มีรายชื่อในบัญชี เตรียมการและใช้แผนการที่มีตารางเวลาเพื่อหยุดเกณฑ์และใช้ทหารเด็ก ตลอดจนดำเนินมาตรการต่อกลุ่มที่ไม่ยอมทำตาม นอกจากนี้ เลขาธิการยูเอ็นยังเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ นำตัวกลุ่มผู้รับผิดชอบในการเกณฑ์และใช้ทหารเด็กไปรับการพิจารณคดี พร้อมแนะให้คณะมนตรีความมั่นคงกำหนดให้กรณีเช่นนี้เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การก่ออาชญากรรมสงคราม หรือก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนเพื่อให้ศาลอาญาระหว่างประเทศสอบสวน และดำเนินคดีต่อไป

    ทั้งนี้ รายงานระบุว่า เยาวชนในอัฟกานิสถานถูกกลุ่มติดอาวุธเกณฑ์ไปเป็นนักรบให้กลุ่มต่าง ๆ รวมทั้งกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มตอลีบาน และในแคว้นดาฟัวร์ ของซูดาน มีรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มเกณฑ์เด็กไปเป็นนักรบ 487 คน ส่วนในบุรุนดีมีการยืนยันว่า เมื่อปีก่อนกลุ่มกบฏกองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติได้เกณฑ์ทหารเด็ก 152 คน อายุระหว่าง 9-17 ปี ขณะที่คองโก มีข้อมูลว่า เด็ก 554 คน เพิ่งถูกเกณฑ์ไปเป็นนักรบของกลุ่มกบฏ ในจำนวนนั้นมีเด็กหญิงรวมอยู่ด้วย 26 คน นอกจากนี้มีรายงานว่า มีเด็กทั้งสิ้น 1,098 คน ซึ่งรวมทั้งเด็กหญิง 48 คนถูกแยก หรือหลบหนีออกจากกลุ่มติดอาวุธ.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-23 15:57:45

    หญิงอียิปต์เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดนก

    [​IMG]

    ไคโร 23 เม.ย.-สำนักข่าวมีนาของทางการอียิปต์ รายงานว่า หญิงชาวอียิปต์วัย 25 ปีเสียชีวิตเนื่องจากติดเชื้อไวรัสเอช 5 เอ็น 1 นับเป็นผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดนกรายที่ 25 นับตั้งแต่พบการระบาดในอียิปต์เมื่อปี 2548 และนับเป็นรายที่ 2 ของอียิปต์ในปีนี้

    โฆษกกระทรวงสาธารณสุขแถลงว่า หญิงชาวอียิปต์รายนี้อาศัยอยู่ที่กรุงไคโรและเสียชีวิตจากระบบหายใจล้มเหลวด้วยโรคไข้หวัดนก ซึ่งเชื่อว่าได้รับเชื้อมาจากการสัมผัสสัตว์ปีกติดเชื้อ หลังจากที่เพิ่งรายงานเด็กชายวัย 6 ขวบเสียชีวิตจากไข้หวัดนกเมื่อวันอังคาร ทั้งนี้ เหยื่อไข้หวัดนกในอียิปต์มักเป็นเด็กหญิงและผู้หญิงตามชนบทที่มักมีหน้าที่เลี้ยงสัตว์ปีก.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-23 15:46:40

    หลายเมืองในจีนมีระดับมลพิษเลวร้ายอย่างยิ่ง

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 23 เมย.-สื่อจีนรายงานอ้างถ้อยแถลงของรัฐมนตรีคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในจีน ที่ยอมรับว่า หลายเมืองของประเทศจีนยังมีระดับมลพิษทางอากาศที่เลวร้ายอย่างยิ่ง

    นายโจว เซิ่งเสียน รัฐมนตรีคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในจีน กล่าวต่อรัฐสภาระบุว่า พื้นที่ที่มีระดับมลพิษทางอากาศเลวร้ายที่สุดในจีน อยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครเซี่ยงไฮ้ และบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตทางใต้ของจีน เป็นที่ตั้งของเมืองกว่างโจวและเกาะฮ่องกง

    ส่วนกรุงปักกิ่ง เมืองเทียนจินที่อยู่ข้างเคียง และมณฑลเหอเป่ย์โดยรอบ ก็มีปัญหามลพิษทางอากาศเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นมีบางเมืองในจีนที่สภาพอากาศดีขึ้น แต่นายโจว ไม่ได้ระบุว่าคือเมืองใด

    นายโจว บอกว่า ไอเสียรถยนต์ยังคงเป็นตัวการหลักที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่ และเมืองขนาดกลางของจีน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องวางมาตรการที่เข้มงวดขึ้นในการแก้ปัญหา ส่วนกฎระเบียบควบคุมสิ่งแวดล้อมและการวางระบบป้องกันก็ควรที่จะต้องเข้มงวดขึ้นด้วย

    ปัญหามลพิษทางอากาศยังเป็นผลจากการที่จีนใช้พลังงานจากถ่านหิน จีนถือเป็นประเทศผู้ผลิตและบริโภคถ่านหินรายใหญ่สุดของโลก ความต้องการเชื้อเพลิงราคาถูก เช่น ถ่านหิน มีมากขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวเมื่อปี 2549 ธนาคารโลกได้จัดอันดับ 20 เมืองที่มีระดับมลพิษเลวร้ายที่สุดในโลก ผลปรากฏว่าเป็นเมืองที่อยู่ในจีนถึง 16 อันดับ.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-23 15:34:28

    ที่มา http://news.mcot.net
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นายกอภิสิทธิ์ สั่งเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลในวันนี้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 เมษายน 2552 01:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    นายกฯ สั่งเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลในวันนี้ หลังหารือฝ่ายความมั่นคง เพื่อลดความขัดแย้ง พร้อมวอนยุติจาบจ้วง-แอบอ้างสถาบัน เผยตรวจสอบกรณี“แม้ว”ให้สัมภาษณ์ละเมิดในหลวงผ่านสื่อนอกแล้ว ยืนยัน“นักโทษชาย”พูดไม่จริง หวังสังคมไทยหมดความรุนแรง-ไร้คนจาบจ้วง

    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างอภิปรายในที่ประชุมร่วมกันของสองสภา เมื่อช่วงหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมาว่า เพื่อเป็นการลดความขัดแย้ง จากการแสดงความคิดเห็นของหลายๆ ฝ่าย ที่กังวลต่อบรรยากาศการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ตนจึงได้เร่งหารือกับฝ่ายความมั่นคง และตัดสินใจแล้วว่า จะยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่วันนี้ (24 เม.ย.)​

    ต่อมานายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า ขอความกรุณาทุกท่านที่ต่างก็ยืนยันถึงความจงรักภักดีให้ช่วยกัน เรื่องการจาบจ้วง การแอบอ้างต้องยุติด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย และจำเป็นต้องพูดพาดพิงเล็กน้อยเนื่องจากอดีตนายกฯ(พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ) ได้พูดต่อเนื่องมาหลายวัน ยังคงมีการพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ไปไกลเลย โดยอ้างว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบถึงการวางแผนรัฐประหาร 19 ก.ย. โดยมีการเข้าเฝ้าขององคมนตรี 3 ท่าน​

    นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ ในฐานะเป็นรัฐบาล ตนจำเป็นต้องตรวจสอบ และได้ตรวจสอบแล้วกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ขอยืนยันว่าสิ่งที่อดีตนายกฯ พูดไม่เป็นความจริง และจะขอความกรุณาว่าเมื่อเราหันหน้าเข้าหากัน ในส่วนของพวกเรากันเอง ที่จะไปพาดพิงหรือ ร้ายกว่านั้นในลักษณะของการจาบจ้วงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นต้องหยุด และไม่สนับสนุน​

    ส่วนที่เพื่อนสมาชิกอีกซีกหนึ่งอ้างว่ามีการแอบอ้างจากบางฝ่าย เราก็ต้องช่วยกันแก้ไข โดยเฉพาะเมื่อมีการอภิปรายถึงการรณรงค์ปกป้องสถาบัน โดยมีเสื้อสีน้ำเงินเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ได้ทำความเข้าใจกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้วว่า การรณรงค์ปกป้องสถาบันต้องไม่มีสี เพราะทุกสีต้องปกป้องสถาบันด้วยกันทั้งสิ้น​

    ประเด็นต่อมาเรื่องความรุนแรง ซึ่งเชื่อว่าพี่น้องที่มาชุมนุมส่วนใหญ่ไม่ได้คิดเรื่องนี้ และที่ทุกคนพยายามบอกว่าเหตุความรุนแรงทั้งหลายที่พัทยา รถแก๊ส ที่ซอย 5 ซอย 7 ก็ตาม ไม่ใช่การกระทำของผู้ชุมนุมนั้นแสดงว่า ท่านไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง​

    นอกจากนี้ ไม่ใช่แกนนำทุกคนที่ยึดแนวทางนี้ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.นายจักรภพ เพ็ญแข ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่าต่อไปนี้การเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมอาจจะใช้อาวุธ จึงขอความกรุณาว่า ถ้าเราจะหันหน้าเข้าหากัน ทุกคนทุกพรรคในที่นี้ต้องบอกว่าไม่ยอมรับ ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ ก็ง่ายต่อการทำงานร่วมกัน เราจะได้ไม่ต้องรู้สึกกังวลต่อไปเพราะเรื่องที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่สุด เรื่องสถาบันก็ดี ความรุนแรงก็ดี ไม่มีอีกแล้ว การชุมนุมหรือการแสดงออกถึงความแตกต่างด้านความคิดเห็นทางการเมืองทำได้เต็มที่ ทุกฝ่ายจะมีความสบายใจ​

    นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ได้ติดตามการเคลื่อนไหวในช่วงก่อนและหลังการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงบอกว่าไม่อยากให้คนจำนวนมากที่มาด้วยใจบริสุทธิ์ มาต่อต้านความไม่เป็นธรรมตามความรู้สึกของเขา ถูกชี้นำโดยคนจำนวนเล็กๆ กลุ่มหนึ่งซึ่งพร้อมจะใช้ความรุนแรง มีการประกาศเป็นแผน ด้านหนึ่งจะใช้ความรุนแรงให้เกิดความไร้ระเบียบ เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ หรือในทางกลับกันให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงตอบโต้ เพื่อนำไปสู่ปัญหาที่จะตามมากับรัฐบาล​

    "ทำกันหมดละครับ ผมก็เห็นแผนชัด กังวลเลยครับ เพราะขนาดหมอดูยังฟันธงว่าผมวาสนาหมดแล้ว จึงอยากจะกราบเรียนว่า ถ้าเราออกจากกรอบตรงนี้ไปได้ ผมว่าเราเดินได้"​

    นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 2 เรื่องที่จะดำเนินการต่อคือ เรื่องของการประมวลพิสูจน์เหตุการณ์ก็ดี การแก้ไขกฎหมายใดๆ ที่ไม่เป็นธรรมก็ดี ก็ทำไป ขณะเดียวกันก็ขอโอกาสให้กับประเทศ แก้ตัวจัดประชุมอาเซียนให้สำเร็จ ถ้าเป็นไปได้ ในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของเรา และให้เวลาอีกสักระยะในการออกมาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ นี่คือประโยชน์ของทุกฝ่าย​

    นอกจากนี้ อยากจะกลับไปทำหน้านี้นักการเมืองได้ ทำไมตนจะไม่อยากไปเชียงใหม่ เพราะตอนนี้การท่องเที่ยวกระทบมหาศาล อยากไปดูศูนย์ประชุม หาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ และลำไยก็กำลังมีปัญหา ทำไมตนจะไม่อยากไปอีสาน เพราะรู้ว่าเรื่องใหญ่ในอีสานคือเรื่องน้ำจะเป็นโครงการสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำไมจะไม่อยากให้ ส.ส.ฝ่ายค้านอยากจะลงตรวจสอบพื้นที่ไหนก็ลงไปได้ ทำหารเมืองกลับมาเป็นนี้ หลังจากนั้นก็จะปูทางไปสู่การเลือกตั้งก็ไม่มีปัญหา​

    นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ได้ ก็จะถือว่าเราได้ใช้ก้าวสำคัญผ่านยกระบวนการของรัฐสภาใน 2 วันนี้ เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนมา ตนเข้ามาทำงานการเมือง เพราะมีเป้าหมายเพียงเพื่อทำงานเพื่อประชาชน และมีความสุขกับการทำงาน แต่จะมีความสุขได้อย่างไรถ้าบ้านเมืองของเรายังมีความขัดแย้งกันเอง ยังมีความรุนแรงอยู่ และไม่เคยให้ความสำคัญว่าจะอยู่ในตำแหน่งนานแค่ไหน แต่เมืองไทยมีคนเก่งคนดีจำนวนมาก ต้องไม่สำคัญผิดว่าต้องเป็นเราเท่านั้น ที่จะทำได้ แต่ตนจะถือว่าเมื่อทำหน้าที่ใดแล้วก็ทำให้ดีที่สุด​

    นายอภิสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า 2 วันที่ผ่านมา มีการกระทบกระทั่งกันบ้าง จนหลายคนกังวลว่าจะเวทีสภายิ่งเพิ่มขัดแย้ง แต่ตนเห็นว่าไม่ใช่ เพราะการได้แสดงความรู้สึก เอาสิ่งที่อยู่ในใจออกมาไว้ข้างนอก ก็ปล่อยผ่านไปแล้ว ไม่เก็บเอามาเป็นอารมณ์ และขอเสนอให้ประธาน และประธานวิปทั้ง 3 ฝ่ายนำไปพิจารณาถึงความศักดิ์สิทธิ์และความสำคัญของสถาบันแห่งนี้ที่จะเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาต่อไป​

    ต่อมา นายวิทยา บูรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านได้ลุกขึ้นอภิปรายสั้นๆ ว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคนมีความจงรักภักดี ส่วนเรื่องข่าวที่นายกฯ พูดถึงนั้น พวกตนก็ทราบเพราะติดตามตลอด แต่ไม่อยากให้นำเรื่องการจาบจ้วงสถาบันมาพูดในที่นี้ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอยู่นอกประเทศ และขอให้เห็นใจพวกตนที่เคยอยู่พรรคไทยรักไทยบ้าง ส่วนเรื่องของนายจักรภพนั้น ถือว่าเป็นคนนอกพรรค และตนก็เคยให้สัมภาษณ์ไม่เห็นด้วยกับนายจักรภพแล้ว​

    หลังจากนั้น นายชัย ชิดชอบ ประธานในที่ประชุมได้สั่งปิดการประชุมในเวลาประมาณ 01.00 น. และนัดประชุมอีกครั้ง วันจันทร์ที่ 27 เม.ย. เวลา 10.00 น. โดยมีวาระพิจารณาที่สำคัญคือกรอบการตกลง ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  11. kumpeang

    kumpeang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,984
    <TABLE border=0 width="100%" valign="top"><TBODY><TR vAlign=top><TD>[​IMG]

    ตัวนอนนับล้านบุกเมืองแพร่ กัดกินต้นไม้หายไปทันตา ชาวบ้านผวากลัวตัวหนอดบุกเข้าบ้าน โทรแจ้งตำรวจแต่ทำอะไรไม่ได้ แค่ปัดกวาดตลอดเวลา.....

    เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา (23 เม.ย.) ศูนย์วิทยุ 191 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่าที่ถนนสายเด่นชัย-สูงเม่น ระหว่างบ้านหัวฝายหมู่ที่ 5 ต.หัยฝาย หน้าร้านกาแฟโบราณ ชาวบ้านพบตัวหนอนจำนวนมากบุกเข้าไปกัดกินใบไม้ต้นไม้ข้างทางวอดไปในพริบตามชาวบ้านกลัวตัวหนอนจะขยายวงเข้าไปในบ้านเรือนเลยแจ้งตำรวจ

    ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่เกิดเหตุพบต้นไม้ข้างทาง เหลือแต่กิ่งไม้ ไม่มีใบ พบตัวหนอนจำนวนมากอยู่เต็มต้นไม้ นอกจากนั้นยังได้กระจายกันอยู่ตามพุ่มไม้ เฟอร์นิเจอร์ของชาวบ้าน ในร้านกาแฟโบราณ ชาวบ้านต้องออกมาปัดกวาดตลอดเวลา

    นางปราณี คุปตจินดา อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 221/3 ม.5 ต.หัวฝาย และที่หน้าบ้านทำเป็นซุ้มขายกาแฟโบราณ ได้เปิดเผยว่า วันนี้ตื่นเช้ามาก็เก็บกวาดหน้าร้านเพื่อจะเปิดร้านต้องตกใจเพราะพบมีตัวหนอนจำนวนมากยั้วเยี้ยไปหมด และมองไปที่ต้นไม้ข้างทางพบว่าเหลือแต่กิ่งก้านไม่มีใบแม้แต่ใบเดียวทั้งๆที่เย็นวานนี้ยังเขียวชอุ่มทั้งต้น ซึ่งคาดว่าตัวหนอนจะขึ้นไปกัดกินเมื่อคืนนี้ และยังขยายเป็นวงกว้างออกไปอีก ซึ่งต้องนำเอาไก่ มีจิกกิน จนไก่เบื่อที่จะกิน ตัวหนอนก็ยังเต็มไปหมดไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรจึงได้ทำการปัดกวาดตลอดเวลา.</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เป็นเหตุเป็นผล ด้วยสัจจะธรรม ****

    เมื่อ ผู้คนขาดสัจจะ...การกระทำจึงไม่เที่ยง
    ผลการกระทำ....จึงย้อนกลับมาแบบไม่เที่ยง
    คาดหวัง คาดการณ์ อะไรไม่ได้...เกิดความไม่แน่นอน ไม่เที่ยง

    ถ้าเราเริ่มต้นกันใหม่...ส่งเสริมให้ผู้คนเห็นคุณค่าของสัจจะ
    ผู้คนก็จะเริ่มรักษาสัจจะ....เป็นผู้คนที่มีสัจจะ การกระทำเที่ยงก็จะเกิดขึ้น
    ผลการกระทำที่ย้อนกลับมา...ก็จะเป็นผลเที่ยง
    คำอธิษฐาน การคาดหวัง คาดการณ์....ก็จะเป็นจริง เกิดความถูกต้อง แน่นอน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    [​IMG] [​IMG] [​IMG][​IMG]
    เชิญเข้าร่วมฝึกสมาธิเริ่มตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน
    วัน อาทิตย์ ที่ 26 เมษายน 2552
    ณ ศาลาพิศพิรุณ *เกาะลอย* สวนลุม กรุงเทพฯ
    ตั้งแต่เวลา 09 : 00 - 14 : 00 น.

    [​IMG]

    ฝึกสอนโดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค *Kananun
    ( หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ )

    กระทู้ แนะนำ : http://palungjit.org/threads/รวบรวมสาระความรู้การปฏิบัติธรรม-จากกระทู้วิชชาฯ.168879/

    (good)(good)(good)
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เหตุสู้รบในศรีลังกามีพลเรือนเสียชีวิตแล้วเกือบ 6,500 คน

    [​IMG]

    ศรีลังกา 24 เม.ย. - องค์การสหประชาชาติ ระบุในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีพลเรือนเสียชีวิตจากการสู้รบในการกวาดล้างกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬทางตอนเหนือของศรีลังกาแล้วเกือบ 6,500 คน

    องค์การสหประชาชาติ เผยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีพลเรือนติดอยู่บริเวณพื้นที่สู้รบระหว่างกองกำลังรัฐบาลและกลุ่มกบฏทางตอนเหนือของศรีลังกาแล้ว จำนวนถึง 6,432 คน และบาดเจ็บอีกราว 13,946 คน ขณะที่พลเรือนสามารถหนีตายออกมาจากพื้นที่สู้รบได้แล้วกว่า 100,000 คน

    อย่างไรก็ตาม คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากกองกำลังรัฐบาลศรีลังกากำลังเร่งเผด็จศึกปราบปรามกลุ่มกบฏ หวังยุติการสู้รบที่ดำเนินมานานถึง 25 ปี. - สำนักข่าวไทย

    2009-04-24 16:11:52

    เกิดแผ่นดินไหวสามระลอกในรัฐแคลิฟอร์เนีย

    [​IMG]

    รัฐแคลิฟอร์เนีย 24 เม.ย. – เกิดแผ่นดินไหวไม่รุนแรงสามระเลอกในเขตออเรนจ์ เคาน์ตี้ รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายใด ๆ

    แผ่นดินไหวระลอกแรกเกิดเมื่อเวลา 16.56 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 05.56 น.วันนี้ตามเวลาในไทย โดยมีศูนย์กลางห่างจากเมืองยอร์บา ลินดาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 3 กม. และมีขนาด 3.8 ริกเตอร์ จากนั้นห่างกันประมาณครึ่งชั่วโมง เกิดแผ่นดินไหวระลอกที่สอง ขนาด 4 ริกเตอร์ และระลอกที่สาม ขนาด 3 ริกเตอร์ เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่ถึง 1 นาที แต่ยังไม่มีรายงานความเสีบหายแต่อย่างใด -สำนักข่าวไทย

    2009-04-24 12:05:25

    พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ 7 รายในสหรัฐ

    [​IMG]

    วอชิงตัน 24 เม.ย. - ศูนย์ควบคุม และป้องกันโรคสหรัฐ (ซีดีซี) รายงานว่า มีประชาชน 7 คนในรัฐแคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส ได้รับการวินิจฉัยว่า ติดเชื้อไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่

    ซีดีซี ระบุว่า ผู้ติดเชื้อที่พบเป็นเด็กชาย และเด็กหญิง จาก 2 เมืองทางใต้สุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย ส่วนอีก 5 รายเป็นการตรวจพบระหว่างการตรวจตามปกติในฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ระบาด ผู้ป่วยมีอาการใกล้เคียงไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่ไม่มีผู้ป่วยคนใดสัมผัสกับหมูโดยตรง โดยผู้ติดเชื้อทั้ง 7 คนหายป่วยแล้ว มีผู้ติดเชื้อเพียงคนเดียวที่ป่วยมากจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล อย่างไรก็ดีพบว่า เชื้อไวรัสเป็นสายพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนโดยผสมกันระหว่างไวรัสสายพันธุ์ที่พบในหมู นก และมนุษย์ เจ้าหน้าที่ซีดีซี คาดว่า จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ระบุว่า ยังไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกไปทั่วประเทศในตอนนี้

    เจ้าหน้าที่ซีดีซี ยังไม่แน่ใจว่า ผู้ป่วยที่พบมีความเกี่ยวข้องกับฤดูกาลไข้หวัดที่ยาวนาน รุนแรงกว่าปกติในเม็กซิโกและมีผู้เสียชีวิต 20 คนหรือไม่ ด้านเจ้าหน้าที่แคนาดาให้แพทย์ช่วยเฝ้าระวังอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจของผู้ที่เดินทางมาจากเม็กซิโก ศูนย์ควบคุมโรครัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา แถลงว่า อาการของผู้ป่วยหนักในเม็กซิโก ได้แก่ ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดตา หายใจไม่สะดวก และร่างกายเหนื่อยล้ามาก โดยอาการป่วยจะพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายในเวลา 5 วัน. - สำนักข่าวไทย

    2009-04-24 11:47:50

    มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดหมูในเม็กซิโกอย่างน้อย 60 คน

    [​IMG]

    เจนีวา 24 เม.ย.– องค์การอนามัยโลกแถลงวันนี้ว่า การระบาดของไข้หวัดหมูคร่าชีวิตผู้คนในเม็กซิโกไปแล้วอย่างน้อย 60 คน และเชื้อไวรัสได้แพร่ระบาดเข้าไปยังสหรัฐ ซึ่งทางการได้เตรียมพร้อมรับมือการระบาดแล้ว

    โฆษกหญิงองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า พบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดหมูราว 800 คนในเม็กซิโก โดยเฉพาะในกรุงเม็กซิโกซิตี มีคนเสียชีวิตด้วยโรคนี้ไปแล้ว 57 คน ส่วนอีก 3 คนเสียชีวิตในเมืองซันลุยส์โปโตซี ตอนกลางของเม็กซิโก ส่วนที่สหรัฐพบผู้ติดเชื้อ 7 คนในภาคตะวันตกเฉียงใต้ โดย 5 คนอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และอีก 2 คนอยู่ในรัฐเทกซัส

    อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกระบุว่า ได้ติดต่อประสานงานกับทางการสาธารณสุขทั้งของสหรัฐและเม็กซิโกแล้ว สหรัฐตรวจพบการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดหมู เอช 1 เอ็น 2 ในคนเมื่อปี 2519 และ 2531 โดยมีผู้เสียชีวิตไป 2 คน. -สำนักข่าวไทย

    2009-04-24 18:59:01

    เวียดนามพบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกเป็นรายที่ 4 ในปีนี้

    [​IMG]

    ฮานอย 24 เม.ย.- วิทยุเสียงเวียดนามรายงานวันนี้ว่า พบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกเป็นรายที่ 4 ในปีนี้ เป็นหญิง วัย 23 ปี เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสไข้หวัดนก เอช 5 เอ็น 1

    รายงานระบุว่า หญิงเคราะห์ร้ายรายนี้มาจากจังหวัดแทงหว่า ทางตอนเหนือของประเทศ เธอเริ่มล้มป่วยและเสียชีวิตเมื่อต้นเดือนนี้ และผลการตรวจยืนยันว่า เธอติดเชื้อไวรัสเอช 5 เอ็น 1 นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบไก่ตายในพื้นที่ที่เธออาศัยอยู่ แต่รายงานไม่ได้ระบุว่ามีเชื้อไข้หวัดนกหรือไม่ ทั้งนี้ จังหวัดแทงหว่าไม่ได้อยู่ในรายชื่อพื้นที่เฝ้าระวังของทางการแต่อย่างใด

    ก่อนหน้านี้ เวียดนามมีผู้ติดเชื้อไข้หวัดนก 110 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 55 คน ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกทั่วโลก มีจำนวน 421 คนใน 15 ประเทศ และมีผู้เสียชีวิต 257 คนนับแต่ปลายปี 2546. -สำนักข่าวไทย

    2009-04-24 19:34:52

    พายุทรายถล่มภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

    [​IMG]

    จีน 24 เม.ย. - พายุทรายเข้าถล่มพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ส่งผลให้บ้านเรือนถูกปกคลุมไปด้วยผงฝุ่น

    สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุทราย มีอยู่ด้วยกัน 5 มณฑล ได้แก่ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน มณฑลกานซู และมณฑลฉ่านซี
    พายุทรายทำให้บ้านเรือน ถนนหนทาง และรถยนต์ในเมืองต่าง ๆ ถูกปกคลุมด้วยผงฝุ่นสีน้ำตาล ขณะที่ทัศนวิสัยได้ลดลงน้อยกว่า 500 เมตร ในเมืองหลานโจว เมืองเอกของมณฑลกานซู ส่วนที่เมืองตันฮวง ต้องเผชิญกับพายุทรายถึง 16 ชั่วโมงติดต่อกัน ทำให้ทัศนวิสัยลดลงเหลือเพียง 20 เมตร

    นอกจากนี้ พายุทรายยังทำให้เที่ยวบินหลายเที่ยวบินต้องล่าช้า ผู้โดยสารจำนวนหลายพันคนต้องตกค้างอยู่ที่สนามบิน โรงเรียนหลายแห่งต้องหยุดทำการเรียนการสอนชั่วคราว. - สำนักข่าวไทย

    2009-04-24 15:08:13

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หนองคาย-เวียงจันทน์เตรียมซ้อมรับมือไข้หวัดใหญ่ระบาด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 เมษายน 2552 15:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    หนองคาย – สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย ประชุมวางแผนเตรียมฝึกซ้อมรับการระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ในระยะ 4-5 ระหว่างจังหวัดหนองคายและนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (24 เม.ย.) ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย ได้มีการประชุมวางแผนเตรียมการฝึกซ้อมแผนรับการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ในระยะ 4-5 ระหว่างจังหวัดหนองคายและนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยมีนายแพทย์อิทธิพล สูงแข็ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย เป็นประธานฝ่ายไทย ส่วนฝ่ายลาวมี ดร.คำตัน บัวไพวัน รองหัวหน้าแผนกสาธารณสุขนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เป็นประธาน

    นายแพทย์อิทธิพล สูงแข็ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว โดยในแต่ละปีจะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธ์ ทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น และคาดว่าในปีนี้ น่าจะมีการระบาดอีกหลายระลอก หากไม่มีการควบคุมป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ อาจนำไปสู่การระบาดบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ที่รุนแรงและทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากได้

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจังหวัดหนองคายและนครหลวงเวียงจันทน์ ได้มีการฝึกซ้อมแผนรับการระบาดของไข้หวัดในสัตว์ปีก และการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำ จึงจำเป็นต้องฝึกซ้อม เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของโรคไขหวัดใหญ่ให้ดียิ่งขึ้น โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย ร่วมกับด่านกักสัตว์หนองคาย สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหนองคาย และสาธารณสุขนครหลวงเวียงจันทน์ เตรียมจัดซ้อมแผนพร้อมรับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ขึ้น ระหว่างวันที่ 6-7 พฤษภาคม 2552 ที่ ห้องประชุมชื่น ระวิวรรณ โรงพยาบาลหนองคาย

    สำหรับการประชุมครั้งนี้ เพื่อหารือประเด็นสำคัญของการประสานงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร กรณีเกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในระยะการระบาดที่ 4-5 ซึ่งจะเป็นการบูรณาการความร่วมมือ รวมถึงระดม ความรู้ประสบการณ์และความคิดเห็นจากหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งไทยและลาว ในการฝึกซ้อมแผนเพื่อรองรับการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ต่อไป

    ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000046110
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 25896.jpg
      25896.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.3 KB
      เปิดดู:
      1,893
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  16. minidog

    minidog Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2009
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +91
    ทำบุญใส่บาตร ทำใจให้ผ่องใส่ แล้วจะหลับฝันดีไม่ต้องคิดมาก
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    หวั่นไข้หวัดหมูระบาดในเม็กซิโกจะลุกลามไปทั่วโลก

    [​IMG]

    เม็กซิโกซิตี 25 เม.ย.- ไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่คร่าชีวิตชาวเม็กซิกันไปแล้วหลายสิบคนจนทางการเม็กซิโกต้องสั่งปิดทำการสถานที่สาธารณะในกรุงเม็กซิโกซิตี เป็นการชั่วคราวเมื่อวานนี้ เพื่อพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งหลายฝ่ายวิตกว่าอาจลุกลามไปทั่วโลก

    นายโธมัส อับราฮัม โฆษกองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) แสดงความวิตกเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดหมูในเม็กซิโก ซึ่งเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่นักวิจัยไม่เคยพบมาก่อน เป็นการผสมกันระหว่างไวรัสชนิดที่พบในหมู นก และคน ทั้งยังเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดจากคนสู่คน

    องค์การอนามัยโลกได้เรียกประชุมคณะผู้เชี่ยชาญเพื่อพิจารณาว่า จะเพิ่มระดับเตือนภัยโรคระบาด หรือออกคำแนะนำเรื่องการเดินทางหรือไม่ ดร.ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม ผู้เชี่ยวชาญแห่งมหาวิทยาลัยมินนิโซตา ของสหรัฐ กล่าวว่า อาจสายเกินไปแล้วที่จะควบคุมการแพร่ระบาดทั่วโลก

    ขณะที่ ดร.ริชาร์ด เบสเซอร์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนเฉพาะที่ป้องกันไข้หวัดหมู และยังไม่ชัดเจนว่าวัคซีนสำหรับไข้หวัดใหญ่ในคนที่มีอยู่ขณะนี้จะสามารถป้องกันโรคไข้หวัดหมูได้เท่าใด

    การแพร่ระบาดของโรคซึ่งทำให้มีผู้ล้มป่วยในเม็กซิโกแล้วอย่างน้อย 1,004 คน นายโฮเซ แองเจล รัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโก ระบุว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่แล้ว 68 ราย ในจำนวนนั้น 20 รายได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตจากไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้คนเม็กซิกันในกรุงเม็กซิโกซิตี นครหลวงพากันตื่นตระหนกสวมผ้าปิดปากและจมูกที่ทางการแจกจ่ายให้ฟรี ขณะที่ทางการได้สั่งปิดทำการสถานที่สาธารณะส่วนใหญ่ พร้อมแนะให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปโรงพยาบาลหากไม่มีเหตุฉุกเฉิน

    เนื่องจากโรงพยาบาลเป็นศูนย์กลางของการติดเชื้อ รวมทั้งให้งดการทักทายด้วยการจับมือ และการหอมแก้ม ส่วนท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงเม็กซิโกซิตี มีการสอบถามผู้โดยสารเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้มีอาการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่โดยสารไปกับเครื่องบิน และแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น ด้านประธานาธิบดีเฟลิเป กัลเดรอน ได้ยกเลิกการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ เพื่อประสานงานการรับมือปัญหาที่เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-25 10:51:17

    เม็กซิโกสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งในเมืองหลวงหวั่นไข้หวัดหมูระบาด

    [​IMG]

    เม็กซิโกซิตี 25 เมย.-รัฐบาลเม็กซิโกสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งในกรุงเม็กซิโกซิตี รวมถึงสถานที่สาธารณะอื่น เช่น พิพิธภัณฑ์และสถานที่ราชการ เพื่อหาทางรับมือไข้หวัดหมู ล่าสุดส่งผลให้ชาวเม็กซิกันเสียชีวิตแล้ว 68 คน และยังทำให้คนอเมริกันติดเชื้อ 8 คน นับจากวันอังคารที่ผ่านมา แต่ผู้ป่วยในสหรัฐมีอาการดีขึ้นแล้ว

    ทหารเม็กซิกันยังช่วยแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนใจกลางกรุงเม็กซิโกซิตี เพื่อจะได้นำไปสวมใส่ป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดหมู ด้านประธานาธิบดี เฟลิเป คัลเดรอน ของเม็กซิโก ถึงกับยกเลิกการเดินทางไปยังรัฐชิวาวา ทางเหนือของประเทศ เพื่อมาบัญชาการอยู่ที่กรุงเม็กซิโก ซิตี หลังพบว่าสถานการณ์ไข้หวัดหมูน่าวิตก

    ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของสหรัฐ ยืนยันในช่วงเวลาไม่นานนักก็มีผู้คนในเม็กซิโกซิตีล้มป่วยไปแล้วกว่า 1,000 คน ก่อให้เกิดความวิตกว่าไวรัสไข้หวัดหมูจะไปรวมตัวกับไวรัสประเภทอื่น จนคร่าชีวิตผู้คนในเม็กซิโกได้อย่างรวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-25 17:24:32

    ไข้หวัดหมูคร่าชีวิตผู้คนในเม็กซิโกไปแล้วถึง 60 คน

    [​IMG]

    เม็กซิโก 25 เม.ย. - พบการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน คร่าชีวิตผู้คนในเม็กซิโกไปแล้วถึง 60 คน และยังพบผู้ป่วยในสหรัฐด้วย

    รัฐบาลเม็กซิโก เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตด้วยไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้แล้วอย่างน้อย 20 คน และเชื่อว่าอาจเป็นสาเหตุของผู้เสียชีวิตอีก 40 คน โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อายุระหว่าง 25-45 ปี นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า มีคนที่สงสัยว่า ติดไวรัสชนิดนี้ถึง 1,400 คน ทางการจึงต้องสั่งปิดโรงเรียนและยกเลิกการจัดงานสำคัญๆ ตามที่สาธารณะภายในกรุงเม็กซิโกซิตี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปมากกว่านี้ ประชาชนต้องพากันซื้อหาหน้ากากปิดปากและจมูกมาใส่ ขณะที่เม็กซิโกมียาต้านไวรัสเพียงพอที่จะรักษาคนไข้ได้เพียง 1,000 คนเท่านั้น

    ด้านองค์การอนามัยโลกระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า เป็นไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ที่ชื่อ เอช 1เอ็น 1 ซึ่งเป็นเชื้อที่ผสมกันระหว่างไวรัสไข้หวัดหมู กับไวรัสไข้หวัดนก โดยพบในผู้ป่วย 8 คน ในรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐเท็กซัสของสหรัฐด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นประกาศว่า เป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลก แต่ลักษณะของไวรัสที่ติดต่อระหว่างคนด้วยกันก็ทำให้หวั่นกลัวว่า การระบาดจะรุนแรงมากกว่านี้. -สำนักข่าวไทย

    2009-04-25 12:35:50

    เม็กซิโกปิดสนามแข่งฟุตบอลหลังไข้หวัดหมูระบาด

    [​IMG]

    เม็กซิโกซิตี 25 เม.ย. -สมาพันธ์ฟุตบอลเม็กซิโก เผยว่าการแข่งขันฟุตบอล 2 นัดในกรุงเม็กซิโกซิตีช่วงสุดสัปดาห์นี้จะจัดโดยไม่ให้แฟนบอลเข้าชมในสนาม หลังไข้หวัดหมูระบาดคร่าชีวิตคนไปแล้วหลายสิบคน

    สมาพันธ์ฟุตบอลเม็กซิโก แถลงว่าการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมกวาดาลาฮารากับทีมพูมา และทีมอเมริกากับทีมเตโกส นัดวันอาทิตย์นี้ ซึ่งมักมีแฟนบอลตีตั๋วเข้าชมแน่นขนัด จะแข่งขันโดยไม่เปิดให้แฟนบอลเข้าชม เป็นการตัดสินใจที่สอดคล้องกับมาตรการของหน่วยงานสาธารณสุขเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ที่มีการยืนยันว่าคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 20 คน และสงสัยว่าอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอีก 48 ราย รวมทั้งมีรายงานผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ 1,004 คน.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-25 12:18:33

    WHO เตรียมประชุมฉุกเฉินรับมือไข้หวัดหมู

    [​IMG]

    เจนีวา 25 เม.ย.- องค์การอนามัยโลกเตรียมจัดประชุมฉุกเฉินในเวลา 21.00 น. ของวันนี้ ตามเวลาในไทย เพื่อหาทางรับมือการระบาดของไข้หวัดหมูในเม็กซิโกและสหรัฐ

    นางมาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เป็นผู้เรียกร้องให้จัดประชุมฉุกเฉินขึ้น ซึ่งจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนของโลก เพื่อหามาตรการรับมือการระบาดของไข้หวัดหมู

    นางชานยังจะถือโอกาสนี้กล่าวชี้แจงสถานการณ์ต่อผู้สื่อข่าวผ่านระบบวีดีทัศน์ ในเวลา 20.00 น.ของวันนี้ ตามเวลาในไทย ก่อนเปิดประชุมฉุกเฉิน หลังพบผู้เสียชีวิตไปแล้ว 68 คน ในเม็กซิโก และมีผู้ติดเชื้ออีก 8 คน ในสหรัฐ จากกรณีการระบาดของไข้หวัดหมู

    ปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกยังจัดระดับเตือนภัยไข้หวัดหมูอยู่ที่ 3 จากทั้งหมด 6 ระดับ แต่ถ้ามีการเผยรายละเอียดของเชื้อไวรัสและความเสี่ยงที่จะติดเชื้อออกมาอย่างชัดเจน ก็อาจทำให้องค์การอนามัยโลกต้องปรับระดับการเตือนภัย รวมถึงคำแนะนำในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่.- สำนักข่าวไทย

    2009-04-25 20:02:27

    โรงพยาบาลศรีลังกาเนืองแน่นด้วยพลเรือนบาดเจ็บ

    [​IMG]

    โคลัมโบ 25 เม.ย.-คลื่นพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บจากความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลศรีลังกาและกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลมหลั่งไหลเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหลายแห่งใกล้กับเขตสู้รบ โดยแพทย์และพยาบาลระบุว่าคนเหล่านี้อาจเสียชีวิตเพราะไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม


    นพ.พอล แมคมาสเตอร์ส ศัลยแพทย์อังกฤษขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน (เอ็มเอสเอฟ) ระบุว่า ทีมแพทย์ของเขาที่ทำงานในโรงพยาบาลวาวูนิยา โรงพยาบาลรัฐบาลได้ทำการผ่าตัดให้คนเจ็บไป 71 ครั้งในระยะเวลา 24 ชม. และโรงพยาบาลก็พยายามอย่างยิ่งที่จะให้การดูแลคนไข้หลังการผ่าตัด ส่วนสภาพในโรงพยาบาลก็แออัดไปด้วยคนเจ็บจนแทบจะไม่มีที่เดิน คาดว่ามีคนไข้ราว 320 คนเข้ารับการรักษาในตึกผู้ป่วยที่มีขนาดเพียง 45 เตียง

    น.พ.แมคมาสเตอร์ส ระบุว่าในบรรดาคนไข้ที่เข้ารับการรักษามีเด็กหญิงวัย 7-8 ขวบคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขา ส่วนพี่สาวของเธอก็พักรักษาตัวบนเตียงเดียวกันโดยได้รับบาดเจ็บที่แขน และขา ทั้ง 2 พี่น้องต่างมีบาดแผลไฟลวก ส่วนมารดาของเด็กเสียชีวิต ขณะที่บิดาถูกนำตัวไปรักษาในห้องผู้ป่วยหนัก

    นอกจากนี้ องค์การแพทย์ไร้พรมแดนระบุว่าได้รับรายงานการเกิดโรคอีสุกอีใสระบาดในค่ายพักพิงชั่วคราวของพลเรือนหลายพันคนที่ไร้ที่อยู่อาศัยจากเหตุรุนแรงครั้งนี้ ตามข้อมูลของรัฐบาลศรีลังกา ระบุว่าตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมามีพลเรือนเกือบ 110,000 คน อพยพออกจากเขตสู้รบเข้าไปอาศัยในค่ายพักพิงชั่วคราว.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-25 16:46:37

    สหรัฐเรียกร้องศรีลังกาหยุดยิงโดยทันที

    [​IMG]

    วอชิงตัน 25 เม.ย. - รัฐบาลสหรัฐเรียกร้องให้เกิดการหยุดยิงในศรีลังกาโดยทันที และได้แสดงความวิตกอย่างยิ่งที่มีข้อกล่าวหาว่าเกิดการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในศรีลังกา

    รัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกแถลงการณ์ฉบับแรกเกี่ยวกับศรีลังกา โดยได้แสดงความวิตกกังวลต่อประชาชนที่เสียชีวิตจากการสู้รบและชะตากรรมของพลเรือนผู้บริสุทธิ์หลายพันคนที่ติดค้างอยู่ในสมรภูมิ สหรัฐเรียกร้องให้ฝ่ายรัฐบาลและกบฏพยัคฆ์ทมิฬหยุดการสู้รบโดยทันที และอนุญาตให้พลเรือนเดินทางออกจากพื้นที่สู้รบได้อย่างปลอดภัย

    ทำเนียบขาวเรียกร้องฝ่ายรัฐบาลศรีลังกาหยุดการระดมยิงไปยังพื้นที่ปลอดภัย และอนุญาตให้หน่วยงานความช่วยเหลือและผู้สื่อข่าวสามารถเข้าถึงพลเรือนที่หลบหนีออกมาจากพื้นที่สู้รบ. -สำนักข่าวไทย

    2009-04-25 08:03:11

    เกาหลีเหนือเริ่มกระบวนการนิวเคลียร์

    [​IMG]

    โซล 25 เม.ย.- กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ แถลงว่าเกาหลีเหนือได้เริ่มกระบวนการนำแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์กลับมาใช้อีกที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์นำร่อง ซึ่งความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะทำให้เกาหลีเหนือสามารถผลิตพลูโตเนียมเกรดดี ที่นำไปใช้ทำระเบิดปรมาณูได้

    แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือลงวันที่ 14 เมษายน ระบุการดำเนินการครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมความสามารถของเกาหลีเหนือในการใช้นิวเคลียร์เพื่อป้องปรามภัยคุกคามทางทหารที่มีมากขึ้นจากกองกำลังของศัตรู

    ถ้อยแถลงของทางการเกาหลีเหนือครั้งนี้มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่สหประชาชาติขึ้นบัญชีคว่ำบาตรบริษัทเกาหลีเหนือ 3 แห่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนการพัฒนาขีปนาวุธ โดยเป็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมครั้งแรกของสหประชาชาติที่มีต่อการยิงจรวดของเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-25 10:46:41

    ออสเตรเลียเสริมแสนยานุภาพทางทหารตามจีน

    [​IMG]

    แคนเบอร์รา 25 เม.ย.-หนังสือพิมพ์ดิ ออสเตรเลียน รายงานว่าความเข้มแข็งทางการทหารของจีนและการแข่งขันทางยุทธศาสตร์ในบรรดาชาติมหาอำนาจของเอเชีย ได้กระตุ้นให้ออสเตรเลียปรับปรุงกองทัพขนานใหญ่


    ร่างแผนกลาโหมฉบับใหม่ของออสเตรเลีย ซึ่งวางกำหนดแนวยุทธศาสตร์ของออสเตรเลียในทศวรรษหน้า ระบุถึงการใช้งบประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เพื่อปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย เช่น การนำเรือดำน้ำเข้าประจำการเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และประจำการเรือรบผิวน้ำรุ่นใหม่ที่สามารถป้องกันภัยขีปนาวุธ

    ทั้งนี้ ออสเตรเลียมีแผนจะเพิ่มเรือดำน้ำเป็น 12 ลำในปี 2568 เพื่อจะได้มีเรือดำน้ำ 7 ลำที่ประจำการอยู่ที่ฝั่งทะเลทางเหนือ ซึ่งอยู่ติดเส้นทางเดินเรือสำคัญผ่านหมู่เกาะของประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนี้ จะสร้างเรือรบขนาดระวาง 7,000 ตันจำนวน 8 ลำ แต่ละลำจะติดระบบป้องกันขีปนาวุธ และจะตั้งฝูงบินลาดตระเวนระยะไกลทางทะเลฝูงใหม่ รายงานระบุด้วยว่า กองทัพออสเตรเลียควรมีความสามารถที่จะเป็นผู้นำในบทบาทการรักษาความมั่นคงให้กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในแถบแปซิฟิกใต้ และสามารถส่งทหารเข้าไปประจำการในต่างประเทศมากขึ้นด้วย

    ออสเตรเลีย เริ่มใช้เงินประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย เช่น การซื้อเรือพิฆาตรุ่นใหม่ที่สามารถป้องกันภัยทางอากาศ เครื่องบินขับไล่ที่สามารถหลบหลีกการตรวจจับของเรดาร์ เรือสนับสนุนการยกพลขึ้นบก รถถังและเฮลิคอปเตอร์.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-25 11:29:18

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สธ. สั่งจับตาหวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ในเม็กซิโกใกล้ชิด ยันไม่พบเชื้อนี้ในไทย ปชช.ไม่ต้องกังวล</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>26 เมษายน 2552 13:01 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สธ.สั่งจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในประเทศเม็กซิโก โดยประสานงานกับองค์การอนามัยโลกและศูนย์ป้องกันควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิด ยืนยันยังไม่เคยพบเชื้อนี้ในประเทศไทย แนะผู้ที่จะเดินทางไปพื้นที่มีการระบาด คอยติดตามข้อมูลและคำแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง

    ตามที่มีรายงานการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่และปอดบวมในประเทศเม็กซิโก ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2552 และทวีความรุนแรงมากขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีผู้ป่วยรวม 854 ราย เสียชีวิต 59 ราย และจากการเก็บตัวอย่างผู้ป่วยรวม 50 ราย ส่งตรวจพบว่า 17 ราย เกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ สายพันธุ์ เอช 1 เอ็น 1 (H1N1) ซึ่งเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของคน ที่มีสารพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ในหมูผสมอยู่ด้วย ต่อมายังพบผู้ป่วยด้วยเชื้อเดียวกันนี้อีก 7 ราย ในรัฐแคลิฟอร์เนียและเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศเม็กซิโก แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจเกิดการระบาดใหญ่ขยายตัวไปประเทศอื่นๆ นั้น

    นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า ขอยืนยันให้ประชาชนไทยสบายใจว่า จนถึงขณะนี้ ประเทศไทยยังไม่เคยพบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ดังกล่าว และจากการเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่ต้นปี 2552 -ปัจจุบัน พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ จำนวน 3,159 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งไม่แตกต่างกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2551

    อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งรัดการเฝ้าระวังโรค รวมทั้งเตรียมความพร้อมรับมือ ทั้งด้านการตรวจวินิจฉัย การดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย การเตรียมเครื่องมือและเวชภัณฑ์ ตลอดจนการเดินทางระหว่างประเทศ โดยประสานงานกับองค์การอนามัยโลกและศูนย์ป้องกันควบคุมโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา อย่างใกล้ชิดด้วย

    ด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ มีการแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคนโดยทั่วไป คือเชื้อที่อยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอหรือจามรดกันในระยะใกล้ชิด หรือติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา ไม่ติดต่อจากการรับประทานเนื้อหมู ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ไอ มีน้ำมูก หากป่วยและมีอาการดังกล่าว ควรสวมหน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน หรือสถานที่แออัด ประชาชนทั่วไปควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผัก ผลไม้ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ล้างมือบ่อยๆ

    ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นจากการสอบสวนโรคบ่งชี้ว่า ไข้หวัดใหญ่เอช 1 เอ็น 1 เป็นการติดต่อจากคนสู่คนและทำให้มีผู้เสียชีวิต ซึ่งองค์การอนามัยโลกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และกำลังพิจารณาให้คำแนะนำเรื่องการเดินทางระหว่างประเทศ ดังนั้น ผู้ที่มีแผนการเดินทางไปยังประเทศเม็กซิโก รวมทั้งรัฐแคลิฟอร์เนียและเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงควรติดตามสถานการณ์และคำแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดต่อไป

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อุตุฯ เตือนไทยตอนบนเจอพายุฤดูร้อน-ลูกเห็บ 1-2 วันนี้ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>26 เมษายน 2552 11:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อุตุฯ ออกคำเตือนประเทศไทยตอนบนเกิดพายุฤดูร้อน ฝนคะนอง ลมแรง อาจมีลูกเห็บตก ใน 1-2 วันนี้ อ่าวไทยคลื่นสูง 2 เมตร เตือนชาวเรือระมัดระวังในช่วง 2-3 วันนี้ด้วย

    ประกาศเตือนภัย
    "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทย"
    ฉบับที่ 7 (77/2552) ลงวันที่ 26 เมษายน 2552


    บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนในวันนี้ (26 เมษายน 2552) ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าว ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยเกิดพายุฤดูร้อนในช่วงวันที่ 26-28 เมษายน 2552 นี้ ซึ่งจะช่วยคลายความอบอ้าวจากอากาศร้อนไปได้มาก

    ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกที่จะเกิดขึ้นในระยะ 1-2 วันนี้ (26-28 เมษายน 2552) โดยในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งหรือใต้ต้นไม้สูงเด่น ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งควรงดใช้เครื่องมือสื่อสารหรือวัตถุที่อาจเป็นสื่อนำไฟฟ้าไว้ด้วย

    อนึ่ง ลมตะวันตกกำลังค่อนข้างที่พัดปกคลุมอ่าวไทยจะเปลี่ยนเป็นลมตะวันตกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุม โดยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้คลื่นลมในอ่าวไทยสูงมากกว่า 2 เมตรโดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะ 2-3 วันนี้ไว้ด้วย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.manager.co.th/Home/Default.html
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แพทย์ไทยแนะอยากดับร้อนต้องนั่งสมาธิ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 เมษายน 2552 22:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ แนะยึดหลักทำสมาธิบำบัดป้องกันโรคช่วงหน้าร้อน พบอารมณ์ทางลบ-เครียดกระทบต่อการเกิดโรคทางกาย ภูมิต้านทานร่างกายลด เซลล์มะเร็งแพร่เร็ว สารพัดโรค แต่เมื่ออารมณ์ดี สร้างสุข ลดโรค เพิ่มภูมิต้านทาน

    นพ.นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงการใช้หลักสมาธิบำบัคลดโรคช่วงหน้าร้อนว่า กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ มีศาสตร์ทั้งด้านการแพทย์แผนไทยและศาสตร์ด้านการแพทย์ทางเลือก สำหรับเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน ได้นำไปประยุกต์ใช้ดูแลสุขภาพตนเองแบบง่าย ๆ ประหยัดและได้ผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหน้าร้อนซึ่งปีนี้ร้อนมาก จะเห็นว่าคนส่วนใหญ่จะมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายจากสภาวะสิ่งแวดล้อม

    ส่วนใหญ่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ด้านลบมากกว่า เพราะความร้อนส่งผลให้อารมณ์เกิดภาวะเครียด หงุดหงิด นอนไม่หลับ ไม่สบายตัว บางครั้งจะเกิดอารมณ์โกรธกันได้ง่าย ๆ จึงอยากแนะนำให้ประชาชนยึดหลักของวิธีการทางสมาธิบำบัดมาใช้กัน เพราะปัจจุบันองค์กรวิชาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงสำนักงานการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ เร่งสนับสนุนการศึกษาวิจัยและส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่า สมาธิเป็นจิตเวชศาสนศาสตร์ เป็นศาสตร์แห่งความเอื้ออาทรต่อร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและวิญญาณของบุคคล การปฏิบัติสมาธิมีผลต่อระบบจิตประสาทภูมิคุ้มกันวิทยา

    นพ.นรา กล่าวต่อว่า การปฏิบัติสมาธิเป็นเทคนิคที่มีกำเนิดจากทุกชาติ ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ซิกข์ รวมทั้งวัฒนธรรมทางศาสนาอื่น จากการศึกษาวิจัยของนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ เช่น รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี-เตรียมชัยศรี ภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นพ.บรุช แมคอีแวน (Bruce McEvan) จิตแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยเยล ได้รวบรวมงานวิจัยจำนวนมากพบว่า

    ความเครียดทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง เป็นเหตุให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายได้เร็วขึ้น ติดเชื้อไวรัสได้เร็วขึ้น เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดที่หัวใจ เป็นเหตุกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้อาการเบาหวานและโรคหอบหืดเลวลง เกิดลำไส้อักเสบ เซลล์สมองเสื่อมลงความจำเสื่อมลง แม้กระทั่งงานวิจัยของ นพ.เซลดอน โคเฮน (Shedon Cohen) แห่งมหาวิทยาลัยคาร์เนกี้ เมลลอน พบว่าคนที่มีภาวะเครียดมักจะเกิดเริมที่ริมฝีปากและอวัยวะเพศบ่อย ๆ คนที่โกรธมาก ขนาดของเส้นเลือดก็จะตีบมากด้วยเช่นกัน ล้วนเป็นผลร้ายทั้งสิ้น

    ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000046533
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2009
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เม็กซิโกมีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดหมู 81 คน แล้ว

    [​IMG]

    เม็กซิโกซิตี้ 26 เม.ย. - นายโฆเซ่ อังเกล กอร์โดวา รัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโก แถลงคาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการระบาดของไข้หวัดหมูในเม็กซิโกมีจำนวน 81 คน ซึ่งในจำนวนนี้ได้รับการยืนยัน 20 คน และอาจมีผู้ติดเชื้ออีกกว่า 1,300 คน

    ด้านแถลงการณ์ขององค์การอนามัยโลกประกาศเตือนอันตรายจากโรคไข้หวัดหมูที่อาจกลายเป็นโรคระบาดไปทั่วโลก ดังนั้นรัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโก กล่าวว่า โรงเรียนทุกแห่งในกรุงเม็กซิโกซิตี้ รวมทั้งพื้นที่โดยรอบและในรัฐซันลุยส์โปโตซี ทางภาคกลาง จะปิดการเรียนไปก่อนจนกว่าจะถึงวันที่ 6 พฤษภาคม .- สำนักข่าวไทย

    2009-04-26 09:39:45

    องค์การอนามัยโลกประกาศเตือนอันตรายไข้หวัดหมูแล้ว

    [​IMG]

    เจนีวา 26 เม.ย. - องค์การอนามัยโลกออกประกาศเตือนอันตรายจากโรคไข้หวัดหมูที่ระบาดในเม็กซิโก และสหรัฐ เข้าขั้นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขทั่วโลก หลังมีรายงานผู้เสียชีวิตในเม็กซิโกกว่า 80 คนแล้ว

    นางมาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวเรียกร้องให้ทุกประเทศเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังการระบาดของโรคไข้หวัดหมูที่ทำให้มีอาการไข้และปอดอักเสบอย่างรุนแรง แถลงการณ์จากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกซึ่งประชุมฉุกเฉินร่วมกันระบุว่า การระบาดของโรคไข้หวัดหมูเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจปรับระดับเตือนภัยไข้หวัดหมู ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับ 3 จากทั้งหมด 6 ระดับ

    แถลงการณ์ระบุว่า เชื้อไวรัสนี้เป็นสายพันธุ์เดียวกับไวรัสเอช1 เอ็น1 แต่มีความร้ายแรงเนื่องจากสามารถติดต่อสู่คนได้ โดยเป็นการรวมกันของไวรัสหมู คน และนก ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลกเคยประกาศเตือนมาหลายปีก่อนนี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจทำให้คนติดเชื้อและระบาดไปทั่วโลก จนอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตนับล้าน ๆ คน.- สำนักข่าวไทย

    2009-04-26 09:42:03

    รัฐเท็กซัสพบผู้อาจติดเชื้อไข้หวัดหมูเพิ่มอีก

    [​IMG]

    ฮิวสตัน 26 เม.ย. - สำนักงานสาธารณสุขรัฐเท็กซัสของสหรัฐ มีคำสั่งให้โรงเรียนในเมืองซานอันโตนิโอ ปิดการเรียนโดยไม่มีกำหนด ภายหลังพบนักเรียนมีอาการติดเชื้อโรคไข้หวัดหมูเป็นรายที่ 3 ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิต 81 คน ในเม็กซิโก

    แถลงการณ์ของสำนักงานสาธารณสุขเท็กซัส ระบุว่า นักเรียนรายที่ 3 มีอาการโรคไข้หวัดหมู ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการทดลองเพื่อยืนยันผลที่แน่ชัดต่อไป ก่อนหน้านี้มีรายงานยืนยันเมื่อต้นเดือนว่า นักเรียน 2 คน ที่โรงเรียนมัธยมไบรอน สตีล ใกล้เมืองซานอันโตนิโอ ป่วยด้วยโรคไข้หวัดหมู และอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่รายที่ 3 ล่าสุด กำลังอยู่ในระยะฟื้นตัว .-สำนักข่าวไทย

    2009-04-26 10:22:31

    สหรัฐรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูเพิ่มขึ้น

    [​IMG]

    วอชิงตัน 26 เม.ย. – เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรัฐแคนซัส ของสหรัฐ ประกาศยืนยันผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูเพิ่มอีก 2 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีจำนวนรวมกว่า 10 รายแล้ว ในสหรัฐ

    สำนักงานสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมรัฐแคนซัส แถลงยืนยันว่า ผู้ใหญ่ 2 คน ติดเชื้อไข้หวัดหมู โดยหนึ่งในนี้ยังมีอาการป่วย ส่วนอีกคนมีอาการดีขึ้นแล้ว ส่วนผู้ติดเชื้อรายอื่น ๆ มีรายงานในรัฐแคลิฟอร์เนีย 6 ราย และรัฐเท็กซัส 2 ราย

    นับเป็นรายงานยืนยันล่าสุดของผู้ป่วยไข้หวัดหมูในสหรัฐ ซึ่งหนึ่งในกลุ่มผู้ป่วยเพิ่งเดินทางมาจากเม็กซิโก และคาดว่าอาจมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกในสหรัฐ ขณะที่เม็กซิโกคาดว่ามีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดหมูกว่า 80 รายแล้ว .- สำนักข่าวไทย

    2009-04-26 09:40:15

    เอเชียเตรียมพร้อมรับมือไข้หวัดหมูระบาด

    [​IMG]

    โตเกียว 26 เม.ย. - สาธารณสุขทั่วประเทศเอเชียตื่นตัวด้วยการตรวจสอบผู้โดยสารและผลิตภัณฑ์เนื้อหมูจากเม็กซิโก ขณะที่องค์การอนามัยโลกประกาศว่า โรคไข้หวัดหมูเป็นภัยฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศครั้งรุนแรง


    สนามบินระหว่างประเทศแห่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เพิ่มการเฝ้าระวังด้านสุขภาพ ขณะที่ฟิลิปปินส์อาจดำเนินมาตรการกักตัวผู้โดยสารจากเม็กซิโก ที่มีอาการไข้ไว้ก่อน ส่วนสาธารณสุขในไทยและฮ่องกงประกาศเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทางการจีนระบุว่า ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีรายงานไข้หวัดหมูระบาด และมีอาการไข้ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนเข้าประเทศจีน จะต้องรายงานต่อเจ้าหน้าที่ด้วย ด้านมาเลเซียและประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย ประกาศว่า จะติดตามคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก

    แถลงการณ์ขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในอเมริกาเหนือครั้งร้ายแรง ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนนั้น อยู่ในขั้นโรคระบาดครั้งรุนแรง โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 81 คน ในเม็กซิโก ส่วนที่สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมู 11 คน ซึ่งมี 2คน ที่ยังต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ล่าสุดเม็กซิโกสั่งปิดโรงเรียน พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด และโรงภาพยนตร์ในพื้นที่ระบาดแล้ว ซึ่งคาดว่ามีผู้ติดเชื้ออีกนับพันคน .- สำนักข่าวไทย

    2009-04-26 11:58:52

    สหรัฐห่วงสวัสดิภาพนิวเคลียร์ปากีสถาน

    [​IMG]

    วอชิงตัน 26 เม.ย. – นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า ทางการสหรัฐกำลังกังวลต่อระบบการรักษาความปลอดภัยในระเบิดนิวเคลียร์ของปากีสถาน หากเกิดกรณีกลุ่มตอลีบานสามารถโค่นล้มรัฐบาล

    นางคลินตัน ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ฟอกซ์ นิวส์ กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาทางการและกองทัพปากีสถานได้ให้การรับประกันประสิทธิภาพการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งสหรัฐเองก็ประเมินว่าอาวุธนิวเคลียร์ของปากีสถานยังปลอดภัยจากการคุกคาม แต่จากสถานการณ์ต่อสู้ในปากีสถานที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้สหรัฐเริ่มเป็นกังวลต่อการคุ้มกันอาวุธนิวเคลียร์ โดยเฉพาะในกรณีที่หากกลุ่มตอลีบาน และกลุ่มหัวรุนแรงขึ้นมามีอำนาจเหนือรัฐบาลและสามารถแย่งชิงอาวุธนิวเคลียร์ จึงเห็นว่ามีจำเป็นที่ปากีสถานจะต้องร่วมมือกับสหรัฐ เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์ปราบปรามกลุ่มติดอาวุธ

    ด้านรายงานระบุว่า ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีโดยกลุ่มหัวรุนแรงที่เชื่อมโยงกับกลุ่มอัล-กออิดะห์ และตอลีบานแล้ว กว่า 1,800 ราย นับตั้งแต่กรณีกองทัพส่งกำลังเข้ายึดมัสยิดแดงของกลุ่มมุสลิมติดอาวุธ ในกรุงอิสลามาบัด เดือนกรกฎาคม 2550 ขณะเดียวกันสหรัฐแถลงเมื่อสัปดาห์ก่อนระบุว่า กำลังกังวลต่อการขยายอิทธิพลของกลุ่มตอลีบานในปากีสถาน ซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะติดตามปัญหานี้อย่างใกล้ชิด.- สำนักข่าวไทย

    2009-04-26 10:34:53

    ที่มา http://news.mcot.net/international/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...