ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ฝันมีเหตุบ้านเมือง ****

    มีเหตุทำให้ ประชาชนไม่พอใจรัฐ
    ประชาชนออกมาเต็มแน่นถนนลานใหญ่
    มีเหตุให้ใช้อาวุธ
    ทุกคน จึงนอนหมอบราบกับพื้น
    พยายามหาทางรอดจากอาวุธจำนวน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  2. Prompiriya

    Prompiriya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,081
    ที่ท่านกล่าวมา คงเหมือนเหตุการณ์ก่อน ๆ ที่เคยเกิดกับ
    บ้านเมืองเรา เป็นเหตุการณ์แห่งความวุ่นวาย
    จึงขอความสงบผาสุกมีแด่ประเทศไทยและคนไทยด้วยเทอญ ฯ
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ทำตัวอย่างไร? ในยุคข้าวยากหมากแพง

    [​IMG]

    คำว่า "ข้าวยากหมากแพง" ของคนโบราณ ไม่ได้หมายความว่า สินค้าประเภท "บริโภค" มีราคาสูง และไม่มีผลผลิตพอที่จะหามาบริโภค เพราะความหมายของคนโบราณในคำว่า ข้าวยากหมากแพง นั้นมันรวมครอบคลุมไปถึง สภาพความเป็นอยู่ของผู้คน ที่กำลังเกิดในวิกฤติต่อความเป็นอยู่ ในชีวิตประจำวันอีกด้วย

    เพราะฉะนั้นช่วงเวลาของคนโบราณ ที่เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง คนทุกคนจะต้องร่วมมือกันที่จะสร้างสรรค์ และช่วยพยุงให้สังคมดีขึ้น โดยไม่คิดเอาตัวรอดเพื่อให้ตัวเองมีความสุขแต่เพียงคนเดียว จึงเห็นได้ว่าคนโบราณนั้น สิ่งที่จะมาแก้ไขวิกฤติให้ขาดหายไป เขาจะมุ่งเน้นถึงความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจต่อกันที่จะแก้ไขให้วิกฤติมันหมดสิ้นลงไป

    วันนี้เมื่อเกิดภาวะข้าวยากหมากแพง นั่นหมายถึงว่าคนจน คนที่ด้อยโอกาสจะต้องรอวันตายลูกเดียว ส่วนคนมีโอกาส คนที่มีทรัพย์สินเงินทอง คนเหล่านี้ยังคงเต็มไปด้วยความสุข และยิ่งจะมีความสุขเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ที่เอาวิกฤติไปใช้เก็บเกี่ยวหาผลประโยชน์ จากคนที่กำลังประสบกับจากวิกฤติข้าวยากหมากแพงอีกด้วย

    สังคมไทยจึงกลายเป็นสังคมแห่งการเอาตัวรอด หรือเป็นสังคมตัวใครตัวมัน เมื่อเกิดสังคมตัวใครตัวมันอย่างนี้ หลายคนจึงอยากตั้งคำถามว่า "แล้วเราจะพบกับความสุขได้อย่างไรในยุค ข้าวยากหมากแพง"

    ถ้าจะมองหาการแก้ไขวิกฤติข้าวยากหมากแพงแบบง่ายที่สุด แต่ทำยากที่สุดคือ การละลดความเห็นแก่ตัว เพิ่มความเมตตากรุณา และเติมเต็มคำว่า เอื้ออาทรต่อกัน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คิดจะทำง่ายที่สุด แต่ให้ลงมือทำจะทำได้ยากมาก เพราะคนส่วนใหญ่ยังเป็นคนที่ "เห็นแก่ตัว" เป็นสำคัญ

    ดังนั้นเราต้องหาวิธีหาความสุข ในยุคข้าวยากหมากแพง ด้วยตัวของเราเองดีกว่า เริ่มจาก...

    1. สร้างการยอมรับ โดยต้องให้ตัวเองยอมรับในสภาวะที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีข้อแม้ว่า "วันนี้เข้าสู่ภาวะข้าวยากหมากแพง" แล้ว เพราะการยอมรับจะทำให้เกิดการมองเห็นถึงตัวปัญหา และจะเกิดความทะยานอยากที่จะแก้ไขปัญหานั้นให้หมดไป เป็นต้นว่า ยอมรับว่าตนเองนั้น ไม่สามารถจะต่อสู้กับภาวะที่เกิดขึ้นได้ อาทิ

    เมื่อตนเองมีรายได้ในขีดจำกัด เราก็ต้องยอมรับถึงการจะใช้จ่ายตามกำลังทรัพย์ที่ตัวเองมีอยู่ ไม่ใช่อยากจะได้อะไรก็โกหกตัวเองว่าวันนี้เงินเรายังไม่มี วันหน้าเราก็จะต้องหาเงินได้ แล้วจากนั้นก็จะตัดสินใจสร้างหนี้ โดยนำเงินอนาคตออกมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการรูดเงินด้วยบัตรเครดิต การกู้ยืมจากนายทุน รวมไปถึงการจำนำ จำนองทรัพย์สินที่มีอยู่ โดยคิดว่าวันข้างหน้าเราจะสามารถนำเงินอนาคตที่เรามาใช้ในวันนี้มาชดเชยได้ ดังนั้นการยอมรับในสภาวะที่เกิดขึ้นจึงมีความสำคัญในระดับแรก

    2. มานะอดทน การแก้ไขสิ่งที่ขาดแคลน ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการหาสิ่งอื่นมาเสริม หรือสร้างสิ่งที่ขาดแคลนให้กลับมาเหมือนเดิม โดยวิธีการจะทำเช่นนี้ให้เกิดผลขึ้นมาได้ จะต้องอยู่ที่ความตั้งใจจริงของตนเองเป็นอันดับแรก เพื่อมุ่งมั่นให้เกิดสิ่งนั้นขึ้นมา ครั้นเมื่อมีความตั้งใจที่แน่วแน่แล้ว ก็ลงมือทำ ไม่ว่าจะทำยากหรือยากมากแค่ไหนเราต้องยอมอดทน ไม่ท้อถอยเพื่อให้เกิดสิ่งนั้นขึ้นมาให้ได้

    ในประเด็นนี้หากรอบๆ ตัวมีความรักความสามัคคีต่อกัน การตั้งใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ขาดแคลนให้กลับมา จะเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญ เพราะนอกจากจะได้ทั้งแรงกายเพิ่มเติมแล้ว ยังได้แรงใจสนับสนุนให้เกิดพลังภายในอีกด้วย การแก้ไขวิกฤติข้าวยากหมากแพงในหัวข้อความมานะอดทน จึงเป็นเสมือนเครื่องจักรที่มีความสมบูรณ์ ที่สามารถสร้างผลผลิตออกมาได้ตามศักยภาพ

    3. รู้จักการออม ในวิธีที่สามนี้ถือเป็นวิธีสุดท้าย ที่เราเริ่มมองเห็นแสงสว่างแห่งชัยชนะ ที่เรากำลังพิชิตวิกฤติได้แล้ว เพราะฉะนั้นในวิธีที่สามจะเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุด เนื่องจากความมานะอดทนที่เรากระทำในช่วงที่สองเริ่มพบกับความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม

    ดังนั้นการเก็บผลผลิตที่เกิดขึ้นมาจากความมานะอดทน จึงมีความจำเป็นอย่างสูง เพราะแน่นอนผลผลิตที่เราได้มาจากวิธีที่สองนั้น ย่อมจะต้องยังไม่สามารถจะนำเอาไปผลักดัน ให้วิกฤติข้าวยากหมากแพงออกไปสังคมได้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องสะสมสิ่งทีได้มาให้เกิดมีพลัง มีปริมาณมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดพลังต่อต้านได้มากที่สุด พูดกันง่ายๆ คือแม้เราจะหาเงินมาได้แต่เราต้องสะสมเงินนั้นเอาไว้ให้มากพอ อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายตามใจชอบ มิฉะนั้นจะไม่สามารถปรับตัวให้อยู่อย่างมีความสุขในภาวะวิกฤติเช่นนี้ได้

    จาก 3 วิธี เพื่อการอยู่รอดในภาวะข้าวยากหมากแพง และอยู่อย่างมีความสุขในภาวะวิกฤติเช่นนี้ ไม่เพียงแค่จะทำให้เราและครอบครัวอยู่ได้อย่างมีความสุขเท่านั้น แต่หากทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ยังเป็นการปูพื้นฐานที่แน่นแฟ้นให้เกิดขึ้นกับตนเอง และครอบครัวมีความมั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้นในอนาคตต่อไปอีกด้วย

    บทความโดยคุณ ปานมณี

    ที่มา http://hilight.kapook.com/view/24024
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2009
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ระฆังยกที่ 5

    [​IMG]

    ระฆังยกที่ 5 กำลังจะเริ่มดัง ประมาณใกล้ๆปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้แล้ว “มวยวัด” เมาหมัดเดินเป๋ออกจากมุมอับ...ทั้งพี่เลี้ยงและโค้ชสั่งลุย...ตายเป็นตาย...เพราะเป็นยกสุดท้ายแล้ว...สารพัดวิชามารจะต้องงัดออกมาใช้ทั้ง...บนเวที...(ในสภา) นอกเวที(บนถนนหนทางต่างๆ) และที่สำคัญมีการ...วางยา...?ด้วยการ...จ้างล้มมวย...ยังจำได้ไหมบทความหนึ่งที่ผมเคยเขียนไว้ตอนหนึ่งว่า...จะมีการรับจ๊อบพิเศษมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ...รับรองมีแน่ร้อยเปอร์เซ็นต์...งานหนักละคราวนี้ต้องรีบหา “สีเขียว” มาทาให้ทั่วโดยด่วน!“คนสองหัว” กำลังจะปรากฏ...กินสองทาง...(คิดเอาเองถ้าเป็นคอการเมืองจริง)

    พระจันทร์ยิ้ม...พระจันทร์แหว่ง...พระอาทิตย์มืด...คนสยอง! คอยดูต่อไปผมจะไม่ขอเขียนอย่างละเอียดมากไปกว่านี้...บางครั้งความลับของสวรรค์เอามาเปิดเผยหมดก็ผิดและจะให้โทษแก่ผู้เขียน แต่ขอให้ทุกคนภาวนารักษาศีลเอาไว้...ประเทศไทยยังมีเคราะห์กรรมประชาชนทุกคนต้องช่วยกันสวดมนต์ภาวนาและแผ่ให้กับ “เจ้ากรรมนายเวร” ของประเทศและผู้เฒ่าผู้แก่ผู้มากวาสนาในอดีต...? จากหนักจะได้เป็นเบาลงบ้าง
    <O:p</O:p
    อัคคีภัยก็เกิดขึ้นถี่มากและยังไม่หยุด...ภัยแล้งก็เริ่มได้เห็นแล้วและจะแล้งหนักขึ้นอีก...ภัยทางน้ำคงอีกไม่นาน...คนดังตายโหงเร็วๆนี้ “กีฬาแพ้...คนดูคนเชียร์ไม่ยอมแพ้?” เริ่มก่อตัวอีกแล้ว ผมเขียนปริศนาไว้หลายเรื่อง ขอให้ท่านผู้อ่านนำไปคิดเองและในปีพ.ศ. 2552-2553 ประเทศไทยและประชาชนคนไทยจะบอบช้ำ...เจ็บปวด...สูญเสียเสียใจและตกใจ?.. ปีพ.ศ. 2554 และปีพ.ศ. 2555 จะมีอะไรที่รุนแรงหรือสูญเสียอีกหรือไม่? น่าคิด!คงต้องรอดูใน 2 ปีนี้ คือ พ.ศ. 2552-2553 ก่อนเพราะเป็น “ปีดุ” และรุนแรงหลายเรื่อง...หากนายกตามไม่ทันก็ “เกมส์” เช่นกันขอเตือน... “สีเขียว” จะมีบทบาทและอิทธิพลต่อสถานการณ์บ้านเมืองมาก..ไม่นานนี้พรรคเพื่อใคร...จะมี “หัว” โผล่ออกมาแล้วแต่คงจะไม่ใช่ “ฉ” ตีดัง...แต่ “ม” คึกคักแต่ไม่รู้ว่าจะ “คะนอง” ได้นานแค่ไหน นอกจาก “ท” อดทนจึงจะถึงที่สุด?
    <O:p</O:p
    ประเทศไทยต้องมี...นายกที่มาจากฟ้าประทาน...เป็นผู้ที่มีบุญบารมีจึงจะช่วยวิกฤตบ้านเมืองให้ผ่านพ้นไปได้...จะได้พบกับบุคคลผู้นั้นไม่นานนี้และต้องมีสัญญาใจที่มีต่อกัน? อย่าลืมเราจะพบกันตามนัดเพียงแต่ต้อง “นองเลือด” ก่อนฟ้าถึงจะสดใส แต่ขออย่าให้เกิดรุนแรงเลย วันนี้ผมคงจะต้องขอลาเพียงเท่านี้ไปก่อน แต่ขอให้ทุกท่านที่อ่านได้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะการทำนาย อาจจะมีการผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนได้ เพราะผมไม่ใช่เทวดา / สวัสดี
    <O:p</O:p
    ด้วยความเคารพ<O:p</O:p
    หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)<O:p</O:p
    16 กุมภาพันธ์ 2552

    ที่มา http://www.mornid.com/home.php
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2009
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** สัจจะไม่ทำ ****

    คนขาดสัจจะ ความหมายไม่มี
    จำคำว่า "สัจจะ" ให้ดี

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ผู้แพ้พ่าย ****

    สัจจะ...คือ สัญญาใจตนเอง
    ไม่ใช่กับใครอื่น
    ใจอ่อนแอ ไม่มั่นคง เปลี่ยนไปได้เรื่อย....คือ ไม่รักษาสัญญากับใจตนเอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ฝันคนจมน้ำ ****

    คนตกไปในน้ำ
    รถใหญ่จมน้ำ
    บางคนตาย บางคนกำลังจะตาย
    ช่วยอะไรไม่ได้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เมื่อคืนฝันว่า มังกร 1 ใน 3 ตัว ตัวนึงได้ดูดกลืนเอาความมึดมิดไว้เต็มเปี่ยม และหันมาทำลายมังกรสีแดงอีกตัว มังกรดำที่ได้ดูดกลืนความมึดไว้เต็มที่ มีพลังมากมายทำให้มังกรที่เหลือต้องหนีไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • wyvern%5B1%5D.jpg
      wyvern%5B1%5D.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.1 KB
      เปิดดู:
      1,283
    • red.jpg
      red.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.6 KB
      เปิดดู:
      63
    • dragon5.jpg
      dragon5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.8 KB
      เปิดดู:
      71
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ราคาทองคำยังพุ่งต่อตามราคาตลาดโลก

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 18 ก.พ. - นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำในประเทศปรับเพิ่มขึ้นอีกบาทละ 150 บาท ตามราคาในตลาดโลกที่ปรับขึ้นจาก 962 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มาอยู่ที่ 967 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ก็มีผลทำให้ราคาทองคำแพงขึ้น โดยเงินบาทที่อ่อนค่าทุก 10 สตางค์ ทำให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น 40 บาทต่อน้ำหนักทองคำ 1 บาท ทำให้ราคาขายทองคำเช้าวันนี้ ทองคำแท่งขายออกบาทละ 15,900 บาท รับซื้อบาทละ 15,800 บาท และทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 16,300 บาท รับซื้อบาทละ 15,569.32 บาท

    นายจิตติ กล่าวว่า ราคาทองคำที่ปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. จาก 13,750 บาท มาอยู่ที่ 15,900 บาทในวันนี้ เท่ากับปรับเพิ่มขึ้น 2,150 บาทในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน ทำให้ประชาชนทยอยนำทองคำมาขายอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่กระจุกตัวมากเหมือนช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ร้านค้าทองคำต้องปรับเปลี่ยนราคาขายถึง 7 ครั้งระหว่างการซื้อขายวานนี้ และการคาดการณ์แนวโน้มราคาเป็นไปด้วยความยากลำบาก

    “ยอมรับว่า สถานการณ์ราคาทองคำขณะนี้น่ากลัว เพราะเป็นช่วงขาขึ้นอย่างเดียว โดยไม่มีขาลง ดังนั้น หากราคาทองคำตก ก็จะตกลงอย่างรุนแรง จึงขอเตือนประชาชนที่จะเข้าเก็งกำไร ต้องระมัดระวังความเสี่ยง” นายจิตติกล่าว. – สำนักข่าวไทย

    2009-02-18 11:08:05

    ที่มา http://news.mcot.net/

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ วันพุธ ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
    </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#ffd5d5><TD align=middle width="33%">ทองคำ 96.5 %</TD><TD align=middle width="33%">รับซื้อ</TD><TD align=middle width="33%">ขายออก</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>ทองคำแท่ง</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>15,850 </TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>15,950 </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#fff5ec>ทองรูปพรรณ</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#fff5ec>15,614.8 </TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#fff5ec>16,350 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลง ปรับขึ้น 50 บาทเมื่อเวลาประมาณ 12.15 น

    ที่มา http://www.goldtraders.or.th/

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2009
  10. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6656 ข่าวสดรายวัน


    ห่วงครอบครัวไทยวิกฤต-สถิติหย่าร้างพุ่ง พบพ่อแม่เครียดพิษศก.-วอนรัฐเพิ่มสวัสดิการช่วย




    รศ.ดร.สายฤดี วรกิจโภคาทร ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพแห่งชาติ(สสส.)ทำการศึกษาสถานการณ์ครอบครัวไทย ในช่วงเดือนม.ค.2552 พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีประชาชากรเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 11-22 ปี จำนวน 11.4 ล้านคน อยู่ในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวมากกว่า 2.5 ล้านครอบครัว ขณะเดียวกันยังพบว่ากลุ่มตัวอย่างพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวจำนวน 1,000 ราย ระบุสาเหตุของการเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว อันดับ 1 เกิดจากการหย่าร้าง รองลงมาคู่สมรสถึงแก่กรรม ที่สำคัญกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่กลายเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่วัยรุ่นและวัยเรียน และต้องดูแลบุตรเฉลี่ย 1-2 คน

    รศ.ดร.สายฤดี กล่าวต่อว่า สำหรับสถานภาพของพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวเกี่ยวกับความเชื่อมั่น ความมั่นใจ ภูมิใจและระดับความเครียด พบว่า 1 ใน 3 ของพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวสูญเสียความมั่นใจในความมั่นคงของครอบครัว เกรงว่าตนเองจะเลี้ยงลูกให้มีความสุขไม่ได้ สูญเสียความภูมิใจในตนเอง ท้อแท้หมดหวัง ส่งผลให้บุคคลดังกล่าวมีระดับความเครียดสูงขึ้น

    ส่วนปัญหาที่พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวต้องเผชิญมากที่สุด ได้แก่ปัญหาด้านเศรษฐกิจ การหารายได้ให้พอกับค่าใช้จ่าย ทำให้มีเวลาดูลูกน้อยลง นอกจากนี้ยังพบว่าพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวมากกว่าร้อยละ 80 ไม่ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิพิเศษใดๆจากที่ทำงานและจากภาครัฐบาล โดยกลุ่มตัวอย่างเสนอแนะต่อรัฐบาลว่าอยากให้รัฐบาลมาช่วยสนับสนุนเรื่องรายได้ครอบครัวให้มีเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 3,250 บาท สนับสนุนเงินประกอบอาชีพเสริม ขอสิทธิพิเศษให้บุตรเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี งดจัดเก็บหรือลดหย่อนภาษีเงินได้ให้พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ให้เหลืออัตราร้อยละ 2 และขอภาครัฐจัดทำเวทีสาธารณะ เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องในการเลี้ยงดูบุตรอย่างถูกต้องสม่ำเสมอด้วย

    "สิ่งที่เรากำลังหาทางช่วยเหลือขณะนี้ คือการดำเนินการตั้งสถาบันพัฒนาครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว และทำหน้าที่ พัฒนาพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวให้มีคุณภาพ้" รศ.ดร.สายฤดี กล่าว

    ด้านนายวันชัย บุญประชา ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวและแผนงานสุขภาวะครอบครัวสสส. กล่าวว่า ปัญหาการหย่าร้างของคนไทยสูงขึ้นทุกปี สถิติเมื่อปี 2550 มีคู่สมรสจดทะเบียนประมาณ 300,000 คู่ แต่หย่าร้างถึง 100,000 คู่ ทำให้เกิดครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวมากขึ้น ตนกังวลว่า หากครอบครัวอ่อนแอ ขาดความพร้อม อาจส่งผลให้เด็กเกิดปัญหา เพราะจากการศึกษา พบว่าเด็กที่กระทำผิดจำนวนมากกว่าครึ่งมาจากครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ดังนั้นรัฐบาลต้องมาใส่ใจปัญหาดังกล่าว ไม่ใช่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว

    หน้า 30

    มะกันสลดยิงทิ้งลิงอาละวาด



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 17 ก.พ. เอพีรายงานว่า ตำรวจเมืองสแตมฟอร์ด รัฐคอนเน็กติกัต สหรัฐ ยิงทิ้งลิงชิมแปนซี ตัวผู้ ชื่อทราวิส อายุ 15 ปี หนัก 80 กิโลกรัม สัตว์เลี้ยงของครอบครัวเฮอโรลด์ หลังลิงตัวนี้ตรงเข้าทำร้ายหญิงอายุ 55 ปี ที่เป็นแขกมาเยี่ยมอย่างดุร้าย เจ้าของห้ามไม่อยู่ ตัดสินใจโทร.แจ้ง 911 ขณะที่ใช้มีดแทงลิง เมื่อหน่วยกู้ภัยมาถึง ได้ช่วยเหลือเหยื่อและไล่ตามลิง ยิงใส่มันหลายนัดจนตาย ลิงทราวิสตัวนี้เป็นที่รู้จักของชาวบ้านในย่านนั้น เพราะชอบนั่งรถบรรทุกไปกับเจ้านาย เมื่อปี 2546 เคยหลุดหนีในตัวเมือง แต่เจ้าหน้าที่ใช้ขนมล่อกลับมาได้

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]

    มรสุมคุณแม่แฝด8

    เศรษฐกิจฝืด-สังคมต้าน

    สกู๊ปพิเศษ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เรื่องราวของคุณแม่แฝด 8 ในสหรัฐอเมริกา ถูกสังคมรุมประณามทำท่าว่าจะไม่จบลงง่ายๆ

    ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจที่ผู้คนอึดอัดใจ หันมาเห็นข่าว น.ส.นาเดีย ซูเลแมน วัย 33 ปี เจตนามีลูกมากมายถึง 14 คน จากเดิมมีอยู่แล้ว 6 คนและเพิ่งมาเพิ่มอีก 8 คน ซึ่งทั้ง 14 คนไม่ได้มีโดยธรรมชาติ แต่อาศัยคลินิกบริการปฏิสนธิในหลอดแก้ว ยิ่งทำให้กระแสต่อต้านรุนแรงยิ่งขึ้น

    การเปิดตัวครั้งแรกของซูเลแมนทางสถานีเอ็นบีซี หลังคลอดแฝดแปดเมื่อ 26 ม.ค.2552 ไม่ทำให้ชาวอเมริกันชนประทับใจ แต่ก่อความรู้สึกหมั่นไส้และเกลียดชัง

    เมื่อหญิงสาวพูดว่าตัดสินใจเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว และอยากมีครอบครัวใหญ่ๆ ทั้งที่ตนเองไม่มีงานทำ

    ด้านทีแอลซี บริษัทเคเบิลทีวี ที่คิดจะจัดแจงให้คุณแม่แฝด 8 ออกรายการทีวีอีกครั้ง กล่าวว่า ตอนนี้คงต้องรอดูไปก่อน ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะเกิดเรื่องราวกับซูเลแมนเยอะมาก <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขณะที่ผู้ชมเครือข่ายของทีแอลซีเข้ามาข่มขู่ว่าจะคว่ำบาตรรายการที่มีเรื่องราวของคุณแม่รายนี้ทั้งหมด

    ด้านสื่อซุบซิบยังประโคมข่าวนินทาว่าร้ายเพิ่มเข้ามาอีก เช่น ว่าหญิงสาวเป็นแฟนตัวยงของแองเจลิน่า โจลี่ ซูเปอร์สตาร์คุณแม่ลูก 6 เคยเขียนจดหมายไปชื่นชมโจลี่ที่เลี้ยงลูกๆ ได้มากมาย ทั้งเคยไปทำศัลยกรรมให้ใบหน้าคล้ายโจลี่อีกด้วย

    ในช่วงเวลาที่ตกเป็นข่าวมากมาย ซูเลแมนว่าจ้างประชาสัมพันธ์ส่วนตัวไว้คอยโต้ข่าว รวมถึงติดต่อสปอนเซอร์ที่จะออกสื่อ

    โจแอนน์ คิลลีน และไมก์ เฟิร์ตนีย์ ทำหน้าที่ดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจัดทำเว็บไซต์แฝด 8 ที่เปิดรับเงินบริจาคให้เด็กๆ

    รวมถึงโต้ข่าวเรื่องหญิงสาวไปทำศัลยกรรมให้เหมือนนางเอกโจลี่

    แต่นาทีนี้ทั้งสองถอนตัวจากการเป็นประชาสัมพันธ์ของน.ส.ซูเลแมนแล้ว

    โดยระบุว่า มีจดหมายและโทรศัพท์ข่มขู่มาถึงบริษัท "เดอะ คิลลีน เฟิร์ต กรุ๊ป" ในลอสแองเจลิสไม่ขาดสาย

    มีทั้งภาพกราฟิกข่มขู่มาทางอีเมล์กว่า 100 ครั้ง ตามด้วยถ้อยคำหยาบคายในวอยซ์เมล์ อีกล้นหลาม

    คิลลีนกล่าวว่า กระแสต่อต้านอย่างหนักในสังคมน่าจะเป็นเหตุผลมาจากเศรษฐกิจ และสวัสดิการสุขภาพ ที่คนตกงานกันมาก ครอบครัวขัดสน

    "พวกเขาซัดความเกลียดชังและโกรธแค้นเธอมาที่เราเต็มๆ สาปแช่งให้พวกเราตาย กิจการเจ๊ง และยังด่าฉันด้วยว่า น่าจะถูกฉีดยาแล้วเอาไปทิ้งให้เหมือนหมา" นักประชาสัมพันธ์หญิงกล่าว และว่า ตลอดสัปดาห์ก่อนซูเลแมนถูกขู่ทำร้ายและเอาชีวิต จนต้องไปอยู่ในสถานที่ลับ ก่อนจะกลับไปบ้าน ส่วนทารกยังคงอยู่ที่โรงพยาบาล

    คิลลีนกล่าวด้วยว่า หลังจากพวกตนถอนตัวทำงานให้น.ส.ซูเลแมน จะมีคนเข้ามาทำงานแทน คือบริษัทของเวส โยเดอร์ นักประชาสัมพันธ์ชายที่เคยจัดการทำสัญญาและเพลงให้กับครอบครัวแม็กคอฮีย์ที่มีลูกแฝด 7 เมื่อ 10 ปีก่อน

    โยเดอร์ยังเคยทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ให้ ริก วอร์เรน บาทหลวงในชุมชนแซดเดิลแบ๊กวอลลีย์ เจ้าของงานเขียน "The Purpose Driven Life" หนังสือขายดี

    พีอาร์คนใหม่จะทำให้ซูเลแมนรอดพ้นจากกระแสโจมตีมากแค่ไหน ต้องติดตามต่อไป

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]
    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>โจรใจบาปลักองค์พระวัดพระศรีสรรเพชญ์กลางวันแสกๆ

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 18 ก.พ. นายจิระศักดิ์ อรุณรัตน์ อายุ 35 ปี เจ้าพนักงานดูแลรักษาโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กรมศิลปากร ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.จักรพันธ์ ธูปเตมีย์ พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ว่ามีพระพุทธรูปหายไป 1องค์ที่บริเวณวิหารลาย ในวัดพระศรีสรรเพชญ์ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ต.ประตูชัย จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบพระประธานเป็นพระพุทธรูปเนื้อหินทราย ปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 120 ซม. สูง 150 ซม. ที่ตั้งอยู่ภายในวิหารลายถูกคนร้ายยกส่วนตัวองค์พระไป เหลือไว้แต่ฐานซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้แยกได้สามส่วน คือส่วนฐาน ส่วน องค์พระ และส่วนพระเศียร ซึ่งทางกรมศิลปะเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ ใก้ลกันที่วิหารลายอีกหลังพบว่าที่พระพุทธรูปแบบเดียวกันที่ถูกโจกรรมไป มีร่อยรอยคนร้ายใช้ชะแลงงัดตัวองค์พระจนหินทรายแตกหักตกอยู่แต่คนร้ายไม่สามารถเอาองค์พระไปได้
    นายสมโชค เมฆะภูติ อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา ผู้พบเห็นว่าพระพุทธรูปถูกโจรกรรม เมื่อเวลา 12.00 น. ให้การว่า เมื่อหลังพบเห็นจึงรีบรายงานให้หัวหน้าทราบ ปรกติเจ้าหน้าที่ รปภ.ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ จะมี 3 ชุด ชุดละ 3 คน เดินออกตรวจทั่วบริเวณ ก่อนที่จะพบว่าพระพุทธรูปหายไปตนได้เดินเท้าไปตรวจสอบอยู่ที่จุดอื่นแล้วย้อนกลับมาจุดที่เกิดเหตุ ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าพระพุทธรูปองค์นี้ยังอยู่ใกล้ๆวิหารลาย มีกล้องวงจรปิดตั้งอยู่ สำหรับจุดที่ตั้งของพระในวิหารนี้ไม่รู้ว่ากล้องจะบันทึกภาพได้หรือไม่
    นายอเนก สีหามาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าพระพุทธรูปองค์นี้องค์พระเป็นเนื้อหินทรายผสมกับศิลาแรง ฉาบด้วยปูนปั้น สร้างในสมัยต้นๆกรุงศรีอยุธยา มีอายุ ประมาณ 600 กว่าปี เป็นพระปางมารวิชัย ส่วนที่หายไปมีน้ำหนักประมาณ 100 กก. เชื่อว่าคนร้ายที่ลักเอาองค์พระไป คงจะเอาไปประกอบเป็นองค์พระเต็มรูปจนสมบูรณ์ทั้งองค์ แล้วนำไปขายในตลาดค้าวัตถุโบราณและยังได้รับการายงานว่าท่อน้ำประปาซึ่งเป็นดินเผาสมัยกรุงศรีอยุธยาใกล้กับพลับพลาตรีมุข บางจุดได้หายไป
    พ.ต.อ.สมบัติ กล่าวว่า จุดที่เกิดเหตุเป็นบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มีรั้วกันรอบๆและมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตรวจอยู่ลอดเวลาถึงวันละ 3 ชุด เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในได้ได้แต่ตรวจอยู่รอบๆบนถนน ดูจากจุดที่เกิดเหตุคนร้ายน่าจะใช้รถยนต์กระบะเป็นพาหนะมาจอดอยู่ใกล้ๆ โดยอาจจะมีคนร้ายถึง 5-6 คน ช่วยกันยกเพราะองค์พระมีน้ำหนักมาก หลังเกิดเหตุได้ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นาย กระจายกำลังเดินค้นหาจนทั่วบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากมูลนิธิและหน่วยกู้ภัย นำชุดประดาน้ำลงงมภายในคลองท่อหลังอุทยานประวัติศาสตร์ ซึ่งมีระยะทางยาวกว่า 3 กม. จนถึงขณะนี้ยังไม่พบ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างละเอียดอีกครั้ง
    เตรียมรายงานกรณีพระมีนมต่อที่ประชุมมส.

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อวันที่ 18 ก.พ. นายอำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภายหลังจากส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรฯ ได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพระวิชัย ธัมมวิชโย พระลูกวัดโบสถ์อินทรสารเพชร ซอยเพชรเกษม 28 แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ที่ถูกร้องเรียนว่าเป็นพระมีนมและมีพฤติกรรมกระตุ้งกระติ้งนั้น โดยเจ้าหน้าที่ในส่วนคุ้มครองฯ ได้กลับมารายงานเบื้องต้นให้ตนรับทราบแล้ว ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ถือเป็นเรื่องที่ในระดับที่พระสังฆาธิการเจ้าคณะปกครองในเขตพื้นที่นั้นๆ สามารถดำเนินการจัดการได้ทันที จึงไม่จำเป็นต้องนำเสนอต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคมให้พิจารณาเพื่อทราบอย่างเป็นทางการ แต่อย่างไรก็ตาม ในการประชุมมหาเถรสมาคม วันที่ 20 ก.พ. เวลา 14.00 น. ณ หอประชุมรัชมังคลาจารย์ พุทธมณฑล จ.นครปฐม แม้กรณีพระมีนมจะไม่ได้นำเสนอเข้าสู่วาระการประชุมมหาเถรฯ อย่างเป็นทางการ แต่ในการประชุม ตนจะได้นำเรียนถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อคณะกรรมการมหาเถรฯ ทุกรูปที่เข้าร่วมประชุมได้ทราบและนำมาหารือกันแบบไม่เป็นทางการ รวมทั้ง เพื่อให้คณะกรรมการมหาเถรฯ ได้ปรารภถึงปัญหาและหาข้อยุติว่า ผู้ชายที่มีหน้าอกแบบผู้หญิงหรือมีพฤติกรรรมตุ้งติ้งแบบกระเทย พระอุปัชฌาย์สมควรจะให้บุคคลเหล่านี้บวชได้หรือไม่
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อ้างอิงข้อความของคุณ doodee1

    คล้ายๆเว็บโรคจิตหรือเปล่าครับ แต่ดูว่ามันจะค่อยๆถูกต้องเรื่อยๆนะครับ

    น้อง doodee1 ก็อย่าไปตื่นตระหนก กับข้อมูลมากจนเกินไปซิครับ สมาชิกที่ติดตามกระทู้นี้มาตั้งแต่ต้น เขาเข้าใจดีแล้วว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เขาเตรียมใจกันได้มาตั้งนานแล้ว มีแต่สมาชิกใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาอ่านเท่านั้น ที่ยังทำใจยอมรับกันไม่ค่อยได้ เลยมองดูว่าเป็นเว็บโรคจิตบ้าง เป็นเว็บกระต่ายตื่นตูมบ้าง ฯลฯ

    ข้อมูลมากมายจากหลายแหล่ง หลายบุคคล พวกเราต้องใช้วิจารณญาณ พินิจพิเคราะห์กันให้ดีครับ มันเหมือนกับกระจก 6 ด้าน แต่ละคนก็มีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป บางทีเรื่องเดียวกันแท้ๆ แต่กลับมีมุมมองที่แตกต่างกันไปได้ถึง 6 ด้าน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และวิจารณญาณของแต่ละท่านที่ไม่เหมือนกัน

    ถ้าเรามามองดูให้ดีแล้ว เรื่องคำทำนายของแต่ละท่าน มันก็เป็นเรื่องๆเดียวกันนั่นเอง บางท่านอาจจะรับรู้ในทางฝัน บางท่านอาจจะรับรู้มาทางนิมิต บางท่านอาจจะรับรู้มาจากครูบาอาจารย์ต่างๆ บางท่านอาจจะรับรู้มาจากเพื่อนต่างดาว แต่เมื่อเอามาประมวลรวมกันเข้าแล้ว ก็จับใจความได้ว่าต้องการจะเตือนให้มนุษย์ในยุคนี้ได้ทราบว่า กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพครั้งใหญ่ กับพื้นผิวโลกมนุษย์ของเรานี้นั่นเอง

    พวกเราต้องรู้จักนำข้อมูลเหล่านี้ มาใช้ให้เป็นประโยชน์กับตัวเองและเพื่อนมนุษย์ครับ เช่นจากคำทำนายที่ว่า หลังจากเกิดการปรับสมดุลของโลกครั้งใหญ่ผ่านพ้นไปแล้ว คนที่เหลือรอดชีวิตจะเสียสติวิปลาศไปถึงครึ่งหนึ่ง ด้วยความตกใจอย่างสุดขีด มีแต่คนที่ฝึกสมาธิเจริญจิตภาวนาอยู่เป็นปกติเท่านั้น จึงยังครองสติสัมปชัญญะเอาไว้ได้

    พวกเราก็ควรหันมาให้ความสำคัญกับการเตรียมใจให้เข้มแข็ง ด้วยการเจริญสติภาวนา พิจารณาให้เห็นถึงความตาย ว่าเป็นของที่ไม่มีใครจะหนีพ้นไปได้ เมื่อเราต้องมาเห็นคนที่เรารักต้องมาตายไปต่อหน้าต่อตา ในตอนที่เกิดภัยพิบัติ เราจะได้ไม่เสียใจจนคุมสติสัมปชัญญะไว้ไม่อยู่ หรือกลายเป็นคนบ้าไป จะได้ไม่ต้องกลายเป็นภาระ ให้กับคนที่มีชีวิตอยู่รอดในตอนนั้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2009
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อ้างอิงข้อความจากคุณ เจ้าหญิงแพร

    เมื่อคืนฝันว่า มังกร 1 ใน 3 ตัว ตัวนึงได้ดูดกลืนเอาความมึดมิดไว้เต็มเปี่ยม และหันมาทำลายมังกรสีแดงอีกตัว มังกรดำที่ได้ดูดกลืนความมึดไว้เต็มที่ มีพลังมากมายทำให้มังกรที่เหลือต้องหนีไป

    นิมิตฝันของคุณ เจ้าหญิงแพร นี้ความจริงเขาก็มีคำทำนายกันมานานแล้ว ในเรื่องของ "สามพระยาชนช้าง" ดังนี้ครับ
    "สามพระยาชนช้าง"

    อยากจะจาร จารึก สำนึกสั่ง
    ก่อนที่เลือด รินหลั่ง รดผืนดิน
    คุณธรรม นำไทย มลายหมิ่น
    แยกยับย่อย ด่าวดิ้น ตราบสิ้นใจ


    ...ฟางเส้นน้อย รอยแหลก แทรกสุดท้าย
    คุรุมสุม ควันพราย เป็นสายไหว
    ระเรื่อแสง เถ้าทา ลมพาไกว
    ริบหรี่ไต้ เชื้อไฟ เป็นเปลวพลัน


    ...ลุกจากราก โหมกระหน่ำ เพลิงภัยโถม
    อัคคีโหม โรมราญ ผลาญสวรรค์
    คงจะยาก หากหลีกเร้น เห็นโทษทัณฑ์
    อัสนี ฟาดฟัน พสุธา


    ...สามพระยา ช้างงา เชิงโจนโจม
    ร่างถลา ถาถม กระหายฆ่า
    โลหิตหลั่ง ไหลย้อย คล้อยคลอตา
    หลักนครา เอียงโอน ลนลานป้อง

    ๑..ฝ่ายหนึ่งนั้น ขุนศึก หยาบชั่วช้า
    คุ้มคลั่งคร่า ล้างผลาญ ประจานก้อง
    นายพลบ้า กล้าแค่ ในเวียงทอง
    คึกคะนอง ร้องดัง หลังกำแพง


    ๒..ท้ารบรา แท้แต่ อีกฝ่ายชน
    ประชาคน มือเปล่า เหล่าคำแหง
    เด็กผู้หญิง คนชรา มันสำแดง
    เข่นฆ่าแกง ทวยไท้ ไอ้......


    ๓..เจ้าพระยา สุดท้าย บังในหลืบ
    คอยกระทืบ กระหน่ำ ผู้เพลี่ยงพล้ำ
    บัลลังก์รัก รากเลือด เชือดประจำ
    สาแหรกนำ แปดสายแรก แยกปราบดา


    ...สำหนึกตรึก ตรองเถิด เป็นพวกไหน
    รากหญ้าใหญ่ เหนี่ยวหนับ นับล้านกล้า
    ฤ จะนอน รอเขา เชือดคอลา
    ฤา หยัดท้า มหาชน คนยืนต้าน


    ...ถึงฤกษ์ท้า หญ้าแพรก ได้แหลกแล้ว
    ราบเป็นแถว แนวหน้า พินาศเริ่ม
    เทวดา อาเพศ เหล่าเหิมเกริม
    รุกส่งเสริม สายฟ้า มาคร่าฟัน


    ...มิมีช่อง หลีกหลบ บนทางฟ้า
    หากผู้กล้า ยืนหยัด ประกาศกั้น
    ตาสวรรค์ มืดบอด ด้วยอธรรม์
    โลหิตนั้น คงท่วมสอด ลอดท้องช้าง...

    บทกลอนโดย -- K. rungsira

    ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=rainam&month=06-2007&date=14&group=6&gblog=4

    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** นิมิตเตือน... เก่าๆ ****

    ขบวนเดินทางของเจ้า นั่งบนหลังช้าง
    มีสองเจ้า สองขบวน เดินทางมาเผชิญหน้าชนกัน
    หัวขบวนต่างฝ่าย ประกาศว่าเป็นขบวนของตนเป็นของใคร
    ยังไม่ทันไหร่
    ช้างทุกตัว ทั้งสองขบวนหมอบลง ล้มตัวนอนตะแคง
    ท้องฟ้ามืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใดๆ
    เจ้าทั้งสองและประชาชนทุกคน ต้องนอนนิ่งหยุดอยู่ในความสงบ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เตือน...เรื่อง กรรมมันพลิกแพลง ****

    ถ้า...ผู้นำ ไม่มีสัจจะ ก็จบ
    กรรมมันพลิกแพลง
    ชาติก่อนทำไว้สิบ ชาตินี้กรรมพลิกแพลงจะเอาเป็นร้อย
    ชาตินี้มันจะหนักขึ้น หนักขึ้น
    ทางแก้ทางเดียว คือ รับสัจจะที่โลกุตตระส่งมอบมาให้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๒
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ระวังจะแก้ผิดทาง ****

    กรรม ต้องปรากฏ
    แต่เราสร้างทางเลี่ยงได้...เหมือนรู้ว่าสะพานรถไฟนี้ มันผุ
    เราก็ไม่ไป หาทางอื่นไปแทน

    แต่ ถ้าเรายังไม่เข้าถึง หลักสัจจะธรรม
    ทางที่คิดว่าดี อาจกลายเป็นทางที่ไม่ดีก็ได้
    เหมือนว่า ทำผิดโดยไม่เจตนา จึงต้องรับกรรมแบบ ไม่เจตนาให้เกิด มันก็เกิด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** รอดพ้นกรรม ****

    ไม่เอาดี ไม่เอาชั่ว
    ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
    เมตตา ต่อสัตว์โลก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.3 ริกเตอร์ บริเวณแปซิฟิกใต้

    [​IMG]

    เวลลิงตัน 19 ก.พ. - สำนักงานธรณีวิทยาของสหรัฐ รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหววัดความรุนแรงได้ 7.3 ริกเตอร์ บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ใกล้หมู่เกาะเคอร์มาเดค ทางตอนเหนือของประเทศนิวซีแลนด์

    แผ่นดินไหวใต้ทะเลครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.53 น.ตามเวลาประเทศไทย กระทรวงป้องกันภัยพลเรือนของนิวซีแลนด์รายงานว่า ไม่เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ แต่มีคำเตือนว่าในบางครั้งแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงในระดับดังกล่าว ก็สามารถเกิดคลื่นที่สร้างความเสียหายในรัศมี 100 กิโลเมตรได้

    ทั้งนี้ หมู่เกาะเคอร์มาเดคซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับศูนย์กลางแผ่นดินไหว ตั้งอยู่ห่างจากนิวซีแลนด์ไปทางทิศเหนือ 1,000 กิโลเมตร เป็นหมู่เกาะที่ไม่มีประชาชนอยู่อาศัย แต่กระทรวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนิวซีแลนด์ได้ไปตั้งสถานีสำรวจภาคสนามอยู่ที่นั่น.- สำนักข่าวไทย

    2009-02-19 07:19:02

    เมืองชายฝั่งของโครเอเชีย กลายเป็นเมืองหิมะ

    [​IMG]

    9 ก.พ. - เมืองตามชายฝั่งของโครเอเชีย ต้องกลายเป็นเมืองหิมะ การสัญจรทั้งทางบกและอากาศต้องหยุดชะงัก

    แม้เมืองต่าง ๆ ตามชายฝั่งของโครเอเชียจะถูกปกคลุมด้วยหิมะจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการสัญจรไปมาทั้งทางบกและอากาศ แต่ชาวโครเอเชียกลับพากันยินดี เนื่องจากโอกาสที่พวกเขาจะได้เห็นหิมะตกหนักมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในรอบ 10 ปี

    หิมะที่ปกคลุมพื้นที่ต่างๆ มีความหนาถึง 6 นิ้ว อุณหภูมิลดต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส โรงเรียนหลายแห่งต้องหยุดทำการเรียนการสอน ผู้คนต้องลุยหิมะไปทำงาน สนามบินต้องปิดชั่วคราว อย่างไรก็ดี สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของโครเอเชีย คาดว่า หิมะจะหมดไปในอีก 2-3 วันข้างหน้านี้ .-สำนักข่าวไทย

    2009-02-19 09:28:33

    ดินถล่มในโบลิเวีย หลังฝนตกติดต่อกันหลายเดือน

    [​IMG]

    โบลิเวีย 19 ก.พ. - เกิดเหตุดินถล่มในโบลิเวีย หลังฝนตกติดต่อกันหลายเดือน ทำให้บ้านเรือนหลายหลังได้รับความเสียหาย

    บ้านเรือนบริเวณเชิงเขาชานกรุงลาปาซ อย่างน้อย 30 หลัง ต้องพังเสียหายจากดินถล่ม จากฝนที่ตกลงมาติดต่อกันหลายเดือน ผู้คนอย่างน้อย 300 คน ไม่มีที่อยู่อาศัย บ้านอีกกว่า 50 หลัง ต้องอยู่ในภาวะที่เสี่ยงอันตราย อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิต

    ด้านนายกเทศมนตรีกรุงลาปาซ ต้องประกาศเตือนภัย เพื่อที่จะลำเลียงความช่วยเหลือให้แก่ประชาชนได้ในทันที ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า เหตุแผ่นดินถล่มที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากน้ำปริมาณจำนวนมากที่อยู่ใต้พื้นดิน ทำให้ดินเกิดการอ่อนตัวจนทำให้เกิดดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-19 09:26:30

    อิหร่านเตือนสหรัฐเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศ

    [​IMG]

    อิหร่าน 19 ก.พ. - ผู้นำอิหร่านออกโรงเตือนชะตากรรมของผู้นำคนใหม่ของสหรัฐ อาจเลวร้ายกว่าผู้นำคนก่อน หากสหรัฐยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศ

    ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด กล่าวปราศรัยต่อประชาชนที่เมืองยาซด์ ทางตอนกลางของประเทศว่า ชะตากรรมของประธานาธิบดีบารัค โอบามา อาจไม่แตกต่างไปจากชะตากรรมของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช หรืออาจแย่ยิ่งกว่า หากประธานาธิบดีโอบามายังดำเนินนโยบายต่างประเทศตามแบบของบุช โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง และว่าอิหร่านกำลังรอความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงของนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งหากยังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงตามที่โอบามาพูดไว้ ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐก็จะไม่มีวันดีขึ้น

    ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจัดระบุว่า พร้อมเจรจากับสหรัฐ ตราบใดที่การเจรจาอยู่บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน. -สำนักข่าวไทย

    2009-02-19 03:08:50

    นักลงทุนหลายประเทศแห่ถอนเงินหลังมีข่าวนักการเงินชื่อดังฉ้อโกง

    [​IMG]

    เซนต์จอห์นส์ 19 ก.พ.- นักลงทุนในหลายประเทศแห่ไปถอนเงินจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเซอร์อัลเลน สแตนฟอร์ด มหาเศรษฐีชาวเท็กซัสและสปอนเซอร์รายใหญ่ในวงการกีฬาหลังมีข่าวสะพัดตั้งแต่สหรัฐไปจนถึงลาตินอเมริกาและยุโรปว่า เขาถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง

    นักลงทุนและผู้ฝากเงินในหลายประเทศพากันไปที่ธนาคารและบริษัทในเครือสแตนฟอร์ดกรุ๊ปเพื่อขอเงินคืนหรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเงินฝากของตนเอง ส่วนใหญ่อยู่ในอารมณ์เดือดดาล บางคนร้องไห้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐตั้งข้อหาเซอร์สแตนฟอร์ดและผู้บริหารของสแตนฟอร์ดกรุ๊ปอีก 2 คนเมื่อวันอังคารในข้อหาฉ้อโกงมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 280,000 ล้านบาท) จากการจำหน่ายตั๋วประกันเงินฝากให้ผลตอบแทนสูงของธนาคารสแตนฟอร์ดอินเตอร์เนชั่นแนลแบงก์ และไม่ทราบว่าขณะนี้นักการเงินชื่อดังวัย 58 ปีรายนี้อยู่ที่ใด

    ด้านสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของเอ็นบีซีในเมืองไมอามีรายงานว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางได้เข้าตรวจค้นสำนักงานของสแตนฟอร์ดกรุ๊ป หนึ่งวันหลังจากสำนักงานใหญ่ที่เมืองฮิวสตันถูกตรวจค้นเช่นกัน ขณะที่สถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์อ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางว่า สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) และหน่วยงานอื่นกำลังสอบสวนว่าเซอร์สแตนฟอร์ดพัวพันกับการฟอกเงินจากการค้ายาเสพติดให้แก่แก๊งอันธพาลอ่าวเม็กซิโกหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เม็กซิกันที่สอบสวนเรื่องนี้ตั้งแต่ปีก่อนพบว่าในเครื่องบินส่วนตัวของเขาที่ถูกยึดไว้หนึ่งลำมีเช็คที่โยงไปถึงแก๊งดังกล่าว เอบีซีอ้างเจ้าหน้าที่ด้วยว่า การสอบสวนของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อาจทำให้การสอบสวนคดียาเสพย์ติดของรัฐบาลกลางยุ่งยากมากขึ้น

    ทางการสหรัฐพยายามทำให้ประชาชนคลายความวิตกว่าจะเกิดเรื่องอื้อฉาวทางการเงินครั้งใหญ่อีก หลังจากเกิดคดีแชร์ลูกโซ่ของนายเบอร์นาร์ด เมดอฟฟ์ นักการเงินรุ่นลายครามในตลาดวอลล์สตรีท.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-19 10:44:41

    เวียดนามติด 1 ใน 20 ประเทศที่ประชาชนขาดสารอาหาร

    [​IMG]

    ฮานอย 18 ก.พ.- รัฐบาลเวียดนามยอมรับว่า เวียดนามติดอยู่ในกลุ่ม 20 ประเทศที่ประชากรขาดสารอาหาร

    สำนักข่าวเวียดนาม (วีเอ็นเอ) ของทางการเวียดนามรายงานอ้างข้อมูลจากการประชุมว่าด้วยโภชนาการแห่งชาติ ที่กรุงฮานอยของเวียดนาม วานนี้ว่า ภาวะขาดสารอาหารมีอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ราบสูงตอนกลางของประเทศ ตลอดจนภาคตะวันตกเฉียงเหนือ และภาคเหนือตอนกลาง

    ดร.เจิ่น จิ เลียม รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขเวียดนาม กล่าวในที่ประชุมว่า โครงการส่งเสริมโภชนาการต่าง ๆ ของทางการเวียดนามได้ช่วยลดสถิติเด็กที่ขาดสารอาหารลงเหลือร้อยละ 19.9 เมื่อปีที่แล้ว จากร้อยละ 21.2 เมื่อปี 2550 อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังคงเผชิญปัญหาประชากรขาดสารอาหารในรูปแบบที่ 2 คือ ประชากรร่างแคระ หรือความสูงต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งเป็นปัญหาจากการขาดสารอาหารเรื้อรังที่ส่งผลถึงร่างกาย และความสูงของประชากร และอาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน และโรคเบาหวานได้ในที่สุด

    เขาชี้ว่า ความสำเร็จของโครงการส่งเสริมโภชนาการในหมู่ประชากรในช่วงที่ผ่านมา กำลังเผชิญอุปสรรค รวมถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ การเกิดโรคต่าง ๆ เพิ่มขึ้นและการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโภชนาการของประชาชนในประเทศ

    ทางด้านนายเจือง ฮง เซิน เลขาธิการโครงการป้องกันภาวะการขาดสารอาหารในเด็กระบุว่า ภาคการสาธารณสุขในเวียดนามได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนของทารกที่ดื่มนมมารดาในระยะ 6 เดือนแรกของปีนี้อีกร้อยละ 5 และเพิ่มสัดส่วนของมารดาที่ปฏิบัติตามแผนส่งเสริมโภชนาการแห่งชาติอีกร้อยละ 10 ในปีนี้ อีกทั้งตั้งเป้าหมายจะลดสัดส่วนเด็กที่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานลงร้อยละ 1.1 และลดสัดส่วนเด็กแคระลงร้อยละ 1.3 ต่อปี เขาเปิดเผยว่า

    ทางการเวียดนามจะเน้นรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัว และตระหนักถึงอันตรายจากภาวะการขาดสารอาหารในการดำเนินโครงการส่งเสริมโภชนาการในอนาคต ควบคู่กับการให้บริการด้านสาธารณสุขอย่างเพียงพอแก่กลุ่มสตรีมีครรภ์ ตลอดจนการให้บริการอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ และอาหารเสริมแก่เด็กเล็กช่วงวัย 6-60 เดือน และแก่กลุ่มสตรีมีครรภ์.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-18 13:49:57

    ผู้เชี่ยวชาญชี้เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวร้อยละ 5 ปีนี้

    [​IMG]

    ฮานอย 18 ก.พ.- ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินทำนายว่า เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวร้อยละ 5 ในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าร้อยละ 6.5 ที่รัฐบาลเวียดนามคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

    สำนักข่าวเวียดนาม (วีเอ็นเอ) ของทางการเวียดนามรายงานว่า ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ได้ทำนายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามดังกล่าว ที่กรุงฮานอยของเวียดนาม วานนี้ โดยชี้ว่า การส่งออกของเวียดนาม และประเทศอื่น ๆ ทั่วทั้งทวีปเอเชียจะร่วงลงอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกที่ลดลงตั้งแต่เดือนกันยายน ปีที่แล้ว

    ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจฯ ระบุว่า มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีเอ) ในเวียดนาม และจำนวนเงินที่ชาวเวียดนามในต่างประเทศโอนกลับเข้าประเทศก็จะลดลงอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่กลุ่มเศรษฐกิจพัฒนาแล้วของโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ตลอดจนการที่ธุรกิจต่างชาติระมัดระวังเรื่องการตัดสินใจโครงการลงทุน และการทบทวนยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจมากขึ้น

    อย่างไรก็ดี เขาชี้ว่า ยังคงมีข่าวดีสำหรับเวียดนาม คือ เงินเฟ้อและยอดขาดดุลการค้าของเวียดนามมีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง และแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการเวียดนามจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามด้วย

    ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจฯ ทำนายว่า เศรษฐกิจจำนวนมากในทวีปเอเชีย รวมถึงสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย และไต้หวัน จะหดตัวในครึ่งแรกของปีนี้ ก่อนที่จะมีเสถียรภาพขึ้น แต่ยังไม่ฟื้นตัว ในครึ่งหลังของปีนี้ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมในทวีปเอเชียยังคงสดใสในระยะยาว และจะเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลกต่อไป.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-18 12:40:04

    จีนใช้วิธีแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ

    [​IMG]

    เซี่ยงไฮ้ 18 กพ.- จีนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ตระเวนแจกคูปองอาหาร คูปองซื้อสินค้า และคูปองชมภาพยนตร์จำนวนหลายล้านใบ ให้แก่ประชาชน หลังตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในจีนลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี

    ชาวจีนได้ชื่อว่าเป็นชนชาติหนึ่งที่มีความประหยัดมัธยัสถ์ที่สุดในโลก นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ชาวจีนจะใช้จ่ายแค่ร้อยละ 30 ถึง 40 ของรายได้ การที่ประชาชนใช้จ่ายอย่างกระเหม็ดกระแหม่เกินไป จึงเป็นอุปสรรคขัดขวางการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้ จีนจึงคิดหาวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการทุ่มงบประมาณไปกับการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน ลดดอกเบี้ยนโยบาย และใช้วิธีไล่แจกคูปอง

    นครเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวน เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีการแจกคูปองให้คนรายได้ต่ำกว่า 379,000 คน เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับเมืองหางโจว ทางตะวันออกของจีน ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว ก็มีการแจกคูปองให้คนรายได้ต่ำถึง 670,000 คน เช่นกัน ให้คนเหล่านี้นำคูปองไปใช้ได้ในร้านค้าและศูนย์บันเทิงทั่วไป

    โดยคนยากจนและคนที่ปลดเกษียณแล้วในเมืองหางโจวจะได้คูปองมูลค่า 20 หยวน หรือประมาณ 100 บาท จำนวน 10 ใบ ส่วนนักศึกษาจะได้คูปองดังกล่าวจำนวน 5 ใบ คูปองจะใช้ได้ภายใน 3 เดือน ถ้าพ้นกำหนด ก็ยังใช้ได้อยู่ แต่จะมีร้านค้าเหลือเพียงไม่กี่แห่งที่ยังรับคูปอง

    ทางการเมืองหางโจวยังแจกคูปองให้กับประชาชนที่อยู่ในเมืองและมณฑลข้างเคียง เช่น เซี่ยงไฮ้ เพื่อให้พวกเขานำคูปองมาใช้บริการโรงแรม สถานตากอากาศ และร้านอาหารในหางโจวได้ ทั้งยังพิจารณาจะให้เจ้าหน้าที่รัฐในเมืองหางโจว ได้คูปองคิดเป็นมูลค่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน

    นักวิเคราะห์มองว่า การแจกคูปองให้ประชาชนเอาไปจับจ่ายใช้สอยเป็นวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผลกว่าการลดหย่อนภาษีเงินได้ เพราะคนทั่วไปมักนำเงินที่เหลือจากการเสียภาษีมาเก็บออมไว้ แทนที่จะนำมาใช้จ่าย แต่บางคนก็เห็นว่า นโยบายแจกคูปองจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น หากจีนต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ควรหาวิธีทำให้ช่องว่างรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจนแคบเข้า เพื่อที่คนจีนจะได้มีกำลังซื้อมากพอ ๆ กัน เศรษฐกิจจึงจะหมุนเวียนได้ -สำนักข่าวไทย

    2009-02-18 14:51:38

    วิกฤติเศรษฐกิจทำให้นักธุรกิจจีนต้องหาวิธีลดจำนวนภรรยาน้อย

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ปักกิ่ง 18 ก.พ.- วิกฤติเศรษฐกิจส่งผลให้นักธุรกิจชาวจีนรายหนึ่ง ไม่สามารถเลี้ยงดูภรรยาน้อยทั้ง 5 คน ได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจจัดการคัดเลือก เพื่อให้เหลือภรรยาน้อยเพียงคนเดียว ที่ยังได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขา

    แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันกลายเป็นเรื่องเศร้า เมื่อภรรยาน้อยคนหนึ่งที่ตกรอบเป็นคนแรก เพราะหน้าตาไม่สะสวย ตัดสินใจขับรถพานักธุรกิจรายนี้พร้อมภรรยาน้อยอีก 4 คนที่เหลือ ไปยังภูเขาก่อนจะบังคับรถให้พุ่งตกหน้าผา หวังจบชีวิตพร้อมกันทั้ง 6 คน แต่แล้ว ผู้เสียชีวิตกลับเป็นเธอเพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นรอดชีวิตมาได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า

    หนังสือพิมพ์ เซี่ยงไฮ้ เดลี่ รายงานว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งเดิมทีตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุ จนกระทั่งพวกเขาค้นพบจดหมายฉบับหนึ่งที่ผู้เสียชีวิตเขียนเอาไว้ จึงทราบความจริงว่า ผู้เสียชีวิตจงใจบังคับรถให้ตกหน้าผา เพราะไม่พอใจที่ตัวเองได้รับความรักจากสามีน้อยที่สุด จึงถูกคัดออกเป็นคนแรก

    ผู้เสียชีวิตเป็นหญิงวัย 29 ปี เคยทำงานเป็นบริกรจนมาพบรักกับนักธุรกิจรายนี้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองชิงเต่า เมื่อปี 2543 ทั้งที่นักธุรกิจรายนี้ก็มีครอบครัวแล้ว ทั้งยังมีภรรยาน้อยต้องเลี้ยงดูอีก 4 คน แต่แล้วปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้นักธุรกิจคนดังกล่าวต้องเลือกที่จะเลี้ยงดูภรรยาน้อยเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ไม่มีภรรยาน้อยคนไหนที่ตัดใจได้ นักธุรกิจผู้นี้จึงจำใจต้องจัดการคัดเลือก โดยบอกแต่เพียงว่า ต้องการให้ภรรยาน้อยทุกคนแสดงความสามารถพิเศษ แต่แท้จริงแล้ว เป็นเวทีคัดเลือกว่า จะให้สาวคนไหนได้เคียงข้างเขาต่อไป

    เขายังว่าจ้างเจ้าหน้าที่จากบริษัทจัดหานางแบบ มาร่วมตัดสิน โดยพิจารณาจากรูปร่างหน้าตา การร้องเพลง และความสามารถในการดื่มสุรา ผลปรากฏว่า ภรรยาน้อยที่ตกรอบเป็นคนแรกเพราะหน้าตาไม่สวย เกิดความรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก จึงออกอุบายชวนนักธุรกิจและภรรยาน้อยที่เหลือไปเที่ยวชมภูเขาด้วยกัน ก่อนจะตัดสินใจขับรถพุ่งตกหน้าผา กลายเป็นเรื่องเศร้าในที่สุด

    แม้จะรอดชีวิตมาได้ แต่นักธุรกิจรายนี้ก็ตัดสินใจปิดบริษัท และจ่ายค่าทำขวัญให้พ่อแม่ของผู้เสียชีวิตเป็นเงิน 580,000 หยวน หรือเกือบ 3 ล้านบาท ส่วนภรรยาน้อยอีก 4 คน ท้ายสุดตัดสินใจเลิกรากับนักธุรกิจหนุ่มแม้กระทั่งภรรยาหลวงก็ตัดสินใจขอหย่าขาด หลังทราบเรื่องทั้งหมด. - สำนักข่าวไทย

    2009-02-18 16:38:55

    ที่มา MCOT News : ต่างประเทศ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2009
  18. ปรสุ

    ปรสุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +838


    ขออนุญาตนำมาให้อ่านกัน เกี่ยวกับภัยพิบัติเช่นกัน เผื่อใครสนใจและยังไม่ได้เข้าไปดูกันครับ

    จากหน้า http://palungjit.org/showthread.php?t=129821&page=64
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ วันพฤหัสบดี ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2009

    </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#ffd5d5><TD align=middle width="33%">ทองคำ 96.5 %</TD><TD align=middle width="33%">รับซื้อ</TD><TD align=middle width="33%">ขายออก</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>ทองคำแท่ง</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>15,900 </TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>16,000 </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#fff5ec>ทองรูปพรรณ</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#fff5ec>15,675.44 </TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#fff5ec>16,400 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.goldtraders.or.th/

    หมายเหตุ

    การซื้อทองคำแท่ง เพื่อเก็งกำไรในขณะนี้ มีความเสี่ยงสูงครับ เพราะว่าราคาจะขึ้นเร็วลงเร็ว แต่ถ้าจะซื้อเก็บเอาไว้ระยะยาว แทนการฝากเงินกับธนาคาร เพราะมีแนวโน้มว่า ถ้าเกิดสงครามทั้งในและนอกประเทศแล้ว ค่าของเงินบาทจะตกต่ำลงอย่างมาก แต่ค่าของทองคำจะไม่ตกต่ำตามค่าของเงินบาท จึงดีกว่าการฝากเงินกับธนาคารอย่างแน่นอนครับ

    แต่การเก็บทองคำแท่ง ไว้กับตัวเป็นจำนวนมากก็เป็นอันตรายเช่นกัน ควรหาวิธีเก็บให้ปลอดภัย เช่น การหาสีที่ล้างง่ายมาทาสีปิดบังเอาไว้ไม่ให้รู้ว่าเป็นทองคำแท่ง หรืออาจจะเจาะผนังตึกให้เป็นช่อง เพื่อเก็บทองคำแท่ง แล้วโบกปูนปิดทับไว้พร้อมกับทาสีผนังตึกนั้นเสียใหม่ ไม่ให้มีใครสังเกตุเห็น ฯลฯ

    วิธีการเหล่านี้ฟังดูแล้วอาจจะมองว่าเป็นพวกโรคประสาทเขาทำกัน แต่ถ้าเราลองไปอ่านประวัติศาสตร์ตอนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองให้ดี เขาก็ทำกันอย่างนี้เหมือนกันครับ เพียงแต่ใช้วิธีการใสตุ่มฝังดิน เพื่อไม่ให้ข้าศึกศัตรูมายื้อแย่งเอาไปได้ คนที่ไม่ประมาทย่อมเตรียมหาวิธีรับมือกับภัยไว้ทุกรูปแบบ ต่างกับคนที่ประมาท ย่อมเรียกร้องให้คนอื่นมาช่วยตนเองอยู่ร่ำไป ในตอนที่ต้องประสบกับภัยอันตรายครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2009
  20. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237
    ถ้าไม่เห็นกับตาตนเอง ก็ไม่รู้ จากประสบการณ์เมื่อวานนี้
    เมื่อวานนี้( 18 ก.พ.2552)ไปที่กุฏิของพระอาจารย์ผม( แม่ฮ่องสอน) พร้อมกับลูกชายวัย 9 เดือนไปถึงกุฏิท่านเวลาประมาณ 18.20 น. เห็นเขาเตรียมงานไหว้ครูวันนี้(19 ก.พ.2552) ทุกคนก็ช่วยงานจัดเตรียมดอกไม้ เช็คแบตเตอรี่ ฯลฯ (ที่นั่นไม่มีไฟฟ้าใช้ครับ) ผมก็อุ้มลูกเข้าไปกราบพระอาจารย์ (เพิ่งพาลูกชายไปครั้งแรก) ก็สนทนาเรื่องต่างๆ..พอประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะขอลาพระอาจารย์ของผมกลับ....<O:p</O:p
    อาจารย์ก็ตาดุขึ้นมา พร้อมกับบอกว่ารีบกลับทำไม ให้รู้จักอดทนบ้าง ถ้ารีบกลับก็ไม่ได้ดูของดี ท่านบอกว่าเคยไหมยินไหม ลูกแก้วของพระจักรพรรดิ์หนะ <O:p</O:p
    ผมก็บอกว่า มันมืดแล้วครับ ลูกก็เล็ก (ในใจก็คิดว่าคงเป็นลูกแก้วธรรมดา คงไม่พิเศษอะไรมาก) ตอนนั้นคิดอย่างนี้จริงๆครับ<O:p</O:p
    ท่านบอกว่า ให้ใช้ ขันติหน่อย พวกเขา(ลูกศิษย์)มาช่วยงานทั้งวัน แต่เรามาแป๊บเดียวก็ได้ชมบารมีลูกแก้วแล้ว<O:p</O:p
    ผมก็เลยอุ้มลูกเดินไปเดินมา พอดีมีน้องๆที่มาช่วยงานช่วยอุ้มด้วยก็เลยนั่งสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ต่อ ท่านก็นำรูปเทวสถาน เทวาลัย( เรียกไม่ถูก) มาให้ดูบอกว่าจะสร้างที่ นครศรีธรรมราช ดูจากภาพแล้วอลังการน่าดู<O:p</O:p
    ผมก็เลยถามว่า เตรียมเงินสร้างไว้แล้วหรือครับ<O:p</O:p
    ท่านบอกว่า ยังไม่มีเลย<O:p</O:p
    ผม อ้าว..<O:p></O:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...