ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

Researchers have calculated that since 3600 BC, there have been 14,531 wars resulting in 3 billion deaths over the years (current world population: 6 billion). Peace prevailed for a total of only 292 years on earth, about 5% of the time.
.............
Currently there are over 30 armed conflicts or "wars" taking place around the world.

 

(nogood) (nogood) (nogood) ​

Ongoing World Conflicts ​

UNITED STATES ​

• United States vs. al-Qaeda & The Taliban & Osama bin Laden

• 9/11/01 New York and Washington, D.C. Attacked

​

MIDDLE EAST​

• Iran vs. Kurds
• Iraq vs. U.S. & U.K.
• Israel vs. Palestinian Authority (Al-Aqsa Intifada)

​

ASIA​

• Afghanistan: Taliban vs. U.S. & U.K.
• India vs. Jammu & Kashmir Liberation Front
• India vs. Assam insurgents (ULFA & NDFB)
• India vs. Pakistan
• Indonesia & West Timor paramilitaries vs. UNTAET
• Indonesia vs. Aceh separatists
• Indonesia vs. Irian Jaya separatists
• Indonesia vs. Christians & Muslims in Maluccan Islands
• Uzbekistan vs. Islamic militants & drug gangs
• People's Republic of China vs. Tibet
• People's Republic of China vs. Uighur
• Philippines vs. Moro Islamic Liberation Front
• Philippines vs. New People's Army
• Philippines vs. Abu Sayyaf
• Malaysia Sri Lanka vs. Tamil Eelam
• India Tajikistan vs. Islamic militants & drug gangs
• Uzbekistan vs. Islamic Movement of Uzbekistan & drug gangs

​

<B>

AFRICA​

</B>

• Algeria vs. Armed Islamic Group (GIA)
• Angola vs. UNITA
• Burundi: Tutsi vs. Hutu
• Democratic Republic of Congo & "allies" vs. Rwanda, Uganda & indigenous rebels
• Ethiopia vs. Eritrea
• Guinea vs. rebels based in Sierra Leone & Liberia
• Rwanda: Tutsi vs. Hutu
• Sierra Leone and UNAMSIL vs. Revolutionary United Front and Liberia
• Sudan vs. Sudanese People's Liberation Army
• Uganda vs. Lord's Army

​

<B>

EUROPE​

</B>

• Russia vs. Chechnya
• Kosovo: Albanians vs. Serbs & other minorities

​

LATIN AMERICA​

• Colombia vs. National Liberation Army (ELN)
• Peru vs. Sendero Luminoso
• Colombia vs. Revolutionary Armed Forces of Colombia (FARC)
• Colombia vs. Autodefensas Unidas de Colombia (AUC)

​

 

ได้รับสัญญาณพิเศษ เข้ามาสู่โสตวิญญาณคัดลอกมาจากhttp://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=15300

​

<TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>ด้วยได้รับสัญญาณพิเศษ เข้ามาสู่โสตวิญญาณ เมื่อเช้ามืดวันนี้ (20 ก.ค.) ว่าให้ นำพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ พระไตรปิฎกและอรรถกถา ไปเก็บไว้ยังสถานที่ที่ปลอดภัย เพื่อที่จะได้เป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา ภายหลังจากเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลก ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้น พวกเราจะได้มีพระธรรมคำสอน คือ พระไตรปิฎกและอรรถกถา ไว้ศึกษาและอ้างอิง โดยสถานที่ที่ปลอดภัยคือ บนถ้ำที่เขาสามยอด อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น

ดังนั้น จึงขอประกาศเชิญชวนมายังท่านทั้งหลาย ที่พอจะสามารถ นำข่าวสารนี้ ไปกราบนมัสการเรียน ไปยังท่านเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ที่ทางวัดอาจจะมีพระไตรปิฎกและอรรถกถา พร้อมตู้บรรจุ ส่วนที่เกินกว่าความจำเป็น หรือท่านไม่ใคร่จะได้ใช้ในการศึกษาค้นคว้า และท่านพอจะมีความเมตตาอนุเคราะห์ บริจาคต่อเพื่อเป็นธรรมทานแก่ชนชาวโลกในอนาคตได้บ้าง

และใคร่ขอเรียนเชิญท่านท่านผู้มีจิตเป็นกุศลและสามารถที่จะขอรับบริจาค พระไตรปิฎกและอรรถกถาได้ มาร่วมกิจกรรม แรลลี่ “นำพระไตรปิฎกไปสู่ถ้ำ” ด้วยการบรรทุกขนส่ง ตู้พระไตรปิฎก ด้วยยานพาหนะของท่าน เพื่อเดินทางไปยังเขาสามยอด อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น และร่วมกันนำขึ้นไปจัดเก็บไว้บนถ้ำสูง

โดย กำหนดการที่เหมาะสมที่จะเดินทางไป ก็คือ ช่วงวันหยุด 12-14 สิงหาคม 2549 ที่จะถึงนี้ โดยต่างคนต่างเดินทางไป และอาจจะนัดหมายให้ไปพบกันที่ วัดเขาสามยอด ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2549

หากท่านใดที่สามารถจะติดต่อขอรับบริจาคตู้พระไตรปิฎกได้แล้ว และปรารถนาที่จะร่วมกิจกรรม แรลลี่ “นำพระไตรปิฎกไปสู่ถ้ำ” ครั้งนี้ ขอได้โปรดติดต่อกับกระผมโดยตรงได้ที่ เอกอิสโร โทร. 0-1702-0791 ครับ

เอกอิสโร วรุณศรี
ชุมนุมฟื้นธรรมฟื้นไทยแห่งยุคหลังกึ่งพุทธกาล

ขอเชิญชวนร่วมกิจกรรม....แรลลี่ “นำพระไตรปิฎกไปสู่ถ้ำ”
http://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=15089


</TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ เอกอิสโร วรุณศรี เมื่อวันที่ 29/7/2549 10:36:4</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>ข้อความจากคุณเอก เอกอิสโร
http://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=3388

โปรตุเกสอยู่ติดกับสเปน เหนือถัดไป คือ ฝรั่งเศส ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเบี่ยงเบนประวัติศาสตร์ไทย-ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา รวมทั้งปล้นสดมภ์อารยะธรรมอาเซียตะวันออกเฉียงใต้

เหนือขึ้นไปคือ เกาะอังกฤษ ซึ่งเป็นต้นกำเนิด ที่ทำให้ทั่วโลกเข้าใจที่ตั้งของ ชมพูทวีป ที่บรรพบุรุษไทยเชื่อว่าอยู่ที่ "พม่า มอญ ลาว ไทย" ย้านไปอยู่ที่ อินเดีย ทำให้พระพุทธเจ้ากลายเป็นแขก

ทำให้ชาวพุทธเชื่อแบบผิดๆ ว่า "พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าเป็นกระดูกคนธรรมดา" เท่ากับเป็นการล้มล้างความเชื่อของบรรพบุรุษแต่โบราณกาล ที่สำคัญทำให้ "คนไม่เชื่อถ้อยความในพระไตรปิฎก"

​

</TD></TR><TR align=right><TD>คงจะไม่มีใครหาญกล้าที่จะต่อสู้เอาความจริงของ แผ่นดินพุทธภูมิ ทั้งชมพูทวีปและลังกาทวีปกลับคืนมาสู่ ดินแดนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้คือ พม่า ไทย ลาว ในศักราชนี้คงต้องรอให้แผ่นดินเปิดเผยความจริงเองเสียแล้วกระมัง....ลาก่อนนี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้ายครับ




<TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>
ที่สุดแล้วคือ...เธอทั้งหลายจงยังชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด
หากจะเป็นเคราะห์กรรมจริงๆ แล้ว ก็อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้...เพราะทุกวันนี้ จะหาคนที่จะเชื่อในคุณพระรัตนตรัย ยากเต็มที



คงเป็นด้วยเหตุนี้กระมัง...การชำระล้างครั้งใหญ่จึงเป็นทางออกที่ดีกว่าจะทำให้คนสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน หันมาเชื่อว่า "พระพุทธศาสนาคือยาขนานวิเศษ และเป็นศาสนาคู่โลกมาตั้งแต่ ยุคปฐมกัลป์"
นี่กระมังจึงเป็นที่มาของ "3 ร่มโพธิ์ศรี" โลกต้องการมนุษย์เพียงแค่ 3 ล้านคน ที่จะสืบพระศาสนาต่อไป เพื่อให้ครบ 5000 ปี






</TD></TR></TBODY></TABLE>



จากคุณ เอกอิสโร วรุณศรี เมื่อวันที่ 12/2/2548 10:56:22






</TD></TR></TBODY></TABLE>
เป็นเรื่องที่ต้องค้นหาความจริงกันอีกแล้ว (ผมเพิ่งทราบเรื่องนี้ครับ...)
หากการบิดเบือนที่ตั้งของชมพูทวีปเป็นจริง ก็เรื่องใหญ่ที่เดียวครับ
การหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ ก็ควรมีความขัดเจนครับ..แต่ชอบความตั้งใจ และกล้าหาญ ของคุณเอกอิสโรมาก


เพราะโดยหลักฐานเดิมมาจากอินเดีย เข้าสู่เอเชีย 2 สาย
-คือสู่ประเทศจีนโดยพระอาจารย์ตั๊กม้อ (ชาวอินเดีย) ประมาณพ.ศ.1050 (เป็นมหายาน)
-แผ่เข้าสู่ทางใต้ของไทยในสมัยศรีวิชัย (เป็นหินยาน)

ส่วนเรื่องอัญเชิญตู้พระธรรมนำพระไตรปิฎกสู่ถ้ำ เป็นเรื่องที่ดีครับ...ขออนุโมทนาครับ

 

กระดูกที่รัฐบาลอังกฤษซึ่งปกครองอินเดียขณะนั้นได้ทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งคนทั้งหลายเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่แท้ของพระพุทธเจ้า” และปัจจุบันบรรจุไว้อยู่บนเจดีย์ภูเขาทอง วัดสระเกศวรวิหาร กรุงเทพมหานคร นั้น ลงมาโดยเร็วที่สุดและนำส่งคืนประเทศอินเดีย เพราะสิ่งนั้นเป็นของปลอม

ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวข้างต้น ไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่แต่อย่างใด เพียงแต่ว่าอ่านแล้วทำให้มีข้อสงสัยขึ้นมา 2 ข้อ คือ

1. ในสมัยของ ร.5 นั้น สยามประเทศของเราก็มีพระอริยสงฆ์เก่ง ๆ ตั้งหลายองค์ เช่นเรื่องที่เคยได้ยินมาว่า ก่อนที่พระพุทธเจ้าหลวงจะทรงเสด็จประพาสยุโรปนั้น ได้ไปพบพระอาจารย์ท่านหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้ ขออภัย) พระอาจารย์ท่านก็ทำนายทายทักเรื่องต่าง ๆ เช่นว่า พระองค์จะเจอม้าพยศเพราะฝรั่งลองของเลยให้คาถากำกับไว้ก่อน และก็เรื่องที่ว่าพระที่นั่งจะเกิดเหตุกลางท้องทะเล ซึ่งเรื่องต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น อีกอย่างพระอริยะเก่ง ๆ องค์อื่นก็มีอยู่มากโข ไม่แน่ใจว่าสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี จะอยู่ในรัชสมัยนั้นด้วยหรือไม่ ดังนั้นหากกระดูกที่พระพุทธเจ้าหลวงท่านนำมาบรรจุไว้บนเจดีย์ภูเขาทองให้ประชาชนได้สักการะบูชาเป็นของปลอม เหตุใดพระอริยะเหล่านั้นจึงมิได้ทำการทักท้วงพระพุทธเจ้าหลวงท่านตั้งแต่ก่อนบรรจุ หรือหากมีการทักท้วงแล้วจริง เป็นไปได้หรือที่พระพุทธเจ้าหลวงท่านจะไม่เชื่อพระเก่ง ๆ ของเราแต่กลับไปเชื่อฝรั่ง

2. นับตั้งแต่สมัย ร.5 มาจนถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันของเรา ประเทศเรามีพระอริยะสงฆ์เกิดขึ้นมาจำนวนไม่น้อย แม้แต่สมเด็จวัดสระเกศที่ท่านร่วมพระราชพิธีต่าง ๆ อยู่เป็นประจำนั้น หากท่านทราบแล้วว่าพระบรมสารีริกธาตุนี้เป็นของปลอม เหตุใดท่านจึงปล่อยให้ประชาชนกราบไหว้บูชากระดูกของคนธรรมดาเหล่านั้นอยู่ได้โดยมิได้ทำการทักท้วงแต่อย่างใด

ไม่ทราบว่าผู้เขียนที่ชื่อ เอกอิสโร วรุณศรี นี้เป็นใครและมีใครพอจะทราบประวัติความเป็นมาของผู้เขียนท่านนี้บ้าง

 

จริงอย่างที่คุณ Soonyata กล่าวครับ น่าแปลกที่ไม่มีพระเกจิท่านใดคัดค้าน
แต่ถึงแม้จะจริงหรือไม่จริง ก็ไม่ทำให้ความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าเสื่อมถอยไปหรอกนะครับ สำคัญคือพระธรรมคำสอนที่เป็นแก่นแท้ต่างหาก ที่เราต้องใส่ใจเรียนรู้มากกว่า แต่ก็ธรรมดาที่จะอดสงสัยกันไม่ได้นะครับ...
(เรื่องนี้คุณเอกอิสโร น่าจะมีคำตอบนะครับว่าข้อมูลนี้มีที่มาอย่างไร?)

 

อืม ความจริงสิ่งที่คุณ mead กล่าว ทำให้คิดได้ว่า จริงหรือไม่จริงนั้นอยู่ที่ศรัทธา เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระบรมสารีริกธาตุนั้นมีความมหัศจรรย์เป็นที่เล่าขานกันมากมายนัก เช่น สามารถลอยน้ำได้ สามารถงอกเองได้ หรือ สามารถเคลื่อยย้ายมาหรือไปเองได้ (ถ้าผู้ที่ครอบครองนั้นทำแต่ความชั่ว ท่านก็เสด็จหายไปดื้อ ๆ เคยได้ยินกันมานักต่อนัก) ดังนั้น ไม่ว่าของเดิมจะจริงหรือปลอม การที่พวกเราชาวไทยไปกราบไหว้กันทุกวันด้วยใจศรัทธานับเนื่องมา 5 รัชกาลนั้น คิดว่าป่านนี้พระบรมสารีริกธาตุพระองค์จริงนั้นน่าจะเสด็จมาประทับอยู่ให้เป็นขวัญกำลังใจแก่พวกเราชาวไทยแล้ว ท่านคงไม่ปล่อยให้พวกเราชาวไทยกราบไหว้ของปลอมอยู่ได้เป็นนานหรอก นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว จะเชื่อหรือไม่โปรดใช้วิจารญาณ

 

จริงด้วยครับ พระธาตุท่านเสด็จมาได้นี่ครับ ต่อให้บิดเบือนเรื่องราวไปยังไง ก็ยังเชื่อมั่นได้เป็นของจริงแท้แน่นอนครับ ไม่ต้องสงสัยเพราะกระแสแรงศรัทธาเชี่อมถึงท่านแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นธาตุใดๆย่อมเปลื่ยนมวลสารไปตามบารมีของท่านได้ทุกชนิด น่าจะคลายข้อข้องใจกันได้แล้วครับ..ดีครับที่คุณ Soonyata มาช่วยกระตุ้นต่อมความคิด..อนุโมทนานะครับ

บางทีเหตุที่คุณเอกอิสโร ส่งหนังสือเตือนภัยถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี แล้วไม่ได้รับการพิจารณาก็เพราะเหตุตรงนี้หรือเปล่า? ค่อนข้างล่อแหลมไปหน่อยครับ
แต่ถ้ามีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองสนใจมาส่งเสริมบ้าง ทำสถานที่หลบภัยให้เป็นเรื่องราว ชนิดปลอดภัยจากนิวเคลียร์ได้ หรือการขยายถนนริมชายหาด ไปหาที่ปลอดภัยได้สะดวกขึ้น ติดสัญญาณเตือนให้เหมาะสม ก็ช่วยได้เยอะทีเดียวครับ...อาจต้องรอรัฐบาลใหม่มั๊งครับ..

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับคุณ Soonyata ขอพระพุทธศาสนาจงอยู่คู่กับเมืองไทยตลอดไปเทอญ

 

จะเกิดอะไรก็เกิดซักทีเห๊อะ





เบื่อ....

 

เรียนคุณMead กับคุณ Soonyataครับ

ผมมีมุมมองหนึ่งอยากให้พิจารณาดู คือเรื่องราวต่างของประวัติพระพุทธศาสนาหากมันผิดเพี้ยนไปแล้วและคนทั่วไปก็เชื่อและยอมรับตามนั้นแล้ว แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บผมเชื่อว่าพระเกจิอาจารย์ทุกๆท่านก็คงจะไม่พูดกันหรอกครับผมว่าเก็บพลังไปทำอย่างอื่นที่มีประโยช์มากกว่านี้ดีกว่าครับทั้งๆที่ผมเองก็มีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ตรงกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่แต่ผมเลิกพูดเลิกบอกใครต่อใครแล้วครับมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยครับมีแต่สร้างความขัดแย้งกันเองในหมู่ชาวพุทธด้วยกัน ขออนุโมทนากับความตั้งใจดีของทุกๆคนครับ

ทศพร

 

ขอบคุณครับคุณทศพร บางทีความคิดหรือการยอมรับของคนส่วนใหญ่อาจผิดมาตลอดก็ได้นะครับ บางเรื่องที่เราไม่ทราบจากประวัติศาสตร์จริงๆมาก่อนย่อมเกิดขึ้นได้ เพราะเวลานั้นผ่านมาหลายชั่วคนแล้ว การบิดเบือนย่อมเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ ขึ้นอยู่กับผู้นำในแต่ละสม้ย แต่ละประเทศ แต่ก็เพื่อรักษา เอกราช เกียรติของประเทศเอาไว้เป็นหลัก ล้วนเป็นสิ่งที่มีเหตุมีผลทั้งสื้นครับ


หากแต่การล่วงรู้ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ก็เพียงรับรู้ไว้เท่านั้นครับ แก้ไขได้ยาก เพราะถูกบ่มเพาะกันมานานแล้ว อย่างที่คุณทศพรบอกครับไม่ต้องฟื้นฝอยตะเข็บดีที่สุดครับ

อย่างเรื่องของ "พระเจ้าตาก"ก็เป็นกรณีตัวอย่าง ดังที่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า ท่านถูกท่อนจันทร์ทุบ เพราะสติฝั่นเฟือน แต่จริงๆแล้วเพราะตอนนั้นท่านกู้เงินจากประเทศจีนมาสร้างกองทัพขับไล่ข้าศึก เมื่อชนะแล้วจึงแกล้งปล่อยข่าวดังกล่าวว่าท่านสิ้นพระชนม์ เพื่อให้หนี้สูญ ตามเก็บไม่ได้ แล้วก็ยกราชสมบัติให้รัชกาลที่หนึ่งขึ้นครองราชย์แทน ซึ่งท่านก็รบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกัน ส่วนท่านก็แอบไปบวชพระอยู่ทางใต้ เข้าหาความสงบ ดังปรากฎหลักฐานป็นเครื่องผนวชอยู่ที่นั่น ...พอรู้อย่างนี้ก็รู้สึกปลึ้มปิตินะครับถึงจะบิดเบือนไปด้วยเหตุดังกล่าว..

 

ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ...

เพราะประวัติศาสตร์เกิดจากพฤติกรรมมนุษย์ มนุษย์เป็นผลิตผลจากธรรมชาติ เมื่อธรรมชาติปรับเปลี่ยนตามวาระ สรรพสิ่งก็ได้รับผลกระทบ เมื่อฟ้าปรับสัญญาณ ความเจริญความเสื่อมสลายสะท้อนกลับเป็นพลังสูญเสียในรูปของภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว อุทกภัย โรคระบาด เพราะพลังงานจากฟ้าสู่ดินถูกเบี่ยงเบน หรือสะดุด หมุนเวียนไม่สะดวก คัมภีร์ไบเบิ้ล บทสุดท้าย Revelation พูดถึงการกลับสู่ยุครุ่งเรืองความสว่างอีกครั้ง มีรายละเอียดกล่าวถึงความเปลื่ยนแปลงวงโคจรของดวงดาวต่างๆ ไว้อย่างละเอียด พลังธรรมชาติก็ปรับตามพฤติกรรมมนุษย์ ประวัติศาสตร์จึงเกิดขึ้นซ้ำรอย สะท้อนเป็นราศีตามสัญญลักษณ์สัตว์ 12 ชนิด

ในแต่ละช่วงก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเกือบทุกครั้ง หนักบ้าง เบาบาง ทุกๆ 5,000 ปี ตามวัฐจักรของธรรมชาติ แต่ทุกรอบ 60,000 ปี นี่จะสำคัญ..เพราะมีพันธะสัญญากันอยู่ว่าถ้ามาเกิดแล้ว ต้องมาช่วยทำหน้าที่รักษาสมดุลให้กับโลกเสรีใบนี้ พอเสร็จงานแล้ว พอแล้วก็จะต้องนำพาจิตวิญญาณของตนคืนกลับ "นิพพาน" ให้ได้ในรอบนี้ตามที่ตกลงกันไว้ แต่ความเหลวไหลของมนุษย์มีมากกว่า มาเที่ยวแล้วไม่ยอมกลับเป็นจำนวนมาก ภัยครั้งนี้จึงมีโอกาสที่จะหนักกว่าทุกๆครั้ง..::เพื่อสะสางงบบัญชีหกหมื่นปีที่ผ่านมาทั้งระบบ ปรับเปลี่ยนเป็นระบบใหม่ให้สมดุลยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านๆมา...(เหมือนวันพิพากษาของทางคริสต์ว่ามนุษย์เหมาะสมจะพิพากษาอย่างไร? แต่ก็ยังมีโอกาสแก้ไขตัวอีกครั้งหลังผ่านช่วงนี้ไปได้กับคนรุ่นใหม่ๆที่กำลังมาเกิด อาจเป็นลูกของคุณก็ได้ครับ)


โลกไม่แตกแน่นอน ~!! แต่ ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเท่านั้น ...

 

พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในลังกาทวีป มีหลักฐานสำคัญอยู่ที่เมืองยะลา สงสัยต้องอาศัยพระแม่ธรณีส่งหลักฐานขึ้นมาให้เสียก่อนเป็นแน่แท้ ความวุ่นวายทางใต้จึงจะสงบระงับ ภาษายาวีก็มีสันสกฤตบนอยู่เยอะ ภาษาไทยก็เช่นกัน ภาษาธรรม เหมือนกันทุกชาติ ศาสนา (เกิด แก่ เจ็บ ตาย)

 

เซี่ยงไฮ้สร้างหลุมหลบภัยจุคนได้ 200,000 คน

​

เซี่ยงไฮ้หวั่นถูกโจมตี ก่อสร้างหลุมหลบภัยใต้ดินขนาดใหญ่ที่จุได้ 2 แสนคน อยู่ได้นานถึง 2 สัปดาห์ เชื่อมโยงสถานที่ต่างๆ หวังให้ประชาชนหลบพ้นจากการถูกโจมตีเหมือนครั้งอดีต

หนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ทางการเซี่ยงไฮ้ ได้ก่อสร้างหลุมหลบภัยใต้ดินขนาดใหญ่ บนเนื้อที่ 90,000 ตารางเมตร ซึ่งสามารถจุคนได้มากถึง 200,000 คน เพื่อเตรียมรับมือกับการถูกโจมตี

โดยหลุมหลบภัยแห่งนี้เชื่อมต่อเข้ากับศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย อพาร์ตเมนต์ และระบบรถไฟใต้ดิน ผ่านทางอุโมงค์ 15 แห่ง ซึ่งมีความยาวรวมทั้งสิ้นถึง 4 กิโลเมตร

รายงานระบุว่า ภายในหลุมหลบภัยแห่งนี้ มีทั้งน้ำ ไฟฟ้า ไฟ ช่องระบายอากาศและประตูนิรภัย ที่สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ยังชีพได้นานไม่เกิน 2 สัปดาห์ แต่รายงานไม่ได้ระบุว่าการก่อสร้างจะเสร็จสิ้นเมื่อใดหรือการก่อสร้างมีขึ้นเพราะมีความเป็นห่วงกังวลในเรื่องใดโดยเฉพาะหรือไม่

ทั้งนี้ นครเซี่ยงไฮ้เคยถูกญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา โจมตีทางอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเหมือนกับเมืองใหญ่อื่นๆ ที่จะมีการขุดสร้างเมืองใต้ดินขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยในระหว่างช่วงสงครามเย็น เนื่องจากเหมา เจ๋อ ตุง ผู้นำสูงสุดของจีนในสมัยนั้นเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้น ระหว่างจีนกับศัตรูคนสำคัญอย่างอดีตสหภาพโซเวียต

โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นครเซี่ยงไฮ้ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ถึง 20 ล้านคน ได้กลับมาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศจีนอีกครั้ง และถือเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่ง (เอพี)

ที่มา:- หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 01 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29
ฉบับที่ 10370
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01for04010849&day=2006/08/01

 

เหนือ-อีสานยังฝนตกหนัก-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

​

กรมอุตุฯ 1 ส.ค.- กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ ฉบับที่ 8 (69/2549 ) เรื่อง ฝนตกหนักในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ระบุว่าร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่พายุดีเปรสชั่นในทะเลจีนใต้ตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากต่อเนื่องไปอีก 1-2 วัน จึงขอให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่ม ที่ลาดเชิงเขา และใกล้ทางน้ำไหลของพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ระวังภัยจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในช่วงวันที่ 1 - 3 สิงหาคมนี้ไว้ด้วย อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ ๆ ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดอุบลราชธานี ว่า เกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้ามืด ทำให้การใช้เส้นทางจราจรต้องเพิ่มความระมัดระวังมากกว่าปกติ ซึ่งศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พยากรณ์อากาศวันนี้ (1 ส.ค.) ว่า จะมีฝนตกตลอดทั้งวัน บางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยมีฝนเฉลี่ยประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ พร้อมกันนี้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประกาศเตือนประชาชนตามที่ราบเชิงเขาในพื้นที่ อ.นาจะหลวย อ.น้ำยืน อ.บุณฑริก และกิ่ง อ.น้ำขุ่น ระวังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนริมฝั่งแม่น้ำให้ระวังน้ำเหนือที่ไหลมาบรรจบในแม่น้ำมูล และเพื่อความไม่ประมาทควรเตรียมย้ายสัมภาระไว้ล่วงหน้า รวมถึงผู้เลี้ยงปลาในกระชังริมแม่น้ำมูล ให้เตรียมป้องกันความเสียหายจากภาวะน้ำหลาก ล่าสุด มีรายงานว่า คอสะพานคอนกรีตใช้ข้ามลำห้วยโดมน้อย หมู่บ้านวังโดม ต.แก่งโดม กิ่ง อ.สว่างวีระวงศ์ เกิดทรุดตัวจากน้ำกัดเซาะ ไม่สามารถสัญจรได้ ซึ่งสำนักงานป้องกันฯ กำลังประสานให้สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ เพื่อซ่อมแซมแก้ไข

ที่มา http://www.mcot.net/

 

The Worst is Coming!!!

(nogood) (nogood) (nogood)
NE Hurricane Could Cripple Economy

Experts Say Direct Hit On NYC Could Cost $200B

 

เอกอิสโร เท่าที่เคยได้ยินมา จบ ม.ขอนแก่น

มาเริ่มสนใจพุทธศาสนา ตอนเจอ อ.ไก่ แกยังหลงอดีต ทึกทักเอาว่าตนเองเป็นอดีต พระเจ้าอโศกมหาราช (ในประเทศไทย)

ดั่งด้นค้นหาสถานที่ สำคัญทางพุทธศาสนา

อ่านแกมานานแล้ว ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร ออกไปแนวจิตนาการณ์ ตามความคิดตนเองมาก

อันที่จริงแล้วพุทธองค์สอนแนวทางพ้นทุกข์ มิใช่สอนให้ไปยึดมั่นหาสาระอะไรกันเรื่องนอกตัว สถานที่นั้นๆจะเป็นอะไร จะสำคัญอย่างไร แค่ไหน
ก้อไม่ได้ช่วยให้บุคคลที่ไปดั้งด้นค้นหาพ้นทุกข์สักหน่อย

ค้นหาตนเอง หาให้เจอก้อเป็นสุข

เจริญในธรรมครับทุกท่าน

 

the worst flooding in a century
(nogood)


<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=100 align=left border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TD></TR></TBODY></TABLE>Up to 10,000 North Koreans were believed dead or missing in what Pyongyang's official media is describing as the worst flooding in a century, an independent South Korean humanitarian group said. "About 4,000 people are now listed as missing, and we expect the final toll of dead and missing to reach 10,000," said the independent aid group Good Friends.
Aug 2, 2006, 13:12

 

A new phase in the evolution of the Cosmic Time Plan will soon open up; the Fourth DAY of the Galactic Underworld. This phase will begin on the Gregorian date December 4, 2004 and will last until Nov 28, 2005. This Fourth DAY is a pulse of LIGHT that will be dominating us for a period of 360 days, a period that among the Maya is called a tun, a prophetic "year" characterized by a specific spiritual energy. It represents a pulse of forward energy, of creative LIGHT, and so to use a symbolic term we may call this whole period a DAY. This coming DAY is the Fourth DAY of the Underworld that is currently affecting us the most, the Galactic Underworld, which started January 5, 1999 and will be completed on October 28, 2011 (see Figure on the next page). It is in this Fourth DAY that the transformation of consciousness in a very real sense is beginning. It will soon become evident that the Galactic Underworld propels an irreversible process that will affect the whole planet and all aspects of life.
Carl Johan Calleman,
Orsa, Sweden,


We are now approaching the Fifth day, beginning on November 24, 2006, and the ensuing energies of Quetzalcoatl and Tezcatlipoca of the Galactic Underworld. These energies are likely to generate the chaos from which the new world of oneness will be born as we come to the completion of all the Underworlds by October 28, 2011.
Aug 2, 2006, 09:50