ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

*** ขออภัยทีมงาน ****

ข้าพระพุทธเจ้า ....ไม่มีเจตนาเข้ามาป่วน

จะมาบอกเพียง ...สัจจะ คือ เรื่องสำคัญมากต่อศาสนาพุทธ
ที่ซ้ำไปมา...เพราะ เวลาปลอดภัยเหลือน้อยลง
จึงพยายามย้ำเตือนให้...ผู้ที่ยังไม่มีสัจจะ ให้เป็นผู้มีสัจจะ

ข้าพระพุทธเจ้า ขอขอบคุณในความเมตตาของท่าน
ที่เปิดโอกาส ให้ใช้สถานที่นี้ได้บันทึกเรื่องราว
ของโลกุตตระ หลักสัจจะธรรม สัจจะปฏิบัติ
และ โลกุตตระธรรมเรื่องราวบทต่างๆ ในการกระทำของพระพุทธเจ้า

ขอให้ทุกท่าน พบพระธรรมคำสอนของโลกุตตระ พระพุทธเจ้าในโอกาสต่อไป
- " หนุมาน ผู้นำสาร "
วันเสาร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๑

 

มารน้อยเอ๋ย...ถึงคุณจะเปลี่ยนรูปแปลงร่างมาอย่างไร พวกเราก็รู้ทันคุณอยู่ดี กรุณาอย่าได้มาขัดขวาง งานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นี้อีกเลย เวลาในโลกมนุษย์นี้มันแสนสั้น แต่เวลาที่จะต้องไปชดใช้กรรมในนรกนั้นแสนจะยาวนาน นับเป็นล้านๆ ปีมนุษย์....

วจีกรรมทางอินเตอร์เน็ต โดยคุณดังตฤณ

บอกได้เลยครับว่า วจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสียอีก ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร? เพราะบนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆว่า

 

*** ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำมีผลตอบแทน ****

ไม่มีใครทำอะไรได้...
ตราบใดที่เรายังพิจารณาการกระทำตัวเอง....

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ตัวกระทำเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ ****

ทุกย่างก้าวของเราทุกคน
ถูกบันทึกไว้...เหมือน VDO

ไม่ดีอย่าทำ เลิกเสีย
ตั้งใจทำดี ให้ได้ทุกวัน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** พิพากษา ****

ตัวกระทำของเรา
คือ ผู้พิพากษาให้ตัวเราเอง
จะอยู่หรือไป ก็อยู่ที่ตัว

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

แจกเกมเณรสิขาพิชิต 5 มาร ส่งเสริมศีลห้าเยาวชน

​

วัดบวรนิเวศวิหาร 17 พ.ค. - พระราชรัตนมงคล ผู้ช่วยเลขานุการ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก กล่าวว่า เนื่องในวันวิสาขบูชา สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้จัดมอบเกม

 

*** ย่างก้าวพระพุทธเจ้า มีผู้ทำลายธรรม ****

*** พร จัตตุกะเทวรูป บทปราบผู้ทำลายธรรม ****

จัตติมาสิกกา
อุปัททิวะหา พรหมมะจัตตุกะ สัญญะโภคคะตุเมสา มันทิทะรังมะสะ
สันทะตุมังสา จะตุกะ โทรมมนัสอุปาทา มันทิกะ อนุวะสา ไพนะตุมังสา จัตตุกะ บัททิยา
โสวะจัตตา พรหมมะสิขขา ตุมังสิขขา พรหมมะจริยัง ตุมังมะตะ จัตตุกะ เสมหะพันชนัง
วิสังเว โชตติเรทา อะวะเสคุมหา ตุมามะตะ สัญญะโภคคะ สุนันจะจะตุมา เสวะตุมังสา
บันทะบุรุษ อุลุวะจัตตุมัสสา พรหมมะจริยามา เสมมะหา สุขขาอุปาทา สุชะนะจิตตัง
ตุมามะตะ บัททิยามามามะ เสมวะตุตะ ขันธิยามา บัททะตา สมณะศึกษา จัตตุปาทา
เสวะศึกษา อุลุนจะเทวา สุขขา จัตติมาติราชา พรหมมะจริยา ตุเมตุ อุลุวะสัทฐา สมณะจิตตา
อุเบกคะจัตตุกะ พรหมมานะสา เสกะทะรา อุปายะสุขขา หันตะนามา สุขเขทินยา สุชะนะจิตตา
จัตตุกะ ตุมะมะสัน สุนันทะจะ อุลุนวะจะ กัตตะปะตุมะตัง เสมมะจะคิพวะหัง โสทิทะรัง
จัตตุกัง ตุมังวะสัง วันทะนะจะ ตุมะวิกัตกะตัง ตุมังวะสัง โสทิทะรัง จัตตุกัง โห ตุ ฯ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** พรปราบมาร พวกมิจฉาทิษฐิ ***

เอนะขะ ตะโจ กัตตะ กัตตัง ขันธะสันหัง กัตจิตตามัตตัง โหนตะทะรัง ขันติตัง
เขติจัตตุขะ เขวะ สุชะนะ นะตะ จะปะ เข ติ ฯ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** การกระทำ เห็นผลทันตา ****

ถึง ... ผู้มีเจตนาทำลายธรรม

ขอให้ท่านยุติความคิดและการกระทำ
เพราะ ผลการกระทำของท่านจะติดตัวท่านไป
และ ส่งผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว
ไม่ต้องรอชาติหน้า ชาติไหน

น้ำบนโลกมากขึ้น...ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป
วงรอบผลตอบแทนจากตัวกระทำ จึงรวดเร็วขึ้น

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

แสงประหลาดก่อนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในจีน จากเว็ปเพื่อนบ้าน​

<OBJECT height=342 width=407>
<embed src="http://video.mthai.com/Flash_player/player.swf?idMovie=6M1210909066M0" type='application/x-shockwave-flash' width='407.6' height='342'></embed></OBJECT>
แสงประหลาดก่อนเกิดแผ่นไหวที่จีน</A">http://video.mthai.com/player.php?id=6M1210909066M0">แสงประหลาดก่อนเกิดแผ่นไหวที่จีน - ดูวิดีโอทั้งหมด">http://video.mthai.com/">ดูวิดีโอทั้งหมด กดที่นี่

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ยืนยันโบราณสถานพันปีเมืองเชียงแสนไม่ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 พฤษภาคม 2551 14:38 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

เชียงราย​

 

<TABLE width="90%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle width="80%" colSpan=2> </TD></TR><TR><TD></TD><TD width="30%"> <SUP>*</SUP> เวลาที่ปรากฏบนภาพเป็นเวลา UTC </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">จีนพบผู้รอดชีวิตรายล่าสุด ติดอยู่ใต้ตึกนานถึง123ชม. [18 พ.ค. 51 - 08:05]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (18 พ.ค.) ว่า ทีมกู้ภัยในจีนสามารถช่วยชีวิตเด็กวัยรุ่นชายขึ้นมาได้จากซากตึก ถือเป็นเหยื่อรายล่าสุดที่รอดชีวิต หลังจากติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังนานกว่า 123 ชั่วโมง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o> </o>
เด็กวัยรุ่นคนดังกล่าวอยู่ใต้ซากปรักหักพังนานถึง 123 ชั่วโมง ในเมืองหยิงซิว ใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหว ทีมกู้ภัยช่วยเหลือเขาได้เมื่อวานนี้ ถือเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตไม่กี่คนที่ทีมกู้ภัยช่วยเหลือขึ้นมาได้จากซากตึก ภายหลังเกิดแผ่นดินไหว 5 วัน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเจ้าหน้าที่พบร่างไร้วิญญาณเพิ่มขึ้นอีกหลายพันรายในมณฑลเสฉวน<o></o>
<o> </o>
โฆษกคณะรัฐบาล เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถดึงร่างผู้ประสบภัยขึ้นมาจากซากปรักหักพังได้ 2,538 ราย ทั่วมณฑลเสฉวน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้รอดชีวิตเพียง 165 คน ทั้งนี้ ความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตเริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆ และอาจมียอดผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้เกิน 50,000 คน<o></o>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เรื่องที่น่าเศร้า ของเมืองไทย​

นายอานันท์ ปันยารชุน(อดีตนายกรัฐมนตรี)​

เรื่องที่น่าเศร้า
โดย ภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
คอลัมน์ กรองข่าวมาเล่า ​

เป็นที่น่าเสียดายเมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองพูดในเวทีสาธารณะ หรือเป็นการภายในเฉพาะกลุ่ม แต่สื่อมวลชน โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ไม่ค่อยได้นำเสนอต่อผู้อ่านทั้งที่คำกล่าวนั้นมีคุณค่ามหาศาลต่อสังคมทำให้พูดดีๆ ที่มีประโยชน์ต่อสังคมถูกจำกัดอยู่เฉพาะในวงแคบๆ เท่านั้น แทนที่จะถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ​

วันนี้ผมขอเริ่มด้วยการขออนุญาตนำคำกล่าวของ คุณอานันท์ ปันยารชุน ที่ได้กล่าวในงานสังสรรค์อดีตสมาชิกสภาที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดที่ 1 ณ โรงแรมอโนมา เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2551 ​

ประเด็นที่ถ่ายทอดออกมา ท่านแสดงความห่วงกังวลว่า สถานการณ์ที่เป็นอยู่ปัจจุบันนอกจากคนไทยจะ "แตกต่าง แตกแยก" แล้วอาจนำไปสู่ความ "แตกหัก" ได้ในที่สุด และอีกประเด็นหนึ่งอยู่ที่ความห่วงใยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะ "มีสิ่งที่ไม่บังควรเกิดขึ้น ชนิดที่ในชีวิตผมไม่คิดว่าจะมีคนเผยแพร่ข้อความลงในอินเทอร์เน็ตกล่าวหาพระองค์ โดยที่พระองค์ท่านไม่มีโอกาสชี้แจงอะไรได้เลย" ​

คุณอานันท์ เป็นบุคคลหนึ่งที่ผมมีความเคารพนับถืออย่างยิ่ง โดยที่ท่านคงไม่รู้ตัว ปาฐกถาคำกล่าวหรือคำให้สัมภาษณ์ของท่านหากปรากฏในหนังสือพิมพ์หรือสื่ออินเทอร์เน็ตผมจะรวบรวมไว้เสมอ เพราะให้ทั้งความรู้เตือนสติและเตือนใจเสมอมา อ่านเมื่อไรก็ไม่เบื่อ หากมีโอกาสเผยแพร่ต่อบุคคลอื่น ผมจะทำทันที เพราะของดีๆ แบบนี้หากเก็บไว้กับตัวคนเดียวก็จะเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป ​

ผมเองก็เช่นกัน ชั่วชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากพอควร แม้ไม่เท่าคุณอานันท์ก็ยังไม่เคยเห็นยุคใดที่มีการจาบจ้วงสถาบันด้วยวิธีการสกปรกทุกรูปแบบอย่างที่เป็นอยู่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และชักจะเหิมเกริมหนักข้อเข้าทุกที เพราะหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างที่ควรจะเป็น ​

ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านั้นไม่มีการโจมตีสถาบันแต่มีน้อยมาก และมักเกิดขึ้นในกรณีพิเศษ เช่น ครบรอบ 200 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ หรือ ในบางโอกาส แต่ไม่เคยแตะที่พระจ้าอยู่หัวเลย แต่คราวนี้ แม้แต่ก่อนการยืดอำนาจก็มีการโพสต์ข้อความใจมตีสถาบันตรงๆ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผู้ที่พบเห็นได้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันทีที่พบ แต่ดูเหมือนว่าผู้รับผิดชอบขณะนั้นสกัดกั้นค่อนข้างช้า โดยไปบล็อคข้อความอื่นที่มีความสำคัญเร่งด่วนน้อยกว่า แต่กลับปล่อยข้อความจาบจ้วงสถาบันอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่งจนมีคนด่ามากขึ้นถึงปิด ​

เป็นที่ทราบกันว่า สื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นหากปล่อยให้ข้อความปรากฏเพียงไม่กี่นาที คนก็สามารถส่งต่อไปได้อีกมากมาย ​

หลังการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 การโจมตีสถาบันสูงสุดเป็นไปอย่างรุนแรงและกว้างขวางมากขึ้นผ่านสื่อต่างๆ แม้แต่สื่อสิ่งพิมพ์บางฉบับก็ทำกันอย่างไม่เกรงกลัวโดยใช้วิธีการคาบลูกคาบดอก ส่วนสื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นไม่ต้องพูดถึง มีการโพสต์ข้อความโจมตีอย่างตรงๆ ไม่อ้อมค้อม และทำอย่างเป็นขบวนการโดยมีการวางแผนมาอย่างดี ซึ่งใช้คนจำนวนน้อย ค่าใช้จ่ายต่ำแต่ได้ผลสูง ​

มีคนเล่าให้ฟังว่า ข้อความที่ขบวนการพูโลในสวีเดนโพสต์โจมตีหรือวิพากษ์วิจารณ์สถาบันนั้น ยังไม่รุนแรงเท่ากับคนข้างในทำกันเอง การโพสต์ข้อความโจมตีประธานองคมนตรีเท่ากับข้อความที่โจมตีสถาบันโดยกลุ่มซ้ายเก่าและกลุ่มซ้ายใหม่ ​

ทั้งนี้ หน่วยงานความมมั่นคงน่าจะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง และใครเป็นผู้กระทำ การที่ไม่ตอบโต้อย่างที่ควรจะเป็น ทำให้คนพวกนี้เกิดความเหิมเกริมมากยิ่งขึ้น ​

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สถาบันเป็นฝ่าย "ถูกกระทำ" มาโดยตลอด โดยไม่มีโอกาสออกมาชี้แจงได้เลย ซึ่งผู้กระทำ คงมองแล้วว่า หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ "ไม่มีน้ำยา" ​

กลุ่มผู้กระทำมีแนวคิด "ต้องการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ต้องการเปลี่ยนประเทศไทย สร้างประเทศไทยใหม่ขึ้นมา" ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่า พวกนี้ต้องการเปลี่ยนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเป็นประชาธิปไตยโดยมหาประชาชน อย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามโอกาสที่เปิดให้ ​

คนกลุ่มนี้ยังเชื่อในวิธี "ชนบทล้อมเมือง" โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ชนชั้นล่าง ในชนบทผ่านการเผยแพร่แผ่นปลิว ซีดี และใช้วิธีโฆษณาชวนเชื่อจากปากสู่ปาก เป็นความพยายามเปลี่ยน "ศรัทธา" ของคนในชนบท ​

สถานการณ์ที่เป็นอยู่ทำให้ทหารใหญ่บางท่าน เริ่มตระหนักถึงอันตรายร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นกับสถาบันสูงสุดของประเทศ ขณะนี้และประกาศว่า "ทหารเป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัว" อีกทั้ง ผบ.ทบ.มีคำสั่งให้สื่อของกองทัพ หากไม่สามารถหยุดยั้งได้ และปล่อยให้แนวโน้มเป็นเช่นนี้ต่อไป นอกจากคนไทยซึ่งปัจจุบันมีความแตกต่างทางความคิดจนนำไปสู่ความแตกแยก แบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจนแล้ว เวลาที่จะ "แตกหัก" มันใกล้เข้ามาทุกที ครั้งนี้จะเป็นการ "แพ้-ชนะ" อย่างเด็ดขาด และอาจมีการเสียเลือดเนื้อเป็นเรื่องที่น่าเศร้า สมัยก่อนศึกสงครามมาจากข้างนอก แต่วันนี้ศึกมาจากข้างในและคนไทยกำลังจะสู้รบกันเอง ช่วยปกป้องสถาบันมากขึ้น ​

อย่างน้อยไม่ได้มีประชาชนเล็กๆ คนหนึ่งเช่นผมที่มองเห็นอันตรายที่คุกคามต่อสถาบัน และได้เขียนในกรอบนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ยังมีผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เช่น คุณอานันท์ และนายทหารใหญ่อีกหลายคนที่มองเห็นภัยคุกคามเช่นนี้ ​

หากไม่สามารถหยุดยั้งได้และปล่อยให้แนวโน้มเป็นเช่นนี้ต่อไป นอกจากคนไทยซึ่งปัจจุบันมีความแตกต่างทางความคิดจำนำไปสู่ความแตกแยก แบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจนแล้วเวลาที่จะ "แตกหัก" มันใกล้เข้ามาทุกที ครั้งนี้จะเป็นการ "แพ้-ชนะ" อย่างเด็ดขาด และอาจมีการเสียเลือดเนื้อ
​

​

เป็นเรื่องที่น่าเศร้า สมัยก่อนศึกสงครามมาจากข้างนอกแต่วันนี้ ศึกมาจากข้างในและคนไทยกำลังจะสู้รบกันเอง​

ข้อมูลและภาพประกอบจาก
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2551​

ที่มา http://hilight.kapook.com/view/23809​

 

ดาไล ลามะ ระบุจีนต้องการก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจ​

​

ทิเบต 18 พ.ค. - องค์ดาไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณพลัดถิ่นของชาวทิเบต ทรงกล่าวพาดพิงถึงจีนว่า จีนมีความทะเยอทะยานที่ต้องการก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจ

องค์ดาไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณพลัดถิ่นของชาวทิเบต กล่าวต่อกลุ่มผู้ฟังที่สนามบินท้องถิ่นแห่งหนึ่งในเยอรมนี เมื่อวานนี้ ว่า ความทะเยอทะยานหลักของจีน คือ ก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจ ที่ต้องการทั้งอำนาจอันชอบธรรม และการเคารพยกย่องจากทั่วโลก ต่อคำถามที่ว่า วิกฤตการณ์ระหว่างจีนและทิเบตจะพัฒนาไปในทิศทางใด ตลอด 1-2 ปีข้างหน้า พระองค์ทรงตรัสว่า จีนต้องการการเคารพยกย่อง เพื่อให้ได้มาซึ่งบทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้นในเวทีโลก

อย่างไรก็ดี พระองค์ทรงตั้งความหวังว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับจีนได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งนี้ องค์ดาไล ลามะ ยังทรงอยู่ในระหว่างเดินทางเยือนเยอรมนี โดยในวันนี้ พระองค์จะเดินทางไปบาราเวีย และต่อไปยังเบอร์ลิน ในวันจันทร์. - สำนักข่าวไทย

2008-05-18 07:00:53

ผู้นำจีนเจออาฟเตอร์ช็อกขณะเยือนมณฑลเสฉวน​

​

จีน 18 พ.ค. - เกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่อง (อาฟเตอร์ช็อก) ในพื้นที่ภัยพิบัติในมณฑลเสฉวน ชาวบ้านและผู้สื่อข่าวต้องรีบวิ่งหาที่กำบังกันโกลาหล

ภาพจากโทรทัศน์ช่องเคเบิลทีวีของจีน เผยให้เห็นชาวบ้านและผู้สื่อข่าวในเมืองเหวินฉวน มณฑลเสฉวน พื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวรุนแรง เมื่อ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา พากันวิ่งหนีหาที่กำบังร่างกาย หลังเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่อง (อาฟเตอร์ช็อก) เมื่อวันเสาร์ ผลกระทบจากแผ่นดินไหวต่อเนื่อง ทำให้หินร่วงหล่นลงมาจากภูเขา เกิดฝุ่นปลิวคละคลุ้ง แต่ผู้คนในพื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่เริ่มคุ้นเคยกับอาฟเตอร์ช็อกกันแล้ว เพราะเกิดขึ้นหลายครั้ง

ขณะที่ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนพื้นที่ดังกล่าว ก็พลอยได้รับประสบการณ์แผ่นดินไหวไปด้วย โดยผู้นำจีนกำลังพูดคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่กู้ภัย และเกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นพอดี. - สำนักข่าวไทย

2008-05-18 04:13:18

มีผู้เสียชีวิตจากอาฟเตอร์ช็อกในจีน​

​

ปักกิ่ง 17 พ.ค.

 

ผู้นำจีนเรียกร้อง จนท.อย่าสิ้นหวังปฏิบัติการกู้ภัย

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width=600 border=0><TBODY><TR><TD height=772>ประธานาธิบดีหู จินเทา ของจีนเรียกร้องเจ้าหน้าที่กู้ภัยอย่าสิ้นหวังในการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตแผ่นดินไหว
ในมณทลเสฉวน แม้เวลาจะผ่านพ้นมา 5 วันแล้ว ล่าสุดทางการจีนเตือนภัยว่า อาจเกิดน้ำไหลทะลักจาก
ทะเลสาบในเมืองเป่ยฉวน ตอนนี้สั่งอพยพประชาชนหลายพันคนออกจากพื้นที่แล้ว




ในวันนี้ทางการจีนได้สั่งอพยพประชาชนหลายพันคนรวมทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยในเมืองเป่ยฉวน ซึ่งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลาง
แผ่นดินไหว ออกจากพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่า น้ำในทะเลสาบแห่งหนึ่งในเป่ยฉวน ที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดิน
ไหวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อาจไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ซึ่งขณะนี้น้ำในทะเลสาบได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว




ขณะที่โทรทัศน์เคเบิ้ลฮ่องกงรายงานว่า ประชาชน 1,200,000 คนในเมืองฉิงฉวน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเป่ยฉวน 90
กิโลเมตรก็กำลังอพยพออกจากพื้นที่ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่า อพยพทำไม ในขณะที่สำนักข่าวเอพี.
รายงานว่า ทางเหนือของเมืองเป่ยฉวน มีการอพยพประชาชนหลายพันคน ซึ่งก็ยังมีรายงานขัดแย้งกันว่า ประชาชน
ดังกล่าวอพยพหนีเขื่อนแตก หรือน้ำในทะเลสาบล้นทะลัก




ด้านประธานาธิบดีหู จินเทา ได้บอกกับผู้ที่รอคอยความหวังที่จะพบญาติของตนที่สูญหายจากแผ่นดินไหวในมณทล
เสฉวนว่า แม้จะผ่านพ้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการกู้ภัยในช่วง 72 ชั่วโมงแรก ( 3 วัน) หลังเกิดแผ่นดินไหวไปแล้ว แต่
จนถึงขณะนี้ภารกิจสำคัญอันดับแรกก็ยังเป็น การช่วยชีวิตอยู่ ประธานาธิบดีหู ยังได้เร่งเร้าเจ้าหน้าที่กู้ภัยอย่าเพิ่ง
สิ้นหวัง ให้ทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด ซึ่งหลังจากที่ผ่านพ้น 100 ชั่วโมงแรกในการค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง เจ้าหน้าที่ก็ยังสามารถช่วยชีวิตเหยื่อผู้ประสบภัยขึ้นมาได้ถึง 163 คนแล้ว ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวมาเลเซีย 26
คนรวมอยู่ด้วย และนักท่องเที่ยวเยอรมันในเขตเหวินฉวน ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังมานาน 114 ชั่วโมง ล่าสุดวันนี้
เจ้าหน้าที่ยังช่วยชีวิตเด็กหญิงอีก 2 คนได้อย่างปลอดภัย




ขณะที่ทีมกู้ภัยต่างชาติก็ยังคงทะยอยเข้ามาช่วยผู้ประสบภัยจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อวานนี้ ทีมกู้ภัยไต้หวันได้เดิน
ทางมาถึงสนามบินนานาชาติเมืองเฉิงตูแล้วทีมดังกล่าวมีความเชี่ยวชาญในการค้นหาผู้รอดชีวิตจากใต้ซากปรัก
หักพัง และผ่านการกู้ภัยเมื่อครั้งแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่ไต้หวันเมื่อปี 1999 มาแล้ว ซึ่งในครั้งนั้นทีมนี้เคยช่วยผู้
รอดชีวิตหลังจากติดอยู่ใต้ซากอาคารมานาน 6 วัน นอกจากไต้หวันแล้วยังมีทีมกู้ภัยของญี่ปุ่นและรัสเซียที่เดินทาง
มาถึงแล้ว




ด้านนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีนได้เปรียบเทียบเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.9 ริคเตอร์ที่มณทลเสฉวนครั้งนี้ว่า
เป็นครั้งร้ายแรงที่สุดและทำให้เกิดความเสียหายมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 1949 ( 59 ปี) ก่อนการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ และครั้งนี้จีนมีมาตรการรับมืออย่างรวดเร็วทำให้ช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บลงได้บ้าง สำหรับยอดผู้เสีย-ชีวิตอย่างเป็นทางการขณะนี้มีเกือบ 29,000 คน คาดว่า จะพุ่งสูง 50,000 คน ประชาชน 4,800,000 คนไร้ที่อยู่
อาศัย




เมื่อวานนี้สำนักข่าวซีซีทีวี.ของจีนยังได้แพร่ภาพชาวบ้านในหมู่บ้านห่างไกลในเขตภูเขาเสฉวนที่ต้องเดินเท้ามากว่า 8 ชั่วโมงเพื่อออกมาขอความช่วยเหลือยังเมืองใกล้เคียง ขณะที่เมืองชือฟาง ซึ่งเป็นจุดที่โรงงานเคมี 2 แห่งพังถล่ม
จากแผ่นดินไหวจนทำให้สารเคมีจำนวน 80 ตันรั่วไหลและคนงานหลายร้อยคนยังอยู่ใต้ซากปรักหักพังนั้น เจ้าหน้าที่
กู้ภัยต้องทำงานอย่างยากลำบากและต้องสวมใสหน้ากากขณะกู้ภัยด้วย</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

 

คำตอบจากอาจารย์คนเมืองบัว ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ไม่หนักหนาเท่าคำทำนายหรอก ไม่ต้องตกใจถึงขนาดนั้นเพราะว่าภัยพิบัติขนาดนั้นจะเกิดเมื่อหลังพุทธกาลแล้วเมื่ออายุมนุษย์สูงสุดที่ ๑๐ ปีต้องตาย ถึงตอนนั้น พวกเราคงไม่ประมาทกันแล้ว ไปอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์กันหมดแล้ว ส่วนที่เหลือเวียนตายเวียนเกิดก็คือมนุษย์ที่ประมาทในช่วงกึ่งพุทธกาล นี้ ไม่ได้มาพบกับศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันและได้ปฏิบัติต่อ ส่วนภัยที่น่าจะสะพรึงกลัวใหม่ๆ ได้แก่ <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>๑. ภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำ ในรอยแตกเดิม ที่มีความเหลื่อมล้ำของพื้นดินถึง ๔๐ เมตร ปากหลุมกว้าง ๑ กิโลเมตร ยาวเป็นพันเมตร ภูเขาไฟใหม่นี้อาจจะระเบิดต่อเนื่องเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงดับ ทรัพยากรทางน้ำจะเสียหายมาก อิสลามกับคริสต์อาจจะตายเพิ่มขึ้นอีก เป็นล้านคน


๒. จะเกิดภัยสงครามมากขึ้นทั่วโลกแน่นอน ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่หลวงพ่อราชพรหมยานได้บอกไว้แล้วขอบเขตเท่านั้น คริสต์และอิสลามจะตายอย่างละครึ่ง ที่เหลือกลัวความตาย รอดได้ด้วยพุทธานุภาพหรือบุคคลที่เคยประกอบบุญกุศลเนื่องด้วยพุทธศาสนาส่วนใหญ่จะเป็นบริวารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ที่หลงเหลืออยู่ จะได้แนวทาง แห่งมโนมยิทธิ สายวัดท่าซุงเป็นแนวทางหลักในการปฏิบัติ ลูกหลานของหลวงพ่อที่ได้มโนฯ จะช่วยกันเผยแพร่งานพระศาสนาอย่างยิ่งยวดไม่มีวันหยุดไม่เหน็ดไม่เหนื่อย พระพุทธศาสนา จึงจะรุ่งเรือง ถึงขีดสุด ส่วนสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ นั้นก็ได้ช่วยกันบ้างพอสมควร แต่เนื่องด้วยว่าหลักคำสอนแต่ละสำนักนั้นได้ให้ข้อธรรมที่วกวนขาดประเด็นสำคัญในการปฏิบัติ สิ่งใดอธิบายได้ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็อธิบายให้วกวนยากเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ทันการ ต่อการตัดสินใจ เฉพาะหน้า จึงเป็นเหตุให้ ท่านเหล่านั้นปรับสภาพไม่ค่อยทันแก่เหตุการณ์นั่นเอง ส่วนลัทธิต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ อ้างถึงพระศรีอาริยเมตไตรยเมื่อถึงที่สุดแล้วก็จะถึงทางตันที่ไม่สามารถแก้ไขให้พ้นทุกข์ไปได้ ทุกคนก็จะหันมาฝึกมโนมยิทธิสายวัดท่าซุงจนหมดสิ้น เพราะเห็น เข้าใจ ในเหตุ และผล ตลอดสายตั้งแต่ต้น กลาง ปลาย ส่วนการวางแนวทาง ในการปฏิบัตินั้นต้องอาศัยศิษย์วัดท่าซุงในประเทศไทยเป็นหลักในการเผยแพร่ส่วนความเพ้อฝันของบางคนที่ว่าจะเป็นคนมีเชื้อสายชาวต่างประเทศที่เป็นคนยุโรปนั้นอย่าได้หวังว่าจะมีปัญญาได้ถึงขนาดนั้น เพราะขาดการฝึกปรือ




</TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 11/5/2548 0:51:37 </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- / message -->