ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิเคราะห์เรื่องกายมนุษย์ในยุคพลังงานใหม่...

    [​IMG]

    คนเรามนุษย์ธรรมดามีกายเนื้อเรียกว่ากายนอก อยู่ชั้นนอกสุด ถัดเข้าไปเป็นกายหยาบ ลึกเข้าไปอีกเป็นกายทิพย์ ลึกเข้าไปอีกก็เป็นจิตวิญญาณ จากจิตวิญญาณก็เข้าไปสู่ ธรรมกาย ซึ่งเป็นกายแห่งพุทธะ เป็นกายที่บริสุทธิ์ สรุป กายมีถึง 5 ชั้น คือ

    1.กายเนื้อ-พวกคน สัตว์ทั่วไป เป็นขั้นตอนของกายานุปัสสนาในสติปัฏฐาน4
    2.กายหยาบ-พวกเจ้าที่เจ้าทาง เป็นเวทนานุปัสสนา
    3.กายทิพย์-พวกเทพ พรหม เป็นเวทนานุปัสสนาเหมือนพวกกายหยาบ
    4.จิตวิญญาณ-พวกอรูปพรหม เป็นขั้นจิตตานุปัสสนา
    5.ธรรมกาย-กายของพระอรหันต์ ไม่มีกิเลสเกาะติดอยู่แล้ว เป็นขั้นธัมมานุปัสสนากรรมฐาน.....

    คนมีกายเนื้อ-กายหยาบอยู่ชั้นนอก มีกายทิพย์อยู่ชั้นใน มีจิต(วิญญาณ)และมีธรรมกายเหมือนกัน ธรรมกายของพระอรหันต์เหมือนกันหมด คือเข้าไปถึงกายในสุดๆแล้ว ส่วนพระอริยะยังเข้าไม่ถึงมีถึง 8 ชั้น ท่านละเป็นขั้นๆไปครับ... เหมือนน้ำมะพร้าว มี 4 ชั้น คือ

    1.เปลือกมะพร้าว คือ กายเนื้อของคน
    2.กะลามะพร้าว คือ กายหยาบของคน
    3.เนื้อมะพร้าว คือ กายทิพย์ของคน
    4.น้ำมะพร้าว คือ จิตวิญญาณของคน(ยังมีรสอยู่)
    แต่ลูกมะพร้าวไม่มีธรรมกายเหมือนอย่างคน เพราะธรรมกาย คือความว่างในจิต เป็นธาตุรู้ที่ว่างเปล่า.....

    โดยคุณ ธรรมญาณ

    ที่มา http://www.buddha-dhamma.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=buddha-dhammacom&thispage=40&No=28254

    วิเคราะห์เรื่องกายมนุษย์ในโลกยุคพลังงานใหม่

    จากข้อมูลข้างต้นนี้ ผมขอวิเคราะห์ว่าเมื่อโลกของเราเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ในมิติที่ 5 แล้ว ธาตุทั้ง 4 (ดิน น้ำ ลม ไฟ) ในโลกมนุษย์รวมถึงร่ายกายของคน สัตว์ และพืช จะปรับเปลียนโครงสร้างใหม่หมด คือมีความละเอียดในระดับโมเลกุลมากกว่าโลกในยุคพลังงานเก่า ซึ่งอยู่ในมิติที่ 3 อย่างมาก

    จึงทำให้กายเนื้อมนุษย์ปรับความละเอียด เข้าไปเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับกายหยาบของเจ้าที่เจ้าทาง(ภุมเทวา รุกขเทวา ยักษ์ นาค ครุฑ คนธรรพ์) ทำให้สามารถมองเห็นและพูดคุยกับพวกเขาเหล่านั้นได้ครับ

    ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ก็กล่าวถึงวันชำระโลก ว่าจะมีคนที่ฟื้นจากความตาย ลุกขึ้นมาจากกองซากปรักหักพังที่เกิดจากภัยพิบัติ ผมคิดว่านั่นก็คือคนที่สามารถปรับร่างกายให้เข้าสู่มิติที่ 5 ได้ จึงสามารถกลับฟื้นลุกขึ้นมาจากกองเถ้าถ่านที่ถูกทำลายจากการชำระโลกในเวลาอันใกล้นี้นั่นเอง -เกษม-
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • aura-chakra.jpg
      aura-chakra.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.9 KB
      เปิดดู:
      362
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2012
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิเคราะห์เรื่องโลกจะหยุดหมุน 3 วัน...

    [​IMG]

    วิเคราะห์เรื่องโลกจะหยุดหมุน 3 วัน

    จากข้อมูลของคุณลุงคนเชียงใหม่ และมนุษย์ต่างดาว ได้กล่าวเตือนเอาไว้ว่าโลกจะหยุดหมุน 1 กึ๊ก หรือ 1 วินาที แล้วจึงจะกลับหมุนได้ตามเดิม ในเรื่องนี้โดยส่วนตัวผมคิดว่า เนื่องจากมวลขนาดใหญ่ของโลกใบนี้ เมื่อมีเหตุให้ต้องหยุดหมุนอย่างกระทันหัน 1 วินาที ย่อมทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ เกิดขึ้นตามที่ได้กล่าวมาแล้ว

    แต่เมื่อโลกหยุดหมุน 1 วินาทีแล้ว คงต้องอาศัยเวลา 3-5 วัน จึงจะกลับมาหมุนในระดับความเร็วตามปกติได้ และย่อมจะมีผลต่อแรงโน้มถ่วงของโลกด้วย (คนจะเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน ก็คงช่วงเวลานี้แหละ) เปรียบเหมือนขบวนรถไฟเมื่อหยุดจอดที่สถานีต่างๆแล้ว เวลาจะเคลื่อนขบวนวิ่งต่อไป ต้องต้องอาศัยเวลาสปีดความเร็ว 1-2 นาที จึงจะสามารถวิ่งในความเร็วตามปกติได้ครับ -เกษม-

    โลกจะหยุดหมุน 1 วินาที
    (สาส์นจากมนุษย์ต่างดาวถึงมนุษยชาติ)

    เราได้กล่าวไปแล้วว่าโลกจะหยุดหมุนหนึ่งวินาที และโลกก็จะหยุดหมุนหนึ่งวินาที จากนั้นมันก็จะหมุนต่อไป จากนั้นโลกก็จะคว่ำหัวลงแบบง่ายๆ ซึ่งนั่นก็จะทำให้ด้านต่างๆของโลก เปลี่ยนสลับกันไปโดยสิ้นเชิง และเราก็ได้กล่าวไปแล้วด้วยว่า ในขณะที่เหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้น ชาวโลกจำนวนมากมาย จะถูกอพยพขึ้นไปอยู่บนยานอวกาศขนาดใหญ่จำนวนมากมาย ซึ่งท่านก็รู้ถึงขนาดความมหึมาของยานเหล่านี้แล้ว

    แต่เราอยากจะเตือนความจำพวกท่านด้วยว่า เมื่อมนุษย์โลกกลับลงมายังโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง มันจะเหลือแต่ความว่างเปล่า และความแห้งแล้ง ปราศจากพืชพันธุ์ ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถทำอะไรได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ ตอนนี้เราอยากจะให้พวกท่านคิดและจินตนาการถึงเสบียงอาหารจำนวนมหาศาลที่ถูกจัดเก็บไว้รอพวกท่านอยู่แล้ว เสบียงอาหารเหล่านี้มีปริมาณเพียงพอสำหรับชาวโลกที่จะกลับลงมาบนโลก ที่จะกินได้ไปเป็นปี

    ตอนนี้ท่านคงรู้แล้วว่าทำไมเราถึงเรียกสิ่งนี้ว่า “สาส์นแห่งควาสุข”(Message of Joy) ที่มันเป็นสาส์นแห่งความสุข ก็เพราะว่ามันมีความช่วยเหลือขนาดมหึมาที่จะมาถึง ความช่วยเหลือนี้จะมาถึงได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์โลกรู้จักที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสันติและปรองดองกัน และใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับกฎของพระผู้เป็นเจ้า โดยการเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็จะไม่มีสัตว์หรือมนุษย์คนใดที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะบาดแผลอีกต่อไป

    เพื่อเป็นการยกระดับจิตวิญญาณของมนุษย์โลกขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น จำเป็นจะต้องมีโรงเรียนสอนด้านจิตวิญญาณให้ เพื่อให้มีการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณอย่างเต็มที่ จิตสำนึกของมนุษยชาติต้องก้าวกระโดดไปสู่ความเข้าใจแบบใหม่อย่างอย่างสิ้นเชิง มันต้องเป็นไปในรูปแบบของการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณอย่างกะทันหัน ซึ่งการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณนี้ จะนำไปสู่การก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของวิทยาศาสตร์โลก ซึ่งหมายถึงมนุษย์โลกจะบรรลุเป้าหมายทางความรู้ครั้งยิ่งใหญ่

    เราสามารถกล่าวได้เลยว่า ความก้าวหน้าที่ว่านี้ อย่างน้อยๆ ก็ก้าวไกลเกินกว่าจินตนาการที่ไกลที่สุดของมนุษย์โลกในปัจจุบัน ที่จะสามารถจินตนาการไปถึงได้เลยทีเดียว เราได้ให้สัญญาเอาไว้แล้วว่า ในการกลับมาครั้งที่สองของเรานี้ มนุษย์จะไม่รู้จักการตาย และหลายๆคนอาจจะพูดว่า มันเป็นไปไม่ได้ ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ชั่วกาลนาน เราขอให้พวกท่านคิดตามเราอีกครั้งหนึ่ง แล้วท่านก็จะเข้าใจว่ามันเป็นไปได้

    ร่างกายของมนุษย์โลกสามารถซ่อมแซมตัวมันเองได้ เซลล์ใหม่ๆจะถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเก่าๆที่ตายไปแล้วตลอดเวลา เซลเม็ดเลือดใหม่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเม็ดเลือดเก่าด้วยตัวมันเอง ประดุจว่าเป็นร่างกายใหม่ (เพราะว่าเซลเก่าทั้งหมดตายไปแล้ว จึงเหลือแต่เซลใหม่ จึงเหมือนเป็นร่างกายใหม่แล้ว – Chayutt )

    แต่ว่า การแก่ เกิดขึ้นได้เพราะมนุษย์ไม่ได้เข้าใจถึงวิถีแห่งชีวิตและกฎแห่งชีวิต ด้วยเหตุนี้ เมื่อเซลร่างกายถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนที่เซลเก่าแล้ว ได้รับผลกระทบจากการแสดงออก และการกระทำที่ผิดต่อผู้อื่นของมนุษย์เอง และการกระทำผิดต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย มันจึงทำให้เกิดความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น เพราะว่ามนุษย์โลกทำผิดกฎข้อที่ร้ายแรงที่สุดข้อนี้ไป

    หากมนุษย์หยุดรับประทานเนื้อสัตว์เมื่อใด เซลร่างกายของมนุษย์จะซ่อมแซมตัวเองในวิถีทางใหม่ ที่แตกต่างไปจากที่ในขณะรับประทานเนื้อสัตว์ เมื่อนั้นมนุษย์ก็จะได้รับความรู้ใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสินเชิง เกี่ยวกับโครงสร้างและส่วนประกอบภายในเซลร่างกายของมนุษย์เอง และมนุษย์จะรู้อย่างชัดเจนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างถูกซ่อมแซมทางเคมีขึ้นมาใหม่อย่างไร

    ดังนั้น มนุษย์ผู้นั้นก็จะสามารถสร้างเซลร่างกายใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ง่ายๆ ด้วยวิธีดังกล่าวนี้ บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์การแพทย์บริสุทธิ์ ซึ่งมนุษย์ผู้นั้นจะยังความอ่อนเยาว์และสดชื่นตลอดเวลา...(ในโลกยุคมิติที่ 5 จะไม่มีคนแก่ชราอีกต่อไป -เกษม-)

    ที่มา http://palungjit.org/threads/การเตร...-และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/page-9
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 42610084.jpg
      42610084.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.7 KB
      เปิดดู:
      1,260
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2012
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    KNOWING
    ภาพยนต์ที่สื่อถึงเรื่องจริง ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาตค?

    [​IMG]

    ดาวฤกษ์ คือดาวที่สามารถระเบิดได้ทุกเวลา ดังนั้นพระอาทิตย์ของเราจึงเกิดการประทุอยู่เรื่อยๆ เหล่านักดาราศาสตร์เรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่า "การระเบิดลุกจ้า" แล้วไอ้การ "ระเบิดลุกจ้า" เนี่ย! ทำไมเหรอ ? ​

    พูดง่ายๆ ก็คือ แค่การระเบิดลุกจ้าเล็กๆ บนดวงอาทิตย์ จะสร้างมวลอนุภาคก๊าซให้ลอยเท้งเต้งอยู่เหนือดวงอาทิตย์ เมื่อรวมตัวกันมากๆ จนพัดผ่านโลก ก็จะเกิดพายุสุริยะนั่นเอง และมวลอานุภาคนี้แหละ ที่กระทบคลื่นแม่เหล็กของโลก การติดต่อสื่อสารจะขัดข้อง แล้วตามมาด้วยภับพิบัติมากมาย

    และจากกิจกรรมบนดวงอาทิตย์นี่เอง ที่รบกวนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แล้วเบียดเสียดกับก๊าซบนผืนโลก เกิดเปล่งแสง กลายเป็นแสงเหนือแสงใต้ บริเวณขั้วโลกให้เราเห็น เป็นแสงสีสวยงาม แต่เมื่อ....แสงเหนือแสงใต้ จะมาเกิดขึ้นบริเวณอื่นของโลกล่ะ ?

    ภาพยนตร์เรื่อง Knowing จะพาคุณไปพบกับหลากหลายเรื่องราวของดวงอาทิตย์ ผ่าน จอห์น ที่แสดงนำโดย นิโคลัจ เคจ ที่ดูเผินๆ ยากที่จะเชื่อสักหน่อยว่าเขาจะเป็นอาจารย์ได้ ก็เอาเถอะเค้าเพิ่งเสียภรรยาในเหตุการณ์ไฟไหม้ไปเอง ให้เขาทำใจหน่อยถึงเถอะน่า ในส่วนตัวเลขและการหาคำตอบ เป็นเพียงน้ำจิ้มเล็กๆ เท่านั้นเอง หากเทียบกับ เรื่องราวในตอนท้ายเมื่ออะไรๆ ต่างๆ ถาโถมเข้าสู่ตัวละครหลักของหนังกันอย่างสนุกสนาน จนถึงขั้นน่าสงสาร แต่ความใจร้ายเท่านี้ยังเทียบไม่ได้เลย กับการปล่อยให้ตัวละครตายกันเกลื่อนกลาดน่าหวาดกลัว สมจริงซะจนขยาดการขึ้นเครื่องบิน และ รถไฟฟ้าใต้ดินกันเลยทีเดียว

    ส่วนเนื้อเรื่องที่ลึกล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ ปนอัศจรรย์พันลึก แม้เรื่องพระอาทิตย์อาจจะเกิดขึ้นได้จริงๆ แต่เรื่องที่มีมนุษย์ปริศนามารอเอาคนไปนอกโลกกว่า 50 ปีนี่สิ ฮึ่ม! จากที่จะเข้ามาลุ้นการแก้ปริศนาตัวเลข กลับกลายเป็นว่าเข้ามาดูโศกนาฏกรรมของมวลมนุษย์ชาติเสียนี่ ที่สำคัญต้องชื่นชมความสวยงามของ สเปเชี่ยล เอ็ฟเฟ็กซ์ที่ต้องยกนิ้วให้ด้วยความเยี่ยมยอดจริงๆ แล้วนี่ตกลง พระอาทิตย์เป็นผู้สร้างหรือผู้ทำลายล้างกันแน่นะ?

    ที่มา http://www.raknang.com/2008-12-18-18-14-55/201.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2012
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ไม่เกิดทันทีในวันที่ 21 ธันวา แต่จะเริ่มรุนแรงจากวันนั้นเป็นต้นไป !!!

    [​IMG]
    3 ส.ค. 55

    รู้เขา รู้เรา เมื่อคืนได้เรียนหน่วยเหนือ(จุดธูป)เรื่อง วันที่ 21 ธันวา ว่าจะต้องนำคนขึ้นไปก่อนหรือไม่? ขอให้ช่วยแจ้งมาในภาพนิมิต

    ภาพแรก จะมีคนสองกลุ่มใหญ่ยืนขวางทางกันอยู่ ไม่ยอมให้คนอีกกลุ่ม(คนในครอบครัว)เดินผ่านไป ภาพนี้จะสื่อถึงยังไม่ต้องไป

    ภาพที่สอง จะเห็นอีกครอบครัว(ในนิมิตบอกว่าถ้ากลัวก็ให้ขึ้นไปก่อน)

    4 ส.ค. 55

    ตามภาพสัญญาณเหตุการณ์ คงไม่เกิดทันทีในวันที่ 21 ธันวา แต่จะเริ่มรุนแรงจากวันนั้นเป็นต้นไป

    ดังนั้นควรเตรียมความพร้อมไว้ในที่ตั้ง ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยสี่หรือสิ่งจำเป็นอื่นๆ หรือจะย้ายคนบางส่วนที่ไม่มีความจำเป็นเช่น ไม่ได้ทำงาน เด็กเล็ก คนชรา ไปไว้พื้นที่ๆเตรียมไว้ก่อน

    มหาประชาบดี ๙๗

    ที่มา http://palungjit.org
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • img046.jpg
      img046.jpg
      ขนาดไฟล์:
      124.1 KB
      เปิดดู:
      1,115
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2012
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    นิมิตเห็นภาพ"พายุหมุน"พัดเข้าถล่มกรุงเทพฯ
    (คาดว่าน่าจะเกิดในช่วงประมาณวันที่ 21 ธ.ค.55 - 14 ก.พ.56)

    [​IMG]

    มีเพื่อนผู้หญิงของผมคนหนึ่ง นิมิตเห็นภาพพายุที่เต็มไปด้วยโคลน หมุนเข้ามาทำลายบ้านเรือนในกรุงเทพฯ มาจากทางอ่าวไทย ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยทราบเรื่องภัยพิบัติมาก่อนเลย! มันก็น่าคิดนะท่านผู้ชม

    โดย : ป [ 2005-10-02 01:05:23 ]

    ที่มา ภาพในนิมิตกรุงเทพน้ำท่วมถึงยอดเสาไฟฟ้า!! โดย : ยังไม่อยากตาย ...

    สัมภาษณ์ ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กับ พายุไซโคลนนาร์กีส

    [​IMG]

    ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช. มีโอกาสได้สัมภาษณ์ ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัย และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการของศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทยเกี่ยว กับพายุไซโคลนนาร์กีส และโอกาสที่ประเทศไทยจะประสบกับพายุไต้ฝุ่นมีมากน้อยแค่ไหน

    สาเหตุของการเกิดพายุไซโคลนนาร์กีสเป็นอย่างไร?

    ถ้าพูดถึงสาเหตุการเกิดพายุลูกนี้คงไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะช่วงเดือนมีนาถึงพฤษภา เป็นปกติอยู่แล้วที่จะมีพายุไซโคลนเกิดขึ้นในอ่าวเบงกอล แต่ที่ผิดปกติคือเรื่องทิศทางการเกิด คือปกติพายุจะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกหรือขึ้นเหนือ แต่นี่เป็นการเบี่ยงมาทางทิศตะวันออกโดยตรง ซึ่งจากสถิติย้อนหลังไป 50-60 ปี ไม่เคยมีปรากฏขึ้นเลย สิ่งที่เราสนใจก็คือ อาจเป็นไปได้ว่าอุณหภูมิของพื้นดินในช่วงนั้นสูงกว่าปกติ ชักนำให้ลมพายุจากทะเลวิ่งเข้าหาฝั่ง

    พายุไซโคลนนาร์กีส มีส่วนเกี่ยวพันกับภาวะโลกร้อนหรือไม่?

    เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีปัจจัยอื่นอีกมากที่เรายังไม่เข้าใจ ส่วนปัญหาที่ทำให้เกิดความรุนแรง เป็นเพราะเราไม่ได้ตระหนักหรือคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากในอดีตไม่เคยมี ทำให้เราไม่ได้เตรียมการรับมือที่ดี

    โอกาสจะเกิดพายุไซโคลนเช่นนี้กับประเทศไทยมีมากน้อยแค่ไหน?

    หากเป็นพายุที่เกิดในอ่าวเบงกอล แล้วพัดเข้าไทยในพื้นที่หกจังหวัดแถบฝั่งอันดามัน ถ้าเป็นเช่นนั้น พายุจะต้องเข้ามาในระดับละติจูดที่ต่ำลงมา (เมื่อเทียบกับพม่า) ซึ่งแรงที่ทำให้ลมเกิดการหมุนในละติจูดที่ต่ำนี้จะมีค่าน้อย ส่งผลให้ลมพายุที่จะพัดเข้าฝั่งตะวันตกของไทยจึงมีโอกาสน้อย และน้อยกว่าพม่ามาก แต่ถ้าเป็นพายุที่เกิดทางฝั่งทะเลจีนใต้ หรือด้านทะเลอ่าวไทย โดยเฉพาะในปีนี้จะประมาทไม่ได้ เนื่องจากสถิติที่ผ่านมา ช่วงเวลาสามถึงสี่ปี จะมีพายุเข้ามาลูกหนึ่ง แล้วนี่ก็ผ่านมาแล้วสามถึงสี่ปี แต่จะบอกว่าเป็นรอบของการเกิดแน่นอนก็ยังบอกไม่ได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจะต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจน และยิ่งถ้าปีนี้มีการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญมาประกอบ โอกาสเสี่ยงที่จะเจอพายุก็มีสูง โดยเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ต้องจับตาดูพายุในทะเลเป็นพิเศษ อีก 2-3 เดือนข้างหน้า คงจะบอกแนวโน้มได้ชัดเจนมากขึ้น โดยดูว่าเอลนีโญจะก่อตัวหรือไม่ ถ้าก่อตัวขึ้นมา ความเสี่ยงที่จะเกิดพายุก็มีสูงขึ้นตามไปด้วย

    เมื่อรู้ว่าจะเกิดพายุ เราจะจัดการกับมันได้หรือไม่?

    คงไม่ได้ เพราะอย่างการจะไปสลายพายุ มันเป็นศาสตร์ที่เทคโนโลยีเรายังไปไม่ถึง คงทำได้แค่เตือนภัยและอพยพเป็นหลัก คือพยายามลดความสูญเสียโดยตรงที่จะเกิดกับชีวิตคนให้ได้มากที่สุด ส่วนทรัพย์สินที่ขนย้ายไม่ได้ ก็คงต้องหาทางป้องกันเท่าที่จะทำได้

    ความถี่ของการเกิดพายุและความรุนแรงมีแนวโน้มเป็นอย่างไร?

    มีสถิติค่อนข้างชัดเจนว่าจะเกิดถี่มากขึ้น เมื่อก่อนโดยเฉลี่ยประมาณแปดปีจึงจะเกิดครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้เป็นประมาณสามปีต่อครั้ง และเป็นพายุขนาดใหญ่ที่เรียกว่าไต้ฝุ่น คือ มีระดับความเร็วลม 63 นอต (ประมาณ 117 กม./ชม.) ขึ้นไป โดยพบว่ามีมากขึ้น ขณะที่พายุขนาดเล็กระดับดีเปรสชันลดลง และลดลงมากด้วย ทำให้จำนวนพายุโดยรวมมีจำนวนลดลง แต่สัดส่วนของพายุขนาดใหญ่มีมากขึ้น นี่แหละเป็นสาเหตุที่น่ากังวล

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2012
  6. ปิยาจาโร

    ปิยาจาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +254
    ขอเพิ่มเติมน๊ะค๊ะ ดิฉันเป็นสมาชิกชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลกโดยมี อ.ปริญญา ตันสกุล ท่านคอยให้ความรู้ ท่านเคยกล่าวไว้ว่า พวกเราและสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นสัตว์ หรือเหล่าเทพเทวีเทวา อมนุษย์ เปรตอสูณกาย ที่อยู่ในสามภพในโลกใบนี้ ที่เวียนว่ายตายเกิดมาไม่รู้กี่ภพชาติ (จิตวิญญานของพวกเราเหล่านี้แหละคือพวกที่อยู่ในยุคพลังงานเก่า) อันที่จริงจิตวิญญานพวกเรานี้ทุกหกหมื่นปี จะต้องกลับบ้าน(นิพพาน)กันหมดแล้ว
    แต่นี่มันล่วงเลยมาหกหมื่นแปดร้อยปีกว่าแล้ว พวกเราก็ยังหาทางกลับบ้านกันไม่ได้(เพราะพวกเราหลงผิดยังยึดติดในกิเลสตัณหาหลงมายาว่าตัวกูของกู) ก็เลยเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่เช่นนี้

    ทำให้ยุคพลังงานใหม่ที่อยู่ฟ้าสีคราม(รู้สึกจิตวิญญาณพวกเขารออยู่ที่ดาวพุธ)มาเกิดบนโลกใบนี้ไม่ได้ เพราะเขาต้องรอให้พวกเราชาวโลกนี้นิพพานไปก่อน จิตวิญญาณเราไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว มวลหรือน้ำหนักบนโลกลดลงเขาจึงจะเข้ามาแทนที่ได้ แต่...จะหาผู้นิพพานได้สักกี่คน (one-eye)

    โลกหมุนรอบตัวเองได้อย่างไร อ.ปริญญาให้ครามรู้ทาง(โลกุตรธรรม ธรรมชาติชั้นสูงที่พิสูจณ์ด้วยตาไม่ได้)ไว้ว่า ที่โลกหมุนรอบตัวเองได้ และหมุนต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ เพราะต้องอาศัยสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ทุกชีวิตช่วย ช่วยอย่างไร?ก็ด้วยการให้ประจุไฟฟ้าบวกแก่โลก ในร่างกายเราจะมีประจุไฟฟ้าบวกและลบ การที่เราจะสร้างประจุไฟฟ้าบวกได้ก็ด้วยวิธีนี้คือ ต้องคิดดี พูดดี ทำดี มีความรัก ความเมตตา เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ ฯลฯ.คือสร้างความปิติให้เกิดขึ้น(การวางอุเบกขาได้ยิ่งดี จะได้นิพพานกัน)yimm

    เมื่อเราทำเช่นนี้ได้เราก็จะสร้างประจุไฟฟ้าบวกออกมา พลังไฟฟ้าบวกนี้จะถูกเหวี่ยงออกมา ขอแค่1เปอร์เซนต์ของแต่ละชีวิต เพื่อที่จะแทรกเข้าสู่ใจกลางแกนโลก (ใจกลางแกนโลกจะเป็นกาซออกซิเจนเหลวเหนียวหนืดคล้ายตังเมมีสีเขียวใสมรกต มีประจุทางไฟฟ้าเป็นลบ) เมื่อสิ่งมีชีวิตสร้างประจุไฟฟ้าบวกส่งลงใจกลางแกนโลกที่มีประจุไฟฟ้าเป็นลบ มันก็จะทำปฎิกิริยาเกิดพลังงาน นิวเคลียร์เฟรชชั่น แกนโลกจะบิดตัวและหมุน และสิ่งที่ได้จากการนี้ก็คือ การแตกตัวของพลังงาน จะได้กาซออกซิเจนออกมา มันก็จะแทรกซึมขึ้นมาจากใต้ผิวดิน(สัตว์จำพวกที่อยู่ใต้ดินที่อยู่ได้ก็เพราะเหตูฉะนี้แหละ) ที่ว่าบิดตัวได้เพราะ ฝั่งซีกโลกที่เป็นกลางวันจะสร้างพลังประจุไฟฟ้าบวกให้แก่โลก ส่วนซีกที่เป็นกลางคืนที่หลับไม่สามารสร้างประจุไฟฟ้าได้ พอซีกที่เป็นกลางวันมืด ซีกที่อยู่ตรงข้ามก็จะทำงานแทน มันก็จะเป็นวัฎจักรของมันอย่างนี้ไปเรื่อยๆชั่วกัปชั่วกัลย์ โลกจึงเหวี่ยงหมุนได้อย่างที่เป็นอยู่ :'(

    แต่ทุกวันนี้คนเราสร้างแต่ประจุไฟฟ้าลบมากกว่าบวก มันก็แทรกลงไปในแกนโลกทั้งสองประจุนั่นแหละ แต่ประจุไฟฟ้าบวกได้ไม่มากเท่าที่ควร การบิดตัวการเหวี่ยงหมุนของโลกจึงช้าลง สังเกตุได้จากบางวันก็มืดช้าบางวันก็มืดเร็ว อากาศแปรปรวน นกหลงฟ้า ปลาหลงน้ำ เกิดภัยพิบัติต่างๆมากมายโดยเฉพาะแผ่นดินไหวบ่อยมาก เหตุเพราะโลกหมุนช้าลง สนามแม่เหล็กโลกก็น้อยลง สนามแม่เหล็กนี่สำคัญต่อโลกมาก เพราะมันเหมือนเกราะป้องกันไม่ให้พวกอุกกาบาต ตกลงมายังโลกได้ สนามแม่เหล็กโลกถูกทำลาย จำนวนเก๊าส์เหลือน้อยพวกเราชาวโลกจึงป่วยและอายุสั้นลง เพราะเกาะกำบังอ่อนแอ เชื้อโรคร้ายต่างๆจึงรุมเร้าเข้ามาทำลายเซลเราได้อย่างง่ายดาย(เหมือนเราเปิดพัดลมเบากับแรง เปิดแรงมันก็พัดให้สิ่งที่จะมากระทบปลิวออกไป)(eek)

    นี่คือความรู้ใหม่ที่อาจารย์นำมาให้เรารับรู้ และเราควรจะตัองรู้ เพื่อมาช่วยกันหมุนโลก(ด้วยความรัก ความเมตตา) จึงมีคำกล่าวที่ว่า เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
    ถ้าเราไม่อยากสูญพันธ์เหมือนไดโนเสาร์ ก็จงหยุดพฤติกรรมที่สร้างแต่ประจุไฟฟ้าลบ แล้วหันมารักกัน เมตตากัน ไม่แบ่งแยกสี เรามีสีเดียวกันคือ สีมะคา(สามัคคี) สร้างประจุไฟฟ้าบวก เพื่อส่งลงสู่ใจกลางโลก โลกจะได้หมุนดำเนินไปได้ตามปกติ หมุนเป็นวัฏจักรได้เรื่อยๆอย่างยั่งยืน(นี่แหละธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ ธรรมจักรกัปปวัฒนสูตร)(f)

    ป.ล ที่อาจารย์นำความรู้ใหม่มาให้รับรู้ (โลกุตรธรรม)เพราะเวลามีไม่พอแล้ว โลกบอบช้ำมากแล้ว สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ก็คือ รักให้ได้ ให้ให้เป็น ไม่ก้าวล่วงกันและกัน ใช้สติและมีจิตสำนึกในการดำเนินชีวิต ถ้าใครอ่านแล้วไม่เชื่อหรือไม่เห็นด้วย ก็โปรดอย่าเหวี่ยงประจุไฟฟ้าลบออกมา คิดซะว่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม(kiss)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2012
  7. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    5 ส.ค. 55 นิพพาน

    ขอเพิ่มเติมน๊ะค๊ะ ดิฉันเป็นสมาชิกชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลกโดยมี อ.ปริญญา ตันสกุล ท่านคอยให้ความรู้ ท่านเคยกล่าวไว้ว่า พวกเราและสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นสัตว์ หรือเหล่าเทพเทวีเทวา อมนุษย์ เปรตอสูณกาย ที่อยู่ในสามภพในโลกใบนี้ ที่เวียนว่ายตายเกิดมาไม่รู้กี่ภพชาติ (จิตวิญญานของพวกเราเหล่านี้แหละคือพวกที่อยู่ในยุคพลังงานเก่า) อันที่จริงจิตวิญญานพวกเรานี้ทุกหกหมื่นปี จะต้องกลับบ้าน(นิพพาน)กันหมดแล้ว
    แต่นี่มันล่วงเลยมาหกหมื่นแปดร้อยปีกว่าแล้ว พวกเราก็ยังหาทางกลับบ้านกันไม่ได้(เพราะพวกเราหลงผิดยังยึดติดในกิเลสตัณหาหลงมายาว่าตัวกูของกู) ก็เลยเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่เช่นนี้


    ทำให้ยุคพลังงานใหม่ที่อยู่ฟ้าสีคราม(รู้สึกจิตวิญญาณพวกเขารออยู่ที่ดาวพุธ)มาเกิดบนโลกใบนี้ไม่ได้ เพราะเขาต้องรอให้พวกเราชาวโลกนี้นิพพานไปก่อน จิตวิญญาณเราไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว มวลหรือน้ำหนักบนโลกลดลงเขาจึงจะเข้ามาแทนที่ได้ แต่...จะหาผู้นิพพานได้สักกี่คน [​IMG]

    ได้อ่านบทความของคุณ ปิยาจาโร ที่ลงไว้แสดงให้รู้ได้ว่าโลกใบนี้เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาลที่มนุษย์ในจักรวาลใช้เป็นที่ฝึกฝนเพื่อเข้าสู่นิพพาน

    จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มนุษย์ต่างดาวต้องลงมาช่วยกู้ภัยโลกเพื่อที่พวกตัวเองจะได้ใช้ต่อ

    มหาประชาบดี ๙๗<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. ปิยาจาโร

    ปิยาจาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +254

    ถูกต้องที่สุดค่ะ โลกเราเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ถ้าโลกเราเสียสมดุลย์หรือเป็นอะไรไปเมื่อไร จะส่งผลกระทบทั้งระบบจักรวาล สิ่งมีชีวิตจากดาวเคราะห์ดวงอื่นเขาต้องเดือดร้อน มนุษย์ต่างดาวมีจริงค่ะ แต่จะมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างจากเราอย่างที่เห็น เพราะเขาก็ต้องปรับสมดุลย์ของเขาให้เหมาะกับดาวที่ที่เขาอาศัยอยู่hello8
    ระบบจักรวาลนี้ เปรียบง่ายๆก็เหมือนกับการที่เราคนน้ำในอ่างให้หมุน โลกอยู่ตรงกลาง จะมีแรงดึงดูดให้ทั้งระบบหมุนตาม ถ้าลองเอามือไปขวางน้ำที่กำลังหมุนวนดู คุณคุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น....น้ำกระฉอก ถ้าโลกเราหยุดหมุน1วินาที่....รับรองทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี่กระเด็นกระดอน มนุษย์ก็จะถูกเหวี่ยงออกไปเหมือนไดโนเสาร์ อาจารย์ท่านกล่าวไว้ถ้าจำไม่ผิด ไดโนเสาร์ถูกเหวียงจิตวิญญานไปอยู่บนดาวพฤหัสโน่น ... ผู้คนที่ยังดื้อรั้นไม่ยอมฟังหาว่าพวกพลังจิตพูดจาเพ้อเจ้อ หรือว่าเห็นพูดมาตั่งนานแล้วไม่เกิดซักที่ หรือว่าเกิดสักทีจะได้ตายๆกันให้หมด ยังไงๆก็ต้องตายอยู่แล้ว :'(

    แล้วเขาเหล่านั้นจะได้เห็น จะได้ไปอยู่เป็นเพื่อนไดโนเสาร์ หรือจะเปลี่ยนไปเป็นเต่าล้านปีแทน วิญญาณพวกเขาเหล่านั้นจะได้กลับมาเกิดแทนที่เพื่อจะได้มีโอกาสหาทางกลับบ้านถูกซะที ส่วนท่านๆที่เป็นคนดีมีศีลมีธรรม ไม่ต้องกลัวท่านจะมีความดีคอยเป็นเกราะแก้วคุ้มกันท่านอยู่ (คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้)(kiss)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2012
  9. noway

    noway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +3,969
    เชื่อพระพุทธเจ้าเถอะ
    นับวันยิ่งมีความเชื่อแปลกๆมาโพส
    หารู้ไม่ถ้าเป็นมิจฉาทิษฐิ แล้วยังเผยแพร่ออกไป จะเป็นบาปหนัก
    ทั้งๆต้นตอเจ้าทฤษฏี ยังเป็นคนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกงอยู่เลย

    มนุษย์มิติที่4 ที่ 5 กายจะละเอียดเห็นผีเห็นวิญญาณไม่มีหรอก
    ถ้ามีมันมีมาตั้งนานแล้ว

    สมัยพระพุทธเจ้าในอดีต บางกัปป์ คนอายุหมื่นปี ก็คนธรรมดามีกายเนื้อนี่แหล่ะ
    บางยุคบางสมัยก็อายุลดลง แล้วก็กลับไปอายุยืนยาวอีก
    มันเป็นเช่นนี้มานับอสงขัยไม่ถ้วนแล้ว

    อย่าไปหลงว่า อีกสักหน่อย จะพากันกลายร่างเป็นมนุษย์วิเศษ
    มันไม่มีดอก นับจากนี้ไป มนุษย์จะแย่ลงเสียมากกว่า
    จนสิ้นพระศาสนาพระสมณโคดม เมื่อครบ 5000 ปี ก็จะไร้ศาสนา
    คนจะพากันทำชั่วมากขึ้น อายุขัยก็ลดลงไปเรื่อยๆ

    จนถึงวันที่มนุษย์พบภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวง
    คนที่รอดก็จะรู้สำนึกพากันทำดี ละชั่ว
    โลกก็จะกลับมาเจริญทางศีลทางธรรม อายุขัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย
    จนมนุษย์มีอายุ นับหมื่นปี พระศรีอาริย์จึงมาอุบัติบนโลก

    ไอ้ที่พากันคิดว่า เร็วๆนี้โลกจะวิบัติวินาศสันตะโร
    แล้วหลังจากนั้นก็เข้าสู่ยุควิเศษมหัศจรรย์อะไรไม่มีหรอก

    ถ้ามันจะมีเหตุการณืภัยพิบัติอย่างร้ายแรงพรรค์นั้นจริง
    หลังเหตุการณ์ก็ยังเป็นคนธรรมดา เดินไปเดินมานี่แหล่ะ
     
  10. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    5 ส.ค. 55

    การอ้างนั่น อ้างนี่โดยที่ตัวเองสัมผัสไม่ได้ก็ไม่ใช่ความผิดของผู้อ้าง เมื่อสัมผัสไม่ได้แล้วบอกว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่มีก็ไม่ถูกเพราะผู้พูดที่สามารถสัมผัสได้เขาบอกว่ามี

    อย่าปิดกั้นตัวเองหูตาจะกว้างไกลกว่านี้และมีความรู้เพิ่มขึ้น

    นั่งสมาธิจะเป็นตัวพิสูจน์ว่ามีหรือไม่มีแล้วไม่ต้องมานั่งเถียงกัน ถ้าท่านทำได้

    เคอิสรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 สิงหาคม 2012
  11. noway

    noway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +3,969
    เราอ้างพระพุทธเจ้านะ เราไม่ได้อ้างตนเอง
    เมื่อพระพุทธเจ้าบอกว่าโลกมันเป็นอย่างนี้ เจริญแล้วเสื่อม เสื่อมแล้วเจริญ
    มันมาหลายอสงขัยแล้ว
    ในยุคเจริญทางวัตถุ ก็เสื่อมทางศีลธรรม
    ในยุคเจริญทางศีล ก็ขาดความเจริญทางวัตถุ

    นับจากนี้ ไปจนจบพระศาสนา มีแต่คนเลวมากขึ้น ในที่สุดก้ฆ่าล้างเผ่าพันธิ์กันเอง
    นี่เราก็ไม่ได้พูดเอง พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้

    ไอ้ที่ว่าๆ กันว่า หลังภัยพิบัติ มนุษย์จะก้าวเข้าสู่ยุคมนุษย์รุ่นใหม่
    มิตินั้นมิตินี่ สามารถเห็นผีสางเทวดา มีแม่เหล็ก ยี่สิบก่าเกาส์ ไปเอามาจากไหน
    ก็ไปจำคำเขามาพูด คนพูดคนแรกเชื่อถือได้ไหม

    ถ้าจะเชื่อ ขอเลือกเชื่อพระพุทธองค์ไม่ดีกว่าหรือ

    ไอ้ที่บอกว่าลองนั่งสมาธิดูสิ จะรู้เองนั่นน่ะ
    รู้ได้อย่างไรว่าคนที่เขาค้าน เขาไม่ทำสมาธิ
    และรู้ได้อย่างไรว่า ที่ตนเห็นในนิมิตรถูก คนอื่นเห็นต่างจากตนผิด
     
  12. noway

    noway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +3,969
    เวบนี้มันเวบพระพุทธศาสนามิใช่หรือ
    ต่อให้เป็นเรื่องอุบัติภัยก็เหอะ

    ลองไปดูเวบจิตจักรวาลนั่นสิ www.Jitchakraval.com เว็ปไซต์เผยเเพร่องค์ความรู้จากองค์จิตจักรวาล โดย อ.ปริญญา ตันสกุล
    เห็นพูดเรื่องนิพพาน อย่านึกว่าเป็นพุทธนะ
    คริสต์ก็ไม่ใช่ พุทธก็ไม่เชิง
    เอานิพพาน เอาพระพุทธเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของเขา ภายใต้พระบิดาอะไรนั่น
    ค่อนไปทางพระเจ้าเสียมากกว่า

    ไปดูเอาเอง แล้วจะเชื่อพระพุทธเจ้า หรือลัทธิอื่นๆ
    ก็สุดแท้แต่ศรัทธาเลยครับ
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า


    ตอนที่ 25 "ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (5)"
    เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา


    [COLOR=#333333][COLOR=#660066][COLOR=#333333][COLOR=#333333][IMG]http://www.dmc.tv/images/ScoopUpdate/Dream02/D531028/531028p1.jpg[/IMG][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR]


    [COLOR=#333333][COLOR=#333333][SIZE=3][FONT=Arial][COLOR=black][B]ความเดิมจากตอนที่แล้ว... โรคประเภทที่สาม[/B] ซึ่งถือเป็นโรคชนิดสุดท้ายที่จะมาเบียดเบียนผู้คนที่เกิดในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์ นั่นก็คือ...โรคชรา ซึ่งโรคชนิดนี้ถือเป็นโรคประจำขันธ์ของมนุษย์ทุกคนเช่นเดียวกับโรคหิวอาหาร ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดมายุคใดสมัยใด มนุษย์ก็ต้องเป็นโรคนี้ด้วยกันทุกคน ถึงแม้อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ในยุคนั้นจะยืนยาวถึงแปดหมื่นปี แต่ถึงกระนั้น ก็ใช่ว่าทุกคนจะหลีกเลี่ยงโรคชราลงไปได้ [/COLOR][/FONT][/SIZE][/COLOR][/COLOR]

    [COLOR=#000066][SIZE=3][FONT=Arial][COLOR=blue][B]ซึ่งโรคชราในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์นั้น ไม่ได้หมายถึงวัยชรา หรือโรคที่ทำให้คนกลายเป็นคนแก่แล้วก็ตาย อย่างที่หลายๆคนเข้าใจ เพราะในยุคนั้น คนแก่จะไม่มีปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่เพียงคนเดียว[/B][/COLOR][/FONT][/SIZE][/COLOR]

    [COLOR=#000066][COLOR=#660066][SIZE=3][FONT=Arial][IMG]http://www.dmc.tv/images/ScoopUpdate/Dream02/D531028/531028p2.jpg[/IMG][/FONT][/SIZE][/COLOR][/COLOR]
    [COLOR=#000066][FONT=Arial][SIZE=3][COLOR=#660066][/COLOR][/SIZE][/FONT] [/COLOR]

    [LEFT][/LEFT]
    [COLOR=#660066][SIZE=3][FONT=Arial][COLOR=#333333][COLOR=black]เพราะฉะนั้น เมื่อวันเวลาแห่งวัยได้ล่วงเลยผ่านไปจนมาถึงช่วงเบื้องปลายของชีวิต สังขารร่างกายของมนุษย์ในยุคนั้น ก็จะเริ่มอ่อนกำลังลงไปเรื่อยๆ เช่น จากที่เคยมีเรี่ยวแรงหรือมีกำลังมาก ก็จะเริ่มมีกำลังลดน้อยถอยลงไป เป็นต้น ถึงแม้คนที่เข้าสู่วัยชราจะมีกำลังหรือเรี่ยวแรงที่ลดน้อยถอยลงไปก็ตาม แต่ถึงกระนั้น สภาพร่างกายภายนอกกลับดูไม่มีความแตกต่างจากคนที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวเลย [/COLOR][/COLOR][/FONT][/SIZE][/COLOR]

    [COLOR=#660066][SIZE=3][FONT=Arial][COLOR=#333333][COLOR=black]พูดง่ายๆว่า...คนในยุคนั้นจะมีลักษณะคล้ายๆกับชาวสวรรค์ กล่าวคือ...เวลาที่[/COLOR][COLOR=black]เทวดา[/COLOR][COLOR=black]องค์ไหนใกล้จะหมด[/COLOR][URL="http://www.dmc.tv/pages/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%89.html"][COLOR=black]บุญ[/COLOR][/URL][COLOR=black]หรือใกล้จะจุติ สภาพร่างกายก็ยังคงดูเป็นปกติไม่ได้เหี่ยวย่นแต่อย่างใด ถ้าจะมีอาการให้เห็นก็แค่รัศมีกายเศร้าหมอง หรือเหงื่อออกตามรักแร้ เป็นต้น เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนภพภูมิหรือถึงเวลาจุติ กายที่เป็นทิพย์ก็จะแวบหายไปในทันที[/COLOR] [/COLOR][COLOR=red][B]ซึ่งช่วงบั้นปลายชีวิตของมนุษย์ในยุคนั้นก็จะมีลักษณะคล้ายๆแบบนี้[/B][/COLOR][/FONT][/SIZE][/COLOR]

    ที่มา พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 25 ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (5)[COLOR=#660066][COLOR=#333333][COLOR=#333333][B][U][COLOR=red][/COLOR][/U][/B][/COLOR][/COLOR][/COLOR]
    [COLOR=#660066][COLOR=#333333][COLOR=#333333][B][U][COLOR=red][/COLOR][/U][/B][/COLOR][/COLOR][/COLOR]
    [COLOR=#660066][COLOR=#333333][COLOR=#333333][B][U][COLOR=red]หมายเหตุ[/COLOR][/U][/B][/COLOR][/COLOR][/COLOR]

    [COLOR=#660066][COLOR=#333333][COLOR=#333333][COLOR=black]เมื่อโลกมนุษย์เข้าสู่มิติที่ 5 แล้ว คนจะมีสภาพร่างกายใกล้เคียงกับ กายทิพย์ของเทวดาจริงๆ จะมีแต่คนหนุ่มคนสาวไม่มีคนแก่ชรา เวลาตายก็ไม่ต้องเผาให้ยุ่งยากเหมือนกับคนสมัยนี้ เพราะร่างกายจะสลายเป็นอากาศธาตุไปโดยทันที เหมือนสถาพของกายทิพย์เทวดา มีหลักฐานยืนยันอยู่ในพระไตรปิฏก ดังที่ผมได้นำมาให้ท่านทั้งหลายได้อ่านกันนี้[/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR]

    แต่โลกมนษย์จะเข้าสู่มิติที่ 5 ในเวลาอันใกล้นี้หรือไม่ ผมไม่อาจจะยืนยันได้เพราะเป็นข้อมูลที่รับมาจากมนุษย์ต่างดาวแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ที่ยืนยันได้แน่ๆ ก็คือคนในยุคของพระศรีอาริยเมตไตรยพุทธเจ้า (เวลายังอีกหลายล้านปีมนุษย์) คนจะมีสภาพร่างกายที่เป็นกึ่งทิพย์กึ่งหยาบ ใกล้เคียงกับกายทิพย์ของเทวดาจริงๆ เพราะในพระไตรปิฏกยืนยันเอาไว้เช่นนั้นครับ<!-- google_ad_section_end --> -เกษม-​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2012
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เรื่องนี้ผมคิดว่าคุณ noway อย่าเพิ่งด่วนสรุปเอาเองอย่างนั้นเลยครับ เพราะจากที่ผมรวบรวมข้อมูลเรื่องภัยพิบัติมา พบว่ามีการติดต่อจากต่างมิติในจักรวาลอื่นๆ มาอย่างมากมาย ซึ่งผู้รับข้อมูลจากต่างมิตินี้ ก็มีทั้งพระสงฆ์และฆราวาสที่เคร่งครัดในธรรมะของพระพุทธศาสนาอยู่หลายท่าน บอกว่ามีพระพุทธเจ้าอยู่ในจักรวาลอื่นๆ ที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ และที่นิพพานไปแล้วมากมายยิ่งกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง 4 ของโลกนี้ครับ

    เรื่องความเชื่อในเรื่องพระเจ้านี้ ความจริงเป็นความเขื่อของมนุษย์ต่างดาวครับ และได้นำมาเผยแพร่ในโลกนี้เมื่อหลายพันปีมาแล้ว ซึ่งพระเจ้าของมนุษย์ต่างดาวก็คือพระพุทธเจ้าที่อยู่ในจักรวาลอื่นๆ นั่นเอง ดูได้จากคำสอนของทั้งคริสต์และอิสลาม ก็ล้วนแต่สอนให้คนทำแต่ความดี ให้มีความรักและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย เช่นเดียวกับศาสนาพุทธครับ

    พระพุทธเจ้า ท่านจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม เช่นอาจารย์ปริญญา ตันสกุล เรียกว่าพระบิดา จิตจักรวาลดวงใหญ่ คุณหนุมาน ผู้นำสาร เรียกว่าองค์โลกุตตระธรรม คุณอัญญาสิทธิ์เรียกว่า ท่านอชิตะ มนุษย์ต่างดาวเรียกว่า พระบิดาแห่งแสงสว่าง ฯลฯ แต่ก็หมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งในจักรวาลนี้และจักรวาลอื่นๆครับ ส่วนคำสอนก็ย่อมจะผิดแผกแตกต่างกันไปบ้างเพราะ ผู้รับคำสอนนั้นๆ ย่อมมีบารมีธรรมที่อ่อนแก่ไม่เหมือนกัน จึงตีความไปตามความเข้าใจของตนเอง เหมือนนิกายต่างๆ ในศาสนาพุทธนั่นแหละครับ

    ในพระไตรปิฏก(ของนิกายมหายาน) ก็มีบันทึกเรื่องของพระพุทธเจ้าในจักรวาลอื่นๆ ว่ามีอยู่จริงดังข้อความในลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ
    พระโมคคัลลานะเถระพบพระพุทธเจ้าในจักรวาลอื่น - DMC Forum
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2012
  15. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    จะไม่ปิดกั้นและรับฟังทุกข้อมูลเสมอ..ฟังไว้ก่อน
    จะไม่ปฏิเสธ และไม่ได้หมายความว่าจะเชื่อ
    แต่จะรับฟังไว้ แล้วค่อยพิจารณาอย่างมีเหตุผล


    สุดท้ายแล้ว เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่าง
    อดทนรอไว้ครับ..บางอย่างเราก็ได้เห็นกันไปบ้างแล้ว
    ในคำบอกเล่าคำพยากรณ์ ที่จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ปะปนกัน
    คงอีกไม่นาน คงจะได้เห็นกันในช่วงอายุเราๆนี้แหละ
    จะเป็นตามที่ครูบาอาจารย์บอกไว้ หรือผู้รู้ต่างดาวบอกไว้
    ก็ต้องคอยดูกันต่อไป....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 สิงหาคม 2012
  16. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ไปวัดเข้าพรรษา พระท่านเทศน์ว่า พระไตรปิฎกได้เล่าเรื่องของโลกไว้อย่างละเอียด แม้นักวิทย์ยังรู้ไม่เท่า ท่านว่าแล้วจะได้เห็นดวงอาทิตย์เก้าดวงตามในพระไตรปิฏก แต่ไม่รู้ว่าเล่มไหน คุณเกษมเคยอ่านไหม
     
  17. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ความรู้ของคนบนดาวเคราะห์ดวงนี้ ยังนิดเดียว ส่วนใหญ่ยึดเกาะตำรา ที่คนด้วยกันนั่นแหละเขียนขึ้นมา อย่าลืมว่า โลกและจักรวาล มีมาก่อนกำเนิดคนนานแล้ว

    มีเรื่องอีกเยอะ ที่คนยังไม่รู้

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2012
  18. pimiya

    pimiya สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +13
    เห็นด้วยกับคุณ Noway เราเชื่อคุณ เพราะคุณเชื่อพระพุทธองค์ เดินตามมรรคเถอะ ไม่มีใครในโลกนี้หรือจักรวาลนี้ที่จะหวังดีต่อเรามากไปกว่าองค์พระศาสดาของเรา ไม่มีใครพูดคำจริงแท้มากไปกว่าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเชื่อและจะเดินตามเพื่อหาทางไปสู่แดนพระนิพพาน แดนวิมุติที่จะไม่ต้องกังวลในเรื่องภัยพิบัติของโลกหรือของจักรวาลอีกต่อไป เราให้กำลังคุณนะ เข็มทิศของเราตรงทางแล้วนะ
     
  19. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +2,244
    ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์
    รอเวลาพิสูจน์
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ใน 1 หมื่นโลกธาตุ จะมีพระพุทธเจ้าทรงมาอุบัติได้คราวละ 1 พระองค์เท่านั้น !!!

    [​IMG]

    <BIG style="FONT-WEIGHT: normal; FONT-SIZE: large">อรรถกถา มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ อนุปทวรรค</BIG>
    พหุธาตุกสูตร


    ข้าแต่พระคุณเจ้านาคเสน ถ้าว่า พระพุทธเจ้าแม้ทุกพระองค์มีอุทเทสอย่างเดียวกัน มีกถาอย่างเดียวกัน มีสิกขาบทอย่างเดียวกัน มีอนุสนธิอย่างเดียวกัน เพราะเหตุไร พระตถาคต ๒ พระองค์จึงไม่เสด็จอุบัติในคราวเดียวกัน เพราะการเสด็จอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้าแม้พระองค์เดียว โลกนี้ก็จะเกิดแสงสว่าง ถ้าจะพึงมีพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒ โลกนี้ก็จะพึงมีแสงสว่างยิ่งกว่าประมาณ ด้วยพระรัศมีของพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์. และพระตถาคต ๒ พระองค์ เมื่อจะตรัสสอนก็จะตรัสสอนได้ง่าย เมื่อจะทรงอนุสาสน์ก็ทรงอนุสาสน์ได้ง่าย ขอพระคุณเจ้าจงชี้แจงเหตุในข้อนั้น ให้โยมฟังให้หายสงสัยด้วยเถิด.

    พระนาคเสนถวายวิสัชนาว่า มหาบพิตร หมื่นโลก<WBR style="WORD-SPACING: 0px; FONT: medium 'Times New Roman'; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px">ธาตุ<WBR style="WORD-SPACING: 0px; FONT: medium 'Times New Roman'; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px">นี้รอง<WBR style="WORD-SPACING: 0px; FONT: medium 'Times New Roman'; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px">รับพระพุทธเจ้าองค์เดียว รองรับพระคุณของพระตถาคตพระองค์เดียวเท่านั้น ถ้าพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒ จะพึงอุบัติขึ้น. โลก<WBR style="WORD-SPACING: 0px; FONT: medium 'Times New Roman'; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px">ธาตุ<WBR style="WORD-SPACING: 0px; FONT: medium 'Times New Roman'; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px">นี้จะพึงรองรับไม่ได้ จะพึงหวั่นไหวน้อมโน้ม พลิก<WBR style="WORD-SPACING: 0px; FONT: medium 'Times New Roman'; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px">กระจาย<WBR style="WORD-SPACING: 0px; FONT: medium 'Times New Roman'; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px">แตกทำลายไปเข้าถึงการตั้งอยู่ไม่ได้. มหาบพิตร เรือบรรทุกคนได้คนเดียว เมื่อคนผู้เดียวขึ้น เรือนั้นพึงใช้การได้ ถ้าคนที่ ๒ ลงมา เขามีอายุ วรรณ วัย ขนาดผอมอ้วน มีอวัยวะน้อยใหญ่ทุกอย่างเหมือนคนแรกนั้น คนผู้นั้นพึงขึ้นเรือลำนั้น มหาบพิตร เรือลำนั้นจะรับคนแม้ทั้งสองไว้ได้หรือหนอ?

    รับไม่ได้ดอก พระคุณเจ้า เรือลำนั้นจะต้องโคลง น้อมโน้ม คว่ำกระจาย แตกทำลายไป เข้าถึงการลอยลำอยู่ไม่ได้ พึงจมน้ำไป

    ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกันแล มหาบพิตร หมื่นโลกธาตุนี้รองรับพระพุทธเจ้าได้พระองค์เดียว รองรับพระคุณของพระตถาคตได้พระองค์เดียวเท่านั้น ถ้าว่าพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒ พึงอุบัติขึ้น หมื่นโลกธาตุจะพึงรองรับไว้ไม่ได้ พึงหวั่นไหว น้อมโน้ม พลิก<WBR style="WORD-SPACING: 0px; FONT: medium 'Times New Roman'; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px">กระจาย แตก ทำลายไป เข้าถึงความตั้งอยู่ไม่ได้. อีกอย่างหนึ่ง มหาบพิตร เหมือนอย่างว่า คนบริโภคอาหารเต็มที่ จนถึงคอพอแก่ความต้องการ ต่อแต่นั้น เขาจะอิ่ม เต็มที่ โงกง่วงตลอดเวลา เป็นเหมือนท่อนไม้ที่แข็งทื่อ. เขาพึงบริโภคอาหารมีประมาณเท่านั้นอีกครั้ง มหาบพิตร คนผู้นั้นจะพึงมีความสุขหรือหนอ?

    ไม่มีเลย พระคุณเจ้า เขาบริโภคอีกครั้งเดียวก็จะต้องตาย

    ฉันนั้นเหมือนกันแล มหาบพิตร หมื่นโลกธาตุนี้รองรับพระพุทธเจ้า พระองค์เดียว ฯลฯ พึงเข้าถึงการตั้งอยู่ไม่ได้.


    บทความจากพระวัดสามแยก

    ธรรมชาตินี้กำหนดไว้ว่า ในวงเขตหมื่นจักรวาล(โลกธาตุ) จะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นได้เพียงครั้งละหนึ่งพระองค์เท่านั้น ในวงเขตหมื่นจักรวาลนี้จะไม่มีพระพุทธเจ้าสองพระองค์อุบัติขึ้นพร้อมกันเด็ดขาด

    และสำหรับวงหมื่นจักรวาลในพุทธเขตของพระพุทธเจ้าสมณโคดมในปัจจุบันนี้ ก็มีจักรวาลของพวกเรานี้เป็นศูนย์กลาง พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ที่อุบัติขึ้นในวงหมื่นจักรวาลนี้ จะต้องอุบัติที่จักรวาลแห่งนี้เท่านั้น และจะอุบัติขึ้นที่โลกตรงนี้แหละ

    แต่เมื่อกล่าวถึงจักรวาล พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า จักรวาลนั้นไม่มีที่สุดคือนับไม่ได้ว่ามีจำนวนเท่าใด เมื่อจักรวาลนั้นประมาณไม่ได้เช่นนี้และเมื่อแบ่งจักรวาลออกเป็นวงละหมื่นๆ ก็นับไม่ได้อีกเหมือนกันว่าจะมีจำนวนเท่าใด และในวงหมื่นจักรวาลอื่นๆนั้น ก็ไม่ได้ห้ามการเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ ที่นอกจากพระพุทธเจ้าสมณโคดมของเรานี้

    เพราะฉะนั้น เมื่อดูจากคำสอนของพระพุทธเจ้าในส่วนนี้แล้วก็ประมาณได้ว่า ในขณะนี้จะต้องมีพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆที่ยังดำรงพระชนม์อยู่ในวงหมื่นจักรวาลอื่นอันไกลโพ้นโน้นแน่นอน แต่พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นจะอยู่ตรงไหนและมีพระนามว่าอย่างไรนั้น อันนี้ไม่ทราบ

    ส่วนเรื่องของพระโมคคัลลานะไปต่างจักรวาลแล้วหลงนั้น เป็นเรื่องแต่งขึ้นในภายหลังของพวกที่นับถือนิกายมหายาน เพราะพวกมหายานก็รับทราบคำสอนของพระพุทธเจ้าในส่วนนี้ แล้วก็แต่งเสริมเติมไปตามจินตนาการของพวกเขา ให้มีพระพุทธเจ้าชื่อนี้ อยู่ตรงสถานที่ชื่ออย่างนี้แล้วก็ผูกเรื่องให้เชื่อมโยงกันขึ้นให้พระโมคคัลลานะซึ่งเป็นอัครสาวก ที่มีฤทธิ์มากออกไปท่องเที่ยวตามจักรวาลต่างๆแล้วก็หลงไปที่แดนสุขาวดีหาทางกลับไม่เจออะไรทำนองนี้แหละ

    ซึ่งเรื่องดังว่ามานี้ไม่มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกของพุทธศาสนานิกายเถรวาทแต่อย่างใด และนี่ก็ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าสมณโคดม เป็นเพียงเรื่องที่จินตนาการกันขึ้นมาในภายหลังของฝ่ายมหายาน มหายานนี้เป็นอย่างไร ? ก็ไปอ่านเรื่องของมหายานคร่าวๆที่หมวดพระไตรปิฎกตามลิงค์นี้

    พัฒนาการทางความคิดของพุทธศาสนานิกายมหายาน

    ที่มา http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=1638.0;wap2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...