ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

บ้านเมืองนี้ มีคนกล่าวว่าเป็นสวรรค์ของมาเฟีย อังยี่ ผู้ก่อการร้าย เดินขวักไขว่แถบจะชนกัน เมืองท่องเที่ยวชายทะเลตะวันออก เคยมีข่าวมีมือปืน อิมพอร์ท อดีตทหารและสายลับจากค่ายคอมมิวนิสต์ มีการไล่ยิงกันกลางเมืองมาแล้ว

 

เมืองไทยเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว ครับ ไม่มีหรอกครับผู้ก่อร้งผู้ก่อการร้าย อย่าเพิ่งตื่นตะหนกไปเดี๋ยวการท่องเที่ยวซบเซาเศรษฐกิจหดตัวกันพอดี จุ๊ จุ๊ จุ๊ ( โอโห!นี่ขนาดไม่มีอะไรมันเล่น C4 เลยวุ๊ย แหมเงินจากนักท่องเที่ยว(ที่เป็นผู้ร้าย)นี่มันใหญ่จริงแฮะ)

 

ตายขนาดนี้ความเสี่ยงสูงมากทำไมองค์กรอนามัยโลกยังไม่ประกาศ? ลองตรวจสอบที่มาของแหล่งข่าวว่ามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน?

 

แหล่งข่าวน่าจะมาจากนี่ครับ

Webboard - Manager Online


และที่ไม่มีใครทำอะไรเนื่องจากไม่ใช่โรคติดต่อ แต่น่าจะเกิดจากคุณภาพชีวิดและความยากจนครับ

BBC News - Mystery kidney disease in Central America

 

อัพเดต ข่าวระเบิด


16 กุมภาพันธ์ 2555
08.40 น. มาเลย์ จับผู้ต้องหาบึ้มกรุงเทพได้แล้ว เตรียมส่งตัวให้ไทย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างแหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซีย ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่านที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้วางแผนระเบิดที่กรุงเทพ ใน ซ.สุขุมวิท 71 ได้แล้วที่กัวลาลัมเปอร์

แหล่งข่าวระบุว่า ชายชาวอิหร่าน อายุ 31 ปี ถูกจับกุมตัวได้ที่อาคารผู้โดยสาร สายการบินต้นทุนต่ำ ในระหว่างที่รอขึ้นเครื่อง เพื่อเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียไปยังประเทศอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของมาเลย์เซีย ได้กล่าวยืนยันว่าตำรวจมาเลเซีย สามารถจับกุมตัว นายซีดากัส ซาเด็ส มาซุด สัญชาติอิหร่าน ได้จริง ซึ่งขณะนี้ทางการไทยอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสาร และส่งหนังสือเพื่อขอตัวผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าว กลับมาสอบสวนและดำเนินคดีในประเทศไทย
…………………………………………………………………………………………
15 กุมภาพันธ์ 2555
21.30 น. เตรียมออกหมายจับ 4 ผู้ต้องหา ระเบิดกลางกรุง
พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ได้เดินทางขอหมายจับที่ ศาลอาญากรุงเทพใต้ จากเหตุระเบิดกลางกรุงทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย
1.นายซาอิด โมราบิ อายุ 28 ปี กำลังรักษาตัว
2.นายโมฮัมหมัด คาซาอี อายุ 42 ปี จับกุมตัวได้แล้ว
3.นายมาซุด ซีดากัส ซาเดท อายุ 31 ปี กำลังหลบหนี
4.นางสาวโรฮานี่ ไลลา ผู้ติดต่อเช่าบ้านพักภายในซอยปรีดีย์พนมยงค์ 31
ซึ่งหลังจากที่ศาลอนุมัติ เตรียมส่งงตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล ติดตามจับกุมต่อไป
15.00 น. ทูตอิสราเอลเผย เหตุระเบิดคล้ายที่อินเดีย
เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย กล่าวถึงกรณีเหตุระเบิดว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเป้าหมายที่แท้จริง แต่จากการประเมินสถานการณ์คาดว่า เป้าโจมตีคือ ชาวอิสราเอล อีกทั้งเหตุการณ์นี้ยังคล้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงนิวเดลี อินเดีย เและกรุงทบิลิของจอร์เจีย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จึงคาดว่าอาจเป็นกลุ่มก่อการร้ายเดียวกัน
13.24 น. อิหร่าน แถลงปฏิเสธ อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดไทย
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน แถลงปฏิเสธไม่ได้อยู่เบื้องหลัง หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่กรุงเทพ โจมตีอิสราเอลที่พยายามทำลายความสัมพันธ์อันดีงามและยาวนานระหว่างอิหร่านกับประเทศไทย
ทั้งนี้ อิหร่านเชื่อว่า ขบวนการยิวไซออนิตส์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุความรุนแรงครั้งนี้ และอิหร่านพร้อมให้ความร่วมมือรับรัฐบาลไทยอย่างเต็มที่ในการสืบหาข้อเท็จจริง
10.45 น. วิเชียร แถลงระเบิด สุขุมวิท71 ไม่ใช่วินาศกรรม เชื่อหนึ่งในคนร้ายหนีออกนอกประเทศแล้ว (อ่านแถลงการณ์ฉบับเต็ม สมช. ได้ที่นี่)
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาฯ สมช. แถลงหลังประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่าเหตุระเบิด 3 จุด สุขุมวิท71 เป็นการพุ่งเป้าเฉพาะตัวบุคคลเนื่องจากอานุภาพของระเบิดไม่ร้ายแรงพอที่จะ ทำลายสถานที่ ยันไม่ใช่การก่อวินาศกรรม และไม่เชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ ในต่างประเทศ
ด้าน พล.ต.อ. ปานศิริ กล่าวว่า ได้ประสานประเทศเพื่อนบ้านจับกุมคนร้ายอีก 1 ราย ซึ่ง คาดหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ส่วนเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้าย
10.42 น. ปลัด ก.ต่างประเทศ รับ อังกฤษ สหรัฐฯ ประกาศเตือนพลเมืองที่อยู่ในไทย
ผู้สื่อข่าว Mthai News รายงานจากทำเนียบรัฐบาล ดุสิตว่าฯ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า จะร่วมหารือกับนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางที่ชี้แจงต่อเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ ถึงกรณีเกิดเหตุชาวต่างชาติขว้างระเบิดในย่านสุขุมวิทเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ เพื่อยืนยันถึงการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดีในการดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุดังกล่าวขณะนี้ทางการสหรัฐและอังกฤษได้ออกประกาศเตือนพลเมืองของตนให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในพื้นที่สาธารณะที่สำคัญ พร้อมทั้งให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการไทยและติดตามการรายงานข่าวสารต่างๆ อย่างใกล้ชิด
10.26 น. มือบึ้มชาวอิหร่านขาขาด อาการปลอดภัยแล้ว
รพ.จุฬาลงกรณ์ เผยอาการชาวอิหร่านผู้ต้องหาเหตุระเบิดย่านสุขุมวิท 71 ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ห่วงภาวะแทรกซ้อน หลังการผ่าตัด 10 ชม. โดยคนไข้ยังไม่รู้สึกตัว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ทั้งนี้ โรงพยาบาลได้ประสานตำรวจ สน.ปทุมวันและลุมพินี ดูแลเรื่องความปลอดภัย และจะแถลงข่าวในเวลา 13.00 น.วันนี้(MCOT)
10.10 น. อิสราเอล ยัน บึ้มกรุงเทพฯ อิหร่านอยู่เบื้องหลัง
วานนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล ว่า นายเอฮุด บารัค รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เผยเมื่อวันอังคารว่า เหตุการณ์ระเบิดหลายครั้งที่กรุงเทพฯ รวมทั้งครั้งล่าสุดซึ่งชายชาวอิหร่านรายหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บที่ขา ขณะพยายามโจมตีก่อการร้าย มีอิหร่านอยู่เบื้องหลัง
และเหตุการณ์ครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า อิหร่านและกลุ่มแนวร่วม เฮซบอลเลาะห์ ที่มีฐานอยู่ในเลบานอน เป็นแหล่งก่อการร้าย ถือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก
9.45 น. สหรัฐฯ ประกาศเตือนฉุกเฉิน ให้พลเมืองในไทยระวังตัวระดับสูง
เหตุการณ์ระเบิดกลางกรุง 3 จุด ที่เกิดขึ้นที่ซอยปรีดี พนมยงค์ 31,35 และซอยสุขุมวิท 71 เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 ก.พ. สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยได้ออกประกาศเตือนฉุกเฉิน ผ่านเว็บไซต์
Emergency Message to U.S. Citizens | Embassy of the United States Bangkok, Thailand โดยขอให้พลเมืองสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในประเทศไทย ระวังตัวระดับสูงเมื่ออยู่ในที่สถานที่สาธารณะ และหากพบ บรรจุภัณฑ์ หรือกระเป๋า ที่น่าสงสัยให้แจ้งหรือรายงานพฤติกรรมที่น่าสงสัยให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ที่สุด และให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษ ที่ออกประกาศเตือนพลเมืองของตนไปก่อนหน้านี้ระบุว่า ” ให้ระวังการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี และอุดรธานี ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดเหตุการณ์ก่อการร้าย
นอกจากนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ ยังได้แนะนำให้ชาวอังกฤษที่อยู่ในประเทศไทย ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการไทยและติดตามการรายงานข่าวสารต่างๆ อย่างใกล้ชิด
08.50 น. เผย 3 ผู้ต้องหาอิหร่าน พักโรงแรมพัทยาก่อนบึ้มกรุง
เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบโรงแรมท็อปไทย ย่านพัทยาใต้ จ.ชลบุรี หลังสืบทราบว่า ผู้ต้องหาชาวอิหร่าน จากเหตุระเบิดกรุงเทพมหานคร 3 จุด เคยเข้าพักโรงแรมดังกล่าว ก่อนหน้าที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยจากการตรวจสอบพบว่า ชาวอิหร่านทั้ง 3 คน เช็กเอาท์ออกจากห้องพัก 301 โรงแรมดังกล่าว เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำภาพผู้ต้องหาจากกล้องวงจรปิดไปเปรียบเทียบกับผู้ต้องหาที่ได้รับบาด เจ็บสาหัส และผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะกำลังหลบหนีออกนอกประเทศ
ทั้งนี้มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมจะแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของ โรงแรมดังกล่าว เนื่องจากไม่แจ้งข้อมูลการเข้าพักของผู้ต้องหาให้เจ้าหน้าที่ทราบ ภายใน 24 ชั่วโมง
07.00 น. รวบอีก 1 ผู้ต้องสงสัย ระเบิด สุขุมวิท 71 เตรียมบินไปมาเลย์
พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาในดคีระเบิดใน ซอยสุขุมวิท 71 เพิ่มเติมได้อีก 1 คน คือ นายโมฮัมหมัด ฮาซาอิ 42 ปี สัญชาติที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 18 .15 น. ขณะที่นายโมฮัมหมัดกำลังเตรียมเดินทางหลบหนีไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กักตัวเพื่อรอสอบสวนที่ด่านครวจเข้า
………………………………………………………………………………………
14 กุมภาพันธ์ 2555
17.28 น. ตร.ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ติดตามหาคนร้ายจากเหตุระเบิดอีก2คนซึ่งขึ้นรถแท็กซี่เขียว-เหลือง จาก ซ.สุขุมวิท71หลบหนีช่วงหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้น
16.41 น. คนขับแท็กซี่ นายสัญชัย บุญสูงเนินที่ถูกคนร้ายชาวต่างชาติโยนระเบิดใส่ ยืนยันว่า คนร้ายไม่ได้เรียกรถแต่อย่างใด (สถานีข่าวระวังภัย)
16.28 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านนายแซยิด โมราบิ ผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่าน ตำรวจพบบ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านชั้นเดียว สีขาว ในซอยปรีดีพนมยงค์31 (ซอยเจริญใจ) โดยตำรวจพบร่องรอยการเกิดระเบิดในบ้าน และคาดว่ามีระเบิดอยู่ในบ้านอยู่อีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนั้นยังพบรถแท็กซี่ซึ่งโดนระเบิดพังยับทั้งคัน อยู่บริเวณหน้าบ้าน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังกันไม่ให้เข้าพื้นที่บริเวณดังกล่าว (springnewstv)
16.20 น. Mthai News : พล.ต.ต.พิสิษฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ชายชาวต่างชาติที่ได้รับบาดเจ็บขาขาดทั้ง 2 ข้าง เป็นคนร้ายก่อเหตุดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถระบุสัญชาติได้
จากรายงานทราบว่า คนร้ายได้เช่าห้องพักอยู่ในซอยเอกมัย 12 ก่อนเกิดเหตุได้เดินออกจากห้องพัก เพื่อเรียกรถแท็กซี่แต่ปรากฏว่า โชเฟอร์ไม่ยอมรับผู้โดยสารจึงเกิดความโกรธ จึงได้ควักเอาระเบิดแบบขว้างที่พกมาในกระเป๋าเป้ขว้างไปที่รถแท็กซี่ ส่งผลให้โชเฟอร์ และประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุได้รับบาดเจ็บ
ขณะเดียวกัน หลังก่อเหตุได้พยายามวิ่งหนี และพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.คลองตันที่กำลังผ่านมาพอดี จึงตั้งใจว่าจะปาระเบิดใส่อีก แต่เกิดหลุดมือ ทำให้ระเบิดใส่ตัวเองจนได้รับบาดเจ็บขาขาด
16.17 น. เจ้าของระเบิดที่ขาขาด ชื่อ ซาเยส โอรานี่ ชาวอิหร่าน (@Pat_ThaiPBS)
16.10 น. ชื่อผู้บาดเจ็บ 4 คน ที่ร.พ.กล้วยน้ำไท 1.นายสัญชัย บุญสูงเนิน 2.นายกังวาล หอปราสาททอง 3.นายอภิชาติ คำลือ 4.นางสุธาทิพย์ สัจจะดำรง
16.07 น. พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.คลองตัน เปิดเผยกับช่องระวังภัยว่า จากการตรวจสอบมีระเบิด 3 จุด โดยจุดแรกเป็นที่บ้านของคนร้าย ส่วนจุดที่ 2 ที่บริเวณซอยปรีดี31 และจุดที่3 คือบริเวณถนนสุขุมวิท 71 ซึ่งทั้ง 3 จุดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่ามีวัตถุระเบิดหลงเหลืออยู่หรือไม่ ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุนั้น จากการตรวจสอบพบว่า เป็นชายชาวต่างชาติ และขณะก่อเหตุก็ได้รับบาดเจ็บจนขาขาดทั้ง 2 ข้าง
15.51 น. คนขับแท็กซี่บอกว่า หลังระเบิดได้ตะโกนให้คนช่วยจับคนร้าย เขาพยายามหนี และควักวัตถุบางอย่างออกมา แต่เกิดระเบิดขึ้นก่อนทำให้คนร้ายขาขาด (@NationChannel24 )
15.00 น. เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น ที่หน้าโรงเรียนเกษมพิทยา ซ.สุขุมวิท 71 เบื้องต้นพบผู้บาดเจ็บเป็นชายนอนจมกองเลือดอยู่ข้างตู้โทรศัพท์ ถูกแรงระเบิดจนขาขาดทั้ง 2 ข้าง
และมีผู้บาดเจ็บอยู่บริเวณใกล้เคียงอีก 2 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังรุดตรวจสอบ และได้สั่งปิดการจราจรในบริเวณดังกล่าวแล้ว
ด้านทวิตเตอร์ของ จส100 ได้รายงานว่า แรงระเบิดได้ทำให้แท็กซี่เสียหายไปด้วย 1 คัน
…………………………………………………

ทั้งนี้นักข่าวอาสา ผู้ใช้ชื่อว่า motorcyrubjang เล่าเหตุการณ์ในบล็อค (

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ตอนบนประเทศมีฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง อุณหภูมิลด3-5 องศา 17-20 ก.พ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ มีกำลังอ่อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคง ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อนึ่ง ในช่วงวันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ บริเวณความกดอากาศสูงกำลัง
ปานกลางระลอกใหม่จะแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับในช่วงวันที่ 18-20 กุมภาพันธ์ จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและคลื่นลมมีกำลังแรงขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว และมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 13-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน มีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส ตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.




</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>สลด! ไฟไหม้คุกในฮอนดูรัส ย่างสดนักโทษกว่า356คน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเช้ามืดวันพุธ (15 ก.พ.) ตามเวลาในท้องถิ่น เกิดเหตุเพลิงไหม้คุกแห่งหนึ่งในเมืองโคมายากัว ห่างประมาณ 140 กิโลเมตรทางตอนเหนือของกรุงเตกัวชิกัลปา เมืองหลวงประเทศฮอนดูรัส

ส่งผลให้มีนักโทษเสียชีวิตล่าสุด 356 คนแล้ว และสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถช่วยชีวิตนักโทษออกมาจากห้องขังได้ เพราะไม่มีกุญแจเปิดห้องขัง เนื่องจากหาตัวผู้คุมที่ถือกุญแจไม่เจอโดย

เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 1.30 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ และนับเป็นเหตุเพลิงไหม้เรือนจำครั้งเลวร้ายของโลกในรอบ 10 ปี



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ยุโรปหนาวตายทะลุหลัก 600 ศพแล้ว </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนียว่า ประชาชนกว่า 600 คนแล้วที่ต้องเสียชีวิตไป เพราะคลื่นอากาศหนาวเย็นที่แผ่ปกคลุมไปทั่วทวีปยุโรปตะวันออก ในช่วงอากาศเย็นเป็นประวัติการณ์ของฤดูหนาวปีนี้
เจ้าหน้าที่ของรัสเซีย ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 205 ศพ เพราะอากาศหนาวเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งของฤดูหนาวปีนี้

ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะที่ยูเครนมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 112 ศพ โปแลนด์อีก 107 ศพ ฮังการี 35 ศพ เซอร์เบีย 20 ศพ และอีก 10 ศพในโคโซโว

ส่วนในประเทศโรมาเนียก็เป็นอีกประเทศหนึ่งในยุโรปตะวันออกที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศหนาวเย็นในขณะนี้

มีประชาชนในราว 23,000 คน ในเขตชุมชน 225 ชุมชน ที่ต้องอาศัยอยู่ในสภาพที่ถูกตัดขาดและโดดเดี่ยวจากโลกภายนอก เพราะมีหิมะตกหนักนานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ปิดกั้นเส้นทางสัญจรทางบก และยังกระทบไปถึงเส้นทางรถไฟอีกด้วย

ขณะนี้มีประชาชนเกือบ 4,000 คน กำลังขาดแคลนอาหารอย่างหนัก รวมถึงยารักษาโรค เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลโรมาเนียกล่าวว่า พบผู้เสียชีวิตในสภาพหนาวตายเพิ่มขึ้นอีก 7 ศพเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพราะหนาวตายในโรมาเนียเพิ่มเป็น 86 ศพแล้ว
<!-- /.content --><!-- START: Facebook Share -->
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ปี 55 นี้ธรรมชาติจัดหนักแน่นอนครับ !!!​

​

Aunyasit สมาชิก

ปี 55 นี้ธรรมชาติจัดหนักแน่นอนครับ อีกประมาณ 3 เดือน น้ำมหาศาลจะมาจากทางทะเล ปั่นป่วนไปหมดทั้งโลก สาเหตุมาจากลาวาร้อนใต้ผืนโลกที่กำลังแทรกแผ่นดินขึ้นมาจากมหาสมุทร พิกัดอยู่ระหว่าง ญี่ปู่น ไต้หวัน และ ฟิลิปปินส์ เมื่อความร้อนจัดจากลาวากับความเย็นจัดจากน้ำใต้ทะเลปะทะกัน ประกอบกับแรงดันสูงจากลาวาใต้โลกปริมาณมหาศาลดันทะลุเปลือกโลกขึ้นมา แรงดันจากใต้โลกจะยกยกผืนน้ำให้สูงขึ้นจากระดับปกติเป็นร้อยเมตร ขณะที่โลกก็หมุนไป ก็จะก่อตัวเป็นพายุใหญ่ยักษ์หอบเอาน้ำและโคลน เมื่อพายุน้ำหมุนผ่านที่ไหนก็จะกวาดพื้นที่นั้นไปกับน้ำด้วย เส้นทางของมหันตภัยที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านบอกเตือนไว้คือผ่านไต้หวัน เวียดนาม เขมร ลาว ไทย ศรีลังกา อินเดีย ฯลฯ ไปรอบโลก และประเทศที่พายุนี้ผ่านจะราบคาบครับ ท่านบอกว่าขนาดมหึมาของพายุจะคลุมพื้นที่ระหว่างใต้หวันกับฟิลิปปินส์เต็มพื้นที่

เมื่อพายุน้ำหมุนนี้ผ่านไทย กทม.จะจมทันทีครึ่งนึงพร้อมๆกับจังหวัดชายทะเลหลายจังหวัด ในส่วนของ กทม ที่จะจมทันทีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านให้เอาแนวทางรถไฟเป็นเส้นแบ่ง หลังจากนั้น กทม.จำค่อยๆจมลงอีก(เข้าใจว่าแผ่นดินทรุดต่ำลง ประกอบกับระดับน้ำสูงขึ้นอันเนื่องมาจากคลื่นสูงหลายสิบเมตรซัดชายฝั่ง)

ทั้งพายุใหญ่ คลื่นใหญ่ แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก ถึงเวลานั้นน้ำที่มาจากเขื่อนนั้นจิ๊บๆไปเลยครับ

หลังจากนั้นแรงสั่นสะเทือนทั้งหลายแหล่จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดหนัก แล้วเกิดแผ่นดินแยก เขื่อนแตก น้ำเขื่อนก็จะไหลลงมาซ้ำเติม ท่วมหนักไปอีก

ทางแก้มีทางเดียวคือ หนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป

ผมน่ะเชื่อเกินร้อยครับ เมื่อมีสัญญาณมา ผมจะหนีก่อนเป็นคนแรกๆเพราะไม่อยากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ในวันเกิดเหตุท่านบอกว่าจะมีปรากฏการณ์ทางท้องฟ้าในตอนบ่ายของวันนึง ท่านให้ผมพาญาติพี่น้องและญาติธรรม ออกจาก กทม. ทันที เพราะหลังจากนั้นจะเกิดโกลาหล เดินทางออกจาก กทม. ได้ยาก ประกอบกับฝนจะตกอย่างหนัก ลมแรง น้ำท่วมฉับพลัน

ที่จริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเตือนผมมาอย่างต่อเนื่องเกือบสองเดือนแล้วและผมก็เตรียมการมาระยะนึงแล้ว เคยถามท่านว่ากาลเวลาที่จะเกิดเหตุจะมีการเปลี่ยแปลงไม๊ ท่านบอกว่าสัจจธรรมเปลี่ยนไม่ได้ ก็ต้องเตรียมการแข่งกับเวลาครับ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านบอกผมว่า "ผู้ที่รู้แล้วไม่เตรียมการ เป็นผู้ที่ประมาทยิ่งกว่าผู้ที่ไม่รู้อะไรเลย"

อย่างน้อยๆก็เตรียมปัจจัยสี่ไว้ในสถานที่ปลอดภัย เพื่อความไม่ประมาทครับ ของผมจะเตรียมทุกอย่างพร้อมภายในเดือนมี.ค. นี้ และจะมีเวลาส่วนที่เหลือเพียงน้อยนิดเตรียมอย่างอื่นๆ ต่อไป

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมาเตือนผมเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 54 ท่านบอกว่านับจากวันนั้นมาไม่เกิน 5 เดือนภัยพิบัติก็จะมาถึง กทม. ตอนนี้เวลาผ่านไปแล้วเกือบ 2 เดือน ก็เหลือเวลาอีกประมาณ 3 เดือนครับ

จากนั้นท่านมาเตือนบ่อยขึ้นเกือบทุกสัปดาห์ หลายพระองค์ก็วนเวียนกันมาเตือนให้เก็บของเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอพยพไปอีสาน ดูแล้วเวลาแต่ละวันนับจากวันที่ท่านมาเตือนมีค่ามากๆ ที่จริงวันนึงก็ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ถ้าหากคิดแล้วทำเลย และรู้สึกว่าเวลาแต่ละวันผ่านไปเร็วมาก ครับ

หลังจากเกิดภัยจากน้ำแล้ว ภัยอื่นๆก็จะตามมาอีก เป็นระลอกๆ ภัยจากคนมีแน่นอน เมื่อข้าวยากหมากแพง ขาดอาหาร คนก็จะแย่งชิง เข่นฆ่ากัน ส่วนใหญ่คนเหล่านั้นเขามีกรรมติดตามมาทันก็ต้องชดใช้กัน ถึงตอนนั้นเมืองใหญ่ไม่น่าอยู่แล้วเพราะระบบการปกครอง การบริหารจะล่มสลายไปด้วย จะเป็นกลียุคโดยสมบูรณ์อยู่ระยะนึง

ดังนั้นการที่เราจะไปอยู่ที่ไหนนั้นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเอาไว้ด้วย ที่ผมเตรียมนั้นก็เหมือนสร้างชุมชนอิสระขึ้นมาชุมชนนึง มีครบทุกอย่าง เครื่องป้องกันตัวก็ต้องมีไว้ให้ครบถ้วน ไม่ต้องติดต่อกับโลกภายนอกสักครึ่งปีหรือหนึ่งปีก็สามารถอยู่กันเองได้

ส่วนคนที่เขามีบุญกุศลยังไงก็มีเหตุให้อยู่รอดปลอดภัยครับ

เชียงใหม่ มีทั้งทีึ่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัย ที่ปลอดภัยนั้นต้องไม่อยู่ในแนวของทางน้ำหรือใกล้เคียงและควรหลีกเลี่ยงเส้นแนวแผ่นดินไหวด้วย อันนี้ต้องศึกษาลักษณะของพื้นที่ทางธรรมชาติ เพราะแถบนั้นเป็นภูเขาสูงน้ำจะไหลเร็วและแรง ประกอบกับจะมีดินถล่มด้วยครับ

น้ำท่วมครั้งที่แล้ว ผมทราบล่วงหน้า 4 เดือน แต่ท่านมาเตือนให้เก็บของขึ้นที่สูงก่อนน้ำมาถึงบ้าน 2 อาทิตย์และผมถามท่านว่าน้ำจะเข้าบ้านไม๊ ท่านบอกว่าน้ำจะไม่เข้าบ้าน แต่จะปริ่ม ผมลองวัดดูเหลืออีก 15 เซนติเมตรน้ำก็จะเข้าบ้าน จากนั้นน้ำก็ค่อยๆลดลง

เรื่องภัยพิบัติจากทะเลคราวนี้ ท่านบอกผมไว้ล่วงหน้าประมาณ 13 ปี และท่านมาเตือนให้เก็บของเตรียมอพยพล่วงหน้า 5 เดือนและก็เตือนอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้

ก็เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างที่ท่านบอกนั่นแหละ หลังจากนั้นใครจะอยู่แบบทุกข์มาก ทุกข์น้อย ก็อยู่ที่การเตรียมการของแต่ละคน

คณะผมตุนข้าวเปลือกกับข้าวสารรวมกัน 30 ตัน น้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 15,000 ลิตร เครื่องปั่นไฟ ขนาด 5 kva 3 เครื่อง เครื่องสีข้าวด้วยมือ 5 เครื่อง เครื่องโม่แป้ง ตะเกียงน้ำมันก๊าซ 20 อัน รถมอเตอร์ไซด์ 2 คัน รถจักรยาน 3 คัน เครื่องปั๊มน้ำแรงลม 2 ชุด(ดึงน้ำจากบ่อบาดาล) บ่อน้ำชักรอก 3 บ่อ เลี้ยงปลา 5 กระชัง บึงน้ำ 4 บึง ที่ทำนา 25 ไร่ ที่ดินปลูกผัก 5 ไร่ ที่เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ รวมทั้งที่พัก(ห้องชุด) ประมาณ 20 units และที่พักรวม จำนวนหนึ่ง ตู้รถไฟ(ความยาว 16 เมตร) 3 ตู้ เอาไว้เป็นที่พักของญาติธรรม และมีวิหารขนาด 1200 ตรม. 1 หลัง ขนาด 100 ตรม. 2 หลัง ที่กันแดด กันฝนที่จะรองรับคนได้ประมาณ 500 คน เต๊นท์ประมาณ 40 หลัง รวมทั้ง เสื้อผ้ากันหนาว จอบ เสียม ขวาน สุนัข 6 ตัว แมว 5 ตัว ฯลฯ สรุปแล้ว ตุนทุกอย่างที่ขวางหน้าอันนี้เป็นของส่วนกลางที่จะใช้ร่วมกัน แต่สำหรับแต่ละคนเขาก็ซื้อของไว้เป็นของส่วนตัวอีกส่วนนึง ถ้าให้ได้ราคาถูกก็คือซื้อมามากๆแล้วก็แบ่งกัน

ที่จริงในพุทธสถานฯผมต้องการรองรับญาติธรรมที่สนิทๆ ญาติผมและของญาติของญาติธรรม รวมกันไม่เกิน 200 คน แต่เมื่อสัปดาห์ก่อน ปู่ขาวมหาราช ท่านมาบอกว่า ลูกจะมีที่พักรองรับผู้คนไม่เพียงพอ ให้สร้างเพิ่มเติม ลูกต้องเมตตาเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้มาก อันนี้ทำเอาผมกลุ้มเลย เพราะคณะผมเตรียมกันจนหมดหน้าตักแล้ว คนมามากเราจะเลี้ยงไม่ไหว

เมื่อถึงเวลาเราคงหาช่องทางในการสื่อสารบอกกันยากครับ เพราะเมื่อถึงตอนนั้นความแปรปรวนทางบรรยากาศจะทำลายระบบการสื่อสารแทบทั้งหมด โดยเฉพาะเครื่องมือสื่อสารที่ต้องใช้ไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งระบบจะถูกทำลายโดยพลังประจุไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่ก่อตัวขึ้นในบรรยากาศ ฟ้าจะผ่าสนั่นหวั่นไหวตลอดเวลาโดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งหลายฟ้าจะลงหมด

แค่เสียงดังมากๆนี่จิตก็คงจะตกไปอยู่ที่ตาตุมแล้วครับ จิตที่รับสภาวะนี้ได้ดีต้องฝึกให้จิตไม่สะดุ้งสะเทือนเมื่อมีเสียงดังมากๆจึงจะไม่กระทบจากเหตุการณ์นี้ครับ

สำหรับผู้ที่จะหนีไปทางอีสานหรือทางเหนือ ก็พยายามเลี่ยงริมน้ำโขงไว้นะครับ เมื่อถึงเวลานึงมวลน้ำขนาดใหญ่จะพัดผ่านแม่น้ำโขงด้วยครับ มาทั้งน้ำทั้งโคลนสีแดงๆ อยู่ห่างแม่น้ำโขงไว้สักประมาณ 1 กม. ก็น่าจะดีครับ พุทธสถานที่ผมจะไปอยู่นั้นจะอยู่ห่างจากน้ำโขงประมาณ 1.5 กม. เมื่อน้ำโขงไหลผ่านไปแล้ว ต่อไปริมฝั่งจะมาอยู่ใกล้กับที่ผมอยู่ประมาณ 1 กม.

ผมเองน่าจะหนีจาก กทม.ไปล่วงหน้าก่อนภัยพิบัติมา สัก 1-2 สัปดาห์ ก็คงประมาณหลังสงกรานต์ไปแล้วล่ะครับ หลังสงกรานต์ก็ไม่แน่ว่าจะได้มีเวลามาโพสต์ในนี้อีกหรือไม่ เพราะต้องเตรียมพร้อมหลายๆอย่าง

ในวันเกิดเหตุในเมืองไทยจะมีสิ่งบอกเหตุคือในตอนบ่ายท้องฟ้าจะมืดมิดกลายเป็นกลางคืนจากนั้นภายในไม่กี่ ชม. น้ำก็จะเข้า กทม. ครับ

นั่นคือสัญญาณของ "ฟ้ามืด แผ่นดินเคลื่อน" ครับ

ที่มา http://palungjit.org/threads/น้ำท่วมปี-2555-นี้จะร้ายแรงหรือไม่.325211/page-3

 

ศิวิไลซ์จะเกิดในสยาม

หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้

จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป

เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา

 

นิมิตเห็นภาพพายุทอร์นาโดพัดเข้าถล่มกรุงเทพฯ​

​

ล่าสุดมีเพื่อนผู้หญิงของผมคนหนึ่ง นิมิตเห็นภาพพายุที่เต็มไปด้วยโคลน หมุนเข้ามาทำลายบ้านเรือนในกรุงเทพฯ มาจากทางอ่าวไทย ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยทราบเรื่องภัยพิบัติมาก่อนเลย! มันก็น่าคิดนะท่านผู้ชม

โดย : ป [ 2005-10-02 01:05:23 ]

ที่มา ภาพในนิมิตกรุงเทพน้ำท่วมถึงยอดเสาไฟฟ้า!! โดย : ยังไม่อยากตาย ...

 

"พระแก้วมรกต"เปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อไหร่ให้รีบหนีทันที !!!​

​

<TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: Tahoma; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" width=550 border=0><TBODY><TR><TD style="FONT: 16px Tahoma; COLOR: rgb(48,48,48)">เป็นคำพยากรณ์หลวงปู่ครูบาชัยวงศ์ ฯ วัดพระพุทธบาทห้วย(ข้าว)ต้ม รู้สึกว่าจะอยู่ลำพูนนะ(ถ้าผิดขออภัย) ได้พยากรณ์ไว้ เรื่องเลวร้าย(ใหญ่)จะมีใน 2 ปีนี้ (ปีจอล่อ(ถึง)ปีกุน)และอย่างยิ่งก็คือช่วงนี้จะมีพระเถระ หลายองค์ได้มรณะลงในเวลาใกล้ ๆ กันนี้ ท่านผู้รู้ได้บอกว่าพวกท่านได้เสียสละชีวิต เพื่อต่อชะตาชาติบ้านเมืองไม่ให้โดนภัยพิบัติขึ้น รวมทั้งให้ภัยพิบัตินั้นคลายตัวลงบ้าง เพื่อช่วยเหลือญาติโยมทั้งหลายที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาให้พ้นภัยพอสมควร

แต่ถ้าใครถึงคราวที่จะต้องไป(ตาย)ท่านก็คงช่วยไม่ได้นะครับ เห็นมั้ยครับว่า ความเมตตาต่อสัตว์โลกของพระอริสงฆ์ทั้งหลายที่เสียสละชีวิตของตนเพื่อช่วยเหลือชาวไทยด้วยกัน มีมากมายขนาดไหน แต่กฏแห่งกรรม ก็คือ กฏนะครับ ถึงแม้จะเลี่ยงได้แต่ไม่หมดหรอกครับ มีพระอริยสงฆ์ทางอีสานได้บอกไว้ว่า จะมีเมือง ๆ หนึ่งที่ท่านเคยไปมา จะถูกทำลายจนจำสภาพเดิมไม่ได้เลย(อย่าถามนะครับว่าเป็นเมืองไหน เพราะท่านผู้ที่เล่าให้ฟังไม่ยอมบอกเหมือนกันครับ) แต่ท่านมีสิ่งที่สังเกตให้ทราบว่าจะมีเหตุการณ์นั้นเมื่อไหร่ มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้บอกไว้ว่า

" ให้ดูพระแก้วมรกตให้ดี เมื่อไหร่ก็ตามที่พระแก้วมรกต เปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีแดงเมื่อไหร่ ให้รีบหนีทันที ท่านบอกว่าต้องไกลอย่างน้อยจังหวัดพิษณุโลกขึ้นไปถึงปลอดภัย " ตามปกติผมไม่ค่อยบอกที่รู้มาเรื่องพวกนี้เท่าไหร่เพราะเป็นเรื่องพยากรณ์ในอนาคตที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และอีกอย่างสิ่งที่เล่ามาก็ได้ฟังมาอีกทีหนึ่ง มิได้ฟังมาจากครูบาอาจารย์เอง ทำให้บางครั้งก็สงสัยเหมือนกันว่าจะเป็นจริงรึป่าว ผมคิดอยู่นานเหมือนกันที่จะบอกเรื่องนี้

แต่เมื่อคิดแล้วว่า ถ้ามันเกิดขึ้นจริงแล้วผมบอกเรื่องนี้ให้ท่านทราบ(บางท่านก็อาจจะทราบแล้วก็ได้) อย่างน้อยก็สามารถช่วยชีวิตท่านทั้งหลายได้บ้างก็เป็นได้ อย่างน้อยสัก 1 คนผมก็ถือว่าคุ้มครับ เอายังงี้ดีกว่านะครับ ในเวลา 2 ปี ต่อจากนี้ถ้าพระแก้วมรกตไม่เปลี่ยนแปลงก็แล้วไป แต่ถ้าพระแก้ว ฯ เปลี่ยนละก้อ อาจจะเป็นลางบอกเหตุเหมือนกับที่เกิดกับกรุงศรี ฯ ก็เป็นได้ พอถึงตอนนั้นพวกเราค่อยคิดวางแผนจะไปที่ไหนอีกทีดีกว่านะครับ

ผมขอย้ำนะครับว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เล่ามาทั้งหมดอาจเกิดขึ้น หรือไม่เกิดเลยก็ได้ มีปัจจัยหลายอย่างที่สนับสนุนให้มี หรือไม่มีได้ อย่าตกใจจนเกินไป เพืยงเราเตรียมตัวไว้บ้างเท่านั้น ทำชีวิตเราให้มีค่าขึ้น ดีขึ้น ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ขึ้นจริง ๆ เราก็ไม่กลัว เรามีหลวงพ่อฤษี เป็นกำลังใจสำคัญ โดยมีหลวงพ่อใหญ่(พระพุทธเจ้า)เป็นสิ่งยึดมั่นแล้วถ้าถึงคราวจริง ๆ อย่างน้อยก็สวรรค์ อย่างกลาง ก็ พรหม หรืออย่างดีก็ไป นิพพานเลย ไม่ดีกว่าหรือครับ

</TD></TR><TR align=right><TD style="FONT: 16px Tahoma; COLOR: rgb(48,48,48)">

จากคุณ เทพ เทวา เมื่อวันที่ 26/7/2548 18:06:09

ที่มา http://www.buddha-dhamma.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=buddha-dhammacom&thispage=1&No=71200​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

คุณ Aunyasit เขียนได้ตื่นเต้นดีจังเลย อ่านแล้วน่าติดตามมากๆ ขอบคุณครับที่เตือน ถ้าเกิดขึ้นจริง เมื่อมีสัญญาณ รบกวนมาเตือนในเวปด้วยนะครับ พี่ๆน้องๆจะได้รอดกันถ้วนหน้า ขอให้ได้บุญเยอะๆในการเตือนครั้งนี้ครับ

 

เป็นนิมิตตั้งแต่ปี 2005 ตรงกับจิตจักรวาลบอกไว้นะคะพี่เกษม
เมื่อคืนนั่งฟังถึงห้าทุ่ม อ.ออลไลน์ มาจากเชียงใหม่บอกเหตุที่จะเกิด
กับภาคเหนือ วันนี้ก็มีบรรยาย
<center>ฟังบรรยายธรรมะครั้งที่ 179/3
โดยท่านอาจารย์ปริญญา ตันสกุล
ในหัวข้อเรื่อง "21-12-12 โลกไม่แตกแต่คนจะสติแตก"
ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 ณ อาคารเดอะพาซ่า จ.เชียงใหม่
เวลา 15.00 - 17.30 น.

http://www.jitchakraval.com/home/index.php?option=com_content&view=article&id=216&Itemid=245
</center>

 

ขอบพระคุณครับ :d

 

ขอขอบคุณคุณเกษม และคุณ Aunyasit มากๆครับที่ส่งข่าวมาเตือน
-สิ้นเดือนนี้ผมลาออกจากงานแล้ว ลาก่อนกรุงเทพ จะกลับไปเป็นเด็กเชียงรายเหมือนเดิม จะพาแม่กลับไปอยู่บ้านเกิดเมืองนอนครับ
-ตอนแรกตั้งใจจะไปเปิดร้านขายของอยู่แถวเชียงแสน แต่คงต้องหาทำเลใหม่แล้วล่ะครับ บ้านผมอยู่ห่างจากน้ำโขงประมาณเกือบๆ 30 กิโลเมตร คงปลอดภัย และหนีขึ้นดอยตุงทันนะครับ
-หลานชายเรียนอยู่ ม.บูรพา จ.ชลบุรี อดเป็นห่วงไม่ได้ ทำยังไงดีหนอ
-กลับบ้านไปคงต้้องเตรียมข้าวปลาอาหารแห้ง ยารักษาโรค ของของต่างๆ เตรียมไว้บ้างแล้วล่ะครับ

 

นิ่งไว้โยม สติโยม
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

 

อย่าถึงกะลาออกจากงานเลย ขอใหคุณดำเนินชีวิตไปตามปกติ เอาไว้มีสัญญาณชัดเจนค่อยอพยพก็ยังทัน

 

ส่วนมากคนที่อยู่ต่างจังหวัด คิดว่าใคร ๆ ก็คงอยากจะกลับไปอยู่ที่บ้าน
แต่อย่างไรก็อย่าลืมพิจารณาผลดี ผลเสีย หลาย ๆ ด้านด้วยนะค่ะ

เมื่อเช้าสื่อเอาข่าว ในประเทศจีนมีการเอาก้อนหินทุบหัว จี้เอาเงินกันที่หน้าตู้ ATM มาออกอากาศ
ในความคิดเห็นเรา ก็กลัวเหลือเกินว่าจะเป็นการชี้ช่องทางให้โจรในเมืองไทยหรือเปล่า
เพื่อน ๆ ระวังตัวด้วยนะค่ะ จะกดเงินก็ระวังหน้า ระวังหลังด้วย

 

*** สัจจะ ****

การปลดนิสัยตนเอง ที่ทำได้จริง
เกิดเป็นตัวกระทำ ที่มีผลตอบแทน
นำพาให้รอดพ้นภัย ก้าวข้ามพ้นกรรมของตนเองไปได้
โคตรของปฏิหาริย์ อยู่ที่ "สัจจะ"
ใครมีปัญญา ก็มาเอาไป !!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

พุทธสถานที่ผมจะไปอยู่นั้นจะอยู่ห่างจากน้ำโขงประมาณ 1.5 กม. เมื่อน้ำโขงไหลผ่านไปแล้ว ต่อไปริมฝั่งจะมาอยู่ใกล้กับที่ผมอยู่ประมาณ 1 กม.
ผมเองน่าจะหนีจาก กทม.ไปล่วงหน้าก่อนภัยพิบัติมา สัก 1-2 สัปดาห์ ก็คงประมาณหลังสงกรานต์ไปแล้วล่ะครับ หลังสงกรานต์ก็ไม่แน่ว่าจะได้มีเวลามาโพสต์ในนี้อีกหรือไม่ เพราะต้องเตรียมพร้อมหลายๆอย่าง
ไม่ทราบว่าพุทธสถานของท่านอยู่จังหวัดอะไรคะ ใกล้หนองคายรึเปล่าคะ