ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

10 วิธีเพื่อความปลอดภัยยามแผ่นดินไหว​

1) เกือบทุกคนที่ "มุดและหาที่กำบัง" เมื่ออาคารถล่มถูกทับอัดจนตาย คนที่เข้าไปอยู่ใต้สิ่งของ อาทิ โต๊ะหรือรถยนต์ถูกอัดทับ

2) แมว หมา และเด็กทารก โดยธรรมชาติมักจะขดตัวในท่าเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา คุณควรทำเช่น กันในกรณีแผ่นดินไหว มันเป็นสัญชาติญาณเพื่อความปลอดภัย/รักษาชีวิต คุณสามารถมีชีวิตรอดในช่องว่าง ที่เล็กกว่า ไปอยู่ข้างๆ สิ่งของข้างเก้าอี้โซฟา ข้างของหนักๆ ชิ้นใหญ่ๆ ที่จะบี้แบนไปบ้างแต่ยังเหลือที่ ว่างข้างๆ มันไว้

3) อาคารไม้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ปลอดภัยที่สุดที่จะอยู่ภายในขณะแผ่นดินไหวไม้มีความยืดหยุ่นและเคลื่อน ตัวตามแรงของแผ่นดินไหว ถ้าอาคารไม้จะถล่มจะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อช่วยชีวิต และอาคารไม้ยัง มีน้ำหนักทับทำลายที่เป็นอันตรายน้อยกว่า อาคารอิฐจะแตกพังเป็นก้อนอิฐมากมาย ก้อนอิฐเหล่านี้เป็น สามเหตุของการบาดเจ็บแต่จะทับอัดร่างกายน้อยกว่าแผ่นคอนกรีต

4) ตอนกลางคืนและเกิดแผ่นดินไหว เพียงกลิ้งลงจากเตียงช่องว่างที่ ปลอดภัยจะเกิดรอบๆ เตียง โรงแรมจะสามารถเพิ่มอัตราผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวได้โดยเพียงติดป้าย หลังประตูในทุกห้องพักบอกให้ผู้เข้าพักนอนราบกับพื้นข้างๆขาเตียงระหว่างแผ่นดินไหว

5) หากมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นและคุณไม่สามารถหนี้ออกมาง่ายๆทางประตูหรือหน้าต่าง ก็ให้นอนราบและ ขดตัวในท่าทารกในครรภ์ข้างๆ เก้าอี้โซฟาหรือเก้าอี้ตัวใหญ่ๆ

6) เกือบทุกคนที่อยู่ตรงช่องประตูตอนตึกถล่มไม่รอด เพราะอะไร? หากคุณยืนอยู่ตรงช่องประตูและวง กบประตูล้มไปข้างหน้าหรือข้างหลังคุณจะโดนเพดานด้านบนตกลงมาทับ หากวงกบประตูล้มออกด้านข้าง คุณจะถูกตัดเป็นสองท่อนโดยช่องประตู ไม่ว่ากรณีไหน คุณไม่รอดทั้งนั้น!

7) อย่าใช้บันไดเด็ดขาด บันไดมี "ช่วงการเคลื่อนตัว" ที่แตกต่างไป (บันไดจะมีการแกว่งแยกจากตัว อาคาร) บันไดและส่วนที่เหลือของตัวอาคารจะชนกระแทกกันอย่างต่อเนื่องจนเกิดปัญหากับโครงสร้าง ของบันได คนที่อยู่บนบันไดก่อนที่บันไดจะถล่มถูกตัดเป็นชิ้นโดยชั้นบันได--ถูกแยกส่วนอย่างน่าสยดสยอง ถึงอาคารจะไม่ถล่มก็ควรอยู่ห่างบันไดไว้ บันไดเป็นส่วนของอาคารที่มีโอกาสถูกทำให้เสียหายถึงแม้แผ่น ดินไหวจะไม่ได้ทำให้บันไดถล่ม มันอาจถล่มในเวลาต่อมาเมื่อรับน้ำหนักมากเกินไปจากคนที่กำลังหนี มัน ควรได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยเสมอ ถึงแม้ส่วนที่เหลือของอาคารจะไม่ได้รับความเสียหายก็ตาม

ไปอยู่ใกล้กำแพงด้านนอกของอาคารหรือออกจากอาคารถ้าเป็นไปได้ จะเป็นการดีกว่ามากที่จะอยู่ ใกล้ส่วนนอกของอาคารมากกว่าจะอยู่ที่ส่วนในของอาคารคุณยิ่งอยู่ลึกเข้าไปหรือไกลจากบริเวณภายนอก ของอาคารมากเท่าไหร่ โอกาสที่ทางหนีของคุณจะถูกปิดกั้นยิ่งมีมาก

9) คนที่อยู่ภายในรถยนต์ถูกทับอัดเมื่อถนนด้านบนตกลงมาเพราะแผ่นดินไหวและทับรถของพวกเขา นี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับแผ่นคอนกรีตระหว่างชั้นของถนนหลวงนิมิทซ์ ผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดจากแผ่นดินไหวที่ ซานฟรานซิสโกอยู่ในรถของตัวเอง พวกเขาตายทั้งหมด พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ง่ายๆด้วยการ ออกจากรถและนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างๆ รถตัวเอง คนที่ตายทุกคนอาจรอดได้ถ้าพวกเขาสามารถออก จากรถและนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างรถตัวเอง รถที่ถูกทับอัดทุกคันมีช่องว่างสูง 3 ฟุตอยู่ข้างๆยกเว้นรถที่ ถูกเสาคาดตกทับกลางคันรถ

10)ผมค้นพบ--ขณะที่คลานเข้าไปในซากสำนักงานหนังสือพิมพ์และสำนักงานอื่นที่มีกระดาษจำนวนมาก --ว่ากระดาษไม่อัดตัว จะพบช่องว่างขนาดใหญ่รอบๆกองกระดาษที่เรียงทับซ้อนกัน

ที่มา : วิธีเอาตัวรอดขณะเกิดแผ่นดินไหว

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ ท่านผู้รู้ทุกท่าน โดยเฉพาะท่านหนุมานผู้นำสาร
ดิฉันเคยเห็นพระอาทิตย์ 2 ดวง ครั้งหนึ่งค่ะ ตอนเย็นที่บ้านนี่ล่ะค่ะ เสียดายไม่ได้ถ่ายวีดีโอไว้ หลังจากนั้นไม่เคยเห็นอีกเลยค่ะ แต่ตอนที่เห็นก็เห็นชัดมากนะคะ เป็น 2 ดวงจริงๆ ดวงนึงเล็กกว่า แต่สว่างเหมือนพระอาทิตย์ เห็นอยู่ตั้งแต่ประมาณ 5 โมงเย็นจนพระอาทิตย์ลับหายไปค่ะ น่าจะซัก 40 นาที นานเหมือนกัน น่าจะเป็นซักช่วงเดือนมิถุนา-กรกฏา ของปีที่แล้ว จำไม่ได้แน่ ไม่ได้จดไว้ แต่ที่แน่ๆ ก่อนน้ำท่วมใหญ่ เคยมาเล่าไว้ในกระทู้นี้เหมือนกันค่ะ ที่สังเกตท้องฟ้า ก็เพราะเห็นคลิปในเว๊บนี้แหละ หลังจากดูคลิปก็พยายามสังเกตท้องฟ้าบ้าง ประมาณ 3-4 วันหลังจากได้รับข้อมูลก็เห็นเลยค่ะ

 

สภาพอากาศยุโรปวิกฤติหนัก แม่น้ำดานูบกลายเป็นน้ำแข็ง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน แม่น้ำดานูบ ซึ่งเป็น แม่น้ำสายสำคัญของช่วยุโรป ที่ไหลผ่าน 9 ประเทศ กำลังกลายเป็นน้ำแข็ง ส่งผลกระทบต่อเส้นทางเดินเรือ รวมทั้งบริษัทเดินเรือในยุโรปต้องขาดทุน เนื่องจากไม่สามารถเดินเรือได้ โดยสภาพอากาศที่หนาวเย็นยังทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปแล้ว กว่า 460 ราย

โดยสภาพแม่น้ำกลายเป็น แผ่นน้ำแข็งหนาเต็มผิวน้ำ การค้าต่างๆของประเทศที่แม่น้ำไหลผ่านต้องหยุดชะงัก และเรือถึง 224 ลำติดอยู่กลางแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็ง เมืองต่างๆ ของโรมาเนียต้องเผชิญกับหิมะตกหนาถึง 2 เมตร ท่วมทับบ้านหลายหลังอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในภายในเป็นการด่วน

นอกจากนี้ มีการพยากรณ์ว่า หิมะจะตกหนักต่อเนื่อง อย่างน้อยตลอดสุดสัปดาห์นี้ ส่วนที่ยูเครน ทะเลที่เป็นน้ำแข็งส่งผลให้เรือขนส่งสินค้าติดอยู่กลางทะเลถึง 126 ลำ ในบางพื้นที่อุณหภูมิยังลดต่ำถึง -30 องศาฯ
แม่น้ำดานูบ ยาว 2,812 กิโลเมตร ต้นน้ำอยู่ในป่า Black Forest ของเยอรมนี ไหลผ่าน 9 ประเทศในยุโรป เริ่มเป็นน้ำแข็งตั้งแต่ต้นเดือนนี้ เมื่ออุณหภูมิลดต่ำลงถึง -20 องศาเซลเซียส
Mthai News

เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com

แท็ก : กลายเป็นน้ำแข็ง, แม่น้ำดานูบ




MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวช็อควงการเพลง ว่า วิทนีย์ ฮูสตัน นักร้องสาวเสียงคุณภาพ และดาราเจ้าบทบาทสัญชาติอเมริกัน เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 48 ปี เมื่อวันเสาร์ที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คริสเตน ฟอสเตอร์ ประชาสัมพันธ์ประจำตัวนักร้องชื่อดังได้ออกมาระบุว่าข่าวการเสียชีวิตของวิทนีย์ ฮูสตันเป็นความจริง และทางตำรวจยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้
สำหรับวิทนีย์ ฮูสตัน เจ้าของเพลงอมตะ ไอ วิล ออเวย์ส เลิฟ ยู (I Will Always Love You) และ วัน โมเมนท์ อิน ทาม (One Moment in Time) เป็นนักร้องหญิงคนแรกที่มีอัลบั้มเพลงเปิดตัวอันดับที่ 1 บนบิลบอร์ดชาร์ต และมีซิงเกลเพลงฮิตมากมาย โดยมียอดจำหน่ายมากกว่า 200 ก๊อปปี้ทั่วโลก จนได้รับการยกย่องจากคนทั่วโลก วิทนีย์ และกำลังจะมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง Sparkle ออกฉายในช่วงฤดูร้อนปีนี้ด้วย
Mthai News

 

"ตายอย่างรู้ อยู่อย่างเห็น"

อย่ากลัวตายร้าย แต่ขอให้กลัว จะอยู่อย่างไม่ได้เตรียมตัวไปดี ก็แล้วกัน

--------------------------------------------------------

" เห็นคนตาย ก็หมายรู้ เดี๋ยวกูด้วย

อีกไม่ช้า ชราป่วย แล้วม้วยสูญ

ศพวางนอน อย่างขอนไม้ คล้ายอิฐปูน

รอขึ้นเผา ให้เอาศูนย์ มานับกาย

เหลือเพียงชื่อ ให้ลือจำ ทำไมเล่า

เขาก็รอ คอขึ้นเขียง เรียงจากหาย

เหมือนกับเรา เฝ้าจดจำ แล้วกลับตาย

ชื่อก็วาย กายก็วาง ว่างหมดกัน”

ทางนฤพาน / ดังตฤณ
......................

 

เห็นด้วยกับท่านเป็นอย่างมาก "อย่ากลัวตาย แต่ขอให้กลัว จะอยู่อย่างไม่ได้เตรียมตัวไปดี" จริงครับไม่ช้าก็เร็วต้องตายทุกคน เกิดเท่าไร ตายเท่านั้น ดังนั้นควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะตายนั่นแหละดีที่สุด

 

ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เห็นใครสักคน ที่ไม่ตาย เรื่องตาย ไม่ว่าตายจากเจ็บป่วย อุบัติเหตุ รึภัยธรรมชาติ สักวันก็ต้องมาถึงทุกคนอยู่เอง

[SIZE=+2]ระลึกถึงความตายสบายนัก [/SIZE]​

[SIZE=+2]มันหักรักหักหลงในสงสาร[/SIZE]​

[SIZE=+2]บรรเทามืดโมหันต์อันธการ[/SIZE]​

[SIZE=+2]ทำให้หาญหายสะดุ้งไม่ยุ่งใจ[/SIZE]​

พระศาสนโสภณ (จตตสลลเถร)​

" ไม่ว่าจะหลีกหนีให้ไกลเพียงใด

เราทุกคนก็หนีความตายไม่พ้น

ในเมื่อจะต้องเจอกับความตายอย่างแน่นอน

แทนที่จะวิ่งหนีความตายอย่างไร้ผล

จะไม่ดีกว่าหรือหากเราหันมาเตรียมใจรับมือกับความตาย "


พระไพศาล วิสาโล




ดาวน์โหลดเอกสารได้ที่นี่ <!-- google_ad_section_end -->

 

R.I.P. Whitney Houston

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เกือบทุกภาคมีฝนตก กทม.ฝน 20 % ของพื้นที่ -เหนือ อีสานอากาศเย็น </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า
ในขณะที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นเข้ามา ทำให้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> กฟผ.โต้'สมิธ'ยืนยันเขื่อนวชิราลงกรณแข็งแรง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>"กฟผ."โต้"สมิธ"ยืนยันเขื่อนวชิราลงกรณ์ แข็งแรง ระบุยังไม่มีข้อมูลบอกเหตุแผ่นดินไหว จ.กาญจนบุรี บอกตรวจสอบตัวเขื่อนทุกวัน
<!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>-->

<!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> -->

นายดิลก ธโนศวรรย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ-บริหาร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี กล่าวถึงกรณีที่ นายสมิธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เตือนให้ระวังรอยเลื่อนแผ่นดินไหวในพื้นที่กาญจนบุรี จะส่งผลกระทบต่อเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์ว่า ขณะนี้ทางเขื่อนวชิราลกรณ ยังไม่มีข้อมูลบอกเหตุว่ามีแผ่นดินไหวในพื้นที่รอบๆใกล้เคียง ตนขอให้ประชาชนมั่นใจว่าปลอดภัยและมั่นคงแข็งแรง ทางเขื่อนมีหน่วยงานตรวจสอบตัวเขื่อนโดยตรง มีการตรวจสอบทุกวัน และยังมีการกำหนดการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทุก 2 ปี


ในกรณีที่เขื่อนมีระดับน้ำสูงก็มีการตรวจสอบเป็นพิเศษ โดยจากผลการตรวจสอบเขื่อนยังมั่นคงแข็งแรงประชาชนสามารถดูภาพเขื่อนวชิราลงกรณได้ทาง เวปไซต์ vrk.egat.com ได้ตลอดเวลา ฝากถึงประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเที่ยว จ.กาญจนบุรีเหมือนเดิม.
<!-- Tags Keyword -->
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ชงโมเดลแก้มลิงบูรณาการน้ำท่วมซ้ำซาก </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
วันนี้( 12 ก.พ.) นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการชลประทานขนาดใหญ่ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ ได้สั่งการให้กรมชลประทานในแต่จังหวัดลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา 11 จังหวัดโดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ลงเอ็กซเรย์พื้นที่เพื่อทำเป็นแก้มลิง รับน้ำหลากให้ทันในฤดูฝนที่จะถึงก่อนเดือนพ.ค.นี้ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่สำนักงานชลประทานในจังหวัดต่างๆได้เข้าพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เพื่อสรุปข้อมูลเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด นำรายงานต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในระหว่างเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าการเตรียมรับมือกับปัญหาอุกทภัยในปี 55 หรือทัวร์นกขมิ้น เพื่อให้นายกฯรับทราบและมีส่วนในการตัดสินใจว่าจะใช้พื้นที่ใดเป็นพื้นที่แก้มลิงรับน้ำเหนือให้ได้ 5 พันล้านลูกบาศ์กเมตร ที่ผ่านมาทุกปีพื้นที่ลุ่มต่ำในทุ่งเจ้าพระยา ทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก มีศักยภาพรับน้ำได้เพียง 2 พันล้านลูกบาศ์กเมตร โดยในปี 55 คณะกรรมการ กยน.มีนโยบายให้ กระทรวงเกษตรฯตั้งคณะทำงานหาพื้นที่รับน้ำนองหรือแก้มลิง อีก 3 พันล้านลูกบาศ์กเมตร โดยต้องหาพื้นที่มีลักษณะกายภาพทางธรรมชาติเป็นแก้มลิงได้ มีทางน้ำเข้าและทางน้ำออกและควบคุมให้น้ำอยู่ในพื้นที่ได้ในระยะเวลาที่กำหนดเพื่อเป็นการชะลอปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ให้สูงเกินจนล้นตลิ่ง

“โดยลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำที่ท่วมทุกปี มีทางน้ำเข้าไปเองโดยไม่ต้องบังคับเป็นลักษณะแรกของพื้นที่ที่ต้องเลือกเป็นแก้มลิง แน่นอนเช่นทุ่งบางระกำ ทุ่งท่าวุ้ง ทุ่งอยุธยา อ่างทอง เป็นส่วนใหญ่ ส่วนพื้นที่อื่นที่ต้องพาเพิ่มจะต้องบังคับเอาน้ำเข้าไปและต้องไปสร้างประตูน้ำเพื่อควบคุมน้ำ รวมทั้งใช้ถนนเป็นแนวคันกั้นไม่ให้น้ำออก พื้นที่เหล่านี้จะมีปัญหาเรื่องค่าชดเชย ระยะเวลาการท่วม ความลึกและการปรับระบบเพาะปลูก ตรงจุดนี้เป็นเรื่องที่นำมาสรุปภายหลังจากที่นายกฯลงพื้นที่รับฟังปัญหาข้อเท็จจริงรอบด้าน หากดูให้แผนที่อย่างเดียวจะไม่ได้เห็นสภาพพื้นที่จริง ในขณะนี้มีการทำเป็นแบบจำลอง พื้นที่ทั้งหมดที่ใช้เป็นแก้มลิง 2 ล้านไร่ ให้นายกฯได้พิจารณาก่อนลงพื้นที่แล้วล่วงหน้า 1 วัน โดยเฉลี่ยความลึกที่จะเอาน้ำเข้าไปเก็บไว้ 1.50 เมตร ระยะเวลานาน 1-2 เดือน โดยอยู่บนเงื่อนไขว่าจะไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เศรษฐกิจ ที่เคยถูกน้ำท่วมเมื่อปี 54 ”นายสมเกียรติ กล่าว


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>กทพ.เตรียมศึกษาสร้างทางด่วนที่เชียงใหม่แก้รถติด </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กทพ.เตรียมศึกษาสร้างทางด่วนที่เชียงใหม่แก้รถติด

นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. กล่าวว่า ขณะนี้ กทพ.มีแผนศึกษาและก่อสร้างเส้นทางพิเศษ หรือทางด่วนที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร โดยคณะทำงานอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้าง เพื่อเสนอกระทรวงคมนาคมและขออนุมัติคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้ได้วางแผนศึกษาเส้นทางด่วนไว้ 3 เส้นทาง โดยจะใช้วงแหวนจราจรทั้ง 3 วงใน จ.เชียงใหม่ เป็นจุดเริ่มต้น เพื่อขยายไปสู่พื้นที่รอบนอก เบื้องต้นคาดว่า จะเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้กับประชาชน เดินทางสะดวกขึ้น และเพิ่มศักยภาพการขนส่งในภาคโลจิสติกส์ การท่องเที่ยว รวมทั้งสนับสนุนการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> คุณยายทวดอายุ100ปี ชาว อ.พระพุทธบาท เผย!คุยกับผีทุกคืน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ บ้านเลขที่ 38 หมู่ 5 ต.ห้วยป่าหวาย อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 กุมภาพันธ์

หลังจากทราบว่า มีคุณยายท่านหนึ่งอายุครบ 100 ปี ทราบชื่อคือ คุณยายทวด แบน คำรอด อายุ 100 ปี ซึ่งมีสภาพร่างกายอ่อนโรยตามวัย ตาทั้งสองข้างมองไม่เห็น เพราะเป็นตาต้อกระจกเนื้อ มาหลายปี แต่ความจำยังดีเลิศ บอกชื่อลูกหลานจะจำได้หมด
ทั้งนี้ เมื่อดูตามบัตรประชาชนล่าสุด ของคุณยายทวดแบนนพบว่า เกิดเมื่อพ.ศ. 2455 บัตรประชาชนในล่าสุด

ออก ที่ 3 ส.บ.7-003037 วันออกบัตร 28 กุมภาพันธ์ 2520 บัตรหมดอายุ 27 กุมภาพันธ์ 2526 ( ขณะนั้นอายุได้ 65 ปี รูปในบัตรประชาชน สูงประมาณ 151 ซ.ม. สมัยนั้นยังไม่มีหมายเลขประจำตัว)โดย มีนางแก้วตา ลูกสาวคนที่ 3 อายุ 59 ปีดูแลอย่างใกล้ชิด โดยครอบครัวของคุณยาย ปลูกข้าวโพดหวาน สลับกับปลูกมันแกว ปลูกถั่ว มีต้นมะพร้าวน้ำหอม น้ำมะพร้าวหอมหวานอร่อยกลมกล่อมมีกลิ่นใบเตยตามธรรมชาติ มีต้นแค เก็บดอกแคขายเกือบทุกวัน พื้นดินเป็นดินสีดำ เป็นดินดี

สอบถามทราบว่า คุณยายทวดแบน มี ลูก 7 คน เป็นชาย 3 หญิง 4 ลูกๆ เสียชีวิตไปแล้ว 2 คน

ทั้งชายและหญิง ลูกชายคนโต นายอ่อน อายุ เกือบ 80 ปีแล้ว เดินต้องใช้ไม้เท้าช่วยในการเดิน ลูกสาวคนที่ 3 ที่ดูแลคุณแม่ นางแบนมาตลอด อายุ 69 ปี คนอื่นๆ ก็มีอายุลดหลั่นกันลงมา นางแบน หรือ คุณยายทวด แบน ไม่ชอบรับประทานเนื้อสัตว์ ถ้าเป็นเนื้อไก่ จะไม่กินเลย ชอบกินข้าว กับมะม่วงสุก กินข้าวกับกล้วยน้ำหว้า ขนมจีน น้ำยา ขนมจีนน้ำยาน้ำพริก ชอบกินผัก และขนมหวานตบท้ายข้าวทุกมื้อ โดยเวลามีลูกหลานมาเที่ยวหา มาเยี่ยม ก็จะมีคนให้เงินแก่คุณยายทวดแบน ซึ่งเจ้าตัวก็เก็บใส่ห่อผ้ายัดซ่อนไว้ใต้หมอน เวลานี้มีเงินเก็บในห่อผ้าใต้หมอนกว่า 30,000 บาท แล้ว

จากคำบอกเล่าของลูกหลานคุณยายทวดแบน บอกว่า หลัง 19.00 น.

ซึ่งเป็นเวลาที่คุณยายทวดแบน จะเข้านอน จะมีผีทั่วๆ ไปมาคุยกับคุณยายแบน เกือบทุกคืน คุณยายแบน จะอ้างว่า ที่ถนนจะมีบ้านผีเต็มไปหมด โดยมีผี ชื่อ ยายไสว บ้านอยู่ โคกสำโรง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นญาติห่างๆ รู้จักกัน เสียชีวิตไปนานแล้ว มาคุยด้วยประจำ บอกว่า อดอยาก ส่วนใหญ่ผีจะอดอยากไม่ค่อยมีอะไรกิน เพราะลูกหลานไม่ทำบุญไปให้ ผียายไสวเคยขอยืมตังค์ ยายแบนให้ยืมไป 50 บาท นอกจากนี้ คุณยายทวดแบนยังอ้างว่า มียมทูต เป็นผู้ชายร่างใหญ่ตัวดำๆ จะมาเอาตัว ยายแบนไปด้วยหลายครั้ง ทั้งเวลากลางวันบ้าง เวลากลางคืนบ้าง แต่ยายแบนไม่ยอมไป ก็จะร้องเรียกให้ลูกสาวช่วย ชายร่างใหญ่ตัวดำก็จะกระโจนออกหน้าต่างหายไป

ทั้งนี้ คุณยายทวดแบน สั่งลูกๆ หลานๆ ว่า เมื่อหมดใจ เมื่อไหร่เงินในห่อผ้านี้อย่าไปใช้ ห้ามนำไปใช้ ให้เอาเงินนี้ทำบุญถวายพระให้หมด เวลาตายไปจะได้มีเงินใช้ ไม่อดอยาก พร้อมบอกลูกหลานว่า จะอยู่ต่ออีก 5 ปี และให้มั่นทำบุญกันให้มากๆ อีกด้วย

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

แดดแรง อากาศร้อนนะครับ

 

อย่างที่พระท่านว่าค่ะ ขออนุโมทาสาธุกับบทความ ปลงสังขารกันดีกว่า เกิดมาเป็นมนุษย์ก็ต้องตายอยู่ดี หันมาเตรียมใจรับมือกับความตาย นี่คือแก่นแท้ที่มนุษย์ทุกคนพึงกระทำ

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้น หลายภาคมีฝนฟ้าคะนอง -กทม.ฝน 20% ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ เริ่มมีกำลังอ่อนลงลักษณะเช่นนี้ ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคง ทำให้บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นเข้ามา ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งเกิดขึ้นได้ในระยะนี้


พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 13-22 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เตือนระวังใต้ฝุ่น 27ลูก คาดน้ำปีนี้มาก 2 หมื่นล้าน ลบ.ม </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>วานนี้ (13 ก.พ.) ที่เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์

ได้รายงานสถานการณ์น้ำให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรํัฐมนตรี ในตอนหนึ่งว่า ได้มีการคาดการพยากรณ์ปริมาณน้ำในปีนี้ โดยเป็นการรวบรวมข้อมุลจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ ไอซีที และเกษตร จะมีไต้ฝุ่น 27 ลูก พายุโซนร้อย 3-4 ลูก ระดับน้ำทะเลจะสูงกว่าปีที่แล้ว 15 ซม. ทำให้การระบายน้ำทำได้ค่อนข้างยาก แต่ปีนี้เราได้คาดการณ์ปริมาณน้ำว่าจะมี 2 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะต้องให้เขื่อนกักเก็บน้ำให้ได้ 5 พันล้าน ลบ.ม. และเก็บในแก้มลิงอีก 5 พันล้าน ลบ.ม. ส่วนที่เหลืออีก 1 หมื่นล้าน ลบ.ม. ให้ปล่อยผ่านเข้าสู่พื้นที่กทม. ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาระบายน้ำ 45 วัน แต่ยืนยันว่าน้ำจะไม่ท่วมกทม.แน่นอน เราเอาอยู่


นอกจากนี้ในส่วนของระบบเตือนภัย ได้มอบหมายให้ ปภ. รับผิดชอบ แต่ในการสั่งอพยพนั้น ให้เป็นการตัดสินใจของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติหน่วยงานเดียว

เพื่อป้องกันความสับสน และในการแจ้งเตือนประชาชน จะต้องเชื่อมโยงข้อมุลให้ลงลึกถึงระดับชุมชน หมุ่บ้าน ไม่ใช่เฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดเท่านั้น ทุกระดับต้องเข้าถึงข้อมูลแหล่งเดียวกัน และให้มีการติดตั้งซีซีทีวีที่ประตูระบายน้ำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยการบูรณาการทั้งหมดนี้จะสามารถทำได้เสร็จภายใน 3 เดือนอย่างแน่นอน

ด้านนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตร กล่าวรายงานว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 78 ของความจุเขื่อน โดยในเดือน พ.ค. จะพร่องน้ำให้เหลือร้อยละ 45 ให้ได้ แต่ก็ขอเตือนว่าโอกาสที่จะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมีสูงหากปริมาณน้ำฝนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย และนายปลอดประสพ

เร่งดำเนินการจัดทำระบบข้อมูลการพยากรณ์อากาศและการเตือนภัย ให้เสร็จภายใน 3 เดือน โดยการเตือนภัยจะต้องลงไปถึงระดับหมู่บ้าน นอกจากนี้สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนอีกเรื่องคือการปลูกป่าในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม เร่งจัดทำฝายระบายน้ำ โดยให้ กยนชี้จุดในพื้นที่ และทำแผนให้เสร็จในคืนนี้ เพื่อที่จะสั่งการให้ผู้ว่าฯ ดำเนินการปลูกป่าในทันที โดยต้องให้โครงการหลวงเป็นเจ้าภาพ โดยต้องดำเนินการปลุกป่าให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน และขอให้ กยน.และกรมชลประทานไปรวมกันตั้งคณะกรรมกาขึ้นมาดูการระบายน้ำในเขื่อน น้ำทุ่ง และพื้นที่รับน้ำ 1 ชุด เพื่อบริหารจัดการน้ำ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เริ่มแล้วซ่อมใหญ่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรี </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>วันที่ 12 ก.พ. ที่บริเวณประตูระบายน้ำบางโฉมศรี หมู่ที่ 9 ต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

ที่ได้รับความเสียหายช่วงวิกฤตมหาอุทกภัยเมื่อปลายปีก่อน กระทั่งเป็นเหตุให้สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัด รวมถึงพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ รุนแรงยิ่งขึ้น ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ไปจัดบรวงสรวงเพื่อเข้าทำการซ่อมแซมใหญ่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรี โดยมีนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานในพิธี จากนั้นก็เริ่มซ่อมใหญ่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรีทันที

นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ผลการดำเนินงานซ่อมแซมสะพานข้ามประตูระบายน้ำบางโฉมศรีและฝายน้ำล้นนี้ แบ่งเป็น 4 งาน

คือ งานซ่อมแซมช่องขาดของคันกั้นน้ำข้างประตูระบายน้ำบางโฉมศรี หรือช่วงถนนคันคลองชลประทาน ชัยนาท–อยุธยาฝั่งขวา งบประมาณ 8,495,000 บาท ทำไปแล้ว 32 เปอร์เซ็นต์, งานซ่อมแซมประตูระบายน้ำบางโฉมศรี งบประมาณ 7,990,000 บาท งานแล้วเสร็จไปแล้ว 23 เปอร์เซ็นต์, งานซ่อมแซมท้ายไซฟอนบางโฉมศรี งบประมาณ 2,000,000 บาท งานทำไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ และงานซ่อมฟื้นฟูเขื่อนป้องกันตลิ่งบางโฉมศรี งบประมาณ 72,872,700 บาท งานทำไปแล้ว 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคาดว่าจะทำแนวป้องกันน้ำทันฤดูน้ำหลากที่จะมาในเร็ว ๆ นี้

ด้านนายชยันต์ เมืองสง ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้าง 9 กรมชลประทาน กล่าวว่า

สำหรับงานก่อสร้างไซฟอนระบายน้ำบางโฉมศรีใหม่นั้น จะทำการก่อสร้างไซฟอนระบายน้ำบางโฉมศรีพร้อมสถานีสูบน้ำขึ้นใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณประตูระบายน้ำบางโฉมศรีเดิม ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท โดยได้บรรจุเข้าไว้ในแผนงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วนเนื่องจากประตูระบายน้ำบางโฉมศรีเดิมใช้งานมาประมาณ 50 ปี ซึ่งสถานีสูบน้ำไซฟอนบางโฉมศรีใหม่นี้จะติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้าแบบหัวจุ่ม ขนาด 3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จำนวน 4 เครื่อง เพื่อทำหน้าที่สูบน้ำจากบริเวณทุ่งเชียงรากลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงที่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับน้ำสูง ซึ่งใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี โดยจำใช้พื้นที่ของกรมชลประทานทั้งหมด จะไม่มีการเวนคืนที่ดินจากประชาชนแน่นอน

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ทวิตเตอร์โหมข่าวลือ "คิม จอง อึน" ผู้นำใหม่โสมเหนือถูกลอบฆ่า </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>วันที่ 13 ก.พ. เว็บไซต์ข่าวเดลี่เมล์ของอังกฤษ และเอบีซีนิวส์ สหรัฐอเมริกา รายงานว่า

เกิดกระแสข่าวลือแพร่สะพัดขนานใหญ่ในหมู่ผู้ใช้เว็บทวิตเตอร์และบล็อกต่างๆ ในประเทศจีนจนลุกลามไปตามทวิตเตอร์ทั่วโลก ว่า นายคิม จอง อึน ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือคนใหม่ถูกลอบสังหารถึงแก่อสัญกรรมแล้ว หลังจากมีคนที่อ้างตัวว่าทำงานอยู่ใกล้ๆ กับสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เข้าไปโพสต์ข้อความในเว็บจีนชื่อดัง Sina Weibo ว่า ตนเห็นรถจำนวนมากกว่า 30 คันแล่นเข้ามาจอดที่สถานทูตเกาหลีเหนือ ซึ่งดูผิดปกติมาก เป็นไปได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้นำเกาหลีเหนือ

รายงานข่าวระบุว่า ความเร็วของอินเตอร์เน็ตส่งผลให้ข่าวลือดังกล่าวแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็ว

พร้อมๆ กับมีนักท่องเน็ตโพสต์ทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ มากมาย อาทิ เชื่อว่านายคิม ซึ่งสืบทอดอำนาจต่อจากนายคิม จอง อิล ผู้ล่วงลับนั้นถูกก่อรัฐประหารยึดอำนาจ อย่างไรก็ตาม เอบีซีนิวส์ตรวจสอบข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐที่ติดตามความเคลื่อนไหวในประเทศคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือยืนยันว่า ไม่พบสถานการณ์ผิดสังเกตใดๆ และชี้ว่ากระแสลอบสังหารนายคิม จอง อึน เป็นเพียงการสร้างเรื่องแหกตาลวงโลกเท่านั้น


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

โรคลึกลับระบาดทางตอนกลางทวีปอเมริกา ตายมากกว่า 20,000 คน


Sun, 12/02/2012 - 11:11


เกิดโรคลึกลับระบาดในหลายประเทศที่ตั้งอยู่ตอนกลางของทวีปอเมริกา ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20,000 คน โดยผู้ป่วยจะมีอาการไตวาย เหนื่อยอ่อน ไม่มีแรง ปวดศีรษะและอาเจียน
เกิดโรคลึกลับระบาดในหลายประเทศที่ตั้งอยู่ตอนกลางของ ทวีปอเมริกา โดยผู้ป่วยจะมีอาการไตวาย ทำให้ร่างกายมีแต่สารพิษส่งผลให้เกิดความเหนื่อยอ่อน ไม่มีแรง ปวดศีรษะและอาเจียน อาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต โดยขณะนี้พบผู้เสียชีวิตจากอาการดังกล่าวประมาณ 20,000 คน ขณะที่ นักวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานการพบโรคในพื้นที่ตั้งแต่ภาคใต้ของประเทศเม็กซิโกลงไปจน ถึงปานามา ซึ่งเป็นย่านอเมริกากลาง

 

เย้ยย โรคอะไรหรือ++

 

สวัสดีครับ คุณ amminnie ไม่ได้เห็นโพสนานเลยสบายดีไหมครับ ช่วงนี้ ไม่รู้ผมจะคิดไปเองไหมเพราะเริ่มมีสัญญาณ คือเริ่มเห็นท่านที่เคยเข้ามาเตือนเข้ามาโพสบ่อยแล้ว แม้จะไม่ได้เตือนถึงเหตุที่จะเกิดตรงๆ แต่จะเริ่มเห็นโพสแต่ละท่าน เช่น คุณ amminnie คุณ k97ช่วงนี้ก็บ่อยเลย ยิ่งเห็นโพสล่าสุดของ คุณ Aunyasit แล้วอดที่จะคิดไม่ได้ ..

 

ระเบิดตูมสนั่นกลางสุขุมวิท 71 ยังไม่รู้วินาศกรรมหรือไม่ ​

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 กุมภาพันธ์ 2555 15:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>​

​

เกิดเหตุระเบิดกลางซอยสุขุมวิท 71 มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายราย เบื้องต้นมีคนเห็นชายต้องสงสัยคล้ายแขกขาว ถือกระเป๋าสะพายไปวางไว้ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ แต่พลเมืองดีไปหยิบเติมนำไปคืนเกิดระเบิดตูมสนั่น 3 ครั้งซ้อน ยังไม่รู้เป็นเจตนาวินาศกรรมหรือไม่ ​

วันนี้ (14 ก.พ.) เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดิกเหตุระเบิดขึ้นบริเวณ ซอยสุขุมวิท 71 ระหว่าง ซอยปรีดีพนมยงค์ 31-34 พื้นที่ความรับผิดชอบของสน.คลองตัน โดยมีผู้ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นถึง 3 ครั้ง บริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะที่วางเรียงรายกันหลายตู้ บริเวณหน้าโรงเรียนเกษมวิทยา​

เบื้องต้นประชาชนในบริเวณดังกล่าวระบุว่า ก่อนเกิดเหตุ มีชายต้องสงสัย ลักษณะคล้ายแขกขาว หิ้วกระเป๋าสะพายคล้ายเป้ เดินไปวางไว้ที่บริเวณตู้โทรศัพท์ดังกล่าว และได้พยายามเดินหนีไป แต่มีชายพลเมืองดี ได้หยืบกระเป๋าใบนั้นเพื่อจะเดิมตามไปส่งคืน ทว่าก็เกิดเหตุระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บขาขาดทั้ง 2 ข้าง 1 ราย และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย ซึ่งถูกนำส่งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทแล้ว​

ล่าสุดทาง ตร.สน.คลองตัน ปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุแล้ว และตำรวจหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี รุดไปที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนส่าเหตุจะเป็นการก่อวินาศกรรมหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการสอบสวน​

ความคืบหน้าและรายละเอียด จะนำมาเสนอให้ทราบต่อไป​

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9550000020494

 

ข่าวระเบิด


ขอบคุณภาพจาก Twitter @motorcyrubjang

ภาพถ่ายมุมสูงของบ้านที่มือระเบิดเช่าอาศัย (ขอบคุณภาพจาก ทวิตเตอร์ @Reporter_Js1)

ขอบคุณภาพ @tae_voice
อัพเดต ข่าวระเบิด


17.28 น. ตร.ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ติดตามหาคนร้ายจากเหตุระเบิดอีก2คนซึ่งขึ้นรถแท็กซี่เขียว-เหลือง จาก ซ.สุขุมวิท71หลบหนีช่วงหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้น
16.41 น. คนขับแท็กซี่ นายสัญชัย บุญสูงเนินที่ถูกคนร้ายชาวต่างชาติโยนระเบิดใส่ ยืนยันว่า คนร้ายไม่ได้เรียกรถแต่อย่างใด (สถานีข่าวระวังภัย)
16.28 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านนายแซยิด โมราบิ ผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่าน ตำรวจพบบ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านชั้นเดียว สีขาว ในซอยปรีดีพนมยงค์31 (ซอยเจริญใจ) โดยตำรวจพบร่องรอยการเกิดระเบิดในบ้าน และคาดว่ามีระเบิดอยู่ในบ้านอยู่อีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนั้นยังพบรถแท็กซี่ซึ่งโดนระเบิดพังยับทั้งคัน อยู่บริเวณหน้าบ้าน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังกันไม่ให้เข้าพื้นที่บริเวณดังกล่าว (springnewstv)
16.20 น. Mthai News : พล.ต.ต.พิสิษฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ชายชาวต่างชาติที่ได้รับบาดเจ็บขาขาดทั้ง 2 ข้าง เป็นคนร้ายก่อเหตุดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถระบุสัญชาติได้
จากรายงานทราบว่า คนร้ายได้เช่าห้องพักอยู่ในซอยเอกมัย 12 ก่อนเกิดเหตุได้เดินออกจากห้องพัก เพื่อเรียกรถแท็กซี่แต่ปรากฏว่า โชเฟอร์ไม่ยอมรับผู้โดยสารจึงเกิดความโกรธ จึงได้ควักเอาระเบิดแบบขว้างที่พกมาในกระเป๋าเป้ขว้างไปที่รถแท็กซี่ ส่งผลให้โชเฟอร์ และประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุได้รับบาดเจ็บ
ขณะเดียวกัน หลังก่อเหตุได้พยายามวิ่งหนี และพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.คลองตันที่กำลังผ่านมาพอดี จึงตั้งใจว่าจะปาระเบิดใส่อีก แต่เกิดหลุดมือ ทำให้ระเบิดใส่ตัวเองจนได้รับบาดเจ็บขาขาด
16.17 น. เจ้าของระเบิดที่ขาขาด ชื่อ ซาเยส โอรานี่ ชาวอิหร่าน (@Pat_ThaiPBS)
16.10 น. ชื่อผู้บาดเจ็บ 4 คน ที่ร.พ.กล้วยน้ำไท 1.นายสัญชัย บุญสูงเนิน 2.นายกังวาล หอปราสาททอง 3.นายอภิชาติ คำลือ 4.นางสุธาทิพย์ สัจจะดำรง
16.07 น. พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.คลองตัน เปิดเผยกับช่องระวังภัยว่า จากการตรวจสอบมีระเบิด 3 จุด โดยจุดแรกเป็นที่บ้านของคนร้าย ส่วนจุดที่ 2 ที่บริเวณซอยปรีดี31 และจุดที่3 คือบริเวณถนนสุขุมวิท 71 ซึ่งทั้ง 3 จุดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่ามีวัตถุระเบิดหลงเหลืออยู่หรือไม่ ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุนั้น จากการตรวจสอบพบว่า เป็นชายชาวต่างชาติ และขณะก่อเหตุก็ได้รับบาดเจ็บจนขาขาดทั้ง 2 ข้าง
15.51 น. คนขับแท็กซี่บอกว่า หลังระเบิดได้ตะโกนให้คนช่วยจับคนร้าย เขาพยายามหนี และควักวัตถุบางอย่างออกมา แต่เกิดระเบิดขึ้นก่อนทำให้คนร้ายขาขาด (@NationChannel24 )
15.00 น. เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น ที่หน้าโรงเรียนเกษมพิทยา ซ.สุขุมวิท 71 เบื้องต้นพบผู้บาดเจ็บเป็นชายนอนจมกองเลือดอยู่ข้างตู้โทรศัพท์ ถูกแรงระเบิดจนขาขาดทั้ง 2 ข้าง
และมีผู้บาดเจ็บอยู่บริเวณใกล้เคียงอีก 2 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังรุดตรวจสอบ และได้สั่งปิดการจราจรในบริเวณดังกล่าวแล้ว
ด้านทวิตเตอร์ของ จส100 ได้รายงานว่า แรงระเบิดได้ทำให้แท็กซี่เสียหายไปด้วย 1 คัน
…………………………………………………

ทั้งนี้นักข่าวอาสา ผู้ใช้ชื่อว่า motorcyrubjang เล่าเหตุการณ์ในบล็อค (

 

ผู้สื่อข่าว Mthai News รายงานจาก ด้านหน้าองค์การสหประชาชาติ หรือ UN ประจำประเทศไทยว่า เกิดเหตุชายชาวศรีลังกา พร้อมภรรยาและลูก รวม 6 คน เดินทางไป เรียกร้องขอความช่วยเหลือให้ส่<WBR>งตัวพร้อมครอบครัวต่อไปยั<WBR>งประเทศที่ 3 คือ สหรัฐอเมริกา แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้<WBR>าไปภายในสำนักงาน</WBR></WBR></WBR>
ทั้งนี้ ชายคนดังกล่าวได้ประท้วง ด้วยการราดน้ำมันใส่ตัวเองเพื่<WBR>อจุดไฟเผา แต่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าห้<WBR>ามได้ทัน โดยทางเจ้าหน้าที่รั<WBR>กษาความปลอดภัย UN พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ได้เจรจาเกลี่ยกล่อมจนชายคนดั<WBR>งกล่าวมีท่าทีเป็นปกติขึ้น จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระฯ เพื่อรักษาตัวต่อไป </WBR></WBR></WBR></WBR>

Mthai News

เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com

แท็ก : ชาวศรีลังกา, ยูเอ็น, เผาตัวเอง

 

เหตุคนร้ายชาวอิหร่านก่อเหตุระเบิด 3 จุด ในซอยสุขุมวิท 71 ทำให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 4 คน ส่วนคนร้าย 1 คนถูกระเบิดตัวเองบาดเจ็บสาหัส โดยฝ่ายความมั่นคงยังไม่ยืนยันว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ใช้ไทยเป็นฐานการ ผลิตระเบิดหรือไม่
เหตุระเบิด 3 จุด เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. โดยจุดแรกเกิดขึ้นในบ้านเช่าเลขที่ 66 แยก 6 ซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ซึ่งเป็นบ้านที่นายซาเอ็บ โมเรบิ ชาวอิหร่านเช่าพักอาศัย สภาพบ้านกระจกแตก และได้รับความเสียหายจำนวนมาก จุดนี้มีประชาชนที่พักอาศัยในบ้านใกล้เคียงได้รับบาดเจ็บ 2 คน
หลังเกิดระเบิดขึ้นคนร้ายได้เดินออกมาบริเวณปากซอยเพื่อเรียกรถแท็กซี่ แต่รถแท็กซี่ไม่จอดรับ ทำให้นายซาเอ็บบันดาลโทสะ ขว้างระเบิดใส่รถแท็กซี่ มีผู้โดยสารบาดเจ็บอีก 2 ราย
จากนั้นจุดที่ 3 เป็นจุดที่หน้าโรงเรียนเกษมพิทยา ถนนปรีดีพนมยงค์ ซอยสุขุมวิท 71 โดยระหว่างที่ตำรวจขอเข้าตรวจค้น นายซาเอ็บได้โยนระเบิดลงพื้น แรงระเบิดส่งผลให้นายซาเอ็บขาขาดทั้ง 2 ข้าง อาการสาหัส ตู้โทรศัพท์ และรถสายตรวจ สน.คลองตัน รวมถึงรถชาวบ้านได้รับความเสียหาย โดยคนร้ายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 4 คน นำตัวรักษาที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าตรวจสอบบ้านเช่าของผู้ต้องหา พบระเบิดชนิดซีโฟร์เก็บอยู่จำนวนมาก มีทั้งที่ต่อแผงวงจรพร้อมใช้งาน และที่ยังไม่ต่อแผงวงจร
ภาพวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ บันทึกคนร้ายเป็นชาย 3 คน รูปพรรณสัณฐานเป็นต่างชาติ ชาวตะวันออกกลาง ซึ่งตรงกับที่ตำรวจจับกุมตัวได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยภาพที่บันทึกได้ คนร้ายกำลังเตรียมระเบิดไปก่อเหตุ โดยผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีไปได้ เป็นชายสวมเสื้อยืดสีฟ้า แว่นตาดำ หากใครพบเห็นขอให้แจ้งเบาะแสได้ที่ตำรวจ 191 ทันที
สำหรับผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมได้เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา คือ นายโมฮัมหมัด คาเซอิ สัญชาติอิหร่าน ขณะเตรียมเดินทางออกนอกประเทศไปมาเลเซีย เบื้องต้นพบรอยแผลสดบริเวณเอ็นร้อยหวายเท้าขวา คล้ายถูกสะเก็ดระเบิด แต่ผู้ต้องหายังไม่ให้การใด ๆ พบประวัติเคยเข้าประเทศไทยมาแล้ว 2 ครั้ง ขณะนี้ถูกสอบสวนอยู่ที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสุวรรณภูมิ รวมทั้งตรวจหาสารประกอบวัตถุระเบิดตามร่างกาย
ด้าน พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่าคนร้ายใช้ระเบิดชนิดซีโฟร์ ประกอบสมบูรณ์ในรูปแบบวิทยุไฟฉาย น้ำหนัก 2-3 ปอนด์จุดชนวนด้วยการดึงสลัก
อาการบาดเจ็บล่าสุดของผู้ต้องหาชาวอิหร่านที่ถูกระเบิดจนขาขาด พบว่าตามร่างกายมีบาดแผลสะเก็ดระเบิด ขาทั้ง 2 ข้างเสียเลือดมาก ทำให้โอกาสรอดชีวิตมีเพียงร้อยละ 40 นอกจากนี้ แรงระเบิดยังส่งผลให้มีบาดแผลตามช่องท้องด้วย โดยผู้ต้องหายังไม่รู้สึกตัว และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา
และเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เข้าเยี่ยมอาการบาดเจ็บของประชาชนที่ถูกลูกหลงจากการก่อเหตุดังกล่าวที่โรง พยาบาลกล้วยน้ำไทและโรงพยาบาลนวมินทร์ย่านมีนบุรี โดยนายอภิชาต คำลือ 1 ใน 4 ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ระหว่างขับรถจักรยานยนต์มาบริเวณกลางซอย เห็นคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติวิ่งออกมาจากซอยปรีดีพนมยงค์ 30 และทำสิ่งของหล่น ตนกำลังเข้าไปบอก แต่เกิดระเบิดขึ้นก่อน ส่วนตัวมองว่าเป็นอุบัติเหตุ และเชื่อว่าลักษณะคนร้ายจะนำระเบิดไปวางตามจุดเป้าหมาย
ความเห็นของผู้เกี่ยวข้องหลังเกิดเหตุระเบิด ตำรวจยืนยันไม่มีการแจ้งเตือนเหตุก่อการร้ายในประเทศไทย แต่ยอมรับมีเบาะแสชาวอิหร่านเตรียมใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตวัตถุระเบิด แต่เป้าหมายการก่อเหตุมุ่งสังหารตัวบุคคล ส่วนนายกรัฐมนตรีขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ก่อนสรุปว่าเกี่ยวข้องกับเหตุก่อการร้ายหรือไม่ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศขอตรวจสอบข้อมูลก่อนชี้แจงสถานทูต
สำนักข่าวไทย
Mthai News

เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
………………………………………………………………….
ภาพ 3 ผู้ต้องสงสัย ระเบิด สุขุมวิท 71




ขอบคุณภาพจาก มติชนออนไลน์



15 ก.พ. เมื่อเวลา 03.43 น. เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์ปรับอากาศ 2 ชั้น สายกรุงเทพฯ-ศรีสะเกษ ของบริษัทศรีสะเกษทัวร์ ทะเบียน 10-7865 นครราชสีมา ประสานงากับรถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกมันสำปะหลังเต็มคันรถ บนถนนช่วงแยกบ้านหลัก ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 (โชคชัย-เดชอุดม) ก่อนถึง อ.สังขะ จ.สุรินทร์ 17 กิโลเมตร
โดยในที่เกิดเหตุพบสภาพรถทัวร์ปรับอากาศขาดครึ่งท่อน ขณะที่รถพ่วง 18 ล้อ คันดังกล่าวตกลงไปด้านข้างถนน เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้ว10 ราย บาดเจ็บ 30 รายโดยมีอาการสาหัส 10 ราย
ขอบคุณข้อมูลจาก Voice TV / NewsCenter / google map (Image)
Mthai News

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>อิสราเอลชี้เหตุระเบิดที่กทม.เป็นชุดการโจมตีแบบประสานงาน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
เว็บไซต์ข่าว abc นิวส์ รายงานว่า ความล้มเหลวในการใช้ระเบิดก่อวินาศกรรมในกรุงเทพฯของชาวอิหร่านเมื่อวานนี้ เป็นเพียงเหตุการณ์ล่าสุดที่เจ้าหน้าที่ทางการอิสราเอล ระบุว่า

เป็น"ชุดการโจมตีแบบประสานงาน" ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนมกราคม รวมทั้งการโจมตีที่อินเดียกับจอร์เจียเมื่อวันจันทร์ และความล้มเหลวในการพยายามลอบสังหารเอกอัครราชทูตของอิสราเอลที่อาเซอร์ไบจันด้วย

เจ้าหน้าที่ทางการอิสราเอล เปิดเผยต่อ abc นิวส์ว่า ไม่ทราบว่า คนร้ายมีเป้าหมายจะก่อเหตุวินาศกรรมที่ไหน เพราะเขาถูกจับเสียก่อน ด้านโฆษกของกระทรวงต่างประเทศอิสราเอล แถลงว่า ไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าคนร้ายพุ่งเป้าโจมตีไปที่ชาวยิว หรรือ นายเอฮุด บารัค รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล แต่ก็ประณามไปที่รัฐบาลอิหร่านโดยตรง

โดยระบุว่า ความพยายามก่อวินาศกรรมในประเทศไทย ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า อิหร่านและตัวแทนทั้งหลาย ยังคงยึดแนวทางการก่อความรุนแรงต่อไป และการโจมตีล่าสุดก็เป็นตัวอย่างให้เห็นอย่างชัดเจน


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>รองผบ.ตร.เรียกประชุมด่วน คลี่คลายคดีบึ้มกลางกรุง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่วอร์รูม สน.คลองตัน เพื่อเร่งรัดคลี่คลายคดีเหตุระเบิด 3 จุด ย่านซอยปรีดีพนมยงค์ เมื่อช่วงบ่ายวานนี้


โดยวันนี้ ยังคงเร่งรัดในการสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการ ของผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ที่ยังหลบหนี อีก 1 คน รวมถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุและพยานแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อขยายผลว่าคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือไม่ หรือมีเหตุจูงใจในการก่อเหตุอื่นๆ


ส่วนคนร้ายชาวอิหร่าน ที่จับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยวันนี้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปสอบสวนผู้ต้องหา ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกระเบิดบาดเจ็บที่หน้าโรงเรียนเกษมพิทยา ยังคงรักษาตัวอยู่ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>

ขอบคุณ ระวังภัย​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>สถานทูตUSAในไทยเตือนพลเมืองระวังสูงสุด </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
สถานทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย เตือน พลเมืองสหรัฐ ระมัดระวังตัวในระดับสูงสุด ด้านโฆษกสถานทูตสหรัฐ ในไทย เผย ได้ออกคำเตือนเพิ่ม และแจ้งให้ชาวอเมริกัน ติดต่อสถานทูตได้ตลอดเวลา หากสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ

เว็บไซต์ สถานทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย ลงประกาศเตือนพลเมืองสหรัฐ ผ่านทางเว็บไซต์ หลังจากเกิดเหตุระเบิดที่ ซ.สุขุมวิท 71 กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 14 ก.พ. โดยสถานทูต ขอให้พลเมืองสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ในประเทศไทย ระวังตัวระดับสูง เมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ และหากพบสิ่งของ หรือ กระเป๋าต้องสงสัยในที่สาธารณะ ให้รีบแจ้ง หรือ บุคคลที่น่าสงสัยให้กับเจ้าหน้าที่ ที่อยู่ใกล้ที่สุดและให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ซึ่งทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังเร่งสืบสวนอย่างใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ทางการสถานทูตสหรัฐประจำไทย ได้ที่นี่ Emergency Message to U.S. Citizens | Embassy of the United States Bangkok, Thailand

ด้าน นายวอลเตอร์ เบราโนห์เลอร์ โฆษกสถานทูตสหรัฐไทย เปิดเผยว่า ทางสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ยังคงคำเตือนให้ระวังการโจมตีก่อการร้ายในไทย และได้ออกคำเตือนเพิ่มแล้ว หลังเกิดเหตุระเบิด 3 จุด ที่ ซอยสุขุมวิท 71 และให้ชาวอเมริกัน ติดต่อสถานทูตได้ตลอดเวลา หากสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ อย่างไรก็ตาม สถานทูตสหรัฐ ได้ประสานกับหน่วยความมั่นคงของไทย มาอย่างต่อเนื่อง


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

งงๆ เขามาทำอะไรกันที่้บ้านเราหรอ ทั้ง อิหร่าน อิสราเอล สหรัฐ พวกคณมีปัญหากันเองไม่ใช่หรอ มาทำอะไรกันที่บ้านฉัน ถ้าจะให้ดี อย่าลืมไประเบิดที่พม่าด้วยนะอยู่ไกล้นิดเดียวเองหรือว่ายังไม่น่าสนใจ??