ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    ผมคิดว่าท่านหนุมานน่าจะหมายถึง
    จะไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ที่ชื่อพระพุทธเจ้าศรีอาริยเมตไตรย(พระศรีอาริย)
    ในขณะที่อายุพระพุทธศาสนาของพระสมณโคดมยังไม่ครบ5000ปีนะครับ
    ใช่ไหมครับท่านหนุมาน???
    หรือผู้ทำได้ของท่านชื่อ ภูริทัต ตามที่ได้เคยโพสต์ไว้

    http://palungjit.org/threads/***-the-king-of-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%95-of-thailand-****.81908/
    <CENTER>*** The King of ภูริทัต of Thailand ****

    </CENTER>
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); COLOR: rgb(255,255,255)" SIZE=1>*** The King of ภูริทัต of Thailand ****

    ภูริทัต.......
    คือ พระพุทธเจ้า ที่ตรัสรู้ได้เอง
    รู้ธรรม ด้วยตนเอง
    คือ ผู้ทรงสัจจะ หลักสัจจะธรรม ของ Thailand

    ภูริทัต.......
    คือ พระพุทธเจ้า ของ โลกุตตระ
    จึงไม่มีชื่อปรากฏ ในธรรรมของศาสนาอื่น
    ชีวิตของพระองค์ จึงถูกจัดสรร มีโลกุตตระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นพี่เลี้ยงมาโดยตลอด
    ปฏิหาริย์ ความปลอดภัย จึงเกิดกับพระองค์เสมอ

    ภูริทัต.......
    คือ พระพุทธเจ้า ที่ปรากฏลงบนโลกมนุษย์ ในช่วงกึ่งพุทธกาล
    ได้เรียนรู้ธรรมจากโลกุตตระ ผ่านทางนิมิต ความฝัน
    พระองค์ ต้องผ่ามรสุมแห่งกรรม ที่โหมกระหน่ำ

    ภูริทัต.......
    คือ พระพุทธเจ้า ที่ต้อนรับการมาปรากฏของโลกุตตระ บนโลกมนุษย์
    พระองค์ จะเดินทางไปรับคำสอน จากโลกุตตระ
    เพื่อ นำสัจจะปฏิบัติ มาประกาศให้ประชาชน และโลกได้รับรู้ในหนทางหลุดพ้น

    ภูริทัต.......
    คือ พระพุทธเจ้า ที่ทรงนิมิต
    ลูกระเบิดตกลงในเมืองหลวง
    ชายผู้ยิ่งใหญ่ หญิงผู้ใกล้ชิด หนีลงเรือ
    ผู้วิเศษนำราชรถมารับ เหาะทางอากาศ
    หญิงปฏิเสธไม่ชอบหน้า ออกแรงกระทำจนผู้วิเศษตกน้ำ
    ภูริทัตทรงช่วยผู้วิเศษขึ้นมา
    ผู้วิเศษจึงพาเพียงพระองค์ ขึ้นราชรถหนีภัยไป

    ภูริทัต.......
    คือ พระพุทธเจ้า ที่มานะอดทนค้นหาหนทางรอดของบ้านเมือง
    พระองค์คลางแคลงใจ ในที่มาของสัจจะ
    เพราะ ผู้เป็นที่มาของสัจจะ กลับเป็นผู้กล้าเคยขวางทางพระองค์
    แต่ พระองค์ยังมิรู้ นั้นคือปัญหาธรรมจากโลกุตตระ
    การต้อนรับโลกุตตระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่ปรากฏขึ้น
    กลายเป็นกรรม ชะตาลิขิตของผู้ปฏิเสธสัจจะ ตั้งแต่นั้นมา

    ภูริทัต.......
    คือ พระพุทธเจ้า ที่จะเผชิญกรรมหลังกึ่งพุทธกาล
    พระองค์เข้าใจดี ในบทกลอน โอ้...ชะตาฟ้าลิขิต
    พระองค์มีคำถามเสมอว่า


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กันยายน 2011
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เข้ายุคพระศรีอารย์ ****

    ระวังนึกว่าใช่ แต่กลับไม่ใช่
    เรื่องสัจจะ ใครได้ทำ ใครทำได้ ก็จะรู้จะเข้าใจเอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** พยายามทำตามเยี่ยงอย่างพระพุทธเจ้า ****

    พยายาม...ปลดกิเลสนิสัยตนเอง อย่างจริงจัง
    ทำเป็นประจำ ทุกวัน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จีน..ไต้ฝุ่นเนสาดพัดถล่มไหหลำ

    [​IMG]

    พายุไต้ฝุ่นเนสาดพัดถล่มเกาะไหหลำ ทางภาคใต้ของจีนเมื่อวานนี้ หลังเคลื่อนผ่านฮ่องกง ทำให้ย่านธุรกิจต้องปิดทำการชั่วคราว

    ไต้ฝุ่นเนสาดความเร็วลม 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ขึ้นฝั่งตรงปลายตะวันออกสุดของเกาะไหหลำ เมื่อเวลา 14.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวานนี้ ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วม ทางการต้องอพยพประชาชนเกือบ 58,000 คน ในเขตพื้นที่ต่ำที่เมืองเหวินฉาง และยกเลิกเที่ยวบิน 67 เที่ยวของสนามบิน 2 แห่งบนเกาะ รวมถึงสั่งปิดโรงเรียน, สั่งหยุดบริการเรือข้ามฟากเป็นการชั่วคราว และเรียกเรือประมงกลับเข้าฝั่งด้วย

    ศูนย์อุตุนิยมวิทยาจีนรายงานว่า เนสาดเป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 17 และอาจเป็นลูกที่มีกำลังแรงที่สุดที่พัดถล่มเกาะไหหลำในปีนี้ หลังจากก่อความเสียหายอย่างหนักในฟิลิปปินส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 คน สูญหายอีก 45 คน

    ส่วนที่ฮ่องกง พายุเนสาดได้เคลื่อนตัวผ่านเมื่อเช้าวานนี้ ทำให้ประชาชน 2 คนได้รับบาดเจ็บ เมื่อลมแรงพัดนั่งร้านไม้ไผ่ล้มครืนลงมาทับรถแท็กซี่คันหนึ่ง และมีผู้ชายอีกคนได้รับบาดเจ็บจากต้นไม้ที่โค่นล้มลงมา นอกจากนี้ยังมีเรือใหญ่ลำหนึ่งหลุดจากที่จอดเรือ และพุ่งชนกำแพงกันคลื่นริมทะเล ทำให้ต้องอพยพคนออกจากอพาร์ตเมนต์ใกล้ๆ

    อิทธิพลจากพายุยังทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงต้องยุติการซื้อขายชั่วคราว ร้านค้า และธุรกิจปิดทำการ ขณะที่ท้องถนนที่ปกติมีรถราวิ่งขวักไขว่ก็เงียบเชียบ และมีประชาชนเพียงไม่กี่คนที่กล้าออกมาข้างนอกขณะที่มีฝนตกหนักและลมแรง

    ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาของเวียดนามได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ไต้ฝุ่นเนสาดจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบนในวันนี้ ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นและเข้าสู่ลาวในคืนวันเสาร์

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

    ไต้ฝุ่น"เนสาด"ใกล้พัดถล่มเวียดนาม

    [​IMG]

    ไต้ฝุ่นเนสาดพัดถล่มพื้นที่ทางใต้ของจีนทั้งที่เกาะฮ่องกงและไหหลำแล้วเมื่อวานนี้ ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ล่าสุดกำลังเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางเหนือเวียดนามในวันนี้

    ไต้ฝุ่นเนสาดขึ้นฝั่งที่เมืองเหวินชาง ทางตะวันออกสุดของเกาะไหหลำด้วยความเร็วลม 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อบ่ายวานนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้อิทธิพลของเนสาดทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในฮ่องกง

    รายงานระบุว่า ลมที่พัดแรงจัดทำให้ต้นไม้จำนวนมากหักโค่น ถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำ ประชาชนราว 1 แสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ เที่ยวบิน 67 เที่ยวต้องยกเลิก หรือไม่ก็เลื่อนการเดินทาง ขณะที่โรงเรียนปิดการเรียนการสอนเมื่อวานนี้ เรือข้ามฟากงดให้บริการ ทางการยังประกาศเตือนให้ระวังดินถล่มในพื้นที่ที่เกิดฝนตกหนักด้วย ไต้ฝุ่นเนสาดเป็นพายุลูกที่ 17 แล้วที่พัดถล่มเกาะไหหลำในปีนี้และเป็นลูกที่มีความรุนแรงที่สุด

    ล่าสุดไต้ฝุ่นเนสาด กำลังเคลื่อนตัวมุ่งไปทางเหนือของเวียดนาม เจ้าหน้าที่ได้เรียกเรือประมงกลับเข้าฝั่ง ก่อนที่พายุจะขึ้นฝั่งในวันนี้ คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนขณะเคลื่อนตัวทางตะวันตกไปทางอ่าวตังเกี๋ย

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

    เม็กซิโก..ไฟดับที่สนามบินเม็กซิโกซิตี้

    [​IMG]

    ปฏิบัติการที่สนามบินนานาชาติเบนีโต ฮ้วเรซ ของกรุงเม็กซิโกซิตี ของเม็กซิโก ที่พลุกพล่าน กลับมาเป็นปกติอีกครั้งเมื่อวานนี้ หลังเหตุไฟดับทำให้ผู้โดยสารติดค้างหลายร้อยคน

    เที่ยวบินที่สนามบินนานาชาติเบนีโต ฮัวเรซ หนึ่งในสนามบินที่แออัดที่สุดในทวีปอเมริกา ถูกเปลี่ยนไปลงที่อื่นและต้องเสียเวลาหลังไฟดับทำให้เกิดไฟไหม้เล็กๆ ขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ

    การสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรอากาศกับบุคลากรอื่นๆ ถูกตัดขาด และรันเวย์ถูกปล่อยให้อยู่ในความมืด หลังเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองไม่สามารถแก้ปัญหาไฟดับได้

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1317360126.jpg
      1317360126.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.9 KB
      เปิดดู:
      1,858
    • 1317339572.jpg
      1317339572.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.3 KB
      เปิดดู:
      1,866
    • 1317341284.jpg
      1317341284.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39 KB
      เปิดดู:
      1,630
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2011
  5. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    นักตกปลาโชว์ภาพปลาดุกยักษ์ อ้าง ทำลายสถิติเท่าที่เคยจับมา
    Mthainews: สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักตกปลาสามารถจับปลาดุกยักษ์ น้ำหนักกว่า 245 ปอนด์
    โดยนายโจนาธาน เอเวอรี่ นักตกปลาวัย 31 ปี จากหมู่บ้าน Winscombe ตอนเหนือของเมือง โซเมอเซท ประเทศอังกฤษ ช่วยกันกับเพื่อนอีกสองคน ยกร่างของเจ้าปลาดุกยักษ์ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ที่แม่น้ำ Segre ประเทศสเปน วัดขนาดความยาวได้ 8 ฟุต 3 นิ้ว เชื่อว่าทำลายสถิติเท่าที่เคยจับได้
    [​IMG]
    เขากล่าวว่า รอเวลาจับเจ้าปลาดุกษ์ยักษ์ นานกว่า 15 ชั่วโมง เกือบจะยกเลิกภารกิจ แต่โชคดีที่สามารถจับมันได้ เมื่อเห็นขนาดของมันแล้ว คิดว่าต้องเป็นตัวที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับมา
    ขณะที่เจสัน อิงเกลย์ ผู้นำทัวร์ บอกว่า เขาเคยเห็นปลาขนาดใหญ่มาก่อน แต่ตัวนี้มันใหญ่มาก ราวกับโผล่ออกมาจากการ์ตูนยังไงอย่างงั้น
    [​IMG] นักตกปลา โชว์ภาพ ปลาดุกเผือกยักษ์ ที่แม่น้ำประเทศสเปน


    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 1 ต.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศประจำวัน โดยลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04.00 น. พายุโซนร้อน “เนสาด” (NESAT) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 21.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 106.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือ อย่างช้าๆ คาดว่า พายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป พายุลูกนี้ส่งผลทำให้ด้านตะวันออกของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนระวังอัตรายจากสภาวะฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและ น้ำป่าไหลหลากได้ในระยะ 1-2 วันนี้
    ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง
    ทำให้คลื่นลมในทะเลอันดามัน และด้านตะวันออกของอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งระยะนี้ไว้ด้วย

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันนี้ ถึง 06.00 น.วันพรุ่งนี้
    ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัด เชียงราย พะเยา และน่าน
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา
    ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ฝึกจิตเพื่อพิชิตทุกสถานการณ์

    [​IMG]

    ช่วงต้นกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเราต้อนรับเดือนแห่งความรักด้วยสถานการณ์ไม่สงบตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะจากกระสุนปืน หรืออุบัติเหตุจากการอพยพ มิจฉาชนปล้นบ้านตอนที่ไม่มีใครอยู่ และจิตใจที่ไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป พร้อมทั้งบุตรหลานที่ทำงานในกรุงเทพฯ ถูกความห่วงใยบวกความห่างไกลของระยะทางบีบคั้นหัวใจ

    ขณะที่ผู้เขียนนั่งรถสำรวจเส้นทางและไปดูศูนย์อพยพ ก็มีคนโทรมาถามถึงความคืบหน้าของต้นฉบับ เพราะสถานการณ์ความไม่สงบกลัวว่าจะไม่ได้ส่ง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าห่วงผู้เขียนหรือต้นฉบับกันแน่ เพราะไม่ถามเลยว่าผู้เขียนอยู่ดีมีชีวิตอย่างไรหรือเปล่า อาจเป็นเพราะว่าเขาได้รับหน้าที่ให้ถามถึงต้นฉบับ ไม่ใช่ถามข่าวผู้เขียนก็เป็นได้ (น้อยใจ)

    อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ครั้งนี้ มีหลายบทเรียนให้ได้ขบคิดกันมาก การจะกล่าวโทษใครคงไม่ใช่วิสัยของผู้เขียน แต่อยากจะชวนกันคิดถึงสิ่งที่จะได้เรียนรู้ โดยใช้เหตุและผลให้มากที่สุด แม้หลายคนจะบอกว่ามันเกิดจากอารมณ์ของคนบางคนเท่านั้นก็ตาม แต่เราก็ไม่ควรใช้อารมณ์ในการตัดสินและแก้ไขปัญหา เพราะมันจะนำไปสู่การเติมเชื้อไฟของปัญหา สิ่งที่ควรจะเป็นคือพิจารณาด้วยสติปัญญาให้เห็นภาพของปัญหาที่ชัดเจนทั้งเบื้องลึกตื้นหนาบางและความเชื่อมโยง ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าจนถึงวันนี้คงจะมีข้อมูลและบทวิเคราะห์ต่างๆ นานา หลั่งไหลมาจากสื่อต่างๆ หรือแม้แต่กระทั่งข่าวลือ ซึ่งจะต้องใช้วิจารณญาณในการรับรู้และไตร่ตรองให้มาก เพื่อป้องกันความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด

    ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ความวุ่นวายได้รับการคลี่คลายด้วยแรงกายแรงใจของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งโดยตรงและอาสาจากส่วนอื่น มีสมาชิกสภาเทศบาลท่านหนึ่งติดตามนายกเทศมนตรีคอยช่วยเหลือชาวบ้านที่ลี้ภัยมา ขณะที่ช่วยคนอื่นใจก็ฝืนทนคิดถึงลูก เมื่อเหตุการณ์สงบกลับบ้านมาไม่เจอใครใจแทบสลาย ได้แต่ตั้งสติโทรหาญาติและเพื่อนบ้าน จึงได้รู้ว่ามีคนช่วยดูแลลูกให้แล้ว แต่ต้องรออยู่ที่บ้านคนเดียวจนตีสองกว่าๆ สามีจึงมารับไปพบลูก แม่บ้านที่ช่วยทำครัวก็เช่นกัน ต้องเผชิญกับความต้องการร้อยแปดและความล้าทั้งกายใจ แต่ก็ต้องอดทนและพยายามทำหน้าที่เพื่อเพื่อนร่วมชาติจะได้ไม่อดไม่หิว หมอและพยาบาลแทบจะไม่ได้พักแม้จะเปลี่ยนเวรกันแล้ว แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมยามฉุกเฉิน บุคคลกลุ่มนี้ก็จัดเป็นอีกส่วนหนึ่งนอกจากทหารหาญที่เสียสละเพื่อดูแลบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน แม้ชาวบ้านเองก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะต่างก็ประสบกับสถานการณ์ชีวิตเดียวกัน เหตุการณ์ในครั้งนี้

    หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ พระราชกิตติรังษี ได้เมตตาพาคณะสงฆ์มามอบของช่วยเหลือและให้กำลังใจแก่ทุกๆ คน ท่านกล่าวโดยสรุปว่า “ความไม่สะดวกสบายก็คงมีบ้างเป็นธรรมดา แต่ขอให้ทุกคนอดทนและเอื้อเฟื้อกันและกัน คับที่นั้นอยู่ได้แต่คับใจนั้นอยู่ยาก และความลำบากต่างๆ ที่เราเผชิญอยู่จะผ่านไปได้ก็ด้วยความรักและสามัคคีกันของเราทุกคน” ศูนย์อพยพวัดบ้านขนา โดยพระสมุห์จิระวัฒน์ วัดขนาวนารามโดยพระครูโฆสิตปุญญวัฒน์และวิทยาลัยการอาชีพกันทรลักษ์ก็มีพระสงฆ์นำประชาชนสวดมนต์ เจริญจิตภาวนา หลั่งรดหัวใจที่อ่อนล้าให้เปี่ยมหวังมีพลังด้วยน้ำแห่งพระธรรม ฉะนั้นแล้วความทุ่มเทของทุกฝ่าย คือสิ่งที่ช่วยยืนยันให้ความมั่นใจได้ว่า ในทุกความเดือดร้อนพี่น้องไทยนั้นจะไม่ทิ้งกัน

    ครั้นจะกล่าวถึงให้ครบคงเป็นเรื่องยาก แต่ทุกความช่วยเหลือได้ถูกจารึกอยู่ในส่วนลึกของหัวใจผู้ประสบภัยทุกคนแล้ว มาถึงตอนนี้ท่านผู้อ่านอาจคิดว่าบทความนี้จะเป็นรายงานข่าวไปเสียแล้ว บอกตามตรงว่าในความรู้สึกของคนในพื้นที่มันมีอะไรอัดอั้นในใจมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนชีวิตที่สงบสุขเหมือนเดิมถึงจะกลับมา และไม่รู้ว่าเมื่อไรเราถึงจะมีสิทธิ์ในวิถีชีวิตของเราจริงๆ เสียที คงได้แต่ปล่อยวางและย่างก้าวอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เจ็บมากไปกว่านี้

    การค้นพบที่สำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งเห็นว่าจำเป็นเมื่อชีวิตพบกับสถานการณ์อันพลิกผันสามารถสรุปออกมาเป็นแง่คิดให้กับท่านผู้อ่านได้พิจารณา เพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกก้าวเดินของชีวิต ดังนี้

    1. ฝึกจิต ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น เพราะจิตใจที่เข็มแข็งมั่นคงจะช่วยให้ยืนหยัดต่อสู้กับความไม่แน่นอนของชีวิตได้ดีที่สุด การสวดมนต์ นั่งสมาธิ หรือเดินจงกรม ถือเป็นการออกกำลังกายทางจิตใจที่ทำให้จิตใจเข้มแข็ง ผลอาจไม่ปรากฏชัดในตอนแรก แต่เมื่อฉุกเฉินขึ้นมา การฝึกจิตแบบนี้จะช่วยให้เราเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง

    2. ปรับความคิด บางคนอาจมีจิตใจที่กล้าแกร่ง แต่แรงไปในทางผิด เช่น โกรธ แค้น พยาบาท แต่บางคนก็หมดหวังสิ้นกำลังใจ เหล่านี้ล้วนเกิดจากความคิดเป็นฐาน จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องปรับความคิดให้เป็นไปในเชิงบวกให้มากที่สุด ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะหนักหนาสาหัสเพียงใด ขอแค่เราคิดไปในทางที่ดีไว้ก่อน รับรองว่าทางออกจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา

    3. อย่ายึดติด เพราะสุดท้ายแล้วย่อมต้องมีบางสิ่งที่เราไม่อาจแก้ไขได้ บางครั้งจึงต้องยอมรับความจริง และปล่อยวางให้เป็นเพียงประสบการณ์ที่เคยผ่าน แล้วคิดอ่านไปข้างหน้าจะดีกว่า การยึดติดกับสิ่งเก่าเรื่องเก่า หรือบางคนก็ยึดติดกับทรัพย์สินมากเกินไปจนคิดหาทางออกไม่เจอ เลยจบชีวิตไปกับสินทรัพย์ที่อาจหาใหม่ได้หากผ่านพ้นช่วงนั้นมาได้ การแก้ปัญหาแบบนั้นจึงไม่ค่อยคุ้มค่าสักเท่าไร

    นึกถึงเรื่องพระมหาชนกที่พบกับเหตุการณ์เรือแตก แต่ท่านฝึกจิตมาดีจึงมีสติเข้มแข็ง ปรับความคิดได้ทันต่อสถานการณ์ เมื่อคิดอ่านแล้วจึงทะลุปรุโปร่งมองเห็นทางไป และท่านก็ไม่ยึดติดกับทรัพย์สมบัติอะไร แค่ให้ชีวิตรอดก่อนเป็นสำคัญ ด้วยความอดทนมุ่งมั่นและการแก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาด นอกจากจะรอดพ้นภัยแล้ว ชีวิตยังก้าวไกลจนกระทั่งเป็นพระราชา แม้เรื่องนี้จะเป็นปรัมปราชาดก แต่ในหลวงท่านทรงเล็งเห็นฐานคิดสำคัญจากเรื่องนี้ จึงได้นำมาเป็นอุทาหรณ์สอนเรา ยามเมื่อประเทศชาติกำลังพบวิกฤติ ทุกดวงจิตที่เข้มแข็งของทุกคนคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

    พุทธภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “จิตที่ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้” เป็นหลักฐานยืนยันว่า สถานการณ์ทุกข์ของชีวิตจะถูกพิชิตด้วยจิตใจที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี

    สุดท้ายผู้เขียนอยากฝากว่า วิถีชีวิตชายแดนนั้นไม่ว่าใครรบกับใครก็ได้รับผลกระทบทั้งนั้น แต่มันน่าช้ำใจที่สุดก็คือ ไทยรบไทย จะให้พี่น้องที่ชายแดนต้องตายแทนอีกสักเท่าไร จึงจะเรียกสันติกลับคืนมาได้

    ขอบคุณบทความดี ๆ จาก Add Free Magazine

    ที่มา http://www.thailandindustry.com/varieties/view.php?id=14300&section=42
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จงเอาชนะความกลัว (Winning the fear)

    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>แค่เพียงเราหันไปมองที่ใจ ก็จะพบความกลัวมากมายที่ยากจะปฎิเสธได้ ไม่ว่าจะกลัวสิ่งลี้ลับ กลัวสัตว์ที่น่าขยะแขยง กลัวผิดหวัง กลัวอกหัก กลัวคนรักจากไป กลัวแก่ กลัวไม่สวย กลัวสอบไม่ติด กลัวคนดูถูก กลัวตกงาน กลัวความไม่มั่นคงในชีวิต กลัวไม่มีเงินใช้ กลัวเลือด </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>กลัวตาย กลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวสิ่งใหม่ๆ กลัวไม่มีชื่อเสียง กลัวไม่มีคนนับถือ กลัวอดตาย กลัวถูกรอบทำร้าย กลัวติดคุก กลัวถูกตำรวจจับ กลัวการพลัดพราก กลัวการอยู่ในที่แคบ กลัวความมืด กลัวการอยู่คนเดียว กลัวใจตัวเอง และอีกสารพัดความ </TD></TR><TR><TD>.</TD></TR><TR><TD>ยิ่งกลัว ยิ่งเสียสุขภาพจิต เพราะเห็นอะไรก็กลัวไปหมด ในที่สุดก็ต้องกลายเป็นคนที่ขาดความเชื่อมั่น ขาดภาวะความเป็นผู้นำ ทั้งที่เราแต่ละคนก็มีความฝัน แต่เมื่อความกลัวทำให้เราไม่กล้าแม้แต่จะเริ่มทำสิ่งใด เวลาผ่านเลยไป ความฝันนั้นก็อยู่ไกลขึ้นทุกที ...แล้วเราเคยนั่งถามตัวเองกันบ้างไหมครับว่า ทำไมเราต้องกลัว ? ในขณะที่คนอื่นๆ เขายังไม่เห็นจะกลัวเลย</TD></TR><TR><TD>.</TD></TR><TR><TD>“ถ้าในทางพุทธศาสนา เขาจะเรียกว่า จิตปรุงแต่ง คือจิตเราคิดไปเอง ทั้งๆ ที่เหตุยังไม่เกิด แต่จิตที่ปรุงแต่งของเราเองต่างหาก ที่ทำให้เราไม่กล้าแม่แต่จะเพ่งพิจารณาสิ่งใด ไม่ใช่สิ่งที่เรากลัวทำเรา แต่เราทำตัวเราเอง” </TD></TR><TR><TD>.</TD></TR><TR><TD>ความกลัว ในอีกแง่มุมหนึ่ง ยังบอกนิสัยของคนได้ เช่น กลัวอยู่คนเดียว แสดงว่าเป็นคนชอบสังคม ต้องการเพื่อน กลัวสูญเสียคนรัก แสดงว่าคุณเป็นคนรักใครรักจริง ยึดมั่นในความรัก กลัวไม่มีความมั่นคงในชีวิต แสดงว่าคุณเป็นคนจริงจัง รักสบาย ขยันทำมาหากิน สร้างฐานะ กลัวเจ็บป่วย แสดงว่าเป็นคนใส่ใจสุขภาพ กลัวสงคราม แสดงว่าเป็นคนชอบความเป็นธรรม ชอบความสงบ </TD></TR><TR><TD>.</TD></TR><TR><TD>ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มเอาชนะความกลัวกันดีกว่านะครับ ผมว่ายิ่งเราเอาชนะความกลัวได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะวิ่งตามความฝันเราได้เร็วเท่านั้น หากแต่ถ้าผมไม่กล้าเอาชนะความกลัว ผมคงไม่กล้าเขียนบทความบทนี้มาให้คุณๆ ได้อ่านกัน เพราะผมมัวแต่กลัวว่าบทความยังดีไม่พอ กลัวว่าจะไม่มีคนอ่านบทความของผม ถูกไหมครับ ? </TD></TR><TR><TD>.</TD></TR><TR><TD>จงเอาชนะความกลัวครับ ด้วยการหาสาเหตุและต้นตอของความรู้สึกกลัวที่เกิดขึ้น แล้วปรับเปลี่ยนความกลัวนั้นให้เป็นความกล้าเผชิญ กล้าสัมผัส มองให้เป็นเรื่องธรรมดาและน่าท้าทาย ซึ่งไม่ว่าอนุภาคของความกลัวจะมีมากเท่าใด หากเรารู้เท่าทันความกลัวในใจ เราก็จะเอาชนะความกลัวได้สำเร็จในทุกครั้งไป </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    โดย สรนันท์ ธนากรรุ่งเรือง​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2011
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะรู้เห็นอนาคตได้ถูกต้องไม่ผิดพลาด !!!

    [​IMG]
    พระพุทธฎีกาตรัสแก่พระอานนท์ว่า ทรงปลงอายุสังขารแล้ว อีกสามเดือนจะนิพพาน

    เรื่องของอภิญญา คนส่วนใหญ่เมื่อฟังว่าอภิญญาแล้วก็มักจะคิดว่า ท่านที่ได้อภิญญาจะต้องมีความรู้แจ่มใสเหมือนพระพุทธเจ้าเสียทุกอย่าง เป็นการเข้าใจผิดถนัด พระพุทธเจ้าทรงเป็นสัพพัญญูคือมีบารมีเป็นจอมอรหันต์ ย่อมทรงอภิญญาดีเลิศพิเศษ สำหรับพระสาวกที่ได้มีกำลังไม่เท่ากัน และไม่มีทางจะไปเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าได้เลย จะเปรียบให้ฟังเอาเพียงทิพจักษุญาณอย่างเดียว อย่างอื่นให้เข้าใจว่าเหมือนกัน

    ๑. ทิพยจักษุญาณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความสว่างคล้ายพระอาทิตย์ส่องแสงจัด ไม่มีเมฆบัง ไม่มีเผลอ ไม่มีพลาดในการเห็น

    ๒. ของพระปัจเจกพุทธเจ้า มีความสว่างเหมือนวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง มองเห็นคนกลางคืนเมื่อเดือนหงายมีสภาพอย่างไร ต่างกับกลางวันอย่างไร พิสูจน์เอาเอง

    ๓. พระอัครสาวกทั้งสอง มีความสว่างเหมือนคบเพลิงดวงใหญ่สว่าง แต่แสงสว่างไม่ไกลเหมือนความสว่างของดวงจันทร์

    ๔. ของพระอรหันต์สาวก สว่างเหมือนแสงตะเกียงดวงน้อย

    ๕. ของท่านที่ได้ฌานโลกีย์ สว่างเหมือนอากาศเมื่อพระอาทิตย์ลับแล้ว กำลังมัวตามองดูอะไรก็ไม่เห็นถนัดนัก

    ข้อเปรียบนี้ยังไม่ละเอียดพอ แต่เกรงว่าลูกหลานจะเบื่อฟัง เอามาเปรียบเทียบเพียงย่อ ๆ ท่านที่ได้ฌานและอภิญญาไม่ใช่รู้อะไรหมด ยิ่งเป็นฌานโลกีย์ด้วยแล้วยิ่งมีจังหวะพลาดง่ายเหลือเกิน เพราะมีอุปาทานมาก ต้องระวังให้มาก ถ้าไม่ประมาทคิดว่าตัวดีไม่เป็นไร ถ้าประมาทเมื่อไรเจ๊งเมื่อนั้น สำหรับพระอริยะท่านรู้ว่าท่านไม่ดีเสมอ ไม่มีความประมาทเรื่องเจ๊งไม่มี

    จาก หนังสือ ประวัติหลวงพ่อปาน (ตอนที่ ๑๔) โดยพระราชพรหมยาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • p68.jpg
      p68.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72 KB
      เปิดดู:
      1,541
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2011
  9. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    :: Dream Up .tv :: - คลิปนี้จะมาล้มเพลงคันหู(โปรดใช้วิจรณาญในการรับชม)

    คลายเครี่ยดกันครับ




    <TABLE border=5 borderColor=#98deff cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>..แม่ผู้เสียสละกับภัยพิบัติในญี่ปุ่น </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#98deff cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นี่ คือเรื่องราวของแม่ผู้เสียส<WBR>ละ ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดข<WBR>ึ้นในช่วงเหตุภัยพิบัติแผ่น<WBR>ดินไหวที่ประเทศญี่ปุ น โดยหลังจากเหตุแผ่นดินไหวสง<WBR>บลง หน่วยกู้ภัยก็มาถึงบ้านของห<WBR>ญิงสาวรายหนึ่งที่พังยับไม่<WBR>เหลือซาก พวกเขาพบร่างของหญิงสาวที่เ<WBR>สียชีวิตแล้วผ่านรอยแตกของซ<WBR>ากปรักหักพัง แต่ท่าทางของศพเธอดูค่อนข้า<WBR>งแปลก โดยเธออยู่ในท่าคุกเข่าคล้า<WBR>ยท่าทางกราบไหว้ ส่วนช่วงลำตัวเอนไปทางด้านห<WBR>น้า สองมือของเธอกำลังประคองอะไ<WBR>รบางอย่างอยู่ ซากที่หักพังของบ้านกระแทกเ<WBR>ข้าที่หลังและศีรษะของเธอ

    หัวหน้าหน่วย กู้ภัยได้ยื่นมือผ่านรอยแยก<WBR>แคบๆ ของกำแพงเพื่อที่จะเอื้อมไป<WBR>ยังร่างของหญิงสาวด้วยความล<WBR>ำบากเป็นอย่างมาก เขาหวังเพียงแต่ว่าหญิงสาวค<WBR>นนั้นจะยังมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตาม ร่างของหญิงสาวที่เย็นและแข<WBR>็งทื่อบ่งบอกให้เขารู้ว่าเธ<WBR>อเสียชีวิตแล้วอย่าง แน่นอน

    หัวหน้าหน่วยกู้ภัย และลูกทีมที่เหลือออกมาจากบ<WBR>้านหลังนั้น และเริ่มค้นหาตามบ้านที่กลา<WBR>ยเป็นซากหักพังหลังถัดไป แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้หัวหน้าหน่วยกู้ภัยเดิ<WBR>นกลับไปยังบ้านหลังที่พบศพห<WBR>ญิงสาวที่เสียชีวิตไป แล้วอีกครั้ง เขาคุกเข่าลงและยื่นมือผ่าน<WBR>เข้าไปในรอยแยกเพื่อค้นหาพื<WBR>้นที่ว่างเล็กๆ ใต้ศพของเธอ ซึ่งทันใดนั้น เขาก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่<WBR>นเต้น

    เด็ก! ตรงนี้มีเด็ก!

    ลูก ทีมทั้งหมดต่างก็แห่เข้ามาช<WBR>่วยกันยกซากปรักหักพังที่อย<WBR>ู่รอบๆ ตัวหญิงสาวที่เสียชีวิตแล้ว<WBR>ออกอย่างระมัดระวัง พวกเขาพบร่างเด็กชายวัย 3 เดือนในผ้าห่มลายดอกไม้ภายใ<WBR>ต้ร่างของผู้เป็นแม่ที่เสีย<WBR>ชีวิตแล้ว ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเ<WBR>ธอเสียสละจนถึงที่สุดเพื่อท<WBR>ี่จะปกป้องลูกชายของ เธอ เมื่อบ้านของเธอเริ่มพังลงม<WBR>า เธอใช้ร่างกายของเธอเป็นที่<WBR>กำบังให้กับลูกชายของเธอ หน่วยกู้ภัยอุ้มตัวลูกชายขอ<WBR>งเธอขึ้นมา และพบว่าเด็กยังนอนหลับอยู่<WBR>อย่างปลอดภัย

    แพทย์ได้รุดมายังที่เกิด เหตุอย่างรวดเร็วและได้ตรวจ<WBR>เช็คร่างของเด็กชาย โดยหลังจากเปิดผ้าห่มที่ห่อ<WBR>หุ้มร่างของเด็กชายออก เขาก็พบโทรศัพท์มือถือข้างใ<WBR>นผ้าห่ม ซึ่งมีข้อความปรากฏบนหน้าจอ<WBR>ว่า

    ถ้าเธอมีชีวิตรอด เธอต้องจำเอาไว้นะว่าฉันรัก<WBR>เธอ

    โทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล<WBR>่าวถูกส่งต่อไปรอบๆ จากมือหนึ่งไปสู่อีกมือ ซึ่งทุกคนที่ได้อ่านข้อความ<WBR>ดังกล่าวต่างก็ต้องเสียน้ำต<WBR>า

    ถ้าเธอมีชีวิตรอด เธอต้องจำเอาไว้นะว่าฉันรัก<WBR>เธอ นี่แหละคือความรักของแม่ที่<WBR>มีแต่ลูกของเธอ !!

    บทความ:ไปอ่านเจอ..จากในเฟสของเพื่อน...??

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2011
  10. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วม

    [​IMG]
    อัพเดตสถานการณ์น้ำท่วม 1 ตุลาคม 54
    11.15 น. ศภช. : เตือน อ.เมือง อ.แม่จัน เชียงราย อ.ปง อ.เชียงคำ พะเยา , อ.ท่าวังผา อ.เมือง น่าน,หนองคาย พังงา เฝ้าระวังดินถล่ม-น้ำป่าไหลหลาก1-3ตุลานี้

    11.00 น. ชลบุรี : ประกาศให้ 10 อ. ได้แก่ อำเภอเมืองชลบุรี พนัสนิคม เกาะจันทร์ พานทอง บ่อทอง ศรีราชา บ้านบึง บางละมุง สัตหีบ และอำเภอหนองใหญ่ เป็นเขตภัยพิบัติแล้ว (คลิกดูรายละเอียด)
    09.45 น. อุตุฯเตือนฉ.9 : พายุโซนร้อน “เนสาด” (NESAT) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน พายุลูกนี้ส่งผลทำให้ด้านตะวันออกของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน 1-2 วันนี้
    ………………………………………………………………………………………………………………………………
    30 กันยายน 54
    17.21 กรมอุตุนิยมวิทยา :เผยพายุเนสาดเคลื่อนเข้าเวียดนามแล้ววันนี้ ประกาศเตือน 1-2วันนี้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น สั่งประชาชนพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังภัยน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 30 กันยายน -1 ตุลาคม นี้
    14.44 น. ลพบุรี :
    กรมชลฯ เตือน ลพบุรี – อยุธยา เตรียมรับมือน้ำท่วม เนื่องจากระดับน้ำจะสูงขึ้นอีก ช่วงวันที่ 3-4 ตุลาคมนี้
    13.55 น.พิจิตร : แม่น้ำน่านเอ่อเข้าท่วม พื้นที่ชุมชนราชรถ เขตเทศบาลเมืองพิจิตร และตำบลคลองคะเชนทร์ ในเขตเมืองพิจิตร ระดับน้ำยังคงท่วมสูง และขยายทางน้ำท่วมกินบริเวณกว้างอย่างต่อเนื่อง
    09.43 น. อยุธยา : น้ำจากเจ้าพระยายังเอ่อล้น อำเภอบางไทร เกิดปัญหาทรายกั้นน้ำขาดตลาด
    09.40 น. ลำปาง : ผู้ว่าฯเตือน ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ทางน้ำไหลผ่าน และที่ลุ่มริมแม่น้ำในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก
    09.30 น. อุตุเตือน ฉ.5
    คาดว่าพายุเนสาดนี้จะเคลื่อนตัวขึ้นชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในวันนี้ ขอให้ติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดต่อไป
    ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้บริเวณ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จังหวัดนครนายก จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ยังคงมีฝนตกหนักในบางพื้นที่



    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่้าว)
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภัทรธรณ์ เทียนไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ในขณะนี้จังหวัดชลบุรีได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัยรวม 10 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมืองชลบุรี พนัสนิคม เกาะจันทร์ พานทอง บ่อทอง ศรีราชา บ้านบึง บางละมุง สัตหีบ และอำเภอหนองใหญ่ จำนวน 61 ตำบล 8,604 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายเบื้องต้น 6,263 ไร่ แยกเป็น พืชไร่ 2,090 ไร่ นาข้าว 4,148 ไร่ และพืชสวน 45 ไร่ บ่อปลา 145 บ่อ ถนน 39 สาย คอสะพาน 2 แห่ง ท่อลอ 4 แห่ง ฝาย 1 แห่ง
    ทั้งนี้สถานการณ์น้ำท่วมจนถึงวันนี้ ระดับน้ำในคลองภายในเขตเทศบาลเมืองพนัสนิคมได้ลดระดับลงจนอยู่ในภาวะปกติแล้ว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองพนัสนิคมได้ทำการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม โดยได้ทำการฉีดน้ำล้างตามพื้นถนน และกำจัดขยะตามพื้นที่เขตชุมชนอย่างต่อเนื่อง ในส่วนพื้นที่ตำบลหมอนนาง สภาพน้ำในคลองห้วยยางได้ลดระดับลงสู่สภาวะปกติแล้ว ประชาชนในพื้นที่หมู่ 5, 6 ตำบลหมอนนางสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
    สำหรับพื้นที่น้ำท่วมขังในปัจจุบัน มวลน้ำได้สะสมอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งเป็นพื้นที่นาตามตำบลไร่หลักทอง นาวังหิน วัดหลวง วัดโบสถ์ และหน้าพระธาตุของอำเภอพนัสนิคม ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีปริมาณน้ำในทุ่งนาเพิ่มขึ้น เนื่องจากรับน้ำจากอำเภอตอนบน สำหรับพื้นที่อำเภออื่นๆ ได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ และอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย เพื่อดำเนินการซ่อมแซมฟื้นฟูต่อไป
    Mthai News
     
  11. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    วันนี้ (1 ต.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของ พระเกษม อาจิณณสีโล แห่งสำนักสงฆ์สามแยก บ้านห้วยยางทอง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ว่า เมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) ตนได้หารือกับเจ้าคณะภาค 4 ฝ่ายธรรมยุต ที่ จ.อุดรธานี แล้ว ผลการหารือปรากฏว่าเจ้าคณะภาค 4 ฝ่ายธรรมยุตได้เรียกพระเถระชั้นผู้ใหญ่ใน จ.อุดรธานี มาประชุม
    โดยที่ประชุมมีมติออกเป็นหนังสือคำสั่ง แจ้งให้พระเกษมลาสิกขาบทภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา หนังสือคำสั่งดังกล่าวได้ถูกนำไปติดไว้ที่หน้าที่พักสงฆ์สามแยกแล้ว หากพระเกษมฝ่าฝืนคำสั่งไม่ปฏิบัติตาม และไม่สึกภายใน 3 วันตามหนังสือแจ้งนั้น ทางคณะสงฆ์ภาค 4 ฝ่ายธรรมยุตก็จะมีมาตรการดำเนินการขั้นต่อไป
    Mthai News
    เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
    [​IMG]
    ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
    ข่าว คลิปพระเกษม
    [​IMG] สำนักพุทธ เตรียมหาช่องจับสึก พระเกษม
     
  12. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    1 ต.ค. 54

    อดีตนายก ยกกระสอบ ป้องกัน
    ท่านระวัง ก่อนน้ำ ที่จะมา
    เป็นสัญญาณ เตือนภัย น้ำมาหา
    รีบเถิดจ้า ก่อนเวลา จะหมดไป

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 ตุลาคม 2011
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สิ่งที่ทำให้พุทธภูมิต้องกลายเป็นพญามาร

    [​IMG]

    บำเพ็ญพุทธภูมิ

    ในการบำเพ็ญบารมีของพุทธภูมินั้น จะบริจาคทรัพย์จนหมดก่อนจึงเรียกว่า บารมี ๑๐ ทัศ จากนั้นจะอุทิศแรงกายจนอาจต้องเสียสละเลือดเนื้อหรืออวัยวะ เช่น การออกศึก ปกป้องประเทศ ช่วยเหลือมวลมนุษย์ หรือ การบริจาคอวัยวะถวายเป็นพุทธบูชาจึงเรียกว่า บารมี ๒๐ ทัศ จากนั้น จะเข้าสู่การเสียสละชีวิต เช่น การยอมตายเพื่อผู้อื่น, ฆ่าตัวตายถวายพุทธบูชา จึงได้เข้าสู่บารมี ๓๐ ทัศ ช่วงนี้แบ่งได้เป็นสามระยะคือ

    บารมีต้น ช่วงเสวยบุญเป็นเศรษฐี มีทรัพย์ในการทำบุญทำทานได้มากมาย เป็นช่วงที่ดวงจิตหลังได้รู้ตนเองว่าปรารถนาพุทธภูมิแล้ว จะบำเพ็ญ “ทศบารมี” ในขั้นต้น ในขั้นนี้พระโพธิสัตว์ จะทรงใช้ “ทรัพย์สิน” ในการบำเพ็ญเพียรเสียโดยมาก จะเกิดมาร่ำรวย เป็นผลบุญจากการได้ถวายพุทธบูชา จะได้มาเกิดในพระพุทธศาสนาและทำนุบำรุงพุทธศาสนาด้วยทรัพย์ของตนนั้น แต่ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงหรือบริหารงานด้านพุทธศาสนามากนัก ช่วงนี้ จะไม่ได้พบพระพุทธเจ้า จำต้องบำเพ็ญเพียรด้วยความคิดของตนเอง ไม่มีผู้ใดสั่งสอน จึงมีทั้งทำดีและทำพลาดไปบ้าง แต่ผลยังไม่ขยายวงกว้างนัก ได้ทั้งผลบุญและบาปกรรมเปื้อนติดตัวไประดับหนึ่ง ยังไม่มีบริวารมากนัก ความเสี่ยงที่จะทำงานผิดพลาดจึงยังน้อย เพียงสะสมคุณงามความดีเบื้องต้นไปก่อน ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมที่เลวร้ายได้ กำลังบารมียังไม่พอ

    บารมีกลาง ช่วงเสวยบุญเป็นราชามีอำนาจและบริวารมากมายทำกิจได้มาก เป็นช่วงที่ดวงจิตมีบุญบารมีมากมาย เหนือกว่ามารในสวรรค์ชั้นสูงสุด เป็นผลจากการบำเพ็ญบารมีที่สะสมมา จะมีทั้งบริวารมากมาย และทรัพย์มากมาย ในขั้นนี้ จะเริ่มเปลี่ยนแปลงสังคมตามความคิดของตนเอง ทำให้พระโพธิสัตว์อาจจะเริ่มหลงทาง เพราะหลงในผลบุญที่มีมากมายนั้น เริ่มได้รับอนุญาตให้เกิดมาพร้อมทรัพย์สินและบริวาร และเริ่มได้ปกครองประเทศ ได้เกิดเป็นพระราชา ซึ่งหากปกครองประเทศได้ดี ก็จะได้ผลบุญมากก็จะยิ่งต่อยอดบุญได้มากขึ้นไปอีก หากหลงทางก็จะกลายเป็นมารได้ จะต้องไปจุติยังสวรรค์ชั้นมาร เพื่อปกครองพวกมารอยู่ยาวนาน ต้องเป็นมารเพื่อปกครองมารได้ และรอเวลาอีกยาวนานกว่าจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกรอบหนึ่ง

    บารมีปลาย เป็นช่วงที่ดวงจิตมีบุญบารมีสูงสุด พร้อมที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เนื่องจากได้พ้นภพมารแล้ว ได้ละเลิกทิฎฐิจากความเป็นมารแล้ว เพราะได้พบกับคู่ปรับแล้ว แต่ยังมีกรรมที่สะสมมาในแต่ละชาติต้องชดใช้ จากนั้น จึงมาเกิดเป็นคนยากจน ไร้ทรัพย์สินและบริวาร เพื่อแสวงหาสิ่งที่เป็นพื้นฐานธรรมดา เหมือนพระพุทธเจ้าช่วงที่ทรงสละราชสมบัติเพื่อออกผนวช ซึ่งไม่สนใจลาภยศเงินทอง หรือเรื่องราวความวุ่นวายทางโลก ใช้เพียงลำพังตัวคนเดียว ด้วยกำลังสติปัญญา ยังความเมตตาโปรดสัตว์ ตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้าในชาติที่ทรงปราบ “รากษส” ทรงเกิดเป็นคนยากจน และมีแม่ที่อดอยาก ดังนั้น จึงทรงอาสาปราบรากษสเสี่ยงตายเพื่อหาเงินเลี้ยงแม่ จนในที่สุด ปราบรากษสได้ด้วยตัวคนเดียว เป็นต้น ช่วงบารมีปลายนี้ยิ่งต้องระวังกรรมที่เปื้อนไปสู่ชาติที่ได้ตรัสรู้ให้มาก เพราะหากยังมีเศษกรรมเปื้อนไป ก็จะยังผลให้พระศาสนาในชาติที่ตรัสรู้นั้น ได้รับผลกรรมไปด้วย เช่น การฆ่ารากษสของพระพุทธเจ้าในชาติที่บำเพ็ญเพียร ยังผลให้ท่านมีอายุเพียง ๘๐ พรรษา ไม่อาจทำกิจตามพุทธศาสนาได้สมปณิธานที่ตั้งใจ ในชาติที่บำเพ็ญบารมีปลาย จึงต้องใช้ “ปัญญาและเมตตา” ให้มากขึ้น แม้มีสิ่งยั่วยุก็ตาม เพื่อไม่ให้กรรมเปื้อนติดตนไปในชาติสุดท้าย

    <TABLE width=560><TBODY><TR><TD align=right>
    โดย physigmund_foid
    </TD></TR><TR><TD align=right>
    วันที่ พุธ ตุลาคม 2550

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ที่มา http://www.oknation.net/blog/buddhabath
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2011
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ถามตอบ"ความคิดเห็นเรื่องพระเจ้า"
    (ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาน)

    [​IMG]

    ถาม : พระเจ้าคืออะไร?

    ตอบ :

    เพื่อนได้มโนมยิทธิพร้อมหูทิพย์ตาทิพย์ ก็ขอให้ช่วยทำกิจทางโลกทิพย์หลายอย่าง เขาเป็นเด็กอายุสิบสี่ ไม่ได้เรียนหนังสือเพราะจน และไม่ได้อ่านตำราธรรมะอะไรมากนักเลย จึงได้ทดสอบเขาก่อนหลายครั้ง ว่าเขาสื่อสารกับจิตวิญญาณได้จริงหรือไม่ ผลก็ปรากฏว่า “พอใช้ได้” จากนั้น จึงทำงานร่วมกัน ผู้เขียนได้ข้อมูลส่วนใหญ่จากเขา ดังจะเล่าดังนี้

    เรื่องของพระเจ้า ได้ขอให้เพื่อนไปพบพระเจ้าท่านก็มาพบ วิมานของพระเจ้าอยู่ที่สวรรค์สุขาวดี ลักษณะของท่านมองไม่เห็นรูปร่างเลย มีแต่แสงสว่างเทศน์ธรรมได้ บางเรียกว่าพระเจ้าแสงแห่งธรรม ท่านกล่าวว่าเมื่อทำกิจบางประการลุล่วงแล้วท่าน ก็จะเข้านิพพาน เหมือนกัน แต่จะเข้านิพพานโดยไม่ต้องลงมาเกิดบนโลกมนุษย์คือ นิพพานบนสวรรค์นั้น ส่วนพระเยซู ก็ได้ไปพบท่านมา วิมานของท่านอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต ใกล้โลกมากกว่าพระเจ้า ท่านไม่ใช่พระเยซูองค์ปฐม(องค์แรก) เพราะองค์ปฐมลงไปเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมี

    ท่านเป็นองค์ลำดับที่เท่าไรจำไม่ได้แล้ว ท่านกล่าวถึงการพิพากษา เรื่องน้ำท่วมด้วยแต่ขอไม่บอกไปมากกว่านี้ ไม่ใช่เรื่องควรประกาศมาก ลักษณะของท่านยังมีวิญญาณขันธ์อยู่ คือ เห็นทั้งกายทิพย์ครบ ไม่เหมือนพระเจ้าที่ไม่มีรูปกายใดๆ แล้ว คือ ดับขันธปรินิพพานแล้ว แต่ยังมี “มโนธาตุ” อยู่ เช่นเดียวกับพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ที่เมื่อบำเพ็ญบารมีถึงที่สุดจะสลายขันธ์ห้าด้วยเตโชกสิณไฟ ทำให้ขันธ์ห้านิพพานหมด แต่จะเหลือ “มโนธาตุ” อยู่ เพื่อทำกิจที่คั่งค้างอยู่ให้หมดไป เมื่อหมดกิจแล้ว ก็จะนิพพาน ไม่เหลือแม้แต่ธาตุหรือขันธ์ใดๆ

    ถาม : พระพุทธเจ้ากับพระเจ้าต่างกันอย่างไร?

    ตอบ :

    พระพุทธเจ้า คือ ผู้ตรัสรู้บนโลกแล้วโปรดสัตว์ พระเจ้าคือผู้ที่โปรดสัตว์โดยยังมีมโนธาตุอยู่ ที่พระเยซูเรียกว่า “พระจิต” ก็คือ จิตนั่นเอง (จิตก็คือมโนธาตุ) แต่ไม่มีรูปนาม หรือขันธ์อีก ดังนั้น พระเยซูจึงไม่ให้สร้างรูปเคารพหรือรูปเหมือนพระเจ้า เพราะหมดรูปนามและขันธ์ห้าใดๆ แล้ว อันเกิดจากการดับขันธปรินิพพาน ยังเหลือก็แต่มโนธาตุอยู่นั่นเอง พระพุทธเจ้าเมื่อละสังขารแล้วดับขันธปรินิพพานจะดำรงฐานะ “พระเจ้า” คือ พระจิตหรือมโนธาตุที่ยังทรงกิจอยู่โดยไม่มีขันธ์ห้าแล้ว แต่ถ้าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดที่มีอายุขัยยืนยาวมาก ก็จะดับธาตุดับขันธ์นิพพานหมด ไม่มีเหลือทั้งธาตุและขันธ์ จะไม่ต้องมาทำกิจหรือดำรงฐานะพระเจ้าอีกต่อไป ตายแล้วนิพพานเลยทันที ไม่มีกิจใดเหลืออยู่อีก

    อย่างพระพุทธเจ้าสมณโคดม ยังทรงทำกิจโปรดสัตว์ต่อจนกว่าจะหมดอายุพุทธกาลคือห้าพันปี ดังนั้น ท่านจึงกระทำเพียง “ดับขันธปรินิพพาน” ไม่ได้ทำ “ธาตุขันธ์นิพพาน” จึงเหลือมโนธาตุอยู่ ทำกิจโปรดสัตว์ต่อไป เราสามารถเห็นได้ด้วยตาทิพย์ หรือถ้าไม่เห็น ใช้วิธีของชาวคริสต์ คือ ระลึกนึกถึงพระเจ้าว่าทรงเป็นหนึ่งเดียวกับเรา เป็นพระจิต อยู่กับเรา ก็จะได้ปัญญาจากท่านได้ ด้วยวิธี “จิตสู่จิต” แบบเซน ซึ่งเป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าใช้สื่อจิต สอนธรรมมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แม้ท่านจะไม่เหลือขันธ์ห้า แต่จิตหรือมโนธาตุยังคงทรงไว้ สามารถโปรดสัตว์แบบจิตสู่จิตหรือแบบเซนได้เหมือนเดิม ดังนี้ ชาวคริสต์ก็เป็นเซนด้วยนะ เข้าใจไหม พุทธกับคริสต์ก็อย่างเดียวกันแหละ ค้นพบสิ่งเดียวกัน

    สรุปดังนี้

    พระเจ้ามีทั้งที่เคยเป็นพระพุทธเจ้าบนโลก แล้วดับขันธปรินิพพาน เหลือแต่มโนธาตุ ไปทำกิจต่อบนสวรรค์ ผ่านทางพระบุตร เนื่องจากทรงไม่เกิดอีก ไม่มีขันธ์ห้าแล้ว แต่ยังไม่นิพพานหมด เพราะยังทรงทำกิจอยู่นั่นเอง และทั้งที่ไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าบนโลก แต่มีบารมีมาก แล้วดับขันธปรินิพพานไปเหลือแต่มโนธาตุ เพื่อดำรงทรงทำกิจโปรดสัตว์ต่อไป แบบนี้อาจมาจากพระโพธิสัตว์ก็ได้ หรือพระยูไลก็ได้ ส่วนพระพุทธเจ้า ต้องตรัสรู้บนโลกแล้วโปรดสัตว์ แต่ละสังขารแล้วจะนิพพานเลยหรือดับแต่ขันธ์ห้า เหลือมโนธาตุไว้ทำกิจต่อบนสวรรค์ในฐานะ “พระเจ้า” อีกได้ เมื่อทำกิจจบแล้วก็จะนิพพานเหมือนกัน

    ถาม : หมายความว่าถ้าดับขันธปรินิพพานจะกลายเป็นพระเจ้าหรือ?

    ตอบ :

    ก็ไม่เชิง ผู้เป็นพระเจ้า จะยังไม่นิพพานแบบสิ้นเชื้อ ยังมีกิจทำอยู่ เหมือนอย่างที่เราเห็นพระเจ้าทั้งหลายกระทำต่อโลกนั่นแหละ ทั้งที่ปรากฏไว้ในตำราคริสต์หรืออิสลาม ท่านยังมีกิจต้องทำอยู่ ไม่สำเร็จก็เข้านิพพานไม่ได้ เมื่อทำกิจสำเร็จหมดแล้วก็จะได้นิพพาน ท่านที่รู้แจ้งถึงนิพพานแล้ว เบื่อหน่ายในขันธ์ห้า แต่ยังทำกิจไม่จบไม่เสร็จสิ้นได้ ก็จะทำการดับขันธปรินิพพาน เหลือแต่ “มโนธาตุ” ไว้ทำกิจต่อไป โดยอาศัยพระมหาโพธิสัตว์ ลงมาเกิดเพื่อช่วยประสานงานบนโลกในฐานะพระบุตร เหมือนพระนบีมูฮัมหมัดและพระเยซู

    ทั้งนี้ พระเจ้าและเหล่าพระสาวก จะมีวิมานอยู่บนสวรรค์ แต่พระเจ้า ไม่จำเป็นต้องอาศัยวิมาน เพราะดับขันธปรินิพพานทำให้ไม่ต้องพะวงเรื่องการอยู่อาศัย ปรากฏได้ทุกสถานที่ วิมานจะมีหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่ที่ต้องมีเพราะเอาไว้รองรับ ให้ผู้ที่เป็นสาวก เมื่อตายลงจิตจะจุติตามท่านมา ถ้ายังไม่ได้ดับขันธปรินิพพาน ก็จะต้องมีวิมานรองรับเขานี้ เมื่อพระเจ้านิพพานแล้ว พระสาวกทั้งหมดในสวรรค์นั้น ก็จะนิพพานบนสวรรค์นั้นด้วย ที่เรียกว่า “ชีวิตนิรัน” คือ ภาวะไม่ตายอีกแล้ว ไม่มีการเกิดและดับอีกแล้ว นิพพานนั่นเอง

    ถ้านิพพานทั้งธาตุและขันธ์ก็ดับหมดสิ้นเชื้อ ไม่เหลือกิจอะไรจะทำได้อีก มโนธาตุมีกิจรู้ ถ้าดับธาตุตัวนี้นิพพานแล้ว จะพ้นจากทั้งภาวะรู้และไม่รู้ ไม่รู้ก็เหมือนรู้ รู้ก็เหมือนไม่รู้ จึงหมดกิจรู้หรือไม่รู้ ดับสนิทนิพพานสิ้นเชื้อ แบบนี้ไม่มีภาวะที่จะทำกิจแบบพระเจ้า ก็ไม่ใช่พระเจ้าอีก นิพพานหมดเลย ไม่มีอย่างอื่นให้เหลืออีก อนึ่ง ผู้ที่จะอยู่ในภาวะพระเจ้าได้ก็ต้องมีบุญบารมีมาก มีกรรมมากเกินกว่าอายุขัยมนุษย์จะชำระได้หมด จึงต้องชำระต่อในสวรรค์ ดังนั้น พระสาวกธรรมดา ดับขันธปรินิพพานเป็นพระเจ้าไม่ได้ แต่มีภาวะเดียวกับพระเจ้าได้ด้วยการดับขันธปรินิพพาน แต่จะไม่ทำหน้าที่พระเจ้า อันนี้ แตกต่างกันอยู่

    ถาม : แล้วพระเจ้ากับพระยูไลละ องค์เดียวกันไหม?

    ตอบ :

    องค์เดียวกันเมื่อนับโดย “ฐานะหน้าที่” แต่ถ้านับจากลักษณะที่ไม่มีรูปขันธ์ปรากฏแล้ว ก็จะต่างกัน คือ พระเจ้ามีลักษณะคือทำกิจดูแลโลกด้วย และไม่มีขันธ์ห้าแล้ว คือ ดับขันธ์หมด เหลือแต่พระจิต (มโนธาตุ) เป็นพลังสว่างไสว ไม่มีรูปร่างตายตัว แบบนี้ ก็คือ พระเจ้าตามคัมภีร์ชัดเจน แต่ถ้านับเฉพาะกิจดูแลโลกแล้ว พระเจ้ามีทั้งที่มีกายทิพย์และไม่มี

    ถาม : พระพุทธเจ้าสมณโคดม เป็นพระเจ้าด้วยไหม?

    ตอบ :

    ใช่ เพราะท่านทรงกิจ กระทำการต่างๆ ต่อมวลสัตว์ หลังละสังขารไม่มีขันธ์ห้าแล้ว ขันธ์ห้านิพพานหมดแล้ว ถ้าท่านไม่มีกิจอะไรต่อมวลสัตว์เลย นิพพานแบบไม่เหลือกิจ ก็ไม่เรียกว่าพระเจ้า แต่นี่ท่านได้ตั้งจิตไว้ว่าจะโปรดสัตว์จนสิ้นอายุพุทธกาล คือ ห้าพันปีไว้ ก็จะกระทำตามสัจจะวาจานั้น จึงต้องดำรงทรงกิจต่อไป ในฐานะพระเจ้าด้วย คือ พระเจ้าองค์เดียวกันในยุคห้าพันปีนี้ นับจากพระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานนั่นเอง นอกจากนี้ ก็มีพระยูไลซึ่งยังทรงมีขันธ์ห้าอยู่คอยช่วยการทำกิจทางโลกอยู่ด้วยเช่น การเปลี่ยนแปลงของธาตุสี่บนโลก พระยูไล ก็ทรงช่วยดูแลด้วย ดังนั้น มหายานจึงบูชาพระยูไลสามองค์ ไม่ได้บูชาแต่องค์เดียว แต่ถ้ากล่าวถึงพระเจ้าองค์เดียวตามคำสอนของพระเยซูก็คือพระจิตของพระสมณโคดม ที่เหลือจากการดับขันธปรินิพพานแล้ว แต่ยังทรงกิจอยู่นั่นเอง

    ถาม : แล้วพระศรีอาริยเมตตรัยกับพระเยซูละ องค์เดียวกันไหม?

    ตอบ :

    องค์เดียวกันแบ่งภาคมาในรูปต่างกัน เพราะบุพกรรมที่ได้กระทำการตั้งสัจจะวาจาไว้ว่าจะช่วยการทำกิจพุทธะในห้าพันปีนี้ ท่านก็เป็นองค์หลักสำคัญที่ต้องลงมากระทำตามสัจจะวาจา แต่ในศาสนาต่างกันก็เรียกในนามที่แตกต่างกันไป เช่น พระเมตตรัย จะถูกเรียกว่า Messiah (เมสิอาร์) ในคริสต์ศาสนาและยังมีนามเรียกในศาสนาอื่นๆ อีกมากมาย

    Posted by physigmund_foid วันพฤหัสบดี ที่ 16 กันยายน 2553

    บทความถามตอบเรื่องพระเจ้า ยังไม่จบเพียงแค่นี้นะครับ ยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจอีกมากมาย หากท่านใดสนใจจะอ่านต่อ ก็ขอเชิญเข้าไปอ่านได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ -เกษม-

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/buddhabath/2010/09/16/entry-5<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2011
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พบกันคนละครึ่งทาง...

    [​IMG]

    ถามตอบ "ความคิดเห็นเรื่องพระเจ้าจักรพรรดิ์"

    ถาม : ขอความเห็นเรื่องคำทำนายเกี่ยวกับพระเจ้าจักรพรรดิในกึ่งพุทธกาล?

    ตอบ :

    ต้องแยกแยะสองอย่างให้ชัดคือ

    ๑) คำทำนายเพื่อการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์
    ๒) ความเป็นจริงของพุทธศาสนาตามยุคตามสมัยนั้น

    สองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน และตรงกันข้ามก็ได้ เช่น พระพุทธศาสนายุคนี้ ไม่ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิมาค้ำจุน แต่กลับมีคำทำนายเพื่อให้คนศรัทธาแล้วเพียรพยายามบำเพ็ญให้ได้ ก็มีได้ เกิดได้ เมื่อบำเพ็ญไปแล้วจะได้บารมีบางส่วน ไม่ครบ ไม่เต็ม เพราะไม่ใช่ยุคสมัยของการมีพระเจ้าจักรพรรดิ ยุคสมัยบนโลกที่จะมีพระเจ้าจักรพรรดิได้ ไม่ได้บ่อย เป็นสิ่งที่เกิดได้ยาก คนบนโลกที่มาเกิดต้องมีบุญมากจึงจะได้เห็น ได้เกิดร่วมยุคร่วมสมัยนั้น ก็มีในสมัยพุทธกาลของพระศรีอาริยเมตตรัย จะมีพระเจ้าจักรพรรดิ ๑ องค์มาสนับสนุน

    แต่ในสมัยของพระสมณโคดมจะไม่มีพระเจ้าจักรพรรดิ ตรงนี้ให้ศึกษาดีๆ ไม่มีจริงๆ แม้แต่ในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ คิดดู แม้แต่พระพุทธเจ้ามีบารมีมากแค่ไหน ยังไม่ได้เห็นพระเจ้าจักรพรรดิเลย แล้วเราละ เกิดทีหลัง ท่านตายไปแล้ว ไม่ได้เห็นกันหรอก ในคำทำนายกล่าวว่าจะมีตั้ง ๕ องค์ มาสนับสนุนพุทธศาสนาจนครบห้าพันปี โดยจะลงมาพันปีละหนึ่งองค์ มันมีได้นะ ผู้ที่บำเพ็ญบารมีแบบพระเจ้าจักรพรรดิ แต่จะไม่ได้บารมีเต็มสมบูรณ์ที่จะเรียกได้ว่าพระเจ้าจักรพรรดิ อย่างเต็มปากเต็มคำ เช่น บางองค์ได้ครองจักรแก้ว แต่ไม่ได้แก้วมณี ขาดไปนิดหน่อย หรือได้สองอย่างแต่กลับขาดนางแก้ว ได้หญิงอื่นที่ไม่ใช่นางแก้วเป็นภรรยา เป็นต้น</PERSONNAME>

    สรุป ก็คือ ห้าพันปีแห่งพุทธกาลของพระสมณโคดม จะมีแต่ “พระธรรมราชา” เท่านั้น ในสมัยที่พระพุทธเจ้าทรงพระชนม์ชีพอยู่จะมีบุญหล่อเลี้ยงพระพุทธศาสนามากที่สุดจะปรากฏมีพระธรรมราชาถึง ๗ องค์ ดังใน ภาพปริศนาธรรมที่พระพุทธเจ้ากำเนิดแล้วก้าวบนดอกบัวเจ็ดดอกนั่นเอง พระองค์จึงได้เผยแพร่ศาสนาพุทธเป็นที่ยอมรับในระดับกษัตริย์ถึง ๗ แว่นแคว้น แต่แท้จริงแล้วท่านไปมากกว่า ๗ แว่นแคว้น เช่น ในแถบประเทศจีน ยังมีหลักฐานบางอย่างที่เก่าแก่มาก ปรากฏเหมือนว่าพระพุทธเจ้าก็ทรงมาเผยแพร่ธรรมนานแล้ว แต่ไม่ได้รับการยอมรับในระดับกษัตริย์ มีคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่รับธรรมจากท่าน

    ดังนั้น ท่านเผยแพร่มากกว่าเจ็ดแว่นแคว้น แต่สำเร็จจริงๆ ๗ แว่นแคว้น หลังจากนั้น พระพุทธเจ้าก็นิพพานแล้ว จะไม่มีบุญของท่านหล่อเลี้ยงพุทธศาสนาอีก ต้องอาศัยบุญของพระโพธิสัตว์ หลายองค์โดยมีองค์ที่สำคัญที่สุดเป็นผู้นำคือ พระศรีอาริยเมตตรัย นั่นเอง ซึ่งพระโพธิสัตว์องค์นี้เองที่บำเพ็ญบุญบารมีมากจนได้พระเจ้าจักรพรรดิค้ำจุนศาสนาของท่าน บุญบารมีนี้เอง ทำให้พระเจ้าจักรพรรดิที่สมบูรณ์จะเกิดในยุคท่าน แต่พระเจ้าจักรพรรดิที่บารมีไม่เต็มสมบูรณ์ จะเกิดก่อนยุคท่าน คือ เตรียมตัวไว้นั่นเอง ยังไม่พร้อมเต็มที่ แต่เริ่มคล้ายเข้ามาแล้ว ก็จะลงมาด้วยพร้อมกับที่ท่านลงมาค้ำศาสนา เรียกได้ว่าพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นบุญบารมีของพระศรีอาริยเมตตรัย ไม่ใช่พระสมณโคดมๆ มีบุญได้แต่ “พระธรรมราชา ๗ องค์”

    ถาม : ถ้ามีผู้บำเพ็ญบารมีเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ จะเป็นอย่างไร?

    ตอบ :

    อย่างแรกจะบำเพ็ญได้สูงสุดก็ไม่เต็มสมบูรณ์ไม่ครบองค์แห่งสมบัติจักรพรรดิ ๗ ประการ ไม่อาจเรียกได้เต็มปากว่าเจ้าจักรพรรดิ แต่ก็มีได้ที่เข้าข่ายคล้ายๆ เช่น มีจักรแก้วสามารถขยายอิทธิพลได้กว้างไกล แต่จะขาดสมบัติบางประการจึงไม่ครบองค์ ถ้ามีศาสดาใหม่เกิดขึ้นจากพระศรีอาริยเมตตรัย พระเจ้าจักรพรรดิจะสนับสนุนและทำลายพุทธศาสนาสิ้นหมด ดังนั้น กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ จะมีผู้ขวางทำลาย แต่ถ้าพระศรีอาริยเมตตรัย เป็นเจ้าจักรพรรดิเสียเอง ก็จะเสียบุญบารมีไปมากเพื่อจะค้ำจุนศาสนาที่ไม่มีบุญพอจะรับพระเจ้าจักรพรรดิ เสียสองฝ่าย คือ เจ้าจักรพรรดิจะทำลายพุทธศาสนาไปโดยไม่รู้ตัวเช่น สนับสนุนไปผิดทาง และเจ้าจักรพรรดิก็จะไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าด้วย ทางที่เป็นไปได้ คือ พระศรีอาริยเมตตรัยบรรลุธรรมคอยคุมพระเจ้าจักรพรรดิ ให้ผู้อื่นบำเพ็ญเป็นฯ แทน

    Posted by physigmund_foid วันพฤหัสบดี ที่ 16 กันยายน 2553

    ที่มาhttp://www.oknation.net/blog/buddhabath/2010/09/16/entry-4

    หมายเหตุ

    จากความคิดเห็นของ physigmund_foid นี้ผมยอมรับได้ เพราะมีเหตุและผลที่มีความเป็นไปได้สูง ผมไม่ได้เป็นคนที่เชื่อเรื่องตำนานของพระเจ้าจักรพรรดิ์แบบงมงาย ชนิดที่จะไม่ยอมรับฟังคำโต้แย้งจากใครๆเลย ถ้าคุณหนุมาน ผุ้นำสาร มีญาณทัศนะเห็นว่าในยุคชาววิไล จะไม่มีพระเจ้าจักรพรรดิ์ แต่มีบุรุษผู้ที่ทำได้ โดยมีเหตุผลเช่นเดียวกับคุณ physigmund_foid นี้ ผมก็ยอมรับฟังได้เช่นกัน เพราะถึงอย่างไรพระศรีอาริยเมตไตรย ก็คือพระโพธิสัตว์ที่จุติลงมาค้ำจุนพระพุทธศาสนาในกึ่งพุทธกาลนี้ ให้อยู่ยืนยาวไปจนครบ 5,000 ปีอยู่ดี โดยพระองค์ท่านจะมาในฐานะพระเจ้าจักรพรรดิ์ หรือในฐานะพระธรรมราชา(พญาธัมมิกราช) ที่มีเพียงจักรแก้วอย่างเดียว ก็สามารถมาฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรื่องเหมือนในครั้งพุทธกาล ที่พระพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ได้เช่นเดียวกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2011
  16. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]

    หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงจากพายุ “เนสาด” สลายตัวแล้วแต่ยังคงทำให้ภาคเหนือ-อีสานฝนตกหนัก ขณะที่คลื่นลมในทะเลอันดามัน -อ่าวไทยมีกำลังแรง
    วันนี้ ( 2 ต.ค.) สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.ระบุว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “เนสาด” (NESAT) บริเวณประเทศเวียดนามตอนบนได้สลายตัวแล้ว แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ ตาก เลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้
    ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้คลื่นลมในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็ก ควรงดออกจากฝั่งระยะนี้ไว้ด้วย

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา
    ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.





    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650><TBODY><TR><TD vAlign=top width=90 align=left></TD><TD vAlign=top width=560 align=left><STYLE>P { MARGIN: 0px}</STYLE>ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้พบหารือกับเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย (H.E. Mr. Gildas Le Lidec) ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล โดยได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันในประเด็นสำคัญได้แก่ การค้าการลงทุนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ภาพรวมสถานการณ์การเมืองของไทย การจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป รวมทั้งการดำเนินการของสำนักงาน เพื่อการพัฒนาแห่งประเทศฝรั่งเศสในประเทศไทย


    เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับฝรั่งเศสที่มีความใกล้ชิดและแน่นแฟ้น โดยเมื่อปลายปี 2553 ไทยกับฝรั่งเศสได้ร่วมลงนามข้อตกลงการหารือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-ฝรั่งเศส (The High Level Economic Dialogue between France and Thailand 2010-2014 หรือ HLED) เพื่อให้เป็นกรอบในการสร้างเสริมความร่วมมือและขยายโอกาสด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกัน และมีเพียงไม่กี่ประเทศที่จะมีความร่วมมือในลักษณะนี้ โดยนักลงทุนชาวฝรั่งเศสล้วนพึงพอใจที่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยได้ลงทุนในสาขาแตกต่างกันกว่า 400 บริษัท และมีการจ้างงานคนไทยถึง 1 แสนคน ทั้งนี้ มีความมั่นใจว่าบริษัทของฝรั่งเศสสามารถดำเนินตามนโยบายรัฐบาลที่เพิ่มค่าจ้างแรงงานเป็นวันละ 300 บาทได้ เพราะมีการให้เงินเดือนในระดับที่สูงอยู่แล้ว



    นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสฯ แสดงความสนใจถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย โดยเห็นว่าเศรษฐกิจและการเมืองเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกกันได้ หากการเมืองภายในประเทศมีความมั่นคงก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีไปด้วย ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หวังว่าผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดจะได้รับการยอมรับและจะสามารถหาข้อสรุปที่นำไปสู่ความปรองดอง สมานฉันท์และความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทยได้ โดยรัฐบาลปัจจุบันได้พยายามทำงานอย่างหนักและมีความโปร่งใสให้มากที่สุด ด้วยการสร้างเสริมประชาธิปไตย ความยุติธรรมและความเท่าเทียมภายในประเทศ ควบคู่ไปกับสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง ประชาชนอยู่ดีกินดี

    เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสฯ ยังได้สอบถามเรื่องการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป เนื่องจากขณะนี้ สหภาพยุโรปได้ทำการการเจรจา FTA กับสิงคโปร์และมาเลเซียแล้ว และกำลังจะเริ่มเจรจากับเวียดนามเร็วๆ นี้ จึงหวังว่าจะได้เริ่มการเจรจา FTA กับไทยเช่นกัน โดยในประเด็นดังกล่าว รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงว่ารัฐบาลปัจจุบันยึดมั่นแนวทางที่จะสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้การดำเนินการต่างๆ ยังจำเป็นต้องสอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา 190ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ด้วย


    ฝ่ายฝรั่งเศสยังได้กล่าวแนะนำสำนักงานเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศฝรั่งเศส (Agence Française de Développement: AFD) ซึ่งเป็นหน่วยงานของฝรั่งเศสที่ดำเนินการในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนและให้ความร่วมมือด้านการพัฒนา โดยให้การสนับสนุนในลักษณะเงินกู้แก่ภาครัฐและเอกชนไทยในการดำเนินกิจการในหลากหลายด้านในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (mega project) เช่น การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง สาธารณูปโภค การศึกษา โดยฝรั่งเศสหวังว่ารัฐบาลไทยจะสนับสนุนการดำเนินการของ AFD ต่อไป


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650><TBODY><TR><TD vAlign=top width=90 align=left>[​IMG]


    </TD><TD vAlign=top width=560 align=left><STYLE>P { MARGIN: 0px}</STYLE>กรุงปารีสประกาศโครงการ"แบ่งปัน"รถยนต์ (car-sharing) หรือบริการให้เช่ารถยนต์ ซึ่งจะเริ่มนำร่องให้บริการในวันที่ 2 ต.ค.นี้ เพื่อหวังลดการจราจรติดขัดในถนนสายหลัก และเพื่อการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังไฟฟ้าขนาดเล็กที่ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม


    โครงการ Autolib เกิดขึ้นหลังจากที่โครงการ Velib หรือบริการให้เช่าจักรยาน ประสบความสำเร็จตามเมืองใหญ่ของยุโรปเป็นอย่างดี โดยโครงการนำร่อง 2 เดือนนี้ ผู้ใช้สามารถเช่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือ "Bluecars" ได้ด้วยตนเอง เป็นเวลานาน 30 นาที และเมื่อใช้เสร็จ ผู้ขอเช่าสามารถนำไปจอดยังสถานีบริการชาร์จไฟฟ้าที่ใดก็ได้

    ผู้ใช้บริการเพียงนำใบขับขี่ของตนเพื่อขอใช้บริการเช่า และขอสมัครสมาชิกเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกจะเสียค่าใช้จ่ายในการสมัครเพียง 10 ยูโรต่อวัน หรือไล่ไปจนถึง 144 ยูโรต่อปี และเสียค่าบริการต่อครั้งตั้งแต่ 4-8 ยูโร

    ทั้งนี้ รถยนต์ทั้งหมดผลิตโดยบริษัท Pininfarina บริษัทรถยนต์จากอิตาลี ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์แบรนด์ดังอย่าง เฟอร์รารี และ มาเซราติ โดยรถยนต์สามารถวิ่งได้ไกลถึง 250 กม. ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ซึ่งกินเวลาประมาณ 4 ชม.

    ด้านนายแบร์ทรองด์ เดอลาโน นายกเทศมนตรีกรุงปารีส หนึ่งในผู้ริเริ่มโครงการประกาศว่า โครงการมูลค่า 235 ล้านยูโร ในเบื้องต้นจะมีรถยนต์ขนาด 4 ที่นั่ง ให้บริการในสถานีชาร์จไฟจำนวน 33 แห่ง ทั้งสิ้น 66 คัน มีแผนที่จะขยายการให้บริการเพิ่มเป็น 3,000 คัน และมีสถานีมากกว่า 1,000 แห่ง ภายในสิ้นปีหน้า

    ผลการศึกษาเมื่อปีที่แล้วพบว่า ชาวฝรั่งเศสเลิกใช้รถยนต์ส่วนตัวมากถึง 25% หลังจากที่รัฐบาลประกาศขึ้นค่าประกันภัยรถยนต์และค่าจอดรถ

    โครงการดังกล่าวเกิดขึ้น ในช่วงระหว่างที่บริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำกำลังเร่งการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่ออกมาตีตลาดยุโรป ทั้งนี้ บ.เรโนลด์ เอสเอ และบ.นิสสัน มอเตอร์ของญี่ปุ่น ได้จับมือกันเพื่อร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามูลค่า 4 พันล้านยูโร โดยผู้บริหารของเรโนลด์เชื่อว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 10 ของรถยนต์ที่จำหน่ายได้ในปี 2020


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. mazami

    mazami สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +20
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ หนุมาน ผู้นำสาร [​IMG]

    *** เข้ายุคพระศรีอารย์ ****

    ระวังนึกว่าใช่ แต่กลับไม่ใช่
    เรื่องสัจจะ ใครได้ทำ ใครทำได้ ก็จะรู้จะเข้าใจเอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "


    :cool:
    เห็นด้วยค่ะ ทุกวันนี้เรื่องเกี่ยวกับศาสนาและ สัจจะต่างๆ คนมักจะใช้การคิดหรือจินตนาการเอาว่ากันไปอย่างนั้น อย่างนี้บ้าง ซึ่งที่จริงแล้วมันเป็นสัจจะ หรือความเป็นจริงมันอยู่กับเราตลอดเวลา แต่เราไม่แจ้งประจักษ์มันเอง

    ยกตัวอย่างเช่น เมื่อพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาบนโลก คนทั่วโลกก็รู้ได้เองเลยว่านี่นะ พระอาทิตย์ ไม่ต้องมีคนบอกว่าอย่างนั้น อย่างนี้ ใช่ หรือไม่ เป็นต้น
    แต่ถ้ามีใครบอกว่า " ฉันนี่แหละคือพระอาทิตย์ แล้วก็พยามแต่งตัวเอง อ้างตำรา นิทานปรำปรา แล้วบอกว่า เชื่อฉันสิว่าฉันเป็นพระอาทิตย"

    ทุกวันนี้เรามักจะพบคนที่เฝ้ารอคอย เฝ้าค้นหา แต่พระศรีอาส์น เมสิอา หรืออะไรมากมายไปหมด จนลืมไปว่าลมหายใจของตนเอง ถ้าเข้าแล้วมันไม่ออก หรือออกแล้วมันไม่เข้า ก็หมดเวลาที่จะอยู่บนโลกนี้แล้ว

    ช่วงเวลาที่ลมหายใจเข้าแล้วออก ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นแล้วตก ช่วงเวลาเหล่านี้มันอาจจะสั้นหรือยาว อาจจะไม่มากพอที่เราจะสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่ให้อยู่ในใจใครได้นาน
    แต่ในช่วงเวลาแค่ลัดนิ้วมือ หากทำให้เรารู้ว่าสาระและแก่นสารของเวลาของเราที่เหลืออยู่บนโลกนี้ควรจะดำเนินชีวิต่อไปอย่างไร นั่นก็คุ้มค่าแล้วที่ได้มีโอกาส มาใช้เวลาช่วงหนึ่งอยู่บนโลกนี้ในร่างกายมนุษย์

    ทุกวันนี้หลายคนฟังธรรมะมาก จนหูสำเร็จธรรมไปแล้วแต่คนยังไม่ไปถึงไหนเลย
    หลายคนเขียนตำราอ้างอิงมาก จนปากกา กับกระดาษ บรรลุธรรมแล้ว แต่คนเขียนยิ่งเขียนกิเลสยิ่งหนาตัวขึ้น
    หลายคนสอน นั่ง นอน เดิน สมาธิ จนแขน ขา เนื้อตัว ไม่สะทกสะท้านกลายเป็นหิน เป็นดิน หมดแล้ว แต้หัวใจยังไม่อิ่มยังหิวกระหายอยู่

    อย่ามัวเฝ้าหา หรือรอใครเลย เวลาเหลือแค่ลมหายใจเข้าออก ทำความเข้าใจกับสัจจะและตัวเอง กับเวลาที่เหลืออยู่

    ลมพัด ต้องกาย จึงรู้ว่า อ้อ!นี่ลม
    ฝนตกเปียกปอน จึงรู้น้ำ
    ดวงอาทิตย์ส่องฉาย จึงรู้จักกลางวัน
    ดินกลบฝังหน้ามิด จึงรู้ที่ไป
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ถามตอบปัญหาเรื่องของ"พระเจ้า"

    [​IMG]

    ถาม-พระพุทธเจ้าสมณโคดม เป็นพระเจ้าด้วยไหม ?

    ตอบ : ใช่ เพราะท่านทรงกิจ กระทำการต่างๆ ต่อมวลสัตว์ หลังละสังขารไม่มีขันธ์ห้าแล้ว ขันธ์ห้านิพพานหมดแล้ว ถ้าท่านไม่มีกิจอะไรต่อมวลสัตว์เลย นิพพานแบบไม่เหลือกิจ ก็ไม่เรียกว่าพระเจ้า แต่นี่ท่านได้ตั้งจิตไว้ว่าจะโปรดสัตว์จนสิ้นอายุพุทธกาล คือ ห้าพันปีไว้ ก็จะกระทำตามสัจจะวาจานั้น จึงต้องดำรงทรงกิจต่อไป ในฐานะพระเจ้าด้วย คือ พระเจ้าองค์เดียวกันในยุคห้าพันปีนี้ นับจากพระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานนั่นเอง นอกจากนี้ ก็มีพระยูไลซึ่งยังทรงมีขันธ์ห้าอยู่คอยช่วยการทำกิจทางโลกอยู่ด้วยเช่น การเปลี่ยนแปลงของธาตุสี่บนโลก พระยูไล ก็ทรงช่วยดูแลด้วย ดังนั้น มหายานจึงบูชาพระยูไลสามองค์ ไม่ได้บูชาแต่องค์เดียว แต่ถ้ากล่าวถึงพระเจ้าองค์เดียวตามคำสอนของพระเยซูก็คือพระจิตของพระสมณโคดม ที่เหลือจากการดับขันธปรินิพพานแล้ว แต่ยังทรงกิจอยู่นั่นเอง


    Posted by physigmund_foid วันพฤหัสบดี ที่ 16 กันยายน 2553

    พระบิดา พระบุตร และพระจิต

    เมื่อพูดถึง “พระตรีเอกภาพ” เราจะเห็นภาพของความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา เห็นถึงความรักของ “พระบิดา” ที่ทรงส่งพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์ลงมาไถ่บาปมนุษย์ เห็นถึงความรักของ “พระบุตร” ที่ยอมสละชีวิตของพระองค์ โดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อไถ่บาปเรามนุษย์ และเห็นถึงความรักของ “พระจิต” ที่นำเราให้เข้าใจความจริงในแผนการณ์ของพระเจ้า

    “พระตรีเอกภาพ” จึงเป็นหนึ่งเดียวกันในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา เป็นหนึ่งเดียวกันในความรักของพระบิดา พระบุตร และพระจิต ที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ และเมื่อเราเข้ามาเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร เราก็ได้รับศีลล้างบาปในพระนามของพระตรีเอกภาพ เหตุนี้ ชีวิตของเราคริสตชนที่แท้จริง ก็คือ “ชีวิตของพระตรีเอกภาพ” คือ “ความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวในระหว่างพี่น้องคริสตชน ตามแบบอย่างของความสมบูรณ์ครบครันแห่งความรักอันเป็นหนึ่งเดียวกันของพระตรีเอกภาพ”

    ในเมื่อ “ความรัก” คือสายสัมพันธ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันของพระตรีเอกภาพ เราจะสมโภชพระตรีเอกภาพอย่างมีความหมายได้อย่างไร ….หากหัวใจของเรา “ยังไร้รัก” ?

    ที่มา http://ccbkk.catholic.or.th/kamsornnaru/kamsorn2/kamsorn2.html

    สอบถาม-มนุษย์ต่างดาว มีศาสนา มีบวชพระมั๊ย?

    เข้ามาอ่านแล้ว ขอความเห็นหน่อยนะครับ ไหน ๆ ก็เข้ามาแล้ว อยากทราบว่า มนุษย์ต่างดาว เค้านับถือศาสนาอะไร แล้วเค้าทำบุญอะไรกันอะครับ ถ้าเค้านับถือศาสนาพุทธ แล้วเค้ามีบวชพระมั๊ยครับ ถ้าไม่มีทั้ง 2 อย่างแล้วเค้า ทำบุญกันอย่างไรอะครับ ขอความเห็นหน่อยนะครับ

    อนุโมทนาบุญครับ ... สาธุ

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->อธิมุตโต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_710522", true); </SCRIPT> นักบวช 18-09-2007, 05:13 AM

    ก็ศาสนาพุทธไงครับ ยิว คริสต์และอิสลาม ต่างนับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน และมีคัมภีร์ที่กล่าวถึงแต่โลกนี้ พุทธศาสนาเท่านั้นที่กล่าวถึงโลกอื่นที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ มีพระเหาะไปบิณฑบาตรอีกตะหาก ในเมื่อเขาศรัทธาใส่บาตรพระ ก็ย่อมนับถือพุทธศาสนา<!-- google_ad_section_end -->

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->คนเก่า<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_710692", true); </SCRIPT> สมาชิก 18-09-2007, 07:49 AM

    ลองมาฟังในมุมมองของมนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้ดูบ้าง อันนี่เป็นแค่เผ่าพันธ์หนึ่งเท่านั้น จริงๆแล้วมีหลากหลายกว่านี้เยอะครับ ข้อความต่อไปนี้คือบางตอนในจดหมายของยูมิต ในปี ค.ศ.1988 ที่เกี่ยวกับ"จักรวาลทัศน์" ของพวกเขา...

    จักวาลทัศน์ของพวกเราตั้งอยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่น เท่าที่เรารู้นั้น เราทราบว่าเราอยู่ท่ามกลางจักรวาลเชิงซ้อนหรือมีโครงสร้างคู่แฝด ต้นตอของข่าวสารที่มากมายมหาศาลของจักรวาล ที่สามารถให้ความเป็นไปได้แก่รูปการณ์ใดๆทั้งปวงนั้น อยู่ท่ามกลางของสิ่งที่มีสองขั้ว

    สรรพสิ่ง และ สิ่งมีชิวิต ทั้งที่รับรู้โดยประสาทสัมผัสได้ และที่ไม่สามารถสัมผัสรับรู้ได้ ล้วนเกิดมาจากทั้งสองขั้วนี้ทั้งสิ้น..ถ้าหากไม่มีการดำรงอยู่ของสองขั้วนี้ในการสร้างสรรค์ จักรวาลก็จะไร้รูปร่างที่แน่นอน เป็นสารรูปที่ไร้เรื่องราวไร้ข่าวสารเป็นเพียงดุจผลึกก้อนมหึมาเท่านั้นเอง..

    พวกเราได้เรียกแกนกลางแห่งวิวัฒนาการของจักรวาลที่เป็นผู้ให้รหัส(code) แก่รูปลักษณ์ทั้งปวงของสรรพสิ่งนี้ว่า"อัว"(WOA) คือแผนการหรือโปรแกรม ประเภทหนึ่ง เป็นแหล่งข่าวสารของจักรวาลผู้คอยดูแลสิ่งมีชีวิต และอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวีตทั้งปวง กล่าวในอีกความหมายหนึ่ง "อัว"จึงเป็นองค์ประธานที่คอยควบคุมกฎอันเป็นสากล เป็นปฐมเหตุของพวกเรา หากจะเทียบกับ"พระผู้สร้าง"ที่พวกเทววิทยาของชาวโลกนั้น หากดูเผินๆจะมีส่วนร่วมกันมากทีเดียว

    แต่อย่างที่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าจินตภาพ(Image)ของ "พระเจ้า" สำหรับชาวโลกนั้น มีความแตกต่างกันไปตามความเชื่อของแต่ละศาสนาบนพื้นโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าหรือเทพเจ้าองค์ไหนต่างก็มีรูปลักษณ์คล้ายคน เป็นผู้มีจิตใจดีงามอย่างสมบูรณ์อย่างไร้ขอบเขต ในขณะที่ "อัว" ซึ่งเป็นปฐมเหตุของพวกเรานั้น เป็นสิ่งที่ถูกรับรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์ โดยไม่ต้องพึ่งพาเทววิทยาเลยแม้แต่น้อย โลกที่เราอยู่จึงไม่มีขบวนการทางศาสนา เพราะเรายึดถือเหตุผลและบทพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เป็นสรณะเท่านั้น

    "อัว"ของดาวเคราะห์ของเราจึงไม่เคยบอกว่าต้องสร้างโบสถ์ ต้องสร้างศาสนา เนื่องจากเราเกิดในสังคมที่วิวัฒนาการแล้ว จึงเน้นความถูกต้องแม่นยำ โดยไม่ยอมให้มีที่ว่าเหลือไว้แก่"เทพนิยาย"เลนแม้แต่เพียงน้อยนิด ในขณะที่ศาสนาคริสต์เกิดในยุคที่ยังไม่มีวิทยาศาสตร์ จึงต้องใช้วิธีเปรียบเปรยแทน...

    จากข้อมูลชุดนี้ มิติของสร้างที่เป็น "สองขั้ว" ที่นั้นมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และคาดว่าเขาอาจไม่มี"กฎแห่งกรรม"เพราะไม่มีความจำเป็นเหมือนในโลกของมนุษย์ แต่มีหน้าที่เฉพาะของเขาบางอย่างในจักรวาล<!-- google_ad_section_end -->

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->mead<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_710992", true); </SCRIPT> สมาชิก 18-09-2007, 11:38 AM

    ที่มา สอบถาม-มนุษย์ต่างดาว มีศาสนา มีบวชพระมั๊ย... - PaLungJit.com

    ถาม-ท่านนับถือศาสนาอะไร? มีศาสนาแบบมนุษย์ไหม?

    ตอบ-พวกเรานับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเหมือนกัน มีองค์เดียวที่สูงสุด และทุกชีวิตมาจากหนึ่งเดียวนี้ ตามความจริงซึ่งท่านจะได้เรียนรู้และทราบในศตวรรษใหม่ที่จะมาถึง ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ มีพระผู้สร้าง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดอยู่ 1 องค์ ที่สร้างทุกอย่างในจักรวาลขึ้นมาแต่เริ่มแรก แต่การบริหารจัดการกับสิ่งมีชีวิตต่างๆนั้น มีคณะกรรมการจัดการระหว่างดวงดาว ซึ่งบรรดาศาสดาต่างๆของโลกมนุษย์ก็เป็นกรรมการอยู่ ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนทำดี ไม่ควรมาเปรียบเทียบกันว่าศาสนาของฉันดีกว่าศาสนาของเธอ เพราะศาสดาทุกท่าน ก็มาจากที่เดียวกันหมด และถูกส่งลงมาช่วยพัฒนาจิตใจมนุษย์เป็นระยะๆไป.....

    ถาม-ท่านอายุเท่าใด? และพวกท่านมีตายบ้างไหม?

    ตอบ(ท่านพาราซิทัล)-เราอายุหลายพันปี ตั้งแต่เราเกิดมาจนถึงปัจจุบัน เคยเห็นพวกเราตายแค่ 3 คน ตายจากอุบัติเหตุยานอวกาศตก ทางด้านโรคต่างๆ เราสามารถพิชิตได้หมดแล้ว ขอให้ถามท่านเอ็ดดี้ ผู้ตรวจจักรวาลบ้าง

    ท่านเอ็ดดี้- ท่านพาราซิทัลพูดถูกต้องแล้ว พวกเราอายุยืนมาก......

    ถาม-ขอให้ท่านให้ความกระจ่าง เกี่ยวกับมนุษย์คู่แรกบนโลกนี้ว่า มาจากไหนกันแน่? มาจากลิงใช่หรือไม่?

    ตอบ-มนุษย์ไม่ได้พัฒนามาจากลิงอย่างที่เข้าใจกัน ตามความเป็นจริง มนุษย์เพศชายคนแรกที่พวกท่านเรียกว่า"อาดัม"นั้น ถูกสร้างขึ้นมาที่ดาวนพเคราะห์ดวงหนึ่งนอกระบบสุริยะของท่าน พระผู้สร้างได้ให้พวกเรา นำมนุษย์ผู้นั้นมาไว้ยังโลกนี้ และต่อมาได้สร้างมนุษย์เพศหญิง ที่พวกท่านเรียกว่า "อีฟ" ขึ้นมาอีกคนหนึ่ง และให้นำมาอยู่ด้วยกัน จนสืบเชื้อสายมีลูกหลานกันมากมายไปทั่วโลก พวกเราเปรียบเสมือนบรรพบุรุษของพวกท่านเหมือนกัน มีหน้าที่คอยดูแลช่วยเหลือพวกท่านอยู่เสมอมา ในระยะ 200 กว่าปีที่ผ่านมา มนุษย์เจริญทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมามาก แต่ทางด้านศีลธรรม และจริยธรรม กลับพัฒนาได้น้อยมาก เมื่อมนุษย์ค้นพบพลังงานใหม่ เช่นพลังปรมาณู ก็นำไปใช้สร้างอาวุธทำลายล้างกัน แทนที่จะนำไปใช้ในด้านพัฒนาสุขภาพและสันติภาพ......

    ถาม-ถ้าพระผู้สร้างมีจริง และเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งสิ่งที่มีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิตขึ้นมาจริงอย่างที่ท่านบอก สิ่งนี้ขัดแย้งกับกฎแห่งกรรมของพุทธศาสนาหรือไม่?

    ตอบ- พระผู้สร้าง ได้สร้างทุกอย่างในจักรวาลขึ้นมา แต่ท่านได้ให้อิสระเสรีภาพกับมนุษย์ทุกคน ที่จะทำดี หรือทำชั่วก็ได้ หากทำดี ก็ได้รับผลตอบแทนที่ดี ทำชั่ว ก็ได้รับผลตอบแทนที่ไม่ดี นับว่ายุติธรรมที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ? ฉะนั้น ไม่ขัดแย้งกับกฎแห่งกรรมของพุทธศาสนาเลย และนี่คือ ความจริงของกฎจักรวาล........

    ถาม-สิ่งมีชีวิตในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ แบ่งเป็นระดับอย่างไรบ้าง? และพวกท่าน(มนุษย์ต่างดาว)เป็นผี หรือเทวดา หรืออะไรกันแน่?

    ตอบ-พลังงานชีวิต หรือจิตวิญญาณในจักรวาลนี้ แบ่งเป็นระดับต่างๆมากมาย จะเรียกว่า "ภพภูมิ" หรือ"มิติ"ก็ได้ มนุษย์อยู่ในมิติที่ 3 มีความกว้าง ยาว ลึก แต่ไม่สามารถควบคุม"เวลา"ได้ พวกเราอยู่ในมิติสูงกว่าพวกท่านหลายมิติ เราอยู่สูงกว่ามิติ"ผี" แต่เราก็ยังไม่ใช่พวกเทพ หรือพรหม อย่างที่พวกท่านเชื่อว่ามี เราเป็น"มนุษย์"อีกชนิดหนึ่ง ที่อยู่ยังดาวดวงอื่น มีความเจริญทางวิทยาศาสตร์ และศีลธรรมสูงกว่าพวกท่านมาก ความโกรธ โลภ หลง ในพวกเรา แทบไม่มีเหลืออยู่เลย เรามีจิตวิญญาณที่เป็นอมตะแบบพวกท่าน แต่เราก็มี"ร่าง" ที่ไม่คล้ายกับพวกท่านนัก และมี"ยานบิน" ที่ทำให้เราเดินทางไปยังดาวต่างๆได้อย่างรวดเร็วกว่าแสง พวกเราเป็นสมาชิกของสมาคมระหว่างดวงดาว ซึ่งมนุษย์ยังไม่ได้เป็น แต่คาดว่า มนุษย์คงสามารถพัฒนาตัวเองให้เข้าเป็นสมาชิกได้ในศตวรรษที่ 21 นี้ หากมนุษย์สามารถลดกิเลส โกรธ โลภ หลง ลงได้ เทวดาและพรหมนั้นมีจริง เราสามารถติดต่อได้ทางจิต แต่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน พวกเขามักเรียกพวกเราว่า"มนุษย์พิเศษ" ส่วนผีนั้น ไม่มีร่างถาวร มีแต่จิต และส่วนมาก ไม่สามารถออกไปจากโลกนี้ได้เกิน 50 กม. เพราะมีสิ่งที่บังคับควบคุมไว้ แต่"มนุษย์ต่างดาว"ไม่มีข้อจำกัดนี้......

    ถาม-มนุษย์ต่างดาว จะมายังโลกนี้ ต้องได้รับอนุญาตจากใครก่อนหรือเปล่า?

    ตอบ- มนุษย์พิเศษจากดาวอื่นๆ จะมายังโลกนี้ ต้องขออนุญาตจากสมาคมระหว่างดวงดาวก่อนเสมอ หรือถูกส่งให้มาช่วยเหลือในบางเรื่อง แต่เมื่อมาถึงโลกนี้ ก็ยังต้องรายงานกับ"ผู้ตรวจโลก" ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่ มนุษย์ต่างดาวที่แอบมาก็มีเหมือนกัน คือ มาโดยไม่ขออนุญาตก่อน ส่วนมากพวกนี้เป็นพวก"ไม่ดี" ซึ่งมีอยู่เหมือนกัน แต่เป็นจำนวนน้อย ปีที่แล้ว มีพวกกลุ่มไม่ดี ได้แอบเข้ามาในโลกของท่าน ด้วยยานอวกาศลำใหญ่ขณะมิติเปิด ขณะนี้สำหรับประเทศไทย กลุ่มไม่ดีลอยอยู่ในบริเวณเขาผีปันน้ำ ในภาคเหนือของประเทศท่าน หากพบยานบินสีดำ อย่าไปยุ่งเกี่ยวด้วย อันตรายมาก......

    ถาม-มนุษย์ต่างดาวเช่นพวกท่าน หน้าตาคล้ายพวกเราไหม? หายใจด้วยออกซิเจนหรือไม่? กินอาหารและขับถ่ายอย่างไร?

    ตอบ-ผู้ที่มาจากดาวดวงอื่น ที่มีหน้าตาคล้ายมนุษย์มากที่สุด คือ พวกที่มาจากกลุ่มดาวลูกไก่ และดาวพระศุกร์ เราจากดาวอังคาร(ท่านพาราซิทัล) หน้าตาไม่เหมือนพวกท่าน ตาจะใหญ่ดำ คางแหลม แบบในรูปที่ท่านวาดไว้ สูงกว่ามนุษย์ มือมี 3 นิ้ว และไม่มีอวัยวะเพศทั้งชายและหญิง แต่รู้ว่าใครเป็นเพศชาย เพศหญิง มนุษย์ต่างดาวเพศชาย มักตัวโตกว่าผู้หญิง เราไม่หายใจด้วยออกซิเจน แต่หายใจด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว เรามีปากเล็กๆ จมูกเล็กๆ ไม่กินอาหารเหมือนพวกท่าน เรากินพลังงานชนิดหนึ่ง กินหนึ่งครั้งอยู่ได้หลายเดือน เราไม่มีกระเพาะอาหาร ลำไส้ ทวารหนัก ฉะนั้นพวกเราไม่ต้องขับถ่ายทั้งหนักและเบาระหว่างเดินทางในอวกาศ ความแตกต่างเหล่านี้ เป็นของธรรมดา "ท่านเอ็ดดี้" ก็หน้าตาเป็นสี่เหลี่ยม ตากลมใหญ่ แปลกไปจากเราอีก แต่เขาใจดีมากนะ หน้าตาแตกต่างกัน ไม่ได้หมายความว่าคุยกันไม่ได้.....

    ที่มา บทสัมภาษณ์มนุษย์ต่างดาว...ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน... - PaLungJit.com<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2011
  19. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    =====================================


    1 ต.ค. 54


    อดีตนายก---------ยกกระสอบ--------ป้องกัน
    ท่านระวัง----------ก่อนน้ำ-----------ที่จะมา
    เป็นสัญญาณ-------เตือนภัย----------น้ำมาหา
    รีบเถิดจ้า----------ก่อนเวลา----------จะหมดไป

    คนไทย------------มีน้ำใจ-----------ช่วยเหลือกัน
    ไม่ทิ้งยาม----------แม่อุทก----------มาเยี่ยมเยือน
    ให้เตรียมพร้อม-----น้ำอาหาร---------ผมขอเตือน
    น้ำมาเยือน---------ปีนี้มาก-----------ลำบากกัน

    ปีนี้----------------ขอชี้กรุงฯ---------น่าเป็นห่วง
    น้ำหลายห้วง--------ลงมา------------บรรจบกัน
    ปิงวังยม------------และน่าน---------ไหลไม่ทัน
    เข้าโรมรัน----------ทางผ่าน----------น่าเศร้าใจ

    ขนของขึ้น---------ขึ้นที่สูง----------เกินกว่าเมตร
    ให้พ้นเขต----------น้ำนอง----------จะท่วมถึง
    รีบเข้าเถิด----------เสียงน้ำ----------ดังอื้ออึง
    เมื่อมาถึง----------จะตั้งรับ----------กันได้ทัน



    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"
     
  20. ยัย fame

    ยัย fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +104
    คุณ lazaza พอจะบอกได้ไหมว่าจุดไหนของกรุงเทพ หรือว่า...ทั้งหมด
     

แชร์หน้านี้

Loading...