ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯเตือนตอนบน-อีสานอากาศยังหนาวเย็น ใต้ฝนลด กทม.เย็นสุด21-23องศา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    อุตุฯเตือนตอนบน-อีสานอากาศยังหนาวเย็น ใต้ฝนลด กทม.เย็นสุด21-23องศา

    กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 10 มกราคม 2554 ดังนี้

    ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไปกับมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนภาคใต้มีฝนลดลงอยู่ในเกณฑ์เป็นแห่งๆ และคลื่นลมในภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างสูง ประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ในระยะนี้ไว้ด้วย

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศา
    สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหมอกบางในตอนเช้า
    ทางตอนบนของภาค: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศา
    ส่วนทางตอนล่างของภาค: อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-17 องศา
    สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า
    อุณหภูมิต่ำสุด 20-21 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา
    โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
    อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ
    ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
    ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
    ตรัง และสตูล
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า
    อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สาวใหญ่กาฬสินธุ์หนาวตาย อากาศเย็นทำหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มกราคม ร.ต.ท.คมชนะ อนันตา ร้อยเวร สภ.เมืองกาฬสินธุ์ รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ

    ภายในบ้านเลขที่ 52 หมู่ 10 ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ไปตรวจสอบพบนางสาวอรวรรณ บุญไสว อายุ 45 ปี นอนตายบนที่นอน บริเวณโดยรอบห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง

    และจากการชันสูตรแพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาจากอาการที่หนาวเย็นทำให้หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>โผล่อีกดวงไฟปริศนาชาวแปดริ้วเชื่อเป็นผีกระสือ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่หมู่บ้านหนองปาตอง หมู่ 2 ต.หนองยาว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา

    ได้มีชาวบ้านลำลือกันว่า พบผีกระสือออกหากินตอนกลางคืน ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายณะเรศ สุดชื่น อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160/2 และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองยาว เปิดเผยว่า ชาวบ้านสงสัยหญิงสูงวัยคนหนึ่งในพื้นที่ว่าจะเป็นผีกระสือ เนื่องจากลูกชายไปเรียนวิชาไสยศาสตร์มาจากอีสาน ก่อนมาเป็นร่างทรงเลี้ยงภูตผีเอาไว้ และมักจะเอาเลือดหมู เลือดไก่ มาเซ่นไหว้ประจำ ต่อมาได้หายตัวออกจากบ้านไป แต่จู่ๆก็มีคนพบเห็นดวงไฟลอยออกมาจากบริเวณบ้านของชายคนดังกล่าวเป็นประจำ จึงลำลือกันว่าเป็นผีกระสือ ซึ่งสิงอยู่ในร่างของแม่คนเข้าทรง

    โดยล่าสุดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมากลุ่มชาวบ้านได้พากันไปดักซุ่มพิสูจน์ และเห็นดวงไฟสีแดงขนาดเท่าผลส้มลอยสูงจากพื้นดินประมาณ 3 เมตร จึงยิงปืนขู่

    หลังจากนั้นดวงไฟดังกล่าวก็ลอยหายไป กระทั่งช่วงเช้าก็มาพบว่าไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงเอาไว้ในเล้าล้มตายหลายตัว โดยที่ลำคอมีรูคล้ายรอยถูกกัดดูดเลือด ขณะที่บริเวณเล้าไม่มีขนไก่หลุดร่วงให้เห็นเหมือนถูกสุนัขหรือสัตว์อื่นเข้ามากัดกิน อย่างไรก็ตามในคืนนี้ชาวบ้านได้นัดร่วมตัวกันเดินทางไปพิสูจน์อีกครั้ง

    ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 03.00น.วันที่ 10 ม.ค. ดวงไฟดังกล่าวได้โผล่ลอยออกมาจากจุดเดิมท่ามกลางสายตาของผู้ร่วมพิสูจน์นับสิบ

    แต่เมื่อทั้งหมดวิ่งกรู่เข้าไปใกล้เพื่อถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐาน ดวงไฟปริศนาที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นผีกระสือก็หายวับไปกับตา ทำให้เสียงร่ำลือถึงปรากฎการณ์ประหลาดครั้งนี้ยิ่งสร้างความฉงนเพิ่มขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานว่ามีไก่หรือสัตว์ในละแวกดังกล่าวล้มตายในลักษณะเ้ดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งตลอดหลายวันที่ผ่านมา


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>แห่ดู"แม่ชี"ลอยกลางลำน้ำน่าน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 9 มกราคมคณะกรรมการวัดสว่างอารมณ์ หมู่ 6 ต.ท่าทอง อ.เมืองพิษณุโลก ได้ประกาศไปทั่วจังหวัดว่า

    ทางวัดจะมีการแสดงอิทธิฤทธิ์แม่ชีลอยกลางแม่น้ำน่าน บริเวณหน้าวัดสว่างอารมณ์ เพื่อหารายได้ในการทาสีอุโบสถที่ยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้ประชาชนนับพันคนต่างมายืนรอ เพื่อพิสูจน์ว่าแม่จะสามารถลอยกลางแม่น้ำได้จริงหรือไม่ ต่อมาทางวัดได้เชิญแม่ชีลำดวน แทงเงิน อายุ 84 ปี ลงเรือไปยังกลางแม่น้ำ ห่างจากวัดกว่า 1 กิโลเมตร มีเจ้าหน้าที่กว่า 10 คนคอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้ โดยแม่ชีลำดวนได้ลงจากเรือและนอนหงายกลางแม่น้ำน่าน ท่ามกลางชาวบ้านที่ต่างพากันยกมือท่วมหัวด้วยความอัศจรรย์ใจ แต่บางคนก็ไม่เชื่อในปรากฏการณ์ดังกล่าว

    แม่ชีลำดวน เผยภายหลังลอยน้ำมาขึ้นหน้าวัดว่า ได้บวชชีพราหมณ์มานานกว่า 20 ปีแล้ว จากนั้นได้บำเพ็ญศีลภาวนาเป็นประจำ โดยเริ่มจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ จากนั้นเดินทางมาจำที่วัดท่าชัย ต.ปากโทก อ.เมืองพิษณุโลก ได้ไม่นานก็ลองมาลอยน้ำดู ก็สามารถกระทำได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งนี้การลอยน้ำแต่ละครั้งต้องใช้สมาธิอย่างแรงกล้ ที่ผ่านมาได้ไปลอยน้ำให้ประชาชนได้ชมหลายแห่งแล้ว เพื่อหารายได้จากผู้มีจิตศรัทธาไปถวายวัด




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พม่าเตรียมประกาศใช้กฎหมายบังคับให้หญิง-ชายเกณฑ์ทหาร </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ท</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    พม่า ซึ่งปกครองโดยรัฐบาลทหาร ได้ประกาศใช้กฎหมายที่อาจเกณฑ์พลเมืองทั้งชายและหญิงไปเข้ากองทัพ

    และถ้าผู้ใดใช้เล่ห์เหลี่ยมหลีกเลี่ยง ก็อาจต้องรับโทษจำคุกถึง 5 ปี ขณะที่ปัจจุบันคนที่เข้าร่วมกองทัพล้วนเป็นไปโดยความสมัครใจ

    <DD>
    กฎหมาย ซึ่งลงวันที่ 4 พฤศจิกายน ปี 2553 แต่ยังไม่ประกาศให้สาธารณชนรับทราบ จะมีผลบังคับใช้ เมื่อสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ หรือ SPDC ประกาศอย่างเป็นทางการ ซึ่งกำลังทหาร 4 แสนนาย ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้ทำให้พม่าติดกลุ่มประเทศที่มีกำลังทหารมากที่สุดในโลก และทหารเหล่านี้จะต้องเข้าไปพัวพันการทำสงครามกับพวกชนกลุ่มน้อย ที่พยายามแยกตัวเป็นอิสระจากรัฐบาลทหาร
    <DD>
    ภายใต้กฎหมายที่เตรียมบังคับใช้ ระบุว่า ผู้ชายทุกคนที่มีอายุระหว่าง 18-45 ปี และผู้หญิงอายุระหว่าง 18-35 ปี อาจถูกเกณฑ์ไปรับใช้ชาติเป็นเวลา 2 ปี แต่อาจเพิ่มเป็น 5 ปี ในช่วงที่ประเทศเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉิน และทั้งสองเพศจะต้องไปขึ้นทะเบียน เมื่ออายุ 18 ปี ส่วนคนที่ไม่ยอมไปรายงานตัว อาจรับโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับ หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคนที่แกล้งทำให้ตัวเองบาดเจ็บ เพื่อหลีกเลี่ยง อาจรับโทษจำคุก 5 ปี หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ในช่วงที่เกิดวิกฤติภายในชาติ รัฐบาลอาจเกณฑ์ผู้ที่ไปขึ้นทะเบียนไว้ทั้งหมด หรือบางส่วนไปรับใช้ชาติ
    <DD>
    ข้าราชการ นักศึกษา และบุคคลที่รับโทษอยู่ในเรือนจำ หรือคนที่ดูแลพ่อแม่ที่ชรา จะได้รับอนุญาตให้เลื่อนการรับใช้ชาติชั่วคราว แต่อาจต้องไปในภายหลัง ส่วนคนที่ไม่ต้องเป็นทหารเลย คือ พระสงฆ์หญิงที่แต่งงาน หรือหย่าร้าง ที่มีลูกต้องดูแล และคนพิการ
    <DD>
    สถานีโทรทัศน์ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล รายงานอ้างคำประกาศของพลเอกอาวุโสตานฉ่วย ผู้นำสูงสุดว่า สภาผู้แทนราษฎรที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งเข้ามาใหม่ จะจัดการประชุมเป็นครั้งแรกในวันที่ 31 มกราคมนี้ หรือในเวลา 2 เดือน หลังจากรัฐบาลทหารจัดการเลือกตั้งท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ โดยสภาสูงและสภาล่างจะจัดการประชุมในเวลา 08.55 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 09.25 น. ตามเวลาในไทย ที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงใหม่

    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เครื่องบินอิหร่านตกท่ามกลางพายุหิมะ

    [​IMG]

    เครื่องบินโดยสารอิหร่านประสบอุบัติเหตุตกขณะพยายามร่อนลงจอดฉุกเฉิน ทำให้เครื่องแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีผู้เสียชีวิตทันทีกว่า 70 ศพ

    เครื่องบินโดยสารของสายการบินอิหร่านแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติอิหร่าน เที่ยวบินจากกรุงเตหะรานไปยังเมืองอุรุมมิเย่ห์ได้ประสบอุบัติเหตุตกลงสู่พื้นดินซึ่งเป็นพื้นที่การเกษตรเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ขณะนักบินพยายามนำเครื่องบินพร้อมผุ้โดยสารและลูกเรือ 160 ชีวิตร่อนลงจอดฉุกเฉินเป็นครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกทำไม่สำเร็จ ท่ามกลางพายุหิมะที่พัดถล่มอย่างหนัก ทำให้เครื่องบินแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ไม่มีการระเบิดหรือไฟลุกไหม้แต่อย่างใด ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตทันที 71 ราย รอดตายปาฎิหาริย์ 35 คน โดยในจำนวนนี้มีหลายคนที่เดินออกมาจากตัวเครื่องโดยได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    ทีวีอิหร่านรายงานว่าก่อนเกิดเหตุ นักบินได้แจ้งมายังหอควบคุมการบินว่าเครื่องบินมีปัญหาด้านเทคนิคแต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นอะไร ก่อนที่จะหายไปจากจอเรดาร์ แต่ขณะเกิดเหตุมีหิมะตกอย่างหนักและหมอกลงหนา ทำให้ปฎิบัติการกู้ภัยเป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากเป็นเวลากลางคืนด้วย หลังเกิดเหตุญาติพี่น้องของผู้โดยสารได้เดินทางรอฟังข่าวที่สนามบินเมห์ราบัดในกรุงเตหะราน ท่ามกลางความวิตกและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

    สำหรับเครื่องบินมรณะลำนี้เป็นเครื่องโบอิ้ง 727 ซึ่งมีสภาพเก่า ซื้อมาจากสหรัฐตั้งแต่ 30 ปีที่แล้วก่อนยุติความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ทำให้เครื่องบินส่วนใหญ่ของอิหร่านมีปัญหาทั้งเก่าและขาดการบำรุงรักษา เนื่องจากถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐและยุโรป ทำให้หาซื้ออะไหล่ลำบาก และต้องพึ่งพาเครื่องบินรัสเซียเป็นหลักซึ่งก็เก่าพอกัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2009 ที่ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งลำ 168 คน

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

    อินเดียกังวลราคาสินค้าพุ่ง

    [​IMG]

    ที่อินเดีย ราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นทำให้รัฐบาลวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ซึ่งรัฐมนตรีคลังบอกว่า รัฐบาลกำลังหามาตรการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว

    นาย Pranab Mukherjee รัฐมนตรีคลังอินเดียแถลงกับผู้สื่อข่าวในวันมูลนิธิแห่งบริษัทอลูมิเนียมแห่งชาติ หรือ NALCO ที่รัฐโอริสสาวานนี้ว่า แม้ว่ารัฐบาลจะทุ่มเทความพยายามเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ แต่ปัจจัยอื่นๆเช่น ราคาดีเซลก็ยังส่งผลกระทบ ซึ่งเขาหวังว่า มาตรการที่นำมาใช้ไม่ว่าจะเกี่ยวกับอุปสงค์ หรืออุปทาน เพื่อให้การนำเข้าอาหารที่จำเป็นโดยเอื้อประโยชน์เกี่ยวกับภาษีจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

    นาย Mukherjee ยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลได้ย้ำกับมุขมนตรีรัฐต่างๆและได้ให้อำนาจภายใต้กฏหมายสินค้าจำเป็นเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าและเพื่อมั่นใจว่า ระบบการกระจายสู่สาธารณชนช่วยให้การกระจายอาหารไปสู่ทุกภาคส่วน

    ทั้งนี้ราคาหัวหอมในกรุงนิว เดลีเมื่อเดือนที่แล้วตกกิโลกรัมละ 80 รูปี หรือประมาณ 52 บาท ในขณะที่อื่นราคากิโลกรัมละ 100 รูปี หรือ 66 บาท โดยก่อนหน้านี้หัวหอมตกราคากิโลกรัมละ 30 ถึง 45 รูปีในตลาดค้าปลีก ราคาสินค้าที่พุ่งสูงทำให้ชนชั้นกลางต้องไม่ใส่หัวหอมในการทำอาหาร ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า ผู้ค้าก็พยายามกักตุนสินค้าเพื่อทำกำไร

    ราคาหัวหอมที่พุ่งสูงเคยเป็นปัญหาอ่อนไหวสำหรับการเมืองอินเดียมาแล้วและทำให้รัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลกลางต้องพ้นอำนาจมาหลายครั้งในการเลือกตั้ง

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

    เผยภาพน้ำท่วมฉับพลันออสเตรเลีย

    [​IMG]

    เผยภาพระทึกน้ำท่วมฉับพลันที่ออสเตรเลีย ทำรถยนต์พลิกคว่ำลอยชนกันระนาว ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งช่วยชีวิตชายเคราะห์ดีหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนต้นไม้

    สำนักข่าวต่างประเทศเผยภาพนาทีระทึกขณะเกิดน้ำท่วมฉับพลันที่เมืองทูวูมบ้า ทางตะวันตกของนครบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย หลังเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักเมื่อวานนี้ ทำให้รถยนต์หลายคันพลิกคว่ำและลอยชนกันระเนระนาด ขณะที่ชายเคราะห์ร้ายต้องหนีกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากขึ้นไปเกาะอยู่บนต้นไม้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องโยนเชือกเข้าไปช่วยเหลือ ส่วนที่เมืองซิปปี้ ดาวส์ ผู้ขับขี่รถยนต์เป็นชาย 2 คนและหญิง 1 คนต้องหนีตายขึ้นไปรอความช่วยเหลืออยู่บนหลังคารถ ฝนที่ตกหนักยังทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม ต้นไม้หักโค่นและตัดขาดกระแสไฟฟ้า ส่งผลกระทบต่อประชาชนนับพันคน รวมทั้งที่เมืองจิมพาย ประชาชนต้องเร่งกั้นกระสอบทรายรอบอาคารบ้านเรือนและอาคารธุรกิจ หลังน้ำได้ไหลทะลักออกจากแม่น้ำแมรี่เข้าท่วมบ้านเรือนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาและได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนตัดขาดถนนและเส้นทางรถไฟ

    รัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลียต้องเผชิญกับอุทกภัยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 50 ปีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คนส่งผลกระทบประชาชนกว่า 2 แสนคน ล่าสุดวันนี้นายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ดประกาศจะให้เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยรายละ 500 ดอลล่าร์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยจะเริ่มจ่ายสัปดาห์หน้า

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

    น้ำยังท่วมภาคตะวันตกของเยอรมนี

    [​IMG]

    บ้านเรือนประชาชนในเมืองโคเชิม ทางตะวันตกของเยอรมนี ถูกน้ำท่วมสูงจากฝนที่ตกหนัก อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นละลายกลายเป็นน้ำ

    เจ้าหน้าที่กลัวว่าแม่น้ำสายต่างๆ ทั่วภาคตะวันตกจะไหลท้นฝั่ง เพราะขณะนี้แม่น้ำไรน์และแม่น้ำโมเซิลขึ้นถึงระดับสูงสุดแล้ว ทำให้น้ำในแม่น้ำโมเซิลไหลบ่าเข้าท่วมท้องถนนของเมือง ซึ่งเป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นจากฝนตกหนักและหิมะละลาย ชั้นล่างของอาคารหลายหลังจมอยู่ใต้น้ำ ฝูงหงส์ยึดท้องถนนที่ถูกน้ำท่วมเป็นที่แหวกว่าย แต่ชาวเมืองโคเชิมเตรียมรับมือไว้แล้ว มีการสร้างทางเดินยกระดับเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำท่วมที่เป็นปัญหาเกือบทุกปี

    ตามข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย เมืองและหมู่บ้านประมาณ 30 แห่ง ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่สูงขึ้นระหว่างเมืองเทรียร์กับเมืองโคโลญจ์ คาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำไรน์จะขึ้นถึงระดับสูงสุดทั้งบริเวณโดยรอบเมืองโคโลญจ์ในวันนี้

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

    บราซิล-น้ำท่วมหนักในเซาเปาลู

    [​IMG]

    ฝนที่ตกหนักยังสร้างความโกลาหลให้เกิดขึ้นทั่วนครเซาเปาลู เมืองใหญ่สุดของบราซิล บ้านเรือนถูกน้ำท่วม ท้องถนนจมอยู่ใต้น้ำการสัญจรผ่านไปมาไม่ได้

    หลายคนต้องใช้เรือเข้าไปช่วยเหลือหลังต้องติดค้างอยู่ในยานพาหนะของตนเมื่อแม่น้ำสายต่างๆ ไหลท้นฝั่งเข้าท่วมสองฟากฝั่งในส่วนหนึ่งของเมือง ผู้ประท้วงที่โกรธแค้นจุดไฟเผารถโดยสารคันหนึ่งกับรถบรรทุกก๊าซอีกคัน เพื่อประท้วงเจ้าหน้าที่ของทางการที่พวกเขากล่าวหาว่า เชื่องช้าในการรับมือกับพายุ

    ผู้ขับขี่ยวดยานคนหนึ่ง ต้องรอนานถึง 40 นาทีกว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ามาช่วยเหลือออกจากรถที่ติดอยู่กลางน้ำท่วม ฝนตกหนักเกิดขึ้นทั้งในรัฐเซาเปาลู รีโอเดจาเนโร และ เอสปีรีโต ซานโตส มาตั้งแต่วันคริสต์มาส

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

    อินเดีย-อากาศหนาวจัดทั่วประเทศ

    [​IMG]

    ประชาชนในหลายส่วนของอินเดีย ยังต้องเผชิญกับอากาศที่หนาวเย็นสุดขั้ว เนื่องจากสภาพอากาศหนาวจัดจากคลื่นความเย็นยังคงพาดผ่านทั่วประเทศอินเดีย เมื่อวานนี้

    ในเมืองโครัคปุระของรัฐอุตตรประเทศ ทางภาคเหนือของอินเดีย ประชาชนจำนวนมากต้องห่มคลุมด้วยผ้าขนสัตว์หนา หรือ ไม่ก็ล้อมกลุ่มอยู่รอบกองไฟเพื่อคลายหนาว ประชาชนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ปีนี้อากาศหนาวจัดกว่าช่วงปีก่อนๆ มาก ขณะเดียวกันประชาชนในเมืองเอกของรัฐโอริสสา ทางตะวันออก ยังต้องเผชิญกับปัญหายุ่งยากนานัปการ เนื่องจากอากาศหนาวยังแผ่ซ่านไปทั่วเขต ซึ่งปีนี้หนาวกว่าปีที่แล้วมาก หมอกหนาทำให้ทัศนวิสัย หรือความสามารถในการมองเห็นลดลงอย่างมากในเมืองควาลีออร์ ของรัฐมัธยประเทศ ทางภาคกลาง ทำให้เกิดปัญหากับผู้ขับขี่ยวดยานและนักเดินทาง

    การเดินรถไฟต้องเสียเวลาเนื่องจากหมอกที่ลงจัด สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของอินเดีย เตือนว่าความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส จะยังไม่ยุติลงในไม่ช้านี้ เพราะอากาศจะยังคงหนาวจัดต่อไปอีกหลายวัน
    <SCRIPT type=text/javascript src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share"></SCRIPT>
    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2011
  5. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    <TABLE id=Tcontent border=0 width="98%" align=center><TBODY><TR><TD>วิกฤตที่ยังห่างไกล เอเซียกับราคาอาหารติดจรวด


    [​IMG]




    </TD></TR><TR><TD class=contBX>สิ่งที่รัฐบาลในเอเชียกำลังหวาดกลัวกันหนักหนา คือโอกาสที่ภาวะราคาอาหารแพงอาจกลายเป็นวิกฤตที่ก่อผลสะเทือนและความเสียหายในมิติต่างๆ ดังเช่นที่ทั่วโลกเคยเผชิญกับวิกฤตนี้ระหว่างปี 2550-2551 ซึ่งครั้งนั้นเหตุการณ์คลี่คลายลงระดับหนึ่ง

    เนื่องจากทั่วโลกเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเสียก่อน ยังผลให้ระดับความต้องการสินค้าและบริการปรับลดลงมา จึงช่วยผ่อนคลายแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อตามไปด้วย

    ในช่วงเวลาที่หลายประเทศกำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้น สัญญาณของวิกฤตราคาอาหารเริ่มปรากฏชัดขึ้นทุกขณะ ถึงขั้นที่บางประเทศนอกภูมิภาคเอเชียเผชิญกับวิกฤตราคาอาหารขั้นสาหัส จนเกิดจลาจลนองเลือดมีผู้เสียชีวิตดังเช่นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในแอลจีเรีย
    ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย บาดเจ็บอีกนับร้อย จนรัฐบาลต้องประกาศลดราคาอาหารที่จำเป็นลงเพื่อคลี่คลายสถานการณ์

    แต่เอเชียอาจไม่ประสบกับชะตากรรมที่เลวร้ายถึงเพียงนั้น เพราะภาวะอาหารแพงในภูมิภาคนี้มีเงื่อนไขที่ต่างออกไป อีกทั้งยังแตกต่างจากวิกฤตที่เคยเกิดขึ้นระหว่างปี 2550-2551 จึงมีโอกาสสูงที่สถานการณ์ในเอเชียจะไม่ขยายวงจนกลายเป็นความรุนแรง

    ย้อนกลับไปเมื่อปี 2550-2551 วิกฤตการณ์ในครั้งนั้นเกิดขึ้นจากภาวะขาดแคลนอาหารเป็นหลัก ส่วนมูลเหตุที่ทำให้อาหารขาดแคลนนั้น เกี่ยวเนื่องกับสภาพอากาศโลกที่แปรปรวน ยังผลให้พื้นที่เพาะปลูกถูกทำลายในบางประเทศ เช่น ในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวมากที่สุดในโลก ต้องเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นหลายระลอกจนพื้นที่เพาะปลูกเสียหายในหลายพื้นที่
    ที่พม่าพื้นที่เพาะปลูกข้าวแถบปากแม่น้ำอิรวดี ถูกทำลายย่อยยับจากพายุไต้ฝุ่นนาร์กิส ยังผลให้แทนที่พม่าจะส่งออกข้าวได้ถึง 6 แสนตัน กลับต้องนำเข้าข้าวอย่างขนานใหญ่

    ที่ออสเตรเลีย ประสบกับอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบกับภาวะแห้งแล้งในพื้นที่อื่นๆ พร้อมกัน ยังผลให้ผลผลิตด้านการเกษตร โดยเฉพาะข้าว ดิ่งลงถึง 98% ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เกดขึ้นกับออสเตรเลียในครั้งนั้นกำลังเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้งในขณะนี้

    แต่สภาพอากาศแปรปรวนมิใช่ปัจจัยหลักที่ผลักไสราคาอาหารให้สูงขึ้น
    มูลเหตุที่สำคัญที่สุด สืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนยังผลให้เกิดกระแสสนับสนุนให้พัฒนาพลังงานทางเลือกจากพืช จนหลายประเทศนำพืชที่เคยใช้เป็นอาหารมาผลิตเป็นพลังงานชีวภาพอย่างขนานใหญ่ ผลที่ตามมาคือ ราคาน้ำมันปาล์ม และราคาอ้อยถีบตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพืชทั้งสองชนิดเป็นส่วนประกอบสำคัญของพลังงานชีวภาพ

    เมื่อมูลเหตุทั้งสองเกิดขึ้นพร้อมเพรียงกัน โลกจึงประสบกับภาวะขาดแคลนอย่างเต็มพิกัด เพราะขาดทั้งข้าวเจ้าและข้าวสาลีจากการทำลายล้างโดยภัยธรรมชาติ อีกทั้งยังขาดส่วนประกอบสำคัญในการปรุงอาหาร คือน้ำมันพืชและน้ำตาล

    แรงบีบคั้นจากรอบด้านมิได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนที่มีรายได้ดี (แต่กุมความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศไว้ในอัตราส่วนใหญ่) แต่ส่งแรงบีบคั้นอย่างรวดเร็วไปถึงกลุ่มที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศในเอเชีย และตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก

    แม้ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจจะควบคุมโดยคนกลุ่มน้อยที่บงการแนวทางทางการเมืองเช่นกัน แต่เสถียรภาพของคนกลุ่มนี้จะสั่นคลอนลงในทันที ประชาชนส่วนใหญ่ต้องอดอยากปากแห้ง

    ผลที่ติดตามมาคือเหตุจลาจลที่ลุกลามไปทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย แทบไม่มีประเทศใดที่หลบพ้นความโกลาหลนี้ ไม่ว่าจะเป็นบังกลาเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน พม่า และฟิลิปปินส์

    รัฐบาลหลายประเทศได้พยายามงัดมาตรการต่างๆ มาใช้เพื่อลดความโกรธเกรี้ยวของคนในสังคม และเพื่อรักษาสถานะของรัฐบาลมิให้สั่นคลอนลง
    บางประเทศประสบความสำเร็จ แต่บางประเทศติดตามมากด้วยความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นี่คือแรงกระเพื่อมที่รุนแรงจากวิกฤตอาหาร!

    เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์เกี่ยวกับราคาอาหารที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มีเงื่อนไขที่ค่อนข้างแตกต่างจากวิกฤตปี 2550-2551

    ประการแรก ภาวะขาดแคลนอาหารยังไม่รุนแรง เพราะอาหารจำเป็นอย่างข้าวและน้ำตาล ยังมีราคาไม่สูงมากนัก แต่ราคาอาหารที่ปรับขึ้นมาส่วนใหญ่มักเป็นพืชผักผลไม้เป็นส่วนใหญ่

    ประการที่สอง และเป็นข้อที่สำคัญที่สุด นั่นคือ เอเชียมีอัตราการขยายตัวที่รวดเร็ว ยังผลให้กระแสทุนนอกไหลบ่า กอปรกับตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำเป็นเวลานาน ยังผลให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น

    ด้วยสาเหตุนี้ วิธีการแก้ปัญหาจึงไม่ยากเย็นไปกว่าการขึ้นดอกเบี้ย หรือปล่อยให้ค่าเงินแข็งขึ้น ซึ่งต่างจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่วิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมูลเหตุสำคัญอยู่ที่ผลผลิตอาหารอยู่ในระดับต่ำมาก
    ทั้งนี้ มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา คือ ราคาน้ำมันที่เริ่มร้อนแรงอีกครั้ง
    แต่หากราคาน้ำมันไม่ปรับขึ้นมาเกิน 100 เหรียญสหรัฐ ดังเช่นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แรงบีบคั้นในตลาดจะยังมีไม่มากนัก

    หากเกิดปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น ประเทศที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ จีนและอินโดนีเซีย ซึ่งไม่เพียงมีอัตราเงินเฟ้อที่ค่อนข้างสูงเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพค่อนข้างต่ำในการสลายแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมาก ทำให้ยากที่จะควบคุมความต้องการสินค้าและบริการ โดยที่จีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ขณะที่อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ส่วนประเทศที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด คือ เกาหลีใต้และเวียดนาม ซึ่งไม่เพียงผลิตอาหารได้เพียงพอ แต่ยังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่

    หาก 2 ประเทศนี้เผชิญกับภาวะราคาอาหารแพงอย่างรุนแรง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเอเชียจึงอาจเรียกได้ว่าเป็นวิกฤตอย่างเต็มปาก

    แม้จะยังไม่ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นวิกฤต แต่การที่โลกกลับมาเผชิญกับภาวะบีบคั้นด้านราคาอาหารอีกครั้ง ในชั่วระยะเวลาเพียง 2 ปี นับเป็นสัญญาณที่อันตรายอย่างยิ่ง อีกทั้งช่วงเวลาเว้นระยะไป 2 ปีนั้น หาใช่เป็นเพราะวิกฤตการณ์คลี่คลายลงด้วยตัวเองไม่ แต่เป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจถดถอยเข้ามาขวางอย่างฉับพลัน

    หากไม่เกิดวิกฤตการเงินโลกและภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกแล้ว ย่อมเป็นที่แน่นอนว่า ภาวะราคาอาหารแพง และอาหารขาดแคลนจะลากยาวมาจนถึงเวลานี้อย่างแน่นอน

    สัญญาณนี้เท่าเป็นการย้ำว่า บัดนี้โลกกำลังคืบคลานเข้าสู่ฉากแรกของสงครามแย่งชิงอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


    </TD></TR><TR><TD class=contBX align=right>

    Post Today
    Last update : 1/10/2011 11:20:25 AM


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  6. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ขออนุญาตเจ้าของกระทู้แสดงความเห็น( บ่น )หน่อยครับ( ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับกระทู้ไหม )

    [​IMG]

    <O:p</O:pประเทศไทยเป็นเมืองเกษตร มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์มาก
    มากถึงขนาดมีคำกล่าวขานที่ว่า”ในน้ำมีปลาในนามีข้าว”
    ย้อนไปสัก80-90ปีก่อน ผู้อพยพโดยเฉพาะชาวจีน เมื่อมาถึงเมืองไทย
    บางคนถึงกับร้องไห้ ( เมื่ออยู่ไปสักระยะ )
    เพราะอะไรครับ เพราะเขาบอกว่าถ้าพ่อแม่เขา,ลูกเมียเขามาอยู่แผ่นดินนี้ ( ไทย )
    จะไม่มีคำว่าอดมื้อกินมื้อ ถึงไม่มีเงินก็ไม่อดตายแน่นอน
    ฉะนั้นชาวจีนเหล่านี้จึงตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนมั่งมีกันมากมาย
    บางก็รับลูกเมียมาอยู่เมืองไทยด้วย บ้างก็ส่งเงินกลับอย่างเดียว
    ผมเคยได้ยินคนรุ่นก่อนเล่าว่าชาวอิตาลีบางคนถึงกับหาทาง
    มาตั้งรกรากในเมืองไทยเพราะติดใจรสชาติของกุ้งแม่น้ำบ้านเรา
    ( แน่นอนเป็นอดีตไปแล้ว )


    [​IMG]

    <O:p</O:p
    และเพื่อนๆยังจำประโยคนี้ได้ไหมครับ “เงินทองเป็นมายา ข้าวปลาเป็นของจริง”
    ลูกหลานเราทุกวันนี้ติดกับดักอุตสาหกรรมเมื่อเรียนจบ
    ต้องทำงานในโรงงาน ขายแรงงานให้ต่างชาติ
    คนหนุ่มคนสาวจากบ้านจากถิ่นที่อยู่มาทำมาหากินในเมือง
    ทิ้งที่ดินให้ว่างเปล่า เหลือแต่คนเฒ่าคนแก่
    คนเฝ้ามองรอลูกหลานกลับมาเยี่ยม แต่ชิวิตในวงจรการทำงาน
    การเป็นลูกจ้างทำมาก็ไม่รวยแค่พอกิน
    พอใช้ไปแบบเดือนชนเดือน ใช้เงินส่วนใหญ่หมดไปกับวัตถุนิยม ,
    บริโภคนิยม สุดท้ายด้วยเหตุทั้งปวง
    หลายๆครอบครัวจึงต้องขายที่ดินให้เป็นของผู้อื่น ,
    เป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบ

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p<O:p</O:p
    คนเหล่านี้มักถูกผมถามบ่อยๆว่า
    “เมื่อแก่แล้ว ออกจากงานแล้วจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร”
    “มีเงินเก็บไหม ถ้าคนในครอบครัวเจ็บป่วยต้องใช้เงินก้อนใหญ่จะทำอย่างไร”
    “ถ้าทำงานไม่ไหวอยู่จนเกษียนไม่ได้ จะทำอะไร”
    คำตอบ99% ที่ได้รับคือ “ไม่รู้”


    <O:p</O:p
    ขณะที่ผมกำลังพิมพ์อยู่นี้คนรอบข้างผม ไม่มีใครสนใจว่า
    ในอนาคตข้าวปลาอาหารอาจจะขาดแคลนจนเกิดจลาจล
    ในอนาคตภัยธรรมชาติจะรุนแรงขึ้นมากๆจนเราคิดไม่ถึง
    ตอนนี้เศรษฐกิจกำลังจะเป็นฟองสบู่รอบใหม่ซึ่งหนักกว่าที่ผ่านมา
    คนเหล่านั้นยังคงความประมาทในการดำเนินชีวิต
    ซึงสุดท้ายเราต้องวางอุเบกขา


    <O:p</O:p
    ฟังคนแก่บ่นอาจจะงงๆและไม่มีประโยชน์ก็ขออภัยทุกท่านๆไว้ล่วงหน้าครับ<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2011
  7. TREETORN

    TREETORN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +199
    เรื่องแม่ชีลอยน้ำเนี่ย อยากให้ลองไปดูแถวสระว่ายน้ำ เด็กอายุ ๔ ขวบที่เริ่มเรียนว่ายน้ำก็ทำได้ เขาเรียกว่าท่าปลาดาวหงาย ถ้าคว่ำหน้าก็เป็นท่าปลาดาวคว่ำ
     
  8. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เหนือมีฝน กลาง-อีสาน-ตะวันออกเย็นลง1-2องศา </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมอุตุรายงานลักษณะอากาศโดยทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกยังมีอากาศหนาวเย็นทั่วไป อุณหภูมิลดลง 1-2 องศา ส่วนภาคเหนือมีฝนเป็นแห่งๆ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่าง ประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ในระยะนี้ไว้ด้วย


    <DD>ภาคเหนือ อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศา กับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    <DD>ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหมอกบางในตอนเช้า ทางตอนบนของภาค: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาค: อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-17 องศา สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม.

    <DD>ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    <DD>ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

    <DD>ภาคใต้ฝั่งตะวันออก อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง

    <DD>ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    <DD>กทม.ปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม.

    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ฆาตรกร เข้ามอบตัวกับตำรวจ สารภาพ เห็นวิญญาณ ตามหลอกหลอน
    ผู้ต้องหาฆ่าเพื่อนเมื่อ 4 เดือนก่อน เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรสตูล หลังถูกวิญญาณตามหลอกหลอน โดยวานนี้ (10ม.ค.)เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภูธรเมืองสตูล คุมตัวนายจีรศักดิ์ หมาดเต๊ะ อายุ 26 ปี ไปชี้จุดเกิดเหตุ หลังเข้ามอบตัวกับตำรวจ ระบุว่า เป็นคนฆ่านายมูฮัมหมัดเฮรี เต๊ะปูยู 18 ปี ที่ถูกทุบด้วยของแข็ง รวมทั้งใช้เท้ากระทืบ และนำศพไปทิ้งที่สะพาน ม.1 ต.เจ๊ะบิลัง อ.เมืองสตูลเมื่อคืนวันที่ 12 ก.ย. 53 ที่ผ่านมา โดยหลังจากก่อเหตุ นายจีรศักดิ์สารภาพสำนึกผิด และที่สำคัญมีภาพของผู้ตายตามหลอกหลอนตลอดเวลา ทำให้นอนไม่หลับ จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวกับตำรวจ
    ส่วนสาเหตุที่ลงมือฆ่าเหยื่อ นั้นเนื่องจาก ขณะดื่มเหล้าด้วยกัน เกิดขัดใจกับผู้ตาย เนื่องจากเงินในกระเป๋าของตัวเองหมด และผู้ตายมีเงินแต่ไม่ยอมจ่าย จึงจำเป็นต้องนำรถจักรยานยนต์ของตัวเองไปจำนำเพื่อจ่ายค่าอาหาร จากนั้นจึงชวนผู้ตายไปนอนที่ ต.เจ๊ะบิลัง หลอกว่าจะพาไปนอนบ้านเมียของตน โดยนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเพื่อนชาวมาเลเซีย 2 คัน ซึ่งเพื่อนชาวมาเลเซียก็ไม่รู้ว่าตนจะหลอกไปฆ่า เมื่อถึงที่เกิดเหตุ จึงตัดสินใจฆ่าผู้ตาย พร้อมทั้งยึดบัตรประชาชนผู้ตาย ซึ่งนายจีระศักดิ์ ยืนยันว่าลงมือกระทำการเพียงคนเดียว
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
     
  9. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    11 ม.ค. 54


    สองช้างบิน

    ในอนาคตจิตใจคนเราจะเปลี่ยนไป จากที่เคยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่หรือมีจิตใจที่โอบ
    อ้อมอารีย์ก็จะมีให้เห็นน้อยลงเรื่อยๆจนกลายเป็นคนไม่มีน้ำใจในที่สุดเพื่อความ
    อยู่รอดของตัวเองเท่านั้น แต่เขาเหล่านั้นไม่คิดว่า เมื่อคนอื่นอยู่ไม่ได้เขาก็อยู่
    ไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นทุกๆที่ที่จัดให้เป็นแหล่งหลบภัยทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกัน
    ทำงาน ทั้งความคิด แรงงานและการเงิน เพื่อความอยู่รอดของทุกๆคน

    เมื่อวานผมได้ไปช่วยสร้างบ้านน็อคดาว์นที่บ้านคู่เขยคนกลาง ขณะนี้กำลังทำ
    บันไดขึ้นบ้านอยู่ บันไดมีทั้งหมดสามขั้นเพราะตัวบ้านยกสูงจากพื้นหนึ่งเมตร
    เผื่อน้ำท่วม เมื่อทำเสร็จก็จะทำลูกกรงล้อมรอบเสาบ้านแล้วมีบานเปิดปิดได้
    เพื่อไว้เก็บของ

    ที่บ้านคู่เขย ผมได้รู้จักกับเพื่อนคู่เขยที่ได่้เข้าร่วมชมรมนักวิ่งสวนสมเด็จฯ
    เพราะคู่เขยเป็นประธานชมรม ชมรมนี้มักจะจัดวิ่งการกุศลเพื่อนำเงินช่วยเหลือ
    สาธารณะประโยชน์ ผมจึงแซวคู่เขยว่า น่าจะเปลี่ยนแนวมาช่วยผมเรื่องพาคน
    หนีภัย คู่เขยไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ ผมก็ได้เล่าเรื่องให้เพื่อนเขาฟังว่าผมได้เริ่มทำ
    โครงการช่วยเหลือคนอยู่ถ้าสนใจก็เชิญเข้ามาช่วยกัน ผมได้ให้เมลล์ติดต่อไว้

    เมื่อเช้าผมได้เห็นภาพในนิมิต ผมได้ตีลูกขนไก่กับลูกสาวคนโตและสาวสวย
    นางหนึ่ง เมื่อเลิกเล่นสาวนางนี้พร้อมสามีก็ชวนผมไปเที่ยวที่บ้าน เมื่อเดินไปถึง
    หน้าบ้าน บนแผ่นโฆษณาหน้าบ้านช้างที่อยู่ในภาพสองเชือกก็บินลงมาหาผม
    ตัวใหญ่ก็เอางวงมาพันรอบมือผม ผมตกใจนึกว่าจะมากัดผมก็สลัดมือให้งวง
    หลุด จากนั้นตัวเล็กก็เอางวงเข้ามารัดที่แขนเช่นเดียวกัน ผมจึงรู้ว่าเขามาทัก
    ทาย ตามความรู้สึกผมบ้านนี้น่าจะขายวัตถุโบราณหรือเปิดเป็นร้านนวดตัว

    ผมจึงตีความหมายดังนี้ ผมคงจะมีแนวร่วมที่มาจากที่เดียวกับผม(ช้าง) มาช่วย
    ผมทำงานเพิ่มขึ้นอีกเพราะตามสัญญาณจะมีแนวร่วมเข้ามา 35รายด้วยกัน
    ขณะนี้เข้ามาอย่างเป็นทางการ 3รายพาคนเข้ามา 40คน แนวร่วมรายนี้ชอบ
    การออกกำลังกาย (สามีของลูกสาวคนโตก็อยู่ในชมรมนี้เช่นกัน)





    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  10. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>
    ปัตตานีน้ำท่วมสูงขยายวงกว้างไปยัง 5 อำเภอแล้ว


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 align=center><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>11 มกราคม 2554 11:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ปัตตานี - สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปัตตานียังคงน่าเป็นห่วง ในขณะนี้น้ำท่วมได้ขยายวงกว้างขึ้นกินพื้นที่ 5 อำเภอแล้ว เชื่อเกิดจากน้ำท่วมในพื้นที่ยะลา และนราธิวาส ที่น้ำได้ไหลลงสู่แม่น้ำทั้ง 2 สาย จนทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่ง

    วันนี้ (11 ม.ค.) สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปัตตานียังคงน่าเป็นห่วง โดยผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปัตตานีว่า ในขณะนี้น้ำท่วมได้ขยายวงกว้างขึ้นกินพื้นที่ 5 อำเภอแล้ว ได้แก่ อำเภอเมือง มี 3 ตำบล คือ ต.ปะกาฮารัง ต.บาราเฮาะ ต.ตะลุโบ๊ะ อำเภอยะรัง มี 3 ตำบล คือ ต.เขาตูม ต.คลองใหม่ ต.เมาะมาวี และอำเภอหนองจิก มี 5 ตำบล คือ ต.ลิปะสะโง ต.คลองตันหยง ต.บางเขา ต.เกาะเปาะ ต.ยาบี ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่ติดกับแม่น้ำ ปัตตานี โดยได้รับอิทธิพลจากน้ำเหนือน้ำจังหวัดยะลา

    ส่วนอำเภอที่อยู่ติดกับแม่น้ำสายบุรี ที่ได้รับอิทธิพลจากน้ำเหนือจากนราธิวาส มี 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกะพ้อ มี 3 ตำบล คือ ต.ตะโละดือรามัน ต.ปล่องหอย ต.กะรูบี และ อำเภอสายบุรี มี 3 ตำบล คือ ต.มะนังดาลัม ต.กะดุนง ต.ตะบิ้ง

    จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ดังกล่าว ทำให้มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเดือดร้อน กว่า 2,000 หลังคาเรือน ถนนระหว่างหมู่บ้านและตำบลหลายสายยังคงถูกน้ำท่วมขังอยู่ แต่ยังไม่ได้รับรายงานถึงเหตุความเสียหายรุนแรงของเหตุการณ์น้ำท่วม รวมถึงพื้นที่ทำการเกษตรของราษฎร ซึ่งทางจังหวัดปัตตานีได้จัดเจ้าหน้าที่นำเอท้องแบนเพื่อเข้าไปช่วยเหลือและสำรวจความเสียหายในทุกพื้นที่แล้ว

    ส่วนสถานการณ์น้ำในแม่น้ำปัตตานีมีน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ และได้ขยายวงกว้างเข้าสู่พื้นที่ในเทศบาลเมืองปัตตานีแล้ว โดยเฉพาะถนนหน้าวัง ต.จะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำปัตตานี น้ำได้ท่วมสูงเข้าท่วมถนนกว่า 1 ฟุต เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา และได้ลดลงเมื่อช่วงเช้านี้ ซึ่งยังคงเห็นร่องรอยและมีน้ำท่วมขังอยู่ ซึ่งถ้าน้ำเหนือจากจังหวัดยะลายังคงไหลหลากเข้าสู่แม่น้ำปัตตานีอีก ก็อาจจะทำให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่เทศบาลเมืองปัตตานีเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนก็เป็นได้

    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดปัตตานี เกิดจากน้ำท่วมในพื้นที่ จ.ยะลา และนราธิวาส ที่น้ำได้ไหลลงสู่แม่น้ำทั้งสองสายทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่ง ซึ่งไม่ได้เกิดจากน้ำฝน และหากไม่มีฝนตกในอีก 2-3 วันเชื่อว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะเข้าสู่ภาวะปกติ

    ที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000003412
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2011
  11. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ถึงคุณ Lazaza

    สรุปแล้ว ผมไม่ได้ไป พระพุทธบาท ภูควายเงิน เนื่องจากเวลาไม่ได้ และเส้นทางไม่ดี กลัวเป็นอันตรายกับเพื่อนๆ และยานพาหนะ

    แต่ทริปนี้ แม้ไม่ได้ไปพระพุทธบาท แต่ก็อิ่มบุญมากๆ แบบไม่เคยเป็นมาก่อน

    จะเรียกว่าอิ่มบุญ ก็ไม่เชิง เพราะไม่ได้คิดถึงบุญมากนัก เรียก อิ่มอกอิ่มใจ ดีกว่า

    อยากมาเล่าสู่กันฟัง ครับ

    ปกติแล้ว เวลาผมไปเดินป่า เวลาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้ามืด ผมจะพก เตาแก็ส หม้อสนาม น้ำ กาแฟ โอวัลติน ติดไปด้วย ไว้กินแก้หนาว และเอาบรรยากาศ เวลาไปดูพระอาทิตย์ขึ้น บนยอดภูเขา

    งานนี้ ขึ้นยอดภูเรือ ความสูง 1300 อุณหภูมิ ประมาณ 7 องศา เท่านั้นเอง แถมลมแรงมากๆครับ

    ข้างบนไม่มีอะไรขาย เนื่องจากว่า เจ้าหน้าที่ไม่ให้ขายของ เพราะจะเกิดขยะเป็นจำนวนมาก จะมีขายข้างล่างเท่านั้น

    งานนี้ผมก็พกอุปกรณ์ไปด้วยเช่นเคย กะว่าจะต้มกาแฟ ให้เพื่อนๆ ร่วมทริปกินด้วย

    แต่ปรากฏว่า เพื่อนๆ ไปถ่ายรูปกันหมด ผมก็ต้มกาแฟ คนเดียว ในมุมที่ต้องหลบลม เพราะลมแรงมาก

    มีคุณยาย กลุ่มหนึ่ง อายุประมาณ 70 ได้ มากับทัวร์ หลายคน เดินผ่านมา ทางผม ประมาณ 3-4 คน ก็เข้ามาทักผม นึกว่า ผมเป็นคนขายกาแฟ ผมก็บอกว่า ไม่ใช่ และเขาก็ถามว่า เป็นเจ้าหน้าที่ เหรอ

    ผมก็บอกไม่ใช่อีก ผมบอกเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดา

    ยายกลุ่มนี้ หนาวมาก ไม่มีคนดูแล มาเที่ยวแต่ ไม่ได้เตรียมเครื่องกันหนาวพอ และ ด้วยวัย การสูญเสียความร้อนในร่างกาย มีง่าย และร่างกายเย็นเร็ว กว่าคนหนุ่มทั่วไป

    ผมก็ได้ยื่นน้ำร้อน ให้ กินแก้หนาวไป สามสี่แก้ว พอคลายหนาวไป (แก้วและน้ำร้อนมีเยอะ)

    คุณยายกลุ่มนี้ ดีใจกันมาก ผมก็สบายใจ

    คุณยายกลุ่มนี้ ให้พร ผมเยอะมาก แทบรับไม่ไหว เพราะใจไม่ได้คิดอะไร อยากให้น้ำร้อนเฉยๆ แต่ก็รับพรไป ก็นั่งคุยไป ถามไถ่ไป มันเหมือนช่วยชีวิต คนๆหนึ่ง ดีครับ

    งานนี้เตรียมอะไรไป หลายอย่าง ได้ใช้หมดเลย ได้ช่วยทั้งเพื่อนเราเอง และคนอื่นๆ ด้วยครับ
     
  12. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    เผยต้นแบบ โรงแรมลอยน้ำ ป้องกัน น้ำท่วมโลก
    Mthai news: เว็บไซต์ข่าวเดลี่เมล์รายงานว่า มีการเปิดเผยภาพ โรงแรม อาร์ค (Ark Hotel )โรงแรมลอยน้ำในอนาคต ที่มีการออกแบบมาให้สามารถต้านทานภัยพิบัติต่างๆที่เกิดจากน้ำ เช่น น้ำท่วม หรือระดับน้ำทะเลท่วมโลก โดยระบุว่าเป็นที่ที่ปลอดภัยเมื่อเกิดภัยพิบัติต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถต้านทานคลื่นที่เกิดจากแผ่นดินไหวด้วย
    นักสถาปนิก ผู้ออกแบบ ชาวรัสเซีย มีการนำระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และระบบจัดเก็บน้ำฝน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พักอาศัยด้วย นอกจากนี้ยังได้ออกแบบให้มีระบบรักษาสิ่งแวดล้อม ตกแต่งพื้นที่ให้เขียวชอุ่มไปด้วยพืชนานาชนิด ที่จะช่วยให้ระบบอากาศและออกซิเจนในพื้นที่โรงแรมบริสุทธิ์
    [​IMG]

    ทั้งนี้ โรงแรมดังกล่าว ยังมีการออกแบบภายในให้เป็นกระจก ที่แสงสามารถส่องถึง ช่วยประหยัดไฟฟ้า และเพื่อความมั่นใจในคุณภาพ กระจกที่นำมาสร้างจะใช้กระจกชนิดที่สามารถทำความสะอาดได้ในตัวมันเอง (self-cleaning layer)

    [​IMG]
    อเลกซานเดอร์ เรมิซอฟ (Alexander Remizov)หนึ่งในทีมสถาปนิก กล่าวว่า ได้มีการออกแบบโดยคำนึงถึง 2 ปัจจัยด้วยกันคือ 1.การป้องกันเหตุภัยต่างๆที่เกิดจากธรรมชาติ เช่น คลื่นทะเล แผ่นดินไหว น้ำท่วม 2.การรับมือจากกิจกรรมต่างๆที่เกิดจากมนุษย์ภายในโรงแรม ซึ่งจะระบบความปลอดภัยเป็นอย่างดี
    โดย Mthai news
    [​IMG]
    ภาพ : Remistudio
    <LI class=news_src_item>[​IMG]

    [​IMG] ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว


    11 ม.ค. 54 Mthai News : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทหารชนกลุ่มน้อยในฝั่งพม่า ซึ่งเป็นทหารกะเหรี่ยงพุทธ DKBA จาก กองพลที่ 6 ตั้งอยู่บริเวณตรงข้าม อ.อุ้มผาง จ.ตาก

    ได้จับกุมตัวราษฎรไทย ทราบชื่อภายหลังคือ นายเกรียงศักดิ์ ไม่ทราบนามสกุล ชาวบ้านตะเพ่อฟู ต.โมรโกร อ.อุ้มผาง จ.ตาก ที่ข้ามเข้าไปทำธุระในฝั่งพม่า ก่อนที่จะถูกทหารกะเหรี่ยงพุทธ DKBA ที่มีพันเอกนะคะมุย เป็นหัวหน้าควบคุมตัวไว้ เบื้องต้นยังไม่ทราบชะตากรรม
    ทั้งนี้ นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้สั่งการให้นายเชวงศักดิ์ ใจคำ นายอำเภออุ้มผาง ประสานไปยังทหารกะเหรี่ยงกลุ่มดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่มีคำตอบกลับมา
    ขณะที่ล่าสุด ทางทหารกะเหรี่ยง DKBA ได้แจ้งให้ญาติของนายเกรียงศักดิ์ นำเงินจำนวน 300,000 บาท ไปไถ่ตัว โดยอ้างว่า เป็นเงินที่นายเกรียงศักดิ์ เป็นหนี้ทหารกระเหรี่ยงอยู่ก่อนหน้านี้

    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News

    <LI class=news_src_item>[​IMG]
     
  13. เฉยฉิบ

    เฉยฉิบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +251
    จริงๆแล้วน่าจะเปลี่ยนชื่อห้อง เป็นห้องรายงานข่าวนะ เพราะไม่ต้องไปหาอ่านจากที่ไหนเลย
     
  14. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ก็นึกอยู่เหมือนกันนะคะ
    ว่าคุณก้องได้ไปวัดมั้ยและเป็นอย่างไร
    ไม่เป็นไรนะคะ มีโอกาสเมื่อไหร่ก็ค่อยแวะไป
    เพราะถนนหนทางจะค่อนข้างชันมากจริงๆ
    ก็ต้องเตรียมความพร้อมทั้งรถและคนขับ

    เรื่องที่คุณก้องแบ่งปัน เราก็อิ่มใจไปด้วยนะคะ
    เวลาเราหยิบยื่นเอื้อเฟื้ออะไรให้ผู้อื่น
    มันไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ก็ได้
    สำคัญที่ใจผู้ให้ และจริงๆแล้ว มันก็มีค่ากับผู้รับมาก

    ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราอยากจะทำอะไรดีๆ
    เราก็ทำได้ทุกเมื่อ มันไม่ต้องยิ่งใหญ่ก็ได้
    สำคัญที่ใจตอนที่ทำ รู้ว่ามันดี บุญก็เกิดแล้ว

    ทุกการกระทำของเรา ไม่ว่าจะทางกาย หรือวาจา
    ถ้าเรามีสติ ระลึกถึงผู้อื่นก่อนเสมอ ว่าการกระทำนี้
    คำพูดนี้ จะเบียดเบียนคนอื่นหรือไม่ หรือจะเป็นประโยชน์
    ต่อคนอื่นหรือไม่ ทำได้เรื่อยๆอย่างนี้ เป็นการปลูกฝัง
    ความรักความเมตตาในตัวเอง แล้วถ้าเป็นกันได้อย่างนี้
    ทั้งหมด โลกจะน่าอยู่ขนาดไหนหนอ
     
  15. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    ขออภัย ขอเม้นท์หน่อยนะ (อย่าเคืองกันนะครับบบบ)

    เรื่องคุยกันที่ค่อนข้างส่วนตั๊ว ส่วนตัว

    PM คุยกันดีกว่า ไม๊ครับ

    ตอนนี้ 1156 หน้าเข้าไปแล้ว ขอเนื้อๆนะ
     
  16. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ขออภัยด้วยครับ

    แต่ผมเขียน แบบให้แง่คิด ออกไปทาง เตรียมการสักนิด แบ่งปันประสบการณ์ ครับ

    เผื่อใครจะมองว่า การเตรียมตัว วางแผนล่วงหน้า ดีไง ครับ
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พุทธพยากรณ์ 16 ประการ

    [​IMG]

    ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งแคว้นโกศล ได้ทรงสุบินนิมิตประหลาดถึง 16 ประการ ทรงเกรงว่าอันตรายจะเกิดกับ พระองค์ จึงให้พราหมณ์ปุโรหิตทำนาย พราหมณ์ได้พยากรณ์ว่า อันตรายจะเกิดมีแก่พระชนม์ชีพของพระองค์ พระอัครมเหสีและราชสมบัติ และได้ทูลแนะนำให้ฆ่าสัตว์บูชายัญสะเดาะเคราะห์ตามความเชื่อ ในลัทธิของตน

    แต่โชคดีที่พระนางมัลลิกาเทวี พระมเหสีได้แนะนำให้ พระเจ้าปเสนทิโกศล ไปทูลถามพระบรมศาสดาก่อน พระองค์ทรงมีพุทธฎีกา ทำนายว่า ผลของพระสุบินนิมิตจะไม่เกิดแก่พระเจ้าปเสนทิโกศลแต่จะเกิดขึ้น ในอนาคตกาล ถ้าผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ชนทั้งหลายย่อหย่อนในศีลธรรม จิตใจเสื่อมคลายจากกุศล ก็จะเกิดเหตุวิปริตผิดธรรมชาติ บ้านเมืองจะเดือดร้อน แล้วทรงพยากรณ์ พระสุบินนิมิตเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้

    [​IMG]

    ข้อ 1 โคหนุ่ม 4 ตัว ตั้งท่าจะวิ่งมาชนกันจากทิศทั้ง 4 แต่แล้วก็ไม่ชนกัน ต่างถอยหลีกออกไป

    พุทธพยากรณ์ :- ในกาลที่ความดีลดน้อยถอยลงความชั่วหนาแน่น เป็นกาลที่โลกเสื่อมถอย ฝนจะแล้ง ทำให้ข้าวกล้าแห้งเกิดทุพภิกขภัย แม้จะมีมหาเมฆตั้งขึ้นจากทิศทั้ง 4 ตั้งเค้าจะตก แต่ก็ไม่ตก กลับลอยหายไป เป็นเหมือนโคตั้งท่าจะชนกันแล้วไม่ชนฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 2 ต้นไม้เล็กๆ แทรกแผ่นดินขึ้นมาได้คืบหนึ่ง ก็ผลิดอกออกผลไปตามกัน

    พุทธพยากรณ์ :- ในกาลที่โลกเสื่อม มนุษย์มีอายุสั้นลง ชนทั้งหลายจะมีราคะกล้า เยาวชนพากันมีเพศสัมพันธ์ มีครรภ์มีครอบครัว ตั้งแต่ยังแรกรุ่นเป็นเหมือนต้นไม้เล็กๆ ผลิดอกออกผลฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 3 แม่โคใหญ่พากันดื่มนมของลูกโค

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ชนทั้งหลายจะพากัน กระด้างละทิ้งประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ไม่ยำเกรงเคารพนับถือในบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย หาทรัพย์ได้แล้วไม่บำรุงบุพการีทั้งหลาย ผู้ใหญ่ที่แก่เฒ่าหาเลี้ยงตนไม่ได้ ต้องอ้อนวอนลูกหลานเลี้ยงชีพ เป็นเหมือนแม่โคใหญ่ พากันดื่มนมลูกโคฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 4 ชนทั้งหลายไม่ใช้โคใหญ่ที่สมบูรณ์แข็งแรง กลับใช้โครุ่นที่กำลัง ฝึกใหม่ๆ โครุ่นเหล่านั้นไม่สามารถพาแอกไปได้ พากันสลัดแอกออกยืนเฉยอยู่

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ไม่แต่งตั้งผู้ใหญ่ที่เป็นบัณฑิต ฉลาดในการยังภาระกิจของชาติให้ลุล่วงไปได้ ฉลาดในการวินิจฉัยคดีในโรงศาล ตรงกันข้ามกลับแต่งตั้งคนหนุ่ม ผู้อ่อนประสบการณ์ ไม่รู้สิ่งที่ควรไม่ควร ไม่สามารถทำให้ภาระกิจทั้งหลายให้ลุล่วงไปได้ ผู้คนอ่อนประสบการณ์ต่างพากันทอดทิ้งภาระทั้งหลายที่ได้รับ มอบหมาย ความเสื่อมจึงเกิดขึ้นแก่บ้านเมือง เป็นเหมือนคนจับเอาโครุ่นๆ กำลังฝึก มาเทียบแอก ต่างก็ไม่สามารถพาแอกไปได้ ไม่เอาโคใหญ่ๆที่เคยพาแอกไปได้เทียมฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 5 ม้าตัวหนึ่งมีปากสองข้าง ชนทั้งหลายให้หญ้าที่ปากทั้งสอง ม้าก็เคี้ยวกินหญ้าที่ปากทั้ง 2 ข้าง

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหาร บ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จะแต่งตั้งชนผู้ไม่หนักแน่นในธรรม ไว้ในตำแหน่งวินิจฉัยคดี คนพาลเหล่านั้น ไม่ละอาย ไม่กลัวบาป รับสินบนจากคู่คดีทั้งสองฝ่าย เป็นเหมือนม้ากินหญ้าด้วยปากทั้งสองฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 6 มหาชนขัดถูถาดทองคำมูลค่าเรือนแสน ไปให้สุนัขจิ้งจอกแก่ ถ่ายปัสสาวะใส่ในถาดทองนั้น

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหาร บ้านเมือง ไม่ตั้งมั่นในศีลธรรม รังเกียจกุลบุตรผู้มีตระกูลใหญ่ ผู้สมบูรณ์ด้วยประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ แล้วไม่แต่งตั้งยศตำแหน่งให้ แต่กลับแต่งตั้งให้แก่คนพาลผู้ชั่วช้าทั้งหลายให้เป็นใหญ่

    เมื่อเป็นเช่นนี้ตรกูลใหญ่ๆ ทั้งหลาย ไม่อาจจะประกอบธุรกิจ เลี้ยงชีพอยู่ได้ จึงพากันยกกุลธิดาให้แก่คนพาลผู้ต่ำช้า การอยู่ร่วมของคนพาลผู้ต่ำช้ากับกุลธิดาเหล่านั้นเหมือนถาดทอง รองปัสสาวะสุนัขจิ้งจอกฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 7 บุรุษคนหนึ่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปที่ใกล้เท้านางสุนัขจิ้งจอก ผอมโซตัวหนึ่ง ที่อยู่ใต้ตั่งที่บุรุษหนึ่ง มันกัดกินเชือกนั้น โดยบุรุษนั้นไม่รู้ตัว

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล หญิงสาวจะพากันมั่วสุมส่ำส่อนกับผู้ชาย ลุ่มหลงในอบายมุขทั้งหลาย เป็นคนทุศีล นางจะนำทรัพย์ของ สามีที่หามาได้ ไปเสพสุรากับชายชู้ แม้ทรัพย์ที่เตรียมสำหรับลงทุนในกิจการ ก็นำไปผลาญใช้จ่ายบำเรอตน เป็นเหมือนนางสุนัขจิ้งจอกผอมโซ ที่นอนใต้ตั่งคอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่นแล้ว หย่อนลงไว้ใกล้ๆ เท้าฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 8 ตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมลูกใหญ่ใบหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ประตูเมือง ล้อมด้วยตุ่มเป็น อันมาก ชนทุกชั้นเอาหม้อตักน้ำมาจากทุกทิศ เทใส่ลงในตุ่มที่เต็มแล้ว น้ำก็ไหลล้นออกไป คนทั้งหลายก็ยังเทน้ำลงในตุ่มที่เต็มแล้วอยู่เรื่อยๆ ไม่มีใครสนใจในตุ่มที่ว่างเปล่าเลย

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล โลกจะเสื่อมเมืองเล็กเมืองน้อย จะหมดความหมาย ทรัพย์สำรองของแผ่นดินจะถดถอยมีเหลือเพียงเล็กน้อย ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง จะเกณฑ์ให้ชาวเมืองแสวงหาทรัพย์มาส่งให้กับผู้ปกครองเมืองใหญ่ๆ จนไม่มีใครสามารถที่จะสำรองทรัพย์ไว้ในบ้านเรือนของตน เป็นเหมือนกับ การเติมน้ำใส่ตุ่มที่เต็มแล้ว ไม่เหลียวแลตุ่มเปล่าๆ บ้างเลยฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 9 สระโบกขรณีสระหนึ่ง เต็มไปด้วยดอกบัว 5 สี ลึกมีท่าโดยรอบด้าน สัตว์ทั้งหลายพากันลงดื่มน้ำในสระนั้นโดยรอบ น้ำที่อยู่ในที่ลึกกลางสระนั้น ขุ่นมัว แต่น้ำในที่ซึ่งสัตว์ทั้งหลายพากันย่ำเหยียบกลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ลุอำนาจด้วยอคติ วินิจฉัยคดีโดยไม่เป็นธรรม มุ่งหวังแต่สินบนขาดพรหมวิหารธรรมต่อประชาชนทั้งหลาย เป็นผู้หยาบคาย กักขฬะ เบียดเบียนขูดรีดทรัพย์ของประชาชนใน เมืองทั้งหลาย จนประชาชนต้องพากันทิ้งเมืองไปอยู่ในชนบท สร้างถิ่นฐานในที่นั้น ในศูนย์กลางเมืองใหญ่ก็ว่างเปล่า แต่ชนบทกลับเป็นปึกแผ่นเป็นเหมือนน้ำกลางสระโบกขรณีขุ่น น้ำที่ฝั่งโดยรอบกลับใส่ฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 10 ข้าวสุกที่คนหุงในหม้อเดียวกัน แต่สุกไม่ทั่วถึงกัน บางส่วนแฉะ บางส่วนดิบ บางส่วนสุกดี

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล เมื่อผู้เป็นใหญ่ปกครอง บริการบ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม แม้ข้าราชการ คหบดี ประชาชนก็จะไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม แม้เทวดาทั้งหลายก็เช่นกัน จึงยังฝนให้ตกไม่สม่ำเสมอ บางที่ฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมข้าวกล้า เสียหาย บางที่แห้งแล้งฝนไม่ตกจนข้าวกล้าเดอกไม้่ยวแห้ง บางที่ฝนตกดี ข้าวกล้าอุดมสมบูรณ์ ข้าวกล้าที่หว่านในแผ่นดินเดียวกันจะเป็น 3 ส่วน เหมือนข้าวสุกที่หุงในหม้อเดียวกัน มีผลเป็น 3 อย่างฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 11 คนทั้งหลายเอาแก่นจันทร์ ราคาเรือนแสน ขายแลกกับนมส้มเน่า

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล เมื่อศาสนาของตถาคตเสื่อมโทรม พวกภิกษุอลัชชีเห็นแก่ปัจจัย จะมีมาก ภิกษุเหล่านั้นจะพากันแสดงธรรม มีตถาคตเพื่อปัจจัย 4 ไม่แสดงธรรมเพื่อนำให้ชนทั้งหลายพ้นจากกองทุกข์ มุ่งตรงพระนิพพาน ภิกษุทั้งหลายจะพากันนั่งตามสี่แยก ท้องถนนแสดงธรรมแลกปัจจัย เอาธรรมที่ตถาคตแสดงไว้ มีค่าควรแก่พระนิพพานไปแลกปัจจัย 4 จะเป็นเหมือนฝูงชนเอาแก่นจันทร์มีราคาเรือนแสน ไปขายแลกนมส้มเน่าฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 12 กะโหลกน้ำเต้าจมน้ำได้

    พุทธพยากรณ์ :-ในอนาคตกาล เมื่อโลกหมุนไปถึงยุคเสื่อมผู้เป็นใหญ่ ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ไม่แต่งตั้ง ผู้สมบูรณ์ด้วย ประสบการณ์ความรู้ความสามารถ แต่ไปแต่งตั้งแก่ผู้ทุศีลไห้เป็นใหญ่ ผู้สมบูรณ์ด้วยคุณทั้งหลายจะยากจนลง ถ้อยคำของ พวกทุศีลจะเป็นที่น่าเชื่อถือทั้งในที่ประชุมของผู้ปกครองแผ่นดิน ในที่สาธารณชน แม้ในที่โรงศาล แม้ในที่ประชุมสงฆ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เป็นเหมือนกะโหลกน้ำเต้าจะจมลงฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 13 แท่งหินทึบก้อนใหญ่ลอยน้ำได้เหมือนเรือ

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล เมื่อผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหาร บ้านเมือง เป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จะแต่งตั้งผู้ไม่มีศีลให้เป็นใหญ่ ชนพวกมีคุณทั้งหลายจะตกยาก ชนทั้งหลายจะพากันเคารพใน พวกที่เป็นใหญ่ฝ่ายเดียว ถ้อยคำของชนผู้เป็นบัณฑิตฉลาดในการวิจัย จะไม่เป็นที่น่าเชื่อถือในที่ประชุมของผู้ปกครองแผ่นดิน ในที่สาธารณชน ในที่โรงศาล แม้ในที่ประชุมสงฆ์ก็เช่นกัน ถ้อยคำของภิกษุผู้มีศีลจะไม่ หนักแน่นมั่นคง ไม่เป็นที่เชื่อถือ เป็นเหมือนแท่งหินทึบที่ลอยน้ำได้ฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 14 ฝูงลูกเขียด วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่กัดเนื้อจนขาดเหมือนตัด ก้านบัวแล้วกลืนกิน

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล เมื่อโลกเสื่อมโทรมลง คนทั้งหลายมีราคะจริตแรงกล้า ปล่อยตัวปล่อยใจตามอำนาจกิเลส หลงไหลยอมตนอยู่ในอำนาจของภรรยาผู้อ่อนวัย คนรับใช้บริวาร ทรัพย์สินเงินทอง จะอยู่ในครอบครองของเธอ เมื่อสามีถามถึง ทรัพย์สินเงินทองว่าเก็บไว้ที่ใด ก็จะถูกภรรยาผู้อ่อนวัยด่าทอด้วย คำหยาบคาย ประดุจทิ่มตำด้วยหยกคือปาก กดขี่ไว้ในอำนาจเหมือนทาสและคนรับใช้ เพื่อรักษาความเป็นใหญ่ของตน เหมือนฝูงลูกเขียดพากันกัดกินฝูงงูเห่าซึ่งมีพิษร้ายฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 15 ฝูงพญาหงส์ทอง พากันแวดล้อมกาผู้ประกอบด้วยความชั่ว เที่ยวหากินตามหมู่บ้าน

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารแผ่นดิน จะเป็นผู้ไม่ฉลาดในกิจการทั้งปวง แต่งตั้งพวกรับใช้ใกล้ชิด สนิทสนมให้เป็นใหญ่ ผู้ที่สมบูรณ์คุณทั้งหลายเมื่อไม่ได้รับการอุ้มชู สนับสนุน ก็จะพากันปรนนิบัติรับใช้ ผู้เป็นใหญ่ทั้งหลาย เหมือนฝูงหงส์ทอง แวดล้อมเป็นบริวารของกาฉะนั้น

    [​IMG]

    ข้อ 16 ฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง กัดกินกันอย่างมูมมาม เสือดาว เสือโคร่งเพียงแค่เห็นฝูงแกะอยู่ห่างๆ ก็สะดุ้งกลัว พากันวิ่งหนี หลบซ่อนเข้าในป่ารก

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จะได้ที่ปรึกษาเป็นคนละโมบ ทุศีล ผู้เป็นใหญ่จะเชื่อฟังถ้อยคำของที่ปรึกษาเหล่านั้น แม้ในที่ประชุม ในโรงศาล พวกที่ปรึกษาจะพากันรุกยึดเอาที่ดินทรัพย์สินของชนทั้งหลาย หากมีผู้ใดโต้เถียงก็จะถูกลงโทษ ถูกข่มขู่ ชนทั้งหลายต่างต้องยอมตาม กลับไปนอนหวาดผวาอยู่บ้านไปตามๆกัน แม้ภิกษุผู้ชั่วช้าทั้งหลาย ก็จะพากันเบียดเบียนภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ตามชอบใจ ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก เมื่อถูกเบียดเบียน ต่างก็พากันเข้าป่า หลบซ่อนอยู่ เป็นเหมือนฝูงเสือเหลือง เสือดาว และเสือโคร่งทั้งหลายพากันหลบหนีเพราะกลัวฝูงแกะฉะนั้น

    ***********************************************************************************
    จะเห็นว่าตัวแปรสำคัญ ที่มีอิทธิพลต่อความวุ่นวายของบ้านเมืองคือ ผู้เป็นใหญ่ปกครองบ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จึงขอให้ประชาชนชาวไทยทุกท่านได้ตระหนักถึงพุทธพยากรณ์ทั้ง 16 ประการ ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในวันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม 2512 มีใจความตอนหนึ่งว่า

    “สิ่งสำคัญในการปกครองคือ ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมี ปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่ การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความวุ่นวายได้”

    แม้พระบรมศาสดาก็ได้ตรัสรับรองไว้ว่า เหตุประการสุดท้ายที่จะทำให้ตระกูลบ้านเมืองตั้งอยู่ได้นาน ไม่ล้มละลาย ล่มสลายไปก่อนคือ ไม่ตั้งคนพาลเป็นหัวหน้า

    จากคุณ : deedeejang - [ 23 ม.ค. 2004 , 16:49:29

    ที่มา http://www.deedeejang.com/zodiac/forward/00027.html<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2011
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิเคราะห์พุทธพยากรณ์ข้อที่ 9

    [​IMG]

    ข้อ 9 สระโบกขรณีสระหนึ่ง เต็มไปด้วยดอกบัว 5 สี ลึกมีท่าโดยรอบด้าน สัตว์ทั้งหลายพากันลงดื่มน้ำในสระนั้นโดยรอบ น้ำที่อยู่ในที่ลึกกลางสระนั้น ขุ่นมัว แต่น้ำในที่ซึ่งสัตว์ทั้งหลายพากันย่ำเหยียบกลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว

    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ลุอำนาจด้วยอคติ วินิจฉัยคดีโดยไม่เป็นธรรม มุ่งหวังแต่สินบนขาดพรหมวิหารธรรมต่อประชาชนทั้งหลาย เป็นผู้หยาบคาย กักขฬะ เบียดเบียนขูดรีดทรัพย์ของประชาชนใน เมืองทั้งหลาย จนประชาชนต้องพากันทิ้งเมืองไปอยู่ในชนบท สร้างถิ่นฐานในที่นั้น ในศูนย์กลางเมืองใหญ่ก็ว่างเปล่า แต่ชนบทกลับเป็นปึกแผ่นเป็นเหมือนน้ำกลางสระโบกขรณีขุ่น น้ำที่ฝั่งโดยรอบกลับใส่ฉะนั้น

    วิเคราะห์พุทธพยากรณ์

    พุทธพยากรณ์ข้อนี้ ผมคิดว่าน่าจะหมายถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันนี้ ที่กลุ่มของพวกเราพยายามแสวงหาและก่อสร้างสถานที่ปลอดภัยต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง เพื่อหลีกหนีภัยอันตรายทั้งหลายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ และภัยจากมนุษย์เราด้วยกันเอง เพราะเมื่อผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง (หมายรวมถึงข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และพ่อค้านายทุนทั้งหลายด้วย) ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ลุอำนาจด้วยอคติ วินิจฉัยคดีโดยไม่เป็นธรรม มุ่งหวังแต่สินบนขาดพรหมวิหารธรรมต่อประชาชนทั้งหลาย

    ย่อมจะเป็นเหตุให้ดินฟ้าอากาศวิปริตแปรปรวน เกิดภัยพิบัติต่างๆมากมาย ทั้งแผ่นดินไหว พายุฝน น้ำท่วม โรคระบาด อดอยากขาดแคลนอาหาร เกิดการจลาจล(สงครามกลางเมือง) ปล้นสะดมภ์แย่งชิงทรัพย์สิน และแย่งชิงอาหารเพื่อมาประทังชีวิตของตัวเอง ภัยทั้งหลายเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นในเมืองหลวง และตามหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วทั้งโลก ประชาชนทั้งหลายย่อมต้องอพยพหนีภัยไปอยู่ตามชนบท(วัด,ถ้ำ,ป่าเขา) เพื่อความปลอดภัยและอยู่รอดของชีวิตตนเองและครอบครัว จึงทำให้เมืองใหญ่ๆ ว่างเปล่าจากผู้คนนั่นเอง​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2011
  19. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ไม่ได้เคืองนะคะ เพียงแต่ ถ้าเรามองแต่สิ่งที่เราต้องการ
    มันก็คือการที่เรามองเห็นแต่ตัวเรานะคะ

    เน้นๆเลยก็คือว่า ต่อไปในภายภาคหน้า เมื่อความทุกข์
    ยากแค้นบังเกิด คนที่มองแต่ตัวเองเป็นสำคัญ ไม่รู้จัก
    เอื้อเฟื้อ ก็จะอยู่ด้วยความลำบาก

    ที่เขียนยาวๆข้างบน หมายความว่าอย่างนี้แหละค่ะ
     
  20. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>หลายพื้นที่มีฝนเป็นแห่งๆ ภาคเหนืออุณหภูมิลดลงอีก1-3องศา กทม.ต่ำสุด 22 องศา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 12 มกราคม 2554 ดังนี้

    ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้บริเวณดังกล่าว มีฝนเป็นแห่ง ๆ

    สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ในระยะนี้ไว้ด้วย

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ มีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
    อากาศเย็น อุณภหภูมิลดลง 1-3 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศา
    สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
    ทางตอนบนของภาค: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศา
    ส่วนทางตอนล่างของภาค: อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา
    สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคกลาง มีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
    อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณตามชายฝั่ง
    อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา
    โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
    อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
    ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดตรังและสตูล
    อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
    อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ปตท. ขู่รัฐฯ ขอขึ้นเอ็นจีวี 2 บาท </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ปตท. ขู่รัฐฯ ขอขึ้นเอ็นจีวีอีก 2 บาท หากไม่ได้เล็งชะลอสร้างสถานีบริการเอ็นจีวี


    วันนี้ (11 ม.ค.) นายวิชัย พรกีรติวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) มีแนวโน้มสูงขึ้นจาก 5,700 ตันต่อวันในปี 53 เป็น 6,000-6,100 ตันต่อวัน เนื่องจากได้รับผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ระดับที่สูงเฉลี่ย 90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

    ทั้งนี้บริษัทจะชะลอการลงทุนสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวี จากเดิมที่ปี 54 วางแผนจะขยายเพิ่มอีก 40-50 แห่ง ให้ครบ 500 แห่ง

    หากรัฐบาลไม่มีการอนุมัติปรับโครงสร้างราคาเอ็นจีวี เช่น การปรับราคาขึ้น 2 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จากปัจจุบันอยู่ที่ 8.50 บาทต่อ กก.และไม่อุดหนุนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีก 2 บาทต่อกก. เพราะขณะนี้ต้นทุนสูงกว่า 14 บาทต่อ กก.แล้ว

    "จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่แพง ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่าง ๆ หันมาผลิตรถยนต์ติดตั้งถังแก๊สซีเอ็นจีมากขึ้น ซึ่งทำให้ปริมาณความต้องการใช้ก๊าซเอ็นจีวีจะเพิ่มตามไปด้วย แต่เนื่องจากราคาก๊าซเอ็นจีวีอยู่ในระดับต่ำ หากรัฐไม่มีการปรับราคาขึ้น ปตท.ต้องชะลอการลงทุนสถานีบริการเอ็นจีวีออกไปก่อน เพราะต้องแบกภาระขาดทุน" นายวิชัย กล่าว.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>"มาม่า"โอดต้นทุนพุ่งตรึงราคาได้อีกแค่1-2เดือน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา "มาม่า" เปิดเผยว่า

    ปัญหาราคาน้ำมันปาล์มซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าปรับตัวเพิ่มขึ้น จากราคาลิตรละ 20 บาทในเดือนธันวาคมปีก่อนหน้ามาเป็นลิตรละ 60 บาทในช่วงเดือนมกราคมของปีนี้ ต้นทุนแป้งสาลีเพิ่มจากกระสอบละ 90 บาทในเดือนธันวาคมปีก่อเป็นกว่า 200 บาทในเดือนนี้
    รวมไปถึงต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นตามค่าแรงขั้นต่ำ ส่งผลให้บริษัทจะตรึงราคาไปได้อีก 1-2 เดือนเท่านั้น หลังจากนี้ต้องติดตามว่ารัฐบาลจะมีแนวทางแก้ปัญหาราคาวัตถุดิบที่ปรับราคาสูงขึ้นอย่างไร หากยังเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องก็คงต้องปรับราคาสินค้าขึ้นแน่

    "หากวัตถุดิบยังคงมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จะพิจารณาปรับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า มาม่าปรับราคาเพิ่มครั้งล่าสุดเมื่อราว 3 ปีก่อนหน้าจากปัญหาราคาวัตถุดิบและน้ำมันเพิ่มปรับราคาบะหมี่ซองขนาดบรรจุ 60 กรัมจาก 5 บาทเป็น 6 บาท" นายพิพัฒกล่าว



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...