ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คลิปจากกล้องวงจรปิดที่แสดงให้เห็นบรรยากาศตอนตำรวจบุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองมัณฑะเลย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งสื่อท้องถิ่นรายงานว่า ฝ่ายความมั่นคงได้บุกจู่โจมและยึดมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลหลายแห่งในช่วงกลางคืน

    ตัวแทนของมหาวิทยาลัย “มัณฑะเลย์ เทคโนโลจิคัล” บอกกับรอยเตอร์ว่า ตำรวจพยายามพังฝ่าประตูเข้ามาเมื่ออาจารย์ปฏิเสธที่จะเปิดประตูให้ อีกทั้งยังบังคับให้อาจารย์นอนลง พร้อมขู่ว่า ถ้ายกหัวขึ้นมา ก็จะยิง ซึ่งพบว่ามีอาจารย์ชายนับสิบคนถูกทำร้ายระหว่างการจู่โจมเมื่อวันอาทิตย์

    สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ บอกว่า เมื่อวันจันทร์ ฝ่ายความมั่นคงเมียนมาได้ยึดโรงพยาบาลไว้อย่างน้อย 5 แห่ง ซึ่งเป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้ เพราะโรงพยาบาลเป็นสถานที่ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกฎหมายด้านมนุษยธรรมสากล ขณะที่นักเคลื่อนไหวก็กังวลว่า การกระทำแบบนี้จะส่งผลต่อการรักษาผู้ประท้วงที่ได้รับบาดเจ็บด้วย

    #เมียนมา #ประท้วงเมียนมา
    #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โควิดคร่าชีวิตผู้คนในอิตาลีทะลุ1แสน เตือนตัวกลายพันธุ์กระพือวิกฤตรอบใหม่

    อิตาลีเมื่อวันจันทร์(8มี.ค.) ก้าวผ่านอีกหนึ่งหลักหมายอันน่าเศร้า ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทะลุ 100,000 คน ท่ามกลางคำเตือนการแพร่เชื้อของตัวกลายพันธุ์กำลังโหมกระพือการแพร่ระบาดระลอกใหม่

    ราว 1 ปีหลังอิตาลีกลายเป็นชาติแรกของยุโรปที่ล้นไปด้วยผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทางกระทรวงสาธารณสุขของประเทศรายงานพบผู้เสียชีวิตอีก 318 รายในวันจันทร์(8มี.ค.) ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 100,103 คน

    แน่นอนว่าตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่ายอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริง แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นจำนวนที่น่าช็อกอยู่ดี

    มาริโอ ดรากิ นายกรัฐมนตรีระบุว่า "ตอนโรคระบาดใหญ่เริ่มขึ้น เราไม่เคยจินตนาการเลยว่า หลังผ่านไป 1 ปี ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจะเฉียดใกล้หลักหมายอันน่าสยดสยอง 100,000 คน"

    นายกรัฐมนตรีรายนี้กล่าวในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ ต่อว่า "โรคระบาดใหญ่ยังไม่แพ้พ่าย แต่ด้วยการเร่งรัดแผนฉีดวัคซีน เราสามารถมองเห็นทางออก"

    เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆในยุโรป โครงการฉีดวัคซีนของอิตาลีเริ่มต้นอย่างล่าช้า ส่วนใหญ่สืบเนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัคซีน

    อย่างไรก็ตามล่าสุดทางโรแบร์โต สเปรันซา รัฐมนตรีสาธารณสุขระบุเมื่อวันอาทิตย์(7มี.ค.) คาดหมายว่าจะมีวัคซีนโควิด-19 จำนวน 50 ล้านโดส ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน "เปิดทางสำหรับฉีดวัคซีนแก่ประชากรของเราอย่างน้อยๆครึ่งหนึ่ง ราวๆ 30 ล้านคน ในช่วง 4 เดือนข้างหน้า"

    อิตาลีจะเริ่มใช้วัคซีนของแอสตร้าเซเนก้า/มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด กับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป นอกจากนี้แล้วพวกเขายังตั้งความหวังไว้อย่างสูงกับวัคซีนโดสเดียวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งน่าจะได้รับความเห็นชอบจากสหภาพยุโรปในวันที่ 11 มีนาคม

    จนถึงตอนนี้อิตาลีฉีดวัคซีนแก่ประชาชนอย่างครบถ้วนไปแล้ว 1.65 ล้านราย

    อย่างไรก็ตามทาง สเปรันซา เตือนในวันจันทร์(8มี.ค.) ว่าอิตาลีคงต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งยุ่งยากอีกหลายสัปดาห์ โดยจำเป็นต้องรักษาระดับการติดเชื้อให้อยู่ในแนวราบ ขณะที่การแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทำให้การรับมือกับไวรัสยากลำบากกว่าเดิม

    จากข้อมูลของสถาบันวิจัย GIMBE พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคม เพิ่มขึ้น 1 ใน 3 เป็นมากกว่า 123,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม

    ด้วยห้องอีซียูตามโรงพยาบาลต่างๆตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอีกครั้ง รัฐบาลจึงกำลังพิจารณากำหนดข้อจำกัดต่างๆรอบใหม่ ในนั้นรวมถึงขยายกรอบเวลาเคอร์ฟิวจากปัจจุบัน 22.00น. ถึง 05.00น. และประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกรอบ

    "ด้วยจำนวนเหล่านี้ เราจำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น" ลุยจิ ดิ ไมโอ รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีเขียนบนเฟซบุ๊ก "ไม่มทางเลือกอื่นๆ ยกเว้นแต่มาตรการที่เข้มข้นขึ้น"

    มาตรการเข้มข้นรอบใหม่ทั่วประเทศคงก่อความเสียหายแก่เศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ดำดิ่งสู่ภาวะถดถอยหนประวัติศาสตร์ ผลจากการล็อกดาวน์เมื่อปีที่แล้ว

    อย่างไรก็ตามผลสำรวจความคิดเห็นในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งจัดทำโดยหนังสือพิมพ์ Corriere della Sera พบว่ามีชาวอิตาลีถึง 44% ที่สนับสนุนล็อกดาวน์รอบใหม่ เพิ่มขึ้นจากระดับ 30% เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้

    (ที่มา:เอเอฟพี)
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถึงยุคสตรี!ไบเดนเสนอชื่อผู้หญิง2รายนั่งแท่นผบ.กองบัญชาการทหารสหรัฐฯ

    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อวันจันทร์(8มี.ค.) ประกาศเสนอชื่อผู้หญิง 2 คน สำหรับดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ 2 กองบัญชาการทหารสหรัฐฯ โดยพวกเธอจะเป็นเพียงสตรีคนที่ 2 และ 3 ในประวัติศาสตร์ ที่ได้นั่งเก้าอี้ระดับสูงเช่นนี้ในกองทัพอเมริกา

    พลอากาศเอกแจคเกอลีน ฟาน โอวอสท์ แห่งกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวที่ก้าวขึ้นสู่ระดับยศพลเอก ชั้่นยศสูงสุดของกองทัพ ถูกเสนอชื่อเป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการขนส่ง (U.S. Transportation Command หรือ USTRANSCOM)

    ส่วนพลโทลอรา ริชาร์ดสัน ถูกเสนอชื่อเป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการทหารส่วนใต้ (Southern Command) ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบครอบคลุมอเมริกากลางและละตินอเมริกา นอกจากนี้แล้วเธอยังจะได้รับการเลื่อนขั้นสู่ยศพลเอกด้วย

    ถ้าวุฒิสภาให้การรับรองทั้งคู่ ฟาน โอวอสท์ และ ริชาร์ดสัน จะตามรอย ลอริ โรบินสัน ผู้หญิงคนแรกที่ได้กุมบังเหียนกองบัญชาการทหารสหรัฐฯ หลังจาก โรบินสัน เคยดำรงตำแหน่งผูุ้บัญชาการกองบัญชาการทหารส่วนเหนือ (Northern Command หรือ NORTHCOM) ก่อนเกษียณอายุในปี 2018

    "สุภาพสตรีแต่ละท่านมีเส้นทางอาชีพที่พิสูจน์แล้วซึ่งความสามารถ ความซื่อสัตย์และทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ อย่างหาที่เปรียบมิได้" ไบเดนกล่าวเปิดตัวนายพลหญิงทั้ง 2 ท่าน ระหว่างแถลงข่าวสั้นๆที่ทำเนียบขาว "วันนี้เป็นวันสตรีสากล และเราทุกคนต้องการเห็นและยอมรับความสำเร็จที่ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆนานาของผู้หญิงเหล่านี้" เขากล่าว

    สหรัฐฯมีกองบัญชาการทหาร 11 กองบัญชาการ ทั้งหมดอยู่ภายใต้การบัญชาการของนายทหารระดับพลเอก

    เมื่อเดือนที่แล้ว หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานว่าเพนตากอนตัดสินใจเสนอชื่อของ ฟาน โอวอสท์ และ ริชาร์ดสัน มาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว แต่คำแถลงเปิดตัวทั้งคู่ถูกเลื่อนออกมา ให้ผ่านพ้นศึกเลือกตั้้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายน เพราะทาง มาร์ค เอสเปอร์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เกรงว่า โดนัลด์ ทรัทป์ ประธานาธิบดี ณ ขณะนั้น อาจไม่เห็นชอบ สืบเนื่องจากเพศสภาพของพวกเธอ

    (ที่มา:เอเอฟพี)
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ท่านชายสะดุ้ง!พบอีกรายอาการแทรกซ้อนโควิด-19 องคชาตแข็งค้างหลายชั่วโมง

    พบอีกรายภาวะแทรกซ้อนหาได้ยากและน่าจะเจ็บปวดมาก จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยคนไข้ชาวสหรัฐฯคนหนึ่งมีอาการองคชาตแข็งค้าง(priapism) นานกว่า 3 ชั่วโมง ด้วยคณะแพทย์เชื่อว่าเชื้อไวรัสคือต้นตอทำให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มในอวัยวะเพศของเขา จากผลการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(8มี.ค.)

    ในเดือนสิงหาคมปี 2020 ชายชราอ้วนท้วนวัย 69 ปีคนหนึ่ง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลไมอามี วัลเลย์ ในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ หลังเขาล้มป่วยอาการรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์

    ชายไม่ทราบชื่อรายนี้มีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรง ปอดอักเสบและมีการสะสมของของเหลวภายในปอด บุคลากรทางการแพทย์ให้ยาระงับประสาทเขา ก่อนต่อสายเครื่องช่วยหายใจ อย่างไรก็ตามอาการของเขายังคงทรุดลงอย่างต่อเนื่อง

    หลังผ่านไป 10 วัน ปอดทั้ง 2 ข้างของเขาเริ่มล้มเหลว ทำให้ต้องนอนคว่ำหน้า ซึ่งเป็นเทคนิคฉุกเฉินช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่เข้าสู่ปอดให้สูงขึ้น แต่พอผ่านไป 12 ชั่วโมง หลังจากพลิกตัวเขากลับมานอนหงายอีกครั้ง พยาบาลสังเกตเห็นอวัยวะเพศของเขาแข็งค้างตั้งชัน

    ผ่านไป 3 ชั่งโมง หลังไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ด้วยไอซ์เจล คณะแพทย์ตัดสินใจใช้เข็มสูบเลือดออกจากอวัยวะเพศของเขา ซึ่งประสบความสำเร็จในการช่วยอวัยวะเพศคลายตัว ทั้งนี้รายงานข่าวระบุว่าชายคนดังกล่าวหมดสติตลอดระยะเวลาของการรักษา

    "ภาวะองคชาตแข็งค้างไม่เกิดขึ้นมาอีก" คณะแพทย์ 3 รายของโรงพยาบาลไมอามี วัลเลย์ เขียนในรายงานคนไข้ในวารสารเวชศาสตร์ฉุกเฉิกแห่งอเมริกา อย่างไรก็ตามปอดของเขาไม่ฟื้นตัว และท้ายที่สุดแล้วคนไข้เสียชีวิตในห้องไอซียู

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ระบุว่าอาการนี้น่าจะมีสาเหตุจากระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองมากเกินไป ที่เรียกกันว่าภาวะ "พายุไซโตไคน์ (Cytokine Storm)" และเข้าใจได้ว่าเป็นผลข้างเคียงของโควิด-19 ซึ่งรู้กันดีว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดลิ่มเลือด

    นยแพทย์ ริชาร์ด วินีย์ จากโรงพยาบาลควีนเอลิซาเบธ ในเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร ที่ปรึกษาด้านศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ ให้ความเห็นกับหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ ว่า "เราไม่เคยพบเห็นเคสองคชาตแข็งค้างสัมพันธ์กับโควิด-19 เช่นนี้มาก่อน และเท่าที่ทราบ เรารับมือกับคนไข้โควิด-19 มากกว่าโรงพยาบาลไหนๆในยุโรป ดังนั้นมันเป็นเป็นเคสที่หายากมาก แต่เป็นอาการของโควิด-19 ที่สามารถอธิบายได้"

    "คนไข้รายนี้มีอาการองคชาตแข็งค้างชนิดขาดเลือด ผลจากลิ่มเลือดเล็กๆ และนี่คือหนึ่งในอาการแทรกซ้อนของโควิด-19 ที่เราเคยพบเห็นในระบบอวัยวะอื่นๆมากมาย" เชากล่าว

    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฏาคมปีก่อน อีกหนึ่งผลการศึกษาที่เผยแพร่ในนวารสารเวชศาสตร์ฉุกเฉิกแห่งอเมริกาเช่นกัน เคยรายงานการพบสถานการณ์แบบเดียวกัน โดยคนไข้วัย 62 ปีคนหนึ่งในฝรั่งเศส ซึ่งติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ มีอาการอวัยวะเพศชายแข็งตัวยาวนาน 4 ชั่วโมง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เข็มสูบเลือดออกจากอวัยวะเพศเช่นกัน

    ทั้งนี้เชื่อกันว่าอาการดังกล่าวมีต้นตอจากลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือดองคชาติ ในขณะที่ก่อนหน้าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ชายรายนี้ไม่เคยมีประวัติเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันมาก่อนเลย
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รบ.สหรัฐฯปรับคำแนะนำโควิด-19 อนุญาตคนฉีดวัคซีนครบแล้วรวมกลุ่มไม่ต้องสวมหน้ากาก

    รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ปรับเปลี่ยนคำแนะนำด้านสาธารณสุขในวันจันทร์(8มี.ค.) อนุญาตให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบถ้วนแล้ว พบปะกันในที่ร่มเป็นกลุ่มเล็กๆโดยไม่ต้องสวมหน้ากากป้องกัน แต่ยังควรหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น และสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าในที่สาธารณะ

    ในการอัพเดทคะแนะนำด้านพฤติกรรมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(ซีดีซี) ระบุว่าประชาชนที่ได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วนแล้ว ยังสามารถพบปะกันเป็นกลุ่มเล็กๆโดยไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากป้องกันใดๆ กับบุคคลจากครอบครัวอื่นที่ยังไม่ฉีดวัคซีน แต่ถูกมองว่ามีความเสี่ยงต่ำจากการติดเชื้อโควิด-19 อาการรุนแรง

    การยกเลิกข้อจำกัดเล็กๆน้อยๆนี้ส่งสัญญาณว่าทางซีดีซียังคงเลือกใช้แนงทางระมัดระวังในการกำหนดกรอบคำแนะนำด้านสาธารณสุข แม้มีจำนวนประชาชนได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ประธานาธิบดีไบเดน เรียกร้องอเมริกันชนยังคงอยู่ในความระมัดระวังและให้ปฏิบัติตามกรอบคำแนะนำของซีดีซีต่อไป เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอีกระลอก

    อย่างไรก็ตามซีดีซีระบุว่าผู้ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว ก็ควรยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไว้ก่อนต่างๆนานา อย่างเช่นหลีกเลี่ยงพบปะรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ให้สวมหน้ากากตอนพบปะกับบุคคลต่างครอบครัวที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือสวมหน้ากากยามพบปะกับบุคคลที่มีความเสี่ยงเชื้อโควิด-19 อาการรุนแรง

    โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี บอกกับผู้สื่อข่าวว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปกป้องผู้คนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนและยังคงอ่อนแอ ในขณะที่เคสผู้ติดเชื้อใหม่โควิด-19 เกิดขึ้นราวๆ 60,000 เคสในทุกๆวัน "เรายังคงอยู่ท่ามกลางโรคระบาดใหญ่ร้ายแรง และประชากรของเรากว่า 90% ยังไม่ได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วน"

    เธอกล่าวต่อว่า "เพราะฉะนั้นทุกคน ไม่ว่าจะได้รับวัคซีนแล้วหรือไม่ ก็ควรหลีกเลี่ยงรวมตัวกันในขนาดปานกลางหรือเป็นกลุ่มใหญ่ เช่นเดียวกับหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น"

    จนถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ แล้วมากกว่า 525,000 ราย

    ไบเดน ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม สนับสนุนอเมริกันชนให้สวมหน้ากากสำหรับ 100 วันแรกของการทำหน้าที่ประธานาธิบดี สวนทางกับแนวทางของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ดูเบาโรคระบาดใหญ่และเพิกเฉยต่อมาตรการสวมหน้ากาก

    อเมริกันชนจำนวนมากมองเห็นวัคซีนในฐานะแนวทางหวนคืนสู่วิถีชีวิตปกติก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ ภาคธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะในภาคการเดินทางและอุตสาหกรรมสถานบริการ ต่างตั้งความหวังว่าเมื่อประชาชนฉีดวัคซีนมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนจะรู้สึกเบาใจเพียงพอที่จะกลับมาใช้บริการเครื่องบินโดยสารหรือออกมาดินเนอร์กันอีกครั้ง

    "ความเคลื่อนไหวในวันนี้เป็นตัวแทนของก้าวย่างแรกที่สำคัญ แต่มันไม่ใช่จุดหมายปลายทางสุดท้ายของเรา" วาเลนสกีกล่าว "ในขณะที่มีประชาชนเข้ารับวัคซีนมากขึ้น ระดับการติดเชื้อโควิด-19 ลดลงในชุมชน และมีความเข้าใจถึงภูมิคุ้มกันโควิด-19 มากขึ้น เรารอคอยมานานสำหรับอัพเดทคำแนะนำนี้ต่อสาธารณะ"

    คำแนะนำดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ประชาชนราว 30 ล้านคน หรือ 9.2% ของประชากรสหรัฐฯ เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบถ้วนแล้ว โดยในนั้นประกอบด้วยวัคซีนของไฟเซอร์ อิงค์/ไบโอเอ็นเทค วัคซีนของโมเดอร์นาอิงค์ และวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

    ขณะเดียวกันมีเกือบ 18% ของประชากรสหรัฐฯ หรือ 58.9 ล้านคน ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วอย่างน้อย 1 โดส

    วัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการอนุมัติในปัจจุบัน ป้องกันประชาชนจากการล้มป่วย แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้ ทั้งนี้ยังมีข้อมูลไม่มากนักเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ประชาชนผู้ฉีดวัคซีนแล้วยังคงสามารถแพร่เชื้อไวรัสสู่คนที่ยังไม่ได้ฉีด แต่ทาง วาเลสกี เตือนว่ายังคงมีความเสี่ยงที่คนฉีดวัคซีนแล้วจะแพร่กระจายเชื้อสู่คนอื่นๆ

    (ที่มา:รอยเตอร์ส)
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประท้วงปะทุยามดึกในย่างกุ้ง!! ผู้คนเรือนพันคืนนี้ไม่แยแสเคอร์ฟิว พากันออกมาตามท้องถนน โกรธแค้นที่ตร.ทหารกำลังเข้าล้อมคนหนุ่มสาวหลายร้อยเอาไว้
    ประชาชนหลายพันคนพากันออกมาตามท้องถนนในย่างกุ้ง เมืองใหญ่ที่สุดของพม่าในตอนกลางดึกของวันจันทร์ (8 มี.ค.) ซึ่งเป็นการท้าทายคำสั่งห้ามออกนอกบ้านยามวิกาล พวกเขาพากันร้องตะโกนด้วยความโกรธแค้น ภายหลังตำรวจทหารได้เข้าล้อมผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารวัยหนุ่มสาวจำนวนหลายร้อยคนเอาไว้ในย่านๆ หนึ่งของเมือง
    “ปล่อยพวกนักศึกษาในซานชอง (Sanchaung)” ผู้คนพากันตะโกนตามท้องถนนในเขตต่างๆ ทั่วทั้งเมืองหลวงเก่าของพม่าแห่งนี้ ซึ่งเกิดการประท้วงขึ้นมาทุกวันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว เพื่อคัดค้านการที่ฝ่ายทหารเข้ายึดอำนาจโค่นล้มอองซานซูจี ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง
    ผู้เห็นเหตุการณ์หลายรายเล่าว่า ในบางพื้นที่ ตำรวจได้ใช้ระเบิดแสงรวมทั้งยิงปืน เพื่อพยายามขับไล่พวกผู้ประท้วงตอนดึกเหล่านี้
    วิดีโอไลฟ์สดจากย่านซานชองที่เผยแพร่ทางสื่อสังคม แสดงให้เห็นพวกผู้ประท้วงกำลังวิ่งหนีอยู่ระหว่างบ้านเรือนต่างๆ ในย่านนั้น ขณะที่มีระเบิดแสงตูมตามกันสนั่น
    “ผู้ประท้วงวัยหนุ่มสาวเกือบๆ 200 คนยังถูกตำรวจกับทหารปิดกั้นเอาไว้ที่นั่น ประชาคมท้องถิ่นและประชาคมระหว่างประเทศจำต้องช่วยเหลือพวกเขาเดี๋ยวนี้เลย! ได้โปรดเถิด” หม่อง ซองคา (Maung Saungkha) ผู้นำการประท้วงคนหนึ่งโพสต์ข้อความเช่นนี้ทางทวิตเตอร์
    ด้านสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ และสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้รบเร้าให้กองกำลังความมั่นคงยินยอมให้พวกพลเรือนออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวโดยไม่ใช้ความรุนแรงเข้าเข้าจับกุม
    ส่วนที่เจนีวา สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฝ่ายสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ มิเชลล์ บาเชเลต โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ ว่า รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งต่อชะตากรรมของผู้ประท้วงอย่างสงบ 200 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้หญิงรวมอยู่ด้วย พวกเขากำลังถูกกองกำลังความมั่นคงล้อมเอาไว้ในย่างกุ้ง และอาจเสี่ยงต่อการถูกจับหรือถูกปฏิบัติอย่างเลวร้าย เรารบเร้าทางตำรวจอนุญาตให้พวกเขาออกไปอย่างปลอดภัยและไม่มีการตอบโต้แก้เผ็ด
    สำหรับตำรวจแถลงว่า พวกเขาจะเข้าตรวจสอบทะเบียบบ้านของบ้านเรือนในย่านนั้นอย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบหาคนภายนอกที่เข้าไป ซึ่งเป็นการข่มขู่จะเล่นงานชาวบ้านแถวนั้นหากพยายามซุกซ่อนผู้ประท้วงเอาไว้
    <b>ช่วงกลางวันผู้ประท้วงตายไปอีกอย่างน้อย 3 </b>
    จากภาพบนเฟซบุ๊กที่เผยแพร่กันในตอนกลางวันของวันจันทร์ (8) เห็นภาพร่างชายสองคนนอนเสียชีวิตบนถนนในเมืองมิตจีนา (Myitkyina) เมืองหลวงของรัฐกะฉิ่น ทางภาคเหนือของพม่า ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ทั้งคู่อยู่ในกลุ่มผู้ประท้วงขณะที่ตำรวจเปิดฉากยิงแก๊สน้ำตาและขว้างระเบิดแสงใส่ฝูงชน และมีหลายคนถูกลอบยิงด้วยกระสุนจริงจากตึกในบริเวณนั้น ซึ่งยังไม่รู้ชัดว่า เป็นฝ่ายไหน
    ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งบอกว่า ผู้ตายทั้งคู่ถูกยิงที่ศีรษะและยังมีผู้บาดเจ็บอีก 3 คน
    ส่วนที่เมืองพยาโปน (Phyar Pon) ในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดี ก็มีผู้ถูกฆ่าไปอย่างน้อย 1 คน และบาดเจ็บ 2 คน ระหว่างเกิดการประท้วงที่เมืองนี้ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้หนึ่งและสื่อท้องถิ่นรายงาน
    ในวันจันทร์ ผู้คนได้หลั่งไหลออกมาต่อต้านการรัฐประหารทั้งที่เมืองย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ ทวาย และอีกหลายเมือง รวมทั้งที่เมืองหลวงเนปิดอ
    ก่อนหน้านั้น ผู้ประท้วงจำนวนมากในบางพื้นที่ของย่างกุ้ง พากันโบกธงทำจากผ้าโสร่งหรือนำโสร่งสตรีมาขึงบนถนนเพื่อเป็นสัญลักษณ์วันสตรีสากล รวมทั้งขัดขวางตำรวจและทหาร เนื่องจากตามธรรมเนียมพม่าเชื่อว่า การเดินลอดผ้าโสร่งของผู้หญิงจะทำให้ผู้ชายโชคร้าย
    เอ็มอาร์ทีวี สถานีโทรทัศน์ของทางการบอกว่า การทำเช่นนั้นถือเป็นการดูหมิ่นศาสนาอย่างร้ายแรง และเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมในเมืองพุทธอย่างพม่า
    สถานีโทรทัศน์แห่งนี้สำทับเสียงกร้าวด้วยว่า “ความอดทนของรัฐบาลกำลังหมดสิ้นลง และขณะที่พยายามทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายน้อยที่สุดในการหยุดยั้งการจลาจล แต่ประชาชนที่เสาะแสวงหาเสถียรภาพอย่างสมบูรณ์กำลังเรีกยร้องให้ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการปราบปรามการจลาจล”
    <b>กลุ่มสหภาพแรงงานเรียกร้องให้ชาวพม่านัดหยุดงาน </b>
    สหภาพแรงงาน 18 แห่งในพม่า ซึ่งครอบคลุมภาคก่อสร้าง เกษตรกรรม และการผลิต ฯลฯ เรียกร้องให้ชาวพม่าทุกคนหยุดงานเพื่อล้มล้างการรัฐประหารและคืนอำนาจให้รัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งของอองซานซูจี โดยระบุว่า กิจกรรมเศรษฐกิจและธุรกิจทั้งหมดสร้างผลประโยชน์ให้กองทัพที่กดขี่แรงงานประชาชน
    สหภาพแรงงานเหล่านี้ต้องการต่อยอดการอารยะขัดขืนที่เรียกร้องให้ข้าราชการเลิกทำงานให้รัฐบาลทหาร ซึ่งขณะนี้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานของพม่าในทุกระดับ เช่น การให้บริการของโรงพยาบาล ขณะที่หน่วยงานในกระทรวงต่างๆ อยู่ในสภาพว่างเปล่า และธนาคารไม่สามารถดำเนินการได้
    ผู้อยู่ในเหตุการณ์เผยว่า มีร้านน้ำชาไม่กี่แห่งยังคงเปิดให้บริการในย่างกุ้ง ขณะที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ปิดเช่นเดียวกับโรงงาน
    ทางด้านรัฐบาลทหารได้ออกมาขู่ว่า จะปลดข้าราชการที่ผละงานโดยมีผลทันทีตั้งแต่วันจันทร์
    นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า กองกำลังความมั่นคงเข้ายึดโรงพยาบาลของรัฐหลายแห่งในย่างกุ้งเมื่อคืนวันอาทิตย์ สอดคล้องกับรายงานของสื่อของรัฐว่า กองกำลังความมั่นคงเข้าควบคุมโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยหลายแห่ง และกองทัพแถลงว่า มีผู้ถูกจับกุม 41 คนในวันอาทิตย์
    ทั้งนี้ ข้อมูลของสมาคมให้ความช่วยเหลือนักโทษการเมืองเผยว่า นับจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์จนถึงวันอาทิตย์มีผู้ถูกควบคุมตัวเกือบ 1,800 คน ขณะที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตกว่า 50 คน
    กองทัพยังออกคำประกาศที่เผยแพร่บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์โกลบัล นิว ไลฟ์ ออฟ เมียนมาร์ของรัฐบาลฉบับวันจันทร์ขู่ว่า จะ “ดำเนินการ” กับผู้ที่ทำงานทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อมให้กลุ่มสมาชิกรัฐสภาที่ถูกปลดแต่ยังอ้างความชอบธรรม พร้อมระบุว่า กลุ่มดังกล่าวผิดกฎหมายและเป็นกบฏ
    การปราบปรามและสังหารผู้ประท้วงทำให้รัฐบาลทหารพม่าถูกประณามจากนานาชาติ รวมถึงเพื่อนบ้านในเอเชีย อีกทั้งถูกอเมริกาและตะวันตกบางชาติแซงก์ชันแบบจำกัด
    คืนวันอาทิตย์ มาริส เพย์น รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย แถลงว่า แคนเบอร์ราตัดสินใจระงับความร่วมมือทางทหารกับพม่า ซึ่งรวมถึงโครงการฝึกภาษาอังกฤษ และกำลังพิจารณาโยกเงินช่วยเหลือที่เคยให้รัฐบาลพม่าไปให้องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรแทน
    ด้านจีนแถลงในวันเดียวกันว่า ได้พูดจากับทุกฝ่ายเพื่อทำให้วิกฤตการณ์ในพม่าคลี่คลาย โดยที่ตนเองจะไม่เลือกข้าง

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘หมอใหญ่ทำเนียบขาว’เตือน อย่าเพิ่งผ่อนมาตรการสกัดโควิด เคสใหม่ยังสูงไม่ยอมลด ส่อเป็นแบบยุโรป สามารถพุ่งขึ้นอีกระลอก
    ‘เฟาซี’ หมอใหญ่ทำเนียบขาว เตือนอเมริกาอาจเผชิญชะตากรรมเดียวกับยุโรป ย้ำเวลานี้จำนวนเคสใหม่ยังทรงตัวอยู่ระดับสูงมาก 60,000-70,000 คนต่อวัน บ่งชี้ความเสี่ยงที่ยอดผู้ติดเชื้ออาจพุ่งทะยานอีกรอบ แต่หลายรัฐกลับเพิกเฉยต่อคำเตือนและผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์กันแล้ว ขณะเดียวกัน ออสเตรียสั่งระงับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาชั่วคราว หลังพบผู้เสียชีวิต 1 คนและผู้มีอาการโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอดอีกคน เพื่อระวังไว้ก่อนระหว่างสอบสวนหาสาเหตุ แต่ยอมรับว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างผลข้างเคียงร้ายแรงกับการฉีดวัคซีนของบริษัทนี้แต่อย่างใด
    ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้ว เทกซัสและมิสซิสซิปปี้ ซึ่งมีผู้ว่าการรัฐสังกัดพรรครีพับลิกันทั้งคู่ ประกาศยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากป้องกัน และถูกประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามว่า เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สะท้อนความคิดสุดแสนโบราณ ผู้นำสหรัฐฯ ยังสำทับว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และผู้นำด้านสาธารณสุข
    ต่อมาในวันศุกร์ (5 มี.ค.) รัฐแอริโซนา แคลิฟอร์เนีย และเซาท์แคโรไลนา ประกาศผ่อนคลายมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในระดับต่างๆ กัน เช่น ผู้ว่าการรัฐแอริโซนาอนุญาตให้ธุรกิจดำเนินการได้ตามปกติ แต่ประชาชนยังต้องสวมหน้ากาก ขณะที่ผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนายกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากในอาคารที่ทำการรัฐบาล แต่ยังแนะนำให้สวมในร้านอาหารต่อไป
    แคลิฟอร์เนียเตรียมไฟเขียวให้สวนสนุก กีฬากลางแจ้ง และการแข่งขันกีฬาในสนามกีฬาเปิดอีกครั้งในเดือนหน้า รวมถึงผ่อนคลายข้อกำหนดเกี่ยวกับการสวมหน้ากาก
    นพ. แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและที่ปรึกษาใหญ่ด้านสาธารณสุขของคณะบริหารประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อวันศุกร์ระหว่างแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดในทำเนียบขาวว่า อเมริกาเพิ่งเผชิญการระบาดที่เลวร้ายที่สุด และสำทับว่า ขณะนี้ยอดผู้ป่วยใหม่ยังค้างเติ่งอยู่ที่ระดับสูงมากประมาณ 60,000-70,000 คนต่อวัน ซึ่งบ่งชี้ว่า อเมริกากำลังเผชิญความเสี่ยงที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะพุ่งขึ้นอีกรอบ
    จากฐานข้อมูลของนิวยอร์กไทมส์นั้น จำนวนเคสใหม่ในอเมริกาเฉลี่ยในรอบ 7 วันจนถึงวันศุกร์อยู่ที่วันละ 61,000 คน ซึ่งแม้ต่ำสุดนับจากเดือนตุลาคม แต่ยังใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดในช่วงฤดูร้อนที่แล้ว
    จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงเช่นเดียวกันส่วนหนึ่งเนื่องจากการฉีดวัคซีนในสถานพักฟื้นคนชรา กระนั้น อเมริกายังมีผู้เสียชีวิตถึงวันละ 2,000 คน
    เฟาซีเตือนว่า อเมริกาอาจเผชิญชะตากรรมเดียวกับยุโรปที่ยอดผู้ติดเชื้อค้างเติ่งไม่ลดไม่เพิ่มรุนแรงอยู่พักใหญ่ แล้วก็มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 9% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
    หมอใหญ่ของอเมริกายังเตือนว่า ไวรัสมีการกลายพันธุ์ขณะมันเพิ่มจำนวน ซึ่งเป็นกระบวนการที่อาจแสดงฤทธิ์เดชออกมาได้เมื่อผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำกลายเป็นติดเชื้อ ดังนั้น การสวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่างทางสังคมจึงยังคงเป็นมาตรการเร่งด่วนต่อไป
    ทั้งนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลจนถึงปลายสัปดาห์ที่แล้วพบว่า ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์บี.1.1.7 ที่พบครั้งแรกในอังกฤษ เวลานี้กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในอเมริกา และมีแนวโน้มสูงสุดว่า เคสใหม่ 20% ในอเมริกาติดเชื้อไวรัสตัวนี้ นอกจากนั้นนักวิจัยในรัฐญออริกอนยังพบไวรัสกลายพันธุ์ที่อุบัติขึ้นในท้องถิ่นและมีหนามแบบเดียวกับสายพันธุ์บี.1.1.7 ซึ่งมีความสามารถในการกลายพันธุ์ที่อาจลดทอนประสิทธิภาพของวัคซีน
    พญ.โรแชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) เรียกร้องไม่ให้รัฐต่างๆ ผ่อนคลายมาตรการจำกัดเช่นเดียวกัน โดยรายงานฉบับใหม่ของซีดีซีพบว่า เทศมณฑลที่อนุญาตให้ผู้บริโภคเข้าไปนั่งกินอาหารในร้านมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ต่อมา ส่วนเทศมณฑลที่ใช้คำสั่งสวมหน้ากากมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลง
    ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานเพื่อความปลอดภัยด้านการดูแลสุขภาพของออสเตรีย ได้สั่งระงับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเมื่อวันอาทิตย์ (7) เพื่อระมัดระวังไว้ก่อนระหว่างสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ฉีดวัคซีนนี้ 1 คน และอีกคนที่มีอาการโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด แต่ยอมรับว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างผลข้างเคียงดังกล่าวกับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา
    ด้านโฆษกของแอสตราเซเนกายืนยันว่า ไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงกับวัคซีนของบริษัทซึ่งมีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด นอกจากนั้นจากการใช้จริงและการทดลองยังบ่งชี้ว่า วัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และได้รับอนุมัติให้ใช้ในกว่า 50 ประเทศในขณะนี้
    แอสตราเซเนกาเสริมว่า ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ออสเตรียแล้วและพร้อมให้การสนับสนุนการตรวจสอบอย่างเต็มที่

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ควีนอังกฤษ” เตรียมรับรายงานสรุปสัมภาษณ์ “เจ้าชายแฮร์รี-เมแกน มาร์เคิล” เช้านี้
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์/mgrออนไลน์ – สื่ออังกฤษผู้ดีรายงาน สมเด็จพระราชินาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษจะได้รับการถวายรายงานสรุปเกี่ยวกับการประทานสัมภาษณ์ของดยุกและดัสเชสแห่งซัสเซกซ์ในช่วงเช้าวันจันทร์(8 มี.ค)ที่พระราชวังวินด์เซอร์ และรายงานจะถูกถวายไปยังเจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์
    .
    เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(8 มี.ค)ว่า รายการพิเศษของโอปราห์ วินฟรีย์ที่ได้รับการประทานสัมภาษณ์จากทั้งดยุกและดัสเชสแห่งซัสเซกซ์กลายเป็นประเด็นร้อนในอังกฤษและรวมไปถึงข่าวเช้าในสหรัฐฯ ซึ่งที่อังกฤษมีการรวมตัวถึงขั้นต้องการให้มีการถอดพระยศดยุกและดัสเชสแห่งซัสเซกซ์จากเจ้าชายแฮร์รี และ เมแกน มาร์เคิล หลังประชาชนชาวผู้ดีได้รับชมรายการ 2 ชั่วโมงเต็ม
    .
    โดยในรายการมาร์เคิลได้เอ่ยถึงสมเด็จพระราชินีนาถแห่งอังกฤษว่า พระองค์ทรงยังคงมีความวิเศษต่อมาร์เคิลเสมอ และเปิดเผยว่าครั้งหนึ่งเคยได้รับพระราชทานต่างหูมุกคู่งามพร้อมกับสร้อยพระศอเข้าชุด
    .
    และนอกจากนี้ดัสเชสแห่งซัสเซกซ์ยังทรงเปิดเผยต่อว่า พระองค์ได้ทรงโทรศัพท์ไปหาพระประมุขแห่งอังกฤษ..... อ่านเพิ่ม https://mgronline.com/around/detail/9640000022434

    ahTxW5NJHeHG&w=139&h=215&url=https%3A%2F%2Fmpics.mgronline.com%2Fpics%2FImages%2F564000002304401.jpg
    MGRONLINE.COM
    In Clip: “ควีนอังกฤษ” เตรียมรับรายงานสรุปสัมภาษณ์ “เจ้าชายแฮร์รี-เมแกน มาร์เคิล” เช้านี้
    สมเด็จพระราชินาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษจะได้รับการถวายรายงานสรุปเกี่ยวกับการประทานสัมภาษณ์ของดยุกและ...
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘จีน’คาดการณ์จีดีพีปีนี้โตแค่ท้วมๆ 6% ไม่ใช่พุ่งพรวดพราดอย่างที่คาดหมายกัน
    โดย แฟรงก์ เฉิน
    ปักกิ่งกลับมากำหนดเป้าหมายผลประกอบการทางเศรษฐกิจกันอีกครั้ง ผิดไปจากการคาดคะเนของบางฝ่าย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้คาดการณ์ว่าจีดีพีปีนี้ของตนจะทะยานสูงปริ๊ดอย่างที่มีบางฝ่ายมองกัน
    บรรดาผู้นำของจีน ซึ่งเป็นประเทศใหญ่เพียงรายเดียวของโลกที่เศรษฐกิจสามารถกลับคืนมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้งหนึ่ง ภายหลังสูญเสียโมเมนตัมไปกับโรคระบาดใหญ่โควิด-19 กำลังเพิ่งสาธิตให้เห็นว่าพวกเขามีความมุ่งมาดปรารถนาที่จะนำพาโลกให้ก้าวพ้นออกมาจากภาวะเศรษฐกิจล้มป่วยสาหัส
    นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ของจีน บอกกับผู้คนที่เต็มแน่นห้องประชุมภายในมหาศาลาประชาชน ของกรุงปักกิ่ง ระหว่างการกล่าวปราศรัยเปิดวาระประชุมเต็มคณะประจำปีนี้ของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (รัฐสภา) ว่า อัตราเติบโตของจีดีพีจะต้องทำให้อยู่ในช่วงแถบเป้าหมาย “อันเหมาะสมและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น” ซึ่งมีความผูกพันเชื่อมโยงรวมทั้งกระตุ้นให้พลังชีวิตแก่การสร้างงานและการบริหารจัดการระดับราคาผู้บริโภค
    ความเคลื่อนไหวของปักกิ่งที่จะหวนกลับมากำหนดอัตราเติบโตขยายตัวของเศรษฐกิจประจำปีอีกครั้งเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกนักวิเคราะห์และสื่อมวลชนต่างแดนคาดหมายกันเอาไว้อย่างกว้างขวางเลย ทั้งนี้โรคติดต่อร้ายแรงและสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่หนักหน่วงของเมื่อปีที่แล้ว ได้บังคับให้เหล่าผู้มีอำนาจรับผิดชอบของจีนต้องละเมิดประเพณีปฏิบัติซึ่งเคยทำมานาน และยกเลิกการประกาศตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการทางเศรษฐกิจทั้งหมด ณ การประชุมเต็มคณะของรัฐสภาประจำปี 2020 ซึ่งเปิดขึ้นมาล่าช้ากว่าช่วงเวลาที่เคยจัดกัน
    ตัวอย่างเช่น เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) ได้กล่าวย้ำในบทวิเคราะห์หลายชิ้นว่า ปักกิ่งน่าจะงดเว้นอีกครั้งไม่กำหนดเป้าหมายที่แน่นอนชัดเจนสำหรับอัตราเติบโตของจีดีพีของตนในปีนี้
    “ขณะที่ตามตัวเลขของทางการระบุว่า เศรษฐกิจของจีนขยายตัวได้ด้วยอัตรา 2.3% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจสำคัญเพียงรายเดียวของโลกที่ยังสามารถเติบโตได้ แต่สุขภาพทางการเงินอันไม่แน่ไม่นอนของพวกชาติคู่ค้ารายท็อปของจีนซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องนำมาเกี่ยวข้องพิจารณาด้วย ก็เป็นสิ่งที่สร้างความวิตกกังวลให้แก่ชาติผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกรายนี้ ... จึงเป็นการดีกว่าที่จะยกเลิกการตั้งเป้าหมายทั้งหมดไปเลย แทนที่จะฝืนกำหนดสิ่งซึ่งพวกเขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถทำได้หรือไม่” ข้อเขียนชิ้นหนึ่งพูดเอาไว้เช่นนี้
    แต่ปรากฏว่าในรายงานกิจการรัฐบาลที่นายกฯหลี่ นำเสนอออกมาเมื่อตอนเช้าวันศุกร์ (5 มี.ค.) กลับอุดมไปด้วยตัวเลขเป้าหมายชุดใหญ่ของการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมสำหรับปีนี้และถัดจากนี้ไป และทั้งหมดต่างถือเป็นฉันทามติของคณะผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์แล้ว อีกทั้งจะได้รับการรับรองอย่างไม่ยากเย็นจากรัฐสภาซึ่งมีปกติว่าได้ใช้ฟังแห่งนี้
    หลี่ มีท่าทีย้ำยืนกรานความมั่นอกมั่นใจและความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าของปักกิ่ง โดยมีการเน้นหนักโฟกัสไปที่ดีมานด์ความต้องการภายในประเทศและการพึ่งพาตนเอง
    ปักกิ่งยังมุ่งมั่นที่จะทำให้เศรษฐกิจมีอัตราเติบโตขยายตัว 5% ต่อปีโดยเฉลี่ยในตลอดระยะเวลา 15 ปีข้างหน้า เพื่อทำให้ขนาดของจีดีพีแท้จริงเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัวภายในปี 2035 เมื่อเทียบกับระดับที่บรรลุได้ในปี 2020 นี่ก็คือวัตถุประสงค์ระยะยาวซึ่งดูโดดเด่นเตะตากว่าเพื่อนใน แผนการ 5 ปีฉบับที่ 14 ของจีนที่ครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่ปี 2021 ถึงปี 2025 ตลอดจนใน วิสัยทัศน์ปี 2035 โดยที่เอกสารทั้ง 2 เรื่องนี้ ถูกกำหนดให้บรรดาสมาชิกของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติอภิปรายและอนุมัติรับรองในการประชุมครั้งนี้
    สำนักข่าวซินหัวบอกว่า ความพยายามในการรับประกันให้อัตราเติบโตสามารถดำเนินไปได้อย่างสม่ำเสมอในระยะ 5 ปีจากนี้ไป จะมีผลเป็นอย่างมากในการเป็นพื้นฐานอันแข็งแรงสำหรับให้ปักกิ่งดำเนินการเพื่อบรรลุความมุ่งมาดปรารถนาอย่างกว้างไกลต่างๆ ซึ่งวางเอาไว้สำหรับปี 2035 อย่างเช่น การลดช่วงห่างที่ยังล้าหลังสหรัฐฯในเรื่องขนาดของเศรษฐกิจ และแซงเลยหน้าสหรัฐฯไปให้ได้ในที่สุด
    เย่ ซู (Yue Su) นักเศรษฐศาสตร์ระดับนำคนหนึ่งของ อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (Economist Intelligence Unit) ชี้เอาไว้ว่า มีรายงานของรัฐบาลระดับมณฑลหลายๆ แห่งได้กำหนดเป้าหมายจีดีพีเอาไว้ที่ 6-7% เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ก่อนการประชุมสภาระดับชาติคราวนี้ โดยที่เป้าหมายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สอดคล้องกับเป้าหมายในระดับชาติ
    เธอบอกด้วยว่า พวกสภาผู้แทนประชาชนระดับมณฑลซึ่งจัดประชุมกันไปเมื่อช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์นั้น ได้ส่งสัญญาณบ่งบอกให้ทราบว่า การหาทางรับประกันให้อัตราเติบโตของจีดีพีมีเสถียรภาพ จะเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญหลักๆ ซึ่งปักกิ่งจะมอบหมายให้แก่พวก “มณฑลมหาอำนาจ” ทั้งหลาย อย่างเช่น กวางตุ้ง, เจียงซู, ซานตง, และ เจ้อเจียง
    มณฑลชายฝั่งทะเลที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวางแล้วทั้ง 4 แห่งนี้ เป็นผู้มีส่วนอยู่เกือบๆ หนึ่งในสี่ ของจีดีพีของจีน ซึ่ง ในปี 2020 อยู่ในระดับเท่ากับ 100 ล้านล้านหยวน (15.43 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) รวมทั้งยังกำลังแสดงบทบาทเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อขับดันให้เศรษฐกิจของทั่วประเทศขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอีก
    ผลผลิตทางเศรษฐกิจเมื่อปี 2020 ของกวางตุ้ง ซึ่งเป็นเศรษฐกิจระดับมณฑลที่ใหญ่ที่สุดของจีนนั้น ทะลุหลัก 11 ล้านล้านหยวน เท่ากับแซงหน้าจีดีพีของเกาหลีใต้ไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ปักกิ่งจึงกำลังตั้งความหวังเอาไว้อย่างสูงกับมณฑลทางภาคใต้แห่งนี้ซึ่งตั้งประชิดติดกับฮ่องกงและมาเก๊า ว่าจะเป็นผู้นำให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวทะลุเป้าหมาย 6% ที่ตั้งเอาไว้ได้
    ผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง หม่า ซิงรุ่ย (Ma Xingrui) ชี้เอาไว้ในรายงานของเขาที่เสนอต่อคณะสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติของกวางตุ้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจของมณฑลนี้จะสามารถขยายตัวได้ในอัตรา 6 – 6.5% ในปี 2021
    อาจารย์คนหนึ่งของมหาวิทยาลัยการต่างประเทศศึกษาแห่งกวางตุ้ง (Guangdong University of Foreign Studies) บอกกับเอเชียไทมส์ว่า เศรษฐกิจจีนจะต้องสร้างจีดีพีเพิ่มขึ้นมาให้ได้ 6 ล้านล้านหยวนในปีนี้ จึงจะบรรลุเป้าหมายการเติบโต 6% ที่นายกฯหลี่ ตั้งเอาไว้ และคาดกันว่ากวางตุ้งจะต้องมีส่วนร่วมในการขยายตัวสุทธิไม่น้อยกว่า 600,000 ล้านหยวน
    นักวิชาการผู้นี้ซึ่งขอให้สงวนนาม ยังเปิดเผยด้วยว่า พวกเมืองหลักๆ ของมณฑล อย่างเช่น กว่างโจว และเซินเจิ้น จะได้รับมอบหมายให้ทำเศรษฐกิจของพวกตนให้เติบโตในระดับไม่ต่ำกว่า 7% รวมทั้งพวกอุตสาหกรรมเสาหลักทั้งหลายตลอดจนพวกธุรกิจและโรงงานการผลิตรายหลักๆ ในทั้งสองเมือง ต่างได้รับการบอกกล่าวแล้วว่าให้เร่งรัดเพิ่มผลผลิต
    “กวางตุ้งสามารถที่จะกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของเอเชียเมื่อดูจากจีดีพี ถ้าหากมันเป็นประเทศเอกราช ตามหลังเพียงแค่จีนกับญี่ปุ่นเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่มีคำสั่งให้เร่งรัดการเติบโตและเพิ่มทวีผลผลิตแล้ว ปักกิ่งเป็นต้องมองมาที่กวางตุ้งสำหรับการปฏิบัติการ ...
    “พวกบริษัทอย่างเช่น หัวเว่ย, เทนเซนต์, และ ฟ็อกซ์คอนน์ ในเซินเจิ้น และพวกผู้ผลิตรถยนต์, พวกเทรดเดอร์, และพวกผู้ดำเนินกิจการท่าเรือในกว่างโจว ก็ถูกมอบเป้าหมายการเติบโตอย่างเป็นพิเศษเจาะจงสำหรับปี 2021 เพราะว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบ 2 เมืองดังกล่าว เจอแรงกดดันจากรัฐบาลมณฑลให้เพิ่มจีดีพีของเมือง ส่วนพวกผู้นำระดับมณฑลอย่างเช่น หม่า ก็เผชิญแรงกดดันทำนองเดียวกันจากปักกิ่ง” นักวิชาการผู้นี้แจกแจง
    มณฑลที่มั่งคั่งรุ่งเรืองแห่งอื่นๆ อย่างเช่น เจียงซู และเจ้อเจียง ก็กล่าวกันว่าได้รับมอบเป้าหมายเป็นพิเศษจากปักกิ่งเช่นเดียวกัน
    เวลาเดียวกัน พวกผู้วางนโยบายและที่ปรึกษาคนสำคัญๆ ต่างหาทางบอกปัดไม่ยอมรับเสียงพูดจาที่ว่า จากการตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่ 6% แสดงว่าปักกิ่งกำลังรีบร้อนที่จะกลับไปสู่ภาวะเสพติดมุ่งแต่เร่งรัดอัตราเติบโตของจีดีพีอย่างเอาเป็นเอาตายกันอีกครั้ง
    จาง ลี่ฉุน (Zhang Liqun) นักวิจัยอาวุโสด้านเศรษฐกิจมหภาค ที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์วิจัยการพัฒนา ของคณะรัฐมนตรีจีน ซึ่งคอยให้คำแนะนำแก่นายกฯหลี่ บอกกับสำนักข่าวซินหัวว่า ถ้าหากไม่มีเป้าหมายการเติบโต “ที่อยู่ในเชิงรุกพอประมาณ” และสร้างความมั่งคั่งกันเพิ่มเติมขึ้นมาแล้ว มันก็จะไม่มีพื้นฐานสำหรับความสำเร็จในการสร้างนวัตกรรมทางเทคและเป้าหมายด้านการกินดีอยู่ดี ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจแบบยั่งยืนทั้งสิ้น
    ส่วนสำนักข่าวไชน่านิวส์เซอร์วิส (China News Service) รายงานว่า หยาง เว่ยหมิน (Yang Weimin) อดีตรองผู้อำนวยการของกลุ่มการนำส่วนกลางว่าด้วยกิจการทางการเงินและเศรษฐกิจ (Central Leading Group on Financial and Economic Affairs) ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน บอกว่าปักกิ่งสามารถวางจุดมุ่งหมายให้สูงถึงระดับ 8% สำหรับปีนี้ก็ยังได้ เมื่อพิจารณาจากระดับฐานของปี 2020 ซึ่งอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ
    “การตัดสินใจลงตัวกับระดับ ‘พอประมาณ’ 6% เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าปักกิ่งยังกำลังให้ความสำคัญลำดับต้นๆ กับการปฏิรูปอื่นๆ และภาระผูกพันอย่างอื่นๆ ด้วย อย่างเช่น การพึ่งพาตนเองทางด้านเทค ... การลงแรงกับเรื่องเหล่านี้อาจจะฉุดดึงอัตราเติบโตให้ต่ำลง ขณะที่จะผลิดอกออกผลให้เห็นกันได้ก็ในระยะยาวไกล แต่ปักกิ่งก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเดินหน้าในเรื่องเหล่านี้ “ หยาง กล่าว
    (จากเรื่อง China’s 6% GDP forecast dampens big bounce expectations by Frank Chen ใน เอเชียไทมส์ WWW.asiatimes.com

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตม.ญี่ปุ่นอ่วมโควิด “ผีน้อย” ติดเชื้อแบบคลัสเตอร์ กว่าร้อยละ 40
    .
    โตเกียว 9 มี.ค.- ศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเมืองกรุงโตเกียวเกิดการติดเชื้อไวรัสโควิดแบบกลุ่มหรือคลัสเตอร์ ผู้ต้องกักชาวต่างชาติกว่าร้อยละ 40 ติดเชื้อ
    .
    พื้นที่ชั้น 4 ของสำนักงานตรวจคนเมืองกรุงโตเกียวคือศูนย์กักกันตัวชาวต่างชาติที่ลักลอบเข้าประเทศญี่ปุ่น และรอส่งตัวกลับประเทศ ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ พบว่ามีผู้ต้องกักชาย 105 คน หญิง 27 คน อยู่รวมกันทั้งในห้องเดี่ยวและห้องรวม
    .
    ผู้ต้องกักตัวรายหนึ่งเปิดเผยกับสื่อมวลชนญี่ปุ่นว่า ขณะนี้มีผู้ต้องกัก 58 คนติดเชื้อโควิด และหากรวมเจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อด้วยแล้ว จะมีผู้ติดเชื้อแบบกลุ่มภายในสำนักงานตรวจคนเมืองกรุงโตเกียวมากถึง 64 คน
    .
    การติดเชื้อแพร่ระบาดจากส่วนของผู้ต้องกักชายตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. เมื่อผู้ต้องกัก 2 คนและเจ้าหน้าที่ 1 คนถูกพบว่าป่วย ในวันต่อมา ผู้ติดเชื้อก็เพิ่มเป็น 5 คน และติดเชื้อต่อกันไปอย่างรวดเร็ว จนผู้ต้องกักกว่าร้อยละ 40 ติดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้
    .
    สำนักงานตรวจคนเมืองกรุงโตเกียวได้ทำการตรวจหาเชื้อในผู้ต้องกักทุกคน และแยกผู้ที่ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกัน แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น ถึงแม้จะยังไม่มีผู้ที่อาการหนัก แต่มี 2 รายที่มีโรคประจำตัวต้องถูกส่งไปรักษาตัวในโรงพยาบาล ตามคำแนะนำของหน่วยงานด้านสาธารณสุข
    .
    วันที่ 3 มี.ค. ผู้ต้องกักหญิงทั้งหมดถูกย้ายตัวไปยังสถานที่กักกันแห่งอื่น
    .
    ศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเมืองญี่ปุ่นถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่องเรื่องสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายและละเมิดสิทธิมนุษยชน ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด เจ้าหน้าที่แทบจะไม่ใส่ใจมาตรการควบคุมการติดเชื้อเลย
    .
    ช่วงปลายเดือนมกราคม ผู้ต้องกักชาวอิหร่านวัย 40 ปีรายหนึ่งบ่นว่าเจ็บคอ มีไข้ และไม่รู้รสอาหาร เขาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าอาจติดเชื้อโควิดและขอให้มีมาตรการป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อไปยังคนอื่น แต่เจ้าหน้าที่เพิกเฉยและไม่ดำเนินการอะไร ชายผู้นี้ป่วยหนักมากขึ้นและถูกยืนยันว่าติดเชื้อโควิดในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์
    .
    เขาถูกแยกตัวไปยังห้องเดี่ยว เจ้าหน้าที่ในชุดป้องกันเชื้อโรคมาวัดไข้และความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดวันละ 3 ครั้ง เขามีไข้สูงถึง 38 องศา ไออย่างหนัก หายใจติดขัด และอ่อนแรงจนไม่สามารถขยับตัวได้
    .
    ผู้ติดเชื้อรายนี้เล่าว่า เขาได้ยินเสียงไอของผู้ถูกกักกันคนอื่นอย่างทุกข์ทรมาน ผู้ต้องกักได้รับแจกหน้ากากอนามัยวันละ 1 ชิ้น แต่ว่าไม่มีแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรคภายในห้อง ต้องขอจากเจ้าหน้าที่เมื่อต้องการ
    .
    โยโกะ คามิกาวะ รัฐมนตรียุติธรรมญี่ปุ่น ระบุกับคณะกรรมาธิการของรัฐสภาว่า การติดเชื้อจากผู้ต้องกักกันรายใหม่มีโอกาสน้อยมาก เพราะต้องถูกกักตัว 2 สัปดาห์ก่อนเข้ามายังศูนย์กักกัน และผู้ต้องกักจะถูกจำกัดพื้นที่ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าการติดเชื้อจะมาจากเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
    .
    ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิดระลอกแรกเมื่อปีที่แล้ว กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นได้ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องกัก 400-500 คน ทำให้จำนวนผู้ที่ยังอยู่ที่ชั้น 4 ของสำนักงานตรวจคนเมืองกรุงโตเกียวลดลงเหลือ 132 คน
    .
    ชาวต่างชาติที่ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย จะถูกกักตัวไว้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในช่วงที่รอคำสั่งเนรเทศออกนอกญี่ปุ่น แต่หลายคนที่กลัวว่าจะได้รับอันตรายหากกลับบ้านเกิดหรือมีครอบครัวในญี่ปุ่นก็จะยื้อเวลาด้วยการยื่นอุทธรณ์หรือยื่นขอเป็นผู้ลี้ภัย
    .
    บางคนต้องใช้ชีวิตในสถานกักกันนานหลายปี เนื่องจากกฎหมายญี่ปุ่นไม่ได้กำหนดระยะเวลาสูงสุดในการกักตัวก่อนจะถูกเนรเทศ และศาลก็ไม่สามารถมีคำสั่งว่าจะให้กักตัวนานเท่าไหร่ เนื่องจากไม่ใช้โทษจำคุกที่กำหนดระยะเวลาชัดเจน.

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทูตเมียนมาประจำอังกฤษเรียกร้องให้ปล่อยตัว “ซูจี”
    .
    ลอนดอน 9 มี.ค. – นายจอ ซวา มินน์ เอกอัครราชทูตเมียนมาประจำกรุงลอนดอน ของอังกฤษ กล่าววานนี้ เรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนของเมียนมาและประธานาธิบดีวิน มินต์ ที่ถูกกองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารและควบคุมตัวไว้
    .
    นายจอ ซวา มินน์ กล่าวว่า เขาติดสินใจเลือกเส้นทางประชาธิปไตย และจะหาคำตอบของวิกฤติการณ์ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในเมียนมาในขณะนี้ได้ด้วยการนั่งลงเจรจากัน
    .
    เขากล่าวในแถลงการณ์ ซึ่งเผยแพร่ในหน้าเฟซบุ๊คของสถานทูตหลังจากเข้าพบกับนายโดมินิก ราบ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษและนายไนเจล อดัมส์ รัฐมนตรีด้านเอเชียของอังกฤษว่า เขาขอเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและประธานาธิบดีวิน มินต์
    .
    ทางด้านนายราบ กล่าวในแถลงการณ์ว่า เขาขอยกย่องความกล้าหาญและความรักชาติของนายจอ ซวามินน์ ที่เรียกร้องให้ปล่อยตัวนางซูจีและประธานาธิบดิวิน มินต์ และให้ยอมรับและเคารพผลการเลือกตั้งทั่วไปในเมียนมาเมื่อปลายปี 2020
    .
    อังกฤษได้เรีบกร้องก่อนหน้านี้ให้ปล่อยตัวนางซูจีและผู้นำทางการเมืองคนอื่นๆ ที่ถูกจับตัวไว้ในระหว่างการก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์และยังเรียกร้องให้รื้อฟื้นระบอบประชาธิปไตยด้วย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    เอกอัครราชทูตเมียนมาประจำกรุงวอชิงตันของสหรัฐก็แสดงท่าทีเป็นฝ่ายตรงช้ามกับรัฐบาลทหารโดยออกแถลงการณ์ประณามการกระทำที่ทำให้พลเรือนที่ประท้วงต่อต้านรัฐประหารต้องเสียชีวิตและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เมียนมาใช้ความอดกลั้นอย่างที่สุด
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว กองทัพเมียนมาสั่งปลดนายจอ โม ตุน ทูตเมียนมาประจำองค์การสหประชาชาติ จากตำแหน่งหลังจากที่เขาเรียกร้องให้สหประชาชาติ ใช้มาตรการที่จำเป็นทุกทางเพื่อขัดขวางกองทัพเมียนมาและนำประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประเทศ พร้อมทั้งชูสามนิ้วเป็นสัญลักษณ์การไม่ยอมรับการก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือน.

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สมาร์ตวีลแชร์ รถเข็นวีลแชร์อัจฉริยะพับเก็บได้พกพาสะดวก
    .
    บริษัทเอกชนในประเทศเยอรมนีพัฒนาวีลแชร์ รถเข็นวีลแชร์อัจฉริยะรูปแบบใหม่สามารถพับเก็บได้ประหยัดพื้นที่พร้อมใช้งานเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย ผู้พิการและผู้สูงอายุ ที่ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรถเข็นวีลแชร์แบบเก่า ๆ ที่มักพบปัญหาการเคลื่อนย้ายจัดเก็บที่ยากลำบาก
    .
    สมาร์ตวีลแชร์ รถเข็นวีลแชร์อัจฉริยะได้รับการออกแบบให้ง่ายต่อการประกอบเพื่อใช้งานโดยมีส่วนประกอบหลักเพียง 2 ชิ้น ประกอบด้วยเก้าอี้นั่งที่มีความแข็งแรง ล้อวีลแชร์ 2 ข้างที่สามารถพับเก็บได้ในลักษณะคล้ายร่มกันแดด ผู้ใช้งานสามารถพับเก็บวีลแชร์ได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากขนาดที่เล็กกะทัดรัดทำให้สามารถนำขึ้นไปจัดเก็บบนชั้นวางสัมภาระของเครื่องบินโดยสารเชิงพาณิชย์ รวมไปถึงระบบขนส่งรูปแบบอื่น ๆ เช่น รถไฟฟ้าหรือรถเมล์ประจำทาง
    .
    บริษัทผู้ออกแบบพัฒนายังเพิ่มความสามารถของสมาร์ตวีลแชร์ด้วยการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน บริการสั่งจองสมาร์ตวีลแชร์ล่วงหน้าในลักษณะเดียวกับบริการจองรถแท็กซี่โดยสารผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ผู้ใช้งานสามารถเลือกวีลแชร์ที่มีสถานะว่างพร้อมใช้งานและเดินทางไปรับสมาร์ตวีลแชร์ตามจุดให้บริการต่าง ๆ ที่บริษัทจัดวางเอาไว้ภายในบริเวณระบบขนส่งสาธารณะหลังจากใช้งานเสร็จสามารถนำวีลแชร์มาคืนยังจุดให้บริการเพื่อให้ผู้บริการคนอื่น ๆ ได้ใช้บริการต่อไป
    .
    นอกจากนี้ส่วนล้อของสมาร์ตวีลแชร์สามารถถอดออกเพื่อเปลี่ยนไปใช้งานกับจักรยานด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงของวงล้อขนาด 24 นิ้ว ทนทานต่อการใช้งานที่ต้องพบกับแรงกระแทกจากการปั่นจักรยานได้เป็นอย่างดี
    .
    ปัจจุบันบริษัทอยู่ในระหว่างออกแบบพัฒนาวีลแชร์ รถเข็นวีลแชร์อัจฉริยะให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเชิญชวนนักลงทุนหรือหน่วยงานรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมให้เกิดการใช้งานสมาร์ตวีลแชร์ในระบบขนส่งสาธารณะร่วมลงทุนกับทางบริษัท ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานที่เป็นผู้ป่วย ผู้พิการและผู้สูงอายุสามารถเดินทางไปยังสถานที่ได้ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
    .
    --------------------------
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UNและมหาอำนาจกดดันได้ผล ทหารพม่ายุติปฏิบัติการปิดล้อมคนหนุ่มสาวหลายร้อยในย่างกุ้ง
    หนุ่มสาวพม่าหลายร้อยคนที่ถูกกองกำลังด้านความมั่นคงปิดล้อมในย่านแห่งหนึ่งของเมืองย่างกุ้งเมื่อคืนที่ผ่านมา(8ม.ค.) สามารถออกมาได้แล้ว จากการเปิดเผยของนักเคลื่อนไหวในวันอังคาร(9มี.ค.) หลังมีเรียกร้องจากบรรดามหาอำนาจตะวันตกและสหประชาชาติให้ปล่อยพวกเขาออกมา
    ประชาชนหลายพันคนขัดขืนเคอร์ฟิวยามค่ำคืน ไหลบ่าสู่ท้องถนนสายต่างๆในเมืองหลักของพม่า เพื่อสนับสนุนบรรดาเยาวชนในย่านซานชอง บริเวณที่พวกเขาจัดการประท้วงรายวันต่อต้านรัฐประหาร 1 กุมภาพันธ์
    กองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจและควบคุมตัวนางอองซาน ซูจี ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง ฉุดพม่าเข้าสู่ความยุ่งเหยิง และนับตั้งแต่นั้นกองกำลังด้านความมั่นคงสังหารผู้ประท้วงไปแล้วมากกว่า 60 คนและจับกุมประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 1,800 คน
    ในซานซอง ตำรวจซึ่งยิงปืนและใช้ระเบิดแสงสกัดการชุมนุม แถลงในวันจันทร์(8มี.ค.) ว่าจะตรวจค้นบ้านเรือนประชาชนเพื่อตรวจสอบดูว่ามีบุคคลที่มาจากนอกเขตหรือไม่ และจะลงโทษชาวบ้านรายใดก็ตามหากพบว่าให้หลบซ่อนแก่บุคคลเหล่านั้น
    ชาร์ ยา มอน นักเคลื่อนไหวเยาวชนเล่าว่าเธอหลบอยู่ในอาคารหลังหนึ่งพร้อมกับคนอื่นๆราวๆ 15 ถึง 20 คน แต่ตอนนี้สามารถกลับบ้านได้แล้ว "มีรถฟรีมากกมาย และชาวบ้านให้การต้อนรับผู้ประท้วง" เธอให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ พร้อมสัญญาว่าจะเดินหน้าชุมนุมจนกว่าเผด็จการจะถึงจุดจบ
    ส่วนผู้ประท้วงอีกรายโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ เล่าว่าพวกเขาสามารถออกนอกพื้นที่ได้ตอนเวลาประมาณ 05.00น. หลังกองกำลังด้านความมั่นคงถอนตัวออกไป
    ก่อนหน้านี้ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ เรียกร้องกองทัพพม่า "อดทนอดกลั้นอย่างที่สุด" และปล่อยตัวพวกผู้ประท้วงทุกอย่างปลอดภัย โดยปราศจากการจับกุมหรือใช้ความรุนแรงใดๆ สอดคล้องกับเสียงเรียกร้องจากสถานทูตสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรในพม่า
    องค์กรสนับสนุนสิทธิมนุษยชนกลุ่มหนึ่งอ้างว่ามีประชาชนราว 50 คนถูกจับกุมระหว่างการตรวจค้นบ้านพักทั้งหลายในย่านซานชอง อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้อง ส่วนทางโฆษกของคณะรัฐประหารไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว
    สถานีโทรทัศน์ MRTV สื่อมวลชนแห่งรัฐรายงานก่อนหน้านี้ว่า "ความอดทนของรัฐบาลหมดลงแล้ว โดยในขณะที่พวกเขาพยายามลดความสูญเสียให้น้อยที่สุดในการหยุดยั้งพวกก่อจลาจล ประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งหวังเห็นเสถียรภาพ กำลังเรียกร้องให้ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ในการจัดการกับพวกก่อจลาจล"
    ในวันจันทร์(8มี.ค.) พบผู้ประท้วงเสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ใน ระหว่างการชุมนุมในเมืองมิตจีนา (Myitkyina) เมืองหลวงของรัฐกะฉิ่น ทางภาคเหนือของพม่า และในเมืองพยาโปน (Phyar Pon) ในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดี
    การประท้วงมีขึ้นทุกวันมานานกว่า 1 เดือนแล้ว ในข้อเรียกร้องปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี และขอให้เคารพผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ซึ่งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ( NLD)ของเธอ เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ
    กองทัพเข้ายึดอำนาจโดยอ้างว่ามีการโกลเลือกตั้ง ข้อกล่าวหาทางที่ทางคณะกรรมการเลือกตั้งปฏิเสธ พร้อมสัญญาจัดการเลือกตั้งใหม่ แต่ไม่ได้ระบุวันเวลาที่แน่ชัด
    (ที่มา:รอยเตอร์ส)
    =AZWpBOlSu0J4VghXfARCzq5hkzX86TAnnpWsvV8qjCZ9jW24QbUZjmquK_jDpwiY9uyo3kDAA-jRYva5RDtm1d1-CeiIT62XGKutFxXsrWm068IXScRMJ197nScg3CggFMguflPHYQtYLY7BCLn68Xdz3sjc9ssFEu_W9-kDna5Re-fuhAwLtoLT9syzsJVyWGlAVx6uuvFwVTcd0rVVsHhZKm1etfel0I8bBV6xQbftRxS_MwvE_1MV4DkidRK4FeI&__tn__=*bH-R'] tW6XJwhz92T7XhXqH_pIlwZ99UKuSTk09hSRMiUb-1P&_nc_ohc=fK7yK0HIMPQAX9pSiMe&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg



    Around the World
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ออสเตรเลียทดสอบ Loyal Wingman โดรนบินติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์
    .
    กองทัพอากาศออสเตรเลียทดสอบ Loyal Wingman โดรนบินติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์บริเวณฐานทัพอากาศเมืองวูเมราเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการบินรองรับการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์และภารกิจบินลาดตระเวนแบบไร้มนุษย์ควบคุม การทดสอบในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศออสเตรเลีย กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกาและบริษัทเอกชนด้านเทคโนโลยีการบินและอวกาศสหรัฐอเมริกา
    .
    Loyal Wingman โดรนบินติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์ถูกออกแบบให้สามารถปฏิบัติการโดยไม่จำเป็นต้องมีนักบินอยู่บนเครื่อง ลำตัวของโดรนบิน Loyal Wingman มีขนาดประมาณ 11.7 เมตร ขนาดใหญ่กว่าโดรนบินปกติทั่วไป เนื่องจากถูกออกแบบให้สามารถปฏิบัติภารกิจบินระยะไกลกว่า 3,700 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามข้อมูลทางเทคนิคของโดรนบินรุ่นนี้ส่วนใหญ่ยังถูกเก็บเป็นความลับ
    .
    ข้อมูลที่เปิดเผยบางส่วนเกี่ยวกับความสามารถในการปฏิบัติภารกิจร่วมกับเครื่องบินรบที่มีมนุษย์ควบคุมในลักษณะบินคุมกันและปฏิบัติการโจมตีทางอากาศแบบกลุ่ม (Airpower Teaming System) โดยมีเครื่องบินที่มีมนุษย์ควบคุมเป็นแกนกลางหลักของปฏิบัติการ เช่น เครื่องบินขับไล่โจมตี F-18E/F, เครื่องบินขับไล่ล่องหน F-35 Lightning และเครื่องบินเตือนภัยทางอากาศและบัญชาการรบ E-7A Wedgetail โดยเครื่องบินแต่ละลำจะมีโดรนบิน Loyal Wingman ร่วมปฏิบัติประมาณ 3 ลำ การทดสอบในครั้งนี้ถูกเลื่อนจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19
    .
    ปัจจุบันกองทัพในหลายประเทศกำลังปรับรูปแบบของกองทัพโดยการลดกำลังพลที่เป็นมนุษย์แต่เพิ่มเทคโนโลยีอาวุธด้านต่าง ๆ เข้ามาทดแทนเพื่อประหยัดงบประมาณ รวมไปถึงหากเกิดกรณีข้อพิพาทเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมสามารถเพิ่มความรวดเร็วในการโจมตี การป้องกันและลดโอกาสการเสียชีวิตของกำลังพลที่เป็นมนุษย์ ในปีที่ผ่านมาสงครามระหว่างประเทศอาร์มีเนียและอาเซอร์ไบจานกลายเป็นกรณีศึกษาหนึ่งของสงครามยุคใหม่ที่ใช้กองทัพโดรนบินไร้คนขับเข้าต่อสู้กัน กล่าวกันว่าเป็นสงครามของกองทัพโดรนบินไร้คนขับครั้งแรกของโลก
    .
    --------------------------
    “รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ #ThaiPBSSciAndTech #ThaiPBS
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตลับเมตรอัจฉริยะเทคโนโลยีเปลี่ยนรูปแบบการวัดให้ง่ายมากขึ้น
    .
    บริษัทสตาร์ทอัพในสหรัฐอเมริกาพัฒนาตลับเมตรอัจฉริยะทำงานวัดได้บนพื้นผิวที่มีรูปแบบหลากหลายสามารถทำงานวัดต่อเนื่องความยาวมากกว่า 10 เมตร พร้อมหน้าจอแสดงผลการวัดตามเวลาจริงด้วยระบบดิจิทัล แก้ปัญหาการใช้งานอุปกรณ์สายวัดแบบเดิมที่ผู้ใช้งานมักประสบปัญหาด้านความเที่ยงตรงถูกต้องของขนาดความยาว รวมไปถึงการจัดเก็บอุปกรณ์สายวัดที่มีความยุ่งยาก
    .
    ตลับเมตรอัจฉริยะถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กพกพาได้สะดวกมีขนาดของขอบด้านนอกและหน้าจอแสดงผลประมาณ 2.04 นิ้ว วัสดุภายนอกใช้สแตนเลสสตีลที่มีความคงทนแข็งสูง โครงสร้างภายในใช้อลูมิเนียมอัลลอย ติดตั้งเทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจจับระยะทางอย่างแม่นยำเมื่อผู้ใช้งานลากตลับเมตรอัจฉริยะผ่านผิวที่ต้องการวัดระยะ ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งเข้าประมวลผลโดยชิปคอมพิวเตอร์แบบ OVA 2.0 ซึ่งทางบริษัทผู้พัฒนากล่าวว่ามีความแม่นยำในการประมวลผลมากขึ้น 60% ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยลง 25% และประมวลผลรวดเร็วมากขึ้น 37% เมื่อเปรียบเทียบกับชิปคอมพิวเตอร์ปกติทั่วไป ระบบการแสดงผลใช้การแสดงผลผ่านหน้าจอด้านข้างของตลับเมตรอัจฉริยะ นอกจากนี้ตลับเมตรอัจฉริยะยังสามารถบันทึกข้อมูลการวัดเอาไว้เพื่อบันทึกการใช้งานในครั้งต่อไป
    .
    บริษัทผู้วิจัยพัฒนาตลับเมตรอัจฉริยะเน้นกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นนักออกแบบแฟชั่น ออกแบบสถาปนิกซึ่งเป็นลักษณะการทำงานที่ต้องการความละเอียดของการวัดที่แม่นยำเพื่อสร้างชิ้นส่วนชิ้นงานในรูปแบบต่าง ๆ ภายหลังจากการใช้งานตลับเมตรอัจฉริยะสามารถจัดเก็บตลับเมตรอัจฉริยะได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องม้วนสายวัดที่มีความยาวหลายเมตร
    .
    ปัจจุบันบริษัทเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถสั่งจองตลับเมตรอัจฉริยะได้ผ่านทางเว็บไซต์ โดยมีผู้สนใจสั่งซื้อตลับเมตรอัจฉริยะไปแล้วมากกว่า 10,000 ชิ้นจาก 50 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ในระหว่างการระดมทุนผ่านทางเว็บไซต์ระดมทุนชั้นนำในต่างประเทศเพื่อพัฒนาสินค้าเทคโนโลยีอัจฉริยะใหม่ ๆ เพิ่มเติม
    .
    --------------------------
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในประเทศญี่ปุ่น ประจำวันที่ 9 มีนาคม 2564

    - ผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศ (สถานะ 8 มี.ค. 64) 440,580 คน (เพิ่มขึ้น 600 คน)

    - จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มรายวันมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงโตเกียว 116 คน จังหวัดชิบะ 73 คน จังหวัดไซตามะ 65 คน จังหวัดฮอกไกโด 63 คน จังหวัดคานากาวะ 59 คน

    - ผู้เสียชีวิตสะสม 8,308 คน (เพิ่มขึ้น 45 คน)

    - ผู้ติดเชื้ออาการรุนแรง 380 คน

    - ผู้ที่รักษาหายสะสม 419,229 คน (เพิ่มขึ้น 968 คน)

    1f50e.png พัฒนาการและมาตรการสำคัญ
    - กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นรายงานว่า มีชาวญี่ปุ่นขอรับคำปรึกษาด้านกฎหมายเกี่ยวกับ COVID-19 ในประเด็นการถูกเหยียดและแบ่งแยกอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะเวลา 1 ปี จนถึงเดือน ก.พ. 64 นั้น มีถึง 2,380 กรณี ตัวอย่างของการถูกเหยียด เช่น การถูกปฏิเสธการใช้หรือเข้าสถานที่บางแห่ง หรือถูกผู้ร่วมงานรังเกียจว่าเป็นตัวนำเชื้อโรคมาติด กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นจึงได้จัดตั้งเว็บไซต์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
    - สมาคมเบสบอลอาชีพญี่ปุ่นและสมาคมฟุตบอลอาชีพญี่ปุ่น (J League) ได้กำหนดแนวทางการดำเนินการกรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ก่อนการแข่งขัน โดยจะตรวจหาเชื้อเพิ่มอีกครั้งก่อนเริ่มการแข่งขัน สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่ต้องยกเลิกการแข่งขันระหว่างทีม Gamba Osaka และทีม Nagoya Grampus เมื่อ 3 มี.ค. 64 เนื่องจากนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีม Gamba Osaka ได้รับผลตรวจว่าติดเชื้อไวรัส COVID-19

    รายละเอียดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศตาม link สำนักข่าว NHK https://www3.nhk.or.jp/news/special/coronavirus/data-all/

    รายละเอียดผู้ติดเชื้อรายจังหวัดตาม link สำนักข่าว NHK https://www3.nhk.or.jp/news/special/coronavirus/data/

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1 > ภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกประสบปัญหาจากการรุกรานของตั๊กแตนในทะเลทรายมาต่อเนื่อง โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศโลกทำให้ตั๊กแตนขยายพันธุ์เป็นจำนวนมาก และได้ทำลายพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งต้นไม้เป็นพื้นที่กว้างขวาง

    2 > เคนยาคือหนึ่งในประเทศที่เจอกับปัญหานี้จังๆ และกำลังต่อสู้กับตั๊กแตนที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี และพื้นที่การเกษตรประมาณ 70,000 เฮกตาร์ ถูกทำลายไปแล้ว จากพื้นที่ทั้งหมดในภูมิภาคที่เกิดการระบาดจากตั๊กแตนในเดือนเมษายน 2563 ประมาณ 2.25 ล้านเฮกตาร์

    3 > แต่บริษัท The Bug Picture ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพเห็นวิกฤตเป็นโอกาสโดยเกิดไอเดียจะเปลี่ยนศัตรูทางการเกษตรให้เป็นกำไร ก่อนที่พวกมันจะทำลายพื้นที่เพาะปลูกและทุ่งหญ้าของแอฟริกาที่มีมากกว่า 90 ล้านเฮกตาร์ ซึ่งอาจจะเกิดความสูญเสียมากถึง 9,000 ล้านดอลลาร์ในอนาคตข้างหน้า

    4 > ไอเดียที่ว่าคือการเปลี่ยนตั๊กแตนมาเป็นอาหารสัตว์ เพราะตั๊กแตนนั้นอุดมไปด้วยโปรตีน ทาง The Bug Picture จึงทำงานร่วมกับชุมชนทางตอนกลางของเคนยาเพื่อจับตั๊กแตนมาบดเป็นอาหารสัตว์ รวมทั้งนำมาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์สำหรับฟาร์มเกษตร

    5 > จากประมาณการพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตรมีตั๊กแตนมากถึง 40-80 ล้านตัว ฉะนั้นการจับไม่ใช่เรื่องง่าย The Bug Picture จึงวางแผนโดยการใช้วิธีซุ่มจับพวกมันในเวลากลางคืน โดยใช้ไฟฉายตอนที่พวกมันพักผ่อนตามพุ่มไม้และต้นไม้ เนื่องจากกลางวันมันรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่และกรูกันเข้ากัดกินพืช

    6 > The Bug Picture จ้างให้ชาวบ้านเป็นคนจับตั๊กแตนกิโลกรัมละ 50 ชิลลิงเคนยา (ประมาณ 14 บาท) ระหว่างวันที่ 1-18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี้ สามารถจับตั๊กแตนได้ 1.3 ตัน จากนั้นก็นำไปบดรวมทั้งทำให้แห้ง ป่นและแปรรูปเป็นผงแล้วนำไปเป็นอาหารสัตว์และปุ๋ยอินทรีย์

    7 > วิธีการนี้ไม่ใช่แค่ช่วยประชาชนพ้นจากวิกฤตเฉพาะหน้า แต่ยังช่วยแก้ปัญหาระยะยาวได้ด้วย เพราะความท้าทายที่สำคัญที่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในแอฟริกาตะวันออกโดยรวมต้องเผชิญคือแหล่งโปรตีนสำหรับอาหารสัตว์ที่ไม่ค่อยคงที่ การนำตั๊กแตนมาทำอาหารสัตว์จึงช่วยอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ได้ เพราะปศุสัตว์เป็นแหล่งอาหารสำคัญของคนในภูมิภาคนี้

    8 > เพราะภายในปี 2593 ประชากรของแอฟริกาตะวันออกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ความต้องการเนื้อสัตว์จะเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตามปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมที่เพิ่มขึ้น The Bug Picture จึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาอาหารและอาหารสัตว์สำหรับอนาคตโดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยลงและไม่ทำลายโลกระหว่างการผลิตอาหาร

    9 > นอกจากนี้ การผลิตโปรตีนแบบดั้งเดิมสำหรับเป็นอาหารสัตว์กำลังทำลายป่าไม้ของโลก นั่นคือการรุกที่ป่าเพื่อใช้ปลูกถั่วเหลืองและทำลายประชากรปลาด้วยการนำมาทำปลาป่น แต่ The Bug Picture ใช้ประโยชน์จากแมลง (ส่วนเกิน) ในการเปลี่ยนส่วนเกินที่คุกคามมนุษย์ให้เป็นโปรตีนทางเลือกที่ยั่งยืนและปุ๋ยชีวภาพที่ผลิตในประเทศและด้วยราคาที่แข่งขันได้ในตลาด

    ข้อมูลจาก
    Baz Ratner. (Mar 04, 2021). "Farmers fight back: Making animal feed from a locust plague". WEF.
    Sarah Jackson. (Feb 23, 2021 ). "Kenyan farmers are turning crop-eating locusts into sustainable animal feed". CBC Radio
    เครดิตภาพ : reuters
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 รายงานว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 60 ราย ติดเชื้อในประเทศ 43 รายและจากต่างประเทศ 17 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยตอนนี้มีผู้ป่วยกำลังรักษาตัวอยู่ทั้งหมด 565 ราย รักษาหายแล้วทั้งหมด 25,851 ราย ยอดรวมผู้ติดเชื้อทั้งหมด 26,501 ราย
    .
    ในประเทศ 43 ราย จากสมุทรสาคร 38 ราย, กทม. 1 ราย, ปทุมธานี 3 ราย และนนทบุรี 1 ราย
    .
    #โควิด19 #Covid19 #สถานการณ์โควิด19วันนี้ #ศบค #ยอดติดเชื้อโควิด #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อมูลใหม่ชี้ 2 ใน 3 ของป่าฝนเขตร้อนทั่วโลก ถูกทำลายไปแล้ว และกำลังเสื่อมโทรม | ทุกๆ 6 วินาที โลกสูญเสียป่าขนาด 1 สนามฟุต

    องค์กรไม่แสวงกำไรด้านป่าไม้นอร์เวย์เผยว่าการตัดไม้ทำลายป่า และการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ โดยเฉพาะเพื่อการทำการเกษตรนั้นได้ทำลายพื้นที่ป่าฝนเขตร้อนดั้งเดิมไป 34% และอีก 30% นั้นก็เป็นพื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า และถูกทำลายมากขึ้น

    การทำลายส่วนใหญ่กว่าครึ่งอยู่ในป่าแอมะซอน อเมริกาใต้ และพื้นที่รอบๆ นับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา และเมื่อป่าถูกทำลายมากขึ้นก็ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และยากที่ป่าที่เหลือจะอยู่รอด ในปี 2019 อัตราการสูญเสียพื้นที่ป่าอยู่ที่ ราว 1 สนามฟุตบอลต่อทุกๆ 6 วนาที

    ป่าแอมะซอนในบราซิลถูกกดดันอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เมื่อเกษตรกรรมเติบโตมากขึ้น ทำให้เกษตรกรต้องใช้พื้นที่เพื่อปลูกพืชต่างๆ อย่างถั่วโลก และเลี้ยงวัว ซึ่งมีแนวโน้มที่จะแย่ลงในช่วงของประธานาธิบดี Jair Bolsonaro ที่ทำให้กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมอ่อนแอลง

    ป่าในแอมะซอนถูกทำลายมากที่สุด และแอมะซอนก็เป็นความหวังในการอนุรักษ์ป่าที่เหลือ เนื่องจากพื้นที่ในบริเวณนี้คิดเป็น 73.5% ที่ยังคงสมบูรณ์อยู่ แม้มีป่ามากที่สุด แต่ก็ถูกทำลายมากที่สุด

    รองลงมาก็คือป่าไม้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะในเกาะต่างๆในอินโดนีเซีย ที่ถูกทำลายมากขึ้นเช่นกัน และส่วนใหญ่พื้นที่ถูกใช้เพื่อการปลูกปาล์ม

    อันดับสามคือป่าในแอฟริกากลาง เนื่องจากการทำเกษตรกรรม และการตัดทำไม้

    ที่มา

    https://www.reuters.com/.../two-thirds-of-tropical...

    https://graphics.reuters.com/.../CLIMATE-CHANGE-FORESTS...
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    SPACE : NASA เผยแพร่ภาพฝุ่นจากทะเลทรายซาฮาราถูกลมพัดเข้าสู่มหาสมุทรแอตแลนติกซึ่งมีปริมาณมากกว่า 180 ล้านตัน และจะกระจายไปตามกระแสลมทั่วโลก ภาพเหล่านี้ถูกบันทึกดาวเทียม NOAA-20 Spacecraft เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
    .
    ฝุ่นเหล่านี้คือพายุทะเลทรายที่เราคุ้นเคยกันผ่านภาพยนตร์ มันจะถูกพัดพากระจายไปทั่วโลกซึ่ง ส่วนใหญ่จะถูกพัดเข้ามหมาสมุทรแอตแลนติกไปยังอเมริกา และอีกส่วนหนึ่งจะพัดแผ่กระจายไปยังยุโรปจนลามมาถึงเอเชีย
    .
    ฝุ่นเหล่านี้ทำให้คุณภาพอากาศต่ำลง และเป็นส่วนประกอบหนึ่งของฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทย นอกจากคุณภาพอากาศแล้ว พวกมันยังตกลงไปปนเปื้อนกับน้ำที่สัตว์ต่าง ๆ กินรวมทั้งมนุษย์อีกด้วย และยังสามารถทำให้หิมะละลายเร็วขึ้น
    .
    อย่างไรก็ตามมันก็มีหน้าที่ในเรื่องสภาพภูมิอากาศของโลก รวมถึงระบบชีววิทยา โดยการดูด และสะท้อนพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงเป็นปุ๋ยชั้นดีให้แก่แอมะซอน และเติมเต็มทราย พร้อมกับธาตุเหล็ก และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่สำคัญต่อการเติบโตของพืช และแพลงก์ตอน
    .
    ในปัจจุบันทะเลทรายซาฮารานั้นแผ่ขยายกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ จากภาวะโลกร้อนและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง นั่นหมายความว่าฝุ่นทะเลทรายนี้จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกปี จนปริมาณของมันสามารถมองเห็นจากอวกาศได้
    .
    Source :
    1. https://earthobservatory.nasa.gov/.../saharan-dust...

    เรียบเรียง : Witit
     

แชร์หน้านี้

Loading...