ติดตามสถานะการณ์

Day 9: วันที่เก้าของการ Lockdown ในมอสโก

( ๗ เมษายน ๒๕๖๓ )

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินได้ส่งโทรเลขไปยัง บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการวินิจฉัยว่าได้รับเชื้อโคโรนาไวรัส โดยข้อความโทรเลขได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์เครมลินว่า

“ ผมขอส่งกำลังใจที่จริงใจของฉันให้คุณในช่วงเวลานี้” ประธานาธิบดีกล่าว "ผมมั่นใจว่าพลังงานความคิดแง่บวกและอารมณ์ขันของคุณจะช่วยให้คุณเอาชนะความเจ็บป่วย"

"ผมขอให้คุณฟื้นตัว และหายจากการป่วยโดยเร็ว “

Russian President Vladimir Putin has sent a telegram to the UK Prime Minister Boris Johnson, who earlier was diagnosed with the coronavirus disease, expressing his support and wish for the prime minister to defeat the illness. The telegram text has been published on the Kremlin website.

"I would like to express my sincere support in this trying time," the president said. "I am certain that your energy, optimism and sense of humor will help you to defeat the illness."

"I sincerely wish you fast and complete recovery," he added.

© Source : TASS

© Photo : Alexei Druzhinin/Russian Presidential Press and Information Office/TASS

© Photo : Reuters / Pool / Leon Neal

© Photo : Reuters / Luke Macgregor

© Photo : REUTERS/Henry Nicholls

 

#Meteor #fireball
// ลูกไฟ(ดาวตก)ที่สว่างมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเนเธอร์แลนด์ //
07/04/20
ลูกไฟที่สว่างมากพุ่งทะลุท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือใกล้กับชายแดนเยอรมนี เมื่อเวลาประมาณ 21:44 UTC (23:44 LT) ในวันที่ 4 เมษายน 2020 ซึ่งก่อนหน้านี้ มีลูกไฟ(ดาวตก) 2 ลูกภายในหนึ่งชั่วโมง ระเบิด เหนือท้องฟ้าเบลเยียม ใน วันที่ 1 เมษายน 2020
ตามด้วยดาวตก อีกลูก ทางเหนือของเยอรมกัน.เพียงสองชั่วโมงครึ่งต่อมา

American Meteor Society (AMS) ได้รับรายงาน 449 เรื่อง เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวโดยมีพยานอยู่ที่เมืองเฟนตันประเทศอังกฤษ

ลูกไฟ ดาวตก ถูกพบเห็น ที่ อิลเดอฟรองซ์และแกรนด์เอสต์ในประเทศฝรั่งเศส ; เบอร์ลิน,ฮัมบูร์ก,นีเดอร์ซัคเซน,นอร์ดริน - เวสต์ฟาเลนและเบรเมนในเยอรมัน ; เดนมาร์ก; District de Luxembourg; อังกฤษ; เบลเยียม; เดรันต์, เฟลโวลันด์, ฟรีสลันด์, โกรนินเกน, Overijssel, นอร์ทบราแบนต์, ตอนเหนือ ฮอลแลนด์ และเกลเดอร์แลนด์ในเนเธอร์แลนด์

ตามเส้นทางการคำนวณของ AMS ดาวตกเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงใต้ถึงทิศตะวันตกเฉียงเหนือใกล้กับชายแดนดัตช์ - เยอรมัน
reports : https://fireball.amsmeteors.org/members/imo_view/event/2020/1587
Image credit: FRIPON,AllSky7,Reinder F./AMS
AMS event #1587-2020

AMS event #1587-2020

AMS event #1587-2020

AMS event #1587-2020

#Watchers

 

ด่วน! สุราษฎร์ฯ สั่งปิดโรงแรม-ที่พัก ป้องกัน “โควิด 19” ฝ่าฝืนเจอโทษทั้งจำ ทั้งปรับ

วันที่ 7 เม.ย. นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงนามคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรื่อง “มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19)” โดยมีเนื้อหาระบุว่า ให้ปิดโรงแรมที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ โรงแรมตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 ทุกประเภท และสถานประกอบการที่เปิดให้บริการที่พักในลักษณะเดียวกันทุกแห่ง ยกเว้นโรงแรมซึ่งทางราชการใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม หรือสถานที่พักเพื่อกักกันไว้สังเกตุอาการ หรือใช้เพื่อประโยชน์อื่นใดในทางราชการ ในการแก้ปัญหาตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมการแพทยระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ตั้งแต่วันที่ 8-30 เม.ย.2563

ส่วนโรงแรมที่มีผู้เข้าพักอยู่ก่อนคำสั่งมีผลบังคับใช้ให้พักต่อไปจนกว่าผู้เข้าพักแล้วแจ้งออกจากห้องพักจนหมดแล้ว ให้ปิดในทันทีโดยไม่ให้มีการรับผู้เข้าพักเพิ่มอีก ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ความผิดต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

The post ด่วน! สุราษฎร์ฯ สั่งปิดโรงแรม-ที่พัก ป้องกัน “โควิด 19” ฝ่าฝืนเจอโทษทั้งจำ ทั้งปรับ appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

ตัดวงจร / เหมือน ไทย

สิงคโปร์ประกาศ ‘มาตรการตัดวงจร’ ให้ทำงาน-เรียนที่บ้าน หลังพบผู้ป่วยโควิด-19 ไม่ทราบที่มา

เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 3 เมษายน 2563 นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลีเซียนลุง ได้ประกาศใช้มาตรการตัดวงจร (Circuit Breaker) ทั่วประเทศ เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน โดยให้ปิดสถานที่ทำงาน ปิดโรงเรียน รวมถึงกำชับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เนื่องจากเคสที่เพิ่มมาในประเทศ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มแพร่เชื้อเดิม

โดยสองสัปดาห์ที่ผ่านมา สิงคโปร์มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มวันละกว่า 50 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเคสที่มาจากต่างประเทศ ต่อมาในสัปดาห์ที่แล้ว ยอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยรัฐบาลไม่สามารถติดตามได้ว่าได้รับเชื้อไวรัสมาจากที่แห่งไหน ดังนั้น ท้องถนนสิงคโปร์ในตอนนี้ อาจมีอีกหลายคนที่ติดเชื้อ เพียงแต่ไม่รู้ตัว

ดังนั้น รัฐบาลสิงคโปร์จึงตัดสินใจดำเนินมาตรการตัดวงจร โดยมีมาตรการ 3 ด้าน ด้านแรก ปิดสถานที่ทำงานทั้งหมดของประเทศ เหลือแต่เพียงภาคส่วนที่จำเป็นเท่านั้น อาทิ ร้านขายของชำ ซูเปอร์มาร์เก็ต คลินิก โรงพยาบาล ระบบขนส่งมวลชน และสถาบันทางการเงินที่สำคัญ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายนเป็นต้นไป

ด้านที่สอง ภายในวันที่ 8 เมษายน สถาบันการศึกษาในระดับประถมศึกษาและสูงขึ้นไปทั้งหมดต้องเปลี่ยนสู่ Homebase Learning โดยกระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์จะช่วยเหลือและทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาอย่างใกล้ชิด เนอสเซอรี่และสถานดูแลเด็กเล็กให้ทยอยปิดตัว

ด้านที่สาม ขอความร่วมมือลดการเดินทางสัญจรของประชาชน ให้อยู่ที่บ้านมากเท่าที่ทำได้ หลีกเลี่ยงการพบปะกับบุคคลภายนอกครอบครัว และไม่ควรหรือต้องระมัดระวังเมื่อต้องใกล้ชิดผู้สูงอายุ สาม หากต้องเดินทางขอให้เป็นในกรณีที่จำเป็น อาทิ ทำงาน ซื้อของใช้จำเป็น หรือออกกำลังกายเท่านั้น

ในกรณีที่เดินทางออกข้างนอก ขอความร่วมมือให้ประชาชนสวมใส่มาสก์ไม่ว่าจะมีอาการป่วยหรือไม่ก็ตาม เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสจากกลุ่มที่ไม่แสดงอาการ ซึ่งในวันที่ 5 เมษายนนี้ รัฐบาลสิงคโปร์จะแจกหน้ากากแบบใช้ซ้ำได้ให้กับทุกครัวเรือน

ลีเซียนลุง แสดงความมั่นใจด้วยว่า ถึงแม้มาตรการนี้จะทำให้ชาวสิงคโปร์ไม่ได้รับความสะดวกสบายในชีวิต แต่ขอให้ทุกคนมั่นใจได้ว่าระบบที่สำคัญทั้งหมดของประเทศยังคงทำงาน ไม่ต้องกักตุนสินค้าเพราะอาหารมีเหลือพอสำหรับช่วงเวลานี้และวันข้างหน้า ทุกคนยังสามารถรับประทานอาหารหรือออกไปซื้อกาแฟได้อย่างปกติ เพียงแต่ขอให้นำกลับมาที่บ้าน แทนการดื่มกินกับเพื่อนฝูง นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่าได้เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจและครัวเรือนเพิ่มเติม โดยจะประกาศภายในวันจันทร์ที่ 6 เมษายนนี้

เขาทิ้งท้ายไว้ว่าขอขอบคุณผู้ที่ทำงานรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่างหนักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ในสัปดาห์ข้างหน้านี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการแพร่ระบาด และชาวสิงคโปร์ทุกคนคือแนวหน้าที่ต้องเผชิญสถานการณ์นี้ด้วยกัน มันอาจจะเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน และถ้าหากประเทศไหนจะผ่านมันไปได้ สิงคโปร์คือหนึ่งในนั้น



ภาพ: REUTERS/Edgar Su

 

‘ชาวหูเป่ย’ ทยอยกลับมาทำงาน
.
1/ มณฑลหูเป่ย ตอนกลางของจีน เป็นพื้นที่ต้นกำเนิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ประชาชนชาวหูเป่ยและธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการชัตดาวน์ทั้งมณฑล
.
2/ แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ชาวหูเป่ยทยอยกลับมาทำงานในภาคธุรกิจต่างๆแล้วราว 5.57 ล้านคน จากจำนวนนี้ 3.46 ล้านคนต้องกลับไปทำงานนอกพื้นที่หูเป่ย โดยไปทำงานที่มณฑลกว่างตง เจ้อเจียง และเจียงซู มากที่สุด
.
3/ ทางการมณฑลหูเป่ยมีบริการอย่างดีครับ เตรียมรถโดยสารกว่า 22,600 คัน และรถไฟอีก 60 ขบวน ไว้ขนส่งแรงงานไปสู่สถานที่ทำงานนอกมณฑล ต้อนรับธุรกิจ โรงงาน กิจการต่างๆที่กลับมาดำเนินกิจการ
.
4/ สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในหูเป่ย วันจันทร์ที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ / จำนวนผู้ป่วยทั้งหมดนับตั้งแต่เกิดการระบาดคือ 67,803 คน จากจำนวนนี้ มากถึง 50,008 คนอยู่ในอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย
.
5/ ในภาพรวม ทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ หน่วยงานสาธารณสุขของจีนรายงานว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มรายวันเป็นครั้งแรก ขณะที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 3,331 คน
.
6/ แต่พบผู้ป่วยใหม่ 32 คน ทั้งหมดเป็นบุคคลที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ทำให้เพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อเป็น 81,740 คน รักษาหาย 77,167 คน เหลือผู้ป่วยอีกเพียง 1,242 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยหนัก 211 คน
.
7/ ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อ แต่ไม่แสดงอาการ มีทั้งสิ้น 1,033 คน ข้อมูลนี้จีนเริ่มเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่่ผ่านมา
.

 

ผู้ป่วยต่อวันเริ่มลด
ปิดทาง "เคอร์ฟิว" 24 ชั่วโมง
ปัญหา "ใกล้จบ" หรือแค่ "เพิ่งเริ่ม
•
•
คำถามสำคัญที่อยู่หลังคำสั่ง “เคอร์ฟิว” ห้ามออกนอกบ้าน 22.00 – 04.00 น. ของวันรุ่งขี้น ก็คือ มีเหตุและปัจจัยใด ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจเช่นนั้น
•
เพราะนี่คือคำสั่ง ที่ออกมาตามหลังจากหลายจังหวัด ใช้อำนาจผู้ว่าราชการ จัดการกันไปเองเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต แม่ฮ่องสอน นนทบุรี หรือแม้กระทั่งกรุงเทพมหานคร ก็สั่งปิดกิจการ ในเวลาค่ำคืนเกือบทั้งหมด ซึ่งก็เป็นมาตรการกลายๆ คือห้ามคนออกนอกบ้าน
•
หากสังเกตให้ดี ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ก็จะพบว่า การแถลงข่าวรายวันของทั้งศูนย์โควิด ของทั้งกระทรวงสาธารณสุข โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ล้วนพูดไปในทำนองเดียวกันว่า คนยังใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมากเกินไป ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยยังไม่ “เห็นผล” เท่าที่ควร
•
แน่นอน ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเด็กแว้น หรือกลุ่มที่สังสรรค์ยามค่ำคืนเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการออกไปใช้ชีวิตประจำวัน ไปทำงานออฟฟิศ หรือแม้แต่หน่วยงานราชการหลายแห่ง ก็ยังคราคร่ำไปด้วยผู้คน
•
เป็นเหตุสำคัญให้ทีมแพทย์ เริ่มวิตกกังวลว่า หากอัตราผู้ป่วยยังเพิ่มวันละ 100 กว่าคนแบบนี้ ในที่สุด โรงพยาบาล และระบบสาธารณสุข จะไม่สามารถรองรับได้
•
โชคดีที่ในระยะหลัง จำนวนผู้ป่วยเริ่มลดลง เหลือวันละไม่ถึง 100 คน และล่าสุดเหลือเพียงวันละ 38 คน จนทำให้กราฟ เริ่ม “ดูดี” ขึ้น
•
แต่ปัจจัยแวดล้อมที่ยังอยู่ก็คือ มีอะไรที่ “ซ่อน” ไว้ใต้ตัวเลขอันสวยงามนี้หรือไม่ หรือแท้จริงแล้ว เรายัง “เทสต์” ไม่พอ และทำให้คนเข้าถึงการเทสต์ หรือเข้าเกณฑ์ PUI ได้น้อยไป
•
ปัญหาสำคัญของการเทสต์ในบ้านเราก่อนหน้านี้ก็คือ ถ้าตรวจมาก แล้วบังเอิญเจอมาก โรงพยาบาล จะรับไม่ไหว แพทย์ - พยาบาล จะทำงาน “โหลด” เกินไป แล้วก็จะมีพวกที่ “หวาดระแวง” ไอนิดหน่อย ก็จะไปตรวจกันหมด เลยตรวจแบบ “ค่อยเป็นค่อยไป” ดีกว่า
•
กับอีกส่วนหนึ่งคือชุดตรวจ น้ำยาตรวจ และแล็บตรวจ ไม่เพียงพอ เพราะประเทศไทย เตรียมรับมือกับการตรวจจำนวนมากๆ ไว้ไม่เยอะเท่าไร
•
ปัญหาสำคัญก่อนหน้านี้ก็คือ พอตรวจน้อย เจอน้อย เราก็เลยมีหลายเคสที่ “หลุด” เป็นต้นว่า พนักงานขับรถไฟ ที่ปทุมธานี ซึ่งตรวจเจอที ก็เสียชีวิตเลย หรือเคสผู้ป่วยที่นนทบุรีก่อนหน้านี้ ที่ไม่สามารถ “ตรวจฟรี” ที่โรงพยาบาลรัฐได้ เนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์
•
ราวต้นเดือน มี.ค. มีหมอผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อบางสาย ที่เสนอให้ “ล็อกดาวน์” ปิดเมือง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แล้วสั่งชุดตรวจมาเตรียมไว้ ก่อนที่จะระดมตรวจเชื้อให้มากที่สุด เพื่อจัดการให้จบ
•
แต่ความเห็นดังกล่าวกลายเป็นเสียงส่วนน้อย เพราะเสียงจากนักระบาดวิทยาอีกสาย ประเมินว่าไทยยังไม่ได้จำเป็นถึงขั้นนั้น ขณะเดียวกัน ชุดตรวจก็ยังมีจำกัด ไทยไม่สามารถผลิตได้เอง และแล็บตรวจก็มีจำนวนไม่พอแน่ๆ หากต้องตรวจมากขนาดนั้น
•
แล้วต้องไม่ลืมว่า หากเปิดให้ตรวจอิสระเสรีเมื่อไหร่ จะมีคนที่ไม่ได้ป่วยจริง ไม่ได้มีความเสี่ยงจริง แห่กันไปตรวจมาก ซึ่งเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ
•
แต่แน่นอน นั่นเป็นเรื่องก่อนการระบาดที่ “สนามมวย” และก่อนที่จะพบว่า มีการแพร่เชื้อในผับบาร์ทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งเรื่องเพิ่งจะมาแดงในช่วงเวลาเดียวกัน
•
ถึงตอนนั้น โควิด – 19 ก็เดินทางไปทั่วประเทศ และเริ่มมีผู้ป่วยมากขึ้นตามต่างจังหวัด โดยที่จำนวนหนึ่งไม่ได้เกี่ยวกับสนามมวย ไม่ได้เกี่ยวกับสถานอโคจร แต่ก็ไม่สามารถไปตรวจฟรีได้อยู่ดี เพราะโรงพยาบาลระบุว่า ชุดตรวจ น้ำยาตรวจ และแล็บตรวจมีจำกัด ครั้นจะไปโรงพยาบาลเอกชน ค่าตรวจก็ยังค่อนข้างสูง
•
กลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยบ้านเราอยู่ในระดับ “คงที่” เพราะศักยภาพในการตรวจสามารถทำได้แค่นั้น.. และนโยบาย ก็ “ขยับ” ตามสถานการณ์ไม่ทัน..
•
ครั้นจะไปใช้นโยบายล็อกดาวน์ แล้วระดมตรวจก็ไม่ทันแล้ว เมื่อไม่สามารถเพิ่มศักยภาพการตรวจได้ทัน ก็ต้องงัดอีก “ไม้แข็ง” เข้ามาว่าด้วยการคุมการเดินทาง คุมการสัญจร เพื่อลดการเคลื่อนย้ายผู้คน ลดโอกาสการติดต่อให้ได้มากที่สุด
•
แต่ในศูนย์โควิด ก็ดันมีเสียงจากอีกสาย ที่บอกว่า “ล็อกดาวน์” ด้วยการปิดออฟฟิศ ปิดธุรกิจ ปิดโรงงาน อาจไม่ได้มีผลบวกเท่าไหร่ และไม่ได้มีหลักประกันว่าจะ “จบ” ในเวลาอันรวดเร็ว
•
ยกตัวอย่างเช่น ในอิตาลี ในสเปน นั้น ล็อกดาวน์กันมานาน 1 เดือน หรือในมาเลเซีย ที่ล็อกดาวน์นาน 2 อาทิตย์เศษ แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต ก็ยังไม่ได้ลดลงจนน่าพอใจ แล้วเมื่อใดก็ตามที่ตัดสินใจล็อกดาวน์แล้ว จะไม่สามารถตัดสินใจ “ยกเลิก” กลางคันได้ หากไม่เป็นผล ก็ต้อง “ล็อคดาวน์” ลากยาวต่อเนื่องไปอีก
•
ไม่ใช่ว่ากันแค่ 7 วัน หรือ 14 วัน แต่อาจต้องล็อกดาวน์ ปิดบางจังหวัด หรือปิดประเทศอย่างน้อยเป็นเดือน...
•
เมื่อต้องปิดประเทศยาวนานขนาดนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เศรษฐกิจจะพังพาบไม่มีชิ้นดี อาชญากรรม จะพุ่งสูงขึ้นสุดขีดตามไปด้วยจากปัญหาการว่างงาน นั่นเป็นเหตุให้ประยุทธ์ เลือกใช้วิธีปิดแบบ “อะลุ้มอล่วย” จาก 4 ทุ่ม ถึงตี 4 ไปก่อน
•
ต้องไม่ลืมว่า ณ ขณะนี้ มีอยู่พื้นที่เดียว ที่ประสบความสำเร็จกับการ “ล็อคดาวน์” นั่นคือที่มณฑลหูเป่ย เพราะสามารถระดมตรวจ จำกัดวงการแพร่เชื้อ และทยอยรักษาผู้ป่วยได้ทัน
•
แต่นั่นหมายความว่าต้องใช้ “กำลังทหาร” คุมเข้มการเดินทาง ปิดถนนทุกสายที่เข้าออกเมือง ปิดการเดินทางทุกรูปแบบ รวมถึงใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มข้นในการจัดการคนที่ฝ่าฝืน
•
แน่นอน ไทยยังไม่กล้าใช้มาตรการถึงขั้นนั้น สังเกตได้ชัดว่า แม้แต่เอากำลังทหารออกมา ก็ยังไม่กล้า.. เพราะมีปัจจัยทางการเมืองบางอย่างเบื้องหลัง
•
การตัดสินใจ “ล็อกดาวน์” 24 ชั่วโมง ในมุมของประยุทธ์ จึงต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพราะต้องแบกความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ตามมาด้วย ไม่ใช่เรื่องไวรัสอย่างเดียว
•
อย่างไรก็ตาม เมื่อกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันจะเพิ่มแล็บ และเพิ่มจำนวนการตรวจให้มากขึ้น จนถึง 1 – 2 หมื่นคนต่อวัน สิ่งที่คนไทยจะต้องเจอ อาจเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อที่มากขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ เพราะหมายความว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เคยซุกไว้ “ใต้พรม” นั้นค่อยๆ เปิดออกมา ทำให้การควบคุมโรคทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
•
ถึงเวลานั้นเสียงเรียกร้องให้ล็อกดาวน์ 24 ชั่วโมง ก็จะหายไป เหลือเพียงการติดตามผู้ติดเชื้อรายใหม่ ไม่ให้กระจายเป็นวงกว้าง และการควบคุมผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ให้ไม่ไปแพร่เชื้อที่อื่นเท่านั้น
•
การระดมตรวจอย่างหนัก จะหาคำตอบได้ว่า สิ่งที่ซุกซ่อนทั่วประเทศนั้น มีเพียงตัวเลขจากผู้ติดเชื้อในสนามมวย ติดจากผับในกรุงเทพ และจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาจริงหรือไม่ หรือความจริงแล้วยังมีการติดต่อจากจุดอื่น ที่มองไม่เห็นอีก
•
เพราะฉะนั้น ก็ยังมีความเป็นไปได้ ที่อาจยังไม่จบง่าย และมีเรื่องปวดหัว ให้ทีมแพทย์ต้องตามแก้ต่อไป
•
แต่การมองเห็นปัญหา และพยายามแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ ถือว่ามาถูกทาง และน่าจะทำให้เรา เห็นตอนจบของเรื่องนี้ ได้ชัดขึ้นบ้าง จากที่เลือนรางมาตลอด...

#COVID19 #โควิด19 #เคอร์ฟิว #ตรวจโควิด

 

ค่ำวันนี้ ที่ อ.ภูเรือ จ.เลย
เวลา16.00 เกิดพายุลูกเห็บพัดถล่ม....
.
.
เครดิตภาพ อาจหาญ นพคุณ

 

ไฟป่าลุกลามเผาสวนลำไย เขตติดต่อ2อำเภอ(จอมทอง-ฮอด) เจ้าหน้าที่ช่วยกันระงับเพลิง ค่ำนี้

ไฟป่าลุกลามเขตพื้นที่รอยต่อ ทต.บ้านตาล อ.ฮอด และ ทต.บ้านแปะ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจาก อบจ.เชียงใหม่ทต.ท่าข้าม จนท.ป่าไม้ อปพร. ช่วยกันดับเพลิง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เครดิตภาพ จ่าเอก มูลละ และ kong piroon

 

ควรเคารพสิทธิส่วนตัว เขาอาจจะมีเหตุผลความจำเป็น ถ้าไปเห็นแย้งในบางเรื่อง จะต้องไปเกี่ยวกับเข้ามาเพื่อประโยชน์หรือไม่ ดูยังไงก็ไม่เกี่ยวกันเลย เพราะเงินเดือนเป็นสิทธิส่วนตัว ควรแยกแยะ

“สิระ” สวนกลับ “กิตติศักดิ์” เข้ามาเพื่อประโยชน์หรือไม่ หลังแย้งปมสละเงินเดือน

สละเงินเดือน

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา ไม่เห็นด้วยกับการเรียกร้องให้ ส.ว.-ส.ส. สละเงินเดือน เพื่อนำไปสมทบทุนแก้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะ ส.ว.-ส.ส.ทุกคนไม่ได้รวยเหมือนกันทุกคน ว่า

การเสียสละเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน เพื่อไปช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อน เพียง 1-3เดือน ทำไม่ได้เลยหรือ และเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ฐานะว่ารวยหรือจน แต่อยู่ที่จิตใต้สำนึก

“เรื่องนี้ถือเป็นการเสียสละและการมีจิตสำนึก ว่าในขณะที่ประชาชนผู้ที่เสียภาษีให้มาเป็นเงินเดือนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกำลังมีปัญหา กำลังตกงาน ไม่มีเงินเดือน และยังมีภาระเหมือนกัน สมควรหรือไม่ที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะคืนเงินเดือนจากภาษีประชาชนให้กับประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ฐานะว่าจะรวยหรือจน แต่อยู่ที่จิตใต้สำนึก ถ้าไม่มีเงินเดือนประจำตำแหน่งจะอดตายหรือไม่ แล้วที่มาอ้างว่ามีภาระ หากไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท่านก็อดตายไปแล้วสิ ดังนั้นขอถามกลับไปว่าที่เข้ามานี้ เข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ หรือเข้ามาเพื่อทำงานรับใช้ประชาชน” นายสิระ กล่าว

นายสิระ ยังกล่าวต่ออีกว่า วันนี้มีหลายคนออกมาเสนอทางออก โดยให้มีการตัดงบประมาณจากส่วนต่างๆ เพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากและต้องใช้เวลา แต่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นสามารถทำได้ทันทีและทำได้ง่ายที่สุด คือ การเสียสละเงินเดือนของตนเอง อย่าเพียงใช้ความคิดแบบนักการเมืองที่คิดแต่จะตัดงบประมาณแผ่นดินเพียงอย่างเดียว

The post “สิระ” สวนกลับ “กิตติศักดิ์” เข้ามาเพื่อประโยชน์หรือไม่ หลังแย้งปมสละเงินเดือน appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

ทำไม? ไฉนแบงค์ชาติรัสเซีย (ธนาคารกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย - CBR) ประกาศ ‘หยุด’ ซื้อทอง เข้า “ทุนสำรองต่างประเทศ” ตั้งแต่เมษายนนี้เป็นต้นไป?
แล้วจะพลิกจาก ‘ซื้อ’ มาเป็น ‘ขาย’ เลยหรือไม่ … ?
.
ต้องบอกก่อนว่า ที่ผ่านมา รัสเซีย ซื้อ ซื้อ ซื้อ กระทั่งปัจจุบัน ถือครองทองคำมหาศาลที่สุดในโลก (เหนือจีนซะด้วยซ้ำ)
นับจากปี 2014 ถึงขณะนี้ มูลค่าทองคำที่ซุกไว้ในถ้ำพญาหมีขาว เพิ่มขึ้น 3 เท่า!!! พุ่งแตะ 1.2 แสนล้านดอลลาร์

มโหฬารปานไหน … ก็เอาง่ายๆ ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกับทองในตลาดกองทุน (EFT) ทั้งหมดทั่วโลกเลยทีเดียว! (มูลค่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์)

(สังเกตแทรกหน่อยนะครับท่าน น่าสนใจว่า รัสเซียซื้อทองขนานใหญ่ หลังปี 2014 เรื่อยมา --- ก็ช่วงอุบัติวิกฤติราคาน้ำมันตกต่ำดำดิ่งนั่นไง … ถือว่าเพื่อเตรียม ‘หน้าตัก’ ไว้รับมืออะไรบางอย่างหรือไม่?)
.
หยุด เพราะซื้อมาเยอะเกินไปแล้วไหม?
นั่นนับว่าพอเป็นไปได้ … ก็ตอนนี้สัดส่วนทองคำในทุนสำรองฯของรัสเซีย มันตั้ง 20%
ตัวเลขนี้ สูงที่สุดในโลกแล้ว (เพิ่งปาดหน้าแซงตุรกีไปไม่นาน)
ก็ขนาดอินเดียกับจีนที่มีทองเยอะๆ แต่เมื่อคิดเป็นสัดส่วนแล้ว ยังไม่ถึง 5% ของทุนสำรองฯด้วยซ้ำ
… ก็อาจถึงคราวต้อง ‘คลายมือ’ ลงหน่อยแล้ว (มั้ง)
.
หยุด เพราะตอนนี้ ทองมันแพงไง?
ก็ไม่ใช่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ เพราะหยุดตอนนี้ไม่ได้แปลว่าหยุดตลอดกาล ตอนนี้ราคาทองแพงพรวดพราด พักรอจังหวะก่อนก็ได้นี่นา …

แถมระยะนี้ เจอวิกฤติราคาน้ำมันรอบใหม่ อาจต้อง ‘สงวนท่าที’ ไปอีกสักพัก
(ตรงกันข้ามกับประเทศนำเข้าน้ำมันอย่างจีนกับอินเดีย ที่น่าจะ ‘ฉวยจังหวะ’ ซื้อทองเข้าทุนสำรองฯเพิ่มขึ้น ดังนั้น ปีนี้หรือปีหน้า เราอาจได้เห็นรัสเซียโดนจีนแซง ขึ้นเป็นผู้ถือครองทองคำมากที่สุดในโลก)
.
แล้วรัสเซียจะขายออกไหม … คงไม่จำเป็น
อย่าลืมว่ารัสเซียสะสมทองไว้บานเบอะ ส่วนหนึ่งก็เพราะกระจายจากเงินดอลลาร์ กันความเสี่ยงจากการคว่ำบาตรของอเมริกา
ยิ่งมีมากไว้ก็มิใช่เสียหาย
เพียงแต่ตอนนี้ หยุดซื้อชั่วคราว ย้ำว่าไม่ใช่ถาวร …
.
หมากนี้ มี ‘ซ่อนกล’ อื่นใดหรือไม่
ทำไมวิเคราะห์ได้ตื้นเขินเพียงนี้ …
ขอสารภาพว่าไม่มีปัญญาคิดให้ลึกซึ้งไปกว่านี้ได้เลย
จุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร อ่านไม่ออกจริงๆ!

ที่มา: Citi, Deutsche Bank

https://www.cbr.ru/eng/press/pr/?file=31032020_192742eng2020-03-31T19_26_27.htm

 

ตม. แจ้ง "ปิดตาย" #ทุกด่านติดชายแดนลาว ไม่อนุญาตคนลาวเดินทางออก ผ่อนผันเฉพาะรถขนส่งสินค้าและคนประจำพาหะ 2 คนเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ (6 เม.ย.) เป็นต้นไป

 

ช่วงนึ้เวลาเดินตากแดดและยกของหนัก และเดินไกล ถ้าเจอที่ๆ จะเข้าไปแล้วต้องวัดอุณหภูมิ ให้หาที่นั่งร่ม พักเหนื่อยก่อนน่ะครับ วันนี้ผมมาสภาพนี้ วัดอุณหภูมิได้ 38.7 ตกใจเลย แต่ซักพักอุณหภูมิก็ลดลงเลยอจากแนะนำไว้ครับ ผมมีปัญหาเรื่องความร้อนในตัวมานานแล้ว เคยโกรธคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ตอนกลางคืนขนาดอยู่ห้องแอร์ ยังมีความรู้สึกมีไอร้อนออกมารอบๆตัวไม่หยุด และหลังจากแอร์พังเลยต้องนอนพัดลม ยังเคยอยู่ดีๆ ตัวเองมีความรู้สึกเหมือนมีไฟลุกในตัวและกระพือขึ้นเรื่อยๆไม่หยุดยังดีโทรไปปรึกษาคนรู้จักแนะนำให้เอาพระวางบนหัวและสุดมนต์ 3-9 จบ ผมเลยทำตาม แต่สวดคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า พอสวดเสร็จก็เลยปกติ อาการเหมือนไฟลุกกระพือในตัวหายไปน่ะครับ

ด่านตรวจอุณหภูมินี่ผมกลัวมาก ้พราะสภาพผิดปกติของร่างกาย วันนี้เลยถอนเงินก้อนมาเก็บไว้เลยกลัวทากถ้าอุณหภูมิสูงเข้าใช้ธนาคารเบิกเงินไม่ได้ เอทีเอ็มก็ไม่มี ได้อดตายแน่นอน

 

คณะวิจัยเวียดนามพบ COVID-19 มีวิวัฒนาการ 2 กลุ่ม สายพันธุ์ยุโรปต่างจากเอเชีย

คณะนักวิจัยของเวียดนามพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้นมีวิวัฒนาการแล้ว และแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มจากเคสในเวียดนาม โดยนาง Le Thi Quynh Mai รองผู้อำนวยการสถาบันอนามัยและระบาดวิทยาแห่งชาติ (National Institute Of Hygiene And Epidemiology) เผยว่าเชื้อไวรัสโคโรนาที่เก็บจากผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่เดินทางมาจากยุโรป มีความแตกต่างจากเชื้อไวรัสโคโรนาในผู้ป่วยที่พบในเอเชีย

https://www.tcijthai.com/news/2020/4/asean/10111

 

การรถไฟฯ ระส่ำ ช่างฝีมือโรงงานมักกะสันติดโควิด หวั่นคนรอบตัวส่อมีเชื้อ
การรถไฟฯ ระส่ำ หลังพบช่างในโรงงานมักกะสันติดโควิด-19 พร้อมมีข้อเสนอปิดโรงงานมักกะสัน 14 วัน หวั่นระบาดคนในโรงงาน รอบชุมชนได้รับเชื้อ
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

‼️"หมอมนูญ" เผย ยอดผู้เสียชีวิตไทยพุ่งแน่ เร็วๆนี้
.
(6 เม.ย.) นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโรคโควิด-19 ว่า...
.
"ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เป็นตัวเลขที่น่าเชื่อถือกว่าทุกตัวเลข บ่งถึงปัญหาความรวดเร็วของการแพร่ระบาด และความรุนแรงของโรคในแต่ละประเทศ น่าเชื่อถือมากกว่ายอดจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด แต่ตัวเลขของผู้เสียชีวิตจะขึ้นตามหลังยอดจำนวนผู้ป่วยประมาณ 1 เดือน
.
ดูตัวเลขของผู้เสียชีวิตในประเทศอิตาลีสูงที่สุดในโลก 15,000 คน ประเทศสเปน 12,000 คน สหรัฐอเมริกา 8,400 คน สูงกว่าประเทศในเอเซีย เช่น จีน 3,300 คน เกาหลีใต้ 183 คน ญี่ปุ่น 77 คน ไทย 23 คน
.
นักวิทยาศาสตร์พยายามหาเหตุผลทำไมคนเอเชียถึงได้ป่วยและตายน้อยกว่าคนในประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกา ความแตกต่างอันหนึ่งคือเด็กทุกคนในเอเซียเกือบทุกประเทศ ได้รับวัคซีนป้องกันวัณโรค BCG ตั้งแต่แรกเกิด ต่างจากประเทศอิตาลี ประเทศอื่นๆในยุโรป และสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ให้วัคซีนนี้ นักวิจัยในประเทศเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และออสเตรเลียกำลังเริ่มทดลองให้วัคซีน BCG ในกลุ่มเสี่ยง คนสูงอายุ และบุคลากรทางการแพทย์เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 วัคซีน BCG เป็นวัคซีนสำหรับป้องกันวัณโรคมีใช้มา 99 ปีแล้ว
.
นอกจากเรื่องวัคซีน BCG แล้ว สาเหตุความแตกต่างของอัตราตายระหว่างคนในเอเชียกับคนในยุโรปและสหรัฐอเมริกา อาจเป็นจากความแตกต่างทางกรรมพันธุ์ของคน หรือความแตกต่างของสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในแต่ละประเทศ คือเชื้อดุร้ายต่างกัน ประเทศจีนให้ความสำคัญในการสกัดกั้นการนำเชื้อไวรัสจากต่างประเทศเข้าจีน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดใหญ่รอบที่ 2 ประเทศไทยมีคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศมาก สูงสุดจากยุโรป
.
ประเทศไทยรับเชื้อโควิด-19 ระยะแรกจากคนเดินทางมาจากประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มีผู้เสียชีวิตเพียง 1 คน เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ แต่หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในสนามมวยลุมพินีวันที่ 6 มี.ค.จาก Super spreader รับเชื้อจากคนในครอบครัวกลับจากประเทศอิตาลี เชื่อว่าเชื้อโควิด-19 จากประเทศอิตาลีดุร้ายกว่าเชื้อในเอเซีย จำนวนคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีคนเสียชีวิต 23 ราย อย่างน้อย 5 รายเกี่ยวข้องกับสนามมวย อีก 5 รายเดินทางกลับจากต่างประเทศ อังกฤษ มาเลเซีย ปากีสถาน
.
มีคนตั้งคำถามว่าทำไมอัตราการเสียชีวิตของคนไทยจากโรคโควิด-19 (จำนวนผู้เสียชีวิต/จำนวนผู้ติดเชื้อที่รายงาน) ถึงได้ต่ำกว่าประเทศอื่นๆเพียงแค่ 0.97%
.
ประเทศไทยไม่ได้บิดเบือนตัวเลข ที่เป็นเช่นนี้เพราะตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นตามหลังจำนวนผู้ติดเชื้อประมาณ 1 เดือน อัตราการเสียชีวิตของไทยจะเพิ่มสูงกว่านี้อย่างแน่นอนในระยะเวลาอันใกล้"

 

‼️"กิตติศักดิ์" คัดค้านสละเงินเดือนส.ว.ช่วยโควิด เหตุเงินเดือนส.ว.ไม่มาก แถมต่างคนก็มีภาระลงพื้นที่
.
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวถึงกรณีการเรียกร้องให้ส.ส.และส.ว. สละเงินเดือน เพื่อนำไปสมทบทุนแก้สถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ว่า ไม่เห็นด้วย หากจะให้ส.ว.สละเงินเดือนทั้งหมดไปช่วยแก้ไขสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เพราะต่อให้ส.ส.-ส.ว.สละเงินเดือน 3 เดือนก็ได้เงินมากสุดแค่ 300 กว่าล้านบาท ไม่สามารถนำไปแก้ไขอะไรได้มาก ส.ส.และส.ว.ทุกคนไม่ได้รวยเหมือนกันทุกคน บางคนมีแค่เงินเดือนอย่างเดียว แต่มีภาระค่าใช้จ่ายในการลงพื้นที่มาก ดังนั้นการสละเงินเดือนจึงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาได้ ประเทศ ไทยยังไม่สิ้นไร้ไม้ตอก ถังแตกถึงขนาดที่ต้องให้ส.ส. ส.ว. และข้าราชการต้องสละเงินเดือนทั้งหมด รัฐบาลมีงบประมาณช่วยเหลืออยู่แล้ว
.
“คนที่เสนอประเด็นนี้มา อย่าแค่เอามันทางการเมือง ที่ผ่านมาส.ว.ทุกคนสละเงินเดือนบางส่วนนำไปบริจาค และซื้อของ ซื้อหน้ากากแจกชาวบ้านทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ไม่ประกาศตัวเป็นข่าว เราไม่ได้อยู่เฉยๆ โดยไม่ช่วยเหลือประชาชนเลย คนที่ไม่ชอบส.ว.อย่ามาจุดประเด็นเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องดรามา”นายกิตติศักดิ์ กล่าว

 

รองนายกอังกฤษติดเชื้อโควิด19

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษติดเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือโควิด19และเขาถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล

รองนายกรัฐมนตรีอังกฤษก็เช่นกัน หลังจากที่ตรวจพบว่า เขาติดเชื้อไวรัสดังกล่าว เขาได้ทำการกักตัว quarantine ที่บ้านพักของเขา

#เพจเก็บตกตะวันออกกลาง

 

COVID-19”:”#เอกอัครราชทูต” ณ.กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เตรียมแผนคนไทยจากอินเดีย กลุ่มแรก 200 คน กลับไทย เสนอรัฐบาล ระหว่างวันที่ 15-17 เมษายนนี้ สำหรับกลุ่มที่ลงทะเบียนไว้กว่า 1,600 คน ขอคนไทยเข้าใจสถานการณ์ ยืนยันว่าไม่ทอดทิ้งและจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ หากกลับไทยจะต้องเข้าสู่การกักตัว 14 วัน

นายชุตินทร คงศักดิ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ.กรุงนิวเดลี ประเทศ อินเดีย เปิดเผยว่า สถานการณ์ 4,421 ราย เพิ่มขึ้น 140 คน เหตุสำคัญมาจากการชุมนุมดาวะห์ ของชาวมุสลิม เป็นการชุมนุมผิดกฏหมาย เป็น Hot Spot ทำให้ครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อ มาจากการชุมนุมในครั้งนั้น มีคนไทยกว่า 100 คนที่มาชุมนุม และมี 59 คนที่ถูกกักตัว 14 วันเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ติดโรค ซึ่งถูกกักตัวโดยรัฐบาล พบมีการติดเชื้อกว่า 10 คน ซึ่งสถานทูตได้พยายามติดต่อทราบที่อยุ่มาจำนวนหนึ่งแล้ว หากผ่านการกักตัว ก็ต้องมีการประสานในการเดินทางกลับไทยในสัปดาห์หน้า

ขณะนี้สถานทูตได้จัดเตรียมแผนที่จะนำคนไทยในประเทศอินเดีย ที่ประสงค์จะเดินทางกลับ และลงทะเบียนไว้กับสถานทูตแล้ว จำนวนกว่า 1,600 คน ได้เดินทางกลับบ้าน ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจำกัดผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศ และต้องเข้าสู่การกักตัวโรคโควิด-19 ตามสถานที่กักตัวของรัฐ จึงกำหนดให้ได้วันละ 200 คน และตามความสำคัญของแต่ละประเทศทั่วโลก

ในส่วนของประเทศอินเดีย ได้เตรียมแผนช่วยเหลือคนไทย โดยจะเสนอไปยังรัฐบาลว่าพร้อมที่จะนำเครื่องบินเช่าเหมาลำมารับคนไทย ระหว่างวันที่ 15-17 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงหลังจากอินเดียได้เปิดประเทศ ให้เครื่องบินต่างชาติเดินทางเข้าออกได้ และสิ้นสุดการปิดประเทศในวันที่ 14 เมษายนนี้

การเตรียมการของสถานทูตฯ จะเริ่มที่จะนำคนไทยในกรุงนิวเดลี และใกล้เคียงก่อนเป็น กลุ่มแรก 200 คน จากนั้นจะเป็น เด็กนักเรียน ผู้สูงอายุ พระสงค์ ชาวมุสลิม และครอบครัวคนไทย ที่ประสงค์เดินทางกลับ แล้วจัดลำดับไปตามเมืองต่างๆ จึงขอให้คนไทยที่ต้องการเดินทางกลับ เข้ามาลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของสถานทุตเท่านั้น ซึ่งจะมีการให้กรอกข้อมูล และที่อยู่ เมื่อรัฐบาลอนุญาต ก็จะให้แจ้งยืนยันการเดินทางกลับ โดยทุกคนต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน หากไม่มีสามารถยืมจากรัฐบาลได้ จากนั้นจะประสานการเดินทาง ที่ทางสถานทูตจะเตรียมรถไปรับมาที่สถานทูต และนำขึ้นเครื่องบินกลับไทย ตามมาตการควบคุมโรค และเมื่อไปถึงประเทศไทย จะต้องเข้าสู่การกักตัวโดยรัฐ ในสถานที่กักตัวเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่า จะต้องนอนพักห้องละ 2 คน

ข้อแนะนำระหว่างนี้สำหรับคนไทยที่อยู่ตามเมืองต่างๆ สามารถมารอได้ในเมืองที่มีสนามบิน หรือรอจนกว่าจะได้กำหนดเที่ยบินเดินทาง ซึ่งสถานทูตจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เอกอัครราชทูต ณ.กรุงนิวเดลี ยอมรับด้วยว่าขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด-19 มีความเดือดร้อนทั่วโลก ซึ่งจากข้อมูลพบว่ามีคนไทยอยากกลับบ้านกว่า 1 หมื่นคน ซึ่งอินเดียเป็นประเทศหนึ่งที่มีคนไทยอยากกลับบ้านกว่า 1,600 คน ในขณะที่ประเทศไทย ทางรัฐบาลต้องจัดระบบรับคนไทยที่จะเดินทางกลับมา ให้เพียงพอกับสถานที่กักตัว และให้ปลอดภัยกับคนไทย ดังนั้นจึงขอทำความเข้าใจว่าการเดินทางอาจต้องใช้เวลารอ ซึ่งระหว่างนี้ทางสถานทูต จะจัดส่ง สิ่งของยังชีพ ไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่

เอกอัครราชทูต ณ.กรุงนิวเดลี แนะนำว่า ระหว่างนี้ขอให้คนไทยลงทะเบียน หรือสอบถามมายัง สายด่วนของสถานทูต และสถานกุงสุล ยืนยันว่าสถานทูต เป็นห่วงทุกคน ไม่ทอดทิ้ง และพร้อมจะช่วยเหลือ โดยเจ้าหน้าที่สถานทูตและทีมไทยแลนด์ เพื่อให้คนไทยได้กลับบ้าน หากสถานการณ์เลวร้าย ขอยืนยันได้ว่าเจ้าหน้าที่และ ท่านทูต จะเดินทางกลับเป็นคนสุดท้าย

ชมสัมภาษณ์สด :



#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #Covid19 #โควิด19

 

พิษโควิด ชีวิตเปลี่ยน จากวิศวกรเครื่องบิน ต้องมารับจ้างล้างแอร์ หาเลี้ยงครอบครัว

 

⚠️ การประชุมผู้ผลิตน้ำมันพร้อมแล้ว ⚠️ ช่วง 16.20 น. วันนี้นั้นเราได้รับรายงานว่าทางรัสเซียได้ตอบรับการเข้าร่วมประชุมผู้ผลิตน้ำมันที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 เม.ย. นี้อย่างเป็นทางการแล้ว ถือว่าเป็นข่าวบวกในเบื้องต้นเพราะความร่วมมือจากรัสเซียนั้นจะขาดไม่ได้เลยถ้าหากทุกฝ่ายต้องการจะลดกำลังการผลิตให้ได้ 10-15 ล้านบาร์เรลต่อวัน

แต่ทุกๆอย่างนั้นก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัสเซียเพียงฝ่ายเดียว วันนี้เราจะมาไล่เรียง 10 ประเทศที่มีความสำคัญที่สุดในการประชุมของผู้ผลิตมากกว่า 25 ประเทศให้ทุกท่านได้ทราบกันครับ ว่าใครมีท่าทีหรือบทบาทที่สำคัญอย่างไรบ้าง

ราคาน้ำมันดิบ Brent ยังคงยืนอยู่ได้ในระดับสูงที่ 34 เหรียญต่อบาร์เรลในเวลานี้ เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนถือว่าขึ้นมาประมาณ 20-30% เหตุผลหลักๆเพราะหลายประเทศผู้ผลิตน้ำมันเริ่มมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการลดปริมาณการผลิตน้ำมันร่วมกันได้

และนอกจากการประชุมในวันที่ 9 เม.ย. นี้นั้นทางซาอุดิอาระเบียยังได้ขอเรียกเหล่ารัฐมนตรีพลังงานของประเทศ G-20 มาประชุมกันในวันที่ 10 เม.ย. นี้อีก เหล่าประเทศ G-20 นั้นคือกลุ่มประเทศที่ร่วมมือกันทางด้านการเงินและเศรษฐกิจ และนี่จะเป็นครั้งแรกที่ทางกลุ่มจะมาหารือกันเรื่องแนวทางของราคาน้ำมันในอนาคต ซึ่งประเทศในกลุ่มนั้นต่างประกอบไปด้วยผู้ผลิตน้ำมันและผู้บริโถคน้ำมันรายใหญ่ การประชุมครั้งนี้นั้นจะมีความสำคัญไม่แห้กันเลยทีเดียว

แต่ก่อนที่จะไปถึงประชุมกลุ่ม G-20 เรื่องพลังงานนั้น เราคงต้องมาเจาะการประชุมของผู้ผลิตในวันที่ 9 เม.ย. นี้กันก่อนครับ โดยผู้เข้าร่วมที่จะมีอิทธิพลที่สุดนั้นประกอบไปด้วย

1️⃣ ซาอุดิอาราเบีย - ผู้ที่มีราคาน้ำมันทั้งโลกเป็นตัวประกัน

การผลิตล่าสุด: 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เดือนเมษายน)

พี่ใหญ่ของโอเปกน่าจะเป็นประเทศที่มีความสำคัญที่สุดในการประชุมครั้งนี้ เพราะสงครามครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเพราะทางซาอุเองตัดสินใจที่จะลดราคาขายน้ำมันตัวเองลง (OSP) เพื่อตัดราคาประเทศอื่นๆและแย่งส่วนแบ่งตลาดคืนมา ทางซาอุเพิ่งจะประกาศเลื่อนราคาขาย OSP เดือนหน้าไปเพราะไม่ต้องการจะเปิดไพ่ของตัวเองให้ประเทศอื่นๆทราบ เรียกได้ว่าทางซาอุนั้นพร้อมจะให้ความร่วมมือในการลดกำลังการผลิตอยู่แล้วเพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อราคามากที่สุด

ครั้งนี้ทางซาอุประกาศไว้แล้วว่าจะไม่เป็นคนลดการผลิตคนเดียวแน่ๆ และหากประเทศอื่นๆไม่ให้ความร่วมมือหรือตุกติก ทางซาอุก็พร้อมประกาศลดราคา OSP ทันทีเพื่อปล่อยน้ำมันทั้งประเทศให้ออกมาท่วมตลาดอีกครั้ง !

2️⃣ รัสเซีย - ผู้ที่ต้องยอมเสียสละหากอยากให้ดีลนี้เกิดขึ้น

การผลิตล่าสุด: 11.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เดือนเมษายน)

รัสเซียเป็นประเทศที่มีความสำคัญเป็นอันดับที่สอง ไม่ใช่เพราะกำลังการผลิตที่สูงอย่างเดียวแต่เป็นเพราะความจริงจังของผู้นำที่จะไม่ยอมให้ประเทศเสียผลประโยชน์เป็นอันขาด โดยทางรัสเซียนั้นไม่เคยอ่อนข้อให้กับข้อตกลงต่างๆที่อาจจะไม่แฟร์กับทางประเทศเลยจนเป็นเหตุให้ต้องถอนตัวไปในการประชุมครั้งก่อน

ถึงแม้ทางรัสเซียจะเดาใจยากแต่การผลิตในช่วงต้นเดือนเมษานั้นก็ลดลงมาแล้วจากเดือนมีนาคม มาอยู่ที่ 11 ล้านต้นๆ เรียกได้ว่าก็แสดงทีท่าที่เป็นมิตรก่อนการประชุม แต่เรื่องที่เรายังเป็นห่วงที่สุดก็คือการที่ทางรัสเซียนั้นกล่าวว่าอยากจะลดกำลังการผลิตที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันซึ่งดูแล้วไม่น่าจะทำให้ดีลเกิดขึ้นได้อย่างที่เราเคยรายงานไป หากรัสเซียจะทำให้ดีลนี้เกิดได้จะต้องยอมลดกำลังการผลิตมากกว่า 10% !

3️⃣ สหรัฐอเมริกา - ผู้ที่ทำให้เกิดการเจรจาขึ้น แต่จะยอมลดการผลิตด้วยจริงหรือไม่ ?

การผลิตล่าสุด: 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน (สิ้นเดือนมีนาคม)

สหรัฐอเมริกานั้นเป็นประเทศที่ทำให้การเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้น จากการที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ต่อสายตรงไปหาทางผู้นำของซาอุและรัสเซียแล้วบอกว่าเขาต้องการให้ทุกฝ่ายยุติสงครามราคาในครั้งนี้

สหรัฐมีบทบาทที่สำคัญมากในการประชุมครั้งนี้ เพราะทางรัสเซียและซาอุบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าเหตุผลที่สงครามเริ่มต้นขึ้นนั้นเพราะทั้งสองฝ่ายไม่อยากให้สหรัฐและรัสเซียนั้นชุบมือเปิปในการได้กำไรจากการขายน้ำมันได้ราคาแพงโดยไม่ต้องลดกำลังการผลิตแต่เพียงผู้เดียว โดยหากสหรัฐไม่ยอมเข้าร่วมนั้นดีลนี้ก็คงจะไม่เกิด

แต่ใครจะสามารถไปเดาใจคุณ ทรัมป์ได้ครับ ล่าสุดก็ออกมาประกาศแล้วว่าถ้าการประชุมนี้ล่มก็พร้อมที่จะขึ้นภาษีใส่น้ำมันรัสเซียและซาอุเพื่อเป็นการปกป้องผู้ผลิตน้ำมันในประเทศของตัวเอง

ทั้ง 3 ประเทศที่กล่าวไปนั้น คุมการผลิตอยู่สูงถึง 1/3 ของทั่วโลก เพราะฉะนั้นหาก #ศึกสามก๊ก ระหว่างทั้งสามารถหาทางออกได้การประชุมครั้งนี้ก็จะบรรลุได้ อย่างไรก็ตามยังมีประเทศอื่นๆที่เราต้องพูดถึงด้วย

4️⃣ บราซิล

การผลิตล่าสุด: 3.06 ล้านบาร์เรลต่อวัน (กุมภาพันธ์)

ทางโอเปกนั้นได้พยายามชวนบราซิลเข้ามาร่วมกลุ่มหลายครั้ง แต่ทางรัฐบาลบราซิลได้ปฏิเสธมาโดยตลอดเพราะต้องการจะผลิตน้ำมันอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มรายได้ให้ประเทศ จึงไม่อยากโดนโอเปกมาตั้งโควตากำหนดให้

แต่ทุกๆอย่างต้องเปลี่ยนไปหลังสงครามราคา ครั้งนี้ทางโอเปกคงได้บราซิลไปเข้าร่วมกลุ่มอย่างสมใจ เพราะตอนนี้ทางบราซิลนั้นพร้อมจะทำตามทุกๆข้อตกลงที่จะโดนยื่นให้ เพราะทางประเทศนั้นมีต้นทุนการผลิตน้ำมันค่อนข้างสูงโดยเฉพาะหลุมผลิตที่อยู่ในทะเล โดยตั้งแต่สงครามราคาน้ำมันเริ่มต้นขึ้นนั้นทางบราซิลก็ได้ประกาศลดกำลังการผลิตไปแล้วกว่า 100,000 บาร์เรลต่อวันและมีแนวโน้มจะต้องลดลงต่อไปเรื่อยๆหากสงครามจะไม่สงบ

5️⃣ นอร์เวย์

การผลิตล่าสุด: 2.07 ล้านบาร์เรลต่อวัน (กุมภาพันธ์)

นอร์เวย์นั้นเป็นผู้ผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปฝั่งตะวันตกซึ่งยังไม่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มโแเปก แต่กำลังได้รับผลกระทบหนักต่อสงครามครั้งนี้เช่นเดียวกัน ทำให้ทางนอร์เวย์กล่าวว่าจะพิจารณาลดกำลังการผลิตหากทุกๆประเทศมีข้อตกลงร่วมกัน

ถึงแม้ประเทศนอร์เวย์จะไม่ได้มีกำลังการผลิตสูงมากแต่ทางประเทศนั้นได้วางแผนขยายกำลังการผลิตอีกเยอะในอนาคต ทำให้ราคาน้ำมันนั้นมีผลกระทบสำคัญต่องบประมาณของประเทศ

6️⃣ แคนาดา

การผลิตล่าสุด: 5.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน (กุมภาพันธ์)

น่าจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ทางโอเปกอยากให้เข้ามาร่วมกลุ่มมากที่สุด เพราะกำลังการผลิตของแคนนาดานั้นได้สูงขึ้นเรื่อยๆจนขยับขึ้นมาเป็นผู้ผลิตอันดับที่ 4 ของโลกแล้ว ทำให้การลดกำลังการผลิตของแคนนาดานั้นจะช่วยได้อย่างมาก

ทางด้านแคนาดานั้นได้ตอบรับการเข้าประชุมในครั้งนี้แล้ว และจะเป็นครั้งแรกที่ทางประเทศนั้นจะมีการหารือกับทางกลุ่มผู้ผลิต โดยผลกระทบที่แคนนาดาได้รับในสงครามครั้งนี้นั้นไม่ใช่เพียงต้นทุนการผลิตน้ำมันที่แพงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะทางประเทศนั้นทำการส่งออกน้ำมันได้ลำบากเพราะไม่มีท่าขนส่งทางเรือ ทำให้ในภาวะที่น้ำมันราคาถูกนั้น ความสามารถในการแข่งขันในการส่งออกน้ำมันของประเทศนั้นจึงลดลงและทำให้ยิ่งต้องลดราคาน้ำมันตัวเองลงอีกเพื่อให้ขายออก

7️⃣ อิรัก

การผลิตล่าสุด: 4.62 ล้านบาร์เรลต่อวัน (มีนาคม)

ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของกลุ่มโอเปก เป็นผู้ที่ต้องการให้การประชุมนี้สำเร็จเช่นกันโดยทางอิรักนั้นได้ไล่ติดต่อกับกลุ่มประเทศโอเปกอื่นๆเพื่อหาแนวทางออกร่วมกันหลังพี่ใหญ่อย่างซาอุได้ทำลายสัญญาโควตาที่มีให้กัน

โดยทางรัฐมนตรีในอิรักได้ออกมากล่าวว่าทางผู้หลิตโอเปกที่เขาคุยมานั้นพร้อมแล้วที่จะลดกำลังการผลิตร่วมกันอย่างมีวินัย และเขาก็หวังว่าหากประเทศทางตะวันตกอย่างทาง สหรัฐ แคนนาดา และ นอร์เวย์ ยิ่งมาเข้าร่วมกันแล้วด้วยนั้น การประชุมจะสำเร็จอย่างยิ่ง

8️⃣ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (U.A.E.)

การผลิตล่าสุด: 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เมษายน)

เป็นหนึ่งในประเทศโอเปกที่ขยับตัวเร็วตามซาอุที่สุด ทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ผู้ซึ่งรักษาโควตาการผลิตตามนโยบายของกลุ่มโอเปกอย่างเคร่งครัดมาตลอด แต่หลังจากที่สงครามราคาได้เริ่มต้นขึ้นนั้นทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็ได้เพิ่มกำลังการผลิตไป 0.5 ล้านบาร์ต่อวันแล้ว แต่ที่ทำแบบนั้นก็เพราะไม่มีทางเลือกหลังพี่ใหญ่อย่างซาอุออกมาทอดทิ้งโควตาการผลิต โดยทางประเทศนั้นพร้อมกลับมาผลิตตามโควตาอีกครั้งหากทุกฝ่ายจะร่วมมือกัน

9️⃣ คูเวต

การผลิตล่าสุด: 3.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เมษายน)

คล้ายๆกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทางคูเวตนั้นได้รักษาโควตาการผลิตตามนโยบายของกลุ่มโอเปกมาตลอดแต่ก็ได้ค่อยๆเพิ่มกำลังการผลิตไป 0.4 ล้านบาร์ต่อวันแล้วหลังจากที่สงครามราคาได้เริ่มต้นขึ้น แต่ทางประเทศนั้นก็พร้อมกลับมาผลิตตามโควตาอีกครั้ง

ไนจีเรีย

การผลิตล่าสุด: 1.93 ล้านบาร์เรลต่อวัน (มีนาคม)

เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นสมาชิกกลุ่มโอเปก แต่ทางประเทศนั้นก็ไม่เคยลดการผลิตได้ตามโควตาเลย (น่าจะไม่ได้แคร์มากกว่า) ไนจีเรียเป็นผู้ผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกาและก็ได้เร่งการผลิตมาโดยตลอด แต่มาวันนี้ทางประเทศก็ได้กล่าวว่าพร้อมจะลดกำลังการผลิตแล้วเพื่อเป็นอีกกำลังนึงในการช่วยรักษาระดับราคาน้ำมันในตลาด

และนั้นก็คือ 10 ประเทศที่เราได้หยิบขึ้นมาเป็น 10 ประเทศที่จะมีบทบาทสำคัญที่สุดต่อการประชุมครั้งนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่ยังไม่ได้กล่าวถึงเช่น

อิหร่าน และ เวเนซุเอลา(โดนคว่ำบาตรอยู่), ลิเบีย (สงครามภายในประเทศ) แอลจีเรีย, แองโกลา, อิเควทอเรียลกินี, กาบอง และ สาธารณรัฐคองโก ที่เป็นสมาชิคโอเปกที่จะเข้าประชุมครั้งนี้ด้วย

ทางด้าน เม็กซิโก, เอกวาดอร์, คาซัคสถาน, อาเซอร์ไบจาน, ซูดาน, บาห์เรน, มาเลเซีย และ บรูไน ก็จะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย ในฐานะพันธมิตรของกลุ่ม !

ติดตามและเกาะติดการประชุมครั้งสำคัญที่จะชี้ชะตาตลาดน้ำมันของโลกเราได้ไปพร้อมๆกันกับทางเพจเรานะครับ อยากแนะนำให้ทุกท่าน กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจไว้ได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของเราที่อัพเดทใหม่ๆที่ทันตลาด

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

#OilTradingKP