ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กพท.ออกประกาศการบินเข้มทั่วโลก คนต่างชาติเข้าไทยต้องมีใบรับรองแพทย์-ประกันภัยแสนเหรียญ หากเป็นคนไทยต้องมีหนังสือรับรองจากสถานทูต ก่อนเข้าไทย หวังสกัดโควิดแบบอยู่หมัด

    FB_IMG_1584679919657.jpg

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไวรัสโคโรนา : ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้สร้างความเสียหายต่อร่างกายเราได้อย่างไร 16 มีนาคม 2020
    _111267889_89cd7458-027f-4dfa-8901-39718a1a345c.jpg Image copyrightSPL
    คำบรรยายภาพภาพแสดงปอดที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา
    โลกเพิ่งรู้จักไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เมื่อ ธ.ค. ปีที่แล้ว แต่ขณะนี้การแพร่ระบาดของไวรัสนี้ได้กลายเป็น "การระบาดใหญ่" (pandemic) หลังจากเชื้อลุกลามไปอย่างรวดเร็วในกว่า 142 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ทำให้เกิดโรคที่เรียกกันว่า โควิด-19

    ผู้ติดเชื้อบางคน มีอาการเพียงเล็กน้อย แต่บางคนก็ถึงกับเสียชีวิต

    ไวรัสชนิดนี้ทำร้ายร่างกายเราอย่างไร และเราจะจัดการกับมันได้อย่างไร

    ระยะฟักตัว

    นี่เป็นช่วงที่ไวรัสพยายามเข้าไปฝังอยู่ในร่างกายคุณ ไวรัสชนิดต่าง ๆ ทำงานโดยการเข้าไปและยึดเซลล์ร่างกายของคุณไว้ ไวรัสโคโรนา ซึ่งมีชื่อเรียกทางการว่า Sars-CoV-2 สามารถเข้าสู่ร่างกายเมื่อคุณหายใจเอาเชื้อเข้าไป (หากมีคนติดเชื้อไอหรือจามใกล้ ๆ) หรือเมื่อคุณไปจับบริเวณที่มีเชื้อติดอยู่

    ในขั้นแรก เชื้อจะแพร่ไปตามเซลล์ที่เยื่อบุคอ ท่อทางเดินหายใจและปอด ก่อนจะเปลี่ยนอวัยวะเหล่านี้เป็น "โรงงานผลิตไวรัสโคโรนา" ที่แพร่กระจายไวรัสใหม่ไปติดเซลล์เพิ่มอีก

    ในช่วงแรกนี้ คุณอาจไม่มีอาการป่วย และสำหรับบางคนก็อาจไม่แสดงอาการใดเลย โดยเฉลี่ยแล้ว ระยะฟักตัวตั้งแต่ติดเชื้อถึงแสดงอาการอยู่ที่ 5 วัน แต่ก็แตกต่างกันไปตามกรณี

    ระยะที่อาการไม่หนัก


    นี่คืออาการที่คนส่วนใหญ่จะเผชิญ จะเป็นการติดเชื้ออย่างเบา สำหรับ 8 ใน 10 คนที่เป็นโรคโควิด-19 อาการหลักคือมีไข้และไอ เป็นไปได้ว่าร่างกายจะปวดระบม เจ็บคอ และปวดหัว แต่ก็ไม่เสมอไป

    อาการไข้เกิดจากการตอบสนองของร่างกายคุณต่อไวรัส ร่างกายเห็นไวรัสเป็นสิ่งแปลกปลอมเลยสั่งการบอกร่างกายว่ามีบางอย่างผิดปกติด้วยการหลั่งสารไซโตไคน์ (cytokines) นี่จะช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันแต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ร่างกายปวดระบมและมีไข้

    การไอที่เกิดจากไวรัสโคโรนาเป็นไอแบบแห้ง ๆ และนี่คงเป็นผลมาจากเซลล์ที่ระคายเคืองหลังติดเชื้อไวรัส บางคนอาจจะไอจนมีเสมหะออกมาในที่สุด โดยเสมหะนี้เป็นเซลล์ปอดที่ตายจากเชื้อไวรัส อาการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ สามารถรักษาด้วยการนอนพัก ดื่มน้ำเยอะ ๆ และกินยาพาราเซตามอล

    ระยะที่ว่านี้กินเวลาราวหนึ่งสัปดาห์ โดยคนส่วนใหญ่จะสามารถฟื้นสภาพร่างกายได้เองเนื่องจากเอาชนะไวรัสได้

    อย่างไรก็ดี บางคนก็อาการแย่ลงเป็นโรคโควิด-19 ในขั้นรุนแรงกว่า

    นี่คือสิ่งที่เราเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ตอนนี้ แต่ก็เริ่มมีงานวิจัยบางชิ้นที่เสนอว่าโรคโควิด-19 มีอาการคล้ายการเป็นหวัด เช่น การมีน้ำมูก เช่นกัน

    โรคโควิด-19 ขั้นร้ายแรง


    บางคนอาการแย่ลงเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายตอบสนองไวรัสมากเกินไป การหลั่งสารเป็นสัญญาณเตือนว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาสามารถทำให้เกิดอาการอักเสบในร่างกาย แต่การอักเสบนี้ต้องอยู่ในระดับที่พอดีสมดุล มากไปจะทำให้เกิดความเสียหายไปทั่วร่างกายได้

    "ไวรัสนี้ทำให้เกิดการตอบโต้ของระบบภูมิคุ้มกันอย่างไม่สมดุล มีอาการอักเสบมากเกินไป เรายังไม่ทราบว่าไวรัสทำเช่นนี้ได้อย่างไร" ดร.นาธาลี แมคเดอร์มอตต์ จากคิงส์คอลเลจลอนดอน กล่าว

    การอักเสบที่ปอดเรียกว่าอาการปอดปวม เป็นไปได้ที่เชื้อจะเดินทางเข้าปาก ผ่านหลอดลม และเข้าไปสู่ถุงลมในปอดในที่สุด ในนี้จะมีกระบวนการการนำออกซิเจนเข้าสู่เลือดและขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป แต่ในภาวะปอดบวม น้ำจะเริ่มเข้ามาในถุงลมเล็ก ๆ และทำให้เกิดอาการหายใจไม่อิ่มและหายใจไม่สะดวกในที่สุด

    ในระยะนี้ บางคนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ข้อมูลจากจีนชี้ว่า 14 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดได้รับผลกระทบในขั้นนี้

    อาการสาหัส

    คาดการณ์ว่ามี 6 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดที่อาการทรุดจนสาหัส ถึงจุดนี้ ร่างกายสู้ไม่ไหวและอาจเสียชีวิตได้ ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถจัดการตัวเองได้ และสร้างความเสียหายไปทั่วร่างกาย อาจเกิดภาวะช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อความดันโลหิตต่ำจนอวัยวะไม่สามารถทำงานได้ หรือหยุดทำงานไป อาการอักเสบที่ปอดทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ไตอาจหยุดฟอกเลือด เยื่อบุลำไส้ถูกทำลาย

    และหากระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถสู้ไวรัสได้ ไวรัสก็จะแพร่กระจายไปทุกที่ที่ทำได้เพื่อทำลายร่างกายเพิ่มอีก

    การรักษาในขั้นนี้อาจต้องใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด หรือ ECMO แต่ร่างกายก็อาจจะเสียหายถึงขั้นที่ไม่สามารถทำงานต่อไปได้อีก

    การเสียชีวิตรายแรก ๆ

    ในวารสารทางการแพทย์ Lancet Medical มีการบันทึกไว้โดยละเอียดกรณีคนไข้สองคนแรกที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาลจินอิ๋นถาน ในเมืองอู่ฮั่นในจีน ตอนแรกคนไข้ทั้งสองดูมีสุขภาพดีแม้จะเป็นคนสูบบุหรี่ คนแรกเป็นชายอายุ 61 ปี มีภาวะปอดปวมรุนแรงเมื่อมาถึงโรงพยาบาล แม้ว่าจะมีเครื่องช่วยหายใจช่วยแต่ปอดก็ล้มเหลวและหัวใจหยุดทำงานในที่สุด เขาเสียชีวิต 11 วันหลังจากมาถึงโรงพยาบาล
    https://www.bbc.com/thai/51898463
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ไทยติดเชื้อเพิ่ม 50 ราย
    #แถลงข่าวครั้งที่55
    FB_IMG_1584680575363.jpg
    กระทรวงสาธารณสุข เเถลงความคืบหน้า การเเพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 20 มีนาคม 2563 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 50 ราย รักษาหาย 43 ราย รักษาอยู่ที่โรงพยาบาล 278 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทำให้ยอดสะสมเป็น 322 ราย

    ขอให้ทุกคนดูเเลตัวเองด้วยนะคะ

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แย่มาก! คนจีนนั่งรถทัวร์มาจาก กทม. ลง สระบุรี
    เอาน้ำลายป้ายทุกเบาะบนรถ ถุยน้ำลายถูตามเสื้อผ้าตัวเองบนรถโดยสาร จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถไฟ มาลงที่สถานีรถไฟหัวลำโพง

    ล่าสุดระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวยังมีพฤติกรรมถุยน้ำลายใส่เจ้าหน้าที่...ตอนนี้ถูกควบคุมตัวตรวจโรคที่ รพ.ศิริราชเรียบร้อยแล้ว
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทางการปักกิ่งแถลง "พบผู้ป่วยCOVID-19 ชาวปักกิ่ง เดินทางเข้าออกหลายประเทศรวมถึงไทยในช่วงที่จีนมีการระบาดหนักตั้งแต่ต้นกุมภาพันธ์ โดยมีอาการป่วยแต่เขียนในแบบฟอร์มสุขภาพหลังเดินทางถึงปักกิ่งว่า แพ้เกสรดอกไม้" ซึ่งเดินทางและพักในฝรั่งเศส-อังกฤษ สองประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนมากเช่นกัน

    .

    สำหรับเส้นทางการเดินทางของผู้ป่วยชายชาวปักกิ่ง วัย49ปีรายนี้ มีดังนี้

    1. ต้นเดือนกุมภาพันธ์ เดินทางจากจีนมาเที่ยวที่ไทย

    2. จากนั้น กลางเดือนกุมภาพันธ์ เดินทางจากไทยไปเที่ยวต่อที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส

    3. วันที่28 กุมภาพันธ์ เดินทางจากฝรั่งเศสไปยังลอนดอน ประเทศอังกฤษ

    4. เริ่มมีอาการป่วยด้วยอาการไอ ในวันที่ 10 มีนาคม ขณะพักที่ลอนดอน

    5. 15 มีนาคม บินจากลอนดอนมายังประเทศไทย โดยพักที่ไทย 2วัน

    6. 17มีนาคม เดินทางจากไทยกลับไปยังกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งเมื่อถึงสนามบิน ได้เขียนแบบฟอร์มสุขภาพ ว่า "มีอาการแพ้เกสรดอกไม้"

    ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อตรวจ โดยพบว่า "ผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นบวก - Positive และจากการทำ CT scan ก็พบความผิดปกติ มีการติดเชื้อ

    7. หลังจากตรวจในวันที่ 17มีนาคม ทางแพทย์ได้วินิจฉัยยืนยันว่า ป่วยCOVID-19

    8. ตามรายงานข่าวของ 央视新闻 (CCTV) ,人民日报(People's Daily) และสื่ออื่นๆ รวมทั้งเว็บไซต์ทางการ ยังไม่มีรายละเอียดพวกหมายเลขเที่ยวบินที่ชายคนนี้นั่งครับ

    .

    ขอให้ทุกคนดูแลตนเองและป้องกันให้ดีนะครับ

    #อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก ลงทุนแมน

    [BREAKING] วันนี้มีคนไทยติดเชื้อเพิ่มขึ้น 50 ราย ยอดสะสม 322 ยอด Active 278 โดยผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาจาก หลากหลายอาชีพ หลายสถานที่ ได้แก่
    -กลุ่มสนามมวย
    -กลุ่มสถานบันเทิง เช่น พนักงาน ลูกค้า
    -ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้า
    -ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ได้แก่ ราชการ, นักศึกษา
    -นักท่องเที่ยวต่างชาติ
    -ผู้ที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนา
    -คนที่ทำงานในสถานที่แออัด เช่น ไกด์, รปภ.

    ที่น่าสนใจคือ ผู้ป่วยทั้งหมด 66% เป็นเพศชาย 34% เป็นเพศหญิง

    โดยช่วงอายุของผู้ป่วยติดเชื้อที่พบมากที่สุดคือ
    -อายุ 20-29 ปี คิดเป็น 19% ของผู้ป่วยทั้งหมด
    -อายุ 30-39 ปี คิดเป็น 29% ของผู้ป่วยทั้งหมด
    -อายุ 40-49 ปี คิดเป็น 17% ของผู้ป่วยทั้งหมด

    <หมายเหตุ> เพจลงทุนแมน นำเสนอตัวเลขแบบ Active Case คือลบรักษาหายกับเสียชีวิตนะครับ ตัวเลขนี้อัปเดตรวม 50 รายวันนี้แล้ว
    - Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์เจาะลึก Blockdit.com/download -

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก ลงทุนแมน

    ออสเตรเลียกำลังเข้าสู่ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในรอบ 29 ปี /โดย ลงทุนแมน
    ถ้าถามว่าตั้งแต่ปี 1991 โลกของเราเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ครั้งไหนบ้าง?

    ปี 1997 วิกฤตการเงินของเอเชียโดยมีจุดเริ่มต้นที่ประเทศไทย ก่อนที่จะขยายวงกว้างไปในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นเมียนมา ลาว ฮ่องกง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน หรือแม้แต่ญี่ปุ่น

    โดยในช่วงระหว่างปี 1997-1998 มูลค่า GDP ของประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเสียหายรวมกันกว่า 7.2 ล้านล้านบาท ขณะที่ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยนานถึง 12 เดือน

    ปี 2000 วิกฤต Dot-Com หรือการเก็งกำไรอย่างบ้าคลั่งในหุ้นเทคโนโลยีในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก่อนที่จะตามมาด้วยการลดลงอย่างรุนแรงของราคาหุ้น เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นระยะเวลา 8 เดือน ขณะที่อัตราการว่างงานพุ่งไปที่ระดับ 6.3%

    ปี 2008 วิกฤตซับไพรม์ สาเหตุหลักเกิดจากการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้ที่มีเครดิตทางการเงินต่ำ จนสุดท้ายเกิดปัญหาลุกลามทำให้สถาบันการเงินบางแห่งถึงขนาดล้มละลาย ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นระยะเวลา 18 เดือน และอัตราการว่างงานพุ่งไประดับ 10.0%

    แต่รู้ไหมว่า วิกฤตเศรษฐกิจทั้ง 3 ครั้งนั้น มีอยู่ประเทศหนึ่งที่ไม่ได้รับผลกระทบจนทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ประเทศนั้นคือ ออสเตรเลีย

    อย่างไรก็ตาม มาวันนี้เรื่องราวที่ออสเตรเลียกำลังเผชิญนั้นกำลังแตกต่างออกไป..
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ออสเตรเลียกำลังจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งหมายถึงการที่อัตราการเติบโตของ GDP นั้นติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน และนี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 29 ปี

    โดยนักเศรษฐศาสตร์มีการคาดการณ์กันว่า
    ไตรมาสที่ 1 GDP ของออสเตรเลียจะติดลบ 0.4%
    ไตรมาสที่ 2 GDP ของออสเตรเลียจะติดลบ 0.3%

    ในปี 2019 ออสเตรเลียมีมูลค่าการส่งออกทั้งหมดเท่ากับ 8.6 ล้านล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 20% ของมูลค่า GDP

    แต่รู้ไหมว่า ตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียนั้นคือ “จีน”..
    โดยจีนมีมูลค่าถึง 1 ใน 3 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด

    ตอนนี้เศรษฐกิจจีนกำลังย่ำแย่
    - ทั้งสงครามการค้าที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2018 จนมาถึงปัจจุบัน
    - การระบาดของ Covid-19 ที่กำลังจะทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตต่ำสุดในรอบ 30 ปี

    จนทำให้หลายคนเกิดความกังวลว่า เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของออสเตรเลีย

    ถ้ายังจำกันได้ ต้นปี 2020 นั้นได้เกิดไฟป่าครั้งรุนแรงที่ออสเตรเลียซึ่งทำลายบ้านเรือนประชาชนเกือบ 2,700 หลัง ฆ่าชีวิตสัตว์ไม่ต่ำกว่า 1,250 ล้านชีวิต รายได้จากการท่องเที่ยวของออสเตรเลียสูญไปกว่า 21,000 ล้านบาท

    นอกจากนี้ ผลกระทบของโรค Covid-19 ก็ส่งผลต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของออสเตรเลียด้วยเช่นกัน ในปี 2019 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้แก่ออสเตรเลียกว่า 1.4 ล้านล้านบาท

    ในปี 2019 มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปประเทศออสเตรเลียกว่า 8.6 ล้านคน ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดคือ นักท่องเที่ยวจีน โดยมีจำนวนกว่า 1.3 ล้านคน

    ปี 2010 นักท่องเที่ยวจีนที่ไปออสเตรเลียนั้นใช้จ่ายเงินรวมกันกว่า 102,000 ล้านบาท
    ปี 2020 รัฐบาลออสเตรเลียประเมินว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มสูงถึง 290,000 ล้านบาท

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คาดไว้ตอนแรกอาจไม่เป็นอย่างที่คิด เนื่องจากการระบาดของ Covid-19 ตอนนี้กำลังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของออสเตรเลีย

    ล่าสุดธนาคารกลางของออสเตรเลียออกมาคาดการณ์ว่า ผลกระทบของโรค Covid-19 และไฟป่าในช่วงต้นปี 2020 นั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายถึง 0.7% ของมูลค่า GDP ของออสเตรเลีย

    พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้มีโอกาสสูงที่เศรษฐกิจของออสเตรเลียจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้

    และสิ่งนี้ก็สะท้อนไปที่ตลาดหุ้นของออสเตรเลีย

    รู้ไหมว่า นับจากต้นปี 2020 ดัชนี S&P/ASX 200 ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมหุ้นขนาดใหญ่ 200 ตัวในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียนั้นลดลงอย่างหนัก ซึ่งคล้ายดัชนีของตลาดหุ้นทั่วโลก ณ เวลานี้

    โดยดัชนีดังกล่าวลดลงไปกว่า 20% ในระยะเวลาเพียง 14 วัน
    ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเร็วมากที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรเลียเลยทีเดียว..
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook - ลงทุนแมน
    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    Line - page.line.me/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman
    References
    -https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-03-09/australia-s-economy-set-for-first-recession-since-1991-mcintyre
    -https://fivethirtyeight.com/features/why-the-housing-bubble-tanked-the-economy-and-the-tech-bubble-didnt/
    -http://www.worldstopexports.com/australias-top-10-exports/
    -https://www.abc.net.au/news/2020-03-08/coronavirus-impact-economy-australia-banking-sector-retail/12035998

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สปป.ลาว ประกาศปิดด่าน (จุดผ่อนปรน) ตั้งแต่ 19 มี.ค. - 20 เม.ย. 2563 ส่วนจุดผ่านแดนถาวร สั่งคัดกรองเข้ม คนที่เดินทางจาก กทม. ต้องกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน

    อ่านข่าว >>> https://www.thaich8.com/news_detail/87338

    #ข่าวช่อง8 #ใครๆก็ดูช่อง8กดเลข27
    #โควิด19 #COVID2019 #ไวรัสโคโรนา

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1584677805.jpg
    "กรณ์ เตือน "วิกฤตแล้ว! ภาครัฐจะใช้งบประมาณแบบสภาวะปกติไม่ได้
    20 Mar 2020

    นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง และหัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟสบุ๊กเรื่อง วิกฤตแล้ว! ภาครัฐจะใช้งบประมาณแบบสภาวะปกติไม่ได้
    ข้อความดังนี้


    1584677760_3.jpg

    กรณ์ จาติกวณิช

    งบประมาณแผ่นดินปี 2563 ได้ถูกจัดเตรียมไว้ตั้งแต่ปี 2562
    วันนี้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
    .
    วันนี้รัฐบาลต้องเตรียมงบเพื่อรองรับความต้องการทางแพทย์ในกรณีที่ผู้ป่วยอาจจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว และงบประมาณเพื่อดูแลประชาชนจำนวนมากที่เดือดร้อนอย่างหนักจากสภาวะเศรษฐกิจ รวมไปถึงหล่อเลี้ยงผู้ประกอบการ SME และผู้ค้ารายย่อยที่ขาดรายได้ เพื่อให้เขาอยู่รอด และไม่ต้องปลดพนักงาน รวมถึงมาตรการที่รัฐแบ่งรับภาระค่าแรง/ค่าว่าจ้างให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
    .
    ทั้งหมดอาจจะต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำ
    อย่าให้เงินประชาชนขาดมือ ต้องใช้หลัก "ประคองเงินหมุน"
    [[ นายกฯ เรียกงบคืนได้ทันที กระทรวงละ 10% เพื่อสู้วิกฤต ]]

    ท่านนายกรัฐมนตรี สามารถเรียกสั่งให้ทุกกระทรวงคืนงบอย่างน้อย 10%
    พร้อมโอนงบส่วนนี้มาเป็นงบฉุกเฉินเพื่อใช้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการรองรับ Covid

    10% ของ 3.3 ลล. บาทคือ 330,000 ล้าน ซึ่งผมมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่ทำได้และต้องทำ
    .
    งบดูงานต่างประเทศ งบสัมมนาในประเทศ งบสันทนาการ งบจัดเลี้ยง งบอื่นๆที่ไม่มีทางใช้ทันสิ้นปีงบประมาณนี้ และ...ใช่ครับ รวมถึงงบกลาโหมบางส่วนที่โยกไปเป็นปีหน้าได้ ตอนนี้ไม่มีอะไรเร่งด่วนกว่า การขาดเงินสด และการดูแลประชาชนจากโควิดอีกแล้ว
    .
    ความเดือดร้อนของประชาชนวันนี้หนักหนาสาหัส และสำคัญกว่าหลายเรื่องที่อยู่ในแผนการใช้เงินปัจจุบันตามระบบราชการเดิม
    .
    ต้องรีบเอาเข้าครม. และออกพรก.โอนงบประมาณ ซึ่งด้วยความจำเป็นเร่งด่วน น่าจะใช้อำนาจรัฐบาลออกเป็นพระราชกำหนดได้เลยโดยไม่ต้องเข้าสภาฯ

    ทั้งหมดนี้..ทำได้โดยไม่กระทบวินัยทางการคลัง


    https://www.thansettakij.com/content/politics/425571?ad=
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2020
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พนักงาน แห่ถอนเงินสหกรณ์ 5 พันล้าน หวั่นการบินไทยล้ม ออกระเบียบสกัด!
    20 มี.ค. 2563-12:28 น.

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงสัปดาห์นี้พนักงานของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ทยอยมาถอนเงินออกจากบัญชีของสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุดพบว่ามีการถอนเงินออกไปแล้ว รวม ประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 19 มี.ค. เพียงวันเดียวพบว่ามีการขอถอนเงินออกกว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากพนักงานเริ่มไม่มั่นใจฐานะของบริษัทที่ปัจจุบันมีผลขาดทุนสูงถึง 1.2 หมื่นล้าน รวมทั้งยังประสบกับภาวะวิกฤติต้องหยุดทำการบินหลานเส้นทางจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19ที่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะยุติเมื่อไหร่

    ส่งผลให้เมื่อวานนี้(19มีค) นายพิทยา ทิพยโสตถิ ประธานกรรมการ สหกรณฯ ต้องเร่งออกประกาศเร่งสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัทการบินไทยจำกัดที่ 17 / 2563 เรื่องการรับฝากเงินสำหรับบัญชีที่ถอนเงินรายใหญ่ โดยมีการกำหนด ให้พนักงานที่มีการถอนเงินออกจากสหกรณ์ฯ ในวงเงินตั้งแต่ 2ล้านบาท ขึ้นไป จะต้องเว้นระยะเวลาการนำเงินกลับมาฝากยังสหกรณ์ฯอีกครั้ง ไม่น้อยกว่า6เดือนนับจากวันที่ถอนเงินจำนวนดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1มี.ค. 63เป็นต้นไป เพื่อเป็นการชะลอการแห่ถอนเงินออกจากบัญชี เพื่อให้การบริหารเงินกองทุนสหกรณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

    นายพิทยา กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้เกิดเหตุพนักงานสหกรณ์มาทยอยถอนเงินมากกว่าภาวะปกติจริง เนื่องจากหลายคนตื่รตระหนกและกังวลเกี่ยวกับฐานะบริษัทและกระแสข่าวเรื่องล้มละลาย ซึ่งขณะนี้สหกรณ์ ได้ขี้แจงทำความเข้าใจกับพนักงานว่าไม่ต้องตื่นตระหนกเนื่องจากสหกรณ์ยังมีความมั่นคง มีเงินฝากมากถึง 3 หมื่นล้านบาท เพียงพอที่จะรองรับการเบิกถอนได้ตามปกติ รวมทั้งมีการนำเงินฝากไปลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่าน มา คือม.ค.-ก.พ.2563 สหกรณ์สามารถบริหารงานมีกำไรมากถึง 275 ล้านบาท

    “ยืนยันว่าฐานะสหกรณ์เรามั่นคง ไม่มีความเสี่ยงอะไร ไม่จำเป็นจะต้องมาถอนเงิน แต่จำเป็นต้องออกประกาศเรื่องการเบิกถอนมา เพื่อไม่ให้เงินสดไหลออกมากผิดปกติจากปัญหาตื่นตระหนก และให้ง่ายต่อการบริหารเงินในพอร์ต ผมไม่เข้าใจสมาชิกที่มาถอนเงิน ตอนที่เห็นว่าสหกรณ์มีประโยชน์ก็มาฝากเงินกันเพื่อเอาประโยชน์ได้ดอกเบี้ยแพงๆ ไม่ต้องเสียภาษี แต่พอตกใจกลัวก็มาถอนเงินกัน โดยไม่ได้มองผลประโยชน์ในภาพรวมในระยะยาว”

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ สหกรณ์ ออมทรัพย์การบินไทยมี ทุนดำเนินการทั้งสิ้น 58,000ล้าน มีสัดส่วนการลงทุน โดยแบ่งเป็นให้สมาชิกกู้ 27,000ล้าน 46% ให้สหกรณ์อื่นกู้ 12,900ล้าน 23% ลงทุนภายนอก 10,400ล้าน 18% และเงินฝากธนาคาร7,700ล้าน 13%

    0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-696x616.jpg

    https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_3788731
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2020
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก การลงทุน

    [ ‼️ ด่วน ] ขณะนี้เกิด Panic Sell กับตลาดตราสารหนี้ อย่างรุนแรง

    โดยใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินหายไปในทรัพย์สินสุทธิ ของกองทุน TMBABF 18,107 หมื่นล้านบาท ! (-25.58%) นี่แค่ 1 กองทุนเองนะ

    ส่งผลให้กองทุนขณะนี้ จัดสรรเงินไม่ทัน ทำให้ปกติเงินที่ขายออกมาต้องรอ T+1 กลายเป็น T+5 ซะแล้วไง

    ผลกระทบมาแน่ พวกบริษัทที่มีหุ้นกู้ ต้องขาดเงินในการทำธุรกิจแน่ๆ

    ผลกระทบอย่างต่ำตอนนี้ เงินหายในตราสารหนี้ มากกว่า 1 แสนล้านบาท !

    จากการหวาดกลัวในการตัวเลข ผิดชำระหนี้ กำลังมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในทั่วโลก ส่งผลให้ทุกคนเทขายออกมา

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก สำรวจโลก
    FB_IMG_1584696590900.jpg
    สธ.แถลง พบ #ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

    วันที่ 20 มีนาคม 2563 เพิ่ม 50 ราย

    ยอดรวมสะสม 322 ราย

    กลุ่มสนามมวย 18 ราย
    กลุ่มสถานบันเทิง 5 ราย
    กลุ่มสัมผัสกับผู้ป่วยอยู่แล้ว 12 ราย
    กลุ่มผู้ป่วยไทยเข้าร่วมพิธีทางศาสนาประเทศมาเลเซีย 6 ราย
    เดินทางกลับจากต่างประเทศ 4 ราย
    ทำงานพื้นที่แออัด 2 ราย
    ผู้ป่วยรอยืนยันที่มา 3 ราย

    ที่มา ศูนย์ข้อมูล COVID-19

    ดูหนังจากฮอลลีวูดง่ายๆ ไม่ต้องออกไปพบปะผู้คนที่โรงภาพยนตร์ ลดความเสี่ยงจากการเป็นโรค COVID-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ รวมทุกความบันเทิงจาก FOX HD ชัดที่สุด

    #โควิด19 #โคโรน่าไวรัส #Coronavirus #Covid19

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Brenes

    ลมพัดแรงสร้างความเสียหายให้กับหูเป่ย, ประเทศจีน

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ✔ฝนตกชุกใน Mosul และ Zakho ในอิรักวันนี้ ... มีรายงานผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ 6 คน

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผวา! หนุ่มนิรนาม ล้วงเป้ากางเกง แตะน้ำลาย ป้ายทั่วลิฟท์ BTS

    ล่าสุด มีการเผยแพร่คลิป เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของรถไฟฟ้าบีทีเอส สนามกีฬาแห่งชาติ โดยตามเวลาจากกล้องวงจรปิดที่ระบุ 05.22. ของวันที่ 20 เมษายน ปรากฎภาพ ชายคล้ายชาวจีน สวมเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงขาสั้น สีแดง สะพายกระเป๋าเป้ด้านหลัง เข้าออกลิฟท์โดยสารไปมา 2 – 3 ครั้ง และมีพฤติกรรมที่น่าหวั่นวิตก โดยการใช้นิ้วแตะที่ปากแล้วนำไปสัมผัสกับปุ่มกด แล้วไปตามผนังลิฟท์โดยสารหลายจุด จากนั้นมีการล้วงเข้าไปในกางเกงแล้วสัมผัสตามจุดต่างๆ ของลิฟท์ ก่อนจะเดินออกไป

    The post ผวา! หนุ่มนิรนาม ล้วงเป้ากางเกง แตะน้ำลาย ป้ายทั่วลิฟท์ BTS appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลาวแห่ตุนอาหาร น้ำมัน หวั่นด่านปิดยาวป้องกันโควิด-19 เข้าประเทศ
    ทางการลาวสั่งปิดด่านปากกระดิ่ง ตรงข้ามบึงกาฬสกัดโควิด-19 เข้าประเทศ ประชาชนเดือดร้อน ข้ามแดนแห่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค น้ำมันเชื้อเพลิงไปกักตุน แนวโน้มน่าจะปิดยาว
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตร.ชี้ คลิปหนุ่มป้ายน้ำลายทั่วลิฟต์บีทีเอส อาจผิด พ.ร.บ.รักษาความสะอาด
    “รองฯแจ๊ค” เผยคลิปว่อนโซเชียล หนุ่มป้ายน้ำลายทั่วลิฟต์บีทีเอส อยู่ระหว่างควบคุมตัวมาตรวจสอบ เบื้องต้นอาจเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด หากติดเชื้อโควิด-19 เจอโทษหนัก
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนไทยในอังกฤษ โอดรัฐไม่ชัดเจน กลับประเทศต้องมีใบรับรอง แห่ขอล้นสถานทูต

    จากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) เริ่มแพร่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลให้คนไทยที่อยู่ต่างประเทศต้องการเดินทางกลับประเทศไทย

    ทั้งนี้ทาง สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ออกประกาศฉบับใหม่ กำหนด ผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทุกประเทศ ต้องมีใบรับรองแพทย์ โดยชาวต่างชาติต้องมีประกันภัยโควิด-19 ไม่น้อยกว่า 100,000 เหรียญดอลลาร์ ส่วนคนไทยต้องมีหนังสือรับรองจากสถานทูตด้วย ซึ่งเริ่มบังคับใช้ 22 มีนาคม นี้นั้น

    ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก Amthaipaper (หนังสือพิมพ์ไทยในอังกฤษ) ได้โพสต์ภาพบรรยากาศหน้าสถานทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ที่มีคนไทยจำนวนมากแห่ต่อคิวแน่น เนื่องจากมีบริการแพทย์ไทยตรวจร่างกายและออกใบรับรองให้

    ขณะที่ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sirada K Ning ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า

    ผู้บริหารระดับประเทศไม่ใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่จัดการปัญหาอย่างบูรณาการ ผลกรรมตกอยู่กับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ รวมถึงประชาชนเอง ..

    สถานการณ์
    1. ประเด็นล่าสุดคือเรื่องที่ให้คนไทยในพื้นที่เสี่ยงที่อยากกลับไทยต้องขอใบรับรองนั่นนี่อย่างวุ่นวาย และประกาศอย่างกระชั้นชิด สร้างความสับสน แม้กระทั่งในหมู่ข้าราชการเอง

    2. ตอนนี้ที่ลอนดอน ทางสถานทูต สนร. และนักเรียนทุนด้านแพทย์และวิทยาศาสตร์บางคนต้องมาช่วยกันแก้ปัญหาหน้างานเอาเอง อาสาสมัครมาช่วยตรวจและหาอุปกรณ์กันเอง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการหาใบรับรองแพทย์ในระยะเวลากระชั้นชิดแบบนี้

    3. ทางออกเพิ่งคิดกันได้หลังเที่ยงคืนเมื่อคืนนี้ เพราะประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนก็ออกมาตอนเย็นๆเมื่อวานแล้ว (ตามเวลาที่นี่) เป็นทางออกที่ผ่านการเจรจาต่อรองกับที่ไทยแล้วว่าให้อนุโลมเป็นการออกใบรับรองแพทย์จากคุณหมอคนไทย(ภายใต้การดูแลของสถานทูต)ได้

    ปัญหา
    1. ประกาศนี้มิได้ผ่านการปรึกษาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างกระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตที่ต้องมารับภาระหน้างาน ดีลกับประชาชนในต่างแดน ต้องรับคำวิจารณ์จากประชาชนโดยที่ก็ยังไม่มั่นใจในขั้นตอนด้วยซ้ำ และไม่ใช่ทุกสถานทูตจะทำตามด้วย มีบางที่ปฏิเสธที่จะทำ

    2. เพราะมันเกี่ยวข้องกับอำนาจของประกาศนั้น ทั้งที่ผู้มีอำนาจในการห้ามคนเข้าประเทศเพื่อประโยชน์ต่อการควบคุมโรคระบาดคือกระทรวงสาธารณสุข แต่สำนักงานการบินพลเรือนใช้อำนาจในการควบคุมการเดินทางมาทำเช่นนี้ …ตอนนี้เหมือนเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะสถานทูตก็ไม่มั่นใจว่าประชาชนถูกปฏิเสธให้ขึ้นเครื่องหรือไมหากไม่มีใบดังกล่าว เกินขอบเขตอำนาจในจุดๆนั้น ตอนนี้จึงเป็นการบริการประชาชนล้วนๆ

    3. คนชาติตัวเองควรถูกปฏิเสธการเข้าประเทศตัวเองได้จริงๆหรือ ตรงนี้เป็นหลักการที่สำคัญมากที่ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศก็ยังไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตรงนี้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีควรจะมาช่วยควบคุมดูแลไหม ทำให้ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

    4. ประกาศนี้ผลักให้ประชาชนต้องเสี่ยงต่อโรคมากขึ้น เพราะต้องมารวมกันอย่างแออัดในจุดเดียว คุณหมออาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ก็เสี่ยงไปด้วย และเจ้า fit to fly certificate ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าไม่มีcovidนะ เป็นการตรวจร่างกายคร่าวๆ เช็คความดัน เช็คออกซิเจนในเลือด …ถ้าไปหาprivate GP ก็เสี่ยงที่จะเจอบริการที่แพงจนเกินเหตุ หรือหากอยู่นอกลอนดอนก็หาบริการได้ยากมากๆ

    5. ณ สถานทูต ก็ยังไม่วายมีคนบางส่วนพยายามอยากใช้อภิสิทธิ์หน้างาน ขอลัดคิวในการตรวจโดยการอ้างผู้ใหญ่ท่านนั้นท่านนี้ อยากบอกพวกท่านว่ายามหน้าสิ่วหน้าขวานยังจะมาเบียดเบียนคนอื่นๆอีก พอเถอะ ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่สถานทูตด้วยที่ยืนหยัดให้บริการประชาชนเต็มที่

    สรุป.. รัฐบาลส่วนกลางคุณจะไม่ใช้อำนาจบริหารที่มีอยู่ล้นมือทำอะไรเลยหรอ ตอนนี้รัฐราชการมากๆ แต่ละหน่วยงานต้องมาดำเนินงานกันเอาเอง ไล่มาตั้งแต่กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ตอนนี้ก็มากระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงคมนาคม … ยังไม่รวมหน่วยงานระดับจังหวัดทั้งหลาย เหมือนปกครองกันเองแล้ว

    ด้าน เฟซบุ๊ก Royal Thai Embassy, London UK ได้ออกมาโพสต์ข้อมูลแจ้งว่า ทางสถานทูตจะเปิดหน่วยบริการพิเศษขึ้น ที่โรงแรม Hilton Garden Inn Heathrow Terminal 2, Meeting 1-2 (Royal Thai Embassy) เพื่อเป็นจุดขอรับหนังสือรับรองการเดินทางจากสถานทูต ตั้งแต่วันที่ 20-31 มีนาคม 2563 ระหว่างเวลา 08.00 – 20.00 น. โดยต้องแสดงหนังสือเดินทาง บัตรโดยสารเครื่องบิน และใบรับรองแพทย์ (Fit to Fly) ด้วย



    The post คนไทยในอังกฤษ โอดรัฐไม่ชัดเจน กลับประเทศต้องมีใบรับรอง แห่ขอล้นสถานทูต appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บริการของสถานทูตจะขยายเวลาและสถานที่ ตรวจฟรี

    ***บริการพิเศษออกหนังสือรับรองฯ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน***

    ***หน่วยบริการพิเศษของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ณ โรงแรม Hilton Garden Inn Heathrow T2*** (ต้องนำใบรับรองแพทย์มาเอง เพื่อขอใบรับรองการเดินทางจากสถานทูต)

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก เคล็ดวิชาครีเอทีฟ

    ตามที่ประเทศไทยได้มีนโยบายการนำ application มาใช้ในการเก็บข้อมูล ควบคุม และติดตามผู้ที่เดินทางเข้าสู่ราชอาณาจักรไทย เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 นั้น

    ในฐานะที่ผมได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในหนูทดลอง ให้กับทาง AOT หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวง DES หรือสตาร์ทอัพเอกชนต่างๆ ผมและผู้โดยสารท่านอื่นๆ ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงกลับพบปัญหาและจุดบกพร่องหลายประการ

    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ไม่เพียงพอ ระบบที่ใช้รองรับการโหลด application ไม่พร้อม รวมไปถึงการควบคุมฝูงชนที่ดูยังไงก็ไม่ใช่มาตรการรับมือกับโรคระบาดอย่างแน่นอน

    ต้นเรื่องคือ ผมเดินทางมาจากเยอรมนี โดยมีการ transit เปลี่ยนเครื่องที่ Dubai International Airport โดยสายการบิน Emirates ทำให้ เครื่องบิน Airbus A380-800 ลำนั้นเป็นการมาบรรจบกันของคนที่ต้องการเดินทางกลับจากเยอรมนี อังกฤษ และไม่ทราบว่ามีประเทศเสี่ยงอื่นๆ อีกหรือไม่ พวกเราแลนด์ที่สุวรรณภูมิในวันที่ 18 มีนาคม เวลา 12:06 นาฬิกาครับ

    ด้วยขนาดของเครื่องที่จุผู้โดยสารได้กว่า 616 ที่นั่ง ประมาณการด้วยสายตาว่าจำนวนผู้โดยสารน่าจะเกิน 80% ของลำ แปลว่า 500 กว่าคนในไฟลท์นั้น หากผมจะพูดว่าอาจจะมีหนึ่งคนที่มีเชื้อก็ดูจะไม่เป็นการกล่าวเกินจริงไปนัก

    เอาล่ะ ต่อมาเรามาเข้าใจกันก่อนครับว่า สิ่งที่ทางสนามบินต้องการให้เราทำก่อนการผ่านตรวจคนเข้าเมืองนั้นคืออะไร และหลังจากนั้นผมจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผมพบเจอกับตนเอง แล้วจึงจะทำการวิเคราะห์และสรุปเป็นข้อเสนอแนะ เพื่อส่งต่อให้ผู้มีอำนาจได้โปรดพิจารณา ในฐานะผู้ที่เป็นหนูทดลอง และนักสื่อสารในขณะเดียวกัน

    A. สิ่งที่ควรจะเป็น

    ตามรายงานการแถลงข่าวโครงการ #ThaiFightCOVID เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้นำเสนอแอปพลิเคชัน “AOT Airports” โดยอ้างอิงจากข่าวในเว็บไซต์ techsauce.co

    จากเนื้อข่าว สรุปพอสังเขปได้ว่า เจ้า แอป AOT Airports นี้เป็นการ “เก็บข้อมูล” เพื่อติดตามคนสองกลุ่มที่โดยสารเข้ามายังประเทศไทยครับ

    1. นักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคน
    2. ชาวไทยที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง
    (ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 พ.ศ. 2563 ซึ่งในวันนี้น่าจะเปลี่ยนมาใช้ฉบับที่สองแล้ว ซึ่งมีทั้งสิ้น 14 ประเทศ + 2 เขตบริหารพิเศษ)

    โดยแอปนี้จะติดตามผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการร่วมมือกับหน่วยงานมากมายทั้งภาครัฐและเอกชน

    ยังไม่เพียงเท่านี้ครับ ท่านรัฐมนตรียังย้ำอีกว่า ผู้โดยสารที่มีเบอร์ไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เปิดโรมมิ่งไว้แล้วสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากคิวอาร์โค้ดที่ติดตั้งไว้ ณ จุดคัดกรองได้ทันที ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่มีซิมการ์ดสามารถซื้อซิมการ์ดจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่วางจำหน่ายบริเวณจุดคัดกรองในราคา 49 บาท และสามารถใช้ได้ 14 วัน

    ซึ่งหลังจากโหลดแอปนี่แล้ว ทุกคนจะต้องลงทะเบียนกรอกข้อมูลส่วนบุคคลประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หรืออีเมล์ ก่อนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจะถูกดูแลต่อโดยกรมควบคุมโรค ซึ่งวิธีการก็ฟังดูไม่ยากครับ กรอกแบบฟอร์ม ต.8 ที่เป็น function หนึ่งในแอป AOT Airports นั่นแหละครับ ซึ่งตามหลักการข้อมูลจะถูกลบออกภายใน 14 วัน

    ฟังดูดีทั้งหมดนะครับ เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา ฉับไว ลดการส่งต่อเอกสารจากมือสู่มือ ลดความเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่

    คราวนี้มาลองฟังสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกันครับ

    B. สิ่งที่เกิดขึ้นจริง

    หลังจากผู้โดยสารลงจากเครื่องและเริ่มเดินไปยังโซนตรวจคนเข้าเมือง คาดว่ามีการติดตั้งเครื่อง Thermoscan เป็นจุดๆ บริเวณทางเลื่อนอัตโนมัติครับ ซึ่งผมก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น อาจจะเพราะรีบเดินเกินไป แต่ผมเห็นว่ามีการตั้งโต๊ะอยู่เป็นบางจุด แต่ก็ไม่ได้มีอะไร ก็ปล่อยให้ผู้โดยสารเดินผ่านกันไป

    เมื่อมาถึงโซนคัดกรองที่ท่านรัฐมนตรีได้กล่าวไว้ ความจริงที่ปรากฏคือ จุดคัดกรองที่ว่าเป็นเพียงการเอา Rope Barrier มากั้นยาวเพื่อไม่ให้ผู้โดยสารเดินผ่านเข้าไปยังจุดตรวจคนเข้าเมืองได้

    ไม่มีการแยกแถว ทุกคนออกันอยู่ดั่งว่ากำลังมุงขอลายเซ็นดาราซักคนหนึ่ง

    บริเวณตรงนั้นมี Standy ขนาดเมตรครึ่ง 2 อัน

    บนป้ายไวนิลมี QR code ตามที่ท่านรมต. บอกครับ อยู่ติดพื้นล่างสุดต้องก้มลงไปยิง ยังดีที่มีการนำประกาศมาปิดบนเสาใหญ่ๆ ให้พอเห็นได้ทั่วกัน

    โดยข้อความบนแผ่นนั้นก็อธิบายว่าให้โหลดแอป AOT Airports เพื่อทำการกรอก ต.8 ครับ

    ผมก็ทำตามที่บอก โดยใช้ data โทรศัพท์ของตัวเอง

    ผมพบกับความจริงข้อแรกว่า แอปมีขนาด 103MB ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่มาก โดยเฉลี่ยแล้วแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนทางฝั่งแอนดรอยด์จะอยู่ที่ 11.5MB ส่วนทางฝั่งของ iOS คือประมาณ 34.3MB ครับ หากเทียบกับแอปติดตามตัวทั่วๆ ไป ก็มีขนาดไม่เกิน 50MB เช่นกัน

    จุดสังเกตแรกของผมคือแอปนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้โดยเฉพาะครับ แต่เป็นการสอดไส้ function ใหม่ในแอปเดิมที่ “ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการติดตาม” ผู้ที่มีความเสี่ยงครับ

    เพราะในแอปมี function มากมาย คุณอยากจะดูตารางการบินเหรอ สบายมาก อ้อมี Bonus Points ให้ด้วยสำหรับการสมัครบัญชีผู้ใช้ใหม่

    ในแอปนี้รับโฆษณาด้วยนะครับผม ธรรมดาที่ไหน

    แต่เอาล่ะ ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อไฟล์มีขนาดใหญ่ คือการโหลดย่อมต้องใข้เวลา ก็ทำให้คนต้องมากระจุกตัวกันอยู่ตรง “จุดคัดกรอง” ที่ว่าครับ

    หลังจากโหลดเสร็จ เมื่อเข้าไปในแอป สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือการขอ permission เพื่อใช้งาน Bluetooth คำถามที่เกิดขึ้น แม้กระทั่งกับเจ้าหน้าที่ที่คอยให้คำแนะนำคือ “เพื่อ?”

    ซึ่งหากผมไม่ยินยอม ก็ทำให้เข้าแอปไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าแอปไม่เสถียร และมีเจตนาอื่นแอบแฝงหรือไม่
    (วันนี้ลองเข้าดูแอปเด้งทั้งวันครับอัพเดตใหม่เห็นว่าเพิ่มตารางบินแบบรีลไทม์มาให้ด้วย ว้าวมั้ยล่ะ แต่ log in ไม่ได้แล้วนะ งงมั้ย)

    อ่ะไปต่อครับหลังจากยินยอมเสร็จ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการ Sign Up บัญชีผู้ใช้ของตัวแอปเองก่อนครับ

    Interface ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ อีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นคือ คนไทยบางท่านไม่แม่นหรือไม่รู้ภาษาอังกฤษ ทำให้เกิดการชุลมุนวุ่นวายขึ้น

    นอกจากเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่เพียงน้อยนิด จะต้องแยกร่างเพื่อช่วยเหลือทุกคน (เสี่ยงกับคนทำงานมากๆ ครับ เพราะเข้าใกล้กลุ่มเสี่ยงในระยะที่หายใจรดต้นคอกัน บางท่านไม่มีหน้ากากอนามัย ฝากผู้ใหญ่ช่วยเหลือด้วยครับ) เด็กๆ นักศึกษาอย่างพวกผม ที่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อหรือไม่ ก็ต้องคอยช่วยเหลือ ทั้งชาวต่างชาติและคนไทยบางท่านที่มืดแปดด้านครับ

    บางท่านยังจำเบอร์โทรศัพท์ตัวเองไม่ได้เลย นึกภาพแม่ๆ เราที่ใช้สมาร์ทโฟนได้เท่าที่ลูกสอนสิครับ แล้วบอกให้พวกท่านมาโหลดแอปเพื่อกรอกข้อมูลต่างๆ นานา มันยากซะยิ่งกว่าอะไรดี

    วันนั้นวันเดียวผมจับโทรศัพท์ของคนอื่นไป 3 เครื่องครับ เพื่อพยายามช่วยเหลือ เพราะอดสงสารไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็กลัวว่าเราจะเป็นคนไปแพร่เชื้อสู่คนอื่นหรือเปล่า แล้วเจ้าหน้าที่ล่ะครับ พวกเขาโดนรุมไปด้วยชาวต่างชาติ ที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบอกว่าเสี่ยงหนักหนา พวกเขาต้องจับโทรศัพท์ เงี่ยหูฟัง คลุกคลีกับคนกลุ่มเสี่ยงแบบนั้นทั้งวันใช่หรือไม่

    เอาล่ะ ไปต่อครับ ขั้นตอนหลังจาก sign up เสร็จ ก็คือการหาเจ้า function ที่ไว้กรอก ต.8 ครับ คือต้องเลื่อนลงมาเพื่อให้เจอ ปุ่มแดงๆ ปุ่มหนึ่ง

    หลังจากนั้นก็ทำการอัพโหลดรูปพาสปอร์ต และกรอกข้อมูล ซึ่งมากกว่าที่ท่านรมต. ว่าไว้นะครับ หากจำเจ้าใบคนเข้าเมืองที่เราเคยกรอกกันได้สมัยก่อน ที่ชาวต่างชาติต้องกรอกกัน ที่เค้าแจกบนเครื่อง มันก็คือเจ้าตัวนั้นแหละครับ

    อ๋อ ที่ท่านรมต. บอกว่ามีซิมขายให้ชาวต่างชาตินะครับ ผมไม่เห็นจะมีเลยนะครับ เจ้าหน้าที่ทำได้เพียงแต่บอกให้ใช้ WiFi ฟรีของสนามบิน ซึ่งช้ามาก ฝากด้วยนะครับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สัญญาไว้ทำได้จริงไหม?

    พอกรอกเสร็จ หากคุณทำสำเร็จนะ คุณก็ผ่านไปหาพี่ๆ ตรวจคนเข้าเมืองได้ครับ โดยต้องเบียดเสียดฝูงชน เพื่อนำตัวเองผ่าน Rope Barrier เข้าไป เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ท่านใดว่างมาคอยเปิดทางให้ครับ

    พี่ๆ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองน่ารักมากครับ พยายามช่วยเหลือทุกอย่าง ผมยกมือไหว้ให้ท่านหนึ่งมาช่วยเหลือคุณป้าคนไทยกับสามีที่เป็นคนต่างชาติ พี่เค้ายินดีเต็มที่มาก โดยไม่มีท่าที่ระแวงเลยว่าคนที่ตนคลุกคลีอยู่ด้วยคือคนจากกลุ่มเสี่ยง ขอกราบหัวใจพี่ๆ เจ้าหน้าที่ทุกท่านครับ

    ในระหว่างที่กำลังชุลมุนวุ่นวายนั้น ชาวต่างชาติบางท่านถึงกับทรุดตัวลงนั่งบนพื้น กลางสนามบินที่เป็นหน้าเป็นตา เป็นความภูมิใจของประเทศด้วยความสิ้นหวัง อย่าลืมนะครับว่าสนามบินคือพื้นที่เสี่ยง เหตุการณ์แบบนี้ควรจะเกิดขึ้นที่ “จุดคัดกรอง” หรือครับ?

    แล้ว ณ วันนี้ วันแรกของการกักตัวอยู่บ้านโดยสมัครใจของผม ผู้ที่เดินทางมาจากเยอรมนีที่มีผู้ติดเชื้อกว่า 10000 เคส ผมขอถามว่า วันนี้ผมไม่สามารถ log in เข้าสู่แอป AOT Airports ได้

    แล้วแบบนี้การติดตามตัวโดยใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยังใช้ได้อยู่ไหม?

    แล้วที่ให้พวกผมเสี่ยง ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต้องมาเสี่ยงในการติดเชื้อแบบนี้ มันให้ผลสัมฤทธิ์ตามที่ท่านๆ ต้องการไหม?

    หรือพวกท่านเห็นคนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ เป็นเพียงยอดดาวน์โหลดแอป ที่ถูกพัฒนามาแบบชุ่ยๆ ครับ

    วอนขอให้ชี้แจงทีครับ

    ต่อไปที่ช่วงที่ 3 ครับ เราเป็นคนสร้างสรรค์ เมื่อตำหนิแล้วก็ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อ เพื่อให้ผู้ที่เดินทางมาในวันต่อๆ ไป ไม่ต้องเจอปัญหาแบบพวกผม และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานไม่ต้องเสี่ยงอย่างที่เป็นอยู่ครับ

    C. สิ่งที่อยากเสนอแนะ

    1. “ทำจุดคัดกรอง ให้เป็นจุดคัดกรอง”
    แยกสิครับ ชาวไทยกับชาวต่างชาติที่เดินทางมา ในเมื่อระดับความเสี่ยงท่านๆ ก็ทราบดีว่าต่างกัน แล้วพอไปถึงตรวจคนเข้าเมืองก็ต้องแยกอยู่ดี

    2. “ควบคุมฝูงชน ด้วยการสื่อสาร”
    ที่นี่คือสนามบินครับ ไม่ใช่โรงพยาบาล ระบบเสียงตามสายท่านก็มี ท่านก็ชี้แจงขั้นตอนการคัดกรองของท่านได้นี่ครับ หรือจะใช้โทรโข่ง อะไรก็แล้วแต่ จัดหาได้ไม่ยากครับ การจะควบคุมคนให้ทำในสิ่งๆ เดียวกัน ท่านต้องสื่อสารเพื่อดึงให้คนทำตามครับ ไม่ใช่ปล่อยให้กรูรุมเจ้าหน้าที่ หรือ งมตามป้ายเอา

    3. “จำกัดจำนวนในจุดคัดกรอง”
    จำกัดเลยครับ พื้นที่มีเท่านี้ รองรับคนได้เท่านี้คนในสถานการณ์ที่มีการระบาด หากจุดคัดกรองไหนเกิน capacity ก็ให้เจ้าหน้าที่ตั้งกำแพงมนุษย์เลย ใครเกินให้เดินไป checkpoint ถัดไปสิครับ ไม่ต้องปล่อยให้มามุง ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่ตะโกนด้วย

    4. “ศึกษาวิธีการอื่นในการกรอก ต.8”
    การโหลดแอปไม่ใช่วิธีที่ effective และ efficient ที่สุดครับ โดยเฉพาะขนาดไฟล์ที่ใหญ่ขนาดนั้น บางทีเราอาจใช้เป็น website แทน เข้าไปกรอกง่ายๆ ไม่ต้องเสียงเวลาโหลด

    5. “ทำขั้นตอน 1-2-3”
    หลักเบสิคของการทำ activation เลยครับ ต้องจบใน 3 ขั้นตอน ไม่งั้นสื่อสารยากครับ ถ้าเป็นการใช้เว็บ ก็ง่ายๆ “1. เข้าเว็บ 2. กรอก 3. จบ!” ประมาณนี้พอได้ไหมครับ

    6. “ดีลกับหลังบ้านเพื่อติดตามตัว”
    ขอความร่วมมือจากผู้ให้บริการสิครับ จะให้มันปิงจากสัญญาณอะไรก็ได้ ให้พวกผมเซ็นยินยอมตอนกรอกแบบฟอร์มก็ได้ครับ ว่าสำหรับ 14 วันนี้โดยเฉพาะอนุญาตให้ติดตามสัญญาณโทรศัพท์ หรืออะไรก็แล้วแต่ การใช้แอปที่มี GPS tracking ไม่ใช่วิธีเดียวนะ พวกคุณไปทำงานหลังบ้านกันได้อยู่แล้ว

    7. “ร่วมมือกับสายการบิน”
    ยากไปไหมครับข้อนี้ หากจะให้สายการบินช่วยส่งอีเมลแจ้งเตือนผู้ที่มีตั๋วโดยสารเข้าสู่ประเทศ ว่าให้เตรียมตัวกรอกแบบฟอร์มเหล่านี้ จึงจะผ่านตรวจคนเข้าเมืองได้ แจ้งให้พวกผมเตรียมตัวมาก่อนเลย ให้รู้เลยว่าจะลงเครื่องแล้วมาเจออะไร

    8. “วอนผู้ใหญ่มาดูแล”
    หากไม่เป็นการรบกวน วอนผู้ใหญ่มาสังเกตุการณ์ทีครับ ผมเข้าใจว่าสถานการณ์แบบนี้เป็นสถานการณ์เฉพาะ ไม่มีใครเตรียมตัวมาเพื่อรับมือกับอะไรแบบนี้ แต่การที่คนมีอำนาจสั่งการมากำกับดูแล มันสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้นี่ครับ รวมทั้งเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานด้วย เพราะผมถามพี่ๆ ตม. เค้าก็ว่าไม่มีผู้ใหญ่มาประจำการ เค้าทำได้เท่าที่ได้รับมอบหมายหน้าที่มา

    9. “ให้ความสำคัญกับผู้ปฏิบัติงาน”
    หน้ากากอนามัย ถุงมือ ต้องพร้อมครับ เปลี่ยนทุกกี่นาทีว่ากันไป หากต้องจับโทรศัพท์ของผู้โดยสาร ต้องมีแอลกอฮอลติดตัวกันทุกคนหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งฝึกผู้ปฏิบัติงานให้มีความชำนาญในการช่วยเหลือครับ บางคนแค่หา app store ยังหาไม่เจอเลยครับ

    10. “คืนความเชื่อมั่นให้นักเดินทาง”
    ต้องทำ ต้องแก้ ต้องเปลี่ยนครับ คุณเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ เป็น hospitality แรกที่ชาวต่างชาติจะได้สัมผัส คุณทำให้เค้าทิ้งตัวลงนั่งกลางสนามบินที่อาจมีเชื้อไวรัสอยู่แบบนี้ไม่ได้ครับ ไม่ต้องทำอะไรใหญ่โต แค่แก้ปัญหาที่มีอยู่ตอนนี้ก็พอแล้ว

    ฝากไว้เท่านี้สิบข้อครับ จะส่งหลังไมค์ไปให้ผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจด้วย ถือว่าเป็น feedback จากผู้ที่พบเจอจริง ไม่รู้ว่าจะไปถึงมือใคร และจะมีคนใส่ใจหรือไม่

    แต่ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่หวังดีต่อสวัสดิภาพของประเทศและคนในชาติ ผมขอใช้พื้นที่ในเพจ เคล็ดวิชาครีเอทีฟ แห่งนี้ เพื่อส่งสารไปยังผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง ทุกหน่วยงาน ทุกคนครับ

    กราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ครับ

    เบรฟ - มติธร ประจวบเหมาะ ชัยมังคโล

     

แชร์หน้านี้

Loading...