ติดตามสถานะการณ์

มะกันส่งทหาร 3,000 นายมาที่ตะวันออกกลางแล้ว! แต่...
...........
สถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ ต้องส่งมาอย่างน้อยเป็น 100,000 - 1,000,000 นายครับ สามพันนายนี่ เอามาแบกศพเพื่อนทหารยังไม่พอเลย หากเกิดการโจมตีด้วยขีปนาวุธอิหร่าน
.
เข้าใจว่าตอนนี้รัฐบาลทรัมป์ไม่รู้จะทำยังไงถูกแล้ว ปากก็ขู่อิหร่าน แต่เบื้องหลังขอให้ชาติต่างๆ อย่างกาตาร์ และโอมาน ช่วยเจรจาให้อิหร่านสงบท่าทีลง
.
.
ตอนนี้ทรัมป์อยู่ในที่แจ้ง #แต่ฝ่ายอิหร่านจ้องเอาคืนจากมุมมืด แน่นอนว่า ฝ่ายที่ยืนในที่แจ้งแม้จะมีปืน แต่ย่อมเสียเปรียบฝ่ายที่อยู่ที่มืดที่มีเพียงธนู
ฉะนั้น อาวุธที่เหนือกว่าของมะกันแทบไม่ช่วยอะไรในสถานการณ์นี้ เว้นแต่เอาไว้ขู่เท่านั้น
.
.

 

ทรัมป์ทวิตขู่อิหร่านว่า "หากอิหร่านโจมตีผลประโยชน์สหรัฐ เราจะโจมตีเป้าหมายสำคัญกว่า 52 ในอิหร่าน!"
รอดูมวยคู่นี้กันต่อไป...
.

 

มีมือดีนำรูป พล อ.สุลัยมานีไปติดบริเวณรั้วลวดหนามชายแดน อิสราเอล - เลบานอน
ไม่เกรงใจเสี่ยเนฯ กันเลย
ของแสลง #เนทันยาฮู
(นายกรักษาการของอิสราเอล)

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Jan 5) ทรัมป์พร้อมโจมตี 52 จุดทั่วอิหร่านถ้าเตหะรานคิดล้างแค้น –ปชช.ในอิรักหลายหมื่นไว้อาลัย “สุไลมานี” แบกแดดโดนจรวดลงรอบใหม่: ผู้นำสหรัฐฯส่งคำขู่ให้อิหร่านรอบใหม่ ประกาศจะโจมตี 52 จุดทั่วอิหร่านหากเตหะรานหวังแก้แค้นให้กับผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ที่เสียชีวิต พร้อมโวทั้งหนักและรวดเร็ว ในขณะที่เมื่อวานนี้(4 ม.ค)คนจำนวนหลายหมื่นในอิรักพร้อมใจเดินขบวนไว้อาลัยพลเอก กัสเซ็ม สุไลมานี ระหว่างตะโกนสาปแช่งสหรัฐฯ พร้อมไปกับชาวอเมริกันในเมืองต่างๆรวมกรุงวอชิงตัน ดีซีออกมาประท้วงต่อต้านสงคราม มีจรวดตกลงมาที่กรุงแบกแดด

เอพีรายงานวันนี้(5 ม.ค)ว่า การออกมาส่งสารคำขู่ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่ออิหร่านในวันเสาร์(4) เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ทำเนียบขาวได้แจ้งไปยังสภาคองเกรสสหรัฐฯอย่างเป็นทางการภายใต้คำสั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯใน "อำนาจสงครามของการใช้โดรนโจมตี"(Powers Act of the drone strike)ที่มีเป้าหมายคือ พลเอกกัสเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ของอิหร่าน

การแจ้งเตือนเป็นความลับและไม่เป็นที่ทราบว่าจะมีการเปิดเผยฉบับสาธารณะออกมาหรือไม่ อย่างไรก็ตามประธานสภาคองเกรสสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี ออกมาเปิดเผยว่า การแจ้งของทำเนียบขาวนั้นเหมือนทำให้สภาคองเกรสและประชาชนชาวอเมริกันอยู่ในความมืดในเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงประเทศ

ซึ่งรอยเตอร์รายงานว่าในวันเสาร์(4)ตามเมืองต่างๆรวมไปถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี มีประชาชนชาวอเมริกันที่ไม่เห็นด้วยกับสงครามออกมาประท้วง

โดยที่ด้านนอกของทำเนียบขาว ผู้ประท้วงจำนวนหลายร้อยคนออกมาตะโกนว่า “ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีสันติภาพ สหรัฐฯต้องออกมาจากตะวันออกกลาง” ก่อนที่คนเหล่านี้จะเดินเท้าไปยังโรงแรมทรัมป์ที่ห่างออกไปไม่กี่ช่วงถนน

คล้ายกันกับที่เกิดในเมืองชิคาโก นิวยอร์ก และเมืองอื่นๆโดยมีผู้จัดงานคือกลุ่ม โค๊ดพิงค์ (Code Pink) ซึ่งเป็นกลุ่มที่นำโดบผู้หญิงต่อต้านสงคราม ออกมาเปิดเผยว่าการประท้วงมีกำหนดขึ้นในวันเสาร์(4)ตามเมืองต่างๆทั่วสหรัฐฯ

ในขณะที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ป้ายประท้วงที่ผู้ประท้วงถือมีข้อความว่า “ไม่มีสงครามหรือการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน!” และ “กองกำลังสหรัฐฯต้องออกจากอิรัก!”

เอพีรายงานว่าในวันเสาร์(4) ในถ้อยคำที่ไม่เจาะจง ทรัมป์ได้ออกมาทวีตว่า ***รัฐบาลสหรัฐฯของเขาได้กำหนดเป้าหมายที่ 52 จุดทั่วอิหร่าน*** พร้อมชี้ว่า “ซึ่งมีบางส่วนเป็นระดับสูงและมีความสำคัญต่ออิหร่านหรือวัฒนธรรมอิหร่าน” โดยผู้นำสหรัฐฯได้ทำการเชื่อมโยงตัวเลขเข้ากับจำนวนของตัวประกันชาวอเมริกันจำนวน 52 คนที่ถูกอิหร่านจับไว้นานเกือบ 15 เดือนหลังจากผู้ประท้วงได้บุกเข้าโจมตีสถานทูตสหรัฐฯในกรุงเตหะรานในปี 1979

เอพีรายงานว่าในวันเสาร์(4)มีคนจำนวนมากซึ่งรอยเตอร์ระบุว่ามีจำนวนหลายหมื่นคนได้ออกมาเดินขบวนตามท้องถนนเพื่อร่วมพิธีศพของพลเอก กัสเซ็ม สุไลมานี (Qassem Soleimani) ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์

รอยเตอร์รายงานว่า ได้มีการนำเอาร่างของสุไลมานีออกเดินทางโดยทางรถหลังจากนั้นเพื่อไปยังเมืองเคอร์บาลา(Kerbala) ซึ่งถือเป็นเมืองศักดิสิทธิ์ของชาวชีอะห์อยู่ทางใต้ของกรุงแบกแดด และหลังจากนั้นต่อไปยังเมืองนาจาฟ (Najaf) ซึ่งถือเป็นอีกเมืองที่มีความศักดิสิทธิ์และเป็นจุดที่ได้พบกับบุตรชายของผู้นำศาสนาสายชีอะห์ของอิรัก แกรนด์อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี (Grand Ayatollah Ali Al-Sistani)

และที่เมืองนาจาฟ พบว่าผู้ช่วยผู้บัญชาการ PMF อาบู มาห์ดี อัล-มูฮานเดซ( Abu Mahdi al-Muhandes) คนใกล้ชิดของสุไลมานีและคนอื่นๆที่เป็นชาวอิรักที่เสียชีวิตจะถูกฝังที่นี่

ส่วนร่างของผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์จะถูกส่งต่อไปที่จังหวัดฆูเซสถาน (Khuzestan Province) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่านติดพรมแดนอิรัก และจะนำไปยังเมืองมาชาด (Mashhad)ในวันอาทิตย์(5) ก่อนที่จะถูกส่งมายังกรุงเตหะราน และเมืองเคอร์มาน(Kerman) บ้านเกิดของสุไลมานีเพื่อประกอบพิธีฝังตามหลักศาสนาในวันอังคาร(7)ต่อไป อ้างอิงจากการรายงานสื่อทางการอิหร่าน

เอพีรายงานว่าในทวิตเตอร์ของทรัมป์วันเสาร์(4)ดูเหมือนผู้นำสหรัฐฯจะออกมาตอบโต้ต่อคำขู่การประกาศแก้แค้นของเตหะรานในวันศุกร์(3)

โดยเขากล่าวว่า “อิหร่านออกมาประกาศอย่างใหญ่โตในการที่จะมีเป้าหมายเล่นงานไปที่ผลประโยชน์ของสหรัฐฯรวมไปถึงการที่เรากำจัดเสี้ยนหนามผู้นำก่อการร้ายระดับโลกของพวกเขาที่ได้สังหารชาวอเมริกันและทำให้คนจำนวนมากบาดเจ็บ ไม่ต้องพูดไปถึงคนอื่นๆทั้งหมดที่ถูกสังหารในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ รวมไปถึงผู้ประท้วงชาวอิหร่านนับร้อยคนเมื่อไม่นานมานี้”

และเสริมต่อว่า “เขาได้โจมตีสถานทูตของเรา และกำลังเตรียมการเพื่อโจมตีจุดอื่นๆ อิหร่านไม่ใช่อะไรเป็นแต่ตัวปัญหามานานหลายปีแล้ว”

ในการทวีตทรัมป์กล่าวย้ำว่า “สหรัฐฯไม่ต่อการภัยมากไปกว่านี้” ทั้งนี้พบว่าเขาได้อ้างอิงเป้าหมายที่ตกอยู่ในวิสัยที่สหรัฐฯจะโจมตีที่มีความสำคัญต่ออิหร่านและทางวัฒนธรรมของอิหร่าน แต่เป็นที่น่าเคลือบแคลงว่า สิ่งนี้อาจจะละเมิดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศหรือไม่ เอพีชี้

รอยเตอร์รายงานว่า ในช่วงเย็นวันเสาร์(4) มีจรวด 1 ลูกตกลงมาในเขตกรีนโซนใกล้สถานทูตสหรัฐฯ และอีกลูกตกลงใกล้กับจาดริยา(Jadriya) ที่อยู่ใกล้เคียง และพบว่ามีจรวดอีก 2 ลูกถูกยิงไปที่ฐานทัพอากาศบาลาด (Balad air base)ทางเหนือของเมืองแต่ไม่พบผู้เสียชีวิต รายงานผ่านแถลงการณ์ของกองทัพอิรัก ซึ่งในเวลานี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ

และหลังการโจมตีของสหรัฐฯส่งผลทำให้กองกำลังนาโตได้ออกมาประกาศหยุดโครงการฝึกซ้อมรบให้กับอิรักไว้ชั่วคราว

Source: ผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/around/detail/9630000001034

เพิ่มเติม
- Trump threatens to hit 52 Iranian targets if Tehran retaliates over top general’s death: https://www.cnbc.com/2020/01/04/tru...-targets-if-tehran-retaliates-against-us.html

 

หนักสุดในประวัติศาสตร์
ระดับน้ำโขงวิกฤติลดต่ำกว่าทุกปี ชาวบ้านโอด หาปลาไม่ได้ ต้องเปลี่ยนอาชีพ
ศูนย์อุทกวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ จ.หนองคาย สำรวจระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ จ.หนองคาย พบมีระดับน้ำอยู่ที่ 1.46 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 10.74 เมตร และยังเกิดปรากฏการณ์น้ำโขงเปลี่ยนสี ติดต่อกันหลายวัน
ซึ่งปรากฎการณ์น้ำโขงเปลี่ยนสี ทำให้เกิดตะไคร่น้ำ สาหร่ายใต้น้ำเป็นจำนวนมาก ทำให้กระทบวิถีชีวิตของชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำโขง ทำให้หาปลาได้น้อยลง ซึ่งหลายคนต้องหยุดจับปลาชั่วคราว หันไปรับจ้างทำงานอย่างอื่นแทน
ทีมอีจันได้คุยกับ นายบุญ แสงสุวรรณ อายุ 53 ปี ชาวบ้านหาดทรายทอง ที่ประกอบอาชีพจับปลาในแม่น้ำโขง เล่าว่า ตะไคร่น้ำ และสาหร่ายที่เกิดขึ้นในแม่น้ำโขงปีนี้มีมากกว่าทุกปี เมื่อไหลมาติดกับตาข่ายจับปลาแล้ว ทำให้จับปลาไม่ได้ ทำให้ไม่คุ้มค่าที่จะออกจับปลา เพราะหลังจับปลาแล้วยังต้องมาทำความสะอาดตาข่ายดักปลาที่มีตะไคร่น้ำ สาหร่ายติดอยู่ ซึ่งต้องใช้เวลานานมากกว่าจะทำความสะอาดเสร็จ ประกอบกับน้ำโขงฝั่งไทยมีระดับน้ำตื้น ไม่มีปลามาให้จับ หากจะจับต้องไปจับที่ร่องน้ำลึกทางฝั่ง สปป.ลาว จึงจะจับปลาได้
นายบุญ เล่าต่ออีกว่า จากการที่จับปลาไม่ได้ ทำให้ชาวบ้านที่เคยประกอบอาชีพจับปลา ช่วงนี้ต้องไปรับจ้างทำงานอย่างอื่น หากรู้ข่าวว่าเริ่มจับปลาได้ และน้ำโขงเริ่มขึ้นสูง ก็จะกลับมาประกอบอาชีพจับปลากันอีกครั้ง

 

In Clip: ทรัมป์พร้อมโจมตี 52 จุดทั่วอิหร่านถ้าเตหะรานคิดล้างแค้น –ปชช.ในอิรักหลายหมื่นไว้อาลัย “สุไลมานี” แบกแดดโดนจรวดลงรอบใหม่
ผู้นำสหรัฐฯส่งคำขู่ให้อิหร่านรอบใหม่ ประกาศจะโจมตี 52 จุดทั่วอิหร่านหากเตหะรานหวังแก้แค้นให้กับผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ที่เสียชีวิต พร้อมโวทั้งหนักและรวดเร็ว ในขณะที่เมื่อวานนี้(4 ม.ค)คนจำนวนหลายหมื่นในอิรักพร้อมใจเดินขบวนไว้อาลัยพลเอก กัสเซ็ม สุไลมานี ระหว่างตะโกนสาปแช่งสหรัฐฯ พร้อมไปกับชาวอเมริกันในเมืองต่างๆรวมกรุงวอชิงตัน ดีซีออกมาประท้วงต่อต้านสงคราม มีจรวดตกลงมาที่กรุงแบกแดด
คลิก>>https://mgronline.com/around/detail/9630000001034
#MGROnline #ทรัมป์ #โจมตีอิหร่าน

 

สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน ส่งผลกระทบถึงอิรัก และคนที่กำลังจะเดินทางไปอิรัก ทางสถานทูตก็ขอให้ยกเว้นการเดินทางเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
สถานทูต ณ กรุงอัมมาน ออกประกาศเตือนคนไทยหลีกเลี่ยงสถานที่ชุมนุม หลังความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน ส่งผลถึงอิรัก ขอคนที่กำลังจะมาอิรักงดเดินทางชั่วคราว
วันที่ 5 ม.ค. 2563 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ออกประกาศเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบในอิรัก เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. 2563 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดความไม่สงบและความรุนแรงในอิรัก
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน จึงขอประกาศให้คนไทยที่พำนักในอิรักใช้ความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินทางใกล้สถานที่ชุมนุม รวมทั้งขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปอิรัก ยกเว้นการเดินทางเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ สามารถติดต่อ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน ได้ทางหมายเลข +962 79 8485558 หรือ +962 79 957 3335 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และทางเฟซบุ๊ก Royal Thai Embassy in Amman, Hashemite Kingdom of Jordan

 

ประกาศสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน เรื่อง สถานการณ์ความไม่สงบในอิรัก ดังรายละเอียดปรากฎตามประกาศสถานเอกอัครราชทูตฯ แนบมาพร้อมนี้

 

ด่วน! รัฐสภาอิรักจะลงมติให้สิ้นสุดการประจำการของกองกำลังสหรัฐในประเทศนี้ รวมทั้งจะปิดน่านฟ้าของอิรักเพื่อการปฏิบัติการทางทหาร
สถานีโทรทัศน์ทางการอิรัก รายงาน
Iraqi Parliament set to vote on draft bill that ends U.S. presence in Iraq, closes access to Iraqi airspace for military activities — Iraqi State TV.
#เพจเก็บตกตะวันออกกลาง

 

ลอสแอนเจลิสไทมส์ เผย ทรัมป์สั่งลอบสังหารนายพล สุไลมานี

หนังสือพิมพ์รายวันของสหรัฐอมเริกา ลอสแอนเจลิสไทมส์ Los Angeles Times เขียนบทความภายใต้หัวข้อ “ทรัมป์ตัดสินใจอย่างไรที่จะลอบสังหารนายพลสุไลมานี” โดยระบุว่า “เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่หน่วยความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ได้ไปหาเขา ที่บ้านของเขาในรัฐฟลอริดา พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่า ทรัมป์จะยืนยันการลอบสังหารนายพล กอซิม สุไลมานี
นาย ไมเคิล ปอมเปโอ Michael Pompeo รัฐมนตรีต่างประเทศ นายมาร์ค เอสเปอร์ Mark Esper รัฐมนตรีกลาโหม และนายพล มาร์ค มิลลี Mark Milley ผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐได้เข้าพบ ทรัมป์ เพื่อแจ้งรายงานการโจมตีทางอากาศของเพนตากอนต่อกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านเมื่อเร็ว ๆ นี้ในอิรักและซีเรีย
สื่อสหรัฐ ยังอ้างถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯว่า “รายงานที่เสนอให้ทรัมป์ แสดงถึงรายชื่อรายการต่างๆที่สหรัฐฯสามารถที่จะดำเนินการต่อไปและรายการดังกล่าวยังได้กำหนดเป้าหมายไปยังนายพล สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ของอิหร่านด้วย”
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังได้ระบุเพิ่มเติมอีกว่า “ทรัมป์ ได้ใช้ตัวเลือกในการลอบสังหารนายพล สุไลมานี อย่างที่ไม่อาจคาดคิดได้ และการตัดสินใจนี้ของทรัมป์ ได้รับการสนับสนุนจากที่ปรึกษาด้านการสงครามในการเผชิญหน้ากับอิหร่าน”
นาย เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “วันนี้ เราได้เข้าร่วมประชุมกับประธานาธิบดี และเราได้พูดคุยกันถึงทางเลือกอื่นๆ และกระผมได้ชี้ถึงประเด็นที่ว่า เราจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการพิเศษ”
ลอสแอนเจลิสไทมส์ ยังได้ระบุอีกว่า นายพล สุไลมานี ไม่ได้ถือว่าเป็นเป้าหมายหลักที่อาจเป็นไปได้ แต่เบื้องหลังจากการตัดสินใจของทรัมป์ ทำให้เพนตากอนเกิดความไม่พอใจต่อเขาอย่างมาก ทั้งหน่วยซีไอเอและหน่วยงานอื่น ๆ ด้วย และก็ได้มีการเสาะหาที่อยู่ของนายพล สุไลมานี แล้วก็มีการตระเตรียมกำลังทหารเพื่อที่จะลอบสังหารเขา
หน่วยงานข่าวกรองสหรัฐ ซึ่งติดตามตัวนายพล สุไลมานี มาหลายปี ก็รู้ว่า เขากำลังเดินทางไปทั่วภูมิภาค ซึ่งรวมไปถึง เลบานอนและซีเรีย หน่วยงานนี้ พวกเขาก็รู้ว่า นายพล สุไลมานี จะบินจากดามัสกัสไปกรุงแบกแดด ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
หนังสือพิมพ์สหรัฐฯ ยังได้ระบุถึงประเด็นการเดินทางของนายพล สุไลมานี จากประเทศซีเรียไปยังกรุงแบกแดด โดยอ้างรายงานจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ กล่าวว่า “ผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ ได้เยี่ยมเยือนหลายพื้นที่ เพื่อทำการโจมตีครั้งใหญ่” เจ้าหน้าที่สหรัฐคนนี้ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเปิดเผยชื่อของเขา ยังอ้างอีกว่า “เป้าหมายของนายพล สุไลมานีไม่เป็นที่ชัดเจนนัก” ทั้งเจ้าหน้าที่คนนี้ยังปฏิเสธที่จะกล่าวถึงหลักฐานจากข้ออ้างของเขา
สื่อเอมริกัน ยังระบุอีกว่า “เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่ นายพล สุไลมานี เดินทางถึงกรุงแบกแดด ก็มีเครื่องบินโดรนลำหนึ่งและเครื่องบินทหารสหรัฐฯอีกลำหนึ่งกำลังบินอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติกรุงแบกแดด และขณะที่นายพล สุไลมานี และ ทหารชาวอิรัก ที่อิหร่านให้การสนับสนุนจำนวนหนึ่ง ขึ้นนั่งในรถยนต์สองคันและเดินทางออกจากสนามบินเพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงแบกแดด ก็ตกเป็นเป้าในการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากเครื่องบินโดรนของสหรัฐฯในทันที
ตามรายงานจากเจ้าหน้าที่อิรัก เผยว่า หน่วยกู้ภัยของอิรักได้ระบุว่า พบศพของนายพล สุไลมานี เพราะว่ามือข้างซ้ายของเขานั้นสวมแหวนอาเกตสีแดงโดยตลอดเวลา
# เพจเก็บตกตะวันออกกลาง

 

ภัยแล้งโคราชอ่วม!แจกน้ำ17หมู่บ้าน อ.โนนสูง แล้งเกือบทั้งอำเภอ
นครราชสีมา เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (4 ม.ค.63) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งว่า น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ 4 แห่งขณะนี้มีน้ำน้อยมากในรอบหลายปี เรามีการประเมินสถานการณ์ทุกสัปดาห์ทั้ง 32 อำเภอ ส่วนการแจกจ่ายน้ำจะสวิงขึ้น-ลงลำดับความสำคัญเร่งด่วน โดยเมื่อ 2-3 สัปาห์ที่ผ่านมามีการแจกจ่ายน้ำ 22 หมู่บ้านขณะนี้เหลือ 17 หมู่บ้าน เนื่องจากเรามีการจัดหาน้ำเพิ่มขึ้นและหมู่บ้านนั้นงดการแจกจ่ายน้ำ และดูแล้วว่ามีอีก 297 หมู่บ้านที่กำลังจะขาดแคลนน้ำ
ขณะที่กำลังมีปัญหาที่ อ.โนนสูงฯ แล้งหลายตำบลจนเกือบทั้งอำเภอโนนสูงฯ มีการเจรจาเพื่อนำน้ำจากบึงพุดซา อ.เมืองฯ ลำเลียงผ่านไปยังลำน้ำลำเชียงไกร แต่มีปัญหาติดขัดทางชาวบ้านไม่ยินยอม จึงทำให้ อ.โนนสูงฯ ต้องมีการแจกจ่ายน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนไปก่อน นอกจากนี้โซนของ อ.ปักธงชัยฯก้ขาดแคลนน้ำหลายตำบล ทางชลประทานก็ได้เร่งทำการสูบน้ำและให้ความสำคัญลำดับไล่เรียงจุดในการสูบน้ำในช่วงนี้เพื่อกักเก็บ และยังมีอำเภอที่อื่นๆก็รอใช้น้ำอีกหลายอำเภอมาก
ทั้งนี้ที่ไหนสามารถเจาะบ่อบาดาลได้อยู่ระหว่างของบจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี มาดำเนินการจุดเจาะจำนวน 40 บ่อในเดือนมกราคม 2563 โดยเขื่อนขนาดใหญ่ทุกเขื่อน 4 แห่งน่าเป็นห่วงหมด เขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัยฯ น้ำน้อย เขื่อนลำแชะ-เขื่อนลำมูลบนก็มีน้ำน้อยทำให้ตอนนี้เราต้องควบคุมการละบายน้ำให้น้อยที่สุด เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศน์ และเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรให้ปลูกพืชที่น้ำน้อยเป็นหลักส่วนเขื่อนลำตะคองดูเหมือนน้ำจะมีมากก็จริง แต่ก็ไม่เพียงพอในการที่เราจะใช้ในการเกษตรได้เพราะน้ำในลำตะคองต้องเลี้ยงประชาชนเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นต้องมีการประหยัดน้ำไว้ ทุกจุดตอนนี้ต้องถือว่าน้ำมีปัญหาหมด
ส่วนเกษตรกรปลูกข้าวนาปรัง ณ วันนี้ จ.นครราชสีมาไม่มีแหล่งน้ำเพียงพอในการปลูกข้าวนาปรัง ขอให้พี่น้องปลูกพืชอื่นที่ใช้น้ำน้อยทดแทน เช่น พืชผัก พืชตระกูลถั่ว ซึ่งด้านการเกษตรเสียหายเป็นบริเวณกว้างทางราชการชดเชยไร่ละ 1,133 บาท คงไม่เพียงพอสำหรับความเสียหายที่พี่น้องจะได้รับ ฉะนั้นฝากพี่น้องว่าอย่าเสี่ยงปลูกข้าวนาปรังเลยจะไม่ได้ผลแน่นอน

ทั้งนี้โดยเฉพาะพื้นที่ อ.โชคชัย ต.ท่าลาดขาว หลายหมู่บ้านต้องประสบปัญหาภัยแล้งตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561เป็นต้นมาไม่มีฝนตกลงมาเลยทำให้เกษตรกรชาวนา ชาวไร่เดือดร้อนอย่างหนักในรอบปี นาข้าวเสียหายสิ้นเชิง น้ำสำหรับให้สัตว์เลี้ยงประเภทวัว ควายแทบจะไม่มี ซึ่งแม้ว่งช่วงเดือนเมษายนมีฝนตกลงมาก็ไม่มีน้ำขังในนาข้าวได้เลย โดยชาวนาต้องนำน้ำใส่ถังหาบลงไปในนาข้าวเพื่อให้น้ำวัวที่กำลังจะอดน้ำตาย
นายลำพัง ธงสันเที๊ยะ อายุ อายุ 61 ปี ชาวนาตำบลท่าลาดขาว อ.โชคชัยฯ กล่าวว่า นาข้าวของตน 6 ไร่เศษปลูกข่าวไม่ได้ผลผลิตเลย ต้นข้าวยืนต้นตายหมด เสียหายโดยสิ้นเชิงตั้งแต่เดือนมิถุนายนมาแล้วในรอบปีถึงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยแล้งหนักแบบนี้ ส่วนราชการโดยทางอำเภอก็มาสำรวจไปแล้วเพื่อให้ความช่วยเหลือ ตอนนี้ก็รอการช่วยเหลือ โดยเฉพาะวัวที่เลี้ยงไว้เกือบ 10 ตัว นาข้าวยืนต้นตายด้วยความเสียดายก็นำวัวมาปล่อยให้กินต้นข้าว แต่น้ำกันสำหรับวัวต้องนำน้ำใส่ถังแล้วใช้รถจักรยายนต์พ่วงแล้วหาบไปให้วัวกินน้ำ 1 ตัวกินน้ำ 1 ถัง ให้กินน้ำช่วงกลางวัน และเย็นทุกวัน ต้องนำน้ำมาจากบ้านที่อยู่ห่างไป 1-2 กม.
ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังนายทองพูน ปลั่งกลาง กำนันตำบลจันอัด อ.โนนสูง ถึงภัยแล้งที่ตำบลจันอัดเป็นอย่างไร กำนันทองพูน กล่าวว่า ตอนนี้ทางผู้ว่าฯ โคราชก็กำลังช่วยเจรจาขอน้ำจากบึงพุดซา อ.เมืองฯ ลำเลียงผ่านไปยังลำน้ำลำเชียงไกร แต่มีปัญหาติดขัดทางชาวบ้านบางส่วนขัดค้าน ตอนนี้อยู่ในช่วงเจรจาทำความเข้าใจอยู่ คาดว่าจะได้รับความร่วมมือในเร็วๆ นี้
กำนันทองพูน กล่าวว่าตนเอง รู้สึกเป็นห่วง 4 หมู่บ้านของตำบลจันอัดที่อยู่ปลายน้ำ คือ บ้านสำโรง, บ้านเหล่า, บ้านใหม่, และบ้านดอน ตอนนี้ทุกหน่วยงานก็พยามเร่งช่วยกันอยู่ ตนหวังว่าปัญหาภัยแล้งจะพ่านพ้นไปด้วยดีกำนันทองพูนกล่าวตบท้าย

 

#ภัยแล้งมาแน่ “แม่น้ำยม” แห้งขอดเห็นพื้นหินทราย
แม่น้ำยมบริเวณสะพานมิตรภาพป่างิ้ว - ท่าด่าน อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัยแห้งขอดจนเห็นผืนทราย สามารถเดินข้ามแม่น้ำได้ ทั้งที่เพิ่งถึงเดือนมกราคม
แอดจำได้สองปีก่อน ช่วงสงกรานต์ ตรงนี้ยังมีน้ำให้เล่นกันอยู่เลย
ปัญหาซ้ำซาก หน้าฝนน้ำท่วม หน้าแล้งน้ำไม่มี

 

#ว่าด้วยเรื่องวิกฤติไฟป่าออสเตรเลีย
#งานเผาจริงยังไม่มา
ในช่วงตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนวันนี้ ข่าวไฟป่าที่ออสเตรเลียน่าเป็นห่วงมาก ที่ดูเหมือนว่าจะลุกลามรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
มีการประเมินว่าตั้งแต่เริ่มต้นเกิดเหตุไฟป่านับจากช่วงกันยายนปีที่แล้ว ออสเตรเลียสูญเสียพื้นที่ป่าไปแล้ว กว่า 55,000 ตารางกิโลเมตร เสียสัตว์ป่าไปแล้วร่วม 500 ล้านตัว รวมถึงหมีโคอาล่าตามธรรมชาติตายไปราวๆ 30% ยังไม่นับสัตว์ป่าบางชนิดที่มีโอกาสสูญพันธุ์สูญพันธุ์
บ้านเรือนถูกเผาทำลายไปมากกว่า 2500 หลังคา และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 25 ราย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และอาสาสมัครกู้ภัย
มีหลายคนก็ถามกันมาเยอะว่า สาเหตุของไฟป่าที่ออสเตรเลียครั้งนี้มันเกิดจากอะไร
ต้องทำความเข้าใจนิดนึงก่อนว่า ไฟป่าในออสเตรเลีย ที่เขามักจะเรียกว่า "Bushfire" เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ และเป็นหนึ่งในระบบนิเวศน์วิทยา ที่มักเกิดในช่วงฤดูร้อน ในเขตทุ่งหญ้าแห้ง ที่จะเกิดไฟป่า เผาต้นหญ้าเก่าเพื่อแตกฝักเกิดเป็นต้นหญ้าใหม่
แต่นั่นหมายถึงว่า มันเกิดจากธรรมชาติจริงๆ ที่มีกลไกควบคุมของมัน
แต่ทว่า วิกฤติไฟป่าปีนี้ที่ออสเตรเลีย มันรุนแรง และลุกลามมากเกินไปจนผิดธรรมชาติ
โดยกรมอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียเขาสรุปความผิดปกติของวิกฤติไฟป่าในปีนี้ มาจาก 3 สาเหตุคือ
1. คลื่นความร้อนที่สูงมากเป็นประวัติการณ์
2. ภัยแล้งที่ต่อเนื่องยาวนานติดต่อกันหลายปี
3. กระแสลม ที่รุนแรงอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน
แต่อะไรที่ทำให้เกิดสภาอากาศอาเพศ ถึงขนาดสร้างความหายนะในแก่ออสเตรเลียได้ถึงขนาดนี้
ถ้าจะตอบว่า เป็นเพราะภาวะโลกร้อน นั้นก็ถูกต้อง แต่มันอาจจะดูกว้างเกินไปหน่อย
วันนี้เราลองมาสำรวจต้นเหตุของมหันตภัยไฟป่า หรือ Bushfire ของออสเตรเลียกันให้เข้าใจขึ้นอีกนิดกันดีกว่า
หากจะอธิบายให้เห็นภาพของวิกฤติภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย มีรายงานจากกรมอุตุวิทยาว่า ประเทศออสเตรเลีย มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นทุกๆปี ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1920 แล้ว และพอมาช่วงปี 1980 เป็นต้นมา ก็ยิ่งร้อนขึ้นเฉลี่ยเกือบ 1 องศามาตลอดเกือบทุกปี จนถึงปีนี้ในช่วงธันวาคม ที่เป็นช่วงฤดูร้อนของทางซีกโลกใต้ อุณหภูมิสูงสุดทุบสถิติที่ 41.9 องศา ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
นอกจากจะร้อนแล้ว ยังแล้งอีก ออสเตรเลียประสบภัยแล้ง ฝนตกน้อย ต่ำกว่ามาตรฐานติดต่อกันมา 3 ปีแล้ว และปี 2019 ที่ผ่านมาคือ แล้งที่สุดในรอบ 120 ปี
สาเหตุของภัยแล้ง ฝนตกน้อย ส่วนหนึ่งเกิดจากการสูญเสียพื้นที่ป่า โดยเฉพาะ ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ที่นับตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา เสียพื้นที่ป่าไปแล้วถึง 20%
ทั้งร้อน ทั้งแล้ง ทำทุ่งหญ้าแห้งกรอบ เป็นเชื้อไฟอย่างดี ที่ทำให้เกิด Bushfire ลามทุ่งไปทั่วประเทศ
และสิ่งที่เป็นตัวเร่ง ที่ทำให้สภาพอากาศร้อน ฝนแล้งสุดๆในปีนี้คือปรากฏการณ์ Indian Ocean Dipole
Indian Ocean Dipole (IOD) คล้ายๆปรากฏการณ์เอล นิน โญ ที่เกิดทางฝั่งมหาสมุทรอินเดีย โดยในปีที่ผ่านมาอุณหภูมิในผิวน้ำทางมหาสมุทรอินเดียร้อนขึ้นมากกว่าปกติ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบกระแสน้ำทั่วทั้งบริเวณ
และปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ IOD ก็ดันรุนแรงสูงสุดเป็นประวัติการณ์เสียด้วย สาเหตุก็คือ ผลจากภาวะโลกร้อนนั่นเอง
ผลกระทบจาก IOD มันทำให้ทวีปอาฟริกา เกิดอุทกภัย น้ำท่วมเฉียบพลัน แต่ในทางกลับกัน ฝั่งด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรา และออสเตรเลียจะประสบภัยแล้ง และคลื่นอากาศร้อนรุนแรง
และบ้านเราก็เริ่มเห็นเค้าลางภัยแล้งแล้วจากปริมาณน้ำในเขื่อนหลายพื้นที่ ที่ลดลงแทบไม่เหลือ
และด้วยสภาพอากาศที่มันร้อน + ภัยแล้ง + IOD เลยทำให้สภาพอากาศแปรปรวนหนัก จะเกิดพายุพัดแรงก็ไม่แปลก
ทั้งกรมอุตุฯ และนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมในออสเตรเลียก็ออกมาเตือนแล้วตั้งแต่เห็นไฟป่ามาเกิดรุนแรงตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้ว ว่าปีนี้ไฟป่ามันท่าจะมาหนัก แต่รัฐบาลออสเตรเลีย ชุดของนายสกอต มอริสัน ก็ดันประเมินสถานการณ์ไว้ต่ำเกินไป เพราะคิดว่ามันก็เป็นไฟป่ารายปี อย่างที่เคยเกิดขึ้นทุกปี บางปีเคยเกิดหนักกว่านี้
แต่ปีนี้มันไม่ใช่ไฟป่าธรรมดาเหมือนปีก่อนๆ เพราะถ้าเป็นไฟป่า หรือ Bushfire จะเป็นไฟไหม้ในป่าทุ่งหญ้า ที่รกร้างผู้คน ไม่กระจายวงกว้างอย่างรวดเร็ว
และมันจะไม่ลามไปติดป่ายูคาลิปตัส ป่าฝนเขตร้อน ทุ่งหญ้าหนองน้ำ ที่เป็นแหล่งน้ำ และที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า อย่างที่เกิดขึ้นในปีนี้ วิกฤติขนาดลุกลามเผาสวนผัก ผลไม้ ในพื้นที่ที่ไม่เคยโดยไฟไหม้มาก่อน จนชาวบ้านต้องหนีไฟมาถึงหน้าชายหาด
วิกฤติถึงขนาดนี้ นายกรัฐมนตรีมอริสัน แกยังมีกระใจไป Holiday ที่ฮาวายตอนช่วงคริสต์มาส เลยโดนชาวบ้านออสเตรเลียวิจารณ์ (ด่า) เสียยับเยินจนแกต้องแคนเซิลทริปเที่ยว บินกลับมา
นี่คือสาเหตุที่ว่า ทำไมไฟป่าปีนี้ของออสเตรเลียถึงรุนแรงจนผิดปกติ
แต่ทว่า นี่ยังไม่ใช่จุดที่เลวร้ายที่สุดนะคะ เพราะปกติ ฤดูไฟป่าในออสเตรเลีย จะพีคที่สุดตอนเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม
หมายความว่า นี่ยังไม่ใช่งานเผาจริง!
ดังนั้น เรามาส่งใจช่วยชาวออสเตรเลีย ให้พ้นวิกฤติไฟป่านี้ไวๆกันนะค้า #Pray4Australia
แหล่งข้อมูล
https://www.telegraph.co.uk/global-health/climate-and-people/australia-burning-bushfires-bad/
https://en.m.wikipedia.org/wiki/2019–20_Australian_bushfire_season
https://www.theverge.com/2020/1/3/2...limate-change-bushfires-deaths-animals-damage
https://www.bbc.com/news/science-environment-50602971

 

ด่วนพิบัติโลก
สถานทูตไทยประจำออสเตรเลียเตือนประชาชนสำรองอาหาร-น้ำรับมือไฟป่า สายการบินยกเลิก-เลื่อนเที่ยวบินเนื่องจากสภาพอากาศและทัศนวิสัยไม่ดี

วันนี้ (5ม.ค.63) เฟซบุ๊ก สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงแคนเบอร์รา (Royal Thai Embassy Canberra) ประเทศออสเตรเลีย แจ้งเตือนสถานการณ์ของไฟป่า โดยมีภาพบริเวณด้านหน้าสถานทูตที่สภาพท้องฟ้าและบริเวณโดยรอบพื้นที่ เป็นสีส้ม ซึ่งในวันนี้ ควันไฟยังปกคลุมทุกพื้นที่ของกรุงแคนเบอร์ราอย่างหนาแน่น สายการบินได้ประกาศยกเลิก และเลื่อนกำหนด เที่ยวบินขาเข้า-ขาออกจากกรุงแคนเบอร์รา เนื่องจากสภาพอากาศและทัศนวิสัยไม่ดี

สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอแนะนำให้ผู้ที่มีกำหนดเดินทางตรวจสอบเที่ยวบินของท่านล่วงหน้าจากเว็บไซต์ของสายการบินและท่าอากาศยานกรุงแคนเบอร์รา อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วออสเตรเลียลดต่ำลง แต่กระแสลมยังแรงอย่างต่อเนื่อง และในหลายพื้นที่ยังคงประกาศห้ามจุดไฟหรือก่อประกายไฟ จึงขอให้ทุกคนติดตามสถานการณ์ไฟป่าอย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการในพื้นที่อย่างเคร่งครัด

สำหรับเขต Australia Capital Territory (ACT) ขณะนี้ยังคงภาวะเฝ้าระวัง ยังไม่มีเหตุไฟป่าลุกลามมาในเขต แต่ควันไฟจากพื้นที่ประสบภัยในเขตชายฝั่งตะวันออกได้ปกคลุมทุกพื้นที่ จึงขอให้ทุกคนอยู่ในที่พักหรืออาคารที่ปิดมิดชิด และเตรียมหน้ากากกรองควันหรือกรองฝุ่น และน้ำดื่มสะอาด รวมถึงเพิ่มความระมัดระวังและการดูแลเป็นพิเศษหากมีเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยทางเดินหายใจในบ้าน

ส่วนรัฐอื่นๆ ทางการยังคงประกาศปรับ และเพิ่มพื้นที่เสี่ยงและเฝ้าระวัง และประกาศยกระดับความรุนแรงของสถานการณ์ไฟป่าในหลายพื้นที่ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ วิกตอเรีย และเซาท์ออสเตรเลีย และยังคงอพยพคนออกจากพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เกิดเหตุ ทางหลวงระหว่างรัฐและเส้นทางระหว่างเมืองหลายเส้นทางปิด และในบางพื้นที่อาจจะประสบปัญหาไฟดับหรือไฟตก และ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต รวมถึงร้านอาหารและสถานบริการหลายแห่งอาจจะปิดให้บริการ จึงขอให้ทุกคนเตรียมความพร้อม และสำรองอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันให้เพียงพอ

 

สะพรึง...เปิดคำทำนายนอสตราดามุส กับ สงครามโลกครั้งที่ 3!!

​

"สงครามโลกครั้งที่ 3" คือสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะรู้ว่าผลกระทบจากสิ่งที่เรียกว่า สงคราม นั้น จะทิ้งรอยแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจไว้กับคนจำนวนมากที่ต่อให้ใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิตก็ไม่อาจเยียวยาได้ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างหลายประเทศที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันนี้ ที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร ทำให้เราหวั่นเกรงกับคำนี้มากขึ้น ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้ยินคำนี้ แต่ทุกครั้งที่ได้ยินการวิเคราะห์ต่างๆ รวมถึงคำทำนาย ก็ได้แค่คิดว่า ขอให้ไม่มีอะไรเป็นไปตามคำทำนายนั้น

ในบรรดาคำทำนายทั้งหมด ชื่อที่เราได้ยินกันบ่อยที่สุดก็คือ นอสตราดามุส คำทำนายของเขาที่เขียนขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ยังได้รับการนำมาตีความและอ้างอิงจนถึงทุกวันนี้และโดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันนี้

หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผู้จุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3?

เรื่องของทรัมป์ในคำทำนายของนอสตราดามุสนั้นมีการตีความโดยลงลึกไปถึงรากศัพท์กันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า คำว่า trumpet ในที่นี้ จะหมายถึงทรัมป์หรือไม่ ซึ่งหาก false trumpet นั้นหมายถึงทรัมป์จริง ก็หมายความว่าการจุดชนวนของเขาจะมีผลไปถึงประเทศในยุโรปด้วย

หรือ The Great City จะหมายถึงอเมริกา?

The republic of great city ในข้อความส่วนนี้มักจะมีคนตีความว่าหมายถึงสหรัฐอเมริกา และเมื่อมีการนำมาโยงกับคำว่า trumpet ก็ยิ่งทำให้มีคนเชื่อว่า ทรัมป์จะเป็นผู้สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของคนอเมริกันอีกมาก นอกจากนี้ยังมีการตีความในส่วนอื่นๆ จากคำทำนายของนอสตราดามุสอีกว่า สงครามครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้กันระหว่างสองมหาอำนาจใหญ่และอาจกินเวลายาวนานถึง 27 ปีกว่าจะยุติลง

อย่างไรก็ตาม เพราะคำทำนายของนอสตราดามุสทั้งหมดเป็นการเขียนในลักษณะที่ต้องอาศัยการตีความ จึงมีนักวิชาการและนักวิเคราะห์การเมืองอีกจำนวนไม่น้อยที่มองว่า การตีความที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นความพยายามที่จะโยงข้อมูลเข้ากับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและทัศนคติของตัวเอง จึงไม่มีใครฟันธงได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่เขียนขึ้นเมื่อหลายปีก่อนนั้นคืออะไร

เหมือนกับที่เราคงไม่สามารถฟันธงว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันได้เช่นกัน

Cr::tnews.co.th

http://horo.teenee.com/seer/438.html

 

Michael DiFato

แผนภูมิองค์ประกอบสนามแม่เหล็ก ISWA ACE ตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ดูการบีบอัดของส่วนประกอบ Bx และ Bz และแกว่งครั้งใหญ่ในค่าขององค์ประกอบโดย

หมายเหตุ ~ เวลา 19:30 .. ค่อนข้างสลับในขั้วของส่วนประกอบของ bx (สีดำ)..



ISWA ACE Magnetic Field component chart for the past 48 hours. Look at the compression of the Bx and Bz components and the massive swing in the value of the By component.

Note the ~ 19:30 time.. Quite the switch in polarity of of the Bx (black) component..

 

ระดับน้ำโขงแก่งคุดคู้ จ.เลย ท้ายเขื่อนไซยะบุรี

 

วิกฤติ! เขื่อนป่าสักฯ ประกาศเตือนเสี่ยงขาดแคลนน้ำ เหลือแค่ 25% วันอาทิตย์ ที่ 5 มกราคม 2562

5 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานการณ์น้ำ ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ล่าสุดสถานการณ์น่าเป็นห่วง น้ำต้นทุนเหลือไม่ถึงร้อยละ 25 ของความจุเขื่อน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังคงปรับลดการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภาพจากมุมสูง จะเห็นสภาพความตื้นเขิน และสันดอน ตามแนวเขื่อน โดยเฉพาะบริเวณประตูระบายน้ำ ทั้ง 7 บาน ด้านท้ายเขื่อน ซึ่งปัจจุบันได้เปิดประตูระบายน้ำเพียงบานเดียวให้น้ำไหลผ่านเพียงเล็กน้อย เพื่อรักษาระบบนิเวศน์ด้านท้ายน้ำ ทำให้น้ำตื้นเขินเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขณะนี้ (5 มกราคม 2563) อยู่ที่ 221.55 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 23.08 จากปริมาณเก็บกักสูงสุด 960 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยไม่มีปริมาณน้ำที่ไหลลงอ่างเก็บน้ำ มาเป็นเวลา 2 เดือนแล้วทำให้น้ำต้นทุนในเขื่อนเหลือน้อย และยังคงต้องระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศ การอุปโภค บริโภค โดยปัจจุบัน ได้เปิดประตูระบายน้ำเพียงแค่ 1 บาน จากทั้งหมด 7 บาน ระบายน้ำอยู่ที่ 0.70 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ได้ ขึ้นป้ายข้อความขนาดใหญ่ บริเวณด้านหน้าปากท้างเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ว่า ปีนี้น้ำในเขื่อนมีน้อย ไม่เพียงพอสนับสนุนการเพาะปลูกข้าวนาปรัง วอนเกษตรกร เสี่ยงการขาดแคลนน้ำในอนาคต ไม่ควรเพาะปลูกข้าวต่อเนื่องหลังเก็บเกี่ยว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแจ้งให้เกษตรกร ลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกตลอดฤดูกาล ซึ่งอาจทำให้นาข้าวเสียหายได้ ซึ่งเกษตรกรควรหันมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทนเพื่อลดความเสียงพื้นผลท้างการเกษตรได้รับความเสียหาย อีกทั้ง ยังเพื่อเป็นสำรองน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด ไว้ใช้ สำหรับเพื่อการอุปโภคและบริโภค ไปตลอดช่วงฤดูแล้งนี้

 

ภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมกำลังพัฒนาในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจากฝนตกหนักถึง 60 คน เกือบ 200,000 คนหลบภัยในศูนย์พักพิง

A humanitarian disaster is developing in Indonesia's capital Jakarta as the death toll from torrential rain rises to 60 with almost 200,000 people taking refuge in shelters

 

Setiawan


#ภูเขาไฟ Aso ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 5 มกราคม 2020 เวลา 21:12 (21:12)