ติดตามสถานะการณ์

เจาะลึกตะวันออกกลาง

ชาวอิรักบางส่วน #จุดไฟเผากำแพงสถานทูตมะกัน!

สาเหตุจากการที่มะกันส่งเครื่องบินไปโจมตีอาสาสมัครอิรักที่อาสาป้องกันภัย ISIS มิให้ลักลอบผ่านชายแดนซีเรียเข้ามาในอิรัก เป็นเหตุให้เสียชีวิตกว่า 27 นาย และบาดเจ็บจำนวนมาก

ทีนี้ทราบแล้วนะครับว่า #ใครคือพ่อISIS !!
.
.

 

Extreme Weather World

ไฟไหม้ในออสเตรเลีย

 

Investigación Independiente

[คำเตือนโลก] สหรัฐฯลอบสังหาร นายพล สุลัยมานี Qassem Soleimani คำตอบที่อิหร่านและ Al-Quds จะไม่เป็นที่รู้ ไม่ว่าสถานการณ์ใดก็น่ากลัว

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ยืนยันว่าได้สังหาร นายพล สุลัยมานี qasem soleimani โดยคำสั่งของประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา, ทรัมป์

 

น่าจะสร้างสถานการณ์ใหญ่ เพื่อให้ตนเองหลุดจากการถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ปกติ มนุษย์ก็มักจะทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวเองรอด ทรัมป์ก็ไม่ต่างออกไป

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

วุฒิสมาชิกรีพับลิกัน marco rubio: ประธานาธิบดีไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติรัฐสภาเพื่อตอบสนองต่อการโจมตี ต่อต้านกองกำลังของเรา

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

Asesor principal del presidente de Irán: el que cruza la línea roja, debe estar preparado para sus consecuencias

หัวหน้าที่ปรึกษาของประธานาธิบดีของอิหร่าน: ผู้ที่ข้ามเส้นสีแดงต้องเตรียมพร้อมสำหรับผลลัพธ์ของเขา

 

กรมชลฯ วอนหยุดทำนา-ลอบสูบน้ำ ชี้ภัยแล้งกระทบทำน้ำประปา 43 จังหวัด วันที่ 2 มกราคม 2563 - 18:44 น.

กรมชลฯ วอนหยุดทำนา-ลอบสูบน้ำ ชี้ภัยแล้งกระทบทำน้ำประปา 43 จังหวัด
กรมชลฯ / วันที่ 2 ม.ค. นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สภาพากาศที่ร้อน ความชื้นมีน้อย การระเหยของน้ำมีสูง ทำให้ปริมาณน้ำสูญเสียไปมาก จากประมาณการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกในเดือน ม.ค. – พ.ค. จะมีน้อยมาก รวมไปถึงต้นฤดูฝนปี 2563 ดังนั้นการบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ในเขื่อนปัจจุบันต้องลากยาวไปจนถึงเดือนก.ค. ล่าสุดกรมชลประทาน ระบุว่า ภัยแล้งปี 2563 รุนแรงเท่าปี 2558 แต่น้ำน้อยกว่าแห้งเร็วกว่า ฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 16% พื้นที่ประมาณ 43 จังหวัดเสี่ยงภัยแล้งรุนแรง

ดังนั้นกรมชลประทาน จำเป็นต้องปรับแผนการระบายให้จากเขื่อนเจ้าพระยามากขึ้นอีก 10 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) ต่อวัน เพื่อละลายน้ำเค็มที่คาดว่าจะรุกเข้ามามากขึ้นในเดือน ม.ค. – ก.พ. ซึ่งจะส่งผลให้มีการใช้น้ำจากเขื่อนเจ้าพระยามากขึ้น จึงจำเป็นที่ต้องฝันน้ำจากฝั่งตะวันตกเข้ามาช่วย ผ่านคลองประปา รวมทั้งที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในขณะที่ต้องใช้เครื่องสูบน้ำเร่งการระบายให้ทันไล่น้ำเค็มภายใน 6 ชั่วโมงเท่านั้น

จากการสำรวจพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังรอบที่ 2 บริเวณลุ่มเจ้าพระยาขณะนี้พบว่ามีมากกว่า 2-2.9 ล้านไร่ โดยในจังหวัดนครสวรรค์ปลูกมากที่สุดเกินแผนไปแล้ว 7 หมื่นไร่ และฉะเชิงเทรา 7 พันไร่ นาปรังเหล่านี้จะต้องการน้ำมากที่สุดในช่วงเดือน ก.พ. – มี.ค. ที่เป็นช่วงการเจริญเติบโตแต่มีน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงน้อย เสี่ยงต่อการขโมยสูบน้ำรายทางที่มีสถานีสูบน้ำมากกว่า 100 แห่งขึ้นไป

สทนช.จึงประสานกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ กับเกษตรกร ให้เห็นความสำคัญการใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคเป็นหลัก และประเทศไทยจะเห็นภาพภัยแล้งที่รุนแรงมากขึ้นไปอีกในเดือน เม.ย.- มิ.ย. จำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือเพื่อประหยัดการใช้น้ำอย่างจริงจัง


ทังนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องติดตามและปรับแผนให้สอดคล้องกับ สถานการณ์น้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำต้นทุนน้อยที่มีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะได้รับผลกระทบได้ในอนาคต เช่น ลุ่มเจ้าพระยา ภาคตะวันออก และจังหวัดภูเก็ต ต้องวางกรอบแนวทางมาตรการเฉพาะพื้นที่เป็นระยะๆ

ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ภัยแล้งที่ปี 2562/63 จะมีความรุนแรงใกล้เคียงกับปี 2558 ที่มีน้ำน้อยกว่า แต่ปีนี้สถานการณ์น้ำในแม่น้ำ ลำคลองแห้งเร็วกว่า เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และการสูบนำไปใช้ ดังนั้น ตั้งแต่ต้นปี 63 เป็นต้นไป จะเห็นภาพแล้งที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น และจะรุนแรงมากยิ่งไปอีก เมื่อก้าวเข้าสู่ฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นไป เพราะทางกรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานในที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ว่าปริมาณฝนตกจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ประมาณ 16% จากเดิมคาดการณ์ไว้ว่าปริมาณผลจะใกล้เคียงค่าเฉลี่ยเดือนหน้าสิ้ฤดูแล้งถึงต้นฤดูฝน

ล่าสุดได้ตั้งกรมชลประทานได้ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขและบรรเทาวิกฤตภัยแล้งปี 2562/63 เพื่อเป็นไปตามข้อห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และข้อห่วงใยของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่กังวลว่าสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2563 จะรุนแรง และกระทบกับน้ำกินน้ำใช้ ในหลายพื้นที่ ขณะนี้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เรื่องของภัยแล้งปีนี้ ที่ทวีความรุนแรงอย่างมาก ให้ประชาชนคนใช้น้ำได้ตระหนักรู้หากใช้น้ำไม่ประหยัด จะทำให้ผลกระทบต่อน้ำกินได้

“ลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัด กรมชลประทานประกาศไม่ให้มีการปลูกข้าว ไม่ส่งน้ำสำหรับสนับสนุนการทำนา แต่ขIะนี้มีการใช้น้ำเกินแผนที่วางไว้ ทุกเดือนมีการใช้น้ำเกินแผน 4% และในแต่ละพื้นที่ก็ยังมีการปลูกข้าวเพิ่มต่อเนื่อง เพราะระหว่างทางที่มีการปล่อยเข้าในระบบชลประทาน มีการลักลอบสูบน้ำไปใช้จำนวนมาก เมื่อปลูกข้ามมาก น้ำน้อย น้ำเค็มหนุน ก็จะไม่มีน้ำทำประปา ทำให้กังวลว่าปีนี้น้ำอาจมีไม่ถึงฝนหน้า อยากให้เกษตรกร ชาวนางดปลูกข้าว เพราะกรมชลประทานเตรียมงบประมาณไว้ 3.6 พันล้านบาทไว้จ้างงาน สำหรับขุดลอกคูคลอง ประมาณ 3-78 เดือน จะจ้างงานได้ 1.4 หมื่นคน และแต่ละคนจะมีรายได้ประมาณ 3-4 หมื่นบาท”

https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_3309067

 

เดือดทะลักจุดแตก

เดือดปรอทแตก! รับศักราชใหม่!
พลเอก กัสเซ็ม โซเลอีมานี แห่งกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่านถูกอเมริกาเด็ดวิญญาณ!!!
ณ ถนนจากสนามบินกรุงแบกแดด ขณะพลเอก โซเลอีมานี กำลังนั่งรถเคียงกันกับ อาบู มาห์ดี อัล มูฮันดิส รองผู้บัญชาการ Popular Mobilization Units (PMU) ซึ่งเป็นหน่วยหนึ่งของกองทัพอิรัก ที่เพิ่งถูกอเมริกาถล่มค่าย
และแล้วฝูงบินมหากาฬของอเมริกาก็ปล่อยจรวดโจมตีทางอากาศ
ไม่เหลือซาก
ชีวิตของสองจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่มลายสิ้น
.
เมื่อวานยังคาดว่าปีนี้ต่างฝ่ายจะต่างสาดน้ำลาย แย็บแล้ววนออกวงนอก เต้นรอบเวที ไม่มีมากกว่านั้นหรอก
ที่ไหนได้ วันนี้อเมริกาใจกล้าบ้าเลือด คลุกวงในแล้วอัปเปอร์คัตเต็มคางอิหร่าน
โดนนับนะครับ นายพลคนสำคัญถูกระเบิดแหลกเละเป็นจุณ ถือว่านับ 8 เลยแหละ
ถามว่ายอมได้เหรอ เล่นกับอิหร่านไอ้หมัดพลังนิวเคลียร์ได้เหรอ
มีแววได้เห็นปักหลักแลกหมัดกันกลางเวที มันส์หยดติ๋งแน่ครับท่านผู้ชม
"Let's get ready to rumble!"
https://www.presstv.com/Detail/2020/01/03/615224/Hashd-Sha’abi-public-relations-director-killed-in-rocket-attack-on-Baghdad-airport

 

ตามนั้น โลกเข้าสู่สงคราม

La nueva era de la tierra el respaldo

เจ้าหน้าที่อาวุโส Mohsen Rezai ชาวอิหร่านสัญญาว่าจะโจมตีสหรัฐฯอย่างรุนแรง สำหรับการตายของผู้บัญชาการอิหร่าน Soleimani

 

La nueva era de la tierra el respaldo

อิหร่านกล่าวว่า: การสังหาร Sulaiman ผู้บัญชาการใหญ่ของอิหร่านหมายถึงสงคราม
ต่อต้านสหรัฐ

#ULTIMO # MINUTE

 

La nueva era de la tierra el respaldo
รูปที่น่ากลัว

ดังนั้นสถานการณ์ในนิวเซาธ์เวลส์ออสเตรเลีย โดยไฟป่า ออสเตรเลียกำลังประสบเหตุฉุกเฉินจริงและในข่าวต่างประเทศพวกเขาไม่ได้ให้ความคุ้มครองอย่างเต็มที่
2020/01/02

 

Richard Whitt

ราคาน้ำมันโลกพุ่ง หลังอเมริกาตั้งใจสังหารนายพลใหญ่อิหร่าน

• ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเกือบ 4% ในช่วงเช้าของตลาดเอเชียวันศุกร์ที่ 3 มกราคม ค.ศ. 2019 หลังมีรายงานว่าผู้บัญชาการทางทหารของอิหร่านถูกสังหารจากการโจมตีทางอากาศ ณ สนามบินนานาชาติของกรุงแบกแดด

• โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 3.98% ที่ระดับ 68.90 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 3.87% ที่ระดับ 63.55 เหรียญ/บาร์เรล

• นายพล Qassim Soleimani ผู้นำหน่วยรบพิเศษประจำกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (Revolutionary Guards) ถูกสังหารในการโจมตีทางอากาศโดยกองกำลังที่ยังไม่ทราบฝ่าย พร้อมกับนาย Abu Mahdi al-Muhandis รองผู้บัญชาการ

• นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่านักการเมืองระดับสูงของอิหร่านก็เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีครั้งนี้

• ตามรายงานของรัฐบาลอิหร่านได้ระบุว่า การโจมตีเกิดขึ้นในขณะที่คณะของนาย Abu Mahdi ได้เดินทางมายังสนามบินนานาชาติ ณ กรุงแบกแดด เพื่อต้อนรับเครื่องบินของนายพล Qassim Soleimani ที่บินมาจากเลบานอนหรือซีเรีย การโจมตีได้เกิดขึ้นทันทีที่นายพลลงจากเครื่องบิน โดยมีคณะของ Abu Mahdi มารอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว จึงถูกสังหารไปพร้อมๆกัน

• เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางประเด็นความขัดแย้งกับสหรัฐอเมริกา หลังมีเหตุการโจมตีสถานฑูตของสหรัฐอเมริกาในกรุงแบกแดด เมื่อช่วงคืนก่อนขึ้นปีใหม่ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ทำให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่งกำลังทหารลงพื้นที่ตะวันออกกลางเพิ่มเติมอีก 750 นาย

• หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภันฑ์ประจำ RBC Markets ได้อีเมลหา CNBC โดยระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้อาจนำไปสู่การสู้รบกันโดยตรงกับอิหร่าน และจะไม่ใช่สงครามเงาหรือสงครามตัวแทนอีกต่อไป หมายความว่า นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการประทะกันโดยตรงระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่านภายในปี ค.ศ. 2020

• รายงานล่าสุดจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาได้ยืนยันว่า ผู้บัญชาการทหารของอิหร่านถูกสังหารจากการโจมตีทางอากาศของอเมริกา

https://www.rt.com/news/477353-iran...jffMi2ct7s4CMudZiiGUGRnp5DbPsEZrdeERS_-3sDA9A

 

ว่าด้วยเรื่อง “ดิน-ฟ้า-อากาศ” กับความเปลี่ยนแปลง
เผยแพร่: 2 ม.ค. 2563 16:40 โดย: ทับทิม พญาไท




ปิดฉากสัปดาห์แรกของปีนี้...คงต้องขออนุญาตไปหาเรื่อง “เบาๆ” มาว่ากันบ้างแล้ว เพราะปีที่แล้วตลอดทั้งปี มีแต่เรื่อง “หนักๆ” เรื่องที่ชวนให้ปวดเศียรเวียนเกล้า ไปด้วยกันทั้งสิ้น เริ่มต้นปีนี้ยังไม่ทันเท่าไหร่ ยังต้องหันไปหยิบเอาเรื่อง “เผาสถานทูตอเมริกา” ในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก มาพูดจาว่ากล่าวกันซะแต่เริ่มแรก เพราะฉะนั้น...วันนี้ อาจต้องขอเลเพลาดพาด ไปว่ากันเรื่อง “ดิน-ฟ้า-อากาศ” ดูมั่งก็แล้วกัน...

แต่ก็นั่นแหละ...แม้แต่เรื่อง “ดิน-ฟ้า-อากาศ” ก็ยังไม่รู้ว่าจะ “หนัก” หรือจะ “เบา” กันในระดับไหน แบบไหน เพราะความวิปริตผิดเพี้ยนของอุณหภูมิอากาศ อันเนื่องมาจาก “ภาวะโลกร้อน” ที่ถูกพูดถึงกันมานานแล้ว มาถึง ณ ขณะนี้...ดูๆ มันจะส่งผลแบบจริงๆ จังๆ หรือแบบออกจะ “หนัก” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มันถึงได้เกิดข่าวคราวช่วง “ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่” ว่าประเทศที่อยู่เหนือสุด บนสุด อย่างประเทศรัสเซีย ที่ถือเป็นดินแดนแห่งหิมะ เป็นถิ่นที่อยู่ของพวก “หมีขาว” อะไรทำนองนั้น เอาไป-เอามา...ดันไม่มีหิมะ หรือขาดแคลนหิมะในช่วงหน้าหนาว ช่วงส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ เอาดื้อๆ...

จากเดิมทีที่เคยต้องเจอหิมะหนาเป็นคืบๆ หรือเป็นศอก เป็นวา ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว...แต่ปรากฏว่าปีนี้ อุณหภูมิอากาศในประเทศรัสเซีย หรือในกรุงมอสโก กลับมีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7.6-7.7 องศา พอๆ กับภาคเหนือ หรืออีสานบ้านเฮา ในช่วงระหว่างนี้ หรือเป็นอุณหภูมิที่อุ่นสุดในรอบศตวรรษ หรือรอบ 133 ปี ของคุณน้ารัสเซียเอาเลยถึงขั้นนั้น ท้องฟ้าปลอดโปร่งโล่งแจ้ง แทบไม่เห็นหิมะหล่นใส่พื้นที่ใดๆ กันเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้ชาวรัสเซียประเภท “หัวใส” เลยต้องไปขนเอาหิมะเทียม ประเภทที่เรียกๆ กันว่า “Artificial Snow” หรือ “Fake Snow” ก็แล้วแต่ มาถม มาเท ใส่ถนนหนทาง ไม่ว่าแถวจัตุรัสแดง ถนนอารบัต ถนนตเวียร์สกายา ไปจนถึงสวนสาธารณะบางแห่ง ฯลฯ เพื่อให้เกิดสีสันบรรยากาศแบบเดิมๆ ได้มั่ง...

ส่วนแถบๆ ประเทศที่อยู่ใต้สุด ล่างสุด อย่างออสเตรเลีย...หนีไม่พ้นต้องร้อนกันในระดับฉิบหายวายวอด ต้องเจอกับฉากเหตุการณ์ “ไฟป่า” ที่ดุเดือดเลือดพล่านมาตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีที่แล้ว และยืดเยื้อยาวนานมาจนกระทั่งปีใหม่ ฟ้าใหม่ แต่ท้องฟ้าออสเตรเลียไปจนถึงนิวซีแลนด์โน่นเลย ก็ยังคงเป็นท้องฟ้าเก่าๆ คือฟ้าที่ออกไปทางสีส้ม อันเนื่องมาจากควันไฟที่แพร่กระจายครอบคลุมไปถึงดินแดนด้านล่าง ไม่ว่าจะเป็นเกาะแทสมาเนียที่ถูกไฟป่าเผาผลาญตามไปด้วย และนิวซีแลนด์ที่แม้จะไม่ถึงกับเกิดไฟป่า แต่ท้องฟ้าก็ยังต้องถูกปกคลุมไปด้วยควันไฟที่ลุกโพลงต่อเนื่องมาเกือบ 3 เดือน 4 เดือนเข้าไปแล้ว...

ว่ากันว่า...พื้นที่ในประเทศออสเตรเลียที่ถูกไฟป่าเผาผลาญในคราวนี้ ใหญ่โตและกว้างขวางพอๆ กับประเทศบางประเทศ อย่างเช่นประเทศเบลเยียม เอาเลยถึงขั้นนั้น คือเป็นเนื้อที่ประมาณ 18-25.3 ล้านไร่ บรรดารัฐต่างๆ โดยเฉพาะแถวๆ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ต่างต้องอพยพหลบลี้หนีภัยจากฤทธิ์ของไฟป่า ชนิดปั่นป่วนวุ่นวายกันไปเป็นแถบๆ ระดับอุณหภูมิอากาศโดยเฉลี่ยที่ผู้คนชาวออสซีต้องเจออยู่ในขณะนี้ อยู่ที่ประมาณ 40-47 องศา เรียกว่า...ร้อนในระดับต้องแก้ผ้า โดดลงตุ่ม ลงอ่างกันไปเป็นรายๆ นั่นยังไม่ต้องพูดถึง “ผลกระทบ” ที่จะตามมา ไม่ว่าในทางเศรษฐกิจ สังคม ที่กำลังส่งผลให้ “ภาวะโลกร้อน” อาจกลายเป็นตัวเปลี่ยนแปลงทิศทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือแม้แต่ “ระเบียบโลก” ทั้งโลกเอาเลยก็เป็นได้...

ส่วนบ้านเรา หรือไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา...ที่อยู่ระหว่างกลางๆ แม้ว่าจะได้หนาวติดปลายนวมกันไปบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่หลังจากนี้ คงหนีไม่พ้นต้องหันมาเผชิญกับความร้อนและความแล้ง อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการชนิดมิอาจปฏิเสธได้เลย เพราะถึงจะพอได้หนาวกันเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อลองดื่ม ลองชิม “น้ำประปา” ก็สามารถรับรู้ได้ไม่ยากว่า...ชักออกอาการ “เค็ม” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่า...ขนาดเอาไปต้ม เอาชงกาแฟ ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าเผลอใส่เกลือแทนใส่น้ำตาลกันเลยหรือไม่ อย่างไร เพราะปริมาณความเค็มมันเลยไปกว่ามาตรฐานตามปกติอย่างเห็นได้โดยชัดเจน อันเนื่องมาจากต้นสายปลายเหตุ ที่ถูกอรรถาธิบายโดยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ว่าเป็นเพราะปริมาณน้ำเค็มในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา มันแผ่ซ่านลุกลามมาถึงสถานีสูบน้ำบริเวณริมฝั่งเจ้าพระยากันไปเป็นแถบๆ หรือเป็นเพราะปริมาณน้ำจืดในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยามันเริ่มลดๆ ลงไป เพราะ “ฝนแล้ง” หรือปริมาณน้ำฝนที่เคยมีมา มันต่ำไปกว่า “เกณฑ์ปกติ” เกือบ 24 เปอร์เซ็นต์ จากปกติที่เคยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 43 มิลลิเมตรในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม มา ณ ขณะนี้...มันมีปริมาณโดยเฉลี่ยอยู่แค่ 25 มิลลิเมตรเท่านั้นเอง...

พูดง่ายๆ ว่า...ยังไม่ทันได้ “หนาว” บรรยากาศ “ภัยแล้ง” ก็เริ่มเข้ามาเคาะประตูบ้านกันซะแล้ว บรรดา “เขื่อน” หลักๆ ประมาณ 4 เขื่อน ในพื้นที่แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าเขื่อน “ภูมิพล” “สิริกิติ์” “แควน้อย” และ “ป่าสักชลสิทธิ์” เมื่อบวกรวมปริมาณน้ำที่สามารถนำไปใช้การได้ ก็เหลืออยู่เพียงแค่ 4,461 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่ำกว่าปริมาณที่ต้องการ ซึ่งควรจะอยู่ที่ 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็นอย่างน้อย ไปเกือบพันๆ ล้านเอาเลยถึงขั้นนั้น ปริมาณน้ำจืดที่ลดน้อยมันเลยกลายเป็นเปิดทางให้น้ำเค็มแผ่ซ่านเข้ามาถึงสถานีสูบน้ำ และส่งผลให้การดื่มกาแฟที่ชงมาจากน้ำประปาต้มแล้ว เลยกลายเป็นกาแฟเติมเกลือแทนเติมน้ำตาล ไปด้วยประการละฉะนี้แล...

การที่ “ภัยแล้ง” มันมาเร็ว และทำท่าว่าจะมาแรงอยู่พอสมควร สำหรับบ้านเราในปีนี้...มันเลยทำให้เรื่องของ “ดิน-ฟ้า-อากาศ” จึงเป็นเรื่องที่ควรต้องนำไปใคร่ครวญ นำไปคิดคำนวณควบคู่ไปกับการคำนวณทางโหราศาสตร์ หรือทางรัฐศาสตร์ก็แล้วแต่ แม้ว่าเรื่องประเภทนี้...มันอาจไม่ค่อยถูกนำมาเป็นองค์ประกอบในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ กันในทางการเมือง เศรษฐกิจ โดยทั่วไปมากมายสักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ใน “ประวัติศาสตร์แห่งมวลมนุษยชาติ” บรรดา “ความเปลี่ยนแปลง” ทั้งหลาย ไม่ว่าในอาณาจักร ในจักรวรรดิใดๆ ก็ตามที มักต้องมีเรื่องของ “ดิน-ฟ้า-อากาศ” เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งสิ้น และโดยเฉพาะช่วงหลังๆ หรือช่วงที่ “ภาวะโลกร้อน” ได้ปรากฏตัวให้เห็นอย่างเป็นทางการ เป็นระบบและเป็นกระบวนการยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เรื่องของ “ดิน-ฟ้า-อากาศ” หรือ “การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ” อาจกลายเป็นตัว “จุดชนวน” ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแต่ละด้านอย่างเห็นได้ชัดเจน และอย่างเป็น “วิทยาศาสตร์” มากซะยิ่งกว่า “โหราศาสตร์” ไม่รู้กี่เท่า ต่อกี่เท่า...

การหยิบเอาเรื่องทำนองนี้มาพูดจาว่ากล่าวกันเอาไว้มั่ง จึงเป็นสิ่งที่น่าคิด น่าสะกิดใจ ซะยิ่งกว่าการหันไปฟัง “หมอดู” หรือ “หมอเดา” ที่ว่ากันไปตามเรื่อง ตามราว ตามความ “ซาดิสต์” หรือ “โรแมนติก” ของแต่ละคน แต่ละราย เป็นไหนๆ และใครที่หันมาให้ความสำคัญต่อเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ ก็น่าจะได้ชื่อว่าผู้ตั้งอยู่ใน “ความไม่ประมาท” อันเป็นเหตุปัจจัยที่จะนำไปสู่ “ความตาย” หรือ “ความเปลี่ยนแปลง” ใดๆ ได้ทุกเมื่อนั่นเอง...

https://mgronline.com/daily/detail/...XlNapS2UxFcpuiFcfLoJxl0SGCcTvU2zu-lSd02aarwac

 

KTLA 5 Morning News
เป็นครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกาได้ส่งนักดับเพลิงมาช่วยต่อสู้กับไฟป่าของออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2010.

https://ktla.com/2020/01/02/califor...PC8uR5wPr1GDOPL9HC_1KP7AtNOp0gXlLsBaMd6BC6lZs

 

เจาะลึกตะวันออกกลาง

ผู้นำสูงสุดอิหร่านประกาศไว้อาลัยแด่นายพลสุลัยมานี 3 วัน

 

We Don't Deserve This Planet
โปรดอธิษฐานเพื่อออสเตรเลีย

จากมหาวิทยาลัยของซิดนีย์พวกเขากลัวว่าสัตว์ 500 ล้านคนถูกฆ่าโดยไฟไหม้ในออสเตรเลีย; ในหมู่พวกมัน เป็นโคอาล่า 8 พันตัว โศกนาฏกรรมคือสัดส่วนของพระคัมภีร์ไบเบิลและสิ่งที่แย่ที่สุดคือมันดูเหมือนจะไม่ได้มีการแก้ปัญหาระยะสั้น

#climateemergency ใน #ออสเตรเลีย พวกเขามีเวลา 48 ชั่วโมงในการอพยพเมืองชายฝั่งจากเขตตะวันออกเฉียงใต้ก่อนที่การมาถึงของคลื่นความร้อนใหม่ที่จะพัดลม ความก้าวหน้าของไฟไหม้

 

ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นเป็นวงกว้างแปซิฟิก หรือPacific Blob" ปรากฎตัวขึ้นอย่างลึกลับนอกชายฝั่งตะวันออกของนิวซีแลนด์ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอีกชื่อหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากกว่า "Pacific Blob" นอกชายฝั่งอะแลสกาซึ่งทำลายระบบนิเวศ

'ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นเป็นวงกว้างที่ร้อน' นอกชายฝั่งนิวซีแลนด์แผนที่ Earthwindmap

"ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นเป็นวงกว้างแปซิฟิก" ใหม่ปรากฏขึ้นอย่างลึกลับนอกชายฝั่งตะวันออกของนิวซีแลนด์และเป็นภาพสะท้อนของ "ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นเป็นวงกว้างแปซิฟิก" ที่โด่งดัง อีกหนึ่งซึ่งอยู่นอกชายฝั่งของมลรัฐอะแลสกา และคิดว่าเป็นสาเหตุของการปลาหายไป และการตายของนกทะเลหลายล้านตัวจากความอดอยากในพื้นที่อันกว้างใหญ่นับตั้งแต่ปี 2558

"ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นเป็นวงกว้าง" ใหม่อาจทำลายล้างสัตว์ป่านอกชายฝั่งตะวันออกของนิวซีแลนด์เนื่องจากพื้นที่กว้างใหญ่นั้นอบอุ่นเกินกว่าที่ปลาจะอาศัยอยู่ที่นั่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อนกทะเลและสมาชิกคนอื่น ๆ ของระบบนิเวศที่เปราะบาง


'ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นเป็นวงกว้างที่ร้อน' ออกจากสหรัฐอเมริกาและชายฝั่งตะวันตกของแคนาดาแผนที่ Earthwindmap

"ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นเป็นวงกว้างทางใต้" ลึกลับเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ตาม NZHerald อันที่จริง ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นเป็นวงกว้าง นั้นเป็นหย่อมน้ำขนาดใหญ่มากซึ่งวัดได้หลายหมื่นตารางกิโลเมตรโดยที่น้ำนั้นมีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ย 10C ถึง 15 องศาเซลเซียสในละติจูดที่คล้ายกับเวลลิงตันในมหาสมุทรแปซิฟิก จุดที่ร้อนกลางคือประมาณขนาดของเกาะเหนือ (114,000 ตารางกิโลเมตร) หรือเกาะใต้ (150,000 ตารางเมตร) พื้นที่กว้างกว่าทั้งสองเกาะรวมกัน "อุณหภูมิทะเลไม่ได้แปรผันมากเกินไปและมีองศาบวกหรือลบค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่และบริเวณนี้น่าจะเป็นสี่องศาหรือมากกว่านั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยและมันก็ค่อนข้างใหญ่" อยู่ในใจกลางของ "ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นเป็นวงกว้าง "มีแนวโน้มว่าจะอุ่นกว่าหกองศามากกว่าปกติ “ น้ำอุ่นมากในแง่ของความแตกต่างจากค่าเฉลี่ยมันจะต้องเป็นหนึ่งในจุดที่อบอุ่นที่สุดในโลกในขณะนี้” Renwick กล่าว ที่ 20C ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นเป็นวงกว้างในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้กำลังขึ้นที่อุณหภูมิในเขตร้อนที่เริ่มต้นใน 20s และถึง 30 องศาเซลเซียส (86 องศาฟาเรนไฮน์) และมีปัญหาสำหรับระบบนิเวศที่เปราะบางมันจะยุบตัว


Earthwindmap แยกเสา

NZHerald รายงานเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่านักวิทยาศาสตร์ไม่ได้แยกคลื่นความร้อนทางทะเลออกไปซึ่งจะทำให้ธารน้ำแข็งละลายในช่วงฤดูร้อน ตลอดเดือนพฤศจิกายนอุณหภูมิทะเลบางส่วนเพิ่มขึ้นถึง 10 องศาในเวลาไม่กี่สัปดาห์ในขณะที่บันทึกอุณหภูมิพื้นดินก็แตก “ การเริ่มต้นพายุถึงเดือนธันวาคมหมายถึงน่านน้ำชายฝั่ง มีอุณหภูมิที่ผสมกันมากขึ้นและอุณหภูมิของทะเลลดลงเล็กน้อย- แต่กำลังเพิ่มขึ้นอีกครั้งสำหรับหลาย ๆ ส่วนของประเทศ เป็นอีกเล็กน้อยในสัปดาห์ข้างหน้า


เครดิต NOAA

ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นเป็นวงกว้าง Pacific กลับสู่ชายฝั่งของมลรัฐอะแลสกาและก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตทางทะเลมากขึ้น คลิกที่ภาพเพื่อขยาย 2019 จะลงไปในฤดูร้อนที่ร้อนแรงที่สุดของ Alaska ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานล่าสุดในแนวโน้มภาวะโลกร้อนในระยะยาวด้วยผลสะท้อนที่เป็นลางสังหรณ์ตั้งแต่น้ำแข็งทะเลฤดูร้อนที่หายไปอย่างรวดเร็ว และธารน้ำแข็งละลายไปจนถึงไฟป่า ภัยพิบัติที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นได้ไหมในแปซิฟิกใต้?

ปลาหายไปหมดแล้ว! อ่าวอลาสกาทำการประมงเป็นครั้งแรก: ไม่มีปลาค็อดอีกต่อไป: ปลาแซลมอนหายไปหมด: นกทะเลตัวเล็กนับล้านที่เสียชีวิตตั้งแต่ปี 2558



A "Pacific Blob," has mysteriously appeared off the East Coast of New Zealand a reflection of another more famous, "Pacific Blob," off the Alaskan coast which has destroyed the ecosystem


The 'hot blob' off the New Zealand coast, Map Earthwindmap

A new "Pacific Blob," has mysteriously appeared off the East Coast of New Zealand and is a reflection of another more famous, "Pacific Blob," which lies off the coast of Alaska and is thought to be the reason of lack of fish resulting in the deaths of millions of seabirds from starvation in the vast area since 2015.

The new "blob," could be devastating for wildlife off the East Coast of New Zealand as the vast area becomes too warm for fish to live there, which in turn affects seabirds and other members of the fragile ecosystem.


The 'hot blob' off the U.S. and Canadian West Coast, Map Earthwindmap

The new mysterious "Southern Blob," is an enormous area, according to NZHerald. In fact, the blob is a very big patch of water measuring tens of thousands of square kilometres where the water is 4C above the average temperature of 10C to 15C on a similar latitude to Wellington in the Pacific Ocean. The central hot spot is about the size of the North Island(114,000sq km) or the South Island(150,000sq km). The wider area is larger than both islands combined. "Sea temperatures don't actually vary too much and a degree, plus or minus, is quite a big deal and this area is probably four degrees or more than that above average and that's pretty huge. "Right in the centre of the "blob", it's likely to be more than six degrees warmer than average. "It's extremely warm water in terms of differences from average, it's got to be one of the warmest spots on the planet at the moment," said Renwick. At 20C, the blob in the southern Pacific is getting up there with temperatures in the Tropics that start in the 20s and reach 30C, (86 deg F) and there lies the problem for the fragile ecosystem, it will simply collapse


Poles-apart Earthwindmap

The NZHerald reported earlier this month that scientists weren't ruling out another marine heatwave which will further melt glaciers over summer. Throughout November, some sea temperatures grew up to 10 degrees in a matter of weeks while land temperature records were also breaking. "A stormier start to December has meant coastal waters have had a lot more mixing and sea temperatures actually dropped slightly for a while - but are on the rise again for many parts of the country," said Niwa meteorologist Nava Fedaeff, adding that there might be another slight dip in the week ahead.


Credit NOAA.

The Pacific Blob has returned to the coast of Alaska and is causing more havoc for marine life. Click on image to enlarge. 2019 will go down as Alaska’s hottest summer on record, the latest benchmark in a long-term warming trend with ominous repercussions ranging from rapidly vanishing summer sea ice and melting glaciers to raging wildfires and deadly death and chaos for marine life. Could a similar disaster unfold in the Southern Pacific?

Fish all gone! Gulf of Alaska fishery to close for the first time ever: No more cod: Salmon all but gone: Millions of small sea birds died since 2015

http://www.thebigwobble.org/2019/12/a-pacific-blob-has-mysteriously.html?fbclid=IwAR36y0Qga9_oFWpbogzu2hW0upOhvRXNuC5n8AbZR_a3SVUPLYKA4aMi0rU

 

รู้จักปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นเป็นวงกว้างหรือ “the blob” ภัยคุกคามต่อห่วงโซ่อาหารในท้องทะเล
ตุลาคม 13, 2016


ปรากฏการณ์ภาวะน้ำทะเลอุ่นขึ้นเป็นวงกว้างหรือ the blob นี้มีขนาดความยาวถึงประมาณ 1,600 กิโลเมตร กว้าง 1,600 กิโลเมตร ลึก 91 เมตร และมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่าปกติราว 2 องศาเซลเซียส

ปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นกว่าปกตินี้ สร้างปัญหาเนื่องจากน้ำทะเลที่อุ่นกว่าปกติมีสารอาหารน้อยว่าน้ำทะเลที่เย็น และผลพวงที่เกิดขึ้นตามมาจากเหตุการณ์ the blob คือทำให้ ไฟโตแพลงตอน (phytoplankton) ในมหาสมุทรเเปซิฟิกที่ปกติเป็นน้ำเย็น มีอาหารน้อยลง และเกิดผลกระทบร้ายเเรงหลายอย่างต่อห่วงโซ่อาหารทั้งหมด

สิงโตทะเลและนกหลายพันตัวตายลงเพราะขาดอาหาร เนื่องจากปลาว่ายหนีจากจุดที่น้ำทะเลอุ่นขึ้นเพื่อออกไปหาอาหารในจุดอื่น

ทีมนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าปรากฏการณ์น้ำทะเลอุ่นขึ้นแบบนี้ อาจจะมีผลให้ห่วงโซ่อาหารทั้้งหมดในท้องทะเลเกิดความเป็นพิษได้


A NASA image of the warm 'blob' of water that appeared in the NE Pacific in 2013.

ผลการศึกษาชิ้นใหม่นำโดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และสำนักงานทะเลวิทยาและชั้นบรรยากาศแห่งสหรัฐ หรือ NOAA ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Geophysical Research Letters ไปเมื่อเร็วๆนี้ ได้แสดงให้เห็นหลักฐานที่ชัดเจนชิ้นเเรก ที่โยงภาวะน้ำอุ่นในมหาสมุทรเเปซิฟิกเข้ากับการเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างมหาศาลของสาหร่ายทะเลสายพันธุ์ที่เป็นพิษในปี ค.ศ. 2015 ซึ่งทำให้ต้องปิดทำการประมงในทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ในตอนนั้น

ทีมนักวิจัยศึกษาสาหร่ายทะเลที่เรียกว่า P. australis ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของสาหร่ายพิษทั้งหมด ทีมนักวิจัยพบว่าน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นทำให้สาหร่ายเหล่านี้โตเร็วขึ้น 2 – 3 เท่าตัวกว่าปกติ และหากมีสภาวะเเวดล้อมที่เหมาะเจาะ สาหร่ายเหล่านี้สามารถผลิตสารพิษที่เรียกว่า Domoic acid ที่สะสมในสัตว์ทะเลจำพวกกุ้ง หอยและปู แล้วเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารและเป็นอันตรายมากขึ้น

สารพิษนี้ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหาร อาการชัก การสูญเสียความจำ และเเม้เเต่เสียชีวิตได้หากสารพิษปริมาณมากเข้าไปในกระเเสเลือดของสัตว์ ตั้งเเต่ปลาโลมา สิงโตทะเลและมนุษย์

ทางสำนักงานทะเลวิทยาเเละชั้นบรรยากาศแห่งสหรัฐ ได้บันทึกปรากฏการณ์ the blob เมื่อปี 2015 ว่าสร้างผลกระทบต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยประสบมา ตั้งเเต่ปูที่ได้รับสารพิษ สิงโตทะเลเกิดอาการชักจากสารพิษ ไปจนถึงความจำเป็นต้องปิดทำการประมงเป็นบริเวณกว้าง ตั้งเเต่นครลอสแองเจลลีสไปจนถึงนครซีเเอทเติ้ล

นอกเหนือจากผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจเเล้ว Ryan McCabe นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวว่า ปรากฏการณ์นี้ยังก่อความกังวลเเก่บรรดานักวิทยาศาสตร์อีกด้วย เพราะขณะที่ภาวะโลกร้อนทำให้น้ำทะเลอุ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาหร่าย P. australis ที่เป็นพิษนี้ จะกลายเป็นสาหร่ายที่พบได้ทั่วไปมากขึ้นกว่าเดิม

และทำให้เเหล่งอาหารหลักสำหรับทั้งคนและสัตว์ทะเล จะกลายเป็นสิ่งที่กินได้น้อยลง



(รายงานโดย Kevin Enochs / เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว)


https://www.voathai.com/a/algae-and-the-blob-tk/3548669.html

 

เจาะลึกตะวันออกกลาง

#ด่วน! กองกำลังอาสาสมัครอิรัก #เตรียมรบเต็มอัตราศึก!!

ต้องจับตาดูว่าเป็นอย่างไรต่อไป หลังทรัมป์สั่งเก็บ รอง ผบ.กองกำลังอาสาสมัครอิรัก (ที่เคยปราบ ISIS)