ติดตามสถานะการณ์

นายกรัฐมนตรีแดเนียลแอนดรูว์ประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติสำหรับพื้นที่หกแห่งของรัฐบาลท้องถิ่นเมื่อวานนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่มีการใช้อำนาจดังกล่าว นับตั้งแต่ได้รับการแนะนำ หลังจากบุชไฟเออร์ Black Saturday

 

ผู้คนที่ติดอยู่ในเมืองของ mallacoota ใน gippslandตะวันออก, victoria ถูกอพยพโดยบุคลากรกองทัพไปยัง hmas choules หลังจาก ไฟป่า bushfires ทำลายเมืองในวันที่ 30 เดือนธันวาคม

รูปภาพโดย justin mcmanus

 

รัฐ nsw เป็นอีกครั้งกับฉุกเฉินแห่งรัฐ เนื่องจากมันจัดสำหรับ "วันที่ อันตราย มาก" ของอุณหภูมิที่ร้อนและลมแรงในวันเสาร์

พื้นที่ยืดร้อยกิโลเมตรจาก nowra ไปยังชายแดนวิกตอเรียและตะวันตกไปยัง kosciuszko ได้รับการประกาศ "ให้ออกไปจาก โซน".

เรากำลังถ่ายทอดสด - บล็อกอีกครั้งในวันนี้ - ติดตามสำหรับการอัปเดตล่าสุด:

 

PerthNow: นักผจญเพลิงช่วยชีวิตบ้านกว่า 6,000 หลังในไฟป่าที่ลุกลาม แต่ภัยคุกคามยังคงอยู่ทางเหนือของเมืองเพิร์ ธ

ไฟป่าที่ลุกลามในภาคเหนือของเมืองเพิร์ ธ ตั้งแต่วันพุธอาจไม่สามารถควบคุมได้อีกหลายวันและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงชั้นนำของรัฐได้เตือนถึงความเสียหายที่อาจเพิ่มขึ้น

คาร์เรน ไคลม์ ผู้บัญชาการตำรวจดับเพลิงและบริการฉุกเฉินกล่าวว่า กว่า 6,000 หลังคาเรือนได้รับการช่วยชีวิตแล้ว

เขากล่าวว่าลมกระโชกแรงที่ 50 กม. / ชม. คาดว่าในวันเสาร์นี้จะทำให้เงื่อนไขที่ยากลำบากนั้นยากมาก

มีการออกคำเตือนฉุกเฉินของไฟป่าสำหรับ Guilderton, Two Rocks, Woodridge และพื้นที่ใกล้เคียง

Mr Klemm กล่าวว่าผู้อยู่อาศัยใน Woodridge อยู่ภายใต้การคุกคามโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะไฟกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางนั้น

“ วันนี้เรากำลังเผชิญกับเงื่อนไขที่ยากลำบากสำหรับไฟ” เขากล่าว

“ เรารู้ว่าเรากำลังจะมีปัญหาในวันเสาร์และอาทิตย์

“ ไฟเคลื่อนตัวในอัตราที่รวดเร็วไปทางตะวันออกเฉียงเหนือและตามที่คุณเห็นกับสภาพลมที่เราได้มาที่นี่ในวันนี้มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะดึงไฟนั้นขึ้นก่อนที่เราจะเข้าสู่ค่ำคืน

“ วันนี้และวันพรุ่งนี้จะมีความท้าทายเป็นพิเศษและผู้คนจำเป็นต้องตระหนักถึงสิ่งต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มขึ้นจากที่นี่ในแง่ของความเสียหาย”


[ไฟป่าทางตอนเหนือของเมืองเพิร์ทเผาไหม้มากกว่า 11,000 เฮกตาร์ โดยผู้อยู่อาศัยเตือนว่าคาดหวังว่าสภาพอากาศเลวร้ายลง เครดิต: ชาวออสเตรเลียตะวันตก, Sarah Steger]

มีนักดับเพลิงและอาสาสมัครประมาณ 230 คนกำลังต่อสู้เพื่อดับไฟซึ่งได้เผาไหม้ไปแล้ว 11,000 เฮกตาร์และสถานีบริการน้ำมันรวมถึงสิ่งก่อสร้างรอบ ๆ

“ เราได้เห็นงานที่โดดเด่นบางอย่างที่ทำโดยทีมงานเหล่านี้บนพื้นดิน…ผู้บันทึกที่ยอดเยี่ยมใน Two Rocks เมื่อคืนที่ผ่านมามีผู้ช่วยกว่า 6,000 บ้านแล้ว

“ แต่เรามีช่วงเวลาที่ยากลำบากก่อนหน้าเราไม่ควรมองข้ามสิ่งนั้น”

Mr Klemm กล่าวว่าอาจใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะเกิดไฟไหม้ภายใต้การควบคุม ซึ่งน่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เย็นกว่าสำหรับเพิร์ท

ผู้คนใน Guilderton และ Woodridge ได้รับคำสั่งให้ออกไปในทิศทางตะวันออกไปทางมหาสมุทรอินเดียและใช้ถนน Gingin Brook เพื่อเดินทางไปยัง Gingin เมื่อไฟใกล้พื้นที่

มันไม่ปลอดภัยที่จะปล่อยให้คนในซีทรีทและเอสเตท Breakwater

ผู้อยู่อาศัย Guilderton และ Woodridge ควรออกเดินทางไปในทิศทางตะวันออกเพื่อไปยังมหาสมุทรอินเดียและใช้ถนน Gingin Brook เพื่อเดินทางไปยัง Gingin เมื่อไฟใกล้พื้นที่ มันไม่ปลอดภัยที่จะปล่อยให้คนในซีทรีทและเอสเตท Breakwater


[ผู้อยู่อาศัยที่เหนื่อยล้ารวมตัวกันที่ศูนย์อพยพใน Quinns Rocks เครดิต: The Sunday Times, Justin Benson-Cooper]

ในคืนวันศุกร์มีผู้คน 60 คนพักที่ศูนย์อพยพชั่วคราวซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยกรมชุมชนที่ Gumblossom Community Center ใน Quinns Rocks ในขณะที่ 100 คนพักที่ Granville Civic Center ใน Gingin

ไฟที่ก่อตัวขึ้นในเมืองรวมถึง Guilderton ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งเล็ก ๆ ที่อยู่ทางเหนือของเมืองเพิร์ทระยะทาง 160 กม. ได้นำไปสู่สวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยคาราวานที่ถูกทิ้งร้าง

Guilderton Caravan Park ผู้จัดการ Geoffrey Liddelow ยืนยันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีการยกเลิกการจองจำนวนมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

“ เราควรมีคนประมาณ 600 คนในสวนสาธารณะในขณะที่ฉันมีประมาณ 30 คน” นายลิดเดลโลวกล่าว

“ เห็นได้ชัดว่าเรามีการยกเลิกจำนวนมาก แต่เป็นเพราะผู้คนไม่สามารถมาที่นี่ได้

“ มันเป็นเพียงหนึ่งในสิ่งที่คู่ครอง ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ”

นาย Liddelow กล่าวว่าเขาวางแผนที่จะอยู่ที่สวนสาธารณะ

“ เรามีแม่น้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหนึ่งของเราและมหาสมุทรในอีกด้านหนึ่งและไม่มีอะไรที่จะเผาไหม้ตรงกลางที่นี่” เขากล่าว

Phil Hickey | PerthNow

https://www.perthnow.com.au/news/bu...hreat-continues-north-of-perth-ng-b881411389z


https://www.bushfire.org.au/perthno...Y7rYGGXqaXRzkGcl8Go03mJZrUY1xvIC7owXTEXYkS5Eo

 

แบ่งปันจาก Too Young to die

รวมที่สุดแห่งปี 2019 ปัญหาภาวะโลกร้อนที่เรากำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ เราเหลือเวลาอยู่น้อยแค่ไหน ทำไมปัญหาโลกร้อนถึงต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเหนือปัญหาอื่นทั้งมวล

โลกจำเป็นต้องคุมอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 C ภายในปี 2030 (แต่ขณะนี้เพิ่มไปแล้ว 1.1C) ก่อนที่สภาพอากาศจะเสียหายภาวร เกิดภัยธรรมชาติ ภาวะแห้งแล้ง ขาดแคลนอาหาร น้ำแข็งขั้วโลกละลาย

ทำไมคุณต้องอ่านโพสต์นี้ แชร์ และเปลี่ยนวิถีชีวิตตั้งแต่วันนี้ ลดการบริโภคที่ฟุ่มเฟือย ประหยัดพลังงาน ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ลดการใช้รถยนต์ ลดการสร้างขยะ เพื่ออนาคตของตัวเราเองและเยาวชนในวันหน้า


1. Greta Thunberg เด็กหญิงที่จุดประกายให้ทั่วโลกออกมาประท้วงต่อสู้กับภาวะโลกร้อน
เชื่อว่าทั่วโลกต้องหันมาจับตามองเด็กหญิงสุดโต่งชาวสวีเดนคนนี้ เจ้าของวลี “How Dare You”ที่กระตุกต่อมผู้นำประเทศหลายๆคน “พวกคุณกล้าดีอย่างไร ขโมยความฝันและชีวิตวัยเด็กของเรา เรากำลังเข้าสู่จุดเริ่มต้นของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสิ่งมีชีวิต แต่คุณกลับพูดถึงแต่เรื่องของเงินและการเติบโตของเศรษฐกิจ “

Greta Thunberg activist สาวน้อยอายุ 16 ปี ผู้เริ่มต้นประท้วงรัฐบาคนเดียวทุกวันศุกร์ ที่หน้าสภา ภายใต้campaign Fridays for Future ตั้งแต่ส.ค. ปี 2018 จะไปโรงเรียนไปทำไม ถ้ารัฐบาลต่างๆยังนิ่งเฉยไม่รับผิดชอบภาวะโลกร้อนที่ทิ้งไว้ให้กับคนรุ่นหลัง (รายงาน IPCC ปี 2018 ที่กล่าวว่า เราเหลือเวลาแค่ 10 ปี ที่จะต้องคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5C ภายในปี 2030 มิเช่นนั้นสภาวะอากาศจะเสียหายแบบถาวร ) จนภายหลังเธอสามารถสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก ก่อให้เกิด Global Climate Strike การเดินประท้วงทั่วโลกถึง 4 ครั้ง มีเยาวชนจากทั่วโลกเข้าร่วมทั้งหมดกว่า 228 ประเทศ เป้าหมายคือเรียกร้องผู้นำเร่งการพัฒนาอย่างยั่งยืนและลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แหล่งสร้างก๊าซเรือนกระจกสาเหตุภาวะโลกร้อน

Greta ได้มีโอกาสขึ้นพูดที่งานประชุมหลายแห่ง ความสุดโต่งของเธอยังรวมถึงการปฏิเสธการบิน (แหล่งสร้างก๊าซเรือนกระจกมหาศาล)เธอเดินทางไปเข้าร่วมประชุมอีกทวีป ข้ามมหาสมุทรโดยเรือพลังงานโซลาร์ลำเล็กๆเป็นเวลาสองอาทิตย์ เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Nobel และ ได้รับรางวัลบุคคลแห่งปีจากนิตรยาสาร Time Magazine อีกด้วย

https://www.fridaysforfuture.org



2. 2015-2019 5 ปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา โลกร้อนไปแล้ว 1.1 C ทั้งๆที่เส้นขีดอันตรายอยู่ที่ 1.5C มีตัวเลขน่ากลัวอะไรอีกบ้าง

จากงานวิจัย โลกต้องพยายามลดก๊าซเรือนกระจกมากกว่าเดิม 3 เท่าเพื่อที่จะคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงเกิน 2C และ 5 เท่าในการคุมไม่ให้สูงเกิน 1.5C นี่เป็นสาเหตุที่เยาวชนทั่วโลกออกมาเรียกร้องให้ผู้นำประเทศสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดทดแทน พลังงานฟอสซิลอย่างเร่งด่วน มาดูตัวเลขกัน

1. ปี 2015-2019 อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นจากยุคpreindustrial 1.1C Intergovernmental Panel on Climate Change ตั้งเป้าไว้ว่าจะคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 C ภายในปี2030 ก่อนที่สภาพอากาศจะเสียหายถาวร แต่เพียงแค่เทียบ 2015-2019 อุณหภูมิเพิ่มขึ้นจาก 2011-2015 ถึง 0.2C และปี2015-2019 ยังเป็นช่วง 5 ปีที่ร้อนที่สุดในโลกด้วย

2. ก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดย CO2 เพิ่มขึ้นจาก 5 ปีก่อนหน้านี้ถึง 20% คาดว่าปลายปี 2019 ปริมาณ CO2จะพุ่งเกิน 410 ppm
(จริงๆแล้วปีนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่สถานี Mauna Observatory Hawaii วัดได้สูงเกิน 415ppm ต้องรอดูสรุปตัวเลขกันอีกที)

3. อัตราน้ำทะเลสูงขึ้นต่อปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
1993-2007 3.2 mm ต่อปี
2007-2016 4 mm ต่อปี
2014-2019 5 mm ต่อปี

4. ปริมาณน้ำแข็งขั้วโลกลดลงอย่างรวดเร็ว
-Antarctic ตั้งแต่ปี 2016 น้ำแข็งลดลงอย่างเด่นชัดเมื่อเทียบกับช่วงปี 1981-2010
-ปีที่น้ำแข็งต่ำที่สุดคือ 2017 รองลงมาคือ 2018 โดยอัตราการสูญเสียน้ำแข็งเพิ่มขึ้นจากปี1979-1990 ถึง 6 เท่า
-1979-1990 น้ำแข็งหายไป 40 Gigaton ต่อปี 2009-2017 น้ำแข็งหายไป 252 Gigatonต่อปี
-ปี 2015-2018 Glacier เตี้ยลง 908 mm ต่อปี มากกว่าทุกช่วง 5 ปีที่เคยมีมา
-ที่ Arctic ปริมาณน้ำแข็งในฤดูหนาวต่ำที่สุดในช่วง 2015-2019 ปริมาณน้ำแข็งลดลงปีละ 12% ช่วง1979-2018

5. ปี2018 มหาสมุทรร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา รองลงมาคือ 2017 ตามด้วย 2015 ความเป็นกรดเพิ่มขึ้นถึง 26% เทียบกับยุค preindustrial

6.ภัยธรรมชาติต่างๆ heatwave ที่สร้างสถิติใหม่มากมาย ในช่วงปี 2015-2019 ประเทศต่างๆต้องสูญเสียรายได้ไปกับพายุ ไม่ว่าจะเป็น Atlantic Hurricane 2017 ( Hurricane Harvey อันเดียวสูญเสียถึง 125 พันล้าน USD) หรือพายุไซโคลนที่ถล่ม Mozambiqueปีนี้

7. ไฟป่าอันเป็นผลมาจากสภาพอากาศ ไฟป่ารุนแรงที่สุดเกิดใน 4 ปีหลัง ไฟป่าที่ Arctic 2019 ปล่อย CO2 มากถึง 50 Gigaton มากกว่าไฟป่า Arctic ปี 2010-2018 รวมกัน
อีกทั้งยังมีไฟป่าในAmazon และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

https://public.wmo.int/en/media/press-release/global-climate-2015-2019-climate-change-accelerates



3.นักวิทยาศาสตร์กว่า 10,000 คนจาก 153 ประเทศ ลงนามยืนยันในบทความ Warning of Climate Emergency ว่าขณะนี้โลกกำลังอยู่ในภาวะฉุกเฉินจากภาวะโลกร้อนที่สุด

บทความดังกล่าวตีพิมพ์ในนิตรยาสาร journal Bioscience เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี การประชุมภาวะโลกร้อนครั้งแรกที่เมืองเจนีวา ย้อนไปในปี 1979

นักวิทยาศาสตร์มีจรรยาบรรณและหน้าที่ต้องรายงานความเป็นจริงของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่กับโลก “ เราขอประกาศว่าโลกกำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อนฉุกเฉิน เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ในอนาคต เราจำเป็นต้องเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตของเราและเยียวยาสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน ภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบรุนแรงและเร็วกว่าที่คาดไว้ และกำลังเป็นภัยคุกคามต่อระบบนิเวศน์และชะตาของมนุษยชาติ “

“ เราจำเป็นต้องหยุดการเพิ่มประชากร ลดการใช้พลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ควบคุมการลดลงของพื้นที่สีเขียว และควบคุมความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากภัยธรรมชาติ “ “ ภาวะโลกร้อนเชื่อมโยงกับทุนนิยมและการบริโภคที่ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น “ “หากภาวะโลกร้อนมาถึงจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับได้หรือ tipping point จะก่อให้เกิดการพังทลายของระบบนิเวศน์ สังคม เศรษฐกิจ และโลกจะกลายเป็นที่ๆ ไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีกต่อไป”

https://www.theguardian.com/environ...sis-11000-scientists-warn-of-untold-suffering




4.การเมืองกับภาวะโลกร้อน ประเทศใดบ้างที่ประกาศภาวะโลกร้อนฉุกเฉินClimate Emergency ไปแล้วบ้าง , New Zealand เป็นประเทศแรกของโลกที่ออกพรบ.โลกร้อน อิตาลี บรรจุวิชาโลกร้อนในการศึกษาภาคบังคับ และรัสเซียยินยอมเข้าร่วมข้อตกลง Paris Agreement

ทำไมการประกาศภาวะโลกร้อนฉุกเฉินจึงเป็นเรื่องสำคัญ จุดประสงค์เพื่อบอก”ความจริง” แก่ประชาชนถึงวิกฤติที่เรากำลังเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประชาชนที่รับทราบจะได้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ช่วยเหลือกัน แน่นอนว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ทราบ อย่าลืมประชาชนบางกลุ่มที่ต้องหาเช้ากินค่ำ เขาอาจยังไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนว่าจริงๆแล้ว สิ่งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อพวกเขาในที่สุดไม่ช้าก็เร็ว ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องออกนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปควบคู่กัน

ประเทศที่ประกาศภาวะโลกร้อนฉุกเฉินได้แก่ สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ โปรตุเกส ฝรั่งเศส และแคนาดา หากไม่ใช่การประกาศระดับประเทศ มีเมืองหลวงที่เข้าร่วมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Sydney , New York , Auckland , Nagoya หรือเพื่อนบ้านเราอย่าง Cebu ของPhilipines รวมเขตอำนาจการปกครองตนเอง ที่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทั้งหมด 1261 เขตใน 25 ประเทศ

ข่าวดียังพอมีบ้างเมื่อประเทศ New Zealand ได้ออกพรบ.โลกร้อนเป็นประเทศแรกของโลก นำโดยนายกสวยเก่งเจ้าของนโยบายยาว 2 นาที Jacinda Ardern พรบ.มีสาระอย่างไรบ้าง ตามอ่านโพสต์เก่าเราได้ที่นี่



นอกจากนี้ Italy ยังบรรจุให้วิชาโลกร้อนอยู่ในการศึกษาภาคบังคับเพื่อเตรียมความพร้อมเยาวชน และประธานธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ยอมนำรัสเซียเข้าร่วมขอตกลง Paris Agreement หลังจากเห็นประเทศตนเองได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน เมืองทางตอนเหนืออุณหภูมิเพิ่มสูงผิดปกติ เมืองน้ำท่วม และไฟไหม้ไซบีเรีย แม้การเข้าร่วมเป้าการลดก๊าซเรือนกระจกจะไม่สูงนักก็ตาม

ส่วนประเทศที่ยังทำให้เราผิดหวังอยู่เช่นเดิมคือ สหรัฐอเมริกา ผู้สร้างก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับสองขอวโล Donald Trump ประกาศถอนตัวอย่างเป็นทางการจากข้อตกลง Paris Agreement ด้วยเหตุผลที่ว่าประเทศของตนเสียเปรียบ

https://www.climatechangenews.com/2019/09/23/russia-formally-joins-paris-climate-agreement/

https://www.telegraph.co.uk/news/20...imate-accord-targets-critically-insufficient/

https://climateemergencydeclaration.org/climate-emergency-declarations-cover-15-million-citizens/
1414



5. ขั้วโลกเหนือGreenland กำลังละลายเร็วกว่าเดิม 7เท่า ขั้วโลกใต้กำลังละลายเร็วกว่าเดิม 6 เท่า

น้ำแข็งกรีนแลนด์กำลังละลายเร็วมากขึ้น 7 เท่า เทียบกับปี 1990 อันเป็นผลมาจากอากาศที่ร้อนขึ้น และภายในช่วงเวลาเพียงแค่ 15 ปี ภูเขาน้ำแข็งกรีนแลนด์เตี้ยลงถึง 100 เมตร

ที่น่าตกใจคือปีนี้ในฤดูร้อน น้ำแข็งกรีนแลนด์ ละลายไป 11 พันล้านตัน หรือคิดเป็น 60% ภายในวันเดียว และในเวลา 5 วัน หายไปถึง 90% คิดเป็นปริมาณมากอันดับสองรองจากปี 2012

นอกจากนี้งานวิจัยอีกอันพบว่า น้ำแข็งขั้วโลกใต้antarctica ตั้งแต่ปี 1973-2013ละลายเพิ่มขึ้น 77% และเทียบจาก 1979 -2017 ละลายเร็วขึ้น 6 เท่า

นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าปี 2030 ในฤดูร้อน กรีนแลนด์จะปราศจากน้ำแข็ง กลายเป็นทะเลว่างเปล่า แน่นอนว่าการที่น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ย่อมทำให้น้ำทะเลสูงขึ้น Breakthrough - National Centre for Climate Restoration คาดว่าปี 2050 น้ำทะเลจะสูงขึ้น 0.5 เมตร ปี 2100 คาดว่าจะสูงขึ้น 2-3เมตร เมืองที่จะได้รับผลกระทบมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Jakarta , Manila , Ho Chi Min , Dhaka รวมถึงกรุงเทพมหานครเช่นกัน

งานวิจัย
https://www.cnn.com/2019/08/02/world/greenland-ice-sheet-11-billion-intl/index.html

http://nsidc.org/greenland-today/2019/11/large-ice-loss-on-the-greenland-ice-sheet-in-2019/

https://www.facebook.com/TooYoungToDieGeek/videos/757162281388767/

https://apnews.com/587a3e77fa7a4da8906ab417b7a71338

https://www.nytimes.com/interactive/2019/10/29/climate/coastal-cities-underwater.html


https://www.facebook.com/TooYoungTo...859298321696/3280212305386386/?type=3&theater

6.ไฟไหม้อเมซอน ปอดของโลกที่ผลิตออกซิเจนกว่า 20% ให้แก่โลก

ถือว่าเป็นไฟไหม้ที่มากที่สุดตั้งแต่มีบันทึกไว้ในปี 2013 ในครั้งนี้ได้มีการประมาณการพื้นที่ป่าที่เสียไปประมาณมากกว่า 7700 ตารางกิโลเมตร (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2019 BBC ) จากภาพถ่ายดาวเทียมป่าถูกทำลายไปมากกว่า 88%เทียบกับปีก่อน และยังมีพืชและสัตว์อีกมากที่เสี่ยงสูญพันธุ์
สาเหตุของไฟป่าครั้งนี้มาจากอากาศที่แห้งแล้งและการุกล้ำเผาป่าของมนุษย์ ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดี Jair Bolsonaro ผู้ซึ่งลดหย่อนกฏหมายอนุญาตให้ใช้พื้นที่ได้อย่างไม่สนใจผลกระทบใดๆ

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า Amazon ใกล้แตะจุดที่ผืนป่าจะไม่มีวันหวนกลับ ขณะนี้ พื้นที่ได้หายไปแล้วกว่า 15-17% และถ้าพื้นที่ป่าเสียไปถึง 25% จะไม่มีต้นไม้มากพอที่จะหมุนเวียนสร้างความชื้นให้กับเขตป่าฝนนี้ ป่าฝนจะแห้งแล้งขึ้นและกลายเป็นเขตสะวันนาไปในที่สุด

https://www.bbc.com/news/world-latin-america-49971563

https://towardsdatascience.com/an-analysis-of-amazonian-forest-fires-8facca63ba69

https://www.facebook.com/TooYoungTo...859298321696/3280212475386369/?type=3&theater

7. ไฟป่าออสเตรเลียลามทั่วเกาะหยุดไม่อยู่ คาดว่าคร่าชีวิตโคอาล่ากว่า 8400 ตัว

ไฟป่าออสเตรเลียที่เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน ยังคงไหม้ต่อเนื่องทั่วเกาะหยุดไม่อยู่ ล่าสุด Heatwave ซ้ำเติม อุณหภูมิทุกรัฐสูงเกิน 40 องศา ( เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา 14 เมืองในออสเตรเลียติดท็อป 15 เมืองที่ร้อนที่สุดในโลกเดือนธันวาคม) มีผู้คนเสียชีวิตแล้ว 10 คน สองคนเป็นบุรุษดับเพลิง ขณะนี้พื้นที่ไฟไหม้ครอบคลุมทั้งหมด 5 รัฐเป็นพื้นที่ทั้งหมด 4 ล้าน เฮคเตอร์ เป็นพื้นที่ในรัฐ New South Wales ลำพัง 3.4 ล้านเฮกเตอร์ ข่าวร้ายยิ่งกว่านั้นรัฐ New South Wales เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของโคอาลาประมาณ 15000-28000 ตัว นักวิทยาศาสตร์คาดว่า มีประชากรโคอาล่าเสียชีวิตจากไฟป่าครั้งนี้ถึง 30% คิดเป็นตัวเลขประมาณ 8400 ตัว โศกนาฏกรรมครั้งนี้ทำให้โคอาล่าเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เร็วขึ้นกว่าเดิม

นักวิทยาศาสตร์คาดว่า ไฟป่าครั้งนี้เป็นผลมาจาก การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและสภาวะอากาศในมหาสมุทรอินเดีย

https://www.bbc.com/news/world-australia-50938504

https://www.nytimes.com/reuters/2019/12/30/world/asia/30reuters-australia-bushfires-wildlife.html


https://www.facebook.com/TooYoungTo...859298321696/3280212525386364/?type=3&theater

8.น้ำท่วมอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสาน ท่วมหนักสุดในรอบ 17ปี
ที่จังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบกว่า 639,556 ไร่ และด้านปศุสัตว์มีจำนวนสัตว์ได้รับผลกระทบกว่า 1 แสนตัว ในส่วนของโรงเรียนนั้นได้รับผลกระทบถึง 788 โรงเรียน บ้านเรือนเสียหายประมาณ 16,166 หลังคาเรือน ค่าความเสียหายมูลค่าไม่น้อยกว่า 8000ล้านบาท

https://www.prachachat.net/local-economy/news-371872
https://mgronline.com/qol/detail/9620000094493
https://www.springnews.co.th/thailand/northeast/553913


https://www.facebook.com/TooYoungTo...859298321696/3280212728719677/?type=3&theater

9. Heatwave ยุโรปอุณหภูมิสูงทำลายสถิติหลายประเทศ
ปีนี้Heatwave สร้างสถิติใหม่ในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น
France 45.9 C
German 42.6 C
Netherland 40.7
Belgium 41.8
England 38.5 C

ที่ทวีปอื่น ถึงแม้อาจจะไม่ทำลายสถิติ แต่ก็ร้อนทะลุ 50C มาแล้วทั้งอินเดีย คูเวต และออสเตรเลีย คูเวตอุณหภูมิแบบไม่เป็นทางการกลางแจ้งวัดได้ 63C


https://www.facebook.com/TooYoungTo...859298321696/3280212702053013/?type=3&theater

10.ฤดูหนาวและหิมะที่หายไปในมอสโคว สถิติใหม่อันน่ากลัวในรอบ 133 ปี

ผู้คนในมอสโควต่างสงสัยว่าหน้าหนาวหายไปไหน หลังจากที่อากาศในปีนี้เป็นเดือนธันวาคมที่อุ่นที่สุดในรอบ133ปี และไม่มีหิมะปกคลุม
ปกติในช่วงนี้ของปีหิมะจะปกคลุมไปทั่ว แต่อุณหภูมิปีนี้คาดว่าจะสูงถึง6องศาเซลเซียสในตอนกลางคืน ทั้งๆที่ปกติอุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนธันวาคมอยู่ที่ประมาณ ติดลบ6.2องศาเซลเซียส อ้างอิงจากศูนย์พยากรณอากาศFobos น่ากังวลแค่ไหนดูจากภาพซ้ายที่เป็นปกติของเดือนธันวาคมทุกปี ภาพขวาจาก instagram account igortraveler post เมื่อ4 วันที่แล้ว

ล่าสุดที่มอสโคว สถิติเดิม อากาศอุ่นถึง5.3องศาเซลเซียสคือธันวาคมปี1886 เมื่อ133ปีที่แล้ว
อากาศที่อบอุ่นแบบนี้เนื่องมาจากสภาพภูมิกาศในมหาสมุทรแอตแลนติก และในช่วงปีใหม่เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองนี้อาจมีฝนตก ไม่ใช่หิมะ
https://www.reuters.com/article/us-...-temperatures-hit-133-year-high-idUSKBN1YM1XW


https://www.facebook.com/TooYoungTo...859298321696/3280212842052999/?type=3&theater


11.ฝูงหมีขั้วโลกบุกเมือง โลกร้อนทำพิษ หมีขาวไร้บ้านไร้อาหาร

ฝูงหมีขั้วโลกได้บุกเข้าไปตามบ้านเรือนและสถานที่ราชการในเมืองโนวายาเซมเลีย เกาะที่อยู่ห่างไกลในมหาสมุทรอาร์คติกของประเทศรัสเซีย และมีประชากรราว 3,000 คน

ทางการเตือนประชาชนให้ระวังตัว พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉิน ขณะที่ประชาชนหวาดกลัวจนไม่กล้าออกนอกบ้าน สร้างความปั่นป่วนในการใช้ชีวิตประจำวัน พ่อแม่ไม่กล้าให้ลูกไปโรงเรียน

เชื่อว่า ภาวะโลกร้อน ทำให้แหล่งอาหารและถิ่นที่อยู่ของพวกมันได้รับผลกระทบ และบีบให้พวกมันต้องอพยพย้ายถิ่นหากินเข้ามาในเขตชุมชนเมือง


https://www.facebook.com/TooYoungTo...859298321696/3280212892052994/?type=3&theater

12. Coldplay ประกาศงดทัวร์คอนเสิร์ต และมีบุคคลสำคัญอื่นๆมากมายที่ต่อสู้ภาวะโลกร้อนอยู่

เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่บุคคลสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นศิลปินระดับโลกอย่าง Coldplay ออกมาแสดงจุดยืน แน่นอนว่าศิลปินปัจจุบันรายได้มาจากการทัวร์คอนเสิร์ต ขอบคุณวงที่เสียสละใช้ชื่อเสียงของตนเองเป็นกระบอกเสียงให้ความสำคัญกับภาวะโลกร้อน หวังว่าจะเป็นการจุดประกายให้เกิดการตื่นตัวในวงกว้างมากขึ้น

แน่นอนว่าการทัวร์รอบโลก นอกจากจะสร้าง carbon footprint มหาศาลจากการบินของศิลปินหรือผู้ชมที่มาร่วมงานแล้ว การจัดงานคอนเสิร์ตครั้งหนึ่งก็ต้องใช้พลังงาน สร้างขยะ การคมนาคมของผู้ชมที่มาที่งาน เกิดcarbon footprint ซ้ำเติมเข้าไปอีก ถูกต้องที่ทุกคนมีสิทธิเสรีในการเสพย์ศิลปะ แต่ในอนาคตเราไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน เพื่อความบันเทิง หรือความสะดวกสบายได้อีกต่อไป องค์กร Green Touring Network เผยตัวเลขว่า carbon footprint จากการทัวร์คอนเสิร์ตมาจาก การจัดสถานที่ 34% การคมนาคมของผู้ชม 33%, การเดินทางของศิลปิน 9% ของที่ระลึก 12% ที่พักโรงแรมต่างๆ 10% การโปรโมตทัวร์ 2%

นอกจากนี้ยังมีบุคคลสำคัญมากมายที่เป็น activistfต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ไม่ว่าจะเป็น Leonardo Dicaprio ที่มักจะเคลื่อนไหวทาง social media ด้านโลกร้อนเสมอ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ Greta Thnuberg ตัวต่อตัวมาแล้ว Arnold Schwarzenegger ที่ทำงานด้าน Climate Change มานาน 10 ปี Jason Momoa ที่เข้าร่วมพูดในที่ประชุมโลก เป็นกระบอกเสียงให้กับประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรที่เสี่ยงต่อการจมน้ำจากภาวะโลกร้อน และ Jane Fonda อดีตดารา Hollywood วัย 82 ปี ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Greta Thunberg ออกประท้วงทุกวันศุกร์ และตั้งใจให้ถูกจับถึง 5 ครั้ง เพื่อที่ทั่วโลกจะได้ทราบถึงความสำคัญของภาวะโลกร้อน

https://www.facebook.com/TooYoungTo...859298321696/3280213038719646/?type=3&theater



https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3280246925382924&id=188126071261707

 

Too Young to Die

ไฟป่าออสเตรเลีย เผาวอดสัตว์กว่า 480 ล้าน รวมโคอาล่า 8000 ตัว










ไฟป่าที่ลุกลามในออสเตรเลียตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้ทำลายนับล้านชีวิต

นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ประเมินว่ามีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก และสัตว์เลื้อยคลานกว่า 480 ล้านชีวิต ถูกเผาตายจากไฟป่า ในจำนวนนี้มีโคอาล่าถึง 8000 ตัว ซึ่งคิดเป็น 1/3 ของประชากรโคอาล่าในNew South Wales อย่างไรก็ตามจำนวนที่แท้จริงนั้นไม่สามารถตรวจสอบได้

Mark Graham นักชีววิทยาจาก Nature Conservation Council กล่าวว่า "ไฟป่านั้นลุกลามรุนแรงและรวดเร็วจนทำให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยบนต้นไม้นั้นตายทั้งหมด และมันยังขยายวงกว้าง จนถึงบัดนี้ เราอาจไม่สามารถพบศพทั้งหมดได้"

Dr. Kellie leigh ผู้บังคับบัญชาScience for Widelife กล่าวว่า "ขณะนี้ยังไม่มีแผนและแหล่งทรัพยากรในการช่วยเหลือประชากรโคอาล่าที่โดนไฟป่า นั่นบ่งบอกว่า เราขาดการเตรียมการสำหรับเรื่องนี้มากแค่ไหน"

Jenny Packwood เลขาของ Widelife Rescue South Coast กล่าวว่าจะมี "ภาวะขาดแคลนอาหาร" เกิดขึ้นหลังจาดเศษเถ้าถ่านจากไฟป่าลอยไปทางใต้ ในฤดูใบไม้ผลิิ "พวกเราไปเก็บลูกโคอาล่าจากเหล่าแม่โคอาล่าที่ทิ้งลูกน้อยหลังจากคลอดเพียง2 สัปดาห์ เพราะพวกมันไม่มีอาหารเพียงพอ สัปดาห์ที่ผ่านมาเราเก็บได้ถึง 300 ตัว ทำให้เราเองก็มีอาหารให้พวกมันไม่เพียงพอ เราจำเป็นต้องส่งพวกมันบางส่วนไปที่กลุ่มที่สามารถดูแลพวกมันได้ที่ North Coast"

Mike Letnic นักชีววิทยาประจำ Universityof Sydney กล่าวว่า สัตว์ทั้งหลายจะอยู่ในภาวะกดดันช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ เหตุมาจากไฟป่าและความแห้งแล้ง "แม้แต่ที่ชุ่มน้ำที่สุด ก็ยังโดนไฟป่าทำลาย" เขายังกล่าวเสริมอีกว่า โดยมากสัตว์จะเอาตัวรอดและขยายพันธุ์ได้ใหม่ แต่อาจจะไม่มีประสิทธิภาพในสถานการณ์แบบนี้

ในขณะนี้ ไฟป่าออสเตรเลียได้ทำลายพื้นที่ไปถึง 5 ล้านเฮกเตอร์

Cr photo adelaidenow.com

https://www.adelaidenow.com.au/tech...oouXCjXBSZ5Zv5KZhJy-wJdaC5mWsfxmnov_ZXWvytQ5o

https://www.newshub.co.nz/home/worl...6ATZDDuzFyPVa-0QrZzIGXWseFb0eoshQ-c2gYbzYoVlc

 

Dawn Yazzie

เกาหลีใต้ประกาศภาวะฉุกเฉินเนื่องจากไฟป่าที่“ ไม่เคยมีมาก่อน” บังคับให้คนนับพันต้องหนี

เกาหลีใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในห้าเมืองบนชายฝั่งตะวันออกหลังจากที่ไฟป่าผ่านพื้นที่ทำให้มีคนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 35 คนและบังคับให้อพยพประชาชนอย่างน้อย 4,800 คน



South Korea declares state of emergency as 'unprecedented' wildfires force thousands to flee

South Korea has declared a state of emergency in five cities on the eastern coast after wildfires ripped through the region, leaving one person dead, 35 injured and forcing at least 4,800 people to evacuate their homes.

https://www.telegraph.co.uk/news/20...MgDOZGehXh-HAFhDuilnmR7mVGdzSYomBB8r8i9rIt6UE

 

Sydney News

“ ไม่มีอะไรสามารถหยุดสิ่งนี้ได้”

กำแพงไฟขนาดใหญ่ทอดยาวหลายไมล์ที่เห็นในวิดีโอพิเศษนี้จากนักดับเพลิง

https://sydneynews.sydney


“Nothing can stop this”

A massive wall of fire stretching for miles seen in this extraordinary video shot from a firefighting chooper.

https://sydneynews.sydney

 

Setiawan
ประชาชน 15 คนในพื้นที่ประสบอุทกภัยถูกงูพิษกัดในเขต Karawang, จังหวัดชวาตะวันตก, อินโดนีเซีย ในวันที่ 1 มกราคม 2019
15 people residents of affected flash floods area were bitten by poisonous snakes in Karawang regency, West Java, Indonesia Jan01 2019

 

ช่วงนี้รู้สึกว่าข่าวต่างประเทศจะใช้คำว่า extreme มาก เดิมๆ ชอบใช้ว่า strong คงเพราะคิดว่าแค่นี้คงจะสุดขึดแล้ว แต่ถ้าเจอแรงกว่านี้มากขึ้น จะใช้คำว่าอะไร หรือ super extreme หรือ very super extreme

7NEWS Brisbane
A bushfire burning on South Australia's Kangaroo Island has jumped control lines and is spreading to the west and south amid extreme weather conditions.

การเผาผลาญ bushfire บนเกาะKangaroo (จิงโจ้) ของ south australia ได้กระโดดควบคุมเส้นและกำลังแพร่กระจายไปที่ตะวันตกและใต้ท่ามกลางสภาพอากาศที่แรงสุดขีด



https://7news.com.au/news/sa/kangar...4R1s5Uyyq0PAkHV1hmQ5qMN2XlZLcMSTPuaqw21S9yJcQ

 

ภูเขาไฟที่ดับสูญแล้วกำลังกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
โพสต์โดย Jamal S. Shrair เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2020 เวลา 23:41 UTC

ฉันได้พูดมาหลายปีแล้วว่ากิจกรรมภูเขาไฟระดับโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้นและเห็นได้ชัดว่าภูเขาไฟกำลังปะทุอย่างรวดเร็วไม่เพียงรอบวงแหวนแห่งเพลิง แต่ยังทั่วทั้งโลก แม้แต่ภูเขาไฟที่ดับแล้ว และกำลังสูญพันธุ์ก็กลับมาทำงานอีกครั้ง

ภูเขาไฟที่ดับแล้วตามคำจำกัดความ เป็นภูเขาไฟที่ตายแล้ว ซึ่งไม่ได้ปะทุในช่วง 10,000 ปีที่ผ่านมา และไม่คาดว่าจะปะทุอีกเลย กล่าวอีกอย่างหนึ่งภูเขาไฟที่ดับสูญก็แสดงให้เห็นว่าไม่มีกิจกรรมใด ๆ เกี่ยวกับภูเขาไฟ แผ่นดินไหว หรือ degassing เกิดขึ้นที่ magmatic และไม่คาดว่าจะปะทุอีกครั้งในช่วงเวลาแห่งอนาคต

ภูเขาไฟในรัสเซียอาจกลับมาทำงานอีกครั้งและนักวิทยาศาสตร์กังวลว่ามันอาจจะมีผลกระทบ "ที่รุนแรง" 1

ไอซ์แลนด์ กลัวภูเขาไฟที่อยู่เฉยๆอาจตื่นขึ้นมา 2

ภูเขาไฟที่ดับแล้วก่อนหน้านี้ถูกยกระดับการเตือนการปะทุ ในโคลัมเบีย: การปะทุจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ 3

ภูเขาไฟที่อยู่เฉยๆจากทั่วโลกกำลังมีชีวิตขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 160,000 ปี 4

ภูเขาไฟที่อยู่เฉยๆสี่แสดงแผ่นดินไหวบนชายฝั่งตะวันตก - แมมมอ ธ เมาน์เทน แคลิฟอร์เนีย 5

ที่สำคัญกว่านั้นความไม่สงบกำลังเพิ่มสูงขึ้นในหมู่ภูเขาไฟซุปเปอร์ บางแห่งของโลกเช่น Laguna del Maule ในชิลี และ Campi Flerei ของอิตาลี ภายใต้เมืองเนเปิลส์ ตั้งแต่ปีพ. ศ. 2548 Campi Flegrei ได้รับการดำเนินการในสิ่งที่นักภูเขาไฟเรียกว่าการยกตัว Campi Flegrei แสดงสัญญาณการตื่นขึ้นอีกครั้งอิตาลี 6

นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า Campi Flegrei อาจจะอยู่ใกล้จุดวิกฤติที่สำคัญในการผลักดันการปะทุเป็นครั้งแรกในรอบ 500 ปี ความเร็วของการเสียรูปพื้นดิน และการเกิดแผ่นดินไหวในระดับต่ำได้เพิ่มขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ และคล้ายกับภูเขาไฟที่ใช้งานอยู่สองแห่ง ได้แก่ Rabaul ในปาปัวนิวกินี และ Sierra Negra ในกาลาปากอส - 'ทั้งคู่แสดงให้เห็นว่า จากการสำรวจที่ Campi Flegrei นักธรณีฟิสิกส์ชาวอิตาลีคนหนึ่งกล่าว ภูเขาไฟขนาดใหญ่ดังกึกก้องอยู่ด้านล่างเนเปิลส์ - นักวิทยาศาสตร์ตื่นตัว 7

นอกจากนี้ดินแดนที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากภูเขาไฟโทบา ในอินโดนีเซียก็แสดงให้เห็นถึงการปะทุที่อาจเกิดขึ้น "ผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้าน Sitoluama ในเขตสุมาตราเหนืออยู่ในสภาพหวาดกลัว ขณะที่พื้นดินใต้บ้านของพวกเขาเริ่มร้อนแรง และปล่อยไอน้ำที่มีกลิ่นเหมือนกำมะถัน และก๊าซ" 8

ภูเขาไฟสุมาตราอื่นที่ดูเหมือนจะตื่นขึ้นหลังจาก 170 ปีแห่งความเงียบสงบคือ Seulawah Agam ระดับการแจ้งเตือนเพิ่มขึ้นที่ภูเขาไฟอินโดนีเซียอีกแห่ง: Seulawah Agam 9

"ภูเขาไฟอินโดนีเซียอีกแห่งที่มีความเคลื่อนไหวอย่างมากในปัจจุบันคือ Sinabung ก่อนปี 2010 ภูเขาไฟ Sinabung อยู่เฉยๆประมาณ 400 ปี

"ภูเขาไฟแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ราบสูงคาโรของ Karo Regency, เกาะสุมาตราเหนือ, 40 กม. (25 ไมล์) จากทะเลสาบ Toba supervolcano กระแสลาวาเก่าจำนวนมากอยู่บนไหล่ทาง และการปะทุครั้งสุดท้ายที่รู้จักกันก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในปี 1600 กิจกรรม Solfataric (รอยแตกที่ไอน้ำ ก๊าซ และลาวาถูกปล่อยออกมา) ถูกตรวจพบครั้งสุดท้ายที่การประชุมสุดยอดในปี 1912 เหตุการณ์เอกสารล่าสุดรวมถึงการปะทุในช่วงต้นชั่วโมงของวันที่ 29 สิงหาคม 2010 และการปะทุในเดือนกันยายนและพฤศจิกายน 2013 มกราคม กุมภาพันธ์และตุลาคม 2014 การไหลของ pyroclastic ในเดือนพฤษภาคม 2559 มีผู้เสียชีวิต 7 คนในวันที่ 2 มิถุนายน 2558 การแจ้งเตือนก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งและ ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2558 มีผู้อพยพอย่างน้อย 10,000 คน "กิจกรรมที่ภูเขา Sinabung ของอินโดนีเซียยังคงสูง , 17 มกราคม 2017. 10

ภูเขาไฟซูเปอร์อื่น ๆ ที่แสดงอาการไม่สงบคือไอซ์แลนด์ กรีซ โบลิเวีย และภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดหนึ่งในพวกเขาทั้งหมด ในเยลโลว์สโตน ซูเปอร์ - ภูเขาไฟในสหรัฐอเมริกา ระบบซุปเปอร์ภูเขาไฟทั้งหมดเหล่านี้แสดงสัญญาณอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้เบื้องต้นว่าแรงดันนั้นสร้างขึ้นในระบบภูเขาไฟเหล่านี้

ในทางกลับกันภูเขาไฟ Nyamuragira (DR คองโก) กำลังเริ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากการปะทุ ในปี 2545 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 147 คนและบังคับให้ประชาชน 400,000 คนหนีเมือง Goma ที่อยู่ใกล้เคียง หนึ่งในภูเขาไฟที่แอคทีฟมากที่สุดในแอฟริกากำลังแสดงสัญญาณใหม่ของชีวิต 11

ภูเขาไฟ Nyamuragira (DR Congo): สัญญาณความร้อนที่แข็งแกร่งจากบริเวณยอดเขา, 15 มกราคม 2560. 12

ดูลิงค์ต่อไปนี้สำหรับภูเขาไฟที่แอคทีฟมากขึ้นทั่วโลก

กิจกรรมทางธรณีวิทยาเหล่านี้ได้เปิดเผยความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับมุมมองกระแสหลักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่สื่อมวลชนไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าคุณจะให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงการตัดสินใจขั้นสุดท้ายอยู่ในมือของคน อย่างอัลกอร์ ในความเป็นจริงฉันเห็นกระดาษ peer-reviewed หนึ่งฉบับที่อ้างว่าการเพิ่มขึ้นของการระเบิดของภูเขาไฟเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะได้โง่กว่านี้อีกไหม 13

คำถามแรกที่ทุกคนถามคือทำไมมีการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมภูเขาไฟ? และประการที่สองทำไมภูเขาไฟที่อยู่เฉยๆ ก็ยังทำงานอยู่ และภูเขาไฟที่ตายแล้วจะกลับมามีชีวิตได้อย่างไร?

หากคุณจะถามคำถามเหล่านี้กับนักธรณีวิทยาหรือนักธรณีฟิสิกส์คนสำคัญคุณจะไม่ได้คำตอบทางวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง เพราะไม่มีทางที่คำถามเหล่านี้สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีปัจจุบัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมกระแสหลักจึงหลีกเลี่ยงปัญหาโดยสิ้นเชิง แต่แน่นอนว่านักธรณีฟิสิกส์ทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักภูเขาไฟรู้ดีว่ามีกิจกรรมภูเขาไฟเพิ่มขึ้นอย่างมาก ความจริงเรื่องนี้มีความชัดเจนอย่างท่วมท้นจากสถิติระยะสั้นและระยะยาว

จำนวนภูเขาไฟที่ปะทุอยู่ในขณะนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของการระเบิดของภูเขาไฟในศตวรรษที่ 20 อย่างไรก็ตามมันเป็นความจริงที่รู้จักกันดีและทุกคนเห็นด้วยกับมันว่าเมื่อภูเขาไฟระเบิดพวกเขาจะปล่อยความร้อนและแรงดันภายใน และถ้าหากโลกมีเพียง 4 ล้านปีไม่ใช่ 4 พันล้านปีดังนั้นจากการคำนวณตามหลักฟิสิกส์พื้นฐานของโลกน่าจะเป็น ความเย็นที่ถึงตาย (dead-cold) โดยตอนนี้ไม่ร้อนกว่าพื้นผิวของ ดวงอาทิตย์ (by now not hotter than the surface of the Sun.)

ดังนั้นแกนกลางของโลกจะรักษาอุณหภูมิดังกล่าวได้อย่างไรโดยคำนึงถึงขนาดของโลกจำนวนของแผ่นดินและภูเขาไฟใต้น้ำและกี่ครั้งที่พวกมันปะทุขึ้นตั้งแต่การสร้างโลก หากไม่มีการแก้ไขกฎพื้นฐานของฟิสิกส์คำถามเหล่านี้และคำถามพื้นฐานอื่น ๆ เกี่ยวกับดาวและดาวเคราะห์ของเราไม่สามารถเข้าใจได้

ฟิสิกส์ในปัจจุบันสามารถอธิบายได้หรือไม่ว่าทำไมดวงอาทิตย์และโลกจึงมีสนามแม่เหล็กในตอนแรก หรือคำถามที่สำคัญที่สุดที่มาของสนามแม่เหล็กในจักรวาลโดยรวม แล้วทำไมสนามแม่เหล็กเหล่านี้ถึงเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราว เหตุใดโลกจึงใช้เวลานานในการเปลี่ยนสนามแม่เหล็กเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ และทำไมถึงมีเวลาที่ภูเขาไฟจำนวนมากปะทุขึ้นในเวลาเดียวกัน?

อย่างไรก็ตามการแก้ไขกฎพื้นฐานของฟิสิกส์ภายใต้ระบบการเมืองเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้นไม่สมบูรณ์ วิทยาศาสตร์ปลอมเป็นธุรกิจที่ใหญ่มากและเป็นมานานหลายทศวรรษแล้ว การกระทำนี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าการสลายตัวทางศีลธรรมของสังคมของเราได้ถึงระดับต่ำสุด

เครดิตภาพเด่น: Din Muhammad Sumon


Extinct volcanoes are coming back to life
Posted by Jamal S. Shrair on January 2, 2020 at 23:41 UTC (3 hours ago)
Category: Current opinions



1

• Iceland fears dormant volcano may be waking up2

• Previously extinct volcano raised to eruption warning level in Colombia: eruption would be first in recorded history3

• Dormant volcanoes from around the world are coming to life for the first time in 160,000 years4

• Fourth dormant volcano shows earthquake on the West Coast — Mammoth Mountain California5

More importantly, unrest is growing right now among some of the world's Super-volcanoes like Laguna del Maule in Chile and Italy's Campi Flerei -- under the city of Naples. Since 2005, Campi Flegrei has been undergoing what volcanologists call an uplift. Campi Flegrei showing signs of reawakening, Italy6

The Campi Flegrei may be nearing a critical pressure point necessary to drive an eruption for the first time in 500 years, according to scientists. The pace of ground deformation and low-level seismic activity has recently increased and they are similar to two other active volcanoes – Rabaul in Papua New Guinea and Sierra Negra in the Galapagos – 'both showed an acceleration in ground deformation before eruption with a pattern similar to that observed at Campi Flegrei,' said one Italian geophysicist. Enormous Volcano is rumbling below Naples - Scientists alert7

Also, the second biggest land Super-volcano, Toba in Indonesia is showing signs of a possible eruption. "Residents of the villages of Sitoluama in North Sumatra district are in a state of panic as the ground beneath their homes is becoming hot and emitting steam that smells like sulfur and gas."8 The other Sumatran volcano that seems to be waking up after 170 years of quiet is Seulawah Agam. Alert level raised at another Indonesian volcano: Seulawah Agam.9 "The other Indonesian volcano which is very active at the present time is Sinabung. Prior to 2010, Mount Sinabung had been dormant for about 400 years.

"This volcano is located in the Karo plateau of Karo Regency, North Sumatra, 40 km (25 miles) from Lake Toba supervolcano. Many old lava flows are on its flanks and the last known eruption, before recent times, occurred in the year 1600. Solfataric activities (cracks where steam, gas, and lava are emitted) were last observed at the summit in 1912; recent documented events include an eruption in the early hours of August 29, 2010, and eruptions in September and November 2013, January, February and October 2014. A pyroclastic flow in May 2016 killed 7 people. On June 2, 2015, the alert was again increased, and as of June 26, 2015 at least 10 000 people have been evacuated" Activity at Indonesian Mount Sinabung remains high, January 17, 2017.10 The other super-volcanoes that show signs of unrest are those in Iceland, Greece, Bolivia and the biggest one of them all the Yellowstone Super-volcano in the US. All of these super-volcanoes systems are now exhibiting clear signs of inflation, an early indication that pressure is building in these volcanic systems.

On the other hand, the Nyamuragira volcano (DR Congo) is becoming active again after the 2002 eruption that killed 147 people and forced 400 000 people to flee the nearby city of Goma. One of Africa's most active volcanoes is showing new signs of life.11 Nyamuragira volcano (DR Congo): Strong thermal signal from the summit area, January 15, 2017.12 See the following link for more active volcanoes worldwide.

These geological activities have exposed entirely the truths regarding the current mainstream view about climate change. But, the mass media is not giving up. No matter what scientific data you provide about the real cause, the final decision is in the hands of people like Al Gore. In fact, I saw one peer-reviewed paper that claims the increase of volcanic eruption is caused by the emission of greenhouse gases. How much more stupid can it get?13

The first question anyone would ask is why there is an increase in volcanic activity? And secondly, why are even dormant volcanoes becoming active? And how can a dead volcano come back to life?

If you are going to ask these questions to any mainstream geologist or geophysicist, you are not going to get real scientific answers. Because there is no way these questions can be explained with current theories. This is the reason why the mainstream has averted the issue altogether. But, of course, all geophysicists, especially volcanologists know very well that there is a massive increase in volcanic activities. This fact is overwhelmingly clear from short and long term statistics.

The number of volcanoes that are erupting right now is higher than the average number of volcanic eruptions in the 20th century. However, it is a well-known fact and everyone agrees with it, that when volcanoes erupt they release internal heat and pressure. And therefore, if the Earth has been around for only 4 million years, not 4 billion years, then according to a calculation based on elementary physics the core of the Earth should be a dead-cold, by now not hotter than the surface of the Sun.

So, how can the Earth's core maintain such temperature, taking into consideration the size of the Earth, the number of land and submarine volcanoes and how many times they have erupted since Earth's creation? Without revising the fundamental laws of physics, these questions and other basic questions about our own star and planet cannot be understood.

Can current physics explain why the Sun and the Earth have magnetic fields in the first place? Or the most important question, the origin of magnetic fields in the Universe as a whole? And why these magnetic fields change from time to time? Why Earth takes a very long time to change its magnetic field compared to the Sun? And why there are times when so many volcanoes erupt at the same time?

Nonetheless, revising the fundamental laws of physics under the current political-economic system is completely out of the question. Fake science is a very huge business, and it has been for decades. This conduct is a clear sign that the moral decay of our society has reached its lowest level.

Featured image credit: Din Muhammad Sumon


https://watchers.news/2020/01/02/ex...-life/?utm_source=dlvr.it&utm_medium=facebook

 

ข่าวฮ่องกง
·
ฮ่องกงออกมาตรการฉุกเฉิน หลังพบการติดเชื้อ 'ปอดบวม' หลายสิบรายในหวู่ฮั่นประเทศจีน อาการคล้าย “ซาร์ส”

สาธารณะสุขฮ่องกงเฝ้าระวัง หลังพบมีการระบาดของโรคปอดบวมจากไวรัสในเมืองหวู่ฮั่นตอนกลางของจีน ซึ่งมีอาการที่คล้ายกับโรคซาร์สและโรคไข้หวัดนกโดยได้เพิ่มการตรวจคัดกรองที่เขตแดนทั้งสนามบินและรถไฟความเร็วสูงและได้มีการแจ้งเตือนโรงพยาบาล

Sophia Chan Siu-chee เลขานุการฝ่ายอาหารและสาธารณะสุข กล่าวว่า “สถานการณ์การระบาดในหวู่ฮั่นไม่ปกติ และเรายังไม่แน่ใจถึงสาเหตุเบื้องหลังการระบาดครั้งนี้” จนปัจจุบันมีการรายงานผู้ติดเชื้อจากโรคระบาด 27 รายในจีน

ส่วนในฮ่องกง Tony Ko Pat-sing ฝ่ายบริหารตัวแทนจากโรงพยาบาลเผยว่า ได้มีการแจ้งเตือนบุคลากรในโรงพยาบาล และจนขณะนี้ยังไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อปอดบวมดังกล่าวในโรงพยาบาลรัฐบาลฮ่องกง แต่ถ้าพบผู้ติดเชื้อที่มีอาการไข้, โรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน,หรือโรคปอดบวม และมีประวัติเดินทางไปหวู่ฮั่น 14 วันก่อนเกิดอาการ ผู้ป่วยจะถูกแยกมาทำการรักษาต่างหาก

Source : https://www.facebook.com/355665009819/posts/10157878237054820/?d=n

#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

เจาะลึกตะวันออกกลาง

ภาพศพผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์โจมตีสนามบินแบกแดดโดยจรวดมะกัน หนึ่งในนั้นคือ นายพล สุลัยมานี ผบ.กองกำลัง Qods ของอิหร่าน ผู้บังคับบัญชาการปราบปราม ISIS ในอิรักและซีเรีย

 

เจาะลึกตะวันออกกลาง

โทรทัศน์อิหร่านประกาศการเสียชีวิตของนายพลสุลัยมานีอย่างเป็นทางการ

 

เจาะลึกตะวันออกกลาง

ลองเทียบดูว่า อะไรจะเกิดขึ้นในอิรัก? #หลังมะกันปลิดชีพนายพลสุลัยมานี

▪︎ สัปดาห์ก่อน มะกันสังหารทหารอาสาฯอิรักระดับ #ปฏิบัติการ 27 นาย

= ชาวอิรักลุกฮือไปล้อมและเผาสถานทูตมะกันบางส่วน นักการทูตมะกันอพยพ

▪︎วันนี้ (ถ้าข่าวเป็นจริง) มะกันสังหารระดับ #ผบ. Qods Force ที่ควบคุมดูแล อาสาสมัครอิรัก เฮซบอลเลาะห์เลบานอน กองกำลังสู้ ISIS ในซีเรีย กองกำลังแตะหนีบเยเมน ฯลฯ

= ชาวอิหร่าน อิรัก เยเมน ซีเรีย เลบานอนจะ ... ????
.
.
.........................
ป.ล.นักวิเคราะห์ทราบดีว่า งานนี้มะกันตกที่นั่งลำบากแน่ ดีไม่ดีเป็นแผนของอิสราเอลที่จะดึงมะกันเข้าสู่สงคราม ตัวเองจะได้ซุกใต้ปีกแร้ง

ลำพังทรัมป์ไม่กล้าแน่ เพราะตัวเองจะโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ และต่อให้รอดไปได้ คะแนนนิยมก็ตกต่ำ เกรงจะไม่ได้ต่อสมัยที่สอง
.
.
งานนี้ไม่เกิดสงครามแน่นอนครับ แต่สงครามกองโจรอย่างหนัก ลอบสังหารทหารมะกัน เกิดขึ้นแน่นอน

มะกันลืมไปแล้วหรือ ในอิรักมีทหารมะกันกี่พันนาย มีสถานทูตที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อิรัก นอกจากนี้ ทหารมะกันหลายหมื่นนายในอ่าวเปอร์เซีย

#จะเป็นอย่างไรต่อไป ?
.
.
.......................
ส่วนตัวคิดว่า อิหร่านจะไม่ประกาศสงครามแน่ เพราะสงครามระหว่างประเทศกลายเป็นเรื่องล้าหลังไปแล้วในยุคนี้ มะกันเองก็ไม่ทำสงครามมานาน

แต่ Sleeper Cell หรือกลุ่มกองกำลังที่เป็นพันธมิตรกับอิหร่านทั่วตะวันออกกลาง โดยเฉพาะเลบานอนและปาเลสไตน์ คงจัดหนักให้อิสราเอลในฐานะกล่องดวงใจมะกันอย่างไม่ต้องสงสัย!
.
.
รอดูกันต่อไปครับ! #สถานการณ์ร้อนแน่นอน!

 

เจาะลึกตะวันออกกลาง

นักข่าว CNN กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า : ถ้าข่าวนี้เป็นเรื่องจริง (การเสียชีวิตของนายพลสุลัยมานี) อิหร่าน อิรัก และตะวันออกกลาง #ลุกเป็นไฟแน่!!
.

 

เจาะลึกตะวันออกกลาง

ข่าวว่ากองกำลังอาสาสมัครอิรัก #ยืนยันการเสียชีวิต ของนายพลสุลัยมานี ผบ.หน่วย Qods อิหร่าน (ที่มะกันและอิสราเอลต้องการสังหารมากที่สุด) และอาบูมาห์ดี อัลมุฮันดิส รอง ผบ.อาสาสมัครอิรัก

 

เจาะลึกตะวันออกกลาง

ชาวอิรักมีน้ำใจ #ฉลองปีใหม่กันครึกครื้นหน้าสถานทูตมะกัน

ครั้นจะฉลองธรรมดาก็เกรงว่านักการทูตมะกันจะหนาว...

...ก็เลยจัดแจงเผาประตูเล็กน้อย #มอบไออุ่นให้แด่นักการทูตมะกัน ตอบแทนที่มะกันยิงจรวดไออุ่นสังหารอาสาสมัครอิรักไปแล้ว 27 นาย

 

เจาะลึกตะวันออกกลาง

#ย้อนรอยมะกันถูกถอนหงอก โดยอาสาสมัครอิรัก

...ในคลิปนี้ ผู้ชุมนุมชาวอิรักใช้ท่อนไม้กระทุ้งประตูสถานทูตมะกัน

หลายคนแต่งกายชุดอาสาสมัครอิรักต้านไอซิส ซึ่งก็เป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ถูกโจมตีด้วยจรวดมะกันเมื่อไม่กี่วันก่อน

#อาสาสมัครอิรัก เป็นใครมาจากใหน เรามาทำความรู้จักกันโดยสังเขปครับ...

กองกำลังอาสาสมัครชาวอิรัก ก่อตั้งขึ้นภายหลังจาก ISIS กรีฑาทัพเข้ายึดเมืองต่างๆในอิรัก โดยที่กองทัพในขณะนั้นไม่อาจจะต้านทานไว้ได้

ผู้นำศาสนาสูงสุดของอิรักได้ประกาศจีฮัดกับ ISIS ทำให้คนหนุ่มถึงแก่ในอิรักแสดงความพร้อมที่จะออกไปสู้กับ ISIS (ที่ทรัมป์ก็กล่าวว่ามะกันสร้างขึ้นมาในยุคโอบาม่า)

ผู้คนพร้อมเรือนล้านคนก็จริง แต่ก็เป็นชาวบ้านตาสีตาสาที่ไม่เคยได้รับการฝึกทหาร อาวุธก็ไม่มี มะกันก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ยอมช่วยอิรักในเวลานั้น

#รัฐบาลอิรักจึงต้องขอความช่วยเหลือไปยังอิหร่าน อิหร่านส่งเครื่องบินรบและประเคนสรรพาวุธมหาศาลมาช่วยอิรักในทันที

เรื่องฝึกทหาร อิหร่านขอให้เฮซบอลเลาะห์เลบานอนมาช่วยฝึกชาวอิรักเหล่านี้

ในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปราวหนึ่งปี อาสาสมัครเหล่านี้ก็พร้อมรบกับ ISIS และสามารถใช้ยุทธวิธีเกลือจิ้มเกลือสำเร็จ

( ISIS รบแบบกองโจร กองทัพอิรักรบแบบสงครามเปิด ย่อมสู้ ISIS ไม่ได้ อิหร่านจึงฝึกให้อาสาสมัครอิรักเน้นรบแบบเดียวกับ ISIS ทำให้เอาชนะได้สำเร็จ)

หลังโค่น ISIS ได้ อาสาสมัครเหล่านี้ต่างก็ซึ้งในน้ำใจอิหร่านที่เคยช่วยเหลือกัน ต่อมา พวกเขารวมตัวกันตั้งพรรคการเมืองลงสนามเลือกตั้ง และได้รับที่นั่งในสภาเป็นอันดับต้นๆ

มะกันไม่พอใจมาก จากที่เคยปั้นผี ISIS ขึ้นมาเพื่อสกัดอิทธิพลอิหร่าน แต่วันนี้ต้องเห็นพันธมิตรอิหร่านมีอำนาจทางการเมืองในรัฐสภาอิรัก ด้วยระบบประชาธิปไตยที่มะกันกล่าวอ้างมาตลอด!

เวลาผ่านไป จนกระทั่งเกิดเกิดเหตุประท้วงในอิรักเรื่องปากท้องและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่หมักหมมมานับสิบปี

มะกันสบโอกาส จึงหาทางคว่ำกระดานอิรักด้วยการส่งกลุ่มก่อจลาจลแฝงเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง กลุ่มเหล่านี้เรียกตัวเองว่า #Joker เน้นทำลายข้าวของและสร้างสถานการณ์ ไม่มีข้อเรียกร้องอะไรชัดเจนสักอย่าง เหมือนตัวละครโจ้กเกอร์ในหนัง

มะกันพยายามประคองกระแสจลาจล #ให้มุ่งไปสู่การตัดความสัมพันธ์ระหว่างอิรักและอิหร่าน ซึ่งก็ถือว่าทำสำเร็จพอสมควร

ถึงจุดหนึ่ง มะกันย่ามใจ คิดว่าสถานการณ์สุกงอม ถึงเวลาแล้วที่จะเล่นงานกองกำลังอาสาสมัครอิรัก (ซึ่งเป็นพันธมิตรกับอิหร่าน) ชาวอิรักคงจะสาปส่งเจ้าพวกอาสาสมัครเป็นแน่

มะกันจึงตัดสินใจ #ซัดด้วยจรวด อาสาสมัครเสียชีวิตประมาณ 27 นาย อ้างน้ำขุ่นๆว่า เป็นการตอบโต้อิหร่าน ?!?

ชาวอิรักจึงตื่นจากภวังค์ ลืมการประท้วงเรื่องปากท้องไปชั่วคราว เพราะ 27 นายที่เสียไป ล้วนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขอิรัก

#มะกันชักจะเหิมเกริมไปใหญ่แล้ว

ตอนนี้กระแสจึงเริ่มตีกลับมะกันอย่างแรง ทุกภาคส่วนออกมาประณามมะกันที่ละเมิดอธิปไตยอิรักอย่างไม่น่าให้อภัย

#เห็นได้จากคลื่นฝูงชนที่เคลื่อนขบวนกันไปล้อมสถานทูตมะกัน และกรูกันเข้าไปในบริเวณสถานทูตได้

ตำรวจอิรักเขาก็หมั่นใส้มะกันอยู่แล้วที่บังอาจสังหารพี่น้องหน่วยอาสาสมัครอิรักที่เคยร่วมรบกับ ISIS จึงไม่ได้ทำอะไรมาก ปล่อยให้ฝูงชนเข้าไปโดยขัดขืนนิดนึงพอเป็นกระษัย

ต้องจับตาดูสถานการณ์กันต่อไป

เข้าใจว่าเหตุการณ์นี้ยังไม่น่าจะถือว่า "เป็นคำตอบเจ็บแสบ" อย่างที่หนึ่งในแกนนำหน่วยอาสาสมัครอิรักเคยแถลงข่าวไว้เมื่อวันก่อน

#อาจจะมีเซอร์ไพรส์ปีใหม่มอบแด่ชาวมะกันในอิรักอีก ต้องรอดูกันต่อไป
.
.
................
#เพจเจาะลึกตะวันออกกลาง
.
ขอบคุณทุกท่านที่กดไลค์ แชร์ และร่วมแสดงความคิดเห็นครับ

 

เจาะลึกตะวันออกกลาง

#ข้อความสุดท้าย ของอาสาสมัครอิรักก่อนเสียชีวิตด้วย #จรวดมะกัน เมื่อไม่กี่วันก่อน

"...ผมโอนเงินเดือนมาให้แล้วนะ ช่วยจ้างช่างมาทาสีและจัดห้องให้เรียบร้อย

...#เดี๋ยวผมจะกลับไปจัดงานแต่งงาน..."
.
.
..............