ติดตามสถานะการณ์

เดือด!สื่อซีเรียเผยถูกโจมตีต้องยิงสกัด'ศัตรู'ใกล้กรุงดามัสกัส คาดฝีมือ'อิสราเอล'(ชมคลิป) เผยแพร่: 26 ธ.ค. 2561 05:30 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

รอยเตอร์/เอเอฟพี - ระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรีย ทำการสกัดกั้น "เป้าหมายที่มาจากศัตรู" ใกล้กรุงดามัสกัส ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐซีเรียในวันอังคาร(25ต.ค.) ท่ามกลางการคาดหมายของนักสังเกตการณ์สงครามว่ามันอาจเป็นการโจมตีโดยอิสราเอล

รอยเตอร์อ้างผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าเสียงระเบิดดังสนั่นได้ยินทั่วกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ขณะที่สื่อมวลชนแห่งรัฐซีเรียรายงานระบุ "ระบบป้องกันภัยทางอากาศของเราสกัดเป้าหมายต่างๆจากศัตรูจำนวนหนึ่งใกล้ดามัสกัส"

ส่วนเอเอฟพีอ้างสำนักข่าวซานา สื่อมวลชนแห่งรัฐซีเรียอีกแห่ง ระบุว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศยิงใส่เป้าหมายที่มาจากศัตรูระหว่างเผชิญหน้ากัน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะของเป้าหมายเหล่านั้น

ซานารายงานต่อว่าเป้าหมายจากศัตรูจำนวนหนึ่งถูกสอยร่วงด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศ

รามี อับเดล ราห์มาน หัวหน้ากลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีสำนักงานอยู่ในอังกฤษ ระบุว่าเหตุการณ์นี้คือปฏิบัติการจู่โจมของอิสราเอล "มันคือการจู่โจมของอิสราเอล ขีปนาวุธจากฝูงบินรบอิสราเอลยิงใส่เเป้าหมายคลังอาวุธทางตะวันตกเฉียงใต้และทางใต้ของดามัสกัส ที่เป็นของฮิซบอลเลาะห์หรือไม่ก็ของกองกำลังอิหร่าน"

อิสราเอลเคยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย ประเทศเพื่อนบ้านมาแล้วหลายเที่ยว ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นการจู่โจมเป้าหมายต่างๆซึ่งเป็นของอิหร่าน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ทางใต้ของดามัสกัส

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ หลังจากเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ซีเรียเปิดเผยว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของพวกเขาได้ยิงสกัดและสอยร่วง "เป้าหมายที่มาจากศัตรู" จำนวนหนึ่งเหนือพื้นที่เขตคิสเวห์ ทางใต้ของดามัสกัส

ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนธันวาคม สำนักข่าวซานาและสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐช่องหนึ่งรายงานว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรียได้เปิดฉากยิงใส่ใกล้สนามบินดามัสกัส ก่อนที่สื่อมวลชนทั้งสองสำนักจะถอนรายงานข่าวดังกล่าวโดยไม่ได้ให้คำชี้แจงใดๆ

https://mgronline.com/around/detail/9610000127970

 

ตุรกีเตือนฝรั่งเศสจะไม่ได้ประโยชน์จากการอยู่ปกป้อง “กองกำลังเคิร์ด”
เผยแพร่: 25 ธ.ค. 2561 17:22 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี – ฝรั่งเศสจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการคงกำลังไว้เพื่อปกป้องกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดในซีเรีย รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของตุรกี ระบุในวันนี้ (25) หลังจากปารีสประกาศว่า พวกเขาจะยังคงกำลังไว้ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ จะถอนตัวในเร็วๆ นี้

การตัดสินใจของวอชิงตันที่จะถอนกองกำลังภาคพื้นดิน 2,000 คนออกจากซีเรียสร้างความตกตะลึงให้กับพันธมิตรส่วนใหญ่รวมถึงฝรั่งเศส แต่ได้รับการชื่นชมจากตุรกี ซึ่งจะมีอิสระมากขึ้นในการมุ่งเป้านักรบชาวเคิร์ดจากหน่วยพิทักษ์ประชาชน (People's Protection Units หรือวายพีจี) ที่มีสหรัฐฯ หนุนหลัง

“หากฝรั่งเศสอยู่ต่อเพื่อร่วมสร้างอนาคตของซีเรีย ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่หากพวกเขากำลังอยู่ต่อเพื่อปกป้องกลุ่มติดอาวุธ นี่จะไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใดเลย” เมฟลุต คาวูโซกลู กล่าว อ้างจากหนังสือพิมพ์ฮาริเยต ในความคิดเห็นที่รายงานโดยสำนักข่าวอนาโดลู

ตุรกีมองกลุ่มวายพีจีเป็นเครือข่ายขององค์กรก่อการร้าย พรรคแรงงานชาวเคิร์ด (Kurdistan Workers' Party หรือ พีเคเค) ซึ่งก่อกบฏภายในตุรกีนับตั้งแต่ปี 1984 พีเคเคถูกอังการา สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปขึ้นบัญชีดำเป็นองค์กรก่อการร้าย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯสั่งถอนกองกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐฯ ที่อยู่ในซีเรียเพื่อฝึกฝนกลุ่มวายพีจีภายใต้กลุ่มพันธมิตรกองกำลังประชาธิปไตยแห่งซีเรีย (Syrian Democratic Forces หรือ SDF) ในการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)




ความเคลื่อนไหวอันน่าตกตะลึงนี้ทำให้เหล่าพันธมิตรตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ โดยเมื่อวันจันทร์ (23) ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ระบุว่า “พันธมิตรต้องมีความน่าเชื่อถือ”

ในสัญญาณของความขัดแย้งทางการทูตที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสองผู้นำ มาครง กล่าวว่า “ผมเสียใจอย่างมากกับการตัดสินใจ” ถอนทหารสหรัฐฯ ของทรัมป์

คาวูโซกลูวิจารณ์การที่ฝรั่งเศสให้การสนับสนุนวายพีจี ซึ่งเขาระบุว่า “ไม่ได้เป็นความลับ” ในขณะที่เขากล่าวตำหนิการพบกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสและผู้นำฝ่ายการเมืองของเอสดีเอฟเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ประธานาธิบดี เรเซป ตัยยิป แอร์โดอัน กล่าวว่า ตุรกีจะเข้าแทรกแซงระหว่างกลุ่มไอเอสและวายพีจีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

คาวูโซกลู กล่าวว่า ตุรกีมีกำลังพอที่จะจำกัดไอเอสด้วยตัวคนเดียว ท่ามกลางความกังวลว่า การถอนตัวของสหรัฐฯ อาจกระทบศึกการต่อสู้กับไอเอส

นักวิจารณ์หลายคน กล่าวว่า สมาชิกหลายพันคนของไอเอสยังคงอยู่ในซีเรียและอาจเป็นภัยคุกคาม เนื่องจากนักวิเคราะห์บางคนกังวลว่า การถอนตัวของสหรัฐฯอาจนำไปสู่การลุกฮือขึ้นอีกครั้งของไอเอส

https://mgronline.com/around/detail/9610000127810

 

ทรัมป์จวกเฟดจุดอ่อนเศรษฐกิจมะกัน ขุนคลังเหนื่อยใจตลาดหุ้นผวาร่วงหนัก เผยแพร่: 25 ธ.ค. 2561 20:57 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์ – ทรัมป์สวดชุดใหญ่ ชี้เฟดเป็นปัญหาเดียวในระบบเศรษฐกิจ ขณะที่เหล่าเจ้าหน้าที่คณะบริหาร รวมถึงรัฐมนตรีคลัง พยายามอย่างหนักเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชนและตลาดการเงินว่า ตำแหน่งประธานผู้ว่าการแบงก์ชาติของพาวเวลล์ยังปลอดภัย รวมทั้งเพื่อหารือเกี่ยวกับตลาดหุ้นที่ตกไหลรูดกู่ไม่กลับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการที่ประมุขทำเนียบขาวโจมตีแบงก์ชาติ

เมื่อวันจันทร์ (24 ธ.ค.) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทวิตข้อความว่า ปัญหาเดียวในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ คือธนาคารกลาง (เฟด) ที่ไม่รับรู้และไม่เข้าใจตลาด สงครามการค้า การแข็งค่าของดอลลาร์ หรือกระทั่งการชัตดาวน์จากการที่เดโมแครตขัดขวางการสร้างกำแพงชายแดน

ทวิตของทรัมป์นอกจากไม่คลายกังวลของตลาดเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟดแล้ว ยังฉุดวอลล์สตรีทให้ดิ่งหนักกว่าเดิมและกำลังจะทำให้เดือนนี้กลายเป็นเดือนที่เลวร้ายที่สุดในรอบทศวรรษจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าอเมริกา-จีน เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การชัตดาวน์ และความวุ่นวายในทำเนียบขาว รวมถึงข่าวที่ว่าทรัมป์กำลังหาทางปลด เจอโรม พาวเวลล์ จากตำแหน่งประธานเฟด ทำให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดการซื้อขายในวันจันทร์ด้วยการตกแบบควงสว่าน 653 จุด หรือ 2.9% เช่นเดียวกับราคาน้ำมันที่ดิ่งลงกว่า 6% ทำสถิติต่ำสุดในรอบปี

การโจมตีเฟดครั้งล่าสุดของทรัมป์ยังตอกย้ำความกังวลว่า ความพยายามของผู้นำสหรัฐฯ ในการลดทอนอำนาจหรือปลดพาวเวลล์ จะทำให้เศรษฐกิจอเมริกาไร้เสถียรภาพ

ปีเตอร์ คอนติ-บราวน์ นักประวัติศาสตร์การเงินของวอร์ตันสกูล มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย แสดงความเห็นว่า ทรัมป์พยายามเปิดศึกในวันคริสต์มาสอีฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมทั้งยังเป็นหายนะทั้งสำหรับเฟด ตัวประธานาธิบดีเอง และเศรษฐกิจของประเทศ

ที่ผ่านมา ทรัมป์แสดงความไม่พอใจทุกครั้งที่เฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น ซึ่งตลอดปีนี้รวมแล้ว 4 ครั้ง ตามเป้าหมายในการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป

ในการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พาวเวลล์อธิบายว่าการขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเป็นหลักฐานว่าเศรษฐกิจเติบโตเข้มแข็ง แต่ทรัมป์กลับมองว่า การกระทำดังกล่าว ที่ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมพุ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภคและภาคธุรกิจนั้น เป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งการโจมตีของทรัมป์ถูกมองว่า เป็นการรุกล้ำความเป็นอิสระทางการเมืองของเฟด

ซาราห์ ไบเดอร์ ศาสตราจารย์รัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย จอร์จทาวน์ วอชิงตัน ระบุว่า มีความคลุมเครือทางกฎหมายในประเด็นว่า ทรัมป์มีอำนาจปลดพาวเวลล์ได้หรือไม่ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุชัดเจนว่า มีเพียงคณะผู้ว่าการเฟดที่สามารถปลดประธานผู้ว่าการได้ภายใต้ “เหตุผลอันชอบธรรม” ซึ่งหมายถึงการประพฤติมิชอบ มากกว่าความคิดเห็นไม่ลงรอยเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตาม การแก้รัฐธรรมนูญปี 1977 ไม่ได้ระบุว่า การปลดประธานผู้ว่าการเฟดจำเป็นต้องมี “เหตุผลอันชอบธรรม” เท่ากับว่า ทรัมป์อาจปลดพาวเวลล์โดยถูกต้องตามกฎหมาย

ถึงกระนั้น สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ (22 ธ.ค.) ย้ำได้รับคำยืนยันจากทรัมป์ว่า ไม่เคยส่งสัญญาณปลดพาวเวลล์

ในวันจันทร์ มนูชินยังหารือกับคณะทำงานรักษาตลาดการเงินที่ผู้นำสหรัฐฯ แต่งตั้งขึ้นและบางครั้งถูกขนานนามว่า “ทีมอารักขาตลาดการเงิน” ซึ่งปกติแล้วจะประชุมกันระหว่างที่ตลาดผันผวนหนักเท่านั้น

บรรดาผู้คุมกฎการเงินเหล่านี้ระบุกับมนูชินว่า ไม่พบความผิดปกติใดๆ ในตลาดการเงินระหว่างการเทขายระลอกล่าสุด นอกจากนั้นยังมีการหารือกันเกี่ยวกับการดำเนินการสำคัญระหว่างที่หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลระงับการปฏิบัติหน้าที่ (ชัตดาวน์)

ก่อนหน้านี้ มนูชินเพิ่งหารือกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารใหญ่ที่สุดในประเทศ 6 แห่ง และได้รับคำยืนยันว่า มีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการปล่อยสินเชื่อ

อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากวิจารณ์ว่า ความพยายามของมนูชินทำให้ตลาดปั่นป่วนกว่าเดิม แทนที่จะช่วยบรรเทาความกังวล โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ตัวในตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดการซื้อขายในวันแรกของสัปดาห์ด้วยการรูดลงกว่า 2%

ไมเคิล เปอร์เวส นักกลยุทธ์ระดับโลกของวีเดน แอนด์ โคในคอนเน็กติกัต ชี้ว่า การรับมือความกังวลในตลาดของมนูชินเป็นสิ่งที่เกินคาด กะทันหัน และไม่จำเป็น

แมกซีน วอเตอร์ส สมาชิกพรรคเดโมแครต และสมาชิกคณะกรรมาธิการบริการทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า การกระทำของทรัมป์และมนูชินผิดพลาด และทำให้ตลาดไร้เสถียรภาพและไร้ความแน่นอนมากขึ้น

https://mgronline.com/around/detail/9610000127915

 

2 ผู้บริหารมิตซูฯ ขึ้นศาลญี่ปุ่นสารภาพคดีโรงไฟฟ้าขนอม แฉ'จนท.ไทย'เป็นฝ่ายเรียกสินบน เผยแพร่: 26 ธ.ค. 2561 04:02 ปรับปรุง: 26 ธ.ค. 2561 08:05 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ไมนิชิ - 2 อดีตผู้บริหารของมิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ ยอมรับสารภาพในวันอังคาร(25ธ.ค.) ต่อคำกล่าวหาติดสินบนข้าราชการไทยคนหนึ่ง ในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอม ระหว่างการพิจารณาคดีที่ดำเนินการภายใต้ข้อตกลงต่อรองรับสารภาพครั้งแรกของญี่ปุ่น

ฟูยูฮิโกะ นิชิคิดะ วัย 63 ปี และโยชิกิ สึจิ วัย 57 ปี ยอมรับสารภาพต่อข้อกล่าวหาต่างๆ ในคำร้อง ระหว่างการพิจารณาคดีนัดแรกของศาลแขวงโตเกียว

ศาลยอมรับข้อตกลงต่อรองรับสารภาพที่ลงนามโดยคณะอัยการและมิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ในฐานะหลักฐาน โดยข้อตกลงนี้ได้กันบริษัทจากการถูกฟ้องร้องแลกกับการที่ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือกับการสืบสวนและกระบวนการพิจารณาคดี

นิชิคิดะ ซึ่งรับผิดชอบจัดซื้อวัตถุดิบและ สึจิ ถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับ ซาโตชิ อูชิดะ วัย 64 ปี ผู้มีหน้าที่ควบคุมดูแลโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ณ ขณะนั้น จ่ายสินบน 11 ล้านบาทในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 แก่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงคมนาคมในไทย แลกกับการอำนวยความสะดวกในการขนเครื่องจักรขึ้นท่าเรือที่จะนำไปใช้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าโรงไฟฟ้าขนอม จ.นครศรีธรรมราช ของบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO

การจ่ายเงินสิบบนเกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ไทยแจ้งกับพวกเขาว่าบริษัทญี่ปุ่นล้มเหลวในการปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆที่จำเป็นสำหรับการขนถ่ายสินค้า

ระหว่างการพิจารณาคดี อัยการโตเกียวระบุว่า นิชิคิดะ และ สึจิ ได้ขอคำแนะนำจาก อูชิดะ หลังจากเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเจ้าท่าของไทยเรียกร้องสินบน

อัยการญี่ปุ่นระบุว่า อูชิดะ ตอบรับข้อเรียกร้องสินบน เพราะเขาคิดว่าหากโครงการต้องประสบปัญหาล่าช้าจะก่อความเสียหายและก่อปัญหาแก่พวกลูกค้าของบริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้

ทั้งนี้ อูชิดะ จะขึ้นให้การต่อศาลนัดแรกในวันที่ 11 มกราคม

ทางบริษัทรู้เรื่องนี้ครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2015 หลังได้รับข้อมูลจากผู้แจ้งเบาะแสรายหนึ่ง และหลังดำเนินการสืบสวนภายในแล้ว ก็ได้รายงานเรื่องนี้ไปยังสำนักงานอัยการเขตกรุงโตเกียว

https://mgronline.com/around/detail/9610000127966

 

หมอกผสมฝุ่นทั่วกรุง รอให้ฝนตกช่วยอีกแรง หลังพบฝุ่นละอองยังเกินค่ามาตรฐาน เผยแพร่: 26 ธ.ค. 2561 10:07 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังพบหลายพื้นที่เกินค่ามาตรฐาน มีผลกระทบต่อสุขภาพ คาดการณ์ว่า ในวันที่ 28-29 ธันวาคม 2561 จะมีฝนตก ช่วยให้สถานการ์ดีขึ้น

วันนี้ (26 ธ.ค.) เพจเฟซบุ๊ก “กรมควบคุมมลพิษ” ได้โพสต์ภาพการรายงานสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับพื้นที่ริมถนนตรวจวัดได้ระหว่าง 46-76 มคก./ลบ.ม. ส่วนพื้นที่ทั่วไป ตรวจวัดได้ระหว่าง 38-85 มคก.-ลบ.ม. โดยระบุข้อความว่า

กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ PM2.5 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประจำวันที่ 26 ธันวาคม 2561 คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ พื้นที่ริมถนน เกินค่ามาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) 21 พื้นที่ พื้นที่ทั่วไป เกินค่ามาตรฐาน 11 พื้นที่ ปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สาเหตุมาจากสภาพอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าคุณภาพอากาศในวันพรุ่งนี้จะอยู่ในระดับปานกลาง กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในวันที่ 28-29 ธันวาคม 2561 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีฝนตก ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่ดีขึ้น

กรมควบคุมมลพิษขอความร่วมมือประชาชนและผู้ประกอบการห้ามใช้รถยนต์ที่มีควันดำอย่างเด็ดขาด งดการเผาในที่โล่งทุกประเภท และลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล

ท่านสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศแบบ realtime ได้ทางแอพพลิเคชั่นและเว็ปไซต์ http://air4thai.pcd.go.th/ และคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดของกรุงเทพมหานครได้ที่ http://bangkokairquality.com/



https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000128007

 

มูฮัมหมัดคาร ฮารุดีน


สหรัฐออกข่าวจะถอนทหารจากซีเรีย โดยให้ฝรั่งเศษขนทหารเข้าซีเรียแทน
แล้วสหรัฐฯเข้าไปจัดตั้งฐานทัพใหม่สองแห่งในอีรักเพื่อคุ้มครองไอซิส เพราะขณะนี้ ไอซิส ถอยเข้าอีรักแล้ว

"เขากำลังเล่นอะไรกันอยู่"
อีรักกำลังจะเกิดอะไรขึ้น หรือจะเป็นสงครามใหญ่ตามคำพยากรณ์

 

MOREMOVE

#มอร์มูฟเป็นข่าว เตือนกันสักนิด!!! ระวัง 'ใจ' ตนเอง คนใกล้ชิด และคนที่คุณรัก #อย่าให้ความเหงาเกาะกินหัวใจจนเกินไป โดยเฉพาะใน 3 ช่วงวัยนี้

การศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารด้านจิตวิทยาผู้สูงอายุ International Psychogeriatric เก็บข้อมูลจากผู้คนในซานดิเอโก เคาน์ตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย ช่วงอายุระหว่าง 27-101 ปี พบว่า #ในช่วงชีวิตของมนุษย์อาจจะเกิดความเหงาได้3ช่วงอายุหลักๆได้แก่ ช่วงอายุ 20 ตอนปลาย ช่วงอายุ 50 กลางๆ คือ ประมาณ 54-57 ปี และช่วงอายุ 80 ตอนปลาย

Source : voathai - https://bit.ly/2Q1MD0i

โดยเรื่องนี้ ดร.ดิลิป เจสเตอ ผู้เขียนการวิจัยและอาจารย์ด้านจิตเวชและระบบประสาทวิทยา จาก University of California ระบุว่า #ความเหงาไม่ได้หมายถึงความโดดเดี่ยวเดียวดายเพียงอย่างเดียวแต่มันคือความเศร้าสร้อยจากความแตกต่างระหว่างความสัมพันธ์ทางสังคมที่ต้องการกับความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่จริง

อายุ 20 ตอนปลาย #เป็นช่วงเวลาของการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต คนในช่วงอายุนี้มักจะมีความรู้สึกว่าเพื่อนฝูงในวัยเดียวกันตัดสินใจดีกว่าตนและมีความรู้สึกผิดต่อการตัดสินใจของตัวเองในหลายด้าน #ภาวะเครียดจะเพิ่มระดับความอ้างว้างในจิตใจไปอีก

อายุ 50 ตอนกลาง หรือประมาณ 54-57 ปี จะมีภาวะที่เรียกว่า mid-life crisis หรือวิกฤตวัยกลางคน#จากภาวะร่างกายที่เริ่มเจ็บป่วยและสุขภาพถดถอย

อายุ 80 ตอนปลาย ที่หลายคนเชื่อว่าคนวัยนี้น่าจะรู้สึกดีที่ยังมีชีวิตอยู่ ในทางตรงกันข้าม พวกเขาเผชิญกับสุขภาพที่ย่ำแย่ ปัญหาทางการเงิน และความตายของคนรอบข้าง

ในการศึกษานี้ยังยืนยันว่า #ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็สามารถเผชิญกับความเหงาได้ในระดับที่เท่าๆกัน

อนึ่ง ดร.วิเวค เมอร์ธี อดีตอธิบดีกรมอนามัยสหรัฐฯ ยืนยันว่า #ความเหงาส่งผลกระทบต่อสุขภาพเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่15มวนต่อวัน เลยทีเดียว

นอกจากนี้ การศึกษาชิ้นนี้ยังพบความเชื่อมโยงระหว่างความเหงากับสุขภาพร่างกาย จิตใจ และการรับรู้ของมนุษย์ โดยนักวิจัยพบว่า #ภาวะโดดเดี่ยวเดียวดายเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะระบบการรับรู้ที่ลดลง โรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ภาวะพิการ และโรคซึมเศร้า เป็นต้น.

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 26) Next Crisis: วิกฤตหนี้เอกชนสหรัฐ? แล้ว ณ นาทีนี้ ตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ถือว่าเข้าสู่ Bear Market แบบเต็มตัวแล้ว อย่างที่ผมได้เกริ่นไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า หลายคนมองว่าวิกฤตเศรษฐกิจรอบต่อไป มีโอกาสสูงที่กำลังรออยู่ตรงหน้า

บทความนี้จะขอกล่าวถึงหนึ่งในวิกฤติที่ดูแล้วน่าจะกำลังใกล้มาถึงเราเร็วกว่า แม้จะไม่ใช่วิกฤตที่จะร้ายแรงสุดในรอบใหม่ นั่นคือ วิกฤติตราสารหนี้ภาคเอกชนของอเมริกา ในส่วนที่เป็นตราสารที่มีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับน่าลงทุน หรือที่เรียกว่าตราสารหนี้เอกชนที่เป็น High-Yield โดยคำศัพท์ที่ติดปากในหมู่นักลงทุนของตราสารหนี้ในส่วนนี้ เรียกว่า USEM Debt

เมื่อจะเปรียบเทียบดัชนีอ้างอิง ต้องกล่าวถึงตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่ หรือพูดกันอย่างติดปากว่า Emerging Market (EM) โดยหากสังเกตให้ดีผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเหล่านี้ในช่วงหลังๆอยู่ในระดับที่สูงขึ้นมาก จากการที่กระแแสเงินทุนต่างไหลหนีออกมาจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ค่อยๆย่ำแย่ลง

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในรูปที่ 1 กลับพบว่า ผลตอบแทนของ USEM Debt ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำในช่วงนี้ ในขณะที่ผลตอบแทนของตราสารหนี้ใน EM Market กลับสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสามารถตีความได้ว่าความเสี่ยงของตลาดเกิดใหม่กำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ หรืออาจจะตีความได้ว่าตลาดกำลังประเมินความเสี่ยงของหุ้นกู้เอกชนสหรัฐในส่วนที่ต่ำกว่าอันดับน่าลงทุนไว้ต่ำเกินไป จากข้อมูลทั้งฝั่งมหภาคและตลาดการเงิน ทำให้หลายคนรวมถึงตัวผมเองมองว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง ด้วยเหตุผลเดิม นั่นคือ ปรากฏการณ์ Search for Yield

ด้วยบรรยากาศอัตราดอกเบี้ยที่ยังต่ำอยู่ และดูทีท่าจากการรายงานของแหล่งข่าวบลูมเบิร์กและทวิตเตอร์ของโดนัลลด์ ทรัมป์ ว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังมีดำริจะปลดเจย์ พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด เราคงจะเห็นบรรยากาศอัตราดอกเบี้ยต่ำไปอีกพักใหญ่ ปรากฏการณ์เสาะหาผลตอบแทนคงยังดำเนินต่อไป โดยที่ผ่านมากระทำผ่านการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน High Yield ในบริษัทที่มีอัตราส่วนหนี้ต่อสินทรัพย์ที่สูงมาก หรือที่เรียกติดปากคือ High-Yield Leveraged Debt โดยสัดส่วนสูงขึ้นมากเป็นลำดับ ดังรูปที่ 2 และที่มาแรงมากๆ คือผ่าน collateralized loan obligations (CLOs) ที่ใช้สินเชื่อเป็นหลักทรัพย์หนุนหลังในส่วนของหนี้ตลาด USEM

จากข้อมูลของ the Securities Industry and Financial Markets Association พบว่าการออกหุ้นกู้เอกชนสหรัฐแบบ Plain Vanillaได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดในปี 2017 และลดความสำคัญลงตามลำดับจนเหลือเพียงร้อยละ 35 ณ ต้นเดือนธันวาคมนี้ การออกหุ้นกู้ล็อตใหม่ๆของสหรัฐหันเหไปที่ตลาด CLO แทน โดยทำยอดการออกหุ้นกู้ที่ทำสถิติสูงสุดรายวันเป็นว่าเล่นในขณะนี้ ทั้งนี้ ปริมาณสินเชื่อเอกชนที่ไว้ทำ CLO กำลังจะใกล้แซงหน้าหุ้นกู้เอกชนในปีนี้แล้ว ดังรูป 3

เห็นได้จากดัชนี S&P/LSTA US Leveraged Loan 100 Index แสดงการเพิ่มขึ้นของยอดคงค้างช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้กว่าร้อยละ 70 จากจุดต่ำสุดในปี 2012

หากพูดถึง CLO ทำให้นึกถึงตราสารสินเชื่อซับไพร์ม หรือตราสาร Mortgage-backed Securities (MBS) โดยทั้งคู่มีความคล้ายคลึงกันมาก โดยเป็นการนำสินเชื่อที่แบงก์ปล่อยกู้มาทำการ re-packaged ใหม่ เพื่อขายเป็นตราสารการเงินให้กับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูง ปัญหาคือช่วงเศรษฐกิจเริ่มถดถอย คุณภาพของสินเชื่อที่ต่ำลงจะทำให้ตราสารเหล่านี้มีราคาลดลงเร็วมาก เนื่องจากคุณภาพสินเชื่อที่ลดลงแบบรวดเร็ว

หากสังเกตให้ดี ณ ขณะนี้ มี 2 ปัจจัย ที่ถือเป็นตัวเร่งให้หนี้เอกชนในสหรัฐดูน่าจะเสี่ยงขึ้นเรื่อยๆ ได้แก่ หนึ่ง อันดับเครดิตของตราสารหนี้บริษัทเอกชนสหรัฐได้ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยมีหุ้นกู้เอกชนระดับ A ถูกลดอันดับเครดิตลงมาที่ BBB อยู่เยอะมากๆ ดังรูปที่ 2 โดย BBB กลายเป็นอันดับเครดิตที่มีมูลค่าของหนี้เอกชนสหรัฐกองอยู่เกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าทั้งหมด และ สอง หุ้นกู้ที่ข้อความในเอกสารทางกฎหมายของสัญญากู้เงินที่บ่งบอกถึงความคุ้มครองให้ดำเนินเป็นไปตามสัญญาถูกลดระดับความคุ้มครองดังกล่าวลง หรือที่เรียกว่า Covenant-lite ทำให้โอกาสเป็นหนี้เสียได้ง่ายขึ้น รวมถึงได้ผู้กู้ที่มีคุณภาพลดลง เนื่องจากผู้กู้ที่ดีย่อมมีทางเลือกที่จะไม่ใช้บริการสินเชื่อดังกล่าว ซึ่งแน่นอนว่าตราสารหนี้ที่ใช้สินเชื่อดังกล่าวมาทำเป็น CLO ย่อมมีคุณภาพลดลง โดยหุ้นกู้ประเภทนี้ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ของมูลค่าคงค้างทั้งหมด

การไหลบ่าของกระแสเงินทุนมายังหุ้นกู้เอกชน HY Leveraged และ CLO ในสหรัฐ ณ ตอนนี้ ถือเป็นสิ่งที่นักวิชาการหลายท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจเน็ต เยลเลน อดีตประธานเฟดกังวลอยู่ โดยในส่วนของภาคเอกชนสหรัฐนั้น ในขณะนี้ ระดับหนี้ของบริษัทสูงขึ้น การลดลงของมูลค่าหลักประกัน ซึ่งตัวอย่างได้แก่ ราคาน้ำมันในอุตสาหกรรม Shale Oil สำหรับในสหรัฐ และการตกลงของดัชนีหุ้นสหรัฐ ทั้งสามปัจจัยถือเป็นสัญญาณว่าการเบี้ยวหนี้หรือความเสี่ยงด้านเครดิตของบริษัทในสหรัฐกำลังจะเป็นขาขึ้นแบบชัดเจน โดย CLO อาจถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายของสำหรับวิกฤตหนี้เอกชนสหรัฐที่มีการกำกับค่อนข้างหละหลวม เนื่องจากกับสถาบันส่วนใหญ่ที่ออกตราสารนี้ถือว่ามีสถานภาพคล้ายๆเป็น Shadow Banking

โดยการไหลบ่าของปริมาณตราสารทางการเงินที่ออกมาท่วมตลาด อย่างตราสารซับไพร์มเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ทำให้เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ มาถึงรอบนี้ ถามว่า วิกฤตตราสารหนี้เอกชนสหรัฐจะทำให้เกิดวิกฤตแบบซับไพร์ม คำตอบคือน่าจะไม่ เพราะสิ่งที่อาจจะ Trigger วิกฤตรอบใหม่เป็นอะไรที่ใหญ่กว่านี้ครับ

โดย ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ
คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ "มุมคิดมหภาค"

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646225

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 26) ธปท.หวังกฎหมายสหกรณ์ใหม่ ยกระดับกำกับดูแลช่วยปิดจุดเสี่ยงการเงิน : นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ร่างกฎหมายสหกรณ์ที่มีการปรับปรุงเกณฑ์การกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน โดยยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแล และยกระดับธรรมาภิบาลเพิ่มมากขึ้นได้ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว อยู่ระหว่างรอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา

“ในกฎหมายใหม่ จะให้อำนาจนายทะเบียน คือ กรมส่งเสริมสหกรณ์ สามารถออกกฎเกณฑ์กำกับดูแลที่ชัดเจนได้ จากเดิมจะมีอำนาจในลักษณะส่งเสริมเป็นหลัก นอกจากนี้ ก็จะมีคณะกรรมการที่ปรึกษาขึ้นมา มีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ในการที่จะวางกรอบกฎเกณฑ์ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกรอบกฎเกณฑ์การกำกับดูแล ซึ่งกฎเกณฑ์ที่จะออกมา ต้องปรึกษา ธปท. ปรึกษาคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกระทรวงการคลัง เพื่อให้แน่ใจว่าจะปิดช่องโหว่เรื่องสหกรณ์ได้ ก็หวังว่าพอกฎหมายผ่านก็จะเดินหน้าได้เร็ว” นายวิรไทกล่าว

ทั้งนี้ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาสหกรณ์ที่ถือว่ามีความสำคัญในระบบการเงิน ยังคงมีความเสี่ยงที่สร้างความเปราะบางให้แก่ระบบการเงิน ซึ่งทาง ธปท.อยากเห็นการปิดความเสี่ยงดังกล่าว แต่ก็ยังคงดำเนินการได้ค่อนข้างล่าช้า

Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

https://www.prachachat.net/finance/news-269113


https://www.prachachat.net/finance/...9RwB-ZlWoK1im6D4FCqSmqWQpi0h-bMMqdE3AzCI00i28

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 26) ตลาดวายแล้ว? ธนาคารยักษ์ใหญ่ของโลกทยอยพับแผนเกี่ยวกับเงินคริปโต:กระแสความตื่นตัวของ Bitcoin และเงินคริปโตตั้งแต่ช่วงปลายปี 2017 มาจนถึงต้นปี 2018 และมีสถาบันการเงินหลายแห่งทั่วโลกที่ "ทดลอง" นำเงินคริปโตไปใช้งานในแง่มุมต่างๆ

แต่เมื่อปี 2018 ใกล้สิ้นสุดลง กระแสเงินคริปโตซบเซาลงไปมาก การทดลองเหล่าก็ไม่บังเกิดผลสักเท่าไร และมีธนาคารหลายแห่งเริ่มชะลอหรือยกเลิกโครงการด้านคริปโตแล้ว

ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ของโลก และเป็นรายแรกๆ ที่หันมาจับด้านการลงทุนในเงินคริปโต ก็พับแผนบริการด้านเทรดเงินคริปโตลงไป และการนำ Bitcoin มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ Non-Deliverable Forward (NDF) ก็มีลูกค้าเพียง 20 รายเท่านั้น

ส่วน Morgan Stanley ก็พยายามขายฟิวเจอร์ส (futures หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า) ของ Bitcoin แต่ก็ไม่มีธุรกรรมเกิดขึ้นจริง ฝั่งของ Citigroup ก็เจอปัญหาแบบเดียวกัน โดยให้เหตุผลว่าพบอุปสรรคด้านกฎระเบียบจากหน่วยงานกำกับดูแล

ฝั่งธนาคารอังกฤษ Barclays เคยจะทำตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโต แต่ก็พับแผนไป และผู้บริหารที่จ้างมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านนี้ก็ลาออกไปแล้ว โฆษกของ Barclays ก็ระบุว่าตอนนี้ไม่มีแผนงานใดๆ เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงินคริปโตอีก

Source: Blognone.com
https://www.bloomberg.com/news/arti...cQn8BEGzcvDk3Hr0y4rNQGniLDWHH0L2ww9Ve9b3tC9Do

 

MOREMOVE

#มอร์มูฟเป็นข่าว สงคราม (ประสาทสุดเย็น) ที่มีประชาชนตาดำๆ ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เป็นตัวประกันปะทุขึ้นเรื่อยๆ ทุกขณะ โดยล่าสุด #เป็นหนึ่งในผลกระทบของการจับผู้บริหารHuaweiในแคนาดา คือการออกมาต่อต้านการใช้ iPhone ของบริษัทจีน โดยบางแห่งถึงขั้นกับออกประกาศว่า หากพนักงานคนใดใช้ iPhone จะไม่ได้รับพิจารณาในการเลื่อนตำแหน่ง!! #เป็นมาตรการที่ริดรอนสิทธิมนุษยชนไปอีก #แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม

Source : brandinside - https://bit.ly/2AajvPp

โดยเรื่องนี้ Qianjiang Evening News หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นจีน รายงานว่า มีบริษัทหนึ่งในมณฑลเจ้อเจียงออกประกาศถึงพนักงานให้สนับสนุน Huawei และเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple โดยหากพบว่าใครที่ซื้อ iPhone มาใช้ #จะส่งผลให้เสียโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งรวมถึงจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากทางบริษัทด้วย

ในประกาศของบริษัทหนึ่งในมณฑลเจ้อเจียง แจกแจงรายละเอียดดังนี้

หากเป็นพนักงานในระดับผู้จัดการ และซื้อโทรศัพท์ Huawei มาใช้ ทางบริษัทจะมีเงินสมทบให้ 50%
พนักงานที่ใช้ iPhone มาก่อน และต้องการซื้อโทรศัพท์ Huawei ทางบริษัทจะมีเงินสมทบให้ 25%
พนักงานทั่วไปที่ต้องการซื้อโทรศัพท์ Huawei ทางบริษัทจะมีเงินสมทบให้ 20%

อนึ่ง การประกาศของบริษัทจีนให้พนักงานหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ของ Huawei ถึงขั้นกับมีการระบุว่า #เป็นโปรโมชั่นที่สะท้อนถึงความรักชาติ (patriotic promotions)

อย่างไรก็ตาม หลังมีข่าวนี้ออกมา ชาวเน็ตของจีนต่างแสดงความคิดเห็นใน Weibo โซเชียลมีเดียของจีน โดยส่วนใหญ่มองว่า #ประกาศของบริษัทจีนที่ให้พนักงานเลิกใช้iPhoneและหันไปสนับสนุนHuaweiนั้นไม่เป็นธรรม เนื่องจาก #การเลือกใช้มือถือควรเป็นเสรีภาพของพนักงาน ไม่ควรถูกบังคับโดยบริษัท มันเป็นสิ่งดีที่เราจะอุดหนุนสินค้าในประเทศ แต่ไม่ควรจะมีกฎออกมาเพื่อลงโทษคนที่ซื้อ iPhone ใช้ และมากไปกว่านั้น พนักงานที่ถูกลงโทษควรจะไปฟ้องกระทรวงแรงงาน เพราะมันเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะรักประเทศของตัวเอง #แต่การใช้Huaweiไม่ควรจะเท่ากับการเป็นคนรักชาติแต่อย่างใด.

 

นักรบที่ตุรกีหนุนหลังเตรียมเข้าแทนที่ทหารสหรัฐฯ ในซีเรีย
โดย กองบรรณาธิการ- 25 ธันวาคม 2018

สมาชิกของกองทัพที่เรียกว่า Free Syrian Army (FSA) ในพื้นที่สงครามของจังหวัดอะเลปโปของซีเรีย ในวันที่ 23 กันยายน 2018 (ภาพถ่ายโดย AFP)
เพรสทีวี – กลุ่มติดอาวุธ “ฟรีซีเรียอาร์มี” (FSA) ซึ่งตุรกีให้การสนับสนุน เตรียมยกพลเข้าไปในภาคตะวันออกของซีเรียพร้อมกับกองทหารตุรกีโดยทันทีที่กองทัพอเมริกันประกาศเสร็จสิ้นการถอนทหารจากภูมิภาคนี้ นายยูซุฟ ฮัมมูด โฆษกของ FSA กล่าวตามรายงานของเอพี เมื่อวันจันทร์ (24 ธ.ค.)

นายยูซุฟ กล่าวเพิ่มเติมว่า กองกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกเขาได้ถูกส่งไปยังแนวหน้าติดกับเมืองมันบิจใก้ลกับพื้นที่ภายใต้การควบคุมของชาวเคิร์ดในทางเหนือของซีเรีย ที่ซึ่งทหารอเมริกันประจำการอยู่พร้อมกับ YPG กองกำลังติดอาวุธชาวเคิร์ดซีเรีย

เขาเสริมว่ามีนักรบ 15,000 คน ที่ผ่านการฝึกในตุรกีพร้อมที่จะเข้าร่วมปฏิบัติการแล้ว

นายยูซุฟ ยังตั้งข้อสังเกตว่า จุดเริ่มต้นมุ่งเน้นไปที่เมืองมันบิจ และพื้นที่ใกล้กับแม่น้ำยูเฟรติส “เราพร้อมที่จะต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส” เขากล่าวเสริม

ปลายปีที่แล้ววอชิงตันสร้างความโกรธเคืองให้กับอังการาด้วยการประกาศแผนจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธชาวเคิร์ดในซีเรียใกล้ชายแดนตุรกี แผนดังกล่าวทำให้ตุรกีเริ่มปฏิบัติการทางทหารข้ามพรมแดนซีเรียเมื่อวันที่ 20 มกราคมในชื่อ Operation Olive Branch โดยมีจุดประสงค์เพื่อกำจัด YPG จากทางตอนเหนือของซีเรียโดยเฉพาะในภูมิภาคอาฟริน

YPG ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐซึ่งควบคุมพื้นที่ชายแดนทางตอนเหนือของซีเรียได้รวมตัวกันเป็นแกนหลักของหน่วยที่เรียกว่ากองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (Syrian Democratic Forces – SDF) ซึ่งเป็นพันธมิตรต่อต้านดามัสกัสของกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดที่ได้รับการสนับสนุนจากวอชิงตัน

อังการาถือว่า YPG เป็นองค์กรก่อการร้ายและเป็นสาขาในซีเรียของพรรคแรงงานเคอร์ดิสถานที่ผิดกฎหมาย (PKK) ซึ่งต่อสู้เพื่อจัดตั้งเขตปกครองตนเองในตุรกีมาตั้งแต่ปี 1984

https://www.publicpostonline.net/20...vlrLCbYhuyNWEMKjwvoczs97UAVsinWxyD5gGap9xZAGA

 

พนิดา แม่สาย

อะไรจะขนาดนี้ ที่ทางก็มีให้เช่า บริหารกันอย่างไง
Cr ภาพข่าว

 

Ch7HD News

อิสราเอลยิงขีปนาวุธโจมตีคลังอาวุธในซีเรีย แต่ระบบป้องกันขีปนาวุธของรัสเซียสัดไว้ได้เกือบหมด ถูกเป้าหมายจังๆลูกเดียวทำให้มีทหารบาดเจ็บ 3 ราย

อ่านรายละเอียดคลิกที่นี่ http://s.ch7.com/318143

#ซีเรีย #อิสราเอล #ขีปนาวุธ
#Ch7HDNews #ข่าว7HD
ติดตามข่าวอื่น news.ch7.com

 

Desastres Naturales con Marcelo Moncayo Theurer



ความเสียหายของบ้าน จากแผ่นดินไหว ภูเขาไฟ ใน catania อิตาลี
26/12/2018

 

La nueva era de la tierra - respaldo



ความเสียหาย ของบ้านจากแผ่นดินไหวโดย ต้นกำเนิดภูเขาไฟใน catania อิตาลี

26.12.2018


Daños en casas por el sismo de origen volcanico en catania italia

26.12.2018

 

La nueva era de la tierra - respaldo


มีรายงานแผ่นดินไหวโดยต้นกำเนิดภูเขาไฟในอิตาลี ทำให้เกิดความเสียหายกับบ้านบางหลัง

26.12.2018

 

Thairath


นักร้องหนุ่มอินโดฯ เจอร่างภรรยาแล้ว โพสต์เศร้า จะอยู่อย่างไรโดยไม่มีคุณ


https://www.thairath.co.th/content/1454106

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 26) ญี่ปุ่น” แชมป์บ้างาน 3 ปีซ้อน ออกกฎพักร้อนขั้นต่ำ 10 วัน :การพักผ่อนประจำปีของพนักงานถือเป็นรางวัลอย่างหนึ่งหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน แต่สำหรับ “ญี่ปุ่น” เป็นประเทศครองแชมป์ที่ใช้วันหยุดน้อยที่สุดติดกันเป็นปีที่ 3 เมื่อเทียบกับ 19 ประเทศที่ทำการสำรวจ


นิกเคอิ เอเชียน รีวิว รายงานอ้างการสำรวจของ “เอ็กซ์พีเดีย เจแปน” บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการท่องเที่ยวประจำปี 2018 พบว่า ชาวญี่ปุ่นใช้วันหยุดประจำปีน้อยที่สุดเฉลี่ยใช้เพียง 10 วัน จากทั้งหมด 20 วันต่อปี ขณะที่มี 3 ประเทศที่พนักงานมีความสุขกับการลาพักผ่อน 100% ได้แก่ บราซิล สเปน และฝรั่งเศส ซึ่งได้สิทธิ์วันพักร้อนนานถึง 30 วันต่อปี


นายเคอิโซะ อีชิอิ หัวหน้าประจำเอ็กซ์พีเดีย เจแปน กล่าวว่า พนักงานออฟฟิศชาวญี่ปุ่นกว่า 65% จากผู้ตอบแบบสอบถาม 11,144 คน รู้สึกผิดต่อเพื่อนร่วมงานและนายจ้าง ขณะที่เกือบ 50%


ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามให้เหตุผลว่า บริษัทขาดแคลนพนักงานจึงไม่สามารถลาหยุดได้ และมองว่าการใช้วันลาถือว่าเป็นคนมีความรับผิดชอบน้อย และจะเก็บวันหยุดเพื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้น


นายเคอิโซะกล่าวว่า นอกจากวัฒนธรรมที่บ้าคลั่งกับการทำงานของคนญี่ปุ่น ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ไม่ต้องการใช้วันลา เช่น เพื่อนร่วมงานและนายจ้าง มักแสดงความไม่พอใจด้วยปัญหานี้ที่ฝังรากลึกจนถึงปัจจุบัน เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น ประกาศกฎหมายใหม่ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ใน เม.ย. 2019 ที่กำหนดให้พนักงานจะต้องใช้วันลาประจำปีอย่างน้อย 10 วัน จึงจะได้รับค่าจ้างแรงงาน แต่ลาต่ำกว่า 10 วัน จะถูกหักค่าแรง


อีกทั้งยังมีแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว “golden week” หรือเทศกาลวันหยุดยาวของญี่ปุ่น ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.ของทุกปี เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ ทั้งเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวในประเทศของประชาชน


นายกฯชินโสะกล่าวว่า “เทศกาล golden week” จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายจากภาคประชาชนมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลพยายามโปรโมตการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยหนึ่งในมาตรการบังคับใช้ก็คือ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเดินทางออกนอกประเทศ 1,000 เยน ต่อชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป ยกเว้นสำหรับเด็กอายุไม่ถึง 2 ปี และผู้โดยสารเครื่องบินที่แวะรอเปลี่ยนเครื่อง หรืออยู่ในญี่ปุ่นไม่ถึง 24 ชั่วโมง


Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

https://asia.nikkei.com/Business/Bu...ke-only-half-their-paid-vacation-survey-finds

 

โพสต์ทูเดย์


นายกฯช่วยด้วย! คุณป้าตาบอดทำบัตรคนจน 2 รอบแล้ว ยังไม่ผ่าน