ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MOREMOVE


    #มอร์มูฟเป็นข่าว ถ้าเป็นจริงตามนี้ก็น่ายินดีแทนพี่น้องชาวจีน!! เมื่อทางการจีนเปิดเผยว่า #จำนวนประชาชนที่กำลังต่อสู้กับความยากจนระดับสูงสุด จะหดลงเหลือราว 15 ล้านคนภายในสิ้นปี 2018 (คิดเป็นอัตราลดลงกว่า 85% หากเทียบกับจำนวน 100 ล้านคนของเมื่อ 6 ปีก่อน) ประกาศอีก รัฐบาลตั้งเป้าจะแก้จนให้หมดไปจากประเทศภายใน 2 ปีข้างหน้า!!


    ผู้นำจีนเร่งต่อสู้กับความยากจนอย่างเต็มกำลังมาตั้งแต่ปี 2012 ยกให้ความยากจนเป็นหนึ่งใน #สามมหาสงคราม ที่จีนต้องเอาชนะภายใน 3 ปีข้างหน้า ควบคู่กับการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม


    โดยเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก China Xinhua News ซึ่งกล่าวอ้างคำพูดของ นายหลิว หย่งฝู หัวหน้าฝ่ายการบรรเทาความยากจนและการพัฒนา สังกัดคณะมุขมนตรีจีน ที่ระบุว่า #ความยากจนระดับสูงสุดจะหมดจากแผ่นดินจีนภายในสิ้นปี2020 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่สอดคล้องกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน


    รายงานระบุว่า ชาวสวนชาวไร่ของจีนมากกว่า 700 ล้านคนสามารถหลุดพ้นจากความยากจนแสนเลวร้ายตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนายหลิวชี้ว่า #เป็นความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ที่ควรค่าแก่การชื่นชมยกย่อง


    "ตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา อัตราความยากจนในพื้นที่ชนบทลดฮวบจาก 97.5% ลงไปอยู่ที่ 3.1% เท่านั้นในช่วงสิ้นปีก่อน และคาดว่าจะลดลงจนต่ำกว่า 2% ในปีนี้"


    อนึ่ง นายหลิวยังกล่าวต่อไปอีกว่า #การลดความยากจนคือการเพิ่มรายได้ของประชาชน #เปลี่ยนคนว่างงานให้กลายเป็นบุคลากรมากทักษะประสบการณ์ #กระตุ้นพวกเขาเหล่านั้นให้ทำงานอย่างขยันขันแข็ง โดยมีการเชื่อมโยงบริษัทห้างร้านมากกว่า 40,000 รายเข้ากับหมู่บ้านยากจนมากกว่า 30,000 แห่ง #เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมท้องถิ่นและชะลอการย้ายถิ่นของคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ.


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MOREMOVE


    #มอร์มูฟเป็นข่าว รู้ก่อน!! หาทางหนีทีไล่ได้เร็ว โดยล่าสุด #เปิดโผ 10 อาชีพเสี่ยงถูกเลิกจ้าง-ส่อตกงานปี 62 #จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยี ประเมินโดย ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต และอดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แก่


    Source : เรื่องเล่าเช้านี้ - https://bit.ly/2PKYBLx


    ▪️ธุรกิจอุตสาหกรรมทีวี ทีวีดิจิทัล เคเบิลทีวี สื่อสิ่งพิมพ์และสำนักพิมพ์ต่างๆ

    ▪️ธุรกิจผลิตและจำหน่ายหรือการให้เช่า CD DVD

    ▪️ธุรกิจอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง และปาล์มน้ำมัน

    ▪️สถานศึกษาเอกชน

    ▪️ธุรกิจร้านค้าแบบดั้งเดิม

    ▪️ธุรกิจให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน และธุรกิจร้านอินเทอร์เน็ต

    ▪️ธุรกิจหัตถกรรม และเฟอร์นิเจอร์ไม้

    ▪️อุตสาหกรรมสิ่งทอ และเครื่องหนัง

    ▪️เครือข่ายสาขาสถาบันการเงิน

    ▪️เครือข่ายห้างสรรพสินค้า


    #ปัจจุบันได้มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ เพื่อเพิ่มอัตราชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างและเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ใช้แรงงานซึ่งสามารถช่วยเหลือผู้ถูกเลิกจ้างได้ระดับหนึ่ง เช่น ลูกจ้างที่มีอายุงาน 20 ปีขึ้นไป จะสามารถรับเงินชดเชยได้ 400 วัน ส่วนกรณีย้ายสถานประกอบการไปที่อื่น หากลูกจ้างไม่อยากย้ายตาม ก็สามารถบอกเลิกสัญญาจ้าง พร้อมรับสิทธิชดเชยตามอัตราใหม่ได้.


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวฮ่องกง


    หนุ่มโปรยเงิน กลับมาแจกอีกครั้ง หลังได้รับการประกันตัว


    นาย Wong Ching-kit หนุ่มที่ทำการโปรยเงินที่ Sham Shui Po และเป็นที่กล่าวขานเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ในเวลาต่อมาเขาได้รับการประกันตัวและคราวนี้ได้ออกมาอีกครั้งพร้อมบริจาคเงิน 100,000 เหรียญฮ่องกง (ราว 400,000 บาท)


    นาย Wong Ching-kit หรือที่รู้จักในโลกออนไลน์ในนาม “ปรมาจารย์ด้านคอยน์” สำหรับธุรกิจ cryptocurrency ของเขา ได้รับการประกันตัวออกมาเมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ 18 ธันวาคม 2018 และเขาได้ออกมาประกาศผ่าน facebook ว่าเขาจะบริจาคเงินให้กับร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่าน Sham Shui Po เพื่อให้อาหารกลางฟรีกับผู้ยากจน


    ในเวลาประมาณ 14.00 น. นาย Wong ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าของร้านคือนาย Chan Cheuk-ming โดยมีนักข่าวและเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่จำนวนหนึ่ง นาย Wong ได้บริจาคเงินจำนวนทั้งสิ้น 92,000 เหรียญฮ่องกง (ราว 368,000 บาท) เพื่อให้ทางร้านให้บริการอาหารฟรีจำนวน 3,800 กล่องให้กับผู้ยากจน และก็มีภาพที่เห็นได้ว่านาย Wong และนาย Chan ถ่ายรูปด้วยกันพร้อมโชว์ใบเสร็จการบริจาค


    Source :


    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนุ่มเสียพนันจนคลั่ง! วิ่งเปลือยฝ่าชายแดนกัมพูชาเข้าไทย

    18 ธ.ค. 2561 17:37 น.

    IMG_6147.JPG IMG_6148.JPG IMG_6149.JPG

    หนุ่มนักพนันคนไทยเสียบ่อนจนหมดตัว เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ถอดเสื้อผ้าวิ่งฝ่าด่านเจ้าหน้าที่ชายแดนไทย-เขมร จากบ่อนปอยเปตผ่านสะพานมิตรภาพเข้าด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จนเจ้าหน้าที่ต้องวิ่งเข้ารวบตัวส่งตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย (ข่าวโดย : ธนภัท กิจจาโกศล)

    เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผู้กำกับตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว และ พ.ต.ต.จิรเดช พุฒินาทพัฒน์ สว.ตม.จว.สระแก้ว ต้องนำกำลังเจ้าหน้าที่ ตม.และทหารพรานบริเวณด่านชายแดน เข้าจับกุมตัวชายไทยรายหนึ่งอย่างโกลาหล บริเวณด่านชายแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังเกิดอาการคลุ้มคลั่งคล้ายคนเมายาเสพติด วิ่งและเดินข้ามแดนจากฝั่งปอยเปตเข้า มาบริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-กัมพูชา จนทำให้นักท่องเที่ยวและชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้า-ออกประเทศ ตื่นตกใจอย่างมาก


    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชายคนดังกล่าวได้ถอดเสื้อผ้าโยนทิ้ง ก่อนจะวิ่งแหกด่านข้ามสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เข้ามายังฝั่งไทย และกำลังจะวิ่งหลบหนีเข้าตลาดโรงเกลือจนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้และนำขึ้นรถยนต์ไปสงบสติอารมณ์ ซึ่งจากการตรวจค้นไม่พบเอกสารการเดินทางหรือบัตรประจำตัวประชาชนแต่อย่างใด แต่ในกระเป๋ากางเกงพบยาไอซ์ น้ำหนัก 0.26 กรัม บรรจุในถุงพลาสติกซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าคาดเอวสีดำ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาทำการสอบสวนที่ สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว


    จากการสอบสวน ทราบชื่อภายหลังว่า นายนิธิศ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 33 ปี เดินทางออกไปเล่นการพนันในบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยใช้พาสปอร์ตอย่างถูกต้อง แต่นายนิธิศ เล่นการพนันจนหมดตัว และได้จำนำพาสปอร์ตและโทรศัพท์มือถือไว้ในบ่อน เพื่อไปเล่นต่อจนเสียพนันทั้งหมด จนเกิดความเครียดจึงไปซื้อยาไอซ์มาเสพจนเมาและเกิดอาการคลุ้มคลั่งไม่ได้สติวิ่งก่อเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายนิธิศไว้ในห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา เพื่อสงบสติอารมณ์และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    NationTV 22


    หนุ่มเสียพนันจนคลั่ง! วิ่งเปลือยฝ่าชายแดนกัมพูชาเข้าไทย


    #NationTV


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำนักข่าวไทย

    IMG_6152.JPG
    รายงานประจำปี 2561 ขององค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนระบุว่า สหรัฐติดอันดับประเทศที่อันตรายที่สุดสำหรับผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรก โดยอยู่ในอันดับ 6 ตามหลังอัฟกานิสถาน ซีเรีย เม็กซิโก เยเมนและอินเดีย คลิก ►https://www.tnamcot.com/view/5c19d14be3f8e4e9050e2a5e



     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Report ASEAN - Thailand


    ‘หัวเหว่ย’ ขอฟังเหตุผลชัดๆ

    ทำไมสหรัฐฯและประเทศพันธมิตรระงับใช้ผลิตภัณฑ์หัวเหว่ย?

    .

    จากกรณีที่สหรัฐฯและประเทศพันธมิตร อันได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ระงับการใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเหว่ยภายในหน่วยงานของรัฐทั้งหมด และไม่อนุญาตให้หัวเหว่ยร่วมประมูลโครงการของรัฐที่เกี่ยวกับระบบเครือข่าย 5G ด้วยเหตุผลที่สหรัฐฯระบุว่า ‘เป็นเหตุผลด้านความมั่นคง’

    .

    ล่าสุด นายเคน หู ผู้บริหารของหัวเหว่ย ออกแถลงการณ์ ณ สำนักงานใหญ่ของหัวเหว่ย เมืองเซิ่นเจิ้น ใจความสำคัญระบุว่า หัวเหว่ยกำลังเผชิญกับเรื่องท้าทายครั้งใหญ่ จากการที่บางฝ่ายพยายามเชื่อมโยงอุดมการณ์ทางธุรกิจกับการเมืองให้เป็นเรื่องเดียวกัน

    .

    นายเคนระบุด้วยว่า การกีดกันหัวเหว่ยออกจากการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเครือข่าย 5G ไม่ว่าจะเป็นในประเทศออสเตรเลียหรือในอีกหลายประเทศ จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค และจะกลายเป็นการชะลอความก้าวหน้าทางนวัตกรรม หัวเหว่ยถูกกีดกันโดยปราศจากหลักฐาน ดังนั้นหากสหรัฐฯหรือประเทศใดมีความวิตกกังวลว่า หัวเหว่ยจะมีภารกิจใดที่จะกระทบต่อความมั่นคง ขอให้แสดงหลักฐานที่ประจักษ์ชัด

    .

    นายเคน หู ยืนยันว่า หัวเหว่ยเป็นบริษัทที่มีประวัติขาวสะอาด และแม้หัวเหว่ยกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมายหลายด้าน แต่ก็ไม่ส่งผลต่อยอดขายของหัวเหว่ยที่แตะระดับ 3.3 ล้านล้านบาทแล้วในปีนี้

    .

    การแถลงของผู้บริหารหัวเหว่ยครั้งนี้ มีขึ้นในช่วงที่แคนาดาควบคุมตัวน.ส. เมิ่ง หว่านโจว ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินและบัญชีของหัวเว่ย ซึ่ง น.ส.เมิ่งกำลังอยู่ภายใต้การประกันตัว ที่เมืองแวนคูเวอร์ หลังเธอถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมาตามหมายจับของสหรัฐฯ ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ด้วยการตั้งบริษัทบังหน้า จำหน่ายอุปกรณ์เทคโนโลยีให้อิหร่านในช่วงปี 2552 ถึง 2557

    .

    ทั้งนี้ ศาลแคนดามีกำหนดไต่สวน น.ส.เมิ่ง อีกครั้งในวันที่ 6 ก.พ. ปีหน้า เพื่อตัดสินว่า จะส่งตัวน.ส.เมิ่งให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯหรือไม่ ในขณะที่จีนกำลังควบคุมตัวพลเมืองแคนาดาเอาไว้ 2 คนด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงเช่นกัน

    .

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทรัมป์’บอกไม่ห่วงสหรัฐฯเผชิญวิกฤตหนี้สิน เพราะเขาจะไม่อยู่ในตำแหน่งแล้ว ตอนที่มันระเบิดตูมตาม

    เผยแพร่: 18 ธ.ค. 2561 21:42 โดย: วิลเลียม เพเซค


    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)


    Trump’s Asian bankers hold Brazil-sized debt tranche


    By William Pesek

    14/12/2018


    ทรัมป์ทำท่าไม่แยแสภาระหนี้สินของประเทศที่บานเบิกสูงลิ่วขึ้นทุกที โดยพูดทีเล่นทีจริงว่ากว่าปัญหานี้จะระเบิดตูมตาม เขาก็พ้นตำแหน่งไปแล้ว ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง พวกชาติเจ้าหนี้เอเชียก็ยังคงซื้อหาตราสารหนี้สหรัฐฯมาไว้ในครอบครองกันต่อไปด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ แต่สภาวการณ์เช่นนี้จะดำเนินต่อไปได้อีกนานสักแค่ไหน?


    บรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินในปักกิ่ง, โตเกียว, และที่อื่นๆ ในเอเชีย กำลังเจอปัญหาปวดเศียรเวียนเกล้าขนาดมหึมาเท่าประเทศบราซิลทีเดียว ขณะที่ปี 2019 กำลังขยับใกล้เข้ามา รัฐบาลของประเทศพวกเขาจวบจนถึงบัดนี้คือผู้ที่ถือครองตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐฯรายใหญ่ที่สุด โดยที่ยอดหนี้สินดังกล่าวขยับเพิ่มขึ้นไปเกือบๆ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯแล้วในยุคแห่งการเป็นประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์


    คลื่นใหญ่ยักษ์หนี้สินสีแดงเถือกลูกนี้มีขนาดคร่าวๆ เท่ากับผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) รายปีของบราซิลทีเดียว และเรื่องนี้ควรที่จะทำให้พวกนายแบงก์เจ้าหนี้ชาวเอเชียของทรัมป์รู้สึกกังวลใจ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.businessinsider.com/trump-debt-crisis-fine-wont-be-here-report-2018-12)


    แผนกโลบายหมุนเงินแบบหากู้หนี้ใหม่มาชดใช้หนี้เก่า มีน้อยนักหนาที่จะก่อเกิดผลดีให้แก่พวกลูกค้าซึ่งนำเงินมา “ลงทุน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เข้ามาร่วมวงในช่วงหลังๆ กระนั้นรัฐบาลของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในกรุงปักกิ่ง และรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ในกรุงโตเกียว ก็ยังคงประสบกับสถานการณ์อันอิหลักอิเหลื่อ เมื่อต้องตัดสินใจเลือกว่าจะยังคงนำเอาเงินงบประมาณของรัฐเติมเข้าไปในแผนกโลบายเงินต่อเงินของวอชิงตันนี้ต่อไป หรือว่าจะตัดใจยุติยอมตัดขาดทุน


    จริงๆ แล้วการขาดทุนดูจะหลีกเลี่ยงได้ยากสำหรับจีนซึ่งซื้อหาพันธบัตรคลังสหรัฐฯเอาไว้เป็นมูลค่าสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และสำหรับญี่ปุ่นที่ครอบครองอยู่ 1.03 ล้านดอลลาร์


    แล้วยังพวกเจ้าหนี้รายอื่นๆ ทั่วทั้งภูมิภาคแถบนี้ ซึ่งซื้อตราสารเงินกู้ภาครัฐของอเมริกันเอาไว้ ก็มีหวังจะเจอกับชะตากรรมทำนองเดียวกัน ทั้งนี้ มีตัวเลขรายละเอียดว่า ฮ่องกงครอบครองอยู่ 192,000 ล้านดอลลาร์, ไต้หวัน 164,000 ล้านดอลลาร์, อินเดีย 144,000 ล้านดอลลาร์, สิงคโปร์ 135,000 ล้านดอลลาร์, เกาหลีใต้ 110,000 ล้านดอลลาร์, และประเทศไทย 66,000 ล้านดอลลาร์


    อเมริกามาเป็นอันดับแรก พวกเจ้าหนี้ชาติเอเชียอยู่ในอันดับท้าย


    หากเป็นการวางเดินพันต่อรองกันแล้ว แต้มต่อตอนนี้ก็อยู่ทางข้างที่ว่าเงินทองรวมกันมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งพวกชาติเอเชียปล่อยกู้ให้แก่แผนไม่ชอบมาพากลทางการคลังของทรัมป์นั้นมีหวังจะไม่ได้จบลงด้วยดี กระทั่งมาตรการตัดลดภาษีมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งพรรครีพับลิกันของเขาผลักดันออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้เมื่อช่วงปลายปี 2017 ก็ยังวางอยู่บนสมมุติฐานที่ว่าพวกเจ้าหน้าที่เอเชียยินดีที่จะพากันซื้อหาพันธบัตรคลังสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://seekingalpha.com/news/3416548-u-s-national-debt-rising-fastest-pace-since-2012-bloomberg)


    อย่างไรก็ตาม มองกันในบางแง่บางมุม การซื้อตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐฯก็ถือว่าเป็นการวางเดิมพันเล่นพนันที่สมเหตุสมผล ทั้งนี้ถ้าหากเอเชียได้เรียนรู้บทเรียนอะไรขึ้นมาจากการเผชิญวิกฤตการณ์ทั้งในช่วงปี 1997 (ที่ในไทยนิยมเรียกกันว่า วิกฤตต้มยำกุ้ง -ผู้แปล) และในช่วงปี 2008 (ที่ในไทยนิยมเรียกกันว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ –ผู้แปล) แล้ว มันก็คือเรื่องของความจำเป็นที่จะต้องมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศปริมาณมากมายมหาศาล


    นอกจากนั้นแล้ว ความปรารถนาที่จะรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้าเอาไว้ ยังกลายเป็นแรงจูงใจซึ่งทำให้รัฐบาลชาติต่างๆ ในเอเชียพากันสนับสนุนนโยบายเงินดอลลาร์แข็ง ซึ่งก็คือมุ่งหน้าซื้อหาหนี้สินของสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น


    แต่ก็นั่นแหละ การที่ยอดหนี้สินภาคสาธารณะคงค้างของสหรัฐฯทะยานขึ้นไปถึง 6.6% ในระยะเวลาเพียงแค่ 23 เดือนของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ ย่อมยากนักหนาที่จะก่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจขึ้นมาได้ การตั้งงบประมาณจับจ่ายใช้สอยแบบใจกว้างเป็นแม่น้ำของทรัมป์ทั้งในด้านการทหาร, ความมั่นคงบริเวณชายแดน, และในประเด็นซึ่งเป็นที่ชื่นชอบพิเศษของเขาอีกจำนวนหนึ่ง มีลักษณะคลับคล้ายกับพวกเสือแห่งเอเชียในช่วงก่อนปี 1997 มากกว่าจะเป็น 1 ในชาติกลุ่ม จี7


    เช่นเดียวกับการที่เขาพูดจาหยอกเย้าหน้าเป็นเกี่ยวกับภาระหนี้สินจำนวนรวม 22 ล้านล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ


    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สื่อ เดลี่บีสต์ (Daily Beast) รายงานข่าวการพูดจากันอันชวนให้ตื่นตะลึงระหว่างทรัมป์กับพวกที่ปรึกษาของเขา โดยที่เมื่อพวกสมาชิกระดับวงในของเขาหยิบยกแสดงความเป็นห่วงเรื่องที่สหรัฐฯกำลังนำตัวเองเข้าไปอยู่ในวิกฤตแห่งหนี้สิน ทรัมป์ก็ยักไหล่และตอบว่า “มันก็ใช่ล่ะนะ แต่ผมจะไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วนี่” เมื่อมันระเบิดตูมตามขึ้นมา (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thedailybeast.com/trump-on-coming-debt-crisis-i-wont-be-here-when-it-blows-up)[1]


    ท่าทีกำกวมคลุมเครือเช่นนี้ควรที่จะสร้างความกังวลให้แก่พวกรัฐบาลชาติเอเชียซึ่งกำลังถือครองหนี้สินที่ทำให้สหรัฐฯสามารถใช้จ่ายเกินตัวได้ นอกจากนั้นแล้วยังเป็นสิ่งสมควรที่จะหมายเอาไว้ด้วยว่า ระหว่างการตระเวนหาเสียงเพื่อเป็นประธานาธิบดีนั้น ทรัมป์กระทั่งเคยเสนอแนะอย่างไม่ได้รู้สึกอับอายอะไรในประเด็นปัญหาเรื่องการชักดาบเบี้ยวหนี้


    เมื่อถูก ซีเอ็นบีซี สถานีโทรทัศน์ช่องการเงินการลงทุนไต่ถามในเดือนพฤษภาคมปี 2016 ว่า เขาจะเหนี่ยวรั้งภาระหนี้สินที่กำลังพุ่งพรวดพราดขึ้นไปเรื่อยๆ ของวอชิงตันอย่างไร ทรัมป์ก็ตอบว่า “ผมจะกู้ไปเรื่อยๆ โดยรู้ดีว่าถ้าหากเศรษฐกิจเกิดพังครืนลงมา คุณก็สามารถที่จะเจรจาต่อรองทำข้อตกลงได้”


    นี่แหละคือความคิดเห็น จากบุรุษผู้ซึ่งในช่วงก่อนขึ้นเป็นประธานาธิบดี ก็ได้ใช้ชีวิตด้วยการกู้ยืมเงินเป็นพันๆ หมื่นๆ ล้าน แล้วก็ประกาศขอล้มละลาย และหลังจากเจรจาต่อรองทำข้อตกลงประนอมหนี้แล้วก็เดินหน้ากันต่อไป แน่นอนทีเดียวว่า ความเสี่ยงที่พวกแบงก์ชาติในเอเชียทั้งหลายต้องคำนึงก็คือ ทรัมป์มองพวกเขาด้วยทัศนะทำนองเดียวกับที่เขาเคยใช้มองเจ้าหนี้ของเขาเองมาก่อน


    เรื่องนี้บ่งบอกให้เห็นว่าทรัมป์พร้อมจะจับจ่ายใช้สอยและสะสมหนี้สินพอกพูนขึ้นโดยไม่ใส่ใจแล้วจากนั้นก็ก้าวเดินผละจากไป โดยปล่อยให้พวกทายาทคนรุ่นต่อๆ ไปเป็นผู้ที่ต้องเผชิญกับความยุ่งเหยิงซึ่งเกิดขึ้น แน่นอนล่ะพวกทายาทคนรุ่นต่อๆ ไปที่ว่านี้ย่อมครอบคลุมถึงบรรดาเจ้าหนี้ของอเมริกาด้วย


    การใช้มาตรการเสี่ยงๆ มีผลกระทบทั้งด้านตรงและด้านกลับ


    การใช้มาตรการแบบเสี่ยงๆ นั้น ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งด้านตรงและด้านกลับ ขณะที่ทรัมป์เพิ่มความดุเดือดเข้มข้นในการทำสงครามการค้าของเขาอยู่นั้น สีก็อาจบลั้ฟกลับโดยใช้เงินดอลลาร์ที่แดนมังกรถือครองเอาไว้จำนวนมหาศาลมาเป็นเครื่องมือต่อรอง


    อันที่จริงแล้ว มีรายงานว่า เมื่อปี 2011 รัฐบาลของ หู จิ่นเทา ประธานาธิบดีคนก่อนของจีนกำลังพิจารณาที่จะหยิบอาวุธนี้ออกมาใช้อยู่แล้ว โดยที่ในเวลานั้น เหรินหมินรึเป้า (People’s Daily) ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ออกบทบรรณาธิการชิ้นหนึ่งเสนอแนะว่า “ขณะนี้ถึงเวลาสำหรับจีนแล้วที่จะใช้อาวุธทางการเงินของตนมาสั่งสอนให้บทเรียนแก่สหรัฐฯ” (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://en.people.cn/90780/91342/7562776.html)


    เมื่อปี 2011 ปักกิ่งมีความโกรธเกรี้ยวการที่วอชิงตันเข้าพิทักษ์ปกป้องไต้หวัน ส่วนในทุกวันนี้ปักกิ่งอาจจะยัวะจัดเรื่องภาษีศุลกากร อย่างไรก็ดี เป็นเรื่องแน่นอนทีเดียวว่าถ้าเมื่อใดปักกิ่งตัดสินใจเทขายดอลลาร์ซึ่งถือครองไว้ มันก็จะก่อให้เกิดผลด้านกลับขึ้นมาด้วย ไม่ได้มีเพียงผลด้านตรงเท่านั้น


    นอกเหนือจากต้องประสบการขาดทุนอย่างมหาศาลจากมูลค่าของดอลลาร์ซึ่งจะลดฮวบลงมาเมื่อถูกเทแล้ว สิ่งที่จะต้องเกิดตามมาอย่างอื่นๆ โดยเฉพาะการที่อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯต้องขยับขึ้นพรวดพราด ย่อมจะกระหน่ำใส่การบริโภคของคนอเมริกัน แล้วส่งผลต่อเนื่องกลายเป็นการทำลายเครื่องจักรการส่งออกอันเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่งของฝ่ายจีน


    อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลของสีย่อมมีเหตุผลทุกๆ ประการที่จะรู้สึกกังวลใจจากการที่ถือครองตราสารหนี้อเมริกันเอาไว้มากมาย ทำให้ดูเหมือนกับต้องตกเป็นเหยื่ออารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้ของทรัมป์ ประเด็นนี้ก็เช่นกัน ในอดีตปักกิ่งได้เคยแสดงความวิตกเกี่ยวกับมูลค่าของพันธบัตรคลังสหรัฐฯมาแล้ว


    ในปี 2009 เวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีนขณะนั้น ออกมาเรียกร้องวอชิงตันให้ปกป้องคุ้มครองเงินของปักกิ่ง “เราได้ปล่อยเงินกู้ให้สหรัฐฯเป็นจำนวนมหึมา (ด้วยการเข้าซื้อตราสารหนี้ของกระทรวงการคลังอเมริกัน)” เวินบอก “แน่นอนทีเดียว เราต้องมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับความปลอดภัยของสินทรัพย์ของเรา พูดกันตรงไปตรงมาเลยนะ ผมน่ะมีความวิตกกังวลอยู่นิดหน่อยแหละ” (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.theguardian.com/world/2009/mar/13/china-us-economy)


    เวินเรียกร้องให้สหรัฐฯ “รักษาคำพูดของตนเอง, วางตนอยู่ในฐานะชาติซึ่งมีเครดิตน่าเชื่อถือ, และรับประกันว่าสินทรัพย์ซึ่งจีนถือครองอยู่จะมีความปลอดภัย”


    แต่พูดก็พูดเถอะ ความเสี่ยงที่สหรัฐฯจะชักดาบเบี้ยวหนี้นั้น ยังถือได้ว่าเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันจินตนาการ ไม่ว่าทรัมป์จะได้เคยพูดอะไรเอาไว้ในอดีตที่ผ่านมา


    สภาวการณ์ในเวลานี้ก็คือ ทำเนียบขาวของเขาต้องการได้เงินทองของเอเชียไหลเข้ามา ขณะที่เอเชียก็ต้องการให้สหรัฐฯเป็นบริกรผู้คอยดูแลเงินออมเป็นหลักล้านล้านดอลลาร์ของพวกเขาอย่างรับผิดชอบ ทั้งสองข้างของความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันและกันนี้ต่างไม่ควรที่จะถืออีกฝ่ายหนึ่งเป็น “ของตาย” ที่จะทิ้งขว้างละเลยอย่างไรก็ได้


    ยิ่งฝ่ายทำเนียบขาวด้วยแล้ว ยิ่งไม่ควรคิดทึกทักเลยว่า เอเชียจะยังคงออกเงินกู้มาคอยสนับสนุนการจับจ่ายใช้สอยเกินตัวของตนเรื่อยๆ ไป


    หมายเหตุผู้แปล


    [1] ในรายงานข่าวชิ้นนี้ของเดลี่บีสต์ ระบุว่า

    นับตั้งแต่ช่วงออกรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อเป็นประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 แล้ว ทั้งพวกผู้ช่วยและพวกที่ปรึกษาของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พยายามโน้มน้าวให้เขายอมรับถึงความสำคัญของการแก้ไขจัดการกับภาระหนี้สินของประเทศชาติ


    แต่แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีผู้นี้หลายรายเล่าว่า เขาเพิกเฉยไม่ให้ความสำคัญแก่เรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยแสดงท่าทีว่าเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเกี่ยวกับเงินทองซึ่งติดหนี้พวกเจ้าหนี้ของอเมริกาเหล่านี้ (ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับประมาณ 21 ล้านล้านดอลลาร์) เพราะเขาจะไม่ได้อยู่ใกล้ๆ เพื่อแบกรับเสียงประณามตำหนิแล้ว เมื่อตอนที่ปัญหานี้กลายเป็นสิ่งที่ต้านทานไม่ไหวยิ่งขึ้นไปกว่านี้


    ความขัดแย้งในเรื่องนี้ปรากฏออกมาอย่างชัดเจนในช่วงต้นปี 2017 เมื่อพวกเจ้าหน้าที่อาวุโสนำเสนอทั้งชาร์ตและกราฟฟิกที่บรรจุตัวเลขต่างๆ และแสดงให้เห็นว่าภาระหนี้สินของประเทศกำลังอยู่ในรูปพุ่งขึ้นไป “แบบไม้ฮอกกี้” ในอนาคตอันไม่ไกลจากนี้นัก ปรากฏว่าทรัมป์โต้ตอบด้วยการชี้ว่า ข้อมูลเหล่านี้บ่งบอกว่าหนี้สินนี้จะไปถึงจุดวิกฤตก็ภายหลังจากวาระที่สองในการดำรงตำแหน่งของเขา (หากเขาชนะเลือกตั้งอีกสมัย) สิ้นสุดลงแล้ว


    “มันก็ใช่ล่ะนะ แต่ผมจะไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วนี่” ประธานาธิบดีผู้นี้พูดโพล่งออกมา ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในห้องด้วยเมื่อตอนที่ทรัมป์พูดออกความเห็นเช่นนี้ระหว่างการถกเถียงหารือปัญหาหนี้สินของประเทศ


    ฉากเหตุการณ์คราวนั้นวาดภาพให้เห็นว่าประธานาธิบดีทรัมป์มีความกำกวมคลุมเครือขนาดไหนในเรื่องการมุ่งแก้ไขจัดการกับปัญหาซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยกระตุ้นให้พรรครีพับลิกันอยู่เฉยไม่ได้ ตั้งแต่ยุคของโรนัลด์ เรแกน ไปจนถึงช่วงการเป็นประธานาธิบดีของบารัค โอบามา


    อย่างไรก็ดี รายงานของเดลี่บีสต์อ้างคำพูดของ มาร์ค ชอร์ต (Marc Short) ซึ่งทำงานเป็นผู้อำนวยการด้านกิจการนิติบัญญัติให้ทรัมป์ จนกระทั่งออกจากตำแหน่งเมื่อเร็วๆ นี้ ที่บอกว่า อันที่จริงทรัมป์ก็ยอมรับเรื่อง “ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นเรื่องหนี้สิน” อยู่เหมือนกัน ดังเห็นได้จากการที่ทรัมป์กังวลใจ “เกี่ยวกับการที่อัตราดอกเบี้ยกำลังเพิ่มสูงขึ้น”


    เดลี่บีสต์ยังอ้างคำบอกเล่าของพวกคนที่ใกล้ชิดกับทรัมป์ที่กล่าวว่า เหตุผลประการหนึ่งที่ทรัมป์ไม่เคยถูกกระตุ้นให้รู้สึกว่าต้องลุกขึ้นมาทำอะไรกันมั่ง ในเรื่องการลดภาระหนี้สินเลยก็คือ เขาเชื่อมั่นว่าเรื่องนี้สามารถแก้ไขได้โดยผ่านเครื่องมืออื่นๆ นอกเหนือจากการขึ้นภาษีสูงลิ่ว หรือการลดการใช้จ่ายลงอย่างฮวบฮาบ


    สตีเฟน มัวร์ นักเศรษฐศาสตร์หัวอนุรักษนิยมแห่ง เฮอริเทจ ฟาวเดชั่น และก็เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจผู้หนึ่งในทีมรณรงค์หาเสียงเมื่อปี 2016 ของทรัมป์ เล่าความหลังว่าได้เคยนำเสนอภาพเกี่ยวกับความหนักหน่วงของปัญหาหนี้สินแก่ทรัมป์ในช่วงกลางปี 2016 แต่ตัวเขาก็ยืนยันกับทรัมป์ว่า เรื่องนี้สามารถจัดการได้ด้วยการมุ่งโฟกัสไปที่การเติบโตขยายตัวของเศรษฐกิจ


    “นั่นคือเหตุผลที่ทำไม เมื่อเขาเผชิญหน้ากับฉากทัศน์ภาพสมมุติสถานการณ์เกี่ยวกับหนี้สินที่เป็นเสมือนฝันร้ายเหล่านี้ ผมคิดว่าเขาจะปฏิเสธไม่ยอมรับมัน เพราะถ้าหากคุณยังทำให้เศรษฐกิจเติบโตไปได้ ... คุณก็จะไม่มีปัญหาหนี้สิน” มัวร์ยังบอกต่อไปว่า “ผมทราบอยู่สองสามครั้งที่เมื่อมีคนจะหยิบยกปัญหาหนี้สินมหาศาลขึ้นมา เขา(ทรัมป์)ก็จะพูดว่า ‘เราจะเติบโตขยายตัวจากวิธีการของเราจนพ้นจากปัญหานี้ได้’”


    เดลี่บิสต์บอกว่า ตัวมัวร์เองนับแต่งนั้นก็ป่าวร้องเชิดชูว่าวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้สินนี้แหละ คือส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของ “ทรัมโปโนมิกส์” (Trumponomics) รวมทั้งได้ร่วมเขียนหนังสือเล่มหนึ่งเพื่อสนับสนุนแนวทางนี้ด้วย (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.google.com/amp/s/www.wa...ing-twitter-tear-ahead-of-christmas?_amp=true)


    รายงานชิ้นนี้กล่าวว่า ความเชื่อที่ว่าหากเศรษฐกิจเติบโตอย่างหนักแน่นมั่นคงจะสามารถแก้ปัญหาทุกๆ อย่าง ได้กลายเป็นเหตุผลสร้างความชอบธรรมให้แก่ข้อเสนออันแสนทะเยอทะยานของทรัมป์ทั้งในเรื่องการตัดลดภาษี, การเดินหน้าโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ๆ, และการหลีกเลี่ยงไม่ตัดลดแรงๆ ในเรื่องสวัสดิการสังคมและโครงการเมดิแคร์


    เจ้าหน้าที่อาวุโสของคณะบริหารทรัมป์ในปัจจุบันคนหนึ่งได้เคยพูดระบายอารมณ์ว่า ทรัมป์ “ไม่ได้เป็นห่วงใยอะไรจริงจัง” เกี่ยวกับการแก้ไข “วิกฤต” หนี้สินอย่างแท้จริงเลย และนิยมมากกว่าที่จะพูดแต่เรื่อง “การสร้างงานและการเติบโต ไม่ว่ามันจะหมายถึงอะไรก็ตามที”


    เดลี่บีสต์ชี้ว่า พรรครีพับลิกันนั้นเดิมตามสิ่งที่ทรัมป์เชื่อนี้เป็นส่วนใหญ่ โดยในช่วง 2 ปีแรกแห่งวาระการเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์ ชาวรีพับลิกันในรัฐสภาได้ยินยอมโหวตลดภาษีลงอย่างมหาศาล ขณะที่เพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมและการใช้จ่ายด้านอื่นๆ


    แต่ผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาไม่ได้เป็นอย่างที่ทรัมป์และมัวร์ให้สัญญาไว้ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นในตอนนี้ จริงอยู่ การเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา รวมทั้งสูงถึง 4.1% ในไตรมาส 2 ของปี 2018 ด้วย ทว่าการขาดดุลงบประมาณแผ่นดินก็เพิ่มขึ้นบานเบิกเช่นเดียวกัน ส่วนหนึ่งเนื่องจากรัฐบาลมีรายรับลดน้อยลงจากการลดภาษี ขณะที่การคาดการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯในอนาคตก็ดูไม่ค่อยสดใส


    (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thedailybeast.com/trump-on-coming-debt-crisis-i-wont-be-here-when-it-blows-up)


    https://m.mgronline.com/around/detail/9610000125479
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2018
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์โลก ด้านความมั่นคง


    ทรัมป์ลงนามตั้ง"กองบัญชาการอวกาศ"/กองบัญชาการนี้ขึ้นกับกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นคนละส่วนกับแผนตั้ง"กองทัพอวกาศ"เป็นเหล่าทัพที่6/แผนการนี้เกิดขึ้นขณะเกิดความกังวลว่า"จีนและรัสเซีย"กำลังดำเนินการก่อกวนหรืออาจถึงขั้นทำลายดาวเทียม/ทั้งนี้กองบัญชาการอวกาศจะทำหน้าที่บริหารจัดการและพัฒนางานของ"กองทัพ"ที่เกี่ยวกับอวกาศ รวมถึงดาวเทียมของกองทัพที่ใช้ติดต่อสื่อสารและให้ข้อมูลการเดินทาง โดยใช้งบในการตั้งกองบัญชาการนี้800ล้านดอลลาร์สำหรับระยะ5ปีจากนี้../(สุดท้ายจีนและรัสเซียก็ถูกอ้างเป็นเงื่อนไขในการตั้งกองบัญชาการอวกาศ..ที่จริงสหรัฐต้องการสอดแนมผู้คนทั่วโลกต่างหาก)


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Amarin TV


    พ่อเด็ก 12 เปิดหลักฐานใหม่ เผยแก๊งรุมโทรมมี 9 คน ซ้ำเจ้าของร้านนั่งเล่นเกมระหว่างเกิดเหตุ


    #AmarinTV34 #อมรินทร์ทีวี34


     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์


    รัสเซียจัดให้ยูเครน: 'ส่ง Su-27 และ Su-30 ไปให้ไครเมีย':


    นอกจากจรวดแซมชนิด S-400 พร้อมอาวุธหนักอื่นๆ ถูกลำเลียงเข้าประชิดชายแดนยูเครน รัสเซียยังส่งเครื่องบินรบ Su-30 และ Su-27 เข้าไปที่ไครเมีย เครื่องบินรบที่ดีที่สุดของยูเครนอย่างมากก็คือ Su-27 ซึ่งเป็นรุ่นส่งออกของรัสเซีย แต่รัสเซียคงคำนวณแล้วว่าอเมริกาอาจใช้ F-15, F-16 และ F-18 มาราวีไครเมีย จึงส่งเครื่องบินรบ Su-30 เข้าไป แค่นี้ก็รับมือได้หมด อเมริกาคงไม่กล้าจะนำ F-22 หรือ F-35 ไปลองของจรวดแซม S-400 หรอกนะครับ แค่นี้ก็ขึงน่านฟ้าไครเมียได้แล้ว


    ที่รัสเซียจะแพ้มีทางเดียวเท่านั้นก็คือสงครามข่าว ชาวโลกส่วนใหญ่ติดสื่อตะวันตกพอๆ กับยาเสพติด จึงยังคงรักษาสถานะเป็นขี้ข้าชาติตะวันตก เชื่อในข่าวโฆษณาของตะวันตกอยู่ได้อย่างคงเส้นคงวา รวมทั้งชาวไทยด้วย อันหลังนี้ต้องปลงอนิจจังครับ ตราบใดที่ยังมีรัฐบาลหอยๆ บริหารประเทศกันอยู่


    https://www.militarytech.nambilisam...x3-1W_3bA-4Pr9fEyJJ4EP9CPtxTl8zRuudCcPPZYw9h4


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub


    ด่วน!! จีนจัดหนัก จับชาวแคนาดาคนที่3ขังคุกแล้ว


    The National Post รายงานว่า จีนได้จับกุมตัวชาวแคนาดาคนที่3แล้ว แต่ทางกระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้เปิดเผยรายชื่อว่าเป็นใคร หรือทำงานอะไร


    จีนได้เตือนแล้วว่า แคนาดาจะเจอกับผลตามมาที่เลวร้ายถ้าหากว่าไม่ปล่อยตัวเจ้าหญิงหัวเหว่ย แต่แคนาดานิ่งเฉย ทำให้จีนตอบโต้ด้วยการจับ007 และ008ข้อหาบ่อนทำลายความมั่นคงของจีน


    แทนที่แคนาดาจะพยายามหาทางลง หรือเจรจากับจีนเพื่อประนีประนอม แต่ทั้งนายกรับฐมนตรีทรูโด และเจ๊ฟรีแลนด์ รมวต่างประเทศ กลับยืนกรานว่าการจับเจ้าหญิงหัวเหว่ยเป็นเรื่องขบวนการยุติธรรมของศาล ไม่เกี่ยวกับการเมืองและจะไม่ยอมอ่อนข้อให้จีน


    จีนบี้ต่อด้วยการจับชาวแคนาดาคนที่3 หรือ009 เพื่อวัดใจว่าแคนาดาจะเอาอย่างไรต่อไปกับคดีหัวเหว่ย เพราะว่าดูท่าแล้ว ถ้าทรูโดยังคงทำตัวเป็นลูกไล่ของเฒ่าหนวดเฟิ้ม จีนจะจับชาวแคนาดาคนต่อไปขังคุก จับไปเรื่อยๆเพื่อดูซิว่าทรูโดจะทนได้นานเพียงใด


    เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศแคนาดากำลังติดต่อกับครอบครัวของ009อยู่ ก่อนที่จะเปิดเผยชื่อของ009ให้สื่อได้ทราบโดยทั่วกัน


    ทรูโดมีอาการเก๊กซิม นอนไม่หลับแล้วคืนนี้


    https://nationalpost.com/news/polit...ained-in-china-global-affairs-canada-confirms


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    IMG_6159.JPG
    #Earthquake

    19/12/18

    08:37 น. เวลาไทย

    แผ่นดินไหวแมกนิจุด 6.2

    ลึก 10 กม.

    พิกัด 100.94°W 36.05°S

    ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะอีสเตอร์

    (Southeast of Easter Island)


    https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us2000iuya/executive

    #Watchers


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สัญญาณมหากลียุค Signs of the end in Current Events

    IMG_6160.JPG
    "นี่เป็นสัญญาณสำหรับอเมริกาหรือ? นี้เป็นสัญญาณ apocalyptic (วันสิ้นสุดในไบเบิล) หรือไม่?

    https://www.express.co.uk/news/weir...BtT4bPK4OpH9WCjNH1V17BPwWBSawUJaMrFeYOXX2ukTg


    "ซุปเปอร์มูนเลือดนี้จะปรากฏในวันที่ 20 มกราคมและจะปรากฏเด่นชัดเหนือกรุงวอชิงตันดีซีในเที่ยงคืนในวันที่ 21 มกราคมนี้!"


    ความบังเอิญ :

    - ทรัมป์เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1946 - 700 วันก่อนที่อิสราเอลจะกลายเป็นประเทศเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1948

    - 70 ปีต่อมาทรัมป์ก็เป็นประธานาธิบดีที่ประกาศกรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลและย้ายสถานทูตสหรัฐฯไปที่นั่นและอุทิศให้ในวันเดียวกันนั้น เมื่อ 14 พฤษภาคม 2018


    "นอกจากนี้เมื่อเขาขึ้นสาบานตนเป็นประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 เมื่อเขา อายุ 70 ปี 7 เดือนและ 7 วัน


    "ที่น่าทึ่งดวงจันทร์เลือดพิลึกกึกกือนี้จะปรากฏทั่วกรุงวอชิงตันดีซีและทั่วทั้งประเทศของอเมริกา คนในประเทศจะเห็นได้อย่างทั่วถึง" หลวงพ่อเน้นย้ำ...


    -


    เมื่อวันก่อนไฟดับในวอชิงตันดีซี ในวงการว่านี้มันเกี่ยวกับทดสอบทางทหารซึ่งในภาพที่เราเห็นยังมีท้องฟ้าสีม่วง?

    เรานึกถึงปฏิวัติม่วงที่เคยโพสช่วงคลินตันขึ้นพูดยอมรับความพ่ายแพ้..

    คลินตันยังสวมเสื้อสีม่วงทั้งสองคน?


    ทรัมป์ยังเคยพูด (ภายหลังจากรับตำแหน่ง) คล้ายเลียนแบบตัวร้ายหนังแบทแมน "มันจะย้อนกลับไปหาคุณทุกคน"

    we give it back to you...the people?

    มันคืออะไรที่จะย้อนกลับมา?


    * เราคิดว่าทรัมป์สมยอมเป็นแพะและจะหายตัวไปในตอนท้ายของเหตุการณ์..

    ไม่ลืมว่าทรัมป์ยังพูด "ความสงบก่อนพายุ" ในท่ามกลางทหารระดับยศสูง และก่อนหน้าเขาเตรียมระบบแจ้งเตือนผ่านมือถือ?


    ** เราจะตอบหลวงพ่อว่า "ใช่แล้วครับหลวงพ่อ ดวงจันทร์เลือด คงเป็นสัญญาณก่อนปฏิวัติม่วงหรือเริ่มระเบียบโลกใหม่ตามทฤษฏีฟีนิกซ์และคงตามมาด้วย WW3 " ..


    *** อิสราเอลเพิ่งฉลองครบรอบ 70 ปีหมาดๆ ในขณะที่รอบข้างรอบเอววุ่นวายด้วยสงคราม (ดูเหมือนเป็นผู้ก่อขึ้นเอง).


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6161.JPG
    (Dec 19) อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ วันที่ 19 ธ.ค.61 อยู่ที่ระดับ 1.50% ตั้งแต่ ไตรมาส 4 ปี 2558 - วันนี้ กนง. มีการประชุมและมีกำหนดแถลงข่าวผลการประชุมเวลา 14.00 น.


    ข้อมูลอัตราดอกเบี้ยนโยบาย https://www.bot.or.th/App/BIZSHR/stat/Graph/


    Source: BOT Website
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6162.JPG
    (Dec 19) Updated: กนง.มีมติ 5:2 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 1.75 ขณะเดียวกับปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจลงเหลือร้อยละ 4.2 จากเดิมที่ร้อยละ 4.4 ในปีนี้: ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ครั้งที่ 8/2561-นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันที่ 19 ธันวาคม 2561


    คณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปีจากร้อยละ 1.50 เป็นร้อยละ 1.75 ต่อปีโดยให้มีผลทันที ขณะที่ 2 เสียงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี


    ในการตัดสินนโยบาย คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องตามแรงส่งของอุปสงค์ในประเทศ แม้อุปสงค์ต่างประเทศชะลอลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจสะสมความเปราะบางในระบบการเงินได้ในอนาคต คณะกรรมการฯ เห็นว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่่าต่อเนื่องเป็นเวลานานในช่วงที่ผ่านมามีส่วนช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวในระดับที่สอดคล้องกับศักยภาพและกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ กรรมการส่วนใหญ่จึงเห็นว่าความจ่าเป็นในการพึ่งพานโยบาย

    การเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับที่ผ่านมาลดน้อยลง และเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งเพื่อสร้างขีดความสามารถในการด่าเนินนโยบายการเงิน (policy space) ส่าหรับอนาคต กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่ร้อยละ1.75 ยังเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรรมการ 2 ท่านเห็นว่า ปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนจากต่างประเทศปรับสูงขึ้นและอาจส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป จึงควรรอประเมินความชัดเจนของผลกระทบจากปัจจัยภายนอกและความยั่งยืนของแรงส่งจากปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศไปอีกระยะหนึ่ง ประกอบกับมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินที่ด่าเนินการไปได้ดูแลความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินในบางจุดไปบ้างแล้ว


    เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระดับที่สอดคล้องกับศักยภาพ

    แม้การส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอลงและมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่การท่องเที่ยวชะลอลงโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน แต่เริ่มมีสัญญาณปรับดีขึ้นแรงส่งของอุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวตามรายได้ครัวเรือนนอกภาคเกษตรที่ปรับดีขึ้นและกระจายตัวมากขึ้น รวมทั้งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐเพิ่มเติม แม้รายได้ครัวเรือนภาคเกษตรลดลงบ้างและยังมีแรงกดดันจากหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่ำหรับการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวตามการย้ายฐานการผลิตมายังไทย และโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้เดิมจากความล่าช้าในการลงทุนของรัฐวิสาหกิจบางแห่ง คณะกรรมการฯ จะติดตามความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่อาจจะกระทบต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป


    อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปียังมีแนวโน้มทรงตัว แต่มีความเสี่ยงด้านต่่าจากความผันผวนของราคาพลังงานและราคาอาหารสด อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ที่ปรับสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง อาทิ ผลกระทบจากการขยายตัวของธุรกิจ e-commerce การแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้น รวมถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีที่ท่าให้ต้นทุนการผลิตลดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้ช้ากว่าในอดีต


    ภาวะการเงินที่ผ่านมาอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่่า ท่าให้ภาคเอกชนสามารถระดมทุนได้ต่อเนื่อง โดยสินเชื่อขยายตัวทั้งสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่ออุปโภคบริโภค คณะกรรมการฯ ประเมินว่า แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นร้อยละ 0.25 ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. มีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับเงินสกุลภูมิภาค ในระยะข้างหน้าอัตราแลกเปลี่ยนยังมีแนวโน้มผันผวน คณะกรรมการฯ จึง

    เห็นควรให้ติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดต่อไป


    ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจสร้างความเปราะบางให้เสถียรภาพระบบการเงินได้ในอนาคต โดยเฉพาะพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield)ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่่าเป็นเวลานาน ซึ่งอาจน่าไปสู่การประเมินความเสี่ยงต่่ากว่าที่ควร (underpricing of risks) คณะกรรมการฯ เห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้จะช่วยลดการสะสมความเปราะบาง


    ในระบบการเงินควบคู่กับมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินที่ได้ด่าเนินการไป

    มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แม้แรงส่งจากอุปสงค์ต่างประเทศชะลอลง คณะกรรมการฯ เห็นว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจะยังมีความเหมาะสมในระยะข้างหน้า โดยจะติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการด่าเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมในระยะต่อไป


    ธนาคารแห่งประเทศไทย

    19 ธันวาคม 2561


    Source: BoTSS


    เพิ่มเติม

    - ข่าว ธปท. ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/Documents/PressMPC_82561_29PWC51.pdf


    - Press release https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/Documents/PressMPC_82018_29PWC51.pdf


    - Thailand raises key rate for first time in seven years: https://asia.nikkei.com/Economy/Thailand-raises-key-rate-for-first-time-in-seven-years


    - เตือน กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอาจไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ-ความเชื่อมั่น: https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000125649


    - กนง.มีมติไม่เอกฉันท์ 5:2 เสียง ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี 4 เดือน: https://www.tnamcot.com/view/5c19fff0e3f8e4e9040e0ec8
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์สารสนเทศอิสลาม Islamic Information Center

    IMG_6163.JPG
    เพนตากอนประกาศว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ตกลงที่จะขายขีปนาวุธแพทริออต MIM-104E 80 ลูกและ ขีปนาวุธ PAC-3 60 ลูก รวมทั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้แก่ตุรกี….


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แดง วงศ์ทวิชาติ

    IMG_6165.JPG
    Cr.คุณมาร์...


    19 Dec 2018

    #earthquakes #extremesdisasters

    > แผ่นดินไหวแรง ซีกโลกตะวันออกในแปซิฟิค เป็นไปตามแนวดาวเคราะห์จัดแนวเรียงกัน ที่ได้แจ้งไปแล้วเมื่อวานนี้..!!!! <>

    M 6.2 - Southeast of Easter Island

    2018-12-19 01:37:40 (UTC)

    36.118°S 101.019°W

    10.0 km depth


    26 min.ago #earthquake 6.2 has hit มหาสมุทรแปซิฟิกใต้, 10.0km, 08:37 GMT+7 (USGS)

    https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us2000iuya/executive

    • ข้อมูลจากโพสต์แจ้งเตือนก่อนนี้ •

    18 Dec 2018

    #earthquake #ภัยพิบัติโลกextremesdisasters

    * รูปทรงเรขาคณิตที่สำคัญบางอย่างเกี่ยวกับดวงจันทร์ อาจทำให้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขึ้น ในวันที่ 18 หรือ 19 ธันวาคมนี้จุดต่ำสุดระดับกลาง M6 *


    Quake Watch 18-19 December 2018




    Some critical geometry involving the Moon may trigger larger seismic activity on the 18th or 19th, possibly peaking low to mid 6 magnitude.


    <> เหตุการณ์ความไม่สงบแผ่นดินไหวบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดที่ 6.1 ในปาปัวอินโดนีเซีย กิจกรรมนี้ได้รับการคาดการณ์ไว้ในการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

    “ เนื่องจากการจัดแนวดวงจันทร์กับดาวเนปจูนและดาวอังคารเมื่อวันก่อนหน้า “

    แม้ว่ากิจกรรมแผ่นดินไหวขนาดใหญ่จะไม่เกิดขึ้นในอีก 2-3 วันข้างหน้าเรา ก็แค่สี่วันเท่านั้น

    จากรูปทรงเรขาคณิตของดาวเคราะห์ที่สำคัญมากซึ่งอาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในวันก่อนวันคริสต์มาส คำเตือนทันเวลาถูกออกในวันที่ 16 กรกฎาคม ดูลิงก์ด้านล่าง


    Planetary & Seismic Update 17 Dec 2018




    <> การแจ้งเตือนก่อนนี้

    15 Dec 2018

    ความไม่สงบแผ่นดินไหวบางอย่าง อาจเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 14 ถึงวันที่ 16 เนื่องจากการจัดตำแหน่งของดวงจันทร์ กับดาวเนปจูน และดาวอังคาร มีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะมีการ

    เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 6 จุด แต่เส้นขอบล่างถึง 6

    Planetary & Seismic Update 15 Dec 2018




    Some seismic unrest may occur from the 14th to the 16th due to the Moon's alignment with Neptune and Mars. There is a slight possibility of a strong 6 magnitude earthquake.


    #คำเตือนภัยแผ่นดินไหวใหญ่ (ดูในคลิปนี้)

    <> คำเตือนแผ่นดินไหว 21-25 ธันวาคม 2561

    การกำหนดค่าของดาวเคราะห์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2561 อาจก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ในระหว่างวันที่ 21 ถึง 25 ธันวาคม พ.ศ. 2561 ปัจจุบันการประมาณค่ามีค่าสูงถึง 7 ถึง 8 องศา


    Earthquake Warning Christmas (21-25 December) 2018




    (ด้านการแจ้งเตือนแนวญี่ปุ่น-ไต้หวันล่าสุด..17/12/2018 )

    <> 2018-12-17 23:06 UTC

    #พยากรณ์แผ่นดินไหวไท่ถุง (1) สีแดง: ใน8วัน, ฮัวเหลียน, หนานโถว, อี้หลัน, โอกินาว่า หรือเปงฮู, M6 + ถึง M7 +

    (link: https://quakeforecast.blogspot.com/2018/12/2018-12-17-2306-utc8-18m6m7-18m6m7.html) quakeforecast.blogspot.com/2018/12/2018-1…


    https://timeline.line.me/post/_ddhErL1Jo8ALu3dWhvyTVFdc6afGLf7-Q_cFuHs/1154510504705014355


    <> ตำแหน่งดาวเรียงตัวกัน

    https://timeline.line.me/post/_ddhErL1Jo8ALu3dWhvyTVFdc6afGLf7-Q_cFuHs/1154512018905013882


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    246F154D-071E-4C43-9091-A8BD3C5CF8B5.jpeg
    (Dec 20) เฟดมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด: ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 25 bps สู่ร้อยละ 2.25–2.50 ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ ในส่วนของ Economic projections นั้น สะท้อนให้เห็นถึง path การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ชะลอตัว เมื่อเทียบกับการประมาณการในการประชุมเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา โดย Median Federal fund rates ในปี 2019 ปรับลดลง มาอยู่ที่ร้อยละ 2.875 คิดเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้ง จากเดิมที่เคยประมาณการไว้ที่ 3 ครั้ง


    ขณะที่การประมาณการระดับ Federal funds rate ในปี 2020 ปรับลดลงจากการประมาณการครั้งก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 3.125 หรือคิดเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1 ครั้งเช่นเดิม


    นอกจากนี้ ได้มีการปรับการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะ Longer term ลงจากร้อยละ 3.00 เป็นร้อยละ 2.75


    อนึ่ง คณะกรรมการปรับลดประมาณการ Real GDP Growth จากร้อยละ 3.1 ในปี 2018 และร้อยละ 2.5 ในปี 2019 สู่ร้อยละ 3.0 และ 2.3 ตามลำดับ แต่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่มีการปรับลดการประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2019 ลงเล็กน้อย และคงการคาดการณ์อัตราการว่างงานในปี 2019 ที่ร้อยละ 3.5


    ในช่วง Press conference นาย Jerome Powell, Fed Chair กล่าวภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการจ้างงานยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสนับสนุนการลดการผ่อนคลายทางการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมย้ำว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบัน อยู่ในระดับที่ใกล้กับขอบล่างของ “neutral rate range”


    ทั้งนี้ นาย Powell ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ พิจารณาทุกความเสี่ยงที่กระทบต่อ financial conditions รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกและผลกระทบของมาตราการด้านภาษีของรัฐบาล นอกจากนี้ ในประเด็นด้านการสื่อสาร นาย Powell กล่าวว่า การมี press conference ภายหลังทุกการประชุมจะช่วยสนับสนุนให้การสื่อสารระหว่างธนาคารกลางสหรัฐฯ และสาธารณชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่มิได้สื่อถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในทุกการประชุมแต่อย่างใด


    Source: BoTSS


    *************

    เฟดมีมติขึ้นดบ. 0.25% ตามคาด ขณะลดคาดการณ์ปรับขึ้นปีหน้าเหลือ 2 ครั้ง: คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.25-2.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้


    การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ เป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 9 นับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติในเดือนธ.ค.2558


    นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเหลือเพียง 2 ครั้ง จากเดิมที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง


    ทั้งนี้ เฟดได้คงตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของปี 2561 อยู่ที่ระดับ 2.38% ส่วนปี 2562 ปรับลดลง 0.25% สู่ระดับ 2.88%, และปี 2563 ปรับลดลง 0.25% สู่ระดับ 3.13% ส่วนอัตราดอกเบี้ยในปี 2564 ปรับลดลง 0.25% สู่ระดับ 3.13% และเฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวลง 0.25% สู่ระดับ 2.75%


    ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 3.0% จากเดิมที่ 3.1% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าสู่ระดับ 2.3% จากเดิมที่ 2.5% ส่วนการขยายตัวในปี 2563 ยังคงอยู่ที่ระดับ 2% ขณะที่คงตัวเลขคาดการณ์อัตราการขยายตัวในปี 2564 ที่ระดับ 1.8% และปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวในระยะยาว สู่ระดับ 1.9%


    นอกจากนี้ เฟดประกาศคงตัวเลขอัตราการว่างงานในปีนี้ที่ระดับ 3.7% และคงตัวเลขอัตราว่างงานในปี 2562 ที่ระดับ 3.5% ส่วนตัวเลขในปี 2563 และ 2564 ได้ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.6% และ 3.8% ตามลำดับ ขณะที่ปรับลดตัวเลขว่างงานในระยะยาวสู่ระดับ 4.4%


    และสุดท้าย เฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ และปีหน้าสู่ระดับ 1.9% ขณะที่คงตัวเลขเงินเฟ้อในปี 2563 และ 2564 ที่ระดับ 2.1% และคงตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวที่ระดับ 2.0%


    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช


    - Fed raises interest rates, signals more hikes ahead: https://www.reuters.com/article/us-...-rates-signals-more-hikes-ahead-idUSKBN1OI0DV


    - กำหนดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐประจำปี 2562

    : https://www.ryt9.com/s/iq27/2931083


    - เฟดเมินทรัมป์กดดัน ขึ้นดอกเบี้ยอีก0.25%แต่ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้น : https://mgronline.com/around/detail/9610000125954


    - “เฟด” หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้า หลังขึ้นดอกเบี้ยตามคาด: https://www.voathai.com/a/fed-rate-increase-lower-forecast/4707942.html


    - Press release ของการแถลงข่าว https://www.federalreserve.gov/monetarypolicy/files/monetary20181219a1.pdf
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไทยเพิ่งปรับขึ้นดอกเบี้ย เฟดก็ปรับดอกเบี้ยขึ้นไปอีก ยังไงไทยก็ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการไปกู้ยืมเงินมา คงไม่มีเจ้าหน้าเงินกู้ที่ไปกู้เงินมาและนำไปปล่อยต่อ จะยอมคิดดอกลูกหนี้น้อยกว่าดอกเบี้ยที่ตนเองต้องชำระกับเจ้าหนี้ แน่นอน
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    E41769D7-5C40-48A4-9C77-FCABBCF1D340.jpeg
    (Dec 19) หัวหน้าความปลอดภัยไซเบอร์รัฐบาลเยอรมนีแทงสวน ถามหาหลักฐาน Huawei กระทบความมั่นคง : จากการเตือนหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐ ที่ระบุว่ารัฐบาลจีนอาจล้วงความลับรัฐบาลต่างชาติจากอุปกรณ์ Huawei จนทำให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในหลายประเทศทยอยกันออกมาแบนการใช้งานอุปกรณ์เครือข่ายจาก Huawei นั้น


    หน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ของเยอรมนี (Federal Office for Information Security - BSI) กลับมองต่าง โดย Arne Schönbohm ตำแหน่ง President ของ BSI ระบุการตัดสินใจที่เด็ดขาดอย่างการแบน ต้องมีหลักฐานและตอนนี้รัฐบาลเยอรมนีก็ยังไม่พบหลักฐานถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดจากอุปกรณ์ Huawei


    ก่อนหน้านี้ Huawei ได้อนุญาตให้ทีมงานของ BSI เข้าไปตรวจสอบอุปกรณ์ในโรงงานของ Huawei ที่ตั้งอยู่ในเมือง Bonn ซึ่งเป็นเมืองเดียวกับที่สำนักงาน BSI ตั้งอยู่ เช่นเดียวกับรัฐบาลอังกฤษที่มีการตั้ง Huawei Cyber Security Evaluation Centre (HCSEC) เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงที่อาจเกิดจากอุปกรณ์ Huawei และรายงานปีล่าสุดก็ยืนยันว่าได้ลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่อาจเกิดจากอุปกรณ์ Huawei แล้ว


    Peter Altmaier รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานของเยอรมนีก็กล่าวในทางเดียวกันว่า ตอนนีรัฐบาลไม่มีความกังวลต่อบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่ก็ยืนยันเรื่องกระบวนการตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะถูกใช้ในเยอรมนีว่าต้องปลอดภัยจริง


    Source: Blognone.com


    - German cybersecurity chief: Anyone have any evidence of Huawei naughtiness?

    https://www.theregister.co.uk/2018/12/18/german_cybersecurity_chief_show_me_the_huawei_evidence/
     

แชร์หน้านี้

Loading...