ติดตามสถานะการณ์

Clima Extremo 24

รัสเซีย



สายยางของปั๊มแก๊สแช่แข็งที่-48 องศาเซลเซียส

 

น้ำมันสหรัฐฯหลุด$50ต่ำสุดรอบ14เดือน,ดาวโจนส์ดิ่ง500จุด ผวาศก.โลกอ่อนแอ เผยแพร่: 18 ธ.ค. 2561 05:30 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รอยเตอร์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันแตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนในวันจันทร์(17ธ.ค.) จากสัญญาณอุปทานล้นตลาดในอเมริกาและความวิตกต่ออุปสงค์ทางพลังงาน ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอ่อนแอ ปัจจัยหลังนี้ฉุดวอลล์สตรีทดิ่งหนักและดันทองคำพุ่งแรงกว่า 10 ดอลลาร์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 1.32 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนตุลาคม 2017 ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 67 เซนต์ ปิดที่ 59.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

น้ำมันดิบสัญญาสหรัฐฯดิ่งแรง หลังพบคลังสำรองที่ศูนย์ส่งมอบเมืองคุชชิง รัฐโอคลาโฮมา เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลระหว่างวันที่ 11 ธันวาคม ถึง 14 ธันวาคม "ปริมาณที่คุชชิงสูงกว่าคาดหมาย มันชี้ชัดถึงข้อกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับอุปสงค์ที่ลดลงเรื่อยๆ" ฟิล ฟลีน นักวิเคราะห์จากเพรซ์ ฟีเจอร์ กรุ๊ป กล่าว

ด้านตลาดห้นสหรัฐฯมีแรงเขทายอย่างหนัก 2 วันติดในวันจันทร์(17ธ.ค.) ส่งผลให้ดัชนีหลักทั้ง 3 แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี โดยดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 500 จุด นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการเติบโตที่อ่อนแอของเศรษฐกิจโลก

ดาวโจนส์ ลดลง 507.53 จุด (2.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 23,592.98 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 54.01 จุด (2.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,545.94 จุด แนสแดค ลดลง 156.93 จุด (2.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,753.73 จุด

แรงเทขายมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวโจมตีธนาคารกลางอเมริกา(เฟด) อีกรอบ และเรียกร้องคณะกรรมการกำหนดนโยบายไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้คาดหมายกันว่าที่ประชุมเฟดจะมีมติขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมช่วงกลางสัปดาห์

นอกจากวอลล์สตรีทจะหวาดผวาต่อดอกเบี้ยที่สูงขึ้นแล้ว ความเห็นของ เจฟฟรีย์ กุนด์ลัช ผู้ก่อตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนหนึ่ง ได้โหมกระพือแรงเทขายให้หนักหน่วงขึ้นไปอีกใน หลังเขาบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่ตลาดเข้าสู่ขาลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกันนักลงทุนยังหวาดผวาต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยเฉพาะในอเมริกา ด้วยล่าสุดสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐฯเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลง 4 จุด สู่ระดับ 56 ในเดือนธันวาคม เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2015

ทั้งนี้เมื่อเทียบรายปี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลง 18 จุดในเดือนธันวาคม โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุปสงค์ รวมทั้งการดีดตัวขึ้นของราคาบ้าน แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ชะลอตัวลง

อีกด้านหนึ่งเฟดสาขานิวยอร์กรายงาน ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดิ่งลงสู่ระดับ 10.9 จุดในเดือนธันวาคม จากระดับ 23.3 ในเดือนพฤศจิกายน โดยต่ำกว่าระดับ 20.6 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯปรกอบกับดอลลาร์อ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ในวันจันทร์(17ธ.ค.) พุ่งแรง โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 10.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,251.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์

https://mgronline.com/around/detail/9610000125085

 

อิสราเอลโวกำลังพัฒนาขีปนาวุธเพื่อการโจมตี ถล่มได้ทุกที่ในตะวันออกกลาง เผยแพร่: 18 ธ.ค. 2561 01:03 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รัสเซียทูเดย์ - เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล บอกว่าประเทศของเขากำลังพัฒนาขีปนาวุธเพื่อการโจมตี ซึ่งมีศักยภาพโจมตีได้ทุกหนทุกแห่งทั่วภูมิภาค นอกจากนี้เทลอาวีฟยังมีแผนส่งดาวเทียมขนาดเล็กขึ้นไปบนอวกาศด้วย

นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ปราศรัยถึงความก้าวหน้าด้านกองทัพและเทคโนโลยีด้านอวกาศของระเทศเมื่อวันจันทร์(17ธ.ค.) ระหว่างที่เขาเดินทางตรวจเยี่ยมบริษัทอิสราเอล แอโรสเปซ อินดัสตรีส์(IAI)

"บริษัทแห่งนี้กำลังกระตือรือร้นพัฒนาขีปนาวุธเพื่อการโจมตี" เนทันยาฮูกล่าว พร้อมระบุว่าในฐานะอาวุธแสนยานุภาพพิเศษที่ประเทศอื่นๆไม่มี "ขีปนาวุธนี้สามารถโจมตีได้ทุกพื้นที่และทุกเป้าหมาย นี่คืออำนาจการโจมตีของอิสราเอล ซึ่งมีความสำคัญยิ่งสำหรับเราในทุกภาคส่วน" เขาย้ำ

"นอกเหนือจากนี้แล้ว ประเทศของเรากำลังหาทางขยายฐานที่มั่นในอวกาศผ่านการปล่อยดาวเทียมขนาดเล็กสู่วงโคจร" เนทันยาฮุระบุ "อวกาศคือระบบจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลที่อิสราเอลกำลังเข้าไป"

https://mgronline.com/around/detail/9610000125067

 

ทรัมป์เดินหน้ากดดันเฟดอย่าขึ้นดอกเบี้ย หนึ่งวันก่อนคณะกรรมการนัดประชุม เผยแพร่: 17 ธ.ค. 2561 23:22 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งอเมริกาในวันจันทร์(17ธ.ค.) เรียกร้องธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) อย่าปรับขึ้นดอกเบี้ย หนึ่งวันก่อนหน้าที่เหล่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของทางธนาคารมีกำหนดเปิดประชุม ท่ามกลางความคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย

ข้อความอันดุเดือนบนทวิตเตอร์ครั้งนี้นับเป็นอีกครั้งที่ประธานาธิบดีขว้างก้อนหินใส่ธนาคารกลาง ที่เขากล่าวหาว่าเป็นตัวบ่อนทำลายวาระทางเศรษฐกิจของเขา ทั้งมาตรการปรับลดอัตราภาษีและการปรับลดกฎระเบียบด้านธุรกิจ

"ไม่น่าเชื่อ ด้วยดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างมากและไม่มีเงินเฟ้ออย่างแท้จริง โลกภายนอกกำลังปะทุอยู่รอบๆเรา ปารีสกำลังถูกเผาและจีนกำลังอยู่ในขาลง เฟดกลับกำลังพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง" ทรมป์เขียน ส่งข้อความออกมาราว 1 ชั่วโมงก่อนตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการ

ทรัมป์ ละเมิดซ้ำๆต่อธรรมเนียมปฏิบัติที่ยึดถือกันมานานหลายทศวรรษ ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ธนาคารกลางหลายรอบในปีนี้ ต่อกรณีที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับ 0% ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ระหว่างวิกฤตกการเงินโลกเมื่อปลายปีก่อน

หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัว เฟดได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2015

ในวันอังคาร(18ธ.ค.) เฟดมีกำหนดเปิดประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วัน ท่ามกลางความคาดหมายว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวดักหน้าจากการประมาณการว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น

เหล่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายไม่ได้แสดงปฏิกิริยามากนักต่อคำพูดเหน็บแนมหลายครั้งของทรัมป์ ด้วย เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดบ่งชี้ว่าเฟดจะไม่นำประเด็นการเมืองเข้ามาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจนโยบายการเงิน

อย่างไรก็ตามพวกนักวิเคราะห์และอดีตคณะกรรมการเฟดบางส่วน บอกว่าคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงของทรัมปป์ จะเป็นเหตุให้ทางธนาคารกลางจำเป็นต้องพิสูจน์ความเป็นอิสระด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าเหล่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายอาจอยากทำในสิ่งที่ตรงข้ามก็ตาม

อัตราเงินเฟ้อยังทรงตัวอยู่ในระดับเป้าหมาย 2%ของเฟด แต่หากตลาดเชื่อว่าเฟดสามารถเอนเอียงไปมาตามแรงกดดันทางการเมือง ความกังวลต่อตัวเลขเงินเฟ้ออาจโหมกระพือขึ้นและกลายมาเป็นปัญหาร้ายแรง

หลังจากตลาดงานโตต่อเนื่องมา 1 ทศวรรษและตัวเลขคนว่างงานสหรัฐฯแตะระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี แต่คาดหมายกันว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัว และด้วยการเติบโตของเศรษฐกิจโลกค่อนข้างอ่อนแอ จึงมีความเชื่อมากขึ้นว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยมากอย่างที่เคยประมาณการไว้ก่อนหน้านี้

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พาวเวลล์และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ บ่งชี้ว่าพวกเขาจะอดทนในปี 2019 ศึกษาทบทวนข้อมูลเศรษฐกิจให้รอบคอบก่อนตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

https://mgronline.com/around/detail/9610000125061

 

เกิดเหตุระเบิดใกล้สถานีโทรทัศน์ของกรีซ ทางการชี้เป็นการ "ทำร้ายประชาธิปไตย" เผยแพร่: 17 ธ.ค. 2561 23:44 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เอเจนซีส์ - เกิดเหตุระเบิดบริเวณสำนักงานของสถานีโทรทัศน์ SKAI TV ในเอเธนส์ ประเทศกรีซ โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และมีการเรียกเหตุโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นการ "ทำร้ายประชาธิปไตย"

SKAI เป็นหนึ่งในสถานีโทรทัศน์รายใหญ่ของกรีซ และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจสื่อที่มีทั้งสถานีวิทยุและหนังสือพิมพ์รายวันชั้นนำ Kathimerini

ตำรวจระบุว่า มีการระเบิดเกิดขึ้นใกล้กับอาคารสำนักงานของ SKAI หลังจากมีคนโทรแจ้งเตือน ขณะที่บนเว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์ดังกล่าว มีการระบุว่าหน้าต่างของตัวอาคารแตกกระจายตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 6

ยังไม่มีใครออกมาอ้างว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ซึ่งการก่อเหตุโจมตีขนาดเล็กต่อธุรกิจ อาคารหน่วยงานรัฐ ตำรวจและนักการเมือง ถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในกรีซ ประเทศที่มีประวัติเกี่ยวกับความรุนแรงทางการเมือง

โอลกา เจโรวาสิลี รัฐมนตรีปกป้องพลเมืองของกรีซ บอกกับ SKAI ในสถานที่เกิดเหตุว่า เหตุโจมตีครั้งนี้เป็นการมุ่งเป้าทำร้ายประชาธิปไตย

"อย่างไรก็ตาม ประชาธิปไตยนั้นได้รับการปกป้อง และแน่นอนว่าไม่ถูกคุกคามเลยแม้แต่น้อย" รัฐมนตรีฯ ระบุ

SKAI ทำรายการข่าวเช้าด้วยการถ่ายทอดสดจากสถานที่เกิดเหตุบริเวณด้านนอกสำนักงานของตัวเอง โดยรายงานว่า วัตถุระเบิดนั้นถูกประเมินว่ามีขนาด 5 กิโลกรัม ถูกนำมาวางไว้ในถนนแคบๆ ใกล้อาคารของสถานีโทรทัศน์

ภาพที่ถูกนำมาออกอากาศโดยสื่อท้องถิ่น แสดงให้เห็นว่ามีควันลอยขึ้นมาจากตัวอาคาร ส่วนภาพภายในตัวอาคารก็แสดงให้เห็นว่าหน้าต่างนั้นแตกกระจาย โต๊ะทำงานเต็มไปด้วยเศษกระจก






https://mgronline.com/around/detail/9610000125063

 

วันพิพากษา!นายกฯอังกฤษเผยนัดประชุมสภาโหวตข้อตกลงเบร็กซิตกลางเดือนม.ค. เผยแพร่: 18 ธ.ค. 2561 02:28 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รอยเตอร์ - เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเปิดเผยในวันจันทร์(17ธ.ค.) ว่าจะนำข้อตกลงเบร็กซิตของเธอกลับเข้าสู่การลงมติของรัฐสภาในช่วงกลางเดือนมกราคม โดยสัญญาว่าจะให้ได้มาซึ่งคำรับประกันจากสหภาพยุโรปสำหรับผ่าทางตันแยกตัวออกจากอียู

หลังมีคำขู่นาทีสุดท้ายมาจากพรรคแรงงาน พรรคฝ่านค้านหลัก ว่าจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายลงมติเชิงสัญลักษณ์ไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี หากว่าไม่มีการกำหนดวันเวลาที่แน่ชัด เมย์บอกว่ารัฐสภาจะเปิดอภิปรายข้อตกลงเบร็กซิตในเดือนมกราคม และลงมติในสัปดาห์เริ่มวันที่ 14 มกราคม

เมย์ เดินหน้าข้อตกลงของเธอในการออกจากอียู ปฏิเสธเสียงเรียกร้องจัดทำประชามติรอบ 2 หรือทดสอบเสียงสนับสนุนสำหรับทางเลือกอื่นของการเบร็กซิตในรัฐสภา แม้เผชิญเสียงต่อต้านอย่างหนักหน่วงต่อข้อตกลงคงสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหภาพยุโรป

หลังผ่านพ้นสัปดาห์แห่งความวุ่นวาย จากทั้งกรณีที่เธอรอดพ้นจากมติไม่ไว้วางใจภายในพรรคและความพยายามหาทางแก้ไขนาทีสุดท้ายในข้อตกลงเบร็กซิตที่เห็นพ้องกันในบรัสเซลส์เมื่อเดือนที่แล้ว เป็นอีกครั้งที่ เมย์ ออกมาขีดเส้นให้เลือกระหว่างข้อตกลงของเธอ กับการถอนตัวจากอียูโดยปราศจากข้อตกลง หรือไม่ก็ยกเลิกความคิดแยกตัวจากสหภาพยุโรปไปเลย

"ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ข้อตกลงที่สมบูรณ์แบบของทุกคน แต่มันคือการประนีประนอม แต่หากเราปล่อยให้ความสมบูรณ์แบบเป็นศัตรูของความน่าพอใจ เมื่อนั้นเราก็เสี่ยงที่จะออกจากอียูโดยปราศจากข้อตกลงใดๆ" เธอบอกกับพวกสมาชิกรัฐสภา "การหลีกเลี่ยงแยกตัวโดยไม่มีข้อตกลง จะมีความเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถบรรลุข้อตกลงหรือเมื่อเราละทิ้งเบร็กซิตไปเลย"

เมย์เผยว่าอียูได้มอบความชัดเจนเพิ่มเติมต่อประเด็นที่ถกเถียงกันมากที่สุดในข้อตกลงถอนตัวของเธอ และรัฐบาลของเธอกำลังเสาะหาคำรับประกันทั้งทางการเมืองและกฎหมายเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตามข้อเสนอของอียู แทบไม่อยู่ในทิศทางที่จะได้รับความเห็นชอบจากเหล่าสมาชิกรัฐสภาเลย ท่ามกลางเหล่านักการเมืองที่ส่งเสียงเรียกร้องขอจัดทำประชามติรอบ 2 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เมย์และรัฐมนตรีของเธอปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับการจัดประชามติอีกรอบ โดยบอกว่ามันรังแต่จะก่อความแยกแตกหนักหน่วงขึ้นและเป็นการทรยศผู้ลงคะแนนสนับสนุนเบร็กซิต ด้วยจำนวน 52% ต่อ 48% ในปี 2016

ด้วยมีความเสี่ยงมากขึ้นที่อังกฤษจะแยกตัวจากอียูโดยปราศจากข้อตกลงใดๆในวันที่ 29 มีนาคม เหล่านักธุรกิจบางส่วนจึงมีความกังวลว่ามันอาจก่อผลลัพธ์เลวร้ายแก่เศรษฐกิจรายใหญ่ที่สุดลำดับ 5 ของโลก

เวลานี้ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจเกี่ยวกับเบร็กซิต เริ่มส่งผลกระทบแล้ว โดยข้อมูลที่เผยแพร่ในวันจันทร์(17ธ.ค.) พบว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง, ราคาบ้านลดต่ำและมีมุมมองแง่ร้ายมากขึ้นต่อฐานะการเงินของครัวเรือน

https://mgronline.com/around/detail/9610000125075

 

ภาพช็อค!!เด็กวัย15ท้ามฤตยูใช้ร่มทำเองโชว์โดดตึก14ชั้น ร่างกระแทกพื้นดับสยอง(ชมคลิป) เผยแพร่: 18 ธ.ค. 2561 04:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เดลิเมล์ - สื่อต่างประเทศเผยแพร่คลิปสุดช็อก เด็กชายวัย 15 ปี ดิ่งจากอาคารสูงในยูเครนกระแทกพื้นร่างแหลกเสียชีวิต หลังจากร่มชูชีพที่ประดิษฐ์เองเกิดขัดข้องไม่กางอย่างที่ตั้งใจ

วิดีโออันน่าสยดสยองนี้เป็นภาพตอนที่นายบอกดาน เฟอร์ซอฟ ร่วงลงชั้น 14 ของอาคารแห่งหนึ่ง ในเมืองมาคิยิฟคา ทางภาคตะวันออกของยูเครน และว่ากันว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาผู้เป็นแม่ ที่สนับสนุนลูกชายทำอะไรห่ามๆเช่นนี้ ตอนที่เขากำลังพยายามโชว์กระโดดร่วมประดิษฐ์เอง หวังสร้างชื่อบนสื่อสังคมออนไลน์




ในวิดีโอพบเห็นเด็กชายยืนกางแขนโผล่ออกมาจากดาดฟ้าของอาคาร จากนั้นเขาก็กระโดดลงมาจากความสูงราว 140 ฟุต แต่สามารถสังเกตเห็นได้ว่าร่มนั้นกางไม่เต็มที่ ก่อนร่างกระแทกพื้นดังสนั่น ท่ามกลางสายตาของญาติๆและผู้เป็นแม่ ที่มารวมตัวกันเพื่อบันทึกวิดีโอและถ่ายภาพปฏิบัติการเสี่ยงตายท้ามฤตยูของเขา

ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า "ดูเหมือนแม่และญาติๆจะสนับสนุนเขาและส่งเสียงเชียร์เขา ไม่มีใครเลยที่โทรศัพท์แจ้งตำรวจเพื่อขัดขวางการแสดงเสี่ยงตาย" พร้อมระบุว่าแม่ของเด็ก ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ถึงกับช็อกที่ได้เห็นลูกเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาและเธอไม่ยอมออกจากจุดนั้นเลย




"มันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาผม เด็กชายกระโดดลงมาพร้อมร่ม เขาร่วงลงมาและหลังกระแทกพื้น มันรุนแรงมาก" ผู้เห็นเหตุการณ์เผย

แม้เชื่อว่าเหตุการณ์อันน่าสลดครั้งนี้มีต้นตอจากการที่ร่มกางอย่างไม่เหมาะสม แต่พวกผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าแม้ร่มจะกางอย่างเหมาะสม บางทีมันก็ไม่อาจปกป้องชีวิตเขาได้




หนังสือพิมพ์ Fakti อ้างความเห็นผู้เชี่ยวชาญระบุว่า "ความสูงระดับต่ำสุดของการกระโดดร่มอยู่ที่ 70 เมตร หรือความสูงของอาคารอย่างน้อย 25 ชั้น และแม้กระนั้นมันก็จะยังเป็นกระโดดที่อันตรายอยู่ดี"

ส่วนสื่อมวลชนท้องถิ่นอีกฉบับระบุว่ามีชาวบ้านหลายสิบคนเฝ้าดูสิ่งที่เขาทำ ในนั้นรวมถึงญาติๆและแม่ของเขา "พวกเขาบันทึกภาพการกระโดด แต่ไม่มีใครกล้าพอที่จะห้ามวัยรุ่นผู้รักกีฬาท้าทายเป็นชีวิตจิตใจ ไม่มีใครโทรแจ้งตำรวจ และดังนั้นเราจึงได้เห็นผลลัพธ์ดังกล่าว"

เด็กชายสวมหมวกกันน็อคและมีการวางเบาะรองนิรภัยไว้ที่ด้านล่าง แต่จากแรงกระแทกทำให้เขาตายคาที่ในทันที

https://mgronline.com/around/detail/9610000125077

 

ซาอุดีฯประณามสภาสูงมะกัน 'จาบจ้วง' ลงมติกล่าวโทษมกุฎราชกุมาร แต่แคนาดายังคงเล็งเลิกขายอาวุธให้ริยาด
เผยแพร่: 17 ธ.ค. 2561 22:10 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เบอร์นี แซนเดอร์ส สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯแถลงกับผู้สื่อข่าว หลังจากวุฒิสภาสหรัฐฯลงมติ เรียกร้องให้วอชิงตันยุติการสนับสนุนทางทหารในสงครามเยเมน รวมทั้งกล่าวโทษมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดในคดีสั่งเก็บนักข่าว “คาช็อกกี” เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว
เอเจนซีส์ - ซาอุดีอาระเบียประณามมติวุฒิสภาอเมริกันที่เรียกร้องให้วอชิงตันยุติการสนับสนุนทางทหารในสงครามเยเมน รวมทั้งกล่าวโทษมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดในคดีสั่งเก็บนักข่าว “คาช็อกกี” ขณะเดียวกัน สองประเด็นเดียวกันนี้ก็ทำให้นายกฯแคนาดาออกมาให้สัมภาษณ์ว่า กำลังพิจารณายกเลิกข้อตกลงขายอาวุธให้ริยาดมูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์

แม้การลงมติของสภาสูงสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (13) นอกจากเป็นการติเตียนซาอุดีอาระเบียแล้ว ยังเป็นการตำหนิประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งยังคงพยายามรักษานโยบายความสัมพันธ์สนิทสนมกับซาอุดีฯ ขัดกับกระแสของนานาชาติ แต่กระนั้น ความเคลื่อนไหวคราวนี้ยังคงถือเป็นความเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น เนื่องจากหากต้องการให้บังคับใช้เป็นกฎหมายจริงๆ จะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งยังต้องเสนอให้ประธานาธิบดีลงนามรับรอง ซึ่งทรัมป์สามารถใช้อำนาจ “วีโต” ได้

ในวันจันทร์ (17) กระทรวงการต่างประเทศซาอุดีฯ ออกคำแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดของวุฒิสภาสหรัฐฯ รวมทั้งระบุว่าการแทรกแซงกิจการภายใน ไม่เคารพยำเกรงราชวงศ์ริยาด และพยายามบ่อนทำลายอธิปไตยของซาอุดีฯ

คำแถลงสำทับว่า ริยาดหวังว่า เรื่องนี้จะไม่นำไปสู่วิวาทะทางการเมืองในอเมริกา และทำลายความสัมพันธ์ของสองประเทศ

คณะบริหารของทรัมป์นั้นมองว่า การสนับสนุนของริยาดมีความสำคัญต่อแผนการสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์ และมองว่า การยุติการสนับสนุนทางทหารแก่ซาอุดีฯ อาจทำให้ความพยายามฟื้นสันติภาพในเยเมนซับซ้อนมากขึ้น

ขณะที่วุฒิสภาสหรัฐฯแม้ยอมรับว่า “ความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียนั้นสำคัญต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ” แต่ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้ริยาดปรับเปลี่ยนลดระดับนโยบายการต่างประเทศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของตนลง

สำหรับประเด็นจามาล คาช็อกกีนั้น คอลัมนิสต์ผู้นี้ล่วงรู้ข้อมูลวงในมากมายในราชวงศ์ซาอุดีฯ แต่ต่อมากลายมาเป็นผู้วิจารณ์มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน และเริ่มเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ หลังลี้ภัยไปอยู่อเมริกาเมื่อปีที่แล้ว กระทั่งต้นเดือนตุลาคมคาช็อกกีถูกลวงเข้าไปสังหารในสถานกงสุลซาอุดีฯ ในเมืองอิสตันบูลของตุรกี โดยริยาดยืนกรานปฏิเสธว่า เจ้าชายรัชทายาทไม่ได้สั่งฆ่าคอลัมนิสต์ผู้นี้



มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน

กระนั้น การอุ้มฆ่าคาช็อกกีก็ทำให้ซาอุดีฯ ถูกโจมตีจากทั่วโลก และยังทำลายชื่อเสียงของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด ผู้นำตัวจริงของซาอุดีฯ ที่พยายามผลักดันการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศ

ริยาดยังถูกวิจารณ์รุนแรงจากการเสียชีวิตของพลเรือนมากมายและวิกฤตมนุษยชนในเยเมน ที่ตนเองให้การสนับสนุนรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติเพื่อต่อสู้กับกบฎฮูตีในสงครามกลางเมืองที่ยาวนานเกือบ 4 ปีจนถึงขณะนี้

สองประเด็นนี้ยังมีแนวโน้มทำให้ซาอุดีฯกับแคนาดาบาดหมางหนักกว่าเดิม หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (16) นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ให้สัมภาษณ์สถานีซีทีวีว่า แคนาดากำลังพิจารณาแนวทางต่างๆ ในการยกเลิกข้อตกลงขายอาวุธมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์แคนาดาที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2014 ให้แก่ซาอุดีฯ

ก่อนหน้านี้ ทรูโดออกปากว่า คงยากที่จะล้มสัญญาที่รัฐบาลอนุรักษนิยมชุดก่อนหน้าลงนามไว้ เนื่องจากแคนาดาเสี่ยงที่จะต้องจ่ายค่าปรับฐานละเมิดสัญญาที่อาจสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา

แต่หลังจากหลักฐานที่ฟ้องว่า ซาอุดีฯ เกี่ยวข้องโดยตรงกับการฆาตกรรมคาช็อกกีปรากฏชัดขึ้น ปลายเดือนที่แล้วแคนาดาประกาศแซงก์ชันชาวซาอุดีฯ 17 คนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ถึงแม้ทรูโดยังถูกฝ่ายค้าน รวมทั้งนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนวิจารณ์หนักว่า ล้มเหลวในการยกเลิกข้อตกลงขายอาวุธให้ริยาด

ภายใต้ข้อตกลงฉบับดังกล่าว เจเนอรัล ไดนามิก แลนด์ ซิสเต็มส์ แคนาดา ที่มีฐานการผลิตในรัฐออนแทริโอ ตกลงจัดหายานยนต์หุ้มเกราะแบบแอลเอวี 6 จำนวน 928 คันให้ซาอุดีฯ คิดเป็นมูลค่า 11,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงส่งออกอาวุธมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์แคนาดา

อย่างไรก็ดี ต้นปีนี้มีการลดขนาดข้อตกลงเหลือ 742 คัน โดยยกเลิกรุ่นติดปืนใหญ่ที่นักเคลื่อนไหวและนักการเมืองฝ่ายค้านเตือนว่า อาจนำไปใช้เข่นฆ่าพลเรือนและช่วยริยาดทำสงครามในเยเมน

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคม นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี ก็เคยสั่งระงับการขายอาวุธให้ซาอุดีฯ จากการเกี่ยวพันกับคดีสังหารคาช็อกกี

ช่วงไม่กี่เดือนหลังๆ มานี้ ความสัมพันธ์แคนาดา-ซาอุดีฯ อยู่ในสภาพเลวร้ายลงอย่างมาก โดยที่ริยาดขับเอกอัครราชทูตออตตาวา รวมทั้งตัดความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนในเดือนสิงหาคม เพื่อประท้วงที่แคนาดาเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชาวซาอุดีฯที่ถูกริยาดจองจำ

https://mgronline.com/around/detail/9610000125047

 

เตือน! "ไข้ชิคุนกุนยา" ระบาดหนัก หากละเลยถึงขั้นเสียชีวิต เผยแพร่ 17 ธ.ค. 2561,20:12น.ปรับปรุงล่าสุด 17 ธ.ค. 2561,20:28น.

หลายพื้นที่ ยังคงเผชิญกับสภาพอากาศฝนตก น้ำท่วมขัง โดยเฉพาะ ภาคใต้ ทำให้ประชาชนเริ่มป่วยเป็นโรคไข้ปวดข้อยุงลาย หรือ ชิคุนกุนยา วันนี้ เรามีข้อมูลมาบอกเพื่อให้เตรียมพร้อมในการรับมือ


โรคไข้ปวดข้อยุงลาย หรือ โรคชิคุนกุนยา เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาที่มียุงลายสวน และยุงลายบ้านเป็นพาหะนำโรค พบได้ทุกกลุ่มอายุ จะมีอาการคล้ายไข้เลือดออก แต่ต่างกันที่ไม่มีการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือด จึงไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากจนถึงมีการช็อก

โดยลักษณะอาการคือ มีไข้สูงอย่างฉับพลัน ออกผื่นและมีอาการปวดข้อ ข้อบวมแดง เริ่มจากบริเวณข้อมือ ข้อเท้า และข้อต่อแขนขา ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก หรือมีเลือดออกตามผิวหนัง อาจมีอาการคันร่วมด้วย เป็นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

ในส่วนของการรักษาจะเป็นการรักษาตามอาการ ยังไม่มียารักษาเฉพาะ โดยอาการจะหายภายใน 1-12 สัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเกิดขึ้นได้อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ต่อมา หากประชาชน มีอาการดังกล่าวควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว

โดยเกือบ 15% ของรายที่ติดเชื้อ อาจกลายเป็นเป็นอาการเรื้อรังและเกิดขึ้นเป็นปี ๆ ด้วยเหตุนี้ทำให้ในบางครั้งโรคชิคุนกุนยาถูกวินิจฉัยผิดเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ไม่บ่อยนักที่การติดเชื้อของโรคชิคุนกุนยาสามารถทำให้เกิดปัญหาที่รุนแรงบนผิวหนัง ดวงตา ไต หัวใจ หรือระบบประสาท

อย่างไรก็ตาม หลังจากรักษาอาการหายแล้ว ก็ต้องดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำด้วยการยึดหลัก “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ

1.เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง

2.เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง

และ 3.เก็บน้ำ ภาชนะใส่น้ำต้องปิดฝาให้มิดชิดป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่

ทั้งนี้จะสามารถป้องกันได้ 3 โรคในคราวเดียวกัน คือ 1.โรคไข้เลือดออก 2.โรคติดเชื้อไวรัสซิกา 3.ไข้ปวดข้อยุงลาย

ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค เผยว่า สถานการณ์โรค ไข้ปวดข้อยุงลายทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 10 พ.ย. 2561 พบผู้ป่วยทั้งหมด 642 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยในพื้นที่ภาคใต้จำนวน 638 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้ป่วยสูงสุด 5 อันดับ คือ นราธิวาส 218 ราย สตูล 213 ราย สงขลา 157 ราย ตรัง 21 ราย และ ภูเก็ต 11 ราย

ขอขอบคุณ ข้อมูลดีดี จาก โรงพยาบาลเปาโล เมมโมเรียล โรงพยาบาลในเครือ BDMS โรงพยาบาลชั้นนำในประเทศ ... “เรื่องสุขภาพ เราเชี่ยวชาญ”..

https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/95100

 

Jeerachart Jongsomchai


... “กาต้าร์ ถอนตัวออกจากโอเปก 1 มกราคม 2019 นี้”


... นาย Saad Sherida al-Kaabi รัฐมนตรีพลังงานของ “กาต้าร์” ได้ออกมาให้ข่าวว่าประเทศของเขาจะถอนตัวออกจาก “กลุ่มโอเปก” หรือ Organization of the Petroleum Exporting Countries (OPEC)ในเดือนมกราคม ปีหน้า 2019 นี้ โดยบอกว่าสาเหตุนั้นก็เพราะว่า พวกเขาต้องการมุ่งมั่นไปที่เรื่องของการผลิตแก๊สเหลว หรือ แอลเอ็นจี ที่เป็นแหล่งสมบัติชาติที่ North Dome ซึ่งเชื่อมกับแหล่ง South Pars ของอิหร่าน


... “แก๊สเหลว” คือทรัพยากรธรรมชาติหลักของพวกเขาตอนนี้แทนน้ำมัน ที่ตอนนี้พวกเขามีบทบทน้อยลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2013กาต้าร์ ลดการผลิตน้ำมันลงเรื่อยๆ จาก 728,000 barrels per day ในปี 2013 เหลือ 607,000 barrels per day ในปี 2017 หรือคิดเป็นแค่น้อยกว่าร้อยละ 2 ของปริมาณทั้งหมดของกลุ่มโอเปก ขณะที่แก๊สเหลวนั้นพวกเขากลับส่งออกมากขึ้นเรื่อยๆ จาก 77 ล้านตันต่อปี เป็น 100 ในปี 2019 ที่จะมาถึง


... โดยนาย Sheikh Hamad bin Jassim Al Thani อดีตนายกรัฐมนตรีของกาต้าร์ ได้บอกว่า “มันคือการตัดสินใจที่ฉลาดของเรา เพราะว่าเราเป็นประเทศที่บทบาทน้อยมากในโอเปก องค์กรไร้ประโยชน์และไม่ได้ให้อะไรใหม่กับเรา เราจะไปมุ่งในจุดแข็งแก๊สเหลวของเรา” กาต้าร์นั้นเป็นสมาชิกขององค์กรนี้ตั้งแต่ปี 1961 หรือ หนึ่งปีหลังจากการก่อตั้งกลุ่ม แต่ก็เป็นแค่ลูกไล่ของหัวหน้ากลุ่มอย่าง “ซาอุดิอาระเบีย” มาตลอด


... ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา “กลุ่มโอเปกกับรัสเซีย” ก็ได้มีการเจรจาที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อจะพยุงราคาน้ำมันขึ้นอีกรอบ หลังจากในเดือนตุลาคม ปี 2018 นี้ ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 86 ดอลล่าร์ นับตั้งแต่ปี 2014 แต่สุดท้ายก็ลดลงมาอีกล่าสุดที่ 60 ดอลล่าร์ ทำให้กาต้าร์อยากจะถอนตัวออกจากความผันผวนของราคา ที่พวกเขาเป็นแค่ตัวละครเล็กๆ


... ตอนนี้ “กาต้าร์” เป็นผู้ผลิตแก๊สเหลว แอลเอ็นจี รายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะจากแหล่ง นอร์ทโดม โดยคิดเป็นร้อยละ 30 ของทั่วโลก ขณะที่ นาย Alex Schindelarบรรณาธิการของ Energy Intelligence, ได้บอกว่าสาเหตุที่กระตุ้นให้กาต้าร์ถอนตัวออกจากกลุ่มโอเปกก็เพราะว่า “ซาอุดิอาระเบีย” ได้พาพวกพ้องปิดประเทศกาต้าร์มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2017 จน สร้างความร้าวฉานให้กับทั้งสองฝั่ง โดยเฉพาะกาต้าร์ ที่เดือดร้อน ไม่พอใจอย่างมากกับพฤติกรรมกร่างอันธพาลของซาอุดและบริวาร และการออกจากกลุ่มโอเปกของกาต้าร์ จะมีผลต่อสมาชิก 14 ชาติที่เหลือ และราคาน้ำมันของโลกด้วย


... ( เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมของกาต้าร์ ที่จะถอนตัวออกจากกลุ่มนี้ เพราะว่า ซาอุดิอาระเบีย กำลังวุ่นวายและอ่อนแอและมีปัญหากับการแย่งชิงบัลลังค์ภายในและคดีที่การสังหารนักข่าวในตุรกี )


.


https://www.aljazeera.com/news/2018/12/qatar-withdraw-opec-january-2019-181203061900372.html

 

กกพ. เร่งออกระเบียบสนองรัฐ! กำกับ "พลังงาน" ให้ทันเทคโนโลยี

Publisher : 16 December 2018

| รายงานพิเศษ

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2561 มีการเปิดตัวคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ชุดใหม่ อย่างเป็นทางการ หลังจากเข้ารับตำแหน่งครบ 3 เดือน เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานหลังจากนี้ไป โดยท่าทีของ กกพ.ชุดใหม่นี้ จะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเตรียมปรับแก้ระเบียบต่าง ๆ ที่ติดขัด สวนทางกับนโยบายของภาครัฐ

หนุนโซลาร์ประชาชน
นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธาน กกพ. กล่าวว่า จากที่กระทรวงพลังงานมีนโยบายที่จะส่งเสริมโครงการผลิตไฟฟ้าบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ทั้งโซลาร์เสรีและโซลาร์ภาคประชาชน ทาง กกพ. จะเร่งออกระเบียบเพื่อรองรับการเปิดโครงการดังกล่าว พร้อมพิจารณาด้านเทคนิคและผลกระทบของระบบไฟฟ้า หลังจากที่แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี 2018) ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแล้ว ซึ่งจะเริ่มรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ที่ 100 เมกะวัตต์ ก่อนทยอยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นเมกะวัตต์ ภายในปี 2580



โดยเบื้องต้นจะกำหนดให้ประชาชนขายไฟฟ้าเข้าระบบได้ไม่เกิน 10 KVA (กิโลโวลต์แอมป์) ต่อบ้าน 1 หลัง และสามารถจ่ายไฟฟ้าย้อนกลับเข้าหม้อแปลงได้ไม่เกิน 15% ขณะที่ ราคารับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินจากโครงการโซลาร์ภาคประชาชนยังไม่ได้ข้อสรุปในขณะนี้

ส่วนโครงการโซลาร์เสรีที่ผลิตเองใช้เอง (IPS) กลุ่มดังกล่าวน่าจะมีอัตราการเติบโตรวดเร็ว โดยเฉพาะการติดตั้งบนหลังคาอาคารโรงงานของภาคอุตสาหกรรม เพื่อต้องการลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีกไฟฟ้า) ปัจจุบันมีการผลิตเพื่อใช้เองหลายราย โดย กกพ. ต้องเร่งออกกฎระเบียบให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และต้องพิจารณาว่าจะเก็บค่าสำรองไฟฟ้า (แบล็กอัพ) หรือไม่ และกำหนดระเบียบอย่างไรเพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงไฟฟ้าประเทศ


ดึงเอกชนลงทุนบล็อกเชน
สำหรับกรณีผู้ประกอบการเอกชนที่เข้ามาดำเนินธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งเป็นระบบแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ารูปแบบใหม่แบบเพียร์ทูเพียร์ (Peer-to-Peer) ด้วยการทำธุรกรรมโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่ง กกพ. จะเชิญผู้ประกอบการเข้าหารือ เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับการจัดทำระเบียบรองรับเทคโนโลยีดังกล่าว ที่จำเป็นต้องแก้ไขระเบียบใดที่ติดขัด ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนภายในปี 2562 นอกจากนี้ การซื้อขายไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในสถานีชาร์จก็เช่นกัน จะต้องมีความชัดเจนโดยเร็ว


Solar panel against blue sky

ออกใบอนุญาตเปิดเสรี LNG
ส่วนการเปิดเสรีการจำหน่ายและการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) นั้น ไม่ใช่มีเพียงแต่รายใหญ่ อย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในรูปแบบผ่านท่อก๊าซธรรมชาติในปริมาณมากเพียงเท่านั้น แต่ขณะนี้มีผู้ประกอบการรายเล็กที่ขนส่งแอลเอ็นจีโดยรถบรรทุกในปริมาณที่ไม่มากไปยังนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ แล้วจัดเก็บไว้ในถังขนาดเล็ก ดังนั้น กกพ. จะเตรียมออกใบอนุญาตสำหรับผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าว

โดยการทบทวนใบอนุญาตรองรับเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายเล็กดำเนินธุรกิจซื้อขายก๊าซแอลเอ็นจี พร้อมทั้งเปิดทางให้บุคคลที่ 3 สามารถนำเข้าแอลเอ็นจีเสรีได้ จากปัจจุบันมีเพียง 2 ราย ที่มีใบอนุญาต ได้แก่ ปตท. และ กฟผ.

"การออกใบอนุญาตรองรับการซื้อขายแอลเอ็นจีในปัจจุบันเป็นเพียงการรองรับการขนส่งก๊าซทางท่อเท่านั้น แต่ในอนาคตจะมีการนำเข้าแอลเอ็นจีมากขึ้น หลังก๊าซในอ่าวไทยลดลง ซึ่งจะมีผู้ประกอบการรายเล็กเข้าสู่ธุรกิจมากขึ้น รูปแบบธุรกิจจะเปลี่ยนไป เป็นการขนส่งแอลเอ็นจีจากรถบรรทุก จึงต้องออกใบอนุญาตรองรับ ซึ่งต้องมีความชัดเจนภายในปี 2562 นอกจากนี้ กกพ. จะมีการทบทวนอัตราค่าบริการส่งก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบันกำหนดอัตราค่าบริการส่งก๊าซอยู่ที่ 20-21 บาทต่อล้านบีทียู คาดว่ามีแนวโน้มลดลง"


ออกระเบียบซื้อไฟฟ้า
สำหรับแนวทางการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในปี 2562 ตามแผนพีดีพี 2018 คงต้องผ่านความเห็นชอบจาก กพช. ก่อน จากนั้น กกพ. จึงจะสามารถออกระเบียบรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้ ดังนั้น ภารกิจเร่งด่วนที่ กกพ. จะต้องเร่งดำเนินการในส่วนของพลังงานทดแทน ปัจจุบัน กกพ. เปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนใน 8 พื้นที่ จำนวน 12 โครงการ กำลังการผลิตรวม 78 เมกะวัตต์ ขณะนี้มีผู้ยื่นเสนอขายไฟฟ้าแล้ว 3 ราย แต่ให้กลับไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม 2 ราย และอนุญาตโครงการแล้ว 1 ราย ได้แก่ โครงการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย ขนาดกำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ มีปริมาณขายไฟฟ้า 6 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการที่เหลือ กกพ. เปิดให้ทยอยยื่นเสนอโครงการจนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2562




ใช้โครงสร้างค่าไฟใหม่
ขณะที่ การจัดทำโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ ภายหลังจากแผนพีดีพี 2018 ผ่านความเห็นชอบจาก กพช. เรียบร้อยแล้ว กกพ. ก็จะเร่งจัดทำโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งจะมีการทบทวนทุก 3-5 ปี คาดว่าโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่จะแล้วเสร็จภายในกลางปี 2562 และเริ่มใช้ได้ภายในครึ่งหลังของปี 2562

ส่วนแนวโน้มค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ปี 2562 ยังต้องรอดูต้นทุนเชื้อเพลิง โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติย้อนหลัง 6-12 เดือน ที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า รวมทั้งค่าเงินบาทที่จะมีผลต่อค่าเอฟทีในอนาคต ส่วนกรณีการรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ภาคประชาชนที่จะเริ่มทยอยเข้ามาในปี 2562 ซึ่งยังไม่ได้กำหนดราคารับซื้อ หากอัตราตํ่ากว่าราคาขายส่งของ กฟผ. จะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟ

หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,427 วันที่ 16-19 ธันวาคม 2561

http://m.thansettakij.com/content/361084

 

Matichon Online - มติชนออนไลน์


‘‘กาย รัชชานนท์’ หัวร้อน! รถแดงเชียงใหม่คิดค่าโดยสาร 1 กิโลเมตร 600 บาท #มติชนออนไลน์ #รถแดงเชียงใหม่

 

China Report ASEAN - Thailand


กลิ่นฉี่พันปี จะไม่มีอีกต่อไป | จีนทุ่มงบ 8 พันล้าน เดินหน้า ‘ปฏิวัติห้องน้ำ’

.

กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนระบุว่า ปีหน้า (2019) จีนตั้งเป้าสร้างห้องน้ำแห่งใหม่และรีโนเวทห้องน้ำรวม 21,000 จุดตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ เป็นไปตามแผนปฏิวัติห้องน้ำ (Toilet Revolution) ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2015 เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรวมถึงชาวจีนเองได้ใช้ห้องน้ำที่สะอาดและทันสมัย

.

สำหรับปีนี้ จีนได้สร้างห้องน้ำแห่งใหม่และปรับปรุงห้องน้ำไปแล้ว 24,000 จุดทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ 15,000 แห่งเป็นห้องน้ำในพื้นที่ทุรกันดารทางตอนกลางและตะวันตกของประเทศ

.

ทั้งนี้ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จีนสร้างห้องน้ำและปรับปรุงห้องน้ำไปแล้วมากกว่า 70,000 จุดทั่วประเทศ ใช้งบประมาณไปแล้วราว 1,600 ล้านหยวน ราวๆ 8 พันล้านบาท โดยมีการนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาใช้ในห้องน้ำเพื่อพัฒนามาตรฐานด้านสาธารณสุข อาทิ มีแอพพลิเคชั่นค้นหาห้องน้ำใกล้เคียงจากสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศจีน พัฒนาห้องน้ำให้เป็นประหยัดพลังงาน และลดการใช้น้ำ เป็นต้น

.

 

China Xinhua News


สีจิ้นผิงประกาศความสำเร็จ 40 ปีปฏิรูปเปิดประเทศ : แก้จน 740 ล้านคน-ประกันสุขภาพถ้วนหน้า 1,300 ล้านคน

.

วันนี้ (18 ธ.ค.) ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 40 ปีการปฏิรูปเปิดประเทศของจีน พร้อมระบุว่าประเทศจีนได้พัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนมาตลอด 40 ปี

.

สีจิ้นผิงชี้ว่า 40 ปีที่ผ่านมามีประชากรจีน 740 ล้านคนพ้นจากภาวะยากจน อัตราส่วนความยากจน (Headcount Ratio) ลดลง 94.4 เปอร์เซ็นต์

.

ประเทศจีนได้สร้างระบบประกันสังคมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จัดสรรให้มีเบี้ยคนชราครอบคลุมประชากร 900 ล้านคน และประกันสุขภาพถ้วนหน้าครอบคลุม 1,300 ล้านคน

.

ในช่วงเวลาดังกล่าว อัตราประชากรที่อาศัยอยู่ในแต่ละเมืองอย่างถาวรเพิ่มสูงขึ้นจาก 40.6 เปอร์เซ็นต์เป็น 58.52 เปอร์เซ็นต์

.

“ประเทศจีนรักษาเสถียรภาพทางสังคมมาได้เป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้จีนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัยมากที่สุดในโลก” สีจิ้นผิงกล่าว พร้อมประกาศว่า “ประเทศจีนขอกล่าวอำลาปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าชาวจีนมานานหลายพันปี นั่นก็คือความหิวโหย ความยากไร้ และความยากจน”

 

Sinthorn


หลุด 1,600 จุดแล้วไปไหนต่อ?


เพิ่งเขียนเมื่อวานว่า 1,600 จุดนี่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง จากการที่เป็นแนวรับสำคัญมาทั้งปี 2018 นี้


เปิดเช้าวันอังคาร อาการหนาวๆ SET Index ก็หลุด 1,600 จุด ตาม Sentiment ของตลาดหุ้นในเอเชีย และตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนทันที


เหตุผลหลักๆที่โลกกำลังเจอกันอยู่ตอนนี้คือ เริ่มมีกลิ่นของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจปกคลุมไปทั่วโลก และอาจจะไปกระทบทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มกำไรลดลง


กำไรลดลง ถ้าอยู่ที่ราคาเท่าเดิม ก็แปลว่า P/E เพิ่มขึ้น (แพงขึ้น)


แต่กำไรลดลง ใครจะไปยอมเทรดที่ P/E แพง? ดังนั้น ราคาก็เริ่มลง เพราะ Mr.Market ไม่ให้ Premium กับหุ้นที่อนาคตดูมีความเสี่ยง


มุมมองทางเทคนิค การปรับตัวลงของ SET Index หลุด 1,600 จุด อาจแปลว่า ขาลงหนักๆอีกหนึ่งขา มีโอกาสสูงมากๆ


ขาลงอีกหนึ่งขาที่ว่า คือ ตรงไหน?


มองเฉพาะรอบขาขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี 2016 จนถึงจุดสูงสุดเมื่อต้นปี 2018 หาก SET Index เลือกจะลงซักครึ่งทางของที่ขึ้นมา ระดับดัชนีที่จะลงไปทดสอบ ก็อยู่ตรง 1,530 จุด


ถ้าตลาดจะโหดกว่านั้น ให้มองที่ Fibonacci Retracement 38.2% ที่ระดับ 1,458 จุด


ถึงตรงนี้ ยังไม่เห็นว่า ระยะสั้นตลาดจะเด้งแรงๆกลับไปยืน 1,600 จุดได้ด้วยอะไร ถ้าตลาดเมืองนอกยังเจอความผันผวนหนักแบบนี้


วางแผนเทรดกันอย่างระมัดระวังนะครับ


#ฟ้งหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ


Mr.Messenger รายงาน

 

Nemsis - نمسيس


เพื่อเตือนผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่

 

China Report ASEAN - Thailand


วันนี้ (18 ธ.ค.) ครบ 40 ปี ‘จีนเปิดประเทศ’

.

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีนมีถ้อยแถลงสำคัญ ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ (CPD) ในวาระพิเศษ วาระครบรอบ 40 ปี นโยบายปฏิรูปสังคมและเศรษฐกิจเพื่อการเปิดประเทศ ณ มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง เช้าวันนี้ (วันอังคารที่ 18 ธ.ค.)

.

ถ้อยแถลงตอนหนึ่ง มีใจความว่า “นับตั้งแต่แผนยุทธศาสตร์นโยบายปฏิรูปสังคมและเศรษฐกิจเพื่อการเปิดประเทศ ได้รับการอนุมัติให้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2521 อันเป็นแนวทางที่ริเริ่มโดยอดีตประธานาธิบดีเติ้ง เสี่ยวผิง ได้สร้างจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ให้กับจีน

.

เห็นได้ชัดเจนจาก สัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนต่อเศรษฐกิจโลก เพิ่มขึ้นจากเดิม 1.8% เมื่อ 40 ปีที่แล้ว เป็น 15.2% ในปัจจุบัน ทำให้จีนเป็นประเทศที่มีขนาดทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงสหรัฐฯเท่านั้น”

.

สี จิ้นผิงย้ำถึง การใช้ ‘หลักการเติ้ง เสี่ยวผิง’ 3 ข้อ นั่นคือ (1) เศรษฐกิจของจีนยังต้องคงความเป็นสังคมนิยม แต่เป็นระบบสังคมนิยมที่ยอมรับระบบทุนนิยม อันเป็นระบบตลาดแบบตะวันตก (2) จีนจะเลือกสร้างแนวทางที่เหมาะสมกับตนเอง มุ่งเน้นให้ชาวจีนมีเงินออมและมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองในแบบที่จับต้องได้ และ (3) 2 ข้อข้างต้นรวมกันเป็น ‘สังคมนิยมสมัยใหม่’ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์สถานการณ์ทุกเมื่อ เพื่อกำหนดแนวทางให้จีนประสบความสำเร็จในการก้าวไปให้ถึงเป้าหมาย

.

สี จิ้นผิง ยังกล่าวด้วยว่า "การเปิดประเทศ นำมาซึ่งความก้าวหน้าฉันใด การปิดตัวหรือล้อมกรอบตัวเอง นำมาซึ่งความล้าหลังฉันนั้น” นั่นหมายความว่า จีนจะเดินหน้าปฏิรูปประเทศต่อไปโดยใช้อุดมการณ์ของนายเติ้ง เสี่ยวผิงเป็นพื้นฐานท่ามกลางสถานการณ์สงครามการค้า แม้ว่าผู้นำจีนและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เห็นชอบสงบศึกการค้าอย่างน้อย 90 วันแล้วก็ตาม

.

 

Economy by Than


มาแล้ว! โครงการขายเรือให้รัฐบาล #ฐานเศรษฐกิจ


แจ้งประชาสัมพันธ์ ประกาศคณะทำงานตรวจสอบประวัติ ความถูกต้อง และคุณสมบัติเรือประมงและเจ้าของเรือ ที่ 1/2561 เรื่องการแจ้งความประสงค์ขอนำเรือประมงออกนอกระบบ

โดยเจ้าของเรือที่มีความประสงค์จะนำเรือออกนอกระบบสามารถไปแจ้งความประสงค์ได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัดรายละเอียดตามประกาศ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดชายทะเล

 

Clima Extremo 24


โบลิเวีย


น้ำท่วมรุนแรงเนื่องจากฝนตกหนักใน Tupiza โบลิเวีย

 

Clima Extremo 24


MEXICO



ภาพของไฟที่รุนแรง และมีขนาดใหญ่ที่ลงทะเบียนในคลังร้านผ้า Parisina ในโตลูกาประเทศเม็กซิโกในวันนี้วันที่ 17 ธันวาคม