ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

เรื่องของ"มันเทศ"​

 

แหล่งอาหาร สร้างได้​

 

สมุนไพรนั้น สำคัญไฉน ​

 

วิธีปลูกกล้วย​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=-IIvTvCcIT0]58 5 ภูมิปัญญาแผ่นดิน แปลงรวมพันธุ์กล้วย - YouTube[/ame]

 

การปลูกมะละกอ​

 

ข้าวกล้อง​

 

หินโม่แป้งแบบโบราณ​

 

วิธีทำเส้นขนมจีน สูตรโบราณ​

 

รายการ Foodwork​

 

การขยายพันธ์ุพืช กศน.กำแพงเพชร​

เผยแพร่เมื่อ 26 ต.ค. 2012​

ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนเชื่อมโยงกับศูนย์เรียน­รู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านลุงเฉลิม พีรี กศน.อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร น่าสนใจ"­การขยายพันธ์ุพืชด้วยวิธีการควบแน่น"­ทำง่าย ได้ผล พ้นภัยธรรมชาติ...

 

ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ 2 สลึง ระยอง​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=vsrckwSM5JI"]YouTube[/ame]

 

ชาวนาวัยรุ่นจากแม่โจ้ เปลี่ยนใบปริญญา เป็นชาวนาเกษตรอินทรีย์​

 

รายการ ดูให้รู้​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=QitjSnm4DVg]YouTube[/ame]

 

รายการ Foodwork​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=UXNnbB_31Ls]Foodwork ผักตบชวา : แฟนรายการ : 20 ก.ค. 57 (HD) - YouTube[/ame]

 

จุลินทรีย์ EM ผู้พิทักษ์​

 

นักท่องเที่ยวแห่ชม"แม่คะนิ้ง"ที่ภูพยัคฆ์​

​

ภูพยัคฆ์ เมืองน่านหนาวจัด อุณหภูมิ 1-2 องศาเซลเซียส เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือเหมยขาบ หรือแม่คะนิ้งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวแห่มาเที่ยวงานรำลึกอนุสรณ์สถานภูพยัคฆ์พิพิธภัณฑ์ชนชาติลัวะ และม้ง บ้านน้ำรี ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ขณะที่อุณหภูมิต่ำสุดที่ 1-2 องศาเซลเซียส และได้ชมปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือ เหมยขาบ หรือ แม่คะนิ้ง ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของฤดูหนาวปีนี้ ตามยอดหญ้า กระจายไปทั่วบริเวณ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ต่างถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันอย่างคึกคัก.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 15 ธันวาคม 2557 เวลา 11:39 น.

เตือนหนาวระวังโรคทางเดินหายใจ​

​

สคร.7 เตือนสภาพอากาศหนาวส่งผลเจ็บป่วยติดเชื้อได้ง่าย แนะสวมหน้ากากอนามัย ลดการแพร่เชื้อระบบทางเดินหายใจ ย้ำสังเกตและดูแลคนในครอบครัวใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงศ์ ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 (สคร.7) อุบลราชธานีรับผิดชอบพื้นที่ 7 จังหวัดรวมถึง จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายพื้นที่มีอากาศหนาวเย็น และหมอกหนาปกคลุมสภาพอากาศที่เย็นชื้นจะทำให้เชื้อโรคมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานแพร่กระจายได้ง่ายและเร็ว ส่งผลให้ประชาชนเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางระบบหายใจได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้หวัด โรคปอดบวม โรคหัด โรคหัดเยอรมัน โรคไข้สุกใส ซึ่งโรคเหล่านี้มีการติดต่อผ่านการไอ จาม ทำให้แพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ง่ายผู้ที่รับเชื้ออาจเจ็บป่วย และมีอาการแทรกซ้อนรุนแรงถึงแก่ชีวิต โดยในแต่ละปีมีผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเป็นอันดับต้นๆ ของการเจ็บป่วยทั้งหมด การติดต่อของไข้หวัดหรือโรคระบบทางเดินหายใจมักเกิดจากการแพร่เชื้อดังกล่าวในอากาศเมื่อเวลาที่ผู้ป่วยไอ หรือจามโดยไม่ปิดปากหรือไม่มีเครื่องป้องกัน จะทำให้ผู้ที่ได้รับเสมหะหรือละอองที่ผู้ป่วยไอหรือจามออกมาติดเชื้อได้

นพ.ศรายุธ กล่าวต่อว่า การป้องกันที่ดีคือคนที่เป็นหวัด และคนที่สัมผัสใกล้ชิดควรจะสวมหน้ากากอนามัยป้องกันการติดต่อ โดยเฉพาะหากมีการระบาดของไข้หวัด ควรสังเกตและดูแลคนในครอบครัวอย่างใกล้ชิดและให้สวมหน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในอากาศการสวมหน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการป่วยเป็นไข้ หรือไอ จามจะช่วยลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจได้เพราะหากผู้ป่วยไม่สวมหน้ากากอนามัย ขณะที่ไอหรือจาม จะสามารถแพร่เชื้อออกไปได้ไกล 1-5 เมตรทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดมีโอกาสรับเชื้อและป่วยเป็นโรคได้ จากผลการวิจัยขององค์การอนามัยโลก พบว่าการใส่หน้ากากอนามัยสามารถลดการแพร่กระจายเชื้อที่ติดมากับละอองฝอยได้ถึงร้อยละ 80 ดังนั้น หน้ากากอนามัยจึงเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ประชาชนควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและทำร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ สวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาทีรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอไม่ดื่มสุราแก้หนาว เพราะนอกจากจะไม่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายแล้วฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อน และกดประสาท ทำให้ง่วงซึมและหมดสติโดยไม่รู้ตัว หากมีโรคประจำตัวจะทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร.1422.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 15 ธันวาคม 2557 เวลา 11:13 น.

ฝนถล่มใต้หนักเมืองคอนสังเวยแล้ว 1 ศพ​

​

ฝนถล่มใต้หนักเมืองคอนสังเวยแล้ว 1 ศพ

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกระจายในหลายพื้นที่ทั้ง 23 อำเภอ ของ จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา (13 ธ.ค.) จนถึงรุ่งเช้าวันนี้ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้ระดับน้ำเริ่มท่วมขังบนถนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะบริเวณถนนหน้าตลาดสดเทศบาล ถนนท่าโพธิ์ ชุมชุนสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 30 ซม. ในขณะที่ อ.ท่าศาลา อ.สิชล อ.ฉวาง อ.พิปูน อ.นบพิตำ อ.ช้างกลาง อ.ลานสกา อ.พรหมคีรี อ.เมือง อ.พระพรหม อ.เชียรใหญ่ อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร เกิดน้ำท่วมถนนและสวนยางในหลายหมู่บ้าน และระดับน้ำในลำคลองต่างๆเริ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ซึ่งทาง นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.นครศรีธรรมราช ได้สั่งการไปยังนายอำเภอทุกอำเภอ และเจ้าหน้าที่ ปภ.ออกช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมครั้งนี้ตลอด 24 ชม.และหากพบว่าพื้นที่ไหนเสี่ยงภัยก็ให้อพยพราษฎรไปอยู่ในที่ปลอดภัย

ส่วนในพื้นที่ อ.นบพิตำ น้ำป่าจากยอดเขาไม้ไผ่ ได้ไหลหลากลงมาท่วมด้านล่าง ทำให้สะพานข้ามคลองลง หมู่ 8 ต.กรุงชิง ถูกน้ำท่วมสะพาน ตัดขาดจนราษฎรไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ในขณะเดียวกันน้ำป่ายังไหลบ่าลงมาทำให้ถนนขาดหลายสายในพื้นที่หมู่ 7 และ หมู่ 10 ต.กรุงชิง มีรถกระบะได้ถูกน้ำป่าพัดจมหายไป 1 คัน แต่คนขับหนีออกจากรถได้อย่างปลอดภัย ซึ่งจากเหตุการณ์น้ำป่าพัดถนนในหมู่บ้านขาดหลายสายใน อ.นบพิตำ ทำให้ราษฎรถูกตัดขาดจากโลกภายนอกประมาณ 70 ครัวเรือน อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าได้มีเสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้แล้ว 1 ราย คือ นายมีชัย ลักษณะ อายุ 38 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี ได้ถูกป่าซัดจมหายไปขณะออกไปจับปลาในคลอง เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำมูลนิธิใต้เต๊กตึ้ง ระดมกำลังไปช่วยกันงมศพขึ้นมาได้ในเวลาต่อมา

ที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท้องฟ้ายังคงถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มฝนและลมที่ยังพัดกระโชกแรง ส่วนคลื่นในทะเลยังคงมีกำลังแรง ซึ่งทางผู้ประกอบการโรงแรมในอำเภอเกาะสมุย ได้นำธงสีแดงเป็นสัญลักษณ์ปักเตือนนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำในระยะนี้ พร้อมเตรียมอุปกรณ์ในการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวหากมีนักท่องเที่ยวเกิดจมน้ำทะเล ขณะที่บริเวณท่าเทียบเรือฟิชเชอร์แมน บริเวณในชุมชนตลาดเก่าร้อยปี หมู่ 1 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ซึ่งเป็นท่าเรือไม้เก่าแก่ที่ให้บริการเทียบเรือทัวร์ต่างๆไปยังหมู่เกาะแก่ง ถูกคลื่นซัดจนขาดใช้การไม่ได้ และคลื่นที่กำลังแรงซัดเข้าฝั่งกัดเซาะชายหาดไปถึงตัวบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ส่วนการเดินทางข้ามฝั่งนั้น เรือโดยสารเฟอร์รี่ยังคงให้บริการตามปกติ

ที่ จ.สงขลา มีรายงานว่า ขณะนี้หลายพื้นที่เริ่มได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ในเขตแนวเทือกเขาแก้ว ซึ่งเชื่อมต่อระหว่าง อ.หาดใหญ่ และ อ.รัตภูมิ และเป็นพื้นที่ต้นน้ำ น้ำป่าที่ไหลลงสู่ลำคลองเริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร เช่น ในพื้นที่บ้านกลาง หมู่ 5 ต.ทุ่งตำเสา น้ำจากคลองวาดได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมสวนยางของชาวบ้าน อย่างไรก็ตามภาพรวมในพื้นที่ จ.สงขลา ยังไม่รุนแรง ขณะที่สภาพคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยที่ยังคงมีกำลังแรง เริ่มส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการประมง ผู้ประกอบการแพปลาที่ท่าเทียบเรือประมงใหม่ จ.สงขลา ต้องหยุดกิจการชั่วคราว เพราะไม่มีสินค้าสัตว์น้ำ เนื่องจากเรือประมงใน จ.สงขลา หยุดออกทะเล และเรือทัวร์ขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำไม่สามารถเข้าเข้าฝั่งได้ ผู้ประกอบการแพปลาต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการสั่งสินค้าสัตว์น้ำจากจังหวัดทางฝั่งอันดามันลำเลียงมาทางรถยนต์ส่งให้กับพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย เพื่อนำไปจำหน่ายตามตลาดต่างๆ.

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ 14 ธันวาคม 2557 เวลา 17:52 น.

เชื่อน้ำมันดิบคร่าชีวิตโลมา 4 ตัวรวด​

​

พบซากโลมาหัวบาตรตายเกยชายหาด อ.สิชล วันเดียว 4 ตัวรวด ประธานชมรมอนุรักษ์ทรัพยากร ชี้เป็นเรื่องใหญ่ เหตุเป็นตัวที่ 6 ในรอบ 25 วัน เชื่อเกิดจากก้อนน้ำมันดิบถูกซัดเข้ามา

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. นายอโณทัย อมรกิจ ประธานชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลหาดบางดี-เสาเภา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช รุดเข้าตรวจสอบซากปลาโลมาตายเกยชายหาดหินงาม หมู่ 3 ต.สิชล อ.สิชล พบโลมาหัวบาตรหลังเรียบ เพศผู้ ความยาว 80 ซม. อายุ 2 ปี น้ำหนักประมาณ 15 ก.ก. เสียชีวิตมาแล้วกว่า 10 ชม. สภาพไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด ต่อมาได้รับแจ้งว่าพบซากโลมาหัวบาตรอีก 3 ตัว อยู่ที่ริมหาดปากน้ำเทพา หมู่ 16 ต.ทุ่งปรัง และที่ริมหาดบางดีติดกับปากน้ำท่าหมาก หมู่ 2 ต.เสาเภา สภาพเริ่มเน่าแล้ว ถือเป็นครั้งแรกที่พบซาก 4 ตัว ในวันเดียว

นายอโณทัย กล่าวว่า ช่วงนี้โลมาตายถึง 6 ตัวแล้วในรอบ 25 วัน หลังจากที่มีก้อนน้ำมันดิบลอยมาติดหาดสิชลเป็นระยะทางเกือบ 10 ก.ม. เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งโลมาตัวแรกที่เสียชีวิตหลังจากที่ก้อนน้ำมันลอยมาติดริมหาดเพียง 1 วัน เป็นโลมาสีชมพูขนาดใหญ่ เกยตื้นตายในพื้นที่ อ.สิชล จากนั้นก้ตายต่อมาเรื่อยๆ ซึ่งชาวบ้านต่างวิตกกังวลเพราะยังไม่มีหน่วยงานใดออกมารับผิดชอบในเรื่องนี้.

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ 14 ธันวาคม 2557 เวลา 17:31 น.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/

 

วัยรุ่นอังกฤษโดนโคลนดูดเหตุเดินลัดหน้าผาทะเล​

​

เจ้าหน้าที่หน่วยเรือกู้ภัยแห่งชาติอังกฤษนำเรือเข้าช่วยเหลือเด็กวัยรุ่นหญิง 2 ราย ที่ติดอยู่ในโคลน บนเกาะไอร์ ออฟ ชิปปี เขตเคนต์ ชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของอังกฤษ โดยทั้งคู่ถูกโคลนดูดจนถึงเอว ไม่สามารถนำร่างออกมาจากโคลนได้ด้วยตัวเอง หลังพยายามเดินลัดหน้าผาริมทะเล

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ว่า เจ้าหน้าที่หน่วยเรือกู้ภัยแห่งชาติอังกฤษ (อาร์เอ็นแอลไอ) ของเมืองวิสเตเบิล นำเรือกู้ชีพเข้าช่วยเหลือเด็กวัยรุ่นหญิง 2 ราย อายุ 13 และ 15 ปี หลังติดอยู่ในโคลนริมหน้าผาเขตวาร์เดน เบย์ ชายฝั่งทะเลบนเกาะไอร์ ออฟ ชิปปี เขตเคนต์ ตอนใต้ของอังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัย 3 รายของเขตเคนต์ ได้ลงเรือของอาร์เอ็นแอลไอ โดยสวมชุดกันน้ำและเสื้อชูชีพพร้อมกับนำอุปกรณ์ช่วยเหลือออกจากโคลนตมไปด้วย ก่อนจะเทียบเรือลงตรงจุดที่วัยรุ่นทั้ง 2 คนติดอยู่ และเข้าช่วยเหลือนำเด็กทั้ง 2 ราย ขึ้นเรือกู้ภัยได้สำเร็จก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยก่อนหน้าเมื่อช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้รับแจ้งเหตุช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่สามารถเข้าถึงจุดที่วัยรุ่นทั้ง 2 ราย ติดอยู่ได้ เนื่องจากระยะทางที่ห่างออกไป รวมทั้งอยู่ในช่วงน้ำกำลังขึ้น

ส่วนสาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นทั้ง 2 ราย ติดอยู่ในโคลนนั้น เนื่องจากทั้งสองคนพยายามเดินลัดเรียบไปตามหน้าผาริมทะเลเพื่อล่นระยะทาง แต่ดันเกิดติดโคลนความสูงถึงเอว ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้ โชคดีที่นำโทรศัทพ์มือถือติดตัวไปด้วย ก่อนโทรแจ้งของความช่วยเหลือจากหน่วยดับเพลิง ซึ่งทั้งสองรายไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด มีเพียงอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ

เดลินิวส์ วันจันทร์ 15 ธันวาคม 2557 เวลา 22:25 น.

ม็อบฮ่องกงปิดฉากอย่างเป็นทางการ​

​

การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมาร่วม 3 เดือน ยุติลงแล้วอย่างเป็นทางการ หลังเจ้าหน้าที่เสร็จสิ้นการรื้อถอนค่ายที่พักของมวลชนในจุดสุดท้าย และจับกุมผู้ชุมนุมได้เกือบ 20 คน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ว่านายเหลียง เจิ้น-อิง ผู้ว่าการเกาะฮ่องกง ประกาศให้การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยที่ยิดเยื้อมาตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. หรือ 11 สัปดาห์ สิ้นสุดลงแล้วอย่างเป็นทางการ หลังสำนักงานตำรวจส่งกำลังเจ้าหน้าที่กระจายกำลังรื้อถอนสิ่งกีดขวางและค่ายที่พักของกลุ่มผู้ชุมนุมในย่านคอสเวย์เบย์ ซึ่งเป็นพื้นที่รวมตัวของมวลชนที่ยังเหนืออยู่เป็นจุดสุดท้าย และจับกุมผู้ชุมนุม 17 คน ในจำนวนนี้รวมถึงนักศึกษาและผู้สูงอายุ ซึ่งแต่ละคนไม่แสดงอาการขัดขืนแต่อย่างใด

เหลียงกล่าวด้วยว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองในครั้งนี้นอกจากมีจำนวนผู้เข้าร่วมมาเป็นประวัติการณ์และกินเวลานานที่สุดในประวัติศาสตร์ของฮ่องกงแล้ว ยังสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาะฮ่องกงด้วย นอกจากนี้ สังคมฮ่องกงยังต้องเจ็บปวดและเกิดความแตกแยกจากการปลุกระดมของกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้น

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้เหลียงลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการเกาะฮ่องกง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งมาตั้งแต่ปี 2555 เนื่องจากเป็นผู้บริหารที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงตามครรลองของประชาธิปไตย โดบกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้รัฐบาลจีนยอมรับการเปลี่ยนแปลงให้ชาวฮ่องกงสามารถมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้ว่าการคนต่อไปในปี 2560 ได้อย่างเสรี โดยไม่ต้องผ่านการคัดกรองจากแผ่นดินใหญ่

แน่นอนว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวไม่ได้รับการตอบสนอง โดยรัฐบาลปักกิ่งยืนยันจำนวนผู้มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งในอีกราว 3 ปีข้างหน้า จะมีเพียง 2-3 คน และต้องผ่านการพิจารณาขั้นแรกโดยคณะกรรมาธิการพิเศษ 1,200 คน เพื่อให้กเดความมั่นใจว่า บุคคลนั้นจะมี "ความจงรักภักดี" อย่างแท้จริง

เดลินิวส์ วันจันทร์ 15 ธันวาคม 2557 เวลา 15:37 น.

เรือโดยสารดีอาร์ซีล่ม ตายหมู่กว่า 129 ศพ​

​

เกิดเหตุเรือโดยสารล่มทางตะวันออกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐคองโก (ดีอาร์ซี) เมื่อวันพฤหัสบดี ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 129 ศพ เมื่อวันอาทิตย์ ขณะที่ปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายยังคงดำเนินต่อไป

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองลูบุมบาชี สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์ซี) เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ว่า นายโลรองต์ คาโฮซี ซุมบา หัวหน้าสำนักงานด้านการคมนาคมของจังหวัดคาตันกา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของดีอาร์ซีเผยว่า เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือโดยสารอับปางในทะเลสาบตันกันยิกาแล้วอย่างน้อย 129 ศพ ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้ 232 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย โดยการค้นหาผู้สูญหายอีกกว่า 200 คน ยังคงดำเนินต่อไป

เหตุเกิดขึ้นเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เรือโดยสารเอ็มวี มูทัมบาลา พร้อมด้วยผู้โดยสารราว 500 คน อับปางลงทางตอนเหนือของจังหวัดคาตันกา ขณะกำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองอูวิรา ในจังหวัดคิวูใต้ ซึ่งอยู่ถัดขึ้นไปทางตอนเหนือ คาดว่ามีสาเหตุมาจากสภาพอากาศที่มีคลื่นลมแรง และการบรรทุกผู้โดยสารและสินค้าเกินปริมาณ โดยอุบัติเหตุทางน้ำส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นประเทศมักมีจำนวนผู้เสียชีวิตมาก เนื่องจากไม่มีมาตรการดูแลด้านความปลอดภัยที่เหมาะสม และประชากรส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ยังขาดทักษะการว่ายน้ำ.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 15 ธันวาคม 2557 เวลา 01:41 น.

พบศพโลมาในบังคลาเทศสงสัยเหตุน้ำมันรั่ว​

​

พบศพโลมาน้ำจืดในพื้นที่อนุรักษ์ซันดาร์บันส์ของบังคลาเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับบริเวณที่เกิดเหตุน้ำมันรั่วกินพื้นที่ราว 350 ตารางกิโลเมตร โดยสาเหตุการเสียชีวิตยังคงต้องรอผลตรวจพิสูจน์ต่อไป

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงธากา ประเทศบังคลาเทศ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ว่า หนังสือพิมพ์ธากาทริบูนของบังคลาเทศ เผยแพร่ภาพศพของโลมาน้ำจืดตัวหนึ่งถูกพบในคลองแห่งหนึ่งที่แยกจากแม่น้ำเชลา ที่เกิดเหตุเรือบรรทุกน้ำมันชนปะทะกับเรืออีกลำหนึ่ง จนทำให้น้ำมันเตาหลายแสนลิตรรั่วไหลลงสู่แม่น้ำ โดยศพของโลมาถูกพบห่างจากจุดที่เกิดอุบัติเหตุราว 25 กิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า การเสียชีวิตเป็นผลมาจากน้ำมันรั่วหรือไม่ โดยต้องรอผลการชันสูตรต่อไป

อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในพื้นที่อนุรักษ์ซันดาร์บันส์ ซึ่งเป็นป่าชายเลนที่มีพื้นที่กว่า 10,000 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในบังคลาเทศและอินเดีย รายงานล่าสุดระบุว่า คราบน้ำมันได้แผ่ขยายออกไปกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างราว 350 ตารางกิโลเมตร ชาวประมงท้องถิ่นราว 300 คนต้องใช้เรือนับร้อยลำออกกำจัดคราบน้ำมันด้วยการใช้ภาชนะต่างๆ เช่นหม้อหรือกะทะและฟองน้ำ ในการตักและดูดซับคราบน้ำมัน โดยเมื่อวันเสาร์พบว่า กลุ่มชาวประมงสามารถรวบรวมน้ำมันที่รั่วออกมาได้ประมาณ 18,000 ลิตร นายอามีร์ ฮุสเซน หัวหน้าเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ของซันดาร์บันส์ กล่าวว่า การกำจัดคราบน้ำมันด้วยวิธีดังกล่าว เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดกับระบบนิเวศน์แถบนี้ ซึ่งบริษัทน้ำมันของรัฐจะรับซื้อคืนน้ำมันเหล่านั้นจากชาวบ้าน

นายชาห์จาฮัน ข่าน รมว.ว่าการกระทรวงขนส่งของบังคลาเทศ กล่าวเมื่อวันพุธ ว่า การรั่วไหลของน้ำมันครั้งนี้ จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นนับเป็นหายนะต่อระบบนิเวศน์.

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ 14 ธันวาคม 2557 เวลา 21:12 น.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/

 

Earthquake (มหันตภัยแผ่นดินไหว)​

 

ต้องรอด : คลื่นยักษ์"สึนามิ"​

เผยแพร่เมื่อ 15 พ.ค. 2014​

ต้องรอด คลื่นยักษ์"สึนามิ" รายการที่จะให้ทุกคนได้เรียนรู้วิธีการเอา­­ตัวรอด จากเหตุการณ์จริงที่เคยเป็นข่าวสะเทือนใจบ­­นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอ­­ย "เพราะเส้นกั้นบางๆ ระหว่างความเป็นและความตาย คือความรู้ ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้อง"

 

รายการต้องรอด​