ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

ผลสำรวจชี้ไทยเป็นประเทศเคร่งศาสนาที่สุดในโลก​

​

สถาบันสำรวจชื่อดังเผย ไทยครองแชมป์ประเทศเคร่งศาสนาที่สุดในโลก ด้วยคะแนนร้อยละ 94 โดยมีจีนและญี่ปุ่นรั้งท้ายมีสัดส่วนความเคร่งแค่ร้อยละ 7 และ13 ตามลำดับ

เว็บไซต์หนังาสือพิมพ์อังกฤษ “เดอะ การ์เดียน” รายงานจากประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ว่า สมาคมวิน/แกลลอป อินเตอร์เนชั่นแนล สถาบันจัดทำผลสำรวจและวิจัยตลาดระดับโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐเผยผลการสำรวจความเคร่งศาสนาของประชาชนทั่วโลกจำนวน 65 ประเทศ พบว่า ประเทศไทยรั้งอันดับหนึ่งด้วยคะแนนร้อยละ 94 เป็นประเทศที่เคร่งศาสนาที่สุดในโลก ตามมาด้วยประเทศอาร์เมเนีย บังคลาเทศ จอร์เจีย และโมร็อกโก ได้ไปร้อยละ 93 อันดับต่อมาคือประเทศฟิจิร้อยละ 92 และแอฟริกาใต้ ร้อยละ 91

ส่วนประเทศที่มีประชากรเคร่งศาสนาน้อยที่สุดอันดับหนึ่งคือจีน ได้คะแนนเพียงร้อยละ 7 รองลงมาคือญี่ปุ่นร้อยละ 13 สวีเดนร้อยละ 19 สาธารณรัฐเช็กร้อยละ 23 เนเธอร์แลนด์-ฮ่องกงร้อยละ 26 และอังกฤษร้อยละ 30 โดยประชาชนส่วนใหญ่ของอังกฤษจะตอบว่า พวกเขาไม่เชื่อว่า พระเจ้ามีอยู่จริงและที่เหลือก็ไม่ให้คำตอบ

นายฌอง-มาร์ก เลเกอร์ ประธานสมาคมกล่าวว่า ประชากรทั่วโลกจำนวน 2 ใน 3 ยังคงยืนยันว่า พวกเขามีศาสนา และศาสนาส่งผลอย่างมากต่อกิจวัตรประจำวัน นอกจากนี้ ผู้ที่ระบุว่าตนเองมีศาสนานั้นกำลังมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก โดยผู้คนในช่วงอายุต่ำกว่า 34 ปีจะเป็นช่วงที่หันหน้าเข้าหาศาสนามากกว่าช่วงอายุอื่น รวมทั้งการนับถือศานากำลังเพิ่มมากขึ้นในผู้คนทุกระดับชั้นของการศึกษา

การสำรวจนี้จัดทำขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยการใช้แบบสอบถามกับผู้คน 63,898 คนทั่วโลก แบ่งเป็นประเทศละราว 1,000 คน

เดลินิวส์ วันอังคาร 14 เมษายน 2558 เวลา 13:12 น.

เผยงบกลาโหมสหรัฐสูงสุดในปีที่ผ่านมา​

​

สถาบันวิจัยด้านสันติภาพในสวีเดนเผยค่าใช้จ่ายด้านความมั่นคงในปี 2557 สหรัฐครองแชมป์สูงสุดแต่ลดลงจากปีก่อน ขณะที่จีน รัสเซีย และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งอยู่ในอันดับรองลงมามีตัวเลขเพิ่มขึ้น

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ว่า สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์ม เผยตัวเลขงบประมาณด้านกลาโหมของแต่ละประเทศในปี 2557 ที่ผ่านมา สหรัฐยังคงครองอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยจีน รัสเซีย และซาอุดีอาระเบีย โดยมูลค่ารวมทั่วโลกอยู่ที่ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 58.4 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 0.4 จากปี 2556

แม้จะนำมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่รายงานการใช้จ่ายด้านการทหารของสหรัฐลดลงร้อยละ 6.4 จากปีก่อนหน้า ซึ่งลดลงราว 1 ใน 5 จากปี 2553 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขปัจจุบันยังคงสูงกว่าปี 2544 ราวร้อยละ 45 โดยเหตุวินาศกรรม 11 กันยา ที่เกิดขึ้นในปีนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สหรัฐทุ่มทุนเสริมศักยภาพด้านความมั่นคง

ส่วนตัวเลขของจีนอยู่ที่ประมาณ 216,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 ขณะที่ความขัดแย้งในยูเครนที่กระเทือนไปทั้งภูมิภาค ส่งให้งบประมาณด้านกลาโหมของรัฐบาลเคียฟเพิ่มขึ้นสูงถึงกว่าร้อยละ 20 เป็น 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 129,920 ล้านบาท) ส่วนรัสเซียเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 8 เป็น 84,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท) ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2558 นี้ ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 15 หรือต่ำกว่านั้น ขึ้นอยู่กับผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งในยูเครน

ด้านซาอุดีอาระเบีย หนึ่งในผู้เล่นสำคัญของภูมิภาคตะวันออกกลาง และเป็นผู้นำเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อกบฏฮูซีในเยเมนตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา มีค่าใช้จ่ายด้านการทหารในปีที่แล้วราว 80,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 โดยรายงานระบุว่า ในภาพรวมนั้น การใช้จ่ายด้านกลาโหมทั่วโลกในปีที่ผ่านมาแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยกเว้นในบางภูมิภาคอย่างตะวันออกกลางและแอฟริกาที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ความมั่นคง ขณะที่บางส่วนสะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์จากการบ่อนทำลายของการคอร์รัปชัน.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 13 เมษายน 2558 เวลา 22:48 น.

ไอเอสเผยคลิประเบิดทิ้งโบราณสถานอัสซีเรียอายุกว่า 3,000 ปี​

​

กลุ่มก่อการร้ายไอเอสในอิรัก เผยแพร่คลิปวิดีโอการทำลายเมืองโบราณของจักวรรดิอัสซีเรียในเมืองนิมรัด ตอนเหนือของอิรัก ซึ่งสร้างขึ้นราว 1,300 ปี ก่อนคริสตกาล โดยระเบิดทั้งเมืองจนแหลกกระจุยไม่เหลือชิ้นดี ทางด้านเพนตากอนเผย ไอเอสสูญเสียพื้นที่ยึดครองในอิรักเกือบ 17,000 ตร.กม. แต่ยึดได้เพิ่มอีกเล็กน้อยในซีเรีย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ว่า กลุ่มก่อการร้ายไอเอสในอิรัก เผยแพร่คลิปวิดีโอการทุบทำลายกลุ่มโบราณสถานในเมืองนิมรัด ทางตอนใต้ของเมืองโมซูลในภาคเหนือของอิรัก ในวิดีโอกลุ่มไอเอสใช้ค้อนขนาดใหญ่และสว่านเป็นเครื่องมือ ก่อนจะระเบิดกลุ่มโบราณสถานทั้งหมดจนพังราบเป็นหน้ากลอง แม้โบราณวัตถุอันประเมินค่ามิได้ส่วนใหญ่จะถูกเคลื่อนย้ายไปเก็บรักษาไว้ตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ แต่รูปปั้นขนาดใหญ่อย่างลามัสสุที่มีร่างกายเป็นสัตว์ ศีรษะเป็นมนุษย์ มีปีก ซึ่งทำหน้าที่เป็นสัตว์คุ้มครองตามความเชื่อ ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่นและถูกทำลายไปพร้อมกัน

โบราณสถานดังกล่าว ถูกค้นพบโดยคณะนักโบราณคดีเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นหลักฐานที่แสดงถึงอารยธรรมของจักวรรดิอัสซีเรียในลุ่มแม่น้ำไทกริส เมื่อราวศตวรรษที่ 13 ก่อนคริสตกาล โดยได้รับการยกย่องจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าแห่งหนึ่งของโลก

โบราณสถานและโบราณวัตถุที่เป็นมรดกตกทอดจากความรุ่งเรืองในอดีต เป็นสิ่งที่ขัดกับความเชื่อของกลุ่มไอเอส โดยก่อนหน้านี้ผู้ก่อการร้ายได้บุกเข้าไปทำลายโบราณวัตถุที่เมืองโบราณฮัตรา ทางตอนเหนือของอิรัก และในพิพิธภัณฑสถานโมซูล อีกทั้งยังทำลายหอสมุดและเผาหนังสือเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา โดยนางอิรินา โบโกวา ผู้อำนวยการยูเนสโก กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนับเป็นอาชญากรรมสงคราม ขณะที่นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้ประชาคมโลก ร่วมมือกันยุติการคุกคามดังกล่าว และรณรงค์ต่อต้านการลักลอบค้าวัตถุโบราณด้วย

ที่กรุงวอชิงตัน พ.ท.สตีฟ วอร์เรน โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนตากอน) แถลงเมื่อวันจันทร์ ว่า กลุ่มไอเอสสูญเสียพื้นที่ยึดครองในอิรักถึง 16,800 ตารางกิโลเมตร แต่ขยายพื้นที่เพิ่มในซีเรียได้อีกเล็กน้อย นับตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีที่แล้ว โดยในอิรักกลุ่มไอเอสถูกผลักดันถอยร่นลงไปทางใต้และตะวันตก แต่ยังควบคุมพื้นที่จากทางตะวันตกและทางใต้ของเมืองซินจาร์ ผ่านเมืองโมซุล ไปจนถึงเมืองเบย์จี

พ.ท.วอร์เรน กล่าวอีกว่า แผนที่ใหม่เผยแพร่โดยเพนตากอน แสดงให้เห็นกองกำลังสหรัฐและพันธมิตรยึดคืนพื้นที่ในอิรักคืนได้ บริเวณใกล้เมืองติกริต ภูเขาซินจาร์ และเขื่อนโมซุล ส่วนที่ซีเรีย ถึงแม้กลุ่มไอเอสจะถูกขับไล่ออกจากเมืองโคบานี แต่ก็ยังมีอิทธิพลอยู่เกือบทั่วประเทศ และสามารถรุกคืบยึดพื้นที่ได้มากขึ้นแถวรอบเมืองฮอมส์ และกรุงดามัสกัส เมืองหลวง.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 13 เมษายน 2558 เวลา 22:48 น.

สแตทออยล์จ่อโละพนักงาน 2,400 คน​

​

พิษราคาน้ำมันโลกร่วง บริษัทน้ำมัน 'สแตท ออยล์' ของนอร์เวย์ เตรียมปลดพนักงาน 2,400 คน ในเดือน พ.ค. เพื่อลดค่าใช้จ่าย

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ว่า สแตท ออยล์ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของนอร์เวย์ ประกาศเตรียมปลดพนักงาน 2,400 คน ในเดือน พ.ค. หรือเกือบร้อยละ 11 ของพนักงานทั้งหมด เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงดิ่งลง ทั้งนี้ จากรายงานของหนังสือพิมพ์ ดาเกนส์ เนรินสลีฟ ฉบับวันจันทร์ โดยอ้างการเปิดเผยของตัวแทนแรงงาน ระบุว่า การปรับลดพนักงานจะส่งผลกระทบต่อแผนกวิศวกรรม โดยเฉพาะส่วนที่ทำงานบนแท่นขุดเจาะ และดูแลรักษาบ่อน้ำมัน รวมทั้งพนักงานฝ่ายบริหาร

นายยานนิค ลินด์แบค โฆษกสแตท ออยล์ กล่าวว่า บริษัทกำลังหาแนวทางเสริมการผลิต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงาน แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสามารถระบุจำนวนสุดท้ายที่แน่ชัดได้ การปรับลดพนักงานเป็นส่วนหนึ่งของโครงการประหยัดรายจ่ายรายปี 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปี 2559 ตามที่สแตท ออยล์ ประกาศเมื่อปีที่แล้ว เมื่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ยังคงอยู่เหนือ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีที่แล้ว และล่าสุดอยุ่ต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้บรรดายริษัทด้านพลังงาน ต้องเร่งดำเนินมาตรการตัดลดรายจ่าย และระงับหรือลดระดับการลงทุนตามแผน โดยในส่วนของสแตท ออยล์ ซึ่งประสบภาวะขาดทุนในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว และกำไรลดลงครึ่งหนึ่ง จากผลประกอบการตลอดทั้งปี ได้ประกาศลดการลงทุนลงร้อยละ 10 จากงบประมาณตามแผนที่กำหนดไว้ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับปีนี้ และปรับลดพนักงานลงอีก จากที่ลดไปแล้วร้อยละ 8 เหลือ 22,500 คนเมื่อปีที่ผ่านมา.

เดลินิวส์ วันอังคาร 14 เมษายน 2558 เวลา 01:29 น.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/

 

ภาคใต้ระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง​

​

กรมอุตุนิยมวิทยาเตือน ประชาชนชาวภาคใต้ให้ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง โดยให้อยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไป ว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน แผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้แล้ว ในขณะที่ลมตะวันออกกำลังปานกลางพัดปกคลุมภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากลักษณะอากาศดังกล่าว รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดจันทบุรีและตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

เดลินิวส์ วันอังคาร 14 เมษายน 2558 เวลา 07:49 น.

แม่ใจยักษ์ยัดลูกชายวัย 2 วัน ใส่กระเป๋าทิ้งข้างถนน​

​

เกือบกลายเป็นเรื่องสลดใจในวันสงกรานต์ หลังแม่ใจร้ายนำลูกชายแรกคลอดอายุเพียง 2 วัน ยัดใส่กระเป๋าสีดำรูดซิปปิดอย่างมิดชิด มาวางไว้ที่ริมถนนใกล้ห้างเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี โชคดีชายเก็บขยะขายมาพบก่อน เบื้องต้นแพทย์ช่วยเหลือจนอาการปลอดภัยแล้ว

เมื่อวันที่ 13 เม.ย. พ.ต.ท.ปวีณ แข็งเขตกลาง พนักงานสอบสวน สภ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี รับแจ้งมีผู้นำทารกมาทิ้งไว้บริเวณริมถนนใกล้ห้างเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี ต.แจระแม อ.เมืองอุบลราชธานี จึงรุดไปตรวจสอบ พบเจ้าหน้าที่ รปภ.ห้าง กำลังอุ้มเด็กทารกเพศชาย อายุประมาณ 2 วัน ผิวขาว หน้าตาน่ารักน่าชัง ซึ่งอยู่ในสภาพอ่อนแรง จึงได้เร่งให้หน่วยกู้ชีพ 1669 นำทารกน้อยส่ง รพ.สรรพสิทธิประสงค์ เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลือเป็นการด่วน

สอบสวน นายยอดชาย ขาวผิว อายุ 30 ปี อาชีพเก็บขยะขาย ซึ่งเป็นผู้ที่พบเด็กชาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขี่จักรยานตระเวนเก็บขยะมาจนถึงบริเวณใต้ต้นไม้ริมถนนหน้าห้างเซ็นทรัลฯ ก็พบกระเป๋าสีดำวางทิ้งอยู่ในสภาพรูดซิปปิดอย่างมิดชิด จึงเข้าไปหยิบดูก็ได้ยินเสียงเด็กร้องอยู่ภายใน เมื่อเปิดออกดูก็ต้องตกใจเพราะเจอเด็กทารกคนดังกล่าวมีผ้าขนหนูพันกายอยู่ 2 ผืน เลยรีบหิ้วไปหาเจ้าหน้าที่ รปภ.ห้าง เพื่อให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เบื้องต้น พ.ต.ท.ปวีณ เปิดเผยว่า ขณะนี้แพทย์ได้ให้การช่วยเหลือทารกน้อยจนอาการปลอดภัยแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่า น่าจะเป็นฝีมือของแม่ใจร้ายที่อาจจะตั้งท้องโดยไม่มีพ่อ พอคลอดลูกออกมาจึงนำลูกยัดกระเป๋ามาทิ้ง โชคดีที่มีผู้มาพบเสียก่อน ไม่เช่นนั้นเด็กอาจขาดอากาศหายใจเสียชีวิต อย่างไรก็ตามทางตำรวจจะเร่งสืบสวนติดตามหาตัวแม่ของเด็กรายนี้มาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 13 เมษายน 2558 เวลา 19:42 น.

ผู้พิการเมืองคอนรณรงค์เตือนสติเมาไม่ขับ​

​

ผู้พิการมูลนิธิเมาไม่ขับเครือข่าย จ.นครศรีธรรมราช ร่วมแจกเอกสารกลางถนน รณรงค์เตือนสติเมาไม่ขับ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์

เมื่อวันที่ 13 เม.ย.บริเวณสี่แยกกู้ภัยสิชล ม.2 ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช นายไกรศร จันธิบดี สมาชิกคนพิการมูลนิธิเมาไม่ขับเครือข่าย จ.นครศรีธรรมราช และสมาชิกคนพิการ สาเหตุจากอุบัติเหตุการใช้รถใช้ถนน ร่วมกับ นายโสภณ ทองไสย หัวหน้าศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย จ.นครศรีธรรมราช สาขา อ.สิชล นายไมตรี ดำแก้ว รองนายก อบต.สิชลและ พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.สิชล ได้ร่วมกัน จัดกจกรรมรณรงค์เมาไม่ขับโดยมีการเรียกรถยนต์ที่สัญจรไปมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้รถจอดและมีสมาชิกคนพิการมูลนิธิเมาไม่ขับนั่งรถวีลแชร์ ไปอยู่บริเวณกลางถนน แจกใบปลิวและสติกเกอร์ให้กับผู้คนที่สัญจรไปมา โดยมีเจ้าหน้าที่ อพร.อบต.สิชลและเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สิชล ได้อำนวยความสะดวกในการจราจร นายโสภณ ได้มอบสิ่งของเครื่องใช้จำนวน 20 ชุด ให้กับสมาชิกมูลนิธิเมาไม่ขับเครือข่าย จ.นครศรีธรรมราช เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

ด้าน นายไกรศร จันธิบดี สมาชิกคนพิการมูลนิธิเมาไม่ขับเครือข่ายจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่าสาเหตุที่ต้องมารณรงค์เมาไม่ขับในครั้งนี้ เพราะอยากจะให้ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนไม่ดื่มสุราในขณะที่ขับรถ หรืออยู่ในอาการที่มึนเมา เพราะสาเหตุที่ตัวเองต้องพิการไม่สามารถเดินได้และต้องมานั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต เพราะเคยเมาสุราและขับรถยนต์จนเกิดอุบัติเหตุ จึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้กับใครๆอีก ส่วนเพื่อนๆที่อยู่ด้วยกันในมูลนิธิเมาไม่ขับบางคนก็ไม่ได้ขับรถ แต่มีรถที่เสียหลักมาชนจึงทำให้ต้องพิการไปตลอดชีวิต จึงอยากให้ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนเห็นภาพที่ชัดเจนว่าการเมาแล้วขับเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็จะต้องมานั่งบนรถเข็นเหมือนตนเองไปตลอดชีวิตจึงขอฝากและเตือนสติผู้ที่ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน ขอให้ตระหนักถึงความปลอดภัย และได้อวยพรขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางปลอดภัยตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้และตลอดไป.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 13 เมษายน 2558 เวลา 19:35 น.

แห่สาดน้ำเย็นทั่วหล้าสร้างความสุขวันสงกรานต์​

​

รวมภาพบรรยากาศหนุ่มสาวทั่วแผ่นดินไทย ร่วมเล่นสาดน้ำช่วงวันแห่งความสุขคึกคักไม่หยุด รอยยิ้ม-เสียงหัวเราะ ดังกังวานทุกพื้นที่ คาดติดพันเล่นกันข้ามวันข้ามคืนแน่

เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศ ชุ่มฉ่ำเย็นสดชื่นไปทั่วหองระแหงบนผืนแผ่นดินไทย ชายหญิงหลากเพศหลายวัยต่างคว้าขันและปืนฉีดน้ำพากันมาร่วมสาดน้ำอย่างคึกคัก ทั้งที่หน่วยงานราชการกำหนดให้ และที่สาธารณะต่างๆ สร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับคนไทยอีกครั้งในช่วงวันแห่งความสุข โดยคาดว่าน่าจะเล่นน้ำกันยาวเหยียดข้ามวันข้ามคืนทุกพื้นที่ ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย รวมถึงอาชญากรรมอื่นๆ.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 13 เมษายน 2558 เวลา 19:33 น.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/

 

กินอยู่คือ - กระยาสารท​

เผยแพร่เมื่อ 20 ต.ค. 2012​

 

กินอยู่คือ - เห็ด 3 อย่าง​

เผยแพร่เมื่อ 27 ส.ค. 2012​

 

กินอยู่คือ - อาหารปลอดภัย​

อัปโหลดเมื่อ 23 ก.พ. 2012​

 

กินอยู่คือ - น้ำผึ้ง หวานธรรมชาติ​

เผยแพร่เมื่อ 20 พ.ค. 2012​

 

กินอยู่คือ ใบยี่หร่าไทย เมล็ดเทศ ​

เผยแพร่เมื่อ 19 มี.ค. 2012​

 

กินอยู่คือ - อาหาร ตำนานไทยยวน​

เผยแพร่เมื่อ 15 เม.ย. 2012​

 

กินอยู่คือ - น้ำเงี้ยว​

เผยแพร่เมื่อ 28 มี.ค. 2012​

 

กินอยู่คือ - ย่านาง แซบแบบอีสาน​

เผยแพร่เมื่อ 19 พ.ค. 2012​

 

กินอยู่คือ - ผงนัวรสแซบ​

เผยแพร่เมื่อ 2 มิ.ย. 2012​

 

กินอยู่คือ - กินกันแก่​

อัปโหลดเมื่อ 19 ก.พ. 2012​

 

กินอยู่คือ - เกษตรกรพันธุ์ใหม่​

เผยแพร่เมื่อ 3 เม.ย. 2012​

 

กินอยู่คือ-บางเจ้าฉ่า บ้านไม้ไผ่​

เผยแพร่เมื่อ 6 มี.ค. 2012​

 

กินอยู่คือ - ข้าว คือ โอสถ​

เผยแพร่เมื่อ 9 มี.ค. 2012​

 

กินอยู่คือ - ข้าวลืมผัว​

เผยแพร่เมื่อ 6 พ.ค. 2012​

 

กินอยู่คือ - ข้าวกล้อง​

อัปโหลดเมื่อ 26 ก.พ. 2012​

 

กินอยู่คือ - สิ้นพฤติกรรมเก่า​

อัปโหลดเมื่อ 28 ก.พ. 2012​

 

กินอยู่คือ - สับปะรดไทย​

อัปโหลดเมื่อ 27 ธ.ค. 2011​

 

กินอยู่คือ - สับปะรดภูแล นางแล​

เผยแพร่เมื่อ 4 ส.ค. 2012​