ซื้อบัตรชิงโชคพระสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุง รุ่น๓ ปรอทชมพูนุช-พระท่ากระดานน้อย

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 10 พฤษภาคม 2009.

  1. เอโกจเร

    เอโกจเร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,470
    ค่าพลัง:
    +6,980
    เดี๋ยวโอนให้ครับยาย


     
  2. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    อนุโมทนาจ้าทุกท่าน ขอเล่าเรื่องเมื่อคืน หลังจากเสร็จภารกิจเจาะเวลาหากรรมในอดีตให้ชาวเว็บที่ร่วมบริจาคปัจจัยช่วยเว็บพลังจิตเสร็จเรียบร้อย ก็ลงมานอนภาวนา พอประมาณตีหนึ่งกว่า ๆ

    เห็นพระรูปหล่อลอยองค์ลงรักษ์ดำทั้งองค์ขนาดใหญ่ (น่าจะ ๔ ศอกได้ค่ะ) เป็นปางกายมนุษย์ จึงเข้าไปกราบ ท่านลอยมา หน้าตาเหมือนหลวงปู่ปานแต่จิตรับทราบว่า นี่คือสมเด็จองค์ปฐมปางกายมนุษย์ที่หลวงพ่อฤษีลิงดำท่านถามพระว่าถ้าสร้างปางนี้จะให้ปั้นหน้าตาอย่างไร พระ(สมเด็จองค์ปฐม) ท่านก็บอกหลวงพ่อให้ดูเค้าหน้าหลวงปู่ปาน ผสมหลวงปู่มั่น

    สักพักก็มีอีกองค์ ลงรักดำเช่นกัน ปางสมาธิ ในจิตตอนนั้นบอกว่า นี่คือสำเร็จลุน แล้วต่อมาอีกองค์ หน้าตางดงาม ตอนแรก ๆ ก็สีรักดำเช่นกัน แต่พอจ้องมองไปก็เริ่มสว่าง เปลี่ยนพระพักษต์เป็นเหมือนมนุษย์ มีเนื้อหนังวรรณะผุดผ่อง ผมสีขาว หน้ายาว ไม่อ้วน ไม่ผอมนัก สูง ยิ้มเหมือนพระพุทธรูป มองมาที่ยายผีป่า แล้วยายผีป่าก็ก้มกราบ

    มองไกล ๆ ตอนแรกคิดว่าหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า แต่พอมองใกล้ ๆ ก็ได้คำตอบจากพระองค์ว่า

    "เจ้าสงสัยเรื่อง บรมครูหรือ เจ้าสงสัยเรื่องหลวงปู่โลกอุดรหรือ นี่คือเราเอง"

    ยายผีป่าก็ก้มกราบนมัสการทั้งสามพระองค์อีก แล้วใจก็ยินดีที่ได้กราบครูใหญ่ทั้งสามพระองค์

    ................................................................

    ก่อนภาพจะจาง ท่านก็เกริ่นเรื่องลาภลอย ท่านบอกว่า

    การจะสงเคราะห์เหล่าลูกหลานนั้น ใช่ว่าร้องขอก็จักได้ดั้่งใจเสมอ ทุกอย่างต้องมีเหตุมีผล

    แล้วยายผีป่าก็ถึงบางอ้อ

    หวยที่เพิ่งออกคือ ๑๔๑

    ๑ หน้าคือ บรมครูสมเด็จองค์ปฐม ท่านเป็นที่ ๑ และท่านดลให้กัลยาณมิตรส่งมอบพระให้เพื่อออกให้บูชาอีกรอบ ๑๔ องค์

    .....................................................

    วันนี้การก่อสร้างดำเนินการวางผัง และขุดฐานราก ช่างมาเพียงสองคน ค่าวัสดุก่อสร้างแพงจนงง

    พรุ่งนี้เช้าจะเข้าเมืองกาญจน์เพื่อซื้อหินเมืองกาญจน์ หินศิลาแลง และประตูไวนิล เครื่องสุขภัณฑ์ เพราะว่าถ้าสั่งร้านท้องถิ่น จะได้แต่แบบพลาสติก และเล็ก เราเลือกไม่ได้เลย (ตอนนั้นเซ็นต์เขาเลยต้องเอาไว้ก่อน ไม่มีทางเลือกเนาะ)

    ...............................................



    จำไว้นะคะ เมื่อคืน ยายผีป่าได้นิมิตว่าได้กราบพระพุทธเจ้าและพระโลกกุตตระเจ้า รวม พระองค์
     
  3. mod_x-ray

    mod_x-ray เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    536
    ค่าพลัง:
    +2,686
    ช่วงปีใหม่ยายอยู่บ้านไหมครับ ถ้าว่างจะขึ้นไปหา
     
  4. จิราทิพย์

    จิราทิพย์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +26
    ยาย....คิดถึงมากติดต่อไปไม่รับสายตลอดเลยคิดว่ายุ่งมาก อนุโมทนาทุกอย่างในความดีที่ทำประโยชน์แด่ผู้อื่น.../ ยายผีบ้า
     
  5. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ขออภัยที่หายไปหลายวัน ได้ข่าวว่าเว็บมีขัดข้องด้วยเช่นกันใช่ไหมคะ

    ..........................................................................................

    ช่วงนี้ที่หมู่บ้านมีงานศพติดต่อกัน น้าชายเก๋ก็เพิ่งตายไปเพราะโรคความดันสูง

    ส่วนยายผีป่านอกจากจะดูแลการก่อสร้าง ยังติดช่วยงานศพ และติดงานอื่น ๆ อีกทั้งมีการรับดูดวงจากกัลยาณมิตรที่บริจาคช่วยเว็บก็ดี จากสมาชิกที่คุ้นเคยคุยขอข้อแนะนำก็ดี

    ยังต้องมาคอฟังข่าวการป่วยของ ท่านหลวงตาแผง (พ่อแท้ ๆ ของแม่ของยายผีป่่า ท่านอายุครบร้อยปีนี้หรือร้อยเอ็ด ท่านบอกว่า ประมาณนี้)

    ท่านเข้าทำการผ่าตัดที่สุรินทร์ มาสามวันแล้ว

    อาเจียนออกมาเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด เนื่องจากลำไส้มีแผล

    สักครู่นี้น้องสาวบอกว่า

    ทางคุณหมอขอให้ญาติเซ้นรับรองอนุญาตให้มีการปั้มหัวใจ

    ยายผีป่าจึงขอเวลาท่านที่รอการจัดส่งพระปรอทก็ดี ยาสมุนไพรก็ดี ขอของอะไรมาก็ดี ยายผีป่ายังไม่สะดวกเลยค่ะ ขอโทษมาก ๆ ค่ะ

    เดี๋ยวขอตัวอาบน้ำอาบท่าแล้วจะบึ่งไปคืนนี้เลยค่ะ


    .....................................................


    มิแปลกใจที่ยังไม่มีคำสั่งจากเบื้องบนให้ทำการดำเนินการเปิดให้บูชาพระสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๓ ที่กัลยาณมิตรท่านได้รับบัญชาจากสมเด็จฯ ให้นำมาช่วยยายผีป่าสานต่องาน

    คงเป็นเพราะว่า "ท่านรู้ว่า เรามีเหตุฉุกเฉินต้องมีอันไม่สะดวกให้มาดูแลการบอกบุญตอนนี้กระมัง"


    ...............................................................


    คุณ "ยายผีบ้า" ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้รับสาย พร้อมทั้งอีกหลาย ๆ ท่าน เนื่องจากหัวหมุนจริง ๆ เจ้าค่ะเพราะสายเข้าและงานเข้าอย่างที่เกริ่นข้างต้น

    ขอบคุณทุกน้ำใจเจ้าค่ะ

    .................................

    สุขสันต์วันคริสมาสต์ และรับสิ่งดี ๆ ในวันใหม่ ๆ และวันปีใหม่ที่ใกล้จะถึงนี้ ขอให้มีสุข ศรี สมหวังเทอญฯ
     
  6. หยกแดง

    หยกแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +3,623
    เนื่องในวันใกล้ปีใหม่ที่จะถึงข้าเจ้า กราบขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุณพระศรีรัตนตรัยโดยมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นที่ตั้ง คุณพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์เจ้า อีกทั้งครูเทพและครูธรรมทุกท่านทุกพระองค์โปรดเมตตาคุ้มครองครอบครัวยายและเพื่อนๆนักธรรมทุกท่านให้มีแต่ความสุขความเจริญ ไม่เจ็บไม่ไข้มีกินมีใช้และขอให้คล่องตัวด้วยดีนะเจ้าคะ
    และขอให้งานธรรมทุกอย่างของยายสำเร็จไปได้ด้วยดีเจ้าค่ะ สาธุ

    ขอให้หลวงตาท่านปลอดภัยและหายไวๆนะเจ้าคะขอให้การรักษาผ่านไปได้ด้วยดีเจ้าค่ะ สาธุ.....
     
  7. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    สวัสดีค่ะ ยังคงอยู่ที่สุรินทร์ งานศพหลวงตาแผง ฐิตวังโส (พันธุ์ทอน) เจ้าอาวาสวัดบ้านน้อยลำชี

    ท่านมรณะภาพวันที่ ๒๕ ตอนเย็น

    คือว่าการเดินทางของยายผีป่่าและครอบครัวเดินทางวันนั้นพอดี ก็อธิษฐานจิตขอให้ท่านรอให้เห็นลูกหลานก่อน แต่ถ้าไม่ไหวก็ขอให้ละสังขารไป ก็ภาวนาขึ้นข้างบน

    พอประมาณ ๑๖.๓๘ น. สัมผัสได้ว่าจิตเรารู้ว่าหลวงตาทิ้งสังขารแน่แล้ว เห็นท่านอยู่ในชุดขาวแบบพรหมกราบสมเด็จเช่นกัน ก่อนจะทำให้รู้ว่านี่คือท่านในสภาพเดิมคือพระสงฆ์

    (ก่อนหน้านั้นตลอดการเดินทางก็ได้แจ้งทางเบื้องบนว่า บุญบารมีที่เราทำมาทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนี้ขอให้หลวงตาพึงได้รับเช่นกัน โดยเฉพาะการร่วมสร้าง(ว่าไปตามที่เราจำได้ที่สุด เช่นร่วใสร้างพระปิดทองชำระหนี้สงฆ์ ฯลฯ ถือเป็นการชำระหนี้สงฆ์ทุกชาติภพให้หลวงตาด้วย ) เมื่อท่านอนุโมทนาก็เห็นตามนั้น

    จึงได้บอกทุกคนในรถว่า หลวงตาไปแล้ว ตามเวลาที่มองนาฬิกาหน้าปัดรถ

    .......................................................


    แต่ทางวัดบอกว่า เอาออกจากโรงพยาบาลประมาณ สี่โมงเย็น หมอใส่ลูกโป่งเป่าช่วยหายใจมาให้ พอมาถึงวัดก็ทำกาสวดแล้วดึงสายออกท่านก็ไป (ยายผีป่าคิดว่า ท่านไปตั้งแต่ที่เราสัมผัสได้นั่นเอง)

    ..............................................................


    เรียนแจ้งท่านที่บูชาพระปรอทกรอ ปากทิพย์แบบเดี๋ยวนะคะ ใกล้วาระชำระเงินแล้วนะคะ เพราะยายผีป่าต้องทำการโอนปัจจัยไปยังพระอาจารย์เจ้าค่ะ


    วันนี้จะเดินทางไปนมัสการครูบาอาจารย์เพื่อขอพลังบารมีท่านหนุนให้ในหลวง หลวงตา และเราๆ ทั้งหลาย มีความเจริญ อายุ วรรณะ สุขขะ พละ

    .........................................................

    ปีใหม่นี้ท่านใดที่มีวาสนาได้ไปแถวพิจิตรอย่าลืมกราบหลวงปู่จันทา อรหันต์ด้วยนะเจ้าคะ

    ........................................................

    จะกลับบ้านก็คงหลังเสรจพิธีบรรจุเพลิงหลวงตา (ทางวัดเขาบอกว่า ให้จัดแบบง่าย ๆ อันที่จริงจะเอาไว้ ๗ วัน แต่ยายผีป่ากับน้องสาวทักท้วง (ตอนแรกเขาไม่ให้เราเข้าไปยุ่ง) เพราะวันนั้นเป็นวันปีใหม่ คนเขาไปเที่ยว เขาสนุกกัน คงไม่มีใครอยากมางานศพ และตรงกับวันศุกร์ คิดว่าไม่เหมาะกับวันเผา ขอเลื่อนไปวันที่ ๓

    ทางวัดแจ้งว่า ต้องใช้เงินถึง ๕ แสนบาท ขอให้ลูกหลานเพิ่มเงินช่วยเหลือ (ซึ่งตัวตั้งตัวตีก็มียายกับน้องสาว เราดูแลหลวงตามาตลอดด้วยเงินส่วนตัว แม้กระทั่งสำรองทุกอย่างในวันงานหลายอย่าง เพราะทุกคนวิ่งมาหาเราว่านั่นนี่ก็ไม่มี เลยต้องควักไป)

    ....................................



    แต่จากดูการจัดการงาน แบบเรียบง่าย คนไม่มามากมายในช่วงแรก ๆ ไม่น่าจะใช้งบถึงขนาดนี้

    ..................................

    ก่อนตายหลวงตามีเงินส่วนองค์ที่น้าชายมอบไว้ให้ก่อนน้าชายตาย เมื่อครามาส่งท่านตาแพง ท่านก็บอกว่า ลูกหลานไม่ต้องกังวล หลวงตามีเงินค่าจัดการงานศพท่านแล้ว แต่พอท่านมรณะภาพไม่มีใครเอาบัญชีนี้ออกมาให้ดูแล้วบอกว่า เงินหลวงตาไม่มากหรอก เพราะไม่ได้ไปรับกิจนิมนต์ ไม่ได้รับซองหลายปีแล้ว

    (อ้าวกองกลางสงฆ์อยู่ไหนละคะนี่ เงินส่วนตัวที่ลูกหลานให้อีกละคะ)

    .......................................
     
  8. เอโกจเร

    เอโกจเร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,470
    ค่าพลัง:
    +6,980
    โอนเงินสำหรับพระที่จองไว้และส่ง sms แจ้งแล้วครับ
    รายละเอียดทาง PM ครับ
     
  9. อินชัย

    อินชัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +60
    ขออภัยนะคะ...

    พอดีได้มีโอกาสศึกษาเรื่องพระปรอทของหลวงปู่ละมัย ที่ทางคุณยายเรียกว่า พระปรอทกรอหุง ดิฉันไม่ค่อยเห็นด้วยคะเพราะคนที่เข้ามาอ่านทีหลัง(ในอนาคต)จะสับสนไปกันใหญ่ว่าพระปรอทของลป.ละมัยเป็นปรอทกรอหุงซึ่งผิดมากๆคะ เพราะปรอทกรอก็คือปรอทกรอเป็นลูกกลม ที่ด้านในมีเม็ดปรอทอยู่อีกทีหนึ่ง ส่วนพระปรอทก็คือปรอทที่ฆ่าพิษแล้วนำไปขึ้นรูปเป็นองค์พระต่างหาก
    ****ขออย่าได้สบสนเอามาปนกันมั่วไปหมดนะคะ...คนรุ่นหลังจะสบสนไปกันใหญ่เพราะมีคนรู้จริงน้อยคะ ของจริงต้องไปเรียนถามองค์หลวงปู่เอง ซึ่งแน่นอนที่สุด ส่วนพระของลป.ละมัยท่านนั้นเป็นการแฝงไปด้วยปริศนาธรรมล้วนๆนะคะทุกท่านขา อย่างที่เห็นปิดปาก ปิดตา ปิดหู นั้นก็คือ ท่านจะบอกว่าหัดปิดทวารทั้งหลายแล้วดูแค่จิตของตน อย่าส่อส่ายไปหาเรื่องภายนอกมาใส่ตัว แต่คนส่วนมากก็จะคิดไปต่างๆนานาว่ามีคุณวิเศษไปคนละอย่างสองอย่าง
    ****ส่วนคุณวิเศษต่างๆอยู่ที่ตัวบุคคลเป็นสำคัญว่ามีศรัทธามากน้อยแค่ไหนแล้วหมั่นตั้งใจมั่นอธิษฐานตามที่ลป.ละมัยท่านสั่งสอนมาแล้วทุกท่านจะเห็นและรู้เองคะ
    ***ด้วยความเคารพไม่อยากให้สับสนคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2009
  10. kim9

    kim9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +2,179
    อินชัย<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2785587", true); </script> สมาชิก
    ขออภัยนะคะ...<!-- google_ad_section_end -->

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- google_ad_section_start -->พอ ดีได้มีโอกาสศึกษาเรื่องพระปรอทของหลวงปู่ละมัย ที่ทางคุณยายเรียกว่า พระปรอทกรอหุง ดิฉันไม่ค่อยเห็นด้วยคะเพราะคนที่เข้ามาอ่านทีหลัง(ในอนาคต)จะสับสนไปกัน ใหญ่ว่าพระปรอทของลป.ละมัยเป็นปรอทกรอหุงซึ่งผิดมากๆคะ เพราะปรอทกรอก็คือปรอทกรอเป็นลูกกลม ที่ด้านในมีเม็ดปรอทอยู่อีกทีหนึ่ง ส่วนพระปรอทก็คือปรอทที่ฆ่าพิษแล้วนำไปขึ้นรูปเป็นองค์พระต่างหาก
    ****ขอ อย่าได้สบสนเอามาปนกันมั่วไปหมดนะคะ...คนรุ่นหลังจะสบสนไปกันใหญ่เพราะมีคน รู้จริงน้อยคะ ของจริงต้องไปเรียนถามองค์หลวงปู่เอง ซึ่งแน่นอนที่สุด ส่วนพระของลป.ละมัยท่านนั้นเป็นการแฝงไปด้วยปริศนาธรรมล้วนๆนะคะทุกท่านขา อย่างที่เห็นปิดปาก ปิดตา ปิดหู นั้นก็คือ ท่านจะบอกว่าหัดปิดทวารทั้งหลายแล้วดูแค่จิตของตน อย่าส่อส่ายไปหาเรื่องภายนอกมาใส่ตัว แต่คนส่วนมากก็จะคิดไปต่างๆนานาว่ามีคุณวิเศษไปคนละอย่างสองอย่าง
    ****ส่วน คุณวิเศษต่างๆอยู่ที่ตัวบุคคลเป้นสำคัญว่ามีศรัทธามากน้อยแค่ไหนแล้วหมั่น ตั้งใจมั่นอธิษฐานตามที่ลป.ละมัยท่านสั่งสอนมาแล้วทุกท่านจะเห็นและรู้เองคะ
    ***ด้วยความเคารพไม่อยากให้สับสนคะ



    สวัสดีครับคุณอินชัย
    ใจเย็นๆโยม..............รบกวนใจเย็นๆด้วยครับ ...
    เท่าที่ผมได้อ่านข้อความที่คุณได้บอกมานั้น
    ก็เข้าใจว่าคุณไม่อยากให้คนรุ่นหลังเข้าใจผิด
    แต่คุณน่าจะพูดด้วยข้อความที่ soft มากกว่านี้
    นะครับ
    เพราะ พี่เอื้อมแกก็พูดไปตามที่ แกเข้าใจ
    มันไม่ได้ยากอะไรเลย


    ผู้ปฏิบัติธรรมที่ เค้าไม่เอาจิตไปส่ัายแส่ หาสาระ ที่ไม่เป็นประโยชน์ มาเข้าตัวให้ลำบากใจ ลำบากกายดอกครับ เพราะมันหาสาระที่เป็นแก่นสารอะไรมิได้ สู้เราหันมามองจิตใจ ของเราจะดีกว่าครับ ....ว่าเราดีแล้วรึยัง เรามีทั้งกิเลสหยาบ และละเอียด เข้ัามาให้เราเป็นทาสมันอยู่ตลอดเวลา เรามีสติเห็นมันบ้างรึเปล่า เห็นมันชัดมั้ย หรือว่า ยังคงปล่อยให้จิตไปตาม อารมณ์ที่มากระทบ ที่เกิดขึ้น ทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ โดยที่เราไม่มีสติ หันมาถอนอารมณ์ กิเลสตันหา อุปาทาน ที่มันขุ่นข้อง ตกตะกอน เนื่องนองในใจเราดีกว่า ๆที่จะไปส่ายแส่หา เอาอัตตามา เพิ่ม กิเลสในจิตใจของตัวเราเพิ่มขึ้นไปอีก.............คนเราไม่ได้รู้ไปหมด ไปซะทุกเรื่อง ทุกๆคน ย่อมเคยทำอะไรผิดพลาดมาบ้าง ไม่มากก็น้อย และไม่มีใครที่จะเพอเฟ็กไปซะทุกอย่าง
    ส่วนตัวของพี่เดือน แกไม่เคยอิจฉาริษยาใคร
    ไม่เคยเอาเปรียบใคร ไม่เคยว่าร้ายใคร
    แกมีแต่จะให้ กับให้ซะมากกว่า และแกทำทุกอย่างเพื่อพระนิพพาน เพื่อพระพุทธศาสนา และเพื่อ web นี้มามากมาย
    ตัวแกมีแต่ ความรัก ความปราถนาดีให้กับคนอื่นเสมอๆ
    แกช่วยคนมากมาย โดยที่ไม่หวังผลตอบแทน
    ยิ่งแกเห็นคนได้ดี มีความสุข แกก็ยิ่งดีใจมีความสุขไปด้วย อย่างนี้เค้าเรียกว่า
    คนที่มี พรหมวิหารสี่ประจำใจ................แล้วเราละ?
    (ตัวผมเอง) มีซักข้อแล้วรึยัง?

    พรหมวิหาร 4


    ความหมายของพรหมวิหาร 4
    - พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ พรหมวิหารเป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่

    เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข
    กรุณา ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
    มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
    อุเบกขา การรู้จักวางเฉย

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2009
  11. kim9

    kim9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +2,179
    ขั้นตอนการไปพระนิพพาน (โดยพระราชพรหมยาน หลวงพ่อวัดท่าซุง)

    ทรงความดี

    1) ถ้าเราจะเป็นคนดี เราทำอย่างไร
    อันดับแรก จิตจับ พรหมวิหาร 4 ไว้ก่อน คำว่า พรหมวิหาร 4 นี่ให้รักษาตามกำลัง ค่อย ๆ รักษาเรื่อย ๆ ไปจนมีกำลังเข้มข้นมาก เพราะว่า พรหมวิหาร 4 นี่เป็นศูนย์กลางของความดี คนที่มีพรหมวิหาร 4 อยู่นี่จะมีสมาธิดีเป็นปกติ
    ศีล บริสุทธิ์ต้อง พรหมวิหาร 4
    สมาธิ จะทรงตัวตั้งมั่นเพราะ พรหมวิหาร 4
    ปัญญา กับ วิปัสสนาญาณ จะเข้มข้น ตัดกิเลสได้ง่ายเพราะ พรหมวิหาร 4
    พรหมวิหาร 4 มีอะไร ที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่า เมื่อตื่นขึ้นตอนเช้า จิตใจคิดไว้เสมอ คิดว่าเราจะเป็นมิตรที่ดีของคนและสัตว์ทั่วโลก เราจะไม่เป็นศัตรูกับใคร จะไม่มีเวรมีภัยกับใคร นึกไปถึงคนต่าง ๆ ในโลก ว่าทุกคนก็ต้องการความสุข และทุกคนก็ต้องการความรัก เราจะรักเราจะสงสารคนทุกคนในโลก และสัตว์ทุกตัวในโลก
    ถ้าท่านผู้ใดมีทุกข์ ถ้าไม่เป็นเหตุเกินวิสัยเราที่จะช่วยได้ เราจะช่วยให้เขามีความสุข
    มีจิตอ่อนโยนไม่อิจฉาริษยาใคร เมื่อใครได้ดีจะพลอยยินดีด้วย จิตจะเป็นสุข
    ถ้าเกิดอะไรขึ้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยที่เราจะสงเคราะห์ได้ หรือแก้ไขได้ เราจะวางเฉย จิตใจไม่ซ้ำเติม

    2) ถ้าเรายังปรารภคนอื่นว่าดีหรือชั่ว แสดงว่าเรายังเลวมาก ถ้าเราไม่เลว เราก็ไม่เห็นความเลวของคนอื่นหรอก ถ้าเราเห็นความเลวของบุคคลอื่นมากเพียงไร แสดงว่าเราเลว เลวมากเพียงนั้น
    ต้องไปดูพระพุทธเจ้า ท่านตำหนิใครบ้าง มีไหม เจอไหม ไม่มี เพราะคนทุกคนที่เกิดมาต้องการดีหมด ไม่มีใครต้องการความชั่ว แล้วทำไมถึงได้ทำความชั่ว เพราะ ไอ้กรรมที่ติดตามเรามา เราไม่สามารถจะต้านทานมันได้ เราเกิดมาเราต้องรับผล 2 อย่าง คือ กรรมที่เป็นกุศลอย่างหนึ่ง กรรมที่เป็นอกุศลอย่างหนึ่ง ขณะใดที่กรรมอกุศลครอบงำ จิตไม่มีทางจะทำความดีได้เลย ความเลวมันจะครอบงำจิต เห็นผิดเป็นชอบ ถ้าอกุศลมันถอยไป กุศลกรรมเดิมมันเข้ามาสนอง จะรู้เลยว่าที่ทำครั้งเก่ามาเลวมาก มันก็ไม่ทำ
    พระพุทธเจ้าทรงรู้ว่าดีหรือชั่ว เพราะกรรมบังคับใจ ท่านก็เลยไม่ตำหนิโทษ แต่ก็ทรงตำหนิเหมือนกัน ทรงตำหนิกิเลส ไอ้นี่มันระยำ ช่วยกันไล่มันไปเสียให้หมด นี่ถ้าเราเป็นนักปฏิบัติ ต้องคำนึงตอนนี้

    3) ท่านทั้งหลายจงอย่าลืม อย่าเบื่อในความดีที่ท่านทำ เมื่อเราทำความดีเท่านี้แล้ว เราก็ทำดีให้มันยิ่ง ๆ ขึ้นไป เอามันให้มันเต็มดีให้ได้

    4) จงจำไว้ว่า จริยาที่เราจะต้องทรงใจ มีดังนี้
    - ในยามปกติ เราจะไม่สนใจในจริยาของบุคคลอื่น ใครเขาจะดี ใครเขาจะเลวมันเรื่องของเขา อย่าโอ้อวด อย่ายกตนข่มท่าน อย่าถือตัวเกินไป
    - ไม่มีกังวล
    - ไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นทำลายศีล ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว
    - ระงับนิวรณ์ได้โดยฉับพลัน เมื่อเราต้องการความเป็นทิพย์ของจิต ขณะใดที่จิตต้องการสมาธิ ได้ความเป็นทิพย์นี่มาจากสมาธิ มีความตั้งใจ จิตสะอาด ถ้าต้องการจิตเป็นสุขหรือ ต้องการสมาธิ ต้องระงับนิวรณ์ได้ทันทีทันใด


    5. จิตทรงพรหมวิหาร 4 ตลอดเวลา คือ เป็นปกติตลอดวัน

    6. และขอแถมอีกนิดหนึ่งคือ ใจยอมรับนับถือความดีของพระพุทธเจ้า ความดีของพระธรรม ความดีของพระสงฆ์ มีความรู้สึกว่า ชีวิตนี้มันต้องตาย ถ้าตายเมื่อไรขอไปนิพพานเมื่อนั้น
    ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัททำได้อย่างนี้ ฌานสมาบัติจะทรงตัว คำว่าเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส กำลังใจไม่เสมอกัน สว่างบ้าง มืดบ้างจะไม่มี จะมีแต่คำว่าผ่องใสเรื่อยขึ้นไปตามลำดับ ขึ้นชื่อว่าการเกิดในอบายภูมิต่อไปไม่มีแน่ จะเป็นการเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉานเหล่านี้ ไม่มีอีกต่อไป มีอย่างเดียวคือ มุ่งหน้าไปนิพพาน

    7) รักษากำลังใจให้มันมั่นคงจริง ๆ ให้จิตมันแน่วแน่จริง ๆ อย่าเอาจิตเข้าไปยุ่งกับอารมณ์ภายนอก ทำงานทุกอย่างเพื่อสาธารณะประโยชน์ เราทำเพื่อพระนิพพาน ที่เราทำนี่เพื่อไม่เกิด ไม่ใช่ทำเพื่อเกิด ไม่เกิดทำไม ก็ทำเพื่อเป็นการตัดอารมณ์ว่า ไอ้งานที่เราทำไปแล้ว เราลงทั้งทุน ลงทั้งแรง แต่ว่าทำไปแล้วเราก็รู้ว่ามันเป็น อนิจจัง ของไม่เที่ยงนะ อนัตตา ไม่ช้าก็สลาย มันไม่ตายก่อนเราก็ตายก่อน เราทำเพื่อจิตตัดโลภะ ความโลภ การทำงาน อารมณ์มันจุกจิก ฝึกอารมณ์ใจให้มันเย็น ตัดความโกรธ การไม่สนใจว่ามันเป็นของเรา เพราะว่าเรากับมันไม่ช้าต่างก็บรรลัย เป็นการตัดความหลง ไปนิพพานเลย

    8) เราตั้งใจไว้โดยเฉพาะ รักษาอารมณ์อุปสมานุสสติกรรมฐานเป็นอารมณ์ว่า เราต้องการพระนิพพานในชาตินี้ โดยสรุปตัวท้ายเสียทันที คือ ตัดอวิชชา ความโง่ มานั่งใคร่ครวญว่า มนุษย์โลกก็ดี เทวโลกก็ดี พรหมโลกก็ดี เป็นดินแดนที่ไม่พ้นความทุกข์ ความทุกข์มันมีกับเราได้ทุกขณะจิต เราเป็นมนุษย์เต็มไปด้วยความร้อน ความหนาว ความหิว ความกระหาย ความปวด ความเมื่อย ป่วยไข้ มีความไม่สบาย มีความตายไปในที่สุด มีการกระทบ กระทั่งกับอารมณ์ของชาวโลก เรื่องโลกมนุษย์ไม่ดี เทวโลก กับพรหมโลกก็พักความดีอยู่ชั่วคราว ไม่มีความหมาย ใจเราต้องการอย่างเดียวคือ พระนิพพาน มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ ถ้าจิตถึงตอนนี้ละบรรดาท่านพุทธบริษัท จิตจะเบามาก เหมือนกับมีความรู้สึกว่าเราไม่ได้อะไรเลย จิตมันสบายๆ กำลังฌานที่เราเคยมั่นคง กดอารมณ์นิ่ง มีความหนัก มันจะสลายตัวไป แต่ว่าจิตใจของเรามีความสุข จะกระทบกระทั่งอาการอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตามที ไม่มีความรู้สึกว่ามันจะมีความลำบาก ไม่มีอะไรที่จะมีความหนัก ไม่มีอะไรที่จะทำจิตใจของเราให้เร่าร้อน ได้ยินเสียงคนด่าก็สบายใจ คิดว่าเขาไม่น่าจะทำความชั่ว เป็นปัจจัยของความทุกข์ เห็นใครเขาสรรเสริญเรา ก็ไม่มีความสุขใด ๆ ไม่สั่นคลอน รู้สึกว่าความสรรเสริญไม่มีความหมาย เราดีขึ้นมาได้ไม่ใช่อาศัยการสรรเสริญ หรือว่าถ้าเราไม่ดีก็ไม่ใช่อาศัยการแช่งด่าของบุคคลใด ความดีจะมีขึ้นมาได้หรือความไม่ดีจะมีขึ้นมาได้ ก็เพราะอาศัยเราปฏิบัติเท่านั้น ถ้าจิตใจของบรรดาท่านพุทธบริษัททรงได้อย่างนี้เรียกว่า อรหัตตผล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2009
  12. อินชัย

    อินชัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +60
    คะดิฉันต้องขออภัยที่ตรงไปหน่อยเพราะส่วนตัวแล้วค่อนข้างจะตรงไปตรงมาและถูกต้องเสมอคะ "พี่เอื้อมแกก็พูดไปตามที่ แกเข้าใจ
    มันไม่ได้ยากอะไรเลย "
    ตามข้อความนี้ ว่าไม่ยากจริงๆคะ แต่ขอให้รู้จริง เพราะของจริงเป็นสิ่งไม่ยากจริงๆและชัดเจน แต่ถ้าไม้รู้จริงแล้วเข้าใจไปเองแถมเอามาเผยแพร่แบบนี้ นั่นเขาเรียกว่ามั่วคะ คนที่ไม่รู้เข้ามาเจอเข้าก็พลอยรู้ไม่จริงไปด้วย (เสียไปกันใหญ่)และขอโมทนากับกุศลของคุณยายที่ได้สร้างมาด้วยนะคะ


    อนุโมทนาคะ
     
  13. หยกแดง

    หยกแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +3,623
    ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของหลวงตาท่านด้วยนะคะยาย ขอให้ท่านไปสู่สรวงสวรรค์และเฝ้าดูลูกหลานคอยอวยพรให้ลูกหลานมีแต่ความสุขความเจริญด้วยบุญกุศลที่หมั่นสร้าง บุญใดที่ข้าพเจ้าได้สร้างสมมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้ ข้าพเจ้าขอแบ่งปันให้แก่หลวงตาแผง ฐิตวังโส (พันธุ์ทอน) ทุกบุญเทอญ ขอให้ท่านจงมาร่วมอนุโมทนาบุญกับข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ขอให้ท่านจงไปดีมีแต่ความสุขเทอญ สาธุ.

    ......................

    รักษาสุขภาพนะคะยาย ส่วนปัจจัยเรื่องพระปรอทกรอหุงของหลวงปู่ละมัยท่านดาวจะรีบจัดการให้ค่ะ อนุโมทนาสาธุค่ะ
    ......................

    ไม่ว่าพระท่านจะถูกเรียกขาลว่าสิ่งใด ท่านก็คือพระหาได้เปลี่ยนแปลงไปได้ไม่ หากแม้นเราเคารพนับถืออยู่ในจิตและตั้งมั่นที่จะกระทำความดีตามคำสอนขององค์พระท่าน สิ่งนั้นก็ย่อมถูกต้องตามที่เราเรียกขาลเสมอมิมีสิ่งใดผิด เหตุใดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงสอนให้รู้จักคำว่า อย่าไปยึดมั่นถือมั่น!!
     
  14. kim9

    kim9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +2,179
    คุณยึดติดกับของสมมุติ นามสมมุติ มากจนเกินไปรึเปล่าครับ?
    ก็แค่วัตถุ ของพวกนี้เค้าก็อยู่ของเค้าแบบนั้น
    พวกเราผู้คนที่ยังยึดติดกับ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์
    ก็หลงไปยึดมั่นถือมั่น หลงมั่น........วัตถุมงคลของหลวงปู่ลมัย ท่านก็สร้างมาเพื่อ ให้ผู้คนยึดเอาพระรัตนตรัยเป็น สรณะ เป็นที่พึ่งสูงสุด โดยมีรูปลักษณ์ เป็นปริศนาธรรม
    ให้ผู้คนได้มีสติ พิจารณาข้อธรรมที่ท่านได้ถ่ายทอดเอาไว้
    ในรูปลักษณ์ ของวัตถุมงคล ก็เท่านั้น รบกวนลองไปสอบถามพระท่านอีกรอบนะครับ ว่า เหตุผลที่ท่านสร้างพระขึ้นมาเพื่ออะไร เพื่อมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเพื่อเป็นสะพานให้ผู้คนได้มีสติพิจารณาให้เห็นซึ่งธรรมะ อันเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดใน
    หมื่นโลกธาตุก็เท่านั้นเองครับ.............อย่าไปปรุงแต่ง และยึดมั่นถือมั่น โดยขาดสติพิจารณาเลยครับ เดี๋ยวมันจะกลายเป็น อารมณ์โมหะ และโทสะเสียเปล่าๆ มันจะพลอยทำให้เราขาดสติซะเปล่าๆ หมกมุ่นกับคำที่เราไปสมมุติ ปรุงแต่ง ตั้งชื่อให้มัน ปรุงแต่งนามให้มัน จนทำให้จิตใจเรารุ่มร้อนซะเปล่าๆ .....................เอาง่ายๆว่า เดี๋ยวผมจะสร้าง วัตถุมงคล ประเภทนึง ผมจะตั้งชื่อให้มันว่า " จริต "
    เป็นวัตถุมงคลเพื่อให้ผู้คนเห็น จริตของตัวเอง
    แล้วก็ห้ามคุณ มานี ,มานะ,ปิติ,ชูใจ,ฯลฯ เรียกชื่อวัตถุมงคลของผมเป็นอย่างอื่น เพราะถ้าเรียกชื่ออื่น มันจะทำให้ของไม่ขลัง ไม่ออริจินอล...................นี่คือตัวอย่างๆนึง ที่เห็นง่ายๆ
    คือคนโบราณ ท่านไม่ไปนั่งนับ นั่งคำนวน สั่งห้ามไม่ให้ใครไปเรียก วัตถุมงคลของท่านเป็นชื่อ หรือนามอื่นๆ
    ท่านสร้างมา คนก็เรียกตาม และก็ไปยึดมั่นถือมั่นกับมัน
    ยึดมั่นถือมั่นกับมัน ในคำนามที่เราสมมุติ กันขึ้นมาก็เท่านี้เองครับ แม้กระทั่งผู้สร้างเอง เค้าก็ตายไปกันหมดแล้ว (ยกเว้นพระที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ณ ตอนนี้ นั่นก็รวมถึง หลวงปู่ลมัยด้วยครับ) เค้ายังไม่แยแสซะด้วยซ้ำว่า ไอ้นั่นเราสร้าง ตั้งนามให้มัน ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย ไอ้เราซะอีก ที่มานั่งยึดมั่นมัน มานั่งเจ็บช้ำน้ำใจ เสียใจยึดมั่นถือมั่นกับมัน
    บอกว่าไอ้นั่นไม่ใช่ ไอ้นั้นไม่ดี..............ไอ้ตัวเราซะอีกครับ ที่ไปยึด ไปปรุงแต่งมันเอง
    ของในโลกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่อยู่ในกฏของไตรลักษณ์ทั้งนั้น มี เกิดขึ้น ต่างตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
    ไม่มีใครหรืออะไรที่หนีพ้น ทั้งนั้น ก็ขนาดตัวคน วัตถุและสิ่งของยัง ไม่พ้นกฏของไตรลักษณ์เลย แล้วจะเอาอะไรกับมันกระทั่ง นามที่เราสมมุติปรุงแต่งมันขึ้นมา ที่เราพ่นคำพูดออกมา ซึ่งมันหาสาระแก่นสารแก่นสาร อะไรไม่ได้ซักจุดเดียว ที่จะมาคอยนั่งมองแต่ของปรุงแต่ง แล้วก็เต้นไปตามมัน ..............เอาลมหายใจที่มีค่าไป นั่งปฏิบัติ ศีล สมาธิ เพื่อขุดลอก กิเลส ที่มันขุ่นข้องหมองใจ ที่มันเนืองนองอยู่ในจิตใจเรา ซะยังจะดีกว่า ๆที่จะมาคอยนั่ง เอาสมมุติไปปรุงแต่งให้เกิดอัตตา และเอาไปเพิ่มกิเลสในจิตใจของเราจะดีกว่ามากมายเลยครับ.................

    อ้อ ข้อความนี้
    "พี่เอื้อมแกก็พูดไปตามที่ แกเข้าใจ มันไม่ได้ยากอะไรเลย "
    นี่ผมพูดเองนะครับมาจากปากของผมโดยตรง ผมไม่เคยพูดออกไปเลยนะครับว่าพี่เอื้อมแกพูด หรือเคยพูด
    อย่าเอาไปพาดพิงแกเลยครับ มันจะไม่งาม


    แล้วคุณละเข้าใจในข้อธรรม ในหลักพรหมวิหารสี่ ด้วยใจรึเปล่าครับ ในข้อ กรุณา(ข้อ2) และ อุเบกขา(ข้อ4)
    รบกวนสูดหายใจให้ลึกๆ.... เปิดใจให้กว้างๆ อย่าเอาอารมณ์ มาอยู่เหนือ สติเลยครับ มันจะไม่งาม ไม่เจริญใจ
    ทั้งตัวของคุณเอง และ ผู้คนรอบข้าง .............กราบสวัสดี


    2) ถ้าเรายังปรารภคนอื่นว่าดีหรือชั่ว แสดงว่าเรายังเลวมาก ถ้าเราไม่เลว เราก็ไม่เห็นความเลวของคนอื่นหรอก ถ้าเราเห็นความเลวของบุคคลอื่นมากเพียงไร แสดงว่าเราเลว เลวมากเพียงนั้น
    ต้องไปดูพระพุทธเจ้า ท่านตำหนิใครบ้าง มีไหม เจอไหม ไม่มี เพราะคนทุกคนที่เกิดมาต้องการดีหมด ไม่มีใครต้องการความชั่ว แล้วทำไมถึงได้ทำความชั่ว เพราะ ไอ้กรรมที่ติดตามเรามา เราไม่สามารถจะต้านทานมันได้ เราเกิดมาเราต้องรับผล 2 อย่าง คือ กรรมที่เป็นกุศลอย่างหนึ่ง กรรมที่เป็นอกุศลอย่างหนึ่ง ขณะใดที่กรรมอกุศลครอบงำ จิตไม่มีทางจะทำความดีได้เลย ความเลวมันจะครอบงำจิต เห็นผิดเป็นชอบ ถ้าอกุศลมันถอยไป กุศลกรรมเดิมมันเข้ามาสนอง จะรู้เลยว่าที่ทำครั้งเก่ามาเลวมาก มันก็ไม่ทำ
    พระพุทธเจ้าทรงรู้ว่าดีหรือชั่ว เพราะกรรมบังคับใจ ท่านก็เลยไม่ตำหนิโทษ แต่ก็ทรงตำหนิเหมือนกัน ทรงตำหนิกิเลส ไอ้นี่มันระยำ ช่วยกันไล่มันไปเสียให้หมด นี่ถ้าเราเป็นนักปฏิบัติ ต้องคำนึงตอน

    4) จงจำไว้ว่า จริยาที่เราจะต้องทรงใจ มีดังนี้
    - ในยามปกติ เราจะไม่สนใจในจริยาของบุคคลอื่น ใครเขาจะดี ใครเขาจะเลวมันเรื่องของเขา อย่าโอ้อวด อย่ายกตนข่มท่าน อย่าถือตัวเกินไป
    - ไม่มีกังวล
    - ไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นทำลายศีล ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว
    - ระงับนิวรณ์ได้โดยฉับพลัน เมื่อเราต้องการความเป็นทิพย์ของจิต ขณะใดที่จิตต้องการสมาธิ ได้ความเป็นทิพย์นี่มาจากสมาธิ มีความตั้งใจ จิตสะอาด ถ้าต้องการจิตเป็นสุขหรือ ต้องการสมาธิ ต้องระงับนิวรณ์ได้ทันทีทันใด


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2009
  15. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    อนุโมทนาเจ้าค่ะทุกท่าน วันนี้เพิ่งไปนมัสการสังขาร หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน หรือ เทวดาเดินดิน แล้วแต่ใครจะเรียก แต่ที่มาของเทวดาเล่นดินนั้นเพราะเท่าที่ฟังมานั้นนะคะ ท่านชอบเสกดินเจ้าค่ะั

    ................................

    ขอขอบคุณสำหรับคำท้วงติงจากผู้ที่คิดว่ารู้ถูกต้องกว่าทุกท่านนะคะ

    สาเหตุที่เรียกเช่นนี้นะคะ


    วันที่ไปนมัสการหวงปู่เมื่อคราไปนมัสการส่วนตัวกับคระพลังจิต.คอมบางท่าน ได้เรียนถามหลวงปู่เป็นภาษาอิสาณตามความไม่รู้เรื่องศาสตร์ทางนี้ว่า

    "อันปรอทนี้มันเอิ้นว่าจั๋งได๋หลวงปู่ มันต่างจากจากปรอทกรอบ่หลวงปู่"

    ท่านตอบว่า วิชาปรอทสำเร็จมีหลากหลาย มันมีที่มาไม่ต่างกกันสักเท่าไร จะเรียกว่าเป็นปรอทสำเร็จ ปรอทกรอ มันก็คือกัน

    ......................................


    ขอชี้แจงจากการสอบถามเพิ่มเติมจากท่านผู้ทรงศีลรูปอื่น ท่านตอบว่า

    เวลาออกรบนั้น คนนิยมเอาปรอทมาม้วน มาปั้น มายัดมวลสารเพิ่มเติม แล้วใส่เข้าไปในตะหรุด ในเบี้ยแก้หรือแล้วแต่จะทำกัน ทำเหมือนกรอฝ้าย เขาเลยเรียกติดปากกันมา อันที่จริงก็ปรอทหุง ปรอทสำเร็จนั่นเอง

    ยายผีป่าเลยถามต่อว่า

    คงเหมือนขนม เราจะปั้นรูปทรง บางทีใช้แป้งเหมือนกัน แต่บางอันปั้นกลม ๆ มีรู เรียกอีกอย่าง เอามาปั้นรูปอิ่น เอามาอบ เรียกอีกอย่าง แต่ที่มาคือกันใช่ไหม

    ..........................................

    และปรอทกรอหุงสำเร็จนี้ ท่านพี่ที่ใกล้ชิดหลวงปู่บอกว่า เรียกอย่างนี้แหละ

    .................................................................

    ถ้าทุกท่านเคยไปกราบหลวงปู่ละมัย

    ถ้าไม่ติดในวัตถุ ท่านจะได้ข้อธรรมของท่าน คือ


    จิตคิดอย่างไรได้อย่างนั้น


    เอาปัจจุบัน อย่าลืมลมหายใจ


    และที่สำคัญ คือ วาง และว่าง


    สิ่งที่ยายผีป่าเพิ่งได้รับจากหลวงปู่เมื่อคราไปนมัสการท่านล่าสุดคือ


    ท่านบอกกับยายผีป่าว่า "วิชานี้รวมธาตุได้ไว ถ้าทำคล่องแล้ว จะอยู่กี่ปีกี่สมัยนานเท่าไรก็ได้ แต่ถ้าอยู่แล้ว ไม่กินก็ตายเหมือนกันนะ

    ท่านสอนให้รู้ว่า ความตายคือสิ่งที่หนีไม่พ้น และชีวิตคนเรานั้น เก่งเพียงไร ยังต้องอาศัยระบบกลไกการทำงานของร่างกายและการยอมรับตามสภาพความเป็นจริง


    ทุกครัง้ที่ไปกราบนมัสการครูบาอาจารย์นะคะ ไม่เคยตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้ได้รับวัตถุมงคลจากท่าน จะได้เอาไว้เป็นที่ระลึกว่า ฉันก็มีแล้วนะ ไปบูชาของแล้วกลับ นี่ถือว่าไม่ใช่ยายผีป่า ทุกคราที่ไปหาทุกรูป ทุกท่าน จะตั้งจิตว่า ขอมีบุญได้รับฟังธรรม รับฟังโอวาทอันเจริญที่ท่านปฏิบัติถึงแล้ว เพื่อประโยชน์ทางการปฏิบัติ และส่วนท่านมีอะไรมอบให้ หรือสงเคราะห์ก็ถือว่าเป็นความเมตตา

    และหากมีเหตุว่า อาจต้องมีไว้เพื่อประโยชน์คราหน้า ก็จะบูชามาตามกำลัง ไม่ไปเหมามาเพื่อหวังผลกำไรส่วนตัว


    วันนี้ไปนมัสการหลวงปู่สรวง ตอนใกล้จะกลับ (น้องใบตองไม่ยอมกลับ นอนกลิ้งหน้าโลงแก้วหลวงปู่ บอกว่าจะอยู่ที่นี่)

    พอตอนไปนมัสการกราบที่ปลายเท้าท่าน พอสิ้นคำอธิษฐานขอพลังท่านสงเคราห์

    รีบวิ่งมาให้สามี คือทิดเก๋ โทหาเจ้ามือหวย วิ่ง ๓ บน ตัวละ ๑ พันบาท ทันที ส่วนใบตองกระซิบว่า ๖ ๘ ๗

    แต่เจ้ามือไม่รับ ๘๗ เลยวิ่ง ๓ เท่านั้นค่ะ

    ...............................................................


    อยากเรียนเตือนนักปฏิบัติเพื่อมรรคผลจริง ๆ นะเจ้าคะว่า


    วาง ว่าง จิตคือจิตแต่ไม่ใช่จิต สิ่งต่าง ๆ ที่เรากำหนดมันขึ้นมานั้น ล้วนเป็นมายา วางมันซะ ทำให้มันว่างซะ

    ส่วนใครจะยึด

    ก็ยึดต่อไป

    ..................................

    ขอให้ทุกท่านเจิรญสุข เจิรยธรรม จงสร้างจิตให้งดงาม จงเป็นพุทธะเทอญฯ
     
  16. kim9

    kim9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +2,179
    แหม พี่เอื้อมมาบอกช้าไป
    ไม่งั้น แม่กับพี่สาวผม(รวมทั้งพี่หยกแดงด้วย *-* 5555+)
    คงรวยกันขนาดหนัก..................เฮ้อ คิดถึงพี่เอื้อมนะครับ
    ดูแลสุขภาพด้วย เลยพรุ่งนี้ไปก็ปีใหม่แล้ว

    ขอให้พี่เอื้อม และญาติธรรมทุกๆท่านมีสุขภาพที่แข็งแรง
    ร่ำรวย สุขสมหวังทุกประการ และขอให้เจริญๆทั้งทางโลกและทางธรรมนะครับ............สุขสันต์วัน สงท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่..................ขอคุณพระรักษานะครับ.................ณัฐภัทร
     
  17. หยกแดง

    หยกแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +3,623
    กราบ กราบ กราบ งามๆ ขออนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะยาย
    .......................

    ปีใหม่ใกล้จะถึงแล้ว สิ่งใดไม่ดีก็ขอให้ทิ้งมันไปกันเถิดนะเจ้าคะพี่น้อง ขอให้เพื่อนธรรมทุกท่านมีแต่ความสุขความเจริญ สมหวังกับทุกสิ่งที่ตั้งใจ ขอให้คล่องตัวทุกๆเรื่องนะเจ้าคะ สาธุ รวยๆๆๆๆๆๆๆ เจ้าคร้า......
     
  18. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    เรียนชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียกชื่อวัตถุมงคลที่หลวงปู่ละมัย ท่านสร้าง

    หลวงปู่ละมัย ท่านบอกว่า "ใครอย่างเรียกอย่างไรก็ได้ แล้วแต่จะเรียก"

    จากการบอกเช่นนี้ ทำให้เรามองเห็นว่า "หลวงปู่ท่านพ้นสภาวะ ยึดติดในรูป ในนาม ยึดมั่นตัวตนเป็นเราแล้ว...หากนักปฏิบัติที่เข้าใจในการวิปัสสนา จะรู้ว่า นี่คือหลักที่แท้จริงของการเจริญวิปัสสนา เป็นการทำให้เห็นทุกข์อันเกิดจากรูป นาม ถ้ายายผีป่าว่าง จะแนะนำเพิ่มเติมเจ้าค่ะ เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น"

    ส่วนที่มีผู้ท้วงติงการเรียกรูป นามของลักษณะปรอทกรอ อันที่จริงแล้ว พระปรอทของหลวงปู่ละมัยและอีกหลากหลายท่าน ท่านจะนำปรอทมาหุง อาจจะรวมกับปรอทชนิดอื่น ๆ หรือมวลสารอื่น ๆ ตามวิชานั้น ๆ แล้วมาปั้นมากรอ มาทำเป็นลักษณะต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ แต่เมื่อมีการเริ่มทำแรก ๆ นั้น จะนิยมทำเป็นกลม ๆ หรือรี ๆ ปรอทกรอหลวงปู่ละมัยมีเชื้อทองแดงหุงมาครอบปรอทหุงสำเร็จ นิยมวางไว้หัวนอน หรือมาคาดเอว เวลามีภัยจะได้ยินเสียงเตือนสั่นกร๊อก ๆ ใครศีลไม่เต็ม ถ้าได้รับจากหลวงปู่ ฝีมือหลวงปู่จัดทำนะคะ ระเบิดหมดค่ะ ขนาดศิษย์ต้น ๆ ที่ว่าใกล้ชิดหลวงปู่มาก ๆ คนนับถือมากมาย ยังระเบิดไปแล้วเพราะเหตุที่ว่ายังมีข้อบกพร่องทางการครองศีลอยู่ นิดเดียวก็ไม่ได้นะ มีเหลือกับศิษย์ต้นเพียงท่านสองท่านเท่านั้นที่ถือครองไว้ได้ (ไม่ขอเอ่ยนาม)

    ส่วนท่านที่ยังมีวามสงสัยในเรื่องพระปรอทเพชร เพราะตอนนี้มีเข้ามาให้บูชาในเว็บเรียกพระปรอทเพชร ซึ่งขอชี้แนะดังนี้เจ้าค่ะ

    พระปรอทเพชร คือปรอทหุงสำเร็จ หรือปรอทกรอหุงสำเร็จ ที่หลวงปู่สร้างสำหรับให้ทุกท่านได้บูชากันทั่วถ้วนนั้นมีคุณสมบัติเป็นปรอทเพชรทั้งสิ้น มีมาตั้งแต่รุ่น ปิดปาก ปิดหู ปิดตา (ที่ยายผีป่านำมาบอกบุญ) คือท่านเอาปรอทหลาย ๆ อย่างผสมกัน ตำผสมกันแล้วมาอัดเป็นพระ ที่หลวงปู่ทำเป็นพระราศีเกิดนี่ก็ใช่ รุ่นนี้ท่านเพิ่มมวลสารเข้าไเข้มขึ้นและหลากหลายยิ่งขึ้น ใช้ได้หมดทุกทาง อาราธนาแช่ไปเป็นน้ำมนต์


    ส่วนปรอทเพชรที่กล่าวข้างต้นนั้นเป็นคนละอย่างกับปรอทเพชร สามร้อยเดือด มีน้อย ทำยาก แช่บ่อน้ำร้อน หลวงปู่ทำขี้ปรอทเพชร ๒๑ เม็ด หลวงปู่ต้องแหวกน้ำร้อนให้เป็นน้ำเย็น ตีหนึ่งตีสองกลางคืนย่องไปทำ โดนยามต่อว่าเหมือนกัน น้ำพุร้อนขึ้นไปทางฮอด เลยสันกำแพงไปโน่น ลงไปเอาจริง ๆ เหลือแค่ ๓ เม็ด หลวงปู่บอกเล่าว่าไอ้คนธรรพ์ให้ได้แค่นี้ ทำตั้งปี ได้แค่นี้เอง ใสนิ่งยังกะแก้วสวยมากเลยตัวปรอทเพชร ส่วนขี้ปรอทเพชรนี่ก็เหมือนขี้เฒ่าก้นบุหรี่ ใสเหมือนกันกับตัวแม่)

    หลวงปู่ท่านบอกว่า วิชชาปรอทเพชรที่ท่านทำเพื่อมาทำเป็นพระก็ดี เครื่องลางของขลังก็ดีนั้นไม่มีใครทำได้ นอกจากหลวงปู่ ต้องใช้เวลารวม ๆ ร้อยวัน กว่าท่านจะนำมาหมัก มาเคียว มาเพ่ง ให้วิ่งเข้าหากัน


    ......................................................


    จากข้างต้นนั้น ยายผีป่าได้รับการสอบถามเพิ่มเติมจากผู้รู้จริง ผู้ใกล้ชิดหลวงปู่ที่สุดท่านหนึ่ง และจากการที่เคยได้รับฟังจากหลวงปู่มาเช่นกัน จึงสามารถนำมาแจ้งได้ หากมีการปรับเปลี่ยน หรือเพิ่มเติม แก้ไข จะแจ้งอีกครั้ง

    การเรียกขานรูป นาม กำหนดโดยปถุชนนี้ ขอยกตัวอย่าง อย่างพระจันทร์ลอยของหลวงปู่นั้น เซียนเป็นผู้ตั้ง เรียกทั้งจันทร์ลอย และล้อแม๊กซ์ ส่วนหลวงปู่ท่านเรียกอีกอย่าง แต่พอคนไปถามหาเช่นพวกนักเล่นพระเรื่อย ๆ ท่านจึงว่าตามเขาไป เพราะหากเรียกชื่อแบบไม่ชินหูกัน จำยาก ไม่ติดตลาดไงละคะ
     
  19. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    เปิดศก!บูชาพระสมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง รุ่น ๓ เสริมมงคลชีวิต

    นมัสการพระคุณเจ้า สมณะทั้งหลายที่เคารพ และผู้เป็นกัลยาณมิตรทุกท่าน

    .....................................................................

    บัดนี้ควรแก่เพลาการต้อนรับปีใหม่ ด้วยมหามงคลแล้ว

    สมเด็จองค์ปฐม และพระทุก ๆ พระองค์ รวมทั้งท้าวเทพพรหมเทวา ท่านได้เมตตาต่อสรรพสัตว์เป็นล้นพ้น และกาลนี้ท่านได้เล็งเห็นว่า ยายผีป่่าสัตว์โลกผู้นี้ ลมหายใจและสังขารที่ยังทรงอยู่ ยังพอมีประโยชน์อันพึงกระทำก่อนการดับไปในเวลาหน้าที่จะถึงวันใดวันหนึ่ง ท่านจึงได้มีบัญชาผ่านกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง ดลให้มอบพระสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๓ วัดท่าซุง แก่ยายผีป่า ซึ่งท่านเคยมอบมาให้แล้วหนึ่งชุด อันลุล่วงไปแล้ว เงินนั้นนำมายังประโยชน์ตามแนวทางของยายผีป่าที่แจ้งไว้แล้วก่อนหน้า


    .......................................

    อันที่จริงท่านได้แจ้งให้ยายผีป่าเปิดประกาศให้บูชาได้เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ศกล่วง แต่อันมีเหตุว่า ยังคงอยู่ในพิธีศพของหลวงตา บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ จึงต่อเวลาว่า ขอเพลากลับไปยังทองผาภูมิก่อนจึงจะแจ้งประกาศ

    แต่เมื่อคืนเวลาประมาณ ตีหนึ่งเศษ ๆ

    ได้รับคำเตือนว่า ขอให้แจ่้งเถิด

    .................................................................



    ชุดแรก ของวาระที่ นี้ ท่านให้แบ่งให้บูชา เพียง ๗ องค์


    ให้บูชาไม่เกินคนละ องค์ ต่อการประกาศหนึ่งครั้ง


    วาระนี้ท่านที่มีจิตศรัทธา สามารถบูชาได้ในมูลค่าทางโลกคือ


    ไม่ต่ำกว่าองค์ละ พันบาท

    และเลขมงคลที่ท่านสามารถนำมาประสมกันเพิ่มต่อยอดนั้น ท่านแจงให้ดังนี้

    ๙ - ๒ - ๓ - ๑ - ๔ - ๘ - ๕ -๐ -๖ - ๗

    หากท่านจะเติมจุดทศนิยม ก็พึงกระทำได้เช่นกัน
    ขอยกตัวอย่างเช่น

    ๗๒๖๖.๒๕ หรือ ๙๗๐๙.๑๑ บาท เป็นต้น

    ท่านจะเพิ่มยอดเกิน ๗ พัน เป็น หลักอื่น ๆ ย่อมได้ ตามกำลังศรัทธาเจ้าค่ะ


    ส่วนภาพถ่ายนั้น ท่านเจ้าของพระผู้เมตตามอบให้ ท่านได้ถ่ายภาพบันทึกไว้ ป้องกันการครหาว่าอาจเป็นพระปลอม จะจัดส่งไปตามลำดับหมายเลขที่ท่านกำกับมาเจ้าค่ะ

    อนุโมทนาเจ้าค่ะ
     
  20. chanunnon

    chanunnon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +755
    คะดิฉันต้องขออภัยที่ตรงไปหน่อยเพราะส่วนตัวแล้วค่อนข้างจะตรงไปตรงมาและถูกต้องเสมอคะ

    มิได้ตั้งใจจะขัดน่ะคะ สิ่งใดในโลกยังไม่เที่ยงแท้ ทำไมถึงคิดว่าคุณถึงจะถูกต้องเสมอละคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...