คำตรัสของ พระศรีอริยเมตไตย

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย 12punna, 16 ตุลาคม 2006.

  1. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    ค่ะ คุณไร้กรรม เดี๋ยวให่เราประชุมกันเสร็จ แล้วเราจะตอบคำถามคุณน่ะค่ะ
    เพราะทุกคำถามที่ถามมา เราต้องรอการอนุมัติก่อนถึงจะตอบได้ค่ะ
     
  2. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    ค่ะ เราตอบคำถามเรื่องพุทธศาสนา
    กับเรื่อง..ปัญหาในวงการพุทธศานาน่ะค่ะ
    ส่วนที่คุณตั่งคำถามมาอยุ่นอกประเด็นค่ะ
    หากคุณส่งสัยเกี่ยวกับเศรฐกิจกับการเมือง
    คุณควรไปสอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงน่ะค่ะ
     
  3. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    ชี้แจงระบบการทำงานของ ศาสนาพระศรีอริยะเมตไตย ให้ทราบโดยทั่วกัน

    ๑. ให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่พุทธศาสนานิกชนทั่วไป
    ๒ .เราทำงานภายใต้กฎหมาย ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตร์ทรงเป็นประมุข
    ๓. เราทำหน้าที่เพียงแค่เก็บข้อมูลและทำงานวิจัย เพื่อใช้ในกรณีเผยแพร่พุทธศาสนาเท่านั้น

    ชี้แจง คุณไร้กรรม เพื่อสร้างความเข้าใจ

    ๑.ในกรณีที่คุณบอกเรามีอะไรอย่างที่คุณไร้กรรมเข้าใจ ขอชี่แจงรายละเอียดดังนี้
    ทุกคนที่เข้ามาร่วมในการทำงาน อาศัยความสมัครใจ
    โดยใช้เวลาว่างให้เป็นประโยขน์ ไม่มีการบังคับและไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย
    นอกจากกรณีที่มีผู้มาติดต่อขอรับหนังสือพุทธศาสนา (ยุคพระศรีอริยะเมตไตย)
    ที่เบอร์ 0890762433 มาแล้วข้างต้น และมีความประสงค์ที่จะจัดทำเพื่อแจกจ่าย
    โดยทาง รศ,คร ประยูร สังขยุทธ ท่านเรียกเก็บเฉพาะค่ากระดาษ ส่วนค่าใช้จ่ายในการ
    จัดพิมพ์ ทางท่านจะเป็นผู้ดำเนินการเอง ทางเราเพียงแค่อำนวยความสะดวกให้แค่นั้น
    มิได้มีหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องแต่ประการใด

    ๒. ทางเรามิได้ทำงานเฉไฉอย่างที่คุณไร้กรรมได้ชี้แจงมาแต่ที่แรก เราทำงานด้วยความ
    ตรงไปตรงมา เป็นระบบงานเปิด มีการชี้แจงผ่านสื่อมวลชน หมายถึงให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม
    ส่วนความสำเร็จนั้นมันเป็นอีกประเด็นหนึ่ง และเราเริ่มต้นทำงานตั่งแต่ปี ๒๕๕๓
    โดยมีหลักฐานในการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นการออกหนังสือ การทำหนังสือขอ
    ความร่วมมือไปยังหน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ สถาบันนิสิตนักศึกษา รวมถึงสื่อ
    ประชาสัมพันธ์ทางอินเตอร์เนต เผยแพร่ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทั้งสิ้น
    รวมถึงการออก cd เผยแพร่ ตั่งแต่ต้นปี ๒๕๕๒ ภายใต้กฏหมายรัฐธรรมนูญ

    ๓.ส่วนเรื่องที่คุณไร้กรรมตั่งประเด็นคำถามขึ้นมานั้นไม่ได้อยู่ในระบบการทำงาน
    เพราะเราทำหน้าที่ด้านงานพระศาสนาเท่านั้น และไม่ได้พาดพิงถึงสถาบันใด ๆ
    เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ในบางเรื่องและบางโอกาส
    เท่านั้น และแต่ละหน่วยงานแต่ละองค์กร ก็มีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว
    ซึ่งทางเราไม่ได้มีอำนาจไปบังคับให้องค์กรต่าง ๆ กระทำอยู่แล้ว

    ๔. ทางศาสนาพระศรีอริยะเมตไตย ไม่ใช่ลัทธิของผู้วิเศษ อย่างที่คุณไร้กรรม
    กล่าวอ้างว่าเราต้องมารับผิดชอบทุกอย่าง ไม่ว่าจะใช้คำว่ากรณีทดสอบ
    ความสามารถ หรือปัญญา เรายังคงนโยบายเช่นเดิม ในจุดประสงค์หลักใน
    การเผยแพร่พุทธศาสนาเพียงเท่านั้น

    ชี้แจ้งมาเพื่อให้พุทธศาสนานิกชนทุกท่านได้รับทราบโดยทั่วกันดังนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2011
  4. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    The Four Noble Truth

    1. The First Noble Truth : Dukkha sacca ; the Truth of suffering

    2. The Second Noble Truth : Samudaya sacca ; the Truth of the Cause of Suffering

    3. The Third Noble Truth : Nirodha sacca : the Truth of the Cessation
    of suffering

    4. The Fourth Noble Truth : Magga sacca : the Truth of the Path leading to the Cesssation of Suffering

    These four noble truths are fundamental teaching. In this sermon
    as we have it in the original texts, these four truths are give briefly.
     
  5. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    Magga Sacca

    Magga sacca means the path leading to the end of suffering or the
    way to the cessation of suffering called "The Noble Einghtfold Path
    or the Middle Ways" (Majjhimmapatipada)

    1.Right understanding (Sammaditthi)
    2.Right Thought (Sammasankappa)
    3.Right Speech (Sammavaca)
    4.Right Action (Sammakammanta)
    5.Right Livelihood (Samma-ajiva)
    6.Right Effot (Sammavayama)
    7.Right Mindfulness (Sammasati)
    8.Right Concentration (Sammasamadhi)
     
  6. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    ไร้กรรม ลบโพสถ์หนีกระเจิงไปแล้ว คิดว่าลบล้างความผิดตนเองได้หรือครับนั่น​
     
  7. มหิศวระ

    มหิศวระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +8
    สีเลนะ สุคะติง ยันติ,
    สีเลนะ โภคะสัมปะทา,
    สีเลนะ นิพพุติง ยันติ,
    ตัสฺมา สีลัง วิโสธะเย
     
  8. โอมจงภาวนา

    โอมจงภาวนา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +19
    สิ่งที่โพสต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ "รู้" มาจากจิตภาวนา ผู้เขียนไม่ได้มุ่งหวังปลุกกระแสให้หลงเชื่อ แต่เป็นเพียงการบอกเล่า ผู้อ่านพึงพิจารณาเองเถิด

    โพธิสัตว์ที่จะลงมาตรัสรู้อนาคต ถัดจากองค์พุทธเจ้าสมณะโคดมนั้น คือดวงจิตที่วนเวียนในภพต่างๆมานานแสนนานกว่าผู้ใดที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ท่านดำเนินวิถีปฏิบัติ อย่างโลดโผน ไปมาทุกภพ ทั้งนรก สวรรค์ มนุษย์ และข้ามผ่านมาหลายจักรวาล

    จนเป็นต้นแบบแห่งโพธิสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง ดังนั้นศาสดาองค์ต่างๆที่มาตรัสรู้ในโลก นั้นล้วนผ่านมือการอบรมจากท่านทั้งนั้น
    ในการที่พระองค์อยู่มานานๆกว่าใคร ทำให้มีผู้รักและเกลียดชังท่านเป็นธรรมดา ผู้ที่ขอพรท่านไม่ได้ก็จะเกลียดท่าน มีพวกที่รักและชังท่านต้องการให้ท่านไปนิพพานพ้นทุกข์เสียที
    กาลหนึ่งเมื่อพระองค์มาจุติที่สวรรค์ชั้นพรหมโลกที่แสนนาน พระองค์ได้ทิ้งความวุ่นวายต่างไว้เบื้องหลัง มีเพียงสาวกผู้ร่วมบารมีกับท่านที่ลงมาสานต่องาน ในรูปแบบศาสนาต่างๆ
    ผู้ที่รักและเกลียดชังท่าน ก็ได้วางแผนที่จะให้ท่านเข้าสู่นิพพาน
    โดยเชิญโพธิสัตว์องค์หนึ่งที่มีบารมีเต็มพอดีที่ ให้ลงไปโปรดโลก ซึ่งก็คือพุทธองค์สมณะโคดมนั่นเอง เหตุที่องค์สมณะโคดม ไปเกิดในกาลที่โลกมีประชากรน้อยและมีความเจริญทางวัตถุน้อยนั้นเพื่อเป็นการปูทางให้ พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนั่นเอง
    เมื่อโพธิสัตว์โคตมะ ตรัสรู้เป็นพุทธเจ้า อยู่ในสายตาขององค์โพธิสัตว์ที่อยู่ในชั้นพรมหโลก ทั้งสองเคยมีความสัมพันธ์กันในหลายๆภพชาติ องค์โพธิสัตว์จึงดำริที่จะลงไปศึกษาศาสนาของสมณะโคดม ในจริตทางธรรมที่ท่านเคยปฎิบัติ นั่นจึงเข้าแผนที่วางไว้

    ท่านจึงลงมาจุติในโลก เป็นหญิงในตระกูลศากยวงศ์ ในการที่ท่านลงมาจุตินั้น มีบริวารท่านตามลงมาจุติมากมาย การที่ท่านลงมาจุติในโลกนั้นเพื่อมาศึกษาศาสนาของพุทธองค์สมณะโคดม ท่านลงมาพร้อมกับการตอบแทน โดยการเผยแพร่ศาสนาพุทธขององค์สมณะโคดมด้วย
    ท่านเกิดในตะกูลศากยวงศ์ในเมืองปุตโต(ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด)เป็นเมืองที่ซ่อนเร้น เป็นเชื้อสายศากยวงศ์ที่หลงเหลือจากการฆ่าล้างโคตร
    องค์โพธิสัตว์หญิงผู้นี้ เป็นผู้มีฤทธิ์และปัญญามาก ได้มาเป็นชายาของ พระเจ้าอโศกมหาราช เธอจึงอยู่เบื้องหลังการทำสงครามไปรอบทิศทางเพื่อเป็นฐานในการเผยแพร่พุทธศาสนาสมณะโคดม ในบรรดาบริวารขององค์โพธิสัตว์นั้น มีคู่บารมีและนางแก้วของพระองค์ ลงมาเกิดด้วย คู่บารมีนั้นมีหลายองค์ พระเจ้าอโศกมหาราชก็คือหนึ่งในคู่บารมีของพระองค์ คู่บารมีและนางแก้วของพระองค์ลงมาทำหน้าที่ต่างๆกันมากมาย และแม่ทัพใหญ่ของพระเจ้าอโศกมหาราช ก็คือหนึ่งในคู่บารมีของพระโพธิสัตว์ แม่ทัพที่มีความดุร้าย ดุดัน การสงครามของพระเจ้าอโศกมหาราชจึงนองไปด้วยเลือดไปทุกแห่งหน พระโพธิสัตว์หญิงผู้เป็นทั้งชายา และเป็นทั้งกุนซือในการทำสงคราม เธอคือเบื้องหลังความสำเร็จในการแผ่ขยายอำนาจทั้งปวง เมื่อการสงครามสงบเธอคือผู้โน้มนาวให้พระเจ้าอโศกหันมานับถือศาสนาพุทธและเผยแพร่ศาสนาไปตามภูมิภาคต่างๆ เมื่อพระเจ้าอโศกเลื่อมใสในพุทธศาสนาแล้วบ้านเมืองก็เป็นสุข ส่วนองค์โพธิสัตว์นั้นท่านยังไม่พ้นโลกียะ ท่านไปลอบคบชู้กับพ่อค้าคนหนึ่ง(พ่อค้าคนนี้ก็คือ คู่บารมีของพระองค์ที่มาจุติ) การที่องค์โพธิสัตว์จะออกไปพบชู้นั้น ท่านจะปรุงยาบำรุงให้แก่พระเจ้าอโศก ยานั้นเป็นยานอนหลับ ให้พระเจ้าอโศกอยู่เสมอ แต่มีครั้งหนึ่งที่พระองค์ปรุงยาให้นางกำนัลไปถวาย นางกำนัลที่พยาบาทพระเจ้าอโศกได้ ลอบเพิ่มยาพิษลงไป จนพระเจ้าอโศกสิ้นพระชนน์ เมื่อพระโพธิสัตว์กลับมาจากพบชู้รัก พบว่าพระเจ้าอโศกสิ้นพระชนน์แล้ว พระนางจึงควบม้าหลบหนีไปด้วยความเสียใจด้วยคิดว่าเป็นเพราะพระนาง นางหนีไปบวชเป็นภิกษุณีในหุบเขาอันห่างไกล นางไปโดยมิได้ถวายพระเพลิงศพให้พระเจ้าอโศก ตามประเพณี พระนางเป็นภิกษุณีจนสิ้นอายุขัย

    องค์โพธิสัตว์กลับมาจุติที่วิมานของท่าน หมู่เทวดาก็ทูลให้พระองค์ลงไปตรัสรู้โปรดแก่โลกเถิด เพราะกาลข้างหน้านั้นสัตว์โลกต้องพบภัยพิบัติ สัตว์โลกจำนวนมากจะขาดศีลธรรม และเมื่อโลกเข้าสู่ยุคสุญกาลไร้ศาสนา สัตว์โลกที่สร้างบุญกุศลมาจะมาประปนกับพวกสัตว์นรกที่ถูกปล่อยออกมาล็อทใหญ่ อันทำให้สัตว์โลกที่สะสมบุญมาไขว้เขวไปสู่ทางที่ผิด องค์โพธิสัตว์ถามว่าไม่มีโพธิสัตว์องค์อื่นพอที่จะลงไปจุติเป็นสัมมาพุทธเจ้าแล้วหรือ ก็ไม่มีโพธิสัตว์องค์ใด มีบารมีเพียงพอที่จะตรัสรู้ได้ พระองค์จึงจำต้องลงมา การที่พระองค์ลงมานั้น ได้เกิดสิ่งต่างๆมากมาย เพื่อสร้างเป็นฐาน มีพระโพธิสัตว์หลายๆองค์ที่บารมีไม่มาก ลงมาเป็นพระอรหันต์เพื่อประครองศาสนาพุทธต่อไป มีศาสนาใหม่ๆ นิกายต่างๆมากมาย เพื่อให้เหมาะสมกับจริตของผู้คนต่างๆในแต่ละพื้นที่ ศาสนาต่างๆที่อยู่ในโลกนี้ คือฐานศาสนา ที่มารองรับพระองค์ ในอนาคต ทุกศาสนาคือศาสนาเดียวกัน พิธีการทางศาสนา เครื่องแบบชุดที่ใส่ เป็นแค่สิ่งสมมุติเท่านั้น ศีลคือสิ่งที่มีติดตัวมาทุกผู้ทุกคนอยู่แล้ว มิต้องตามหาจากภายนอก
    หรือผู้ที่ต้องการศีลจากศาสนาที่มีอยู่ ก็จงปฏิบัติในศีลนั้นให้ได้ รักษาสัจจะนั้นให้ได้ อยู่ในวิถึที่ละอายบาป ศีลของทุกศาสนาที่มีอยู่ เพียงพอที่จะต่อยอดสู่การพ้นทุกข์ได้
    อย่าได้เปรียบเทียบความแตกต่างทางศาสนาเพื่อการเอาชนะกัน จงทำตนให้อยู่ในวิถีที่ควร ในศีลธรรมของศาสนาตนเถิด
    ยุคศาสนาของพระองค์ใกล้เข้ามาแล้ว เพราะนางแก้วคู่บารมีพระองค์ลงมาจุติแล้ว นางแก้วคู่บารมีพระโพธิสัตว์องค์นี้มีความดุร้ายมาก แต่มีความเที่ยงธรรม มีเมตตามาก นางเคยเกิดเป็นชายและเป็น แม่ทัพใหญ่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ผู้เคยนองเลือดทั่วชมพูทวีป ตอนนี้ลงมาเกิดเป็นหญิงเพื่อมารับใช้พระโพธิสัตว์ ลักษณะของเธอ คือหญิงที่มีผิวพรรณรูปร่างหน้าตาสวยงามดูอ่อนหวาน แต่มีความดุดันภายใน ทำให้ผู้คนยำเกรง แม้แต่โพธิสัตว์ก็ยำเกรงเธอ เธอรักความถูกต้องยุติธรรม และมีเมตตา เธอจะเกิดในประเทศไทย ในปีขาล ราศีเมษ ซึ่งเป็นฤกษ์สงครามเช่นเดียวกับ คติฤกษ์ของกรุงเทพมหานคร เธอจะเป็นความหวังของโลกที่อยู่ในกุลียุค
     
  9. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    ชี้แจงเพิ่มเติมทำความเข้าใจนิดหนึ่งนะค่ะ

    พระศรีอารย์ท่านเป็นพระที่บวชในบวรพุทธศานาค่ะ
    ท่านเดินทางเผยแพร่ธรรมมะในดินแดนทั่วไปน่ะค่ะ
    ส่วนพวกเราเป็นแค่คนที่ได้ทำงานร่วมกับท่านน่ะค่ะ
    ธรรมะทั้งหมดที่โพส์เป็นของท่านค่ะ
    ท่านมีวิธีการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวค่ะ
     
  10. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    ลองตรวจทานคำสอนได้ในหน้า 3 4 และ 5 ก่อนน่ะค่ะ
    ตามหลักพุทธศาสนาทุกประการค่ะ
     
  11. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    Ariisah s 4 (a true rarity).

    .. I do not feel comfortable Uneasiness .. problem.
    The heart of the problem .. (the pain of death) .. causing the problem.
    Nirot .. nirvana (release) .. The fire problem.
    The practice died out .. (birth) to prevent the problem .. (a).
    The problem, according to pool Covenant religion.
    .. This illness.
    .. Cause of headaches. Cause of abdominal pain. Of pain.
    The problem of headache .. (using paracetamol) is caused by abdominal pain (with brown sauce .. Pharmaceuticals Yatatu white) of pain (pain on .. like balm).
    Protection .. keep exercising. Food that is not toxic to the body.
    .. Any reason. We discuss why ... .. And how the sequence of events that
    Nirvana .. subconsciously before the end of the fire ..
    Times Lo .. it is like his (staff misconduct, fraud, burglary was the wife).
    Anger and violence, he is .. (to sever the life of others (good ones) lying fraud he closed he said the words he is making his suffering.
    I do notice is that the rulers .. Ariisah Lodge 4.
    What is the best man in my life ... It is a good man.
    What is the best man in my life ... The good deeds without expecting anything (the) reward.
    If we do good without expecting anything .. (result) then return.
    Tell a critic .. I blame you.
    I have to praise .. praise it.
    Because of his mental .. There is nothing to hold .. hold it.
    Mindfulness training is good .. well done. Trained to know it ...
    What .. is .. what is evil. What should I do .. and what not to do so.


    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    The Bluetooth word pool .. (kidney damage with him their true friend .. peace-building).
     
  12. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    Rounded Ta 10 ways.


    (Intelligence, approved the idea like living like), the sacrament is not very good (diligence like the gift I intended to do) the concentration is too optimistic (about like the disengagement from) the intelligence is. Luu for his spit off the distress.
    .. I do not think that the group (Stipaan formula) is an expression of our body.
    Looking good .. the mind. Groups (I Stipaan formula) is an expression of our minds.
    Knowledge of how to escape the intellectual enlightenment. (Knowledge of the Sun Crosslake end).
    .. .. I enjoyed my time (good) .. heaven.
    >>>>>>>>> >>>>>>>>>>>>>>>>>>>> (Attain release (non).
    .. .. I Akuslkrrm sin (evil) .. hell.
    Published at middle (the middle path.
    I do not know .. the good adhesion.
    Landscape that had no place to go .. (refer to God or to know).
    Not evil, they do not agree to (Abaipomi) .. in this way will lead you. Dabkants .. nirvana ..
    (Evil .. no. .. Good show. .. Is a real peace.
    (New Apparel clinching the Absolute. Sukhang .. (very happy moment ..).
    When it is not going to get stuck with a bad .. .. I have a debt to the evil mind is called Karma .. percent from the charity since he and I in him ...
    And into my reverie, mental or spiritual, also known as the original. Difficult to look up particular.
    Fairly neutral, is both good and evil. Neither joy and suffering in itself.
    .. If we keep the precepts, it is really going to eat. .. And I like better.
    .. .. If education is too unfair. Fair, one that will need to take .. .. .. What do I hope that (the) reward.
    I just think a lot of charity, but .. .. I do not need to be discussed.
    The most complete happiness in life .. .. the menu is to use human intelligence is just a little .. .. .. some of the greatest problems<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    Buddhist Scriptures .. (kidney damage with him. .. A true friend to peace-building.

    <o:p></o:p>
     
  13. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    บอกได้คำเดียวว่ามั่วพระศรีท่านเกิดเป็นพระอชิตะในศาสนาพระโคดม พระมเหสีพระเจ้าอโศก คือนางเวทวตีเป็นชาวอุชเชนี เป็นพุทธศาสนิกชนเป็นผู้ห้ามไม่ให้พระเจ้าอโศกทำสงครามครับ
     
  14. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    ไปอ่านในหนังสือเล่มที่เขียนเต็มเล่มเสียก่อนน่ะค่ะ
    เพราะท่านก็เขียนเกี่ยวกับ พระอชิตะเหมือนกันน่ะคะ
    และก็ลงท้ายด้วยว่า
    พระอชิตะเถระน่ะค่ะ..และยังมีอีกเยอะ ที่คุณยังไม่รู้น่ะคะ
    แต่สิ่งที่คุณโอมภาวนากำลังทำก็ไม่เกิดประโยชน์หรอกค่ะ
    เขาดูจากพื้นฐานความรู้และที่สำคัญดูที่การกระทำตัวด้วยค่ะ
    ขอบคุณน่ะค่ะที่ติชม ทางเราจะเก็บไว้พิจารณาค่ะ

    ทีมงาน (เมตไตยยะ มิตรแท้..ผู้ร่วมสร้างสันติสุข)
     
  15. มหิศวระ

    มหิศวระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +8
    ด้วยความเคารพ
    เป็นคำสอนของ พระศรีฯ หรือ ของพระพุทธเจ้าครับ
    มีคำสอนของพระองค์ท่าน ที่มานอกคัมภีร์ไหมครับ
    แบบย่อ สั้น ได้ใจความ ไม่ต้องเอาส่วนขยายนะครับ หลักๆ
    ผมจะนำมาพิจารณา หากผมตีธรรมไม่แตกจะเข้ามาถามความนัยอีกครับ
    ขอบคุณ
     
  16. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    ที่เรานำเสนอ ก็ไม่มีนอกหลักพุทธศาสนาน่ะคะ
    อยู่ในหน้า 2,3,4,5,6 น่ะคะ
    คำสอนในพุทธศาสนาเป็นหลักเดียวกันทั้งหมดน่ะค่ะ
    ไม่ว่าพระพุทธเจ้าองค์ไหน ก็สอนเหมือนกัน
    แตกต่างที่เวลาที่จะลงมาแสดงธรรม ซึ่งถ้าสังเกตุก็จะพอเข้าใจว่า
    ที่ผ่านมามีความผิดพลาดในการตีความตามหลักพุทธศาสนาอยู่บ้าง
    ท่านก็มาแก้ไขให้ถูกต้องตามหลักพุทธศาสนาเท่านั้นค่ะ
    ส่วนที่อยู่นอกเหนือตำรา ที่กล่าวมาข้างต้น มีรายละเอียดค่อนข้างมาก
    เช่น ท่านมาเพื่อช่วยฟื้นฟูพุทธศาสนาน่ะค่ะ และยังมีเรื่องประวัติศาตร์
    ของพุทธศาสนา ต้องเข้าใจว่า การแสดงธรรมโดยการเขียน กับการสนทนา
    มันเป็นไปคนหล่ะแบบ โดยเฉพาะการตอบคำถาม เราเลยลงเฉพาะหลักธรรม
    ที่สำคัญไว้ ส่วนที่เหลือท่านจะเป็นผู้ตอบคำถามเองตอนท่านแสดงธรรมน่ะคะ

    ขอบคุณน่ะคะ สำหรับคำถาม
     
  17. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ที่แท้ก็พวกมั่วนี่เองพระไตรมีไม่ศึกษา ไม่ถึงเวลาพระศาสนาของพระศรีก็แอบอ้างพระองค์ท่านแล้ว เพี้ยนจริงๆๆคนพวกนี้ อยู่ไปก็รกศาสนาและพระรัตนตรัย อย่าลืมครับคุณเกิดในพระศาสนาของสมเด็จองค์ปัจจุบัน คุณควรศึกษาของพระองค์ท่าน สงสัยนั่งจนเพี้ยนไปแล้วคนพวกนี้ หลอกใครหลอกได้แต่หลอกตัวเองไม่ได้หรอกคุณ
     
  18. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    ฮืม...ตามสะดวกน่ะค่ะ คุณjoni ดูที่หลักธรรมค่ะ
    อย่าไปดูอย่างอื่น พุทธศาสนาเป็นความรู้ที่มีหลักการและเหตุผล
    คงไม่ยากที่คนจะเข้าไปพิจารณาจะเข้าใจได้...ตามความเป็นจริง
    แต่การทำงานก็ไปได้ ราบเรียบดีน่ะค่ะ..ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ เพราะเขามีพื้นฐานทางพุทธศาสนาอยู่แล้ว
    คำพูดไม่กี่คำของคนไม่กี่คน คงไม่สามารถทำลายตำราที่ถูกตองทั้งเล่มได้หรอกค่ะ
    มันเป็นสัจธรรม..ความเป็นจริงที่พิสูจน์ได้..แค่นั้นเอง

    ขอบคุณน่ะค่ะ...ที่จริง น่าจะแสดงธรรมให้เราฟังบ้างน่ะค่ะ คุณ joni
    คนที่เขามาอ่านเขาจะได้..เข้าใจได้ดีขั้น..
     
  19. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    หลักสูตรการฝึก อภิญญา ๖ และ วิชชา ๘ ( ความรู้ยิ่ง ) ตอนที่ ๑<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทิพพจักขุ ๑ (ญาณที่ทำให้มีตาทิพย์) หมายถึงการที่เรามีความสามารถในการที่มองเข้าไปเห็นจิตใจของผู้อื่นได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อเราอยู่บนรถโดยสาร มีผู้โดยสารคนหนึ่ง ลุกจากที่นั่งเพื่อลงจากรถ ในขณะที่นั่งนั้นว่าง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังที่จะเดินไปนั่ง แต่ผู้ชายคนหนึ่งกับไปแย่งที่นั่งของผู้หญิงคนนั้น ทำให้เราได้เห็น ความเห็นแก่ตัวของคนๆ นั้น <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทิพพโสต ๑ (ญาณที่ทำให้มีหูทิพย์) หมายถึงหากเราได้ยินคนๆ หนึ่งกำลังนินทาใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ทำให้รู้ว่าเขามีความอิจฉาริษยาผู้อื่น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เจโตปริยญาณ ๑ (ฌานที่กำหนดรู้ใจคนอื่นได้) หมายถึงสิ่งที่เราเห็นและเราได้ยินสามารถรับรู้ว่าบุคคลคนนั้นมีนิสัยใจคออย่างไร โดยอาศัยการวิเคราะห์จากมลทิน ๙ อย่าง คือ<o:p></o:p>
    ( โกรธ ๑ หลบหลู่ ๑ ริษยา ๑ ตระหนี่ ๑ มายา ๑ โอ้อวด ๑ พูดปด ๑ มักมาก ๑ หลงไม่รู้ ๑ )<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อิทธิวิธี ๑ (ความรู้ที่ทำให้แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้) มี ๒ วิธี <o:p></o:p>
    ๑. การเข้าโดยอาศัยสมถะกรรมฐาน (สมาบัติ ๘)<o:p></o:p>
    ตาทิพย์ สามารถมองเห็นกายทิพย์ของภูมิต่าง ๆ ได้<o:p></o:p>
    หูทิพย์ สามารถได้ยินเสียงสนทนาของภูมิต่าง ๆ ได้ <o:p></o:p>
    เหตุเกิดจากผู้ที่รักษาความยาวนานของสมาธิ เท่ากับสามารถรักษาจิตตัวเอง โดยการกำหนดอย่างใดอย่างหนึ่งจนเกิดความเคยชิน ผลของการที่ไม่เคลื่อนไหว ก็ได้รับอานิสงส์ของการรักษาศีลไปในตัว<o:p></o:p>
    ๒. การเข้าโดยผ่านวิปัสสนากรรมฐาน ฌานทัศนะ<o:p></o:p>
    อย่างที่เข้าใจว่า การนั่งสมาธิจะใช้หลักวิปัสสนาสลับกับสมถกรรมฐาน คืออธิบายง่ายๆ เมื่อไม่มีอะไรที่จะต้องพิจารณา จิตก็สงบ ความสงบของสมณะผุ้สำเร็จอรหันต์ เหล่าเทวดาก็ต่างชื่นชมและเมื่อได้ยินคำเทศนาธรรมของท่านเหล่านั้น ก็รู้สึกเลื่อมใส ก็จะเฝ้าคอยอารักขา เพราะฉะนั้นอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ ไม่มีในตัวเรา เกิดจากเหล่าบรรดาเทพผู้เลื่อมใสคอยปกป้องคุ้มครอง และส่วนใหญ่<o:p></o:p>
    ก็จะถูก รับเชิญไปท่องในภูมิต่าง ๆ หรือที่เราเรียกกันว่า ฌานทัศนะ (การถอดจิตวิญญาณ)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ปุพเพนิวาสานุสสติ ๑ (ญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้) โดยปกติผู้ที่หมั่นรักษาจิตเป็นประจำ ย่อมมีฌานตัวนี้อยู่<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อาสวักขยญาณ ๑ ( ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป ) เป็นการหยั่งรู้ว่าสัตว์ที่ตายแล้วไปเกิดอยู่ภพภูมิไหน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ๕ ข้อแรก เป็น โลกียอภิญญา ข้อสุดท้ายเป็น โลกุตตรอภิญญา<o:p></o:p>
     
  20. sriaran

    sriaran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +0
    หลักสูตรการฝึกอภิญญา 6 และวิชา 8 (ความรู้ยิ่ง) ตอนที่ 2<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    คนที่จะสำเร็จหลักสูตรของพุทธศาสนาในชั้นนี้ได้มีเคล็ดรับอยู่ที่ว่า คนที่ไม่อยากได้วิข่านี้เท่านั้น..ถึงจะได้
    ...เตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง<o:p></o:p>
    ๑.รักษาร่างกาย และจิตใจให้อยู่ในระดับปกติ<o:p></o:p>
    ๒.ทำตัวสบาย ๆ ออกกำลังกายพักผ่อน<o:p></o:p>
    วิธีการทำสมาธิเบื้องต้น ใช้ได้ทั้งท่านั่งและนอน<o:p></o:p>
    ๑.การเดินอานาปานนสติ<o:p></o:p>
    - ตามดูลมไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องใช้คำบริกรรมภาวนา <o:p></o:p>
    เช่นพุทโธ หรือยุบหนอพองหนอ เพื่อตัดสัญญา หรือความจำ<o:p></o:p>
    - ลมหายใจเข้ารู้...ออกรู้ สั้นรู้...ยาวรู้ <o:p></o:p>
    - สุขก็รู้ว่า..สุข ทุกข์ก็รู้ว่า..ทุกข์ <o:p></o:p>
    สุขเกิดขึ้นก็ดับไป ทุกข์เกิดขึ้นแก้ไขปัญหาจบ...ทุกข์ก็ดับไป<o:p></o:p>
    เมื่อวิตกวิจารณ์ ทั้งสองระงับลง จิตก็จะสงบเองตามธรรมชาติ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การกระทำดีส่งผลใน..ด้านสุข ส่วนการทำชั่วส่งผลใน..ด้านทุกข์<o:p></o:p>
    เมื่อจิตไม่ไปติดค้าง...กับความดี ไม่ต้องไปใช้หนี้....ต่อความชั่ว<o:p></o:p>
    จิตนั้นได้ชื่อว่าละจากกุศลธรรม..ทั้งหลายและอกุศลธรรม..ทั้งหลาย<o:p></o:p>
    และเช้าสู่ภวังค์จิต หรือจิตแท้ตัวเดิม เรียกอีกอย่างว่า อัพยากตาธรรมมา <o:p></o:p>
    ธรรมที่เป็นกลาง คือไม่มีทั้งดีและ..ชั่ว ไม่มีทั้งสุขและ..ทุกข์ ในตัวมันเอง”<o:p></o:p>
    ลักษณะเช่นนี้เขาเรียกว่า นิพพานในตัวของมันเอง<o:p></o:p>
    หรือลักษณะของสมาธิ เขาเรียกสมาธิจิตเดียว<o:p></o:p>
    ความแตกต่างระหว่าง รูปและนาม กับความเป็นคน<o:p></o:p>
    รูป ในที่นี้หมายถึง รูปร่างหน้าตารวมถึงบุคลิกภาพ<o:p></o:p>
    นาม ในที่นี้หมายถึง ลักษณะนิสัยใจคอ<o:p></o:p>
    ๑.รูปดี............นิสัยดี<o:p></o:p>
    ๒.รูปดี............นิสัยไม่ดี<o:p></o:p>
    ๓.รูปไม่ดี........นิสัยดี<o:p></o:p>
    ๔.รูปไม่ดี....... นิสัยไม่ดี <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คนที่น่ากลัวที่สุดในที่นี้คือ รูปดี..นิสัยไม่ดี ส่วนใหญ่คนที่หลงในรูปก็จะเกิดอันตรายกับคนประเภทนี้ เพราะไม่ศึกษานิสัยใจคอกันก่อนบางทีบางรายก็อาศัยการสร้างภาพ หลอกลวงคนอื่นประเภทตีหน้าเศร้า..เล่าความเท็จ หมกเม็ด..ตลอด<o:p></o:p>
    ส่วนคนที่ รูปดี..นิสัยดี ก็ต้องเรียกว่าครบสูตร ซึ่งหาได้ยากยกตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้าของเรา ที่ถึงพร้อมด้วยวิชาและจรณะคือทั้ง ความรู้ และความประพฤติ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ส่วนคนที่ รูปไม่ดี..แต่นิสัยไม่ดี คนประเภทนี้คบได้สบายใจและเป็นการฝึกไม่ให้เราไปหลงในรูปเพราะว่า สังขารมนุษย์ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจากเด็ก เป็นผู้ใหญ่ เป็นวัยชรา หน้าตาคนเราก็ย่อมเปลี่ยนไปเป็นธรรมดาคนที่คิดจะเลือกคู่ครอง ถ้าเลือกคนประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่กันได้นาน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ส่วนคนรูปไม่ดี...นิสัยไม่ดี ส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้รับความสนใจตั่งแต่แรกเพราะไม่ว่า บุคลิกหรือท่าทาง ส่อแววให้เห็นแต่ที่แรกเพราะฉะนั้นจะรู้ว่าเป็นคนดี ควรคบหรือไม่ ก็ต้องใช้เวลา<o:p></o:p>
    ดั่งสุภาษิตที่ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง<o:p></o:p>
    ส่วนร่างกายหากเกิดอาการเมื่อยล้า ก็ขยับเปลี่ยนท่านั่ง ก่อนขยับก็แค่กำหนดรู้ว่าสังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา การละสังขารได้เป็นความสุขเมื่อกำหนดรู้แล้ว ก็ละตัวรู้ในการพิจารณา ก็จะเกิดความสงบหรือเปลี่ยนเป็นเดินจงกรม เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว..สายตาให้กำหนดการมองไปข้างหน้าประมาณ ๑ ฟุต กำหนดจุดขั้นมาหนึ่งจุดแล้วเพ่งอยู่อย่างนั้น หากได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง เช่นจากสีดำ เป็นเขียวหรือแดง ก็แค่มองดูการเปลี่ยนแปลงของมันเฉย ๆ เดี๋ยวมันก็จะดับไปเองหากมีการตึงบริเวณหน้าผาก ก็ให้ลืมตามานิดหนึ่ง ประมาณเศษหนึ่งส่วนสี่ของการหลับตา<o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...