คำตรัสของ พระศรีอริยเมตไตย

ไม่เข้าใจคำถามน่ะ
ทั้งเรื่องรองเท้า..และเรื่องเหลาคำ ก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน
ท่านลองเกริ่นนำ อธิบายให้ฟังหน่อยซิ

 

1.ผมถามเรื่องส่วนตัวของท่านจริงๆ ว่าทุกวันนี้ท่านใช้รองเท้าขนาดเบอร์ใด
ซึ่งเบอร์รองเท้ามันจะเป็นเลขประมาณ30-50 ผมเป็นคนเท้าเล็กผมเบอร์38
คำตอบที่ต้องการให้ท่านตอบเช่น 50
2.ท่านรู้จัก"เหลาคำ"คือบุตรของกษัตริย์ประเทศลาวไหม

ผมรู้สึกสนใจท่านเพื่อนแท้
ผมเพียงอยากทดสอบท่านเล็กน้อยครับ

 

ผมใส่เบอร์เดียวกับคุณนั่นแหล่ะ
ส่วนเรื่อง "เหลาคำ" ผมไม่ทราบจริง ๆ
เพราะผม..มีความชำนาญด้านธรรม
บางเรื่องมันก็กว้างเกินไป น่ะครับ
แต่ถ้ามีรายละเอียดน่าสนใจ ก็เล่าให้ฟังบ้างก็ได้ครับ

 

ขอให้ท่านทำงานสำเร็จได้ผลดั่งตั้งใจนะครับ
ผมไม่รบกวนท่านแล้ว หากว่างๆก็นำธรรมดีดี
ไปฝากพี่น้องชาวพลังใจได้นะครับ

 

มีดวงตะวันหนึ่งดวงอยู่แล้ว...แต่อยากสืบเสาะแสวงหาดวงใหม่ทั้งๆที่ดวงเก่าก็ดีอยู่แล้วและยังไม่สูญหายไปไหน......

 

ทางนิพพาน คือ ทำดี ให้ดียิ่งๆขึ้นๆไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่นิพพานชาตินี้ ก็ชาติต่อๆไป ทุกๆดวงจิตจุดหมายสุดท้ายไปนิพพานทุกดวง

 

วิสาขบูชา...2554...โดย..ศรีอารย์

หากท่านมีเงิน... สักล้านหรือ สองล้าน ท่านอาจจะไปทำประโยชน์ให้กับสังคมได้มากมาย
เช่น การบริจาคทานในโอกาสต่างๆ ช่วยเหลือสังคม หรือช่วยผู้ประสบภัยต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี และน่ายกย่อง สรรเสริญ

...แต่ท่านจงจำไว้อย่างหนึ่งว่า....

ถึงแม้ท่านจะมีเงิน สักร้อยล้านหรือ พันล้าน...
ชีวิตของท่านทั้งชีวิต...อาจจะไม่มีโอกาสได้ใส่ข้าวลงในบาตรพระอริยะเจ้า
ผู้ซึ่งหลุดพ้นจากกิเลศ...แม้แต่เพียง..ครั้งเดียว

"การกราบไหว้พระอริยะเจ้าแม้เพียงครั้งเดียว มีค่ามากกว่าการทำทานวันละพัน
....นานติดต่อกันนับร้อยปี"

 

ผู้ใด ละบุญและละบาปเสียได้แล้ว
ประพฤติพรหมจรรย์ ด้วยการพิจารณา
ผู้นั้น ชื่อว่าเป็นภิกษุ
โยธ ปุฌฺญเจ ปาปญฺจ ปวาเหตุวา พรหมจริยํ
สงฺขาย โลเก จรติ ส เว ภิกฺขุติ วุจฺจติ
พุทธพจน์ พระไตรปิฏก (ภิกขกสูตร เล่มที่ ๒๕ หน้าที่ ๒๕๔)

การสะสมความดีนั้น....คือการสร้างทางแห่งสวรรค์
แต่ทำความดีและไม่ยึดติดผลของความดีนั้น..เรียกว่านิพพาน"

"คนพาล..มักจะใช้วิธีการเดิม ๆ เพื่อที่จะให้ผลดีกว่าเดิม
บัณฑิตพึงงดเว้นเสียซึ่งวิธีการของคนพาล"

ทำอย่างไม่หวัง...ทำอย่างตั่งใจ...ก็จะไม่พบกับ..ความผิดหวัง(ความทุกข์)
เมื่อเราทำปัจุบันให้ดีแล้ว...อนาคตก็จะรวมตัวของมันเอง

"ภูผาหิน..ไม่หวั่นไหวตอ่แรงลมฉันใด
บัณฑิต ยอ่มไม่หวั่นไหวต่อคำนินทา..สรรเสริญฉันนั้น"

"นักเดินทางไกล..เที่ยวสะสมเสบียง..เรี่ยไร แบกไว้ แวะกินตามทาง
บัณฑิต พอแล้ว วางไว้ ให้คนหลัง เพราะรู้แจ้ง..นิพพาน"

ทีมงานเมตไตยยะ มิตรแท้ผู้ร่วมสร้าง...สันติสุข

 

วันอาสาฬหบูชา...๒๕๕๔

ธรรมเพียงข้อเดียว...ที่ใช้เข้าสู่...นิพพาน
คือ....ทำอะไร.......อย่าหวังสิ่งตอบแทน
พุทธวจนะ..... .พระศรีอารย์

ทีมงานเมตไตยยะ มิตรแท้ผู้ร่วมสร้าง...สันติสุข

 

วันอาสาฬหบูชา...๒๕๕๔

ธรรมเพียงข้อเดียว...ที่ใช้เข้าสู่...นิพพาน
คือ....ทำอะไร.......อย่าหวังสิ่งตอบแทน
พุทธวจนะ..... .พระศรีอารย์
ขออนุญาตถามคำถามอีก เพราะงง อีกแล้ว

จากข้อความข้างบน

ทำอะไร.......อย่าหวังสิ่งตอบแทน

ถ้าทำดี ก็ยังพอเข้าใจได้ แต่ถ้าทำชั่วล่ะ เพราะว่า ไม่ได้ระบุไว้ว่าให้ทำอะไร อย่างไร

มันยังกำกวม ไม่กระจ่าง สำหรับผู้อ่านบางท่านที่คิดมาก

และก็มีสงสัยเพิ่มอีกช่วยอธิบายหน่อยสิครับ

1. ถ้ามีคนทำไม่ดี แต่ว่าเค้ารู้เทคนิค เลยทำให้จิตใจ ว่าง หรือว่าคิดในเรื่องกุศลตอนทำ ความไม่ดี จะมีผลยังไง ขอความกระจ่างอย่างละเอียดด้วย
2. ถ้ามีความจำเป็นต้องทำการฉีดยุงในบ้านตัวเอง(ต้องฉีดจริงๆๆ เลี่ยงไม่ได้เด็ดขาด) นี่เรียกว่าทำไม่ดีใช่ไหม
2.1 ถ้าใช่ ต้องทำยังไง ให้เกิด อกุศลหรือกรรมที่จะสนองกลับมาหาเราน้อยที่สุด
2.2 หรือจะให้ทำแบบ ข้อแรก คือตอนฉีดยุง ก็ทำจิตใจให้ว่างๆ หรือนึกถึงเรื่องกุศลที่เคยทำมา
2.3 ... หรือมีข้อแนะนำอื่นๆๆ อีก

 

ตอบ ojoeo (กฎเขาก็มีอยู้แล้วว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เทคนิคแบบนั้นใช้ไม่ได้หรอก)
แล้วอย่างที่ผมเขียนน่ะ มันเป็นบทสรุป ของเรื่องที่อธิบายมาแต่ทีแรก ไม่ใช่อยู่ดี ๆ มาเขียนประโยคเดียวแล้วจบ ที่เขียนสรุปให้เพื่อที่จะไม่ให้คนถกเถียงกัน เพราะจะเป็นบาปเป็นกรรม โดยไม่ได้ตั่งใจ

ปฏิฆะกรรม (การกระทำคืน)

ข้อต้องจด...ต้องจำ...ให้ขึ้นใจ

"สมณะพราหมณ์ ในธรรมและวินัยนี้ บางท่าน บางพวก ได้กระทำกรรมชั่วไว้มากบ้าง
...น้อยบ้าง เมื่อเลิกกระทำกรรมชั่ว หันมาทำกรรมดี ผลของกรรมชั่วที่เคยทำไว้มากบ้า<WBR>​ง
น้อยบ้าง ก็จะจางไป และผลของกรรมชั่วนั้นก็จะหมดไปใ<WBR>​นที่สุด ฉันใดก็...ฉันนั้น
สมณะพราหมณ์ ในธรรมและวินัยนี้ บางท่าน บางพวก ได้กระทำกรรมดีไว้มากบ้าง
น้อยบ้าง เมื่อเลิกกระทำกรรมดี หันมาทำกรรมชั่ว ผลของกรรมดีที่เคยทำไว้มากบ้าง
น้อยบาง ก็จะจางไป และผลของกรรมดีนั้นก็จะหมดไปในท<WBR>​ี่สุด"

"ถ้าทำความดีช้าไป ใจ...จะยินดีในบาป"
พุทธวจนะ (เมตไตยยะ มิตรแท้...ผู้ร่วมสร้างสันติสุข<WBR>​)

ojoeo เรื่อง ยุงน่ะ
ท่านต้องเข้าใจในขบวนการเวียนว่ายตายเกิด
สัตว์บางจำพวก ตายแล้วสูญ
บางจำพวกมีขบวนการเวียนว่ายตายเกิด
สัตว์ที่มีขบวนการเวียนว่ายตายเกิด ต้องมีอายุมากกว่า 1 วิกัปป์ หรือ 10 ปี ขึ้นไป
ยุงมีมาก่อนมนุษย์ซ่ะอีก ก่อนที่พรหมจะลงมาจุติด้วยซ้ำ
เหมือนเวลาท่านกินยา ท่านกินยาไปก็เพื่อฆ่าเชื้อโรคเหมือนกัน มันก็เป็นการฆ่าเหมือนกัน
ผมก็ยกตัวอย่างเรื่องทานกับการรบให้ท่านฟังแล้วไม่ใช่หรือ ว่าทำไม...ไม่เป็นกรรม
เช่นถ้าเราฆ่าไก่เพื่อเป็นอาหาร ถือเป็นการอนุโลม แต่ถ้านำไก่ไปตีกันถือเป็นกรรมไม่อย่างงั้นคนคงตกนรกไปหมดแล้ว ไม่ต้องไปไหนกันหรอก เว้นแต่ฆ่าสัตว์ที่มีระบุไว้ว่าห้ามฉัน ๑๐อย่างน่ะ เช่นเนื้อมนุษย์ เนื้อช้างเป็นต้น เพราะพุทธะรู้ว่าสัตว์พวกนั้นมีขบวนการเวียนว่ายตายเกิด
คุณเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้าเถอะ ว่าแค่ไหนก็แค่นั้น

เวชสุวรรณน่ะ เขารู้ดีว่าอะไรควรเป็นความผิด อะไรไม่ควรเป็นความผิด

และที่สำคัญที่ท่านต้องรู้ก็คือ ในระบบของภูมิก็มีการทำงานเหมือนมนุษย์ ไม่แตกต่าง
ข้อกำหนดเพื่อให้มนุษย์ อยู่อย่างไม่ลำบากเกินไป และที่สำคัญการฆ่าสัตว์ที่ถือว่าเป็นกรรมคือการฆ่ามนุษย์ และต้องเป็นคนดีด้วย

ผมก็ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว คุณช่วยตั่งใจอ่าน ที่ผมโพส์ตั่งแต่ต้นจนจบสักหน่อย คุณจะเข้าใจเอง

แต่คำถามคุณดีน่ะ ผมก็ตอบคุณแล้ว จริงแล้วเราควรหาทางป้องกันไม่ให้ยุงกัดดีกว่าเดี๋ยวจะตายเพราะยุง แต่ถ้าสุดวิสัยจริง ๆ ก็จัดการได้ครับ เพราะยุงมันจะมาตัดรอนขีวิตเราก่อนที่เราจะได้สะสมความดีเสียอีก เพราะยุงมันเอาความดีไปมันก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ

ขอบคุณสำหรับคำถามดี ๆ

 

"สิ่งทีมนุษย์....เป็นได้ดีที่<WBR>​สุด....คือเป็นคนดี
สิ่งที่มนุษย์....ทำได้ดีที่สุด<WBR>​.... คือทำความดีไม่หวังสิ่ง(ผล)ตอบแ<WBR>​ทน"

"คนเราถ้าทำความดี โดยไม่หวังสิ่ง(ผล)ตอบแทนแล้ว
ถึงแม้จะมีผู้ติเตียน...ก็ติเตี<WBR>​ยนเปล่า
ต่อให้มีผู้สรรเสริญ...ก็สรรเสร<WBR>​ิญเปล่า
เหตุเพราะจิตของเขา..ไม่มีสิ่งใ<WBR>​ดที่จะยึดมั่น...ถือมั่น"

พุทธะวจนะ (เมตไตยยะ มิตรแท้....ผู้ร่วมสร้างสันติสุ<WBR>​ข)

 

กัมมันตะ ๑๐ ประการ

(ปัญญาเห็นชอบ, ความดำริชอบ) กลุ่มปัญญา คือ คิดดี
(การพูดจาชอบ, การทำการงานชอบ, การเลียงชีวิตชอบ) กลุ่มศีล คือ พูดดี ทำดี
(ความพากเพียรชอบ, ความระลึกชอบ,​ ความตั่งใจมั่นชอบ) กลุ่มสมาธิ คือ มองโลกในแง่ดี
(ความรู้ชอบ,ความหลุดพ้นชอบ) กลุ่ม ปัญญา คือ ความรู้ในการหลุดพ้นจากความทุกข​์

คิดดี พูดดี ทำดี ...ฐานที่ตัว กลุ่ม (สติปัฏฐานสูตร) คือ การแสดงออกจากกายเรา
มองโลกในแง่ดี.....ฐานที่ใจ กลุ่ม (มหาสติปัฎฐานสูตร) คือ การแสดงออกจากใจเรา
ความรู้ในการหลุดพ้นจากความทุกข์ คือ ปัญญาที่รู้แจ้ง (ความรู้ที่ทำให้อาสวะสิ้นไป)

สุข.........กุศลธรรม ........บุญ(ดี)........สวรรค์
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>​(นิพพาน, ความหลุดพ้น,(อนัตตา) )
ทุกข์.......อกุศลธรรม.......บา​ป(ชั่ว).......นรก

หลักมัชฌิมาปฎิปทา (ทางสายกลาง)

"ทำความดีอย่ายึดติด.....ผลของค​วามดี
ภูมิที่ดีก็ไม่มีให้ไปเกิด...(ห​มายถึงชั้นเทวดาและชั้นพรหม)
ไม่ทำความชั่วก็ไม่ตกลงสู่อบายภ​ูมิ หนทางนี้แล...จะนำพาพวกท่าน ดับขันธ์ ..นิพพาน"

(ความชั่ว....ไม่มี ความดี...ไม่ปรากฎ อยู่จบ...สงบจริง) (นิพพานัง ปรมัง สุขัง)

ศาสนาสอนคน....เป็นคนดี
ใครทำลายศาสนาก็เท่ากับว่าทำ​ลายวิชา...สอนคนดี
จงไปเคารพลูกหมาเป็น....อาจารย์
เพราะมันยังสอนลูกหลานให้รู้จัก​...เมตตา
โตขึ้นยังมีค่า เพราะได้ชื่อว่า..หมา..ยอดกตัญญ​ู

"ความสุขที่สมบูรณ์ที่สุด.... ของมนุษย์
คือการที่ใช้ปัญญาที่มีอยู่...เพีย<WBR>​งน้อยนิด พิชิตปัญหาที่...ยิ่งให<WBR>​ญ๋"


พุทธะวจนะ...พระศรีอารย์ (เมตไตยยะ มิตรแท้...ผู้ร่วมสร้างสันติสุข​)

 

“เมื่อจิตไม่ไปติดค้าง...กับควา<WBR>​มดี ไม่ต้องไปใช้หนี้....ต่อความชั่<WBR>​ว
จิตนั้นได้ชื่อว่าละจากกุศลธรรม<WBR>​..ทั้งหลาย และอกุศลธรรม..ทั้งหลาย
และเช้าสู่ภวังค์จิต หรือจิตแท้ตัวเดิม เรียกอีกอย่างว่า อัพยากตาธรรมมา
ธรรมที่เป็นกลาง คือไม่มีทั้งดีและ..ชั่ว ไม่มีทั้งสุขและ...ทุกข์ ในตัวมันเอง”

“ถ้า...รักษาศีลมัน...มากเกินไป<WBR>​ รักษาใจอย่างเดียว...ดีกว่า
ถ้า...ศึกษาธรรมมัน..มากเกินไป ธรรมข้อเดียวที่....จะต้องใช้
คือ....... ทำดีอะไร... อย่าหวังสิ่ง(ผล)ตอบแทน”

“แค่จิตคิดเป็นกุศลก็ให้ผลมากแล<WBR>​้ว....ไม่ต้องกล่าวถึงตอนลงมือท<WBR>​ำ”

พุทธวจนะ...พระศรีอารย์ (เมตไตยยะ...มิตรแท้ผู้ร่วมสร้างสันติสุข)

 

"ไม่ว่า จะเป็น บรรพชิต หรือ คฤหัส ไม่ว่าจะเป็นคนมี หรือคนจน
ผู้ครองเรือนหรือไม่ครองเรือน หากท่านเจริญทางสายเอกคือ มรรค์มีองค์ ๘
เมื่อท่านทั้งหลายประพฤติพรหม์จ<WBR>​รรย์ที่ดี ท่านจักข้ามฝั่ง และพ้นจากวัฎสงสารนี้ได้
ผู้ใดละบุญ ละบาป ในโลกนี้ได้แล้ว ท่านจักไม่ต้องกลับมาเกิดอีก"


"การฝึกสติที่.....ดีที่สุด ก็คือ ฝึกให้มัน..รู้จักว่า
อะไร..คือดี อะไร..คือชั่ว สิ่งไหนควรทำ...และสิ่งไหนไม่คว<WBR>​รทำ”

พุทธวจนะ...พระศรีอารย์ (เมตไตยยะ...มิตรแท้ผู้ร่วมสร้างสันติสุข)

 

"คนที่พูดว่าชีวิตยังอยู่อีกนา<WBR>​น...ตายไป....เมื่อวานนี้
ท่านทั้งหลาย....จงอย่าได้ดำรงค<WBR>​์ชีวิตอยู่ด้วยความประมาทเลย
จงประครองกุศลธรรมทั้งหลาย...แล<WBR>​ะละจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
แม้ท่านทั้งหลายจะยังไม่ปราถนาน<WBR>​ิพพาน...ก็ยังได้ไปเสวยสุขบนสวง<WBR>​สวรรค์
แม้ท่านได้ไปเสวยสุขบนสรวงสววรค<WBR>​์จนเป็นที่พอใจแล้ว ก็จักดับขันธ์ในที่นั่นได้
...เหตุเพราะเธอได้ เข้าใจแล้วว่า นิพพานมีลักษณะเช่นไร สุดท้ายก็จะกลายเป็นสูญ เช่นกัน"


"บัณฑิตทั้งหลาย..ท่านจงจำประโยค<WBR>​ที่ตถาคตกล่าวไว้เพียง....ประโยคเดี<WBR>​ยว
ให้เหมือนดั่ง..กำขนนกเพียงเส้น<WBR>​เดียวในมือ..ที่ย่อมดีกว่านกทั้<WBR>​งตัวที่บินอยู่บนอากาศ
แม้เธอเพียงจดจำ...เพียงข้อความ<WBR>​เดียว เธอก็จักหลุดพ้นจากที่สุดแห่งกองท<WBR>​ุกข์ได้"

"ผู้ใด ละบุญ...ละบาป ได้ในชาติปัจจุบัน
.........มีสติระลึกอยู่กับปัจจุบั<WBR>​น ประพฤติอยู่ซึ่งพรหมจรรย์
ผู้นั้นหลุดพ้นจากวัฏะสงสาร...ใ<WBR>​นชาติปัจจุบันนี้ได้"


พุทธวจนะ....พระศรีอารย์ (เมตไตยยะ มิตรแท้...ผู้ร่วมสร้างสันติสุข<WBR>​)

 

สัจธรรมความจริง..ใครกล่าว ก็ย่อมเป็นเช่นนั้นเอง สาธุ

 

"บางคน..หลุดพ้นด้วยตนเองเพียงลำพัง ก็มีความสุขไป...อีกแบบหนึ่ง
บางคน..หลุดพ้นแล้วนำพาคนหลุดพ้นด้วย ก็มีความสุขไป...อีกแบบหนึ่ง
เพราะความสุขเป็น...เพียงอนัตตา..ซึ่งหาค่ามาประมาณ...มิได้"

พุทธวจนะ...พระศรีอารย์ (เมตไตยยะ มิตรแท้...ผู้ร่วมสร้างสันติสุข)

 

<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
<!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 336x280 */google_ad_slot = "0551074580";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_0_anchor><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=aswift_0 onload="var i=this.id,s=window.google_iframe_oncopy,H=s&&s.handlers,h=H&&H,w=this.contentWindow,d;try{d=w.document}catch(e){}if(h&&d&&(!d.body||!d.body.firstChild)){if(h.call){i+='.call';setTimeout(h,0)}else if(h.match){i+='.nav';w.location.replace(h)}s.log&&s.log.push(i)}" height=280 marginHeight=0 frameBorder=0 width=336 allowTransparency name=aswift_0 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS>
เชื่อใน อริยะเมตรไตร บ้างมั้ย
เชื่อมั้ย ว่า องคุลีมาล สามารถสำเร็จอรหัน แต่ไม่สามารถนิพพาน เพราะ ทำบาปมาก
ได้มาเกิดเป็น อัลเบิต ไอสไตล์ เพื่อ หยุดสงครามโลก ด้วยประมาณู แต่ก็บาปมากขึ้นอีก
และได้เกิดมาเป็นหลวงปู่มั่น เพื่อแสวงหา ร่างพันธุกรรม สมบูรแบบ ในการมาเกิดเป็นอริยะเมตรไตร (*ที่หลวงปู่มั่นบอกชอบฝัน ว่าตัวเองถือดาบนั้น เพราะฝันถึงชาติแรกที่พบองสัมมา )
อริยะเมตรไตร (ก็ไม่ได้อยากมาเกิดเท่าไหร่หรอก แต่ทำบาปไว้มากหนิ เลยต้องมาช่วยชาวโลก จะได้หมดกรรมสักที)
หน้าที่นั้น ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่สมัยนี้ คนไม่เข้าใจ ถึงหลักธรรมมะที่แท้จริง องอริยะแค่จะมาแปลให้ชัดแจ้ง อาจผ่านทางสื่อพิม ทีวี การแสดง สด ในปลายปีนี้ และปีหน้า ให้ทัน ก่อนที่โลกจะตื่น พื้นดินจะมีการขยับ คนที่รอดคือคนที่ อดอาหารได้ คนที่มีความอดทน คนที่ไม่เสียใจกับการตายของญาติหรือเพื่อนฝูง คนที่ ฉลาดในการใช้ชีวิต อ่ะประมานนี้
องอริยะ อายุไม่มากเท่าไหร่ เพราะยังจะต้องสอน คนอีกหลายปี ร่างกายจึงยังไม่แก่ แต่ก็มีมากกว่านั้น อยากรู้ ต่อ ก็รอ ให้ องอริยะ เมตรไตร มาบอกเองแล้วกัน ตั้งใจดีๆหละ

เทคโนโลยีในยุคนี้เลยทำให้คนส่วนใหญ่ ได้นับถือมาก กว่ายุค องสัมมา เพราะสมัยนั้น เทคโนโลยียังไม่เกิด การสอนคนจึงต้องใช้สาวก ยุคอริยะจะไม่มีคำว่าสาวก แต่จะใช้คำว่า ครอบครัว โลกทั้งโลกคือครอบครัวเดียวกัน

หลักการมี สามสิ่ง รัก เข้าใจ อภัย แค่มีสามสิ่งนี้ โลกเราก็จะอยุ่อย่างสงบสุข มีแต่ชาวศิวิไลซ์
เมตรแปลว่า ให้ ส่วนไตร แปลว่า สาม องอริยะ จะช่วยเหลือด้าน ร่างกาย จิตใจ ปัญญา

เชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็ไม่ได้ว่าอะไร

โปรดให้อภัยในบางข้อความ เพราะเป็น ภาษาของคน ยุคปัจจุบัน บางตัวหนังสือ หรือการสื่อความหมาย คนศึกษาธรรมะยุคโบราณ อาจไม่เข้าใจ ขออภัยจิงๆ

<!-- google_ad_section_end -->

 

รัก เข้าใจ อภัย โลกสงบสุข มีแต่ชาวศิวิไลซ์ ผมเห็นด้วยกับท่านครับ แต่ทำไมไม่ค่อยจะมีใครทำกัน?
มันคงทำยาก หรือไงครับ?