การสังเกต++สัญชาตญาณเตือนภัยของสัตว์++สิ่งบอกเหตุ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย mead, 22 พฤษภาคม 2007.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    น่าสนใจมากครับคุณอิน เมฆแบบนี้ไม่ค่อยได้พบเห็นกันเท่าไหร่
    จำได้ว่าเคยเห็นตอนเทื่ยงๆ อยู่ข้างดวงอาทิตย์ ครั้งเดียวเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2008
  2. mooing2546

    mooing2546 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +571
    เพิ่งนึกออกว่าก่อนเกิดแผ่นดินไหวที่จีนประมาณ 3-4 วัน ที่บ้านขอเราปรากฎว่ามีปลวกตัวสีดำๆ ขึ้นเต็มบ้านเลย ก้อไม่เคยเจอเหตุการณ์หยั่งงี้มาก่อน เพราะอยู่บ้านพักมา 3-4ปี ก้อไม่เคยเจอ แบบว่าเยอะมากจนขนลุกเลย ก้อนึกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นรึป่าวเนี่ยผ่านไป 2 วันก้อลืม นี่ก้อเพิ่งมานึกออกเมื่อวานนี้เลย โพสให้ลองพิจารณาดู ว่าเกี่ยวข้องกันรึป่าว
     
  3. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    <TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10><TABLE class=news2006_topic width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left>แพนด้า ไทยซึม วิปโยคจีน ไม่ยอมผสมพันธุ์!

    </TD><TD align=right width=100></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย ไทยรัฐ<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน จันทร์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=4></TD><TD width=575>ช่วงช่วง- หลินฮุ่ย กระวนกระวายเหมือนรับรู้ภัยพิบัติในบ้านเกิด องค์การสวนสัตว์และสวนสัตว์เชียงใหม่ระดมช่วย แพนด้าที่ศูนย์วิจัยและอนุรักษ์ เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ของจีน คาดเสียหายหนัก จากแผ่นดินไหว แพนด้าได้รับอันตราย บางส่วนหลุดเข้าป่า ตั้งตู้รับบริจาคที่สวนสัตว์ทั่วประเทศ

    [​IMG]องค์การสวนสัตว์ของไทยประกาศให้ความช่วยเหลือศูนย์วิจัยฯแพนด้าที่จีนหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ โดยเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 พ.ค.นี้ ที่ห้องประชุมสวนสัตว์เชียงใหม่ นายสุวิช ชมพูนุทจินดา ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์ นายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ นายธนภัทร พงษ์ภมร ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ นายประเสริฐศักดิ์ บุญตะกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวความพยายามผสมพันธุ์แพนด้าและการจัดตั้งศูนย์รับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือแพนด้าจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในจีน

    นายโสภณกล่าวว่า ความพยายามในการผสมพันธุ์ แพนด้าระหว่างช่วงช่วง และหลินฮุ่ย ซึ่งถือว่าเป็นระยะสุดท้ายของปีนี้ คณะสัตวแพทย์สวนสัตว์เชียงใหม่และผู้เชี่ยวชาญจากจีนพยายามจะให้ผสมพันธุ์กันทั้งทางธรรมชาติและผสมเทียมตั้งแต่ปีที่แล้วแต่ไม่สำเร็จ ปีนี้พยายามเป็นปีที่ 2 ที่จะให้ผสมพันธุ์กันช่วงปลายเดือน พ.ค. ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่มากนัก แต่ปัญหาอยู่ที่แพนด้าทั้งคู่ไม่ค่อยมีอาการเป็นสัด จะมีเพียงอวัยวะเพศของหลินฮุ่ยบวมขึ้นมาให้เห็นบ้างเล็กน้อย

    ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์กล่าวต่อไปว่า แต่เมื่อตรวจแล้วฮอร์โมนไม่ได้เปลี่ยนแปลง จึงไม่สามารถดำเนินการได้ แม้จะเพิ่มอาหารและปรับอุณหภูมิรวมทั้งพยายามให้ทั้งสองตัวอยู่ใกล้ชิดกันก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ก่อนหน้านี้มีแนวคิดว่าจะต้องปล่อยออกมาอยู่รวมกัน แต่ผู้เชี่ยวชาญจากจีนไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่าอาจมีปัญหาบาดเจ็บได้ หากช่วงช่วงพร้อมจะผสมพันธุ์ แต่หลินฮุ่ยไม่มีอาการเป็นสัด อาจขัดขืนจนถึงขั้นต่อสู้กันจนบาดเจ็บ ไม่ควรฝืนอารมณ์ของทั้งสองตัว

    นายโสภณเผยอีกว่า ขณะนี้สังเกตเห็นว่าทั้งคู่ เซื่องซึมอาจเนื่องมาจากแผ่นดินไหวที่จีน ซึ่งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติวู่หลง เป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์และวิจัยแพนด้าเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ถือว่าเป็นบ้านเดิมของหลินฮุ่ยและช่วงช่วง ซึ่งอาจรับรู้โดยสัญชาตญาณที่สื่อถึงกัน ยิ่งทำให้ไร้อารมณ์จะผสมพันธุ์ตามไปด้วย ได้ติดต่อไปยังศูนย์วิจัยและอนุรักษ์หมีแพนด้า ก็ยังไม่ สามารถติดต่อได้เนื่องจากการสื่อสารทางโทรศัพท์ ทั้งระบบพื้นฐานและเคลื่อนที่ถูกตัดขาด

    ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์เปิดเผยต่อไปว่าอย่างไรก็ตาม สามารถติดต่อนายหลี่ เต่อซิง รอง ผอ.ศูนย์ วิจัยฯ ที่ออกมาปฏิบัติงานนอกพื้นที่พอดี นายหลี่บอกว่ายังไม่รู้ความเสียหายของศูนย์วิจัยฯ เพราะการเดินทางลำบากมากต้องเดินเท้าเข้าไป แต่เมื่อประเมินสถานการณ์ จากพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลศูนย์กลางแผ่นดินไหวยังได้รับความเสียหายหนักขนาดนี้ ดังนั้น ศูนย์วิจัยฯซึ่งอยู่ใกล้จุดแผ่นดินไหวมากกว่า คาดว่าจะได้รับความเสียหายไม่น้อย แพนด้าจะได้รับอันตรายและบางตัวอาจหลุดเข้าป่า

    “ระยะหลังไม่สามารถติดต่อนายหลี่ได้อีก จึงคิดว่าควรจะมีการช่วยเหลือทั้งเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยฯ และบรรดาแพนด้าที่ยังไม่ทราบชะตากรรม เพราะเชื่อว่าต้องได้รับความเสียหายอย่างมากแน่ เลยจัดตั้งศูนย์บริจาคเพื่อ ช่วยเหลือแพนด้าจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในจีน โดยตั้งกล่องรับบริจาคหรือจะติดต่อโดยตรงที่สวนสัตว์ ดุสิต สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์สงขลา ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน และห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ทุกสาขา” นายโสภณกล่าว

    ส่วนนายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและส่วนจัดแสดงแพนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า สังเกตพฤติกรรมของแพนด้าทั้ง 2 ตัว หลังเกิดเรื่องแผ่นดินไหวที่จีน พบว่ามีอาการกระวนกระวายกระสับกระส่าย เหมือนสัญชาตญาณสัตว์ที่สื่อถึงกันได้ ทำให้การเป็นสัดของหลินฮุ่ยน้อยลงจนดูแล้วอาจต้องรอดำเนินการในปีหน้า ทั้งๆที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

    หลังการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่นำบอร์ดติดภาพแผ่นดินไหวในจีนและภาพแพนด้าในศูนย์ อนุรักษ์ฯที่จีนมาตั้งแสดง พร้อมตู้รับบริจาค ส่วนหลินฮุ่ยและช่วงช่วงนั่งกินไผ่อย่างเอร็ดอร่อย และหันหน้ามามองป้ายจัดแสดงภาพถ่าย สักพักช่วงช่วงก็ล้มตัวนอนหงายเอาขาข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก ขณะที่หลินฮุ่ยปีนขึ้นไปบนต้นไม้และเอาคางเกยกิ่งไม้นั่งนิ่งเหมือนอยู่ในความทุกข์ทั้ง 2 ตัว

    นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยฯ และนายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ซึ่งยืนดูอยู่ถึงกับอึ้งและชี้ชวนกันดู และนายประเสริฐศักดิ์กล่าวว่า ช่วงนี้อารมณ์ผสมพันธุ์ดูจะเลือนลางขึ้นไปอีก คงไม่ฝืนใจ ขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ ปีนี้ไม่ได้ก็รอปีหน้า


    <TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=575>นี่เป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสัตว์เขามีสัญชาตญาณและเข้าถึงธรรมชาติได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้ว่าตัวจะอยู่ไกลจากบ้านเกิดแต่ก็สามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นและมีความรู้สึก
    เศร้าเสียใจเหมือนกับมนุษย์เรา




    <!--END--><!--PICLIST--></TD><TD width=10 rowSpan=4></TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight align=right><!-- Start Counter --><SCRIPT language=javascript src="http://app.sanook.com/counter/js/counter.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=javascript type=text/javascript>counter('site=news&id=271027')</SCRIPT><!-- End Counter --></TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight align=right></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="49%"><SCRIPT language=javascript>spac_writeAd("site=sanook.com/area=sanook.news.social/position=pos.center2/aamsz=text/method=jscript", 52);</SCRIPT><SCRIPT src="http://b.as.sanook.com/jserver/SITE=SANOOK.COM/AREA=SANOOK.NEWS.SOCIAL/POSITION=POS.CENTER2/AAMSZ=TEXT/METHOD=JSCRIPT/PAGEID=130155464/ACC_RANDOM=166157878?"></SCRIPT>[​IMG] </TD><TD width="49%"><SCRIPT language=javascript>spac_writeAd("site=sanook.com/area=sanook.news.social/position=pos.center3/aamsz=text/method=jscript", 52);</SCRIPT><SCRIPT src="http://b.as.sanook.com/jserver/SITE=SANOOK.COM/AREA=SANOOK.NEWS.SOCIAL/POSITION=POS.CENTER3/AAMSZ=TEXT/METHOD=JSCRIPT/PAGEID=130155464/ACC_RANDOM=189247768?"></SCRIPT>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="49%"><SCRIPT language=javascript>spac_writeAd("site=sanook.com/area=sanook.news.social/position=pos.center2/aamsz=text/method=jscript", 52);</SCRIPT><SCRIPT src="http://b.as.sanook.com/jserver/SITE=SANOOK.COM/AREA=SANOOK.NEWS.SOCIAL/POSITION=POS.CENTER2/AAMSZ=TEXT/METHOD=JSCRIPT/PAGEID=130155464/ACC_RANDOM=166157878?"></SCRIPT>[​IMG] </TD><TD width="49%"><SCRIPT language=javascript>spac_writeAd("site=sanook.com/area=sanook.news.social/position=pos.center3/aamsz=text/method=jscript", 52);</SCRIPT><SCRIPT src="http://b.as.sanook.com/jserver/SITE=SANOOK.COM/AREA=SANOOK.NEWS.SOCIAL/POSITION=POS.CENTER3/AAMSZ=TEXT/METHOD=JSCRIPT/PAGEID=130155464/ACC_RANDOM=189247768?"></SCRIPT>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>คางคกย้ายถิ่นหวั่นจีนแผ่นดินไหวรุนแรงอีก
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1>คางคกย้ายถิ่นฐาน สร้างความวิตกว่าจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงระลอกใหม่ในจีน ยังพบผู้รอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวเพิ่มอีก หลังผ่านมานาน 1 สัปดาห์ เลขาฯยูเอ็นชมจีนช่วยผู้ประสบภัยรวดเร็วแต่ญี่ปุ่นผิดหวังจีนให้เข้าไปช่วยช้าไป




    (20พ.ค.) ชาวจีนหลายพันคน ต่างวิ่งหาที่หลบภัยด้วยความวิตกว่าจะเกิดแผ่นดินไหวตามมาอีกในวันนี้ซึ่งไม่เพียงเพราะคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความผิดปกติที่มีกบจำนวนมากพากันอพยพย้ายถิ่นฐานอีกด้วย โดยสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่านับเป็นครั้งที่ 2 แล้วในเดือนนี้ ที่ประชาชนสังเกตเห็นการอพยพครั้งใหญ่ของกบและคางคก

    นายเจิ้ง หยงเต้า รองนายกเทศมนตรีซุนยี่ ที่อยู่ทางใต้ เปิดเผยว่า ชาวเมืองซุนยี่ ซึ่งได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยจากการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้เห็นการอพยพของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเหล่านี้ตั้งแต่วันจันทร์ ทำให้พวกเขาพากันออกไปนอนนอกบ้าน ด้วยความหวาดกลัว ซึ่งนับเป็นการตัดสินใจที่สอดคล้องกับประกาศเตือนของผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวที่ว่า อาจเกิดอาฟเตอร์ช็อคครั้งใหญ่ในมณฑลเสฉวน ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอีก

    แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต สูญหายและติดอยู่ใต้ซากอาคารที่พังถล่มกว่า 71,000 คนนั้น เกิดขึ้นหลังจากมีรายงานการอพยพอย่างผิดปกติของคางคกจำนวนมากเช่นกันภาพในบล็อกในอินเตอร์เน็ต ได้แสดงให้เห็นคางคกจำนวนมากบนถนนหลายสายในเมืองเหมียนหยางก่อนที่เมืองแห่งนี้จะยับเยินเพราะแผ่นดินไหว ประชาชนหลายคน โดยเฉพาะคนที่เชื่อในเรื่องโชคลางต่างมองว่า คางคกเป็นลางบอกเหตุของหายนะครั้งนี้ ขณะที่อีกหลายคนคิดว่า คางคงพากันออกมาต้อนรับคบเพลิง
    โอลิมปิค
    ด้านเจ้าหน้าที่ป่าไม้ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของคางคกเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ แต่คำอธิบายเรื่องนี้ ได้ถูกนำไปโจมตีตามเว็บไซท์ต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก่อนหน้านี้ คนที่เชื่อในเรื่องของโชคลางได้โยงตัวเลขกับภัยพิบัติครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีของจีนมาแล้ว โดยระบุว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในช่วงเวลา 88 วัน ก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่ปักกิ่ง ที่มีกำหนดจะเปิดฉากในวันที่ 8 เดือน 8 และปี 2008 ในเวลา 08.08 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งจีนถือว่า เลข 8 เป็นเลขนำโชค แต่ความคิดเรื่องโชคร้ายที่มากับเลข 8 ได้เพิ่มขึ้นอีก เมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวได้ปรับความรุนแรงของแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม เป็น 8.0 ริคเตอร์

    ที่มา: นสพ. คมชัดลึก

    http://www.komchadluek.net/2008/05/20/x_main_a001_203359.php?news_id=203359
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    แพนด้า ไทยซึม วิปโยคจีน ไม่ยอมผสมพันธุ์!
    เป็นใครๆ็ก็ไร้อารมณ์เหมือนกันแหละ
     
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    กลายเป็น domino effect กันไปหมดเลยนะครับเนี่ย!
    เค้าคงไว้อาลัยพวกพ้อง สัตว์พวกนี้ยังสัมผัสถึงกระแสซึมเศร้าได้คงอยู่กับธรรมชาติจนรับรู้ได้เอง จะว่าไปคนเราอยู่กับเทคโนโลยี่มากๆก็ไม่ค่อยดีหรอกนะครับ.. ประสาทสัมผัสบางอย่างพลอยหดหายไปด้วย
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    แมวที่บ้านตกใจง่าย และซึมๆ ผิดปกติ แต่ว่าจะเกี่ยวกับอะไรป่าวหว่า [​IMG]
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    "มด"บุกเท็กซัส ทำลายเครื่องใช้ไฟฟ้า-คอมพิวเตอร์ <table align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr bgcolor="#cccccc"><td valign="center"> </td></tr> <tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top"> <table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top"> มดเครซี่ราสเบอรี่" หรือ "มดราสเบอรี่คลั่ง" เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่บริเวณเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

    โดยฮุสตันไม่เคยมีมดพันธุ์นี้มาก่อน คาดว่า มันติดมากับเรือขนส่งสินค้า มดพันธุ์ดุนี้มีขนสีน้ำตาลแดง ขนาด ตัวเท่าๆ กับเห็บ หรือประมาณ 1 ใน 8 นิ้ว ชอบเข้าไปป้วนเปี้ยนในเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องคอมพิวเตอร์จนเครื่องได้รับความเสียหาย เป็นญาติกับมดเครซี่ที่พบในภาคตะวันออก เฉียงใต้ของสหรัฐและแคริบเบียน

    นายโรเจอร์ โกลด์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเท็กซัสเอแอนด์เอ็ม กล่าวว่า

    "มดเครซี่ ราสเบอรี่" ตั้งชื่อตามนายทอม ราสเบอรี่ คนแรกที่ปราบมดพันธุ์นี้ อาหารของมันคือมดคันไฟ แมลงเลดี้บั๊ก น้ำหวานตามต้นไม้ มันยังชอบกัดคนด้วย แม้จะไม่กัดเจ็บเท่ากับมดคันไฟก็เถอะ "เครซี่ราสเบอรี่" เป็นมดเพียงไม่กี่พันธุ์ ที่ชอบเครื่องใช้ไฟฟ้า ปัจจุบันนักวิทยา ศาสตร์ก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมมันชอบเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องปั๊มน้ำ เครื่องตรวจจับควันไฟ ทำให้เครื่องทำงานผิดปกติ

    จากการศึกษาพบว่า การฆ่าราชินีมดตัวหนึ่งในรังนั้นไม่พอที่จะกำจัดพวกมัน

    เพราะในรังมีราชินีมดหลายตัว มันยังฉลาดไม่ยอมกินเหยื่อที่ล่อไว้ด้วย ถ้าเราฉีดน้ำยาฆ่ามดลงบนพื้น มดที่รอดชีวิตก็จะปีนไปบนมดตัวที่ตาย ทำเสมือนกับเป็นสะพานข้าม จะได้ ไม่ต้องเดินลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยยาฆ่าแมลง ส่วนโอกาสที่ฮุสตันจะกำจัดมดพันธุ์นี้ออกจากพื้นที่นั้น ทำได้ยากมาก เพราะพวกมันแพร่พันธุ์เต็มไปหมด

    </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr><td><center>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</center></td></tr></tbody></table>
     
  9. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-05-29 12:16:29 - Animal Attack - India</big>

    <code> GLIDE CODE: AA-20080529-16940-IND
    Date & Time: 2008-05-29 12:16:29 [UTC]
    Area: India, State of Madhya Pradesh, Jim Corbett National Park, Bhudaheda

    Description:

    An elephant rampaged through a village in northern India on Thursday, killing at least seven people and injuring 24 others who tried to surround it, a wildlife official said. The deaths were reported after a female elephant entered the village of Bhudaheda on the edge of the Jim Corbett National Park, said Srikant Chandola, the park's chief wildlife officer. Belinda Wright, director of the Wildlife Protection Society of India, said the elephant had apparently become separated from its herd and entered the village. "The people have surrounded it and they are just shouting and screaming at the elephant and the elephant is going berserk," she said by telephone. After the animal treaded on some crops, people tried to frighten it away by beating drums, Chandola said.

    That's when the animal started trampling people. Wright said a member of her group was in the village and could see at least four bodies. She said the elephant had been shot twice by police but was still running amok. Amit Chandola, a spokesman for the government of Uttarakhand state, where the park is located, said that wildlife officials had now been ordered to shoot and kill the elephant. The park, one of India's most popular, is about 370 miles (600 kilometers) east of New Delhi. There have been a number of recent incidents in which villagers have been killed by wild animals as their natural habitats shrink and they have to range further for food. India's national parks also suffer massive encroachment from people who live and forage for food in the forests or graze their cattle inside.


    Number of deaths: 7 persons
    Number of Injured persons: 24 persons



    ช้างตกมัน ที่อินเดียทางตอนเหนือ ฆ่าคนไป 7 คน บาดเจ็บ 24
    </code>
     
  10. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    โลกยิ่งร้อน-ยุงก็ยิ่งร้าย 'ไข้เลือดออก' ชุมขึ้น 'ตายแล้วอื้อ!'
    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR><TR><TD class=message-normal style="HEIGHT: 10px" vAlign=top align=middle><SCRIPT type=text/javascript>// URLs of slidesvar slideurl = new Array('http://ads.dailynews.co.th/column/images/2008/politic/5/30/57951_54193.jpg') ;// Comments displayed below the slidesvar slidecomment = new Array('');var picNo = new Array('0');var i;var j;var picturecontent=''function poppic(ncId,NewsType,picNum){window.open('../../html/popup_news/popup_news_popuppic.htm?' + slideurl[picNum] + '?Daily News Online : Politics','','resizable=1,HEIGHT=200,WIDTH=200');}function createtable(){picturecontent ='<table width=100% cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0>' ;for (i=0;i<=(slideurl.length-1);i++) {picturecontent +='<tr>' ;picturecontent +='<td vAlign=top align=center>' ;picturecontent += '';picturecontent += '[​IMG]' ;picturecontent += '</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;picturecontent +='<tr>' ;picturecontent += '<td class=messageblack vAlign=middle align=center height=20>' ;picturecontent+=slidecomment ;picturecontent +='</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;}picturecontent+='</table>' ;document.getElementById("hlblTable").innerHTML=''+picturecontent+'';}createtable();</SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    โบราณว่า
     
  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-05-30 03:19:29 - Animal Attack - India</big>

    <code> GLIDE CODE: AA-20080530-16947-IND
    Date & Time: 2008-05-30 03:19:29 [UTC]
    Area: India, State of Orissa, Kendrapara district, Nikirai

    Description:

    In the latest attack of a rowdy and violent monkey, at least 37 persons, including children and women, were injured in remote Nikirai village under Derabish Tehsil over the last three days. The male simian species inhabiting in the said village for more than a decade went amuck attacking the villagers. Four of the seriously injured persons are undergoing treatment in the Kendrapara district headquarters hospital.

    According to villagers, the matter has been brought to the notice of Rajnagar mangrove forest division officials. But remedial measures to drive away the mischief monger are yet to be launched, they rued. The hospital sources said that more than 100 from the particular village have been administered anti-rabies vaccine in the past six months.

    Animal researchers are of the view that this typical behavioural tendency of simian species can be traced back to loss of monkeys’ habitat and daily food consumption. This trend has apparently become pronounced since 1999 when the cyclone had caused maximum damage to tree cover. The monkeys turned itinerant moving from one place to another in search of both ideal habitat and food. Later the usually sober species turned violent following acute scarcity of food and habitat.

    ที่อินเดีย ลิงอันตพาลได้มาทำร้ายชาวบ้าน เด็กและผู้หญิง บาดเจ็บ 37 คน อาการหนักนอนอยู่รพ ก็มี

    ลิงพวกนี้ย้ายที่อยู่ประจำเพื่อหาที่อยู่ใหม่ที่มีอาหาร



    Number of Injured persons: 37 persons
    Damage level: Moderate (Level 2)</code>
     
  12. amm.

    amm. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +613
    หนูจำนวนมากเป็นพันๆตัว...ไปอยู่บนดอยเล็งที่จังหวัดแพร่...
    เนื่องจากเมื่อวานนี้ช่วงเย็นได้โทรศัพท์คุยกับคุณแม่ที่แพร่...คุณแม่เล่าว่ามีหนูจำนวนมากเป็นพันๆตัวไปอยู่ที่ทางขึ้นดอยเล็ง...ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปสังเกตุการณ์ดูสงสัยว่าชาวบ้านจะจับไปปล่อยที่นั่น...แต่เท่าที่เราทราบมาจากคุณแม่...ท่านบอกว่ามีชาวป่าที่ไปหาของป่าบอกว่ามันวิ่งขึ้นมาบนดอยแห่งนี้เอง...เหมือนมันกำลังหนีอะไรบางอย่าง...บางตัวหนีมานอนตายเกลื่อนดอยเลย...
    ชาวบ้านแถบนั้นบอกว่าน้ำกำลังมามาก...แต่ยังไม่ทราบว่าจะมาในลักษณะเช่นไร...พวกหนูจึงหนีกันมาบนดอย...และทำไมต้องเป็นที่ดอยเล็งแห่งนี้เท่านั้น...เนื่องจากบริเวณแถบนั้นเท่าที่จำได้จะเป็นภูเขาทั้งนั้น...ก่อนไปดอยเล็งยังต้องผ่านพระธาตุช่อแฮซึ่งเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองคนแพร่ด้วย
    ดอยเล็งเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่มีพระธาตุดอยเล็ง พร้อมกับชมทัศนียภาพของตัวเมืองแพร่ และภูเขาที่สวยงามเนื่องจากอยู่ที่สูง
    สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า พระธาตุดอยเล็งเป็นปูชนียสถานของจังหวัดแพร่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูงตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพระธาตุช่อแฮ ประมาณ 3 กิโลเมตร และอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระธาตุจอมแจ้ง ประมาณ 4 กิโลเมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ใดนั้นไม่ปรากฎหลักฐานแน่นอน แต่มีมาคู่กับพระธาตุช่อแฮและพระธาตุจอมแจ้ง ซึ่งจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในอดีตว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์มาดอยลูกหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ของดอยธชัคคะบรรพต เสด็จมาถึงจวนแจ้งหรือใกล้สว่างปัจจุบันเรียกว่าพระธาตุจอมแจ้ง หลังจากนั้นได้เสด็จมาทางทิศเหนือถึงธชัคคะบรรพตได้ประทับอยู่ที่นั่น มีขุนลัวะอ้ายก้อมเป็นผู้อุปฎฐากทรงมอบพระเกศาธาตุให้ซึ่งคือพระธาตุช่อแฮในปัจจุบันและเสด็จขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประทับอยู่ดอยลูกหนึ่งที่สูงกว่าดอยลูกอื่นในเมืองโกศัยซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทับแลดู ซึ่งภาษาเหนือเรียกว่าเล็งผ่อ จึงเป็นที่มาของชื่อดอยเล็งในปัจจุบัน และมีการบูรณะเจดีย์ขนาดเล็กๆ กว้าง 5 เมตร สูง 11 เมตรไว้เป็นสถานที่ควรเคารพแก่ชนรุ่นหลังว่าครั้งหนึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับที่นี่ จึงเป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญของจังหวัดแพร่อีกแห่งหนึ่ง และมีการบูรณะมาอย่างต่อเนื่อง
    ดังนั้นเมื่อถึงเดือน 4 ใต้เดือน 6 เหนือขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮวันสุดท้ายจะมีประชาชนขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยเล็งที่เรียกกันว่าประเพณีขึ้นดอยเล็งเพื่อระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากนี้ยังมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและจัดกิจกรรมในวันดังกล่าว เพื่อเป็นการคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณีของชาวจังหวัดแพร่ ผู้สนใจขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยเล็ง หรือเพื่อชมธรรมชาติของป่าไม้และชมความงดงามของตัวเมืองแพร่สามารถเดินทางขึ้นไปได้ทั้งเดินเท้า และใช้รถยนต์ /.
     
  13. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791




    เอามารวมกันตรงนี้
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>
    • หนูนับพันยกโขยง บุกพระธาตุดอยเล็ง [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ไทยรัฐ [ 01-06-2551 | 15:52 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">กองทัพหนูบุกวัดพระธาตุดอยเล็งครั้งนี้ เปิดเผยโดยเมื่อตอนสายวันที่ 31 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่วัดพระธาตุดอยเล็งหมู่ 6 ต.ช่อแฮ อ.เมืองแพร่ หลังรับแจ้งว่ามีกองทัพหนูนับพันตัวบุกเข้ามาในพื้นที่ของวัด
    เมื่อเดินทางไปถึง พบพระครูปลัดวิชิตอติธัมโมรักษาการเจ้าอาวาส นำตรวจสอบ ข้อเท็จจริง พบหนูจำนวนมากวิ่งกันขวักไขว่ ตั้งแต่บริเวณเชิงบันไดจนถึงองค์พระธาตุ สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับนักท่องเที่ยว และญาติโยมที่เดินทางไป ทำบุญเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังพบซากหนูนอนตายเกลื่อนกลาด บริเวณตามขั้นบันไดกว่า 60 ตัว ทางวัดต้องประสานนายศิริพงศ์ วงศ์แสน รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลช่อแฮ นำเจ้าหน้าที่เข้าไปเก็บซากหนู ไปตรวจสอบหาสาเหตุการตาย รวมทั้งป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
    พระครูปลัดวิชิต อติธัมโมรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยเล็ง เปิดเผยว่า กองทัพหนูนับพันตัว บุกเข้ามายึดวัดเมื่อประมาณ 3 วัน ที่ผ่านมาโดยกระจาย อยู่ตามบริเวณต่างๆ ของวัดและตามขั้นบันได ทางขึ้นองค์พระธาตุดอยเล็ง ทำให้รู้สึกแปลกใจ กระทั่งเช้าวันเดียวกันได้ออกมาตรวจสอบ บริเวณบันได ทางขึ้นพระธาตุ พบซากหนูนอนตายจำนวนมาก เมื่อสำรวจตรวจสอบบริเวณใกล้เคียง พบต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง ไม่ทราบชนิด มีผลสีเขียวโต ขนาดหัวแม่โป้งเล็กน้อย ร่วงหล่นบริเวณโคนต้น แต่ละผลมีรอยฟันหนูกัดแทะ ในชั้นต้นคาดว่า หนูคงกินผลของต้นไม้ชนิดดังกล่าว ที่อาจมีพิษเข้าไปทำให้ล้มตายลง ได้ให้เจ้าหน้าที่นำซากหนู รวมทั้งเก็บผลไม้ไปตรวจสอบแล้วเพื่อหาสาเหตุ
    รักษาการเจ้าอาวาสวัด ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า สำหรับวัดพระธาตุดอยเล็งมีความเก่าแก่ รุ่นเดียวกับพระธาตุช่อแฮ วัดพระธาตุจอมแจ้ง เมื่อปี 2544 ทางวัดได้บูรณะ บันไดเป็นรูปพญานาค ปรากฏว่าเกิดเหตุแปลกประหลาด เมื่อมีงูเหลือมขนาดใหญ่ มานอนขวางบันได ทำให้คนงานไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ ไม่มีใครกล้าทำร้าย เพราะเชื่อกันว่าเป็นงูเจ้าที่ จึงนำธูปเทียนมาจุดพร้อมบอกกล่าวให้ออกจากวัด งูเหลือมจึงเลื้อยเข้าป่าไป ต่อมาไม่นานมีวัยรุ่นคนหนึ่งแอบเข้าไป ขโมยเกล็ดพญานาค ที่กำลังก่อสร้างปรากฏว่าถูกงูเหลือมรัดตาย เหตุการณ์ กองทัพหนู บุกเข้าวัดครั้งนี้ สร้างความวิตกให้กับญาติโยม และชาวบ้าน ในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อ 2 ปีก่อนเคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ในครั้งนั้นมีกองทัพหนูจำนวนมาก บุกขึ้นมาบนพระธาตุดอยเล็ง ซึ่งเป็นที่สูง แต่หลังจากนั้นเพียงแค่วันเดียวปรากฏว่า เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิตหลายราย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นมาอีก
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-06-10 03:22:00 - Inland waters - USA</big>

    <code> GLIDE CODE: IFL-20080610-17094-USA
    Date & Time: 2008-06-10 03:22:00 [UTC]
    Area: USA, State of New Carolina, Neuse River, New Bern

    </code><fieldset style="border: 1px solid Maroon; background-color: Yellow; font-family: Verdana,Geneva,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: 10px; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bolder; color: Red; text-align: center; text-decoration: blink; vertical-align: middle;">!!! WARNING !!!</fieldset>

    Description:
    State environmental officials say more than 160,000 fish have been found dead in the Neuse River near New Bern, in part because of high water temperatures. The Neuse River Rapid Response Team said Monday that low dissolved oxygen levels also attributed to the fish kill. The team discovered the dead fish Sunday afternoon in a shallow cove on the south side of the river, about six and a half miles south of New Bern. About 161,500 were found dead, most of which were juvenile spot and croaker. But healthy fish, including large schools of menhaden, were seen swimming in the area the same day. Environmental officials said a combination of algae blooms and high temperatures may have been responsible for the low oxygen conditions.

    Damage level: Heavy (Level 3)
     
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-06-13 06:32:22 - Biological Hazard - USA</big>

    <code> GLIDE CODE: BH-20080613-17163-USA
    Date & Time: 2008-06-13 06:32:22 [UTC]
    Area: USA, State of Florida, Long Beach, Seal Beach,

    Description:

    At least a dozen sea lion bodies have been found along the city's shoreline this week, and another four were washed ashore in Seal Beach, lifeguard officials said Thursday. The deaths are being attributed to toxic algae poisoning that most likely occurred off the coast of Santa Barbara and Ventura counties. In Long Beach, four dead sea lions were recovered Tuesday, followed by another four on Wednesday and four more on Thursday, according to lifeguard Tyler Wawrzynski. "It's kind of weird," he said, adding that there's no toxic red algae problem in the offshore waters right now. He said sea lion bodies were found on the beach at 12th and 3rd places, Molino, Orizaba, Junipero, Termino and Granada avenues, and at Alamitos Bay near the Marine Bureau, 205 Marina Drive. Long Beach lifeguards, Wawrzynski said, saw no signs of foul play on the pinnipeds. "We took a pretty good look at them," he added. Most of the bodies were picked up by beach maintenance, but a couple were handled by Animal Control, according to John Keisler, acting business manager for Animal Control. He said the agency will be monitoring the situation closely. "We're going to be vigilant," he said. In Seal Beach, lifeguards recovered four dead sea lions this week, and believe at least one may have been killed by a gunshot wound. Seal Beach Lifeguard Capt. Joe Bailey said the first two beached just south of the town's pier on Tuesday, adding that another two were also found Wednesday near the pier. In all of the cases, the sea lions had been dead for about two weeks, the lifeguards said.

    However, Bailey added that one of the lifeguards noticed a possible bullet wound on one of the bodies recovered Wednesday. "It was a perfect circle," Bailey said, adding there was a "big exit wound." He called the National Oceanic and Atmospheric Administration's Marine Fisheries Service to investigate the possible killing. NOAA law enforcement agents took the body to the San Pedro-based Marine Mammal Care Center for a necropsy, said administration spokesman Jim Milbury. For the majority of the bodies recovered this week, NOAA wildlife biologist Joe Cordaro said the sea lions most likely were poisoned by eating fish and other marine life that had become contaminated by toxic algae. The number of sea lions recovered this week, however, is not out of the norm, the biologist said. "We wouldn't be concerned unless there were 40 or 50," Cordaro added. The lifeguards reported that the sea lions did appear to have been dead for some time - and that matches the pattern scientists have encountered in the past incidents of toxic algae poisoning, Cordaro said.

    "Just because they're washing up in Long Beach and Seal Beach doesn't mean they've died there." Cordaro said the sea lions generally live on the Channel Islands, but he said it's not clear if they're from that area or other coastal areas. The biologist said the length of time the sea lion lives after eating infected marine life depends on the amount it has eaten. They become lethargic and often suffer seizures, since the toxins affect the brain, Cordaro said.


    พบซากสิงโตทะเล ที่ logbeach USA ตายโหลกนึง สาเหตุอาจเนื่องจากน้ำทะเลเป็นพิษ
    </code>
     
  17. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-06-17 18:46:11 - Climate Change - Iceland</big>

    <code> GLIDE CODE: CC-20080617-17225-ISL
    Date & Time: 2008-06-17 18:46:11 [UTC]
    Area: Iceland, , Near Saudarkrokkur,

    Description:

    A polar bear has been discovered on Iceland, which is hundreds of kilometres from the threatened species' natural habitat, a local photographer said Tuesday. "The bear is in the north of Iceland near the town of Saudarkrokkur," Rax Axelsson, a photographer with Iceland's newspaper of reference, Morgunbladid. "The bear is living off of eggs and birds" and does not appear to be hungry, he added. The bear was discovered by 12-year-old Karen Heljateynsdottir not far from her farm as she was out walking her dog on Monday. "She saw something white and thought it was a plastic bag, and then she realised it was a polar bear. She ran home and she said she has never run so fast in her life," Axelsson said. Polar bears are rare sightings on Iceland, since they have to swim hundreds of kilometres through icy waters to reach the island from their natural Arctic habitats. The bear discovered on Monday, the second spotted on the island in the past two weeks, could lend credence to warnings from experts that climate change is creating a more perilous environment for the majestic Arctic animals. A warming climate means the ice -- where the bears usually hunt their favourite prey, the seals -- is receding and literally melting under their paws, forcing them to swim ever greater distances.

    Icelandic authorities shot and killed the polar bear discovered in the Nordic country two weeks ago, claiming they were not equipped to safely apprehend the animal. They have however said they will attempt to capture the second bear, and the chief veterinarian at the Copenhagen zoo is flying in to help. "The Icelandic authorities asked us for help in catching the polar bear. They don't have the expertise to do it," said a zoo spokesman Bengt Holst. "The plan is to catch the bear today," he said, adding that the Danish veterinarian would attempt to get close to the animal and would put it to sleep using a "special gun." "Then the Icelandic authorities will make their decision what they are going to do with the polar bear," Holst said, adding that the bear could be sent to Greenland or Denmark. Icelandic multi-millionaire Bjoergulfur Thor Bjoergulfsson meanwhile said Tuesday his investment firm Novator was willing to pay for saving the bear and transporting it to a safe environment. Bjoergulfsson "wants to make sure financial issues won't interfere in the decision to keep the animal alive or not," said a Novator spokesman Asgeir Fridgiarsson, adding that cost of saving the bear had yet to be estimated.
    </code>
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีข่าวที่ มีชาวประมง เรือเสียถูกน้ำทะเลซัดออกจากฝั่งไปไกล แล้วตั้งจิตขอคุณพระคุณเจ้าให้ช่วย

    ปรากฏว่ามีเต่าทะเลตัวเมีย อายุกว่า 100 ปี ว่ายมาดันเรือที่ไกลจากฝั่งออกไป20 กม. กลับเข้าฝั่ง

    แถมตำแหน่งของจุดที่พามาส่ง คือบ้านของชาวประมงคนนั้นพอดี

    แปลกไหม
     
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ฮือฮาปาฏิหาริย์ เต่ายักษ์ช่วยชีวิต




    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="34" width="100%"><tbody><tr><td style="padding-left: 30px;">ฮือฮาปาฏิหาริย์ เต่ายักษ์ช่วยชีวิต [18 มิ.ย. 51 - 05:39]
    </td></tr></tbody></table>[​IMG]

    เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 17 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 16/5 หมู่ 4 ต.บางจาก อ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ ปลูกอยู่ริมคลองบางจาก เนื่องจากได้รับแจ้งว่า นายสมหวัง อาดัม อายุ 33 ปี ชาวประมงเจ้าของบ้าน พบเต่าตนุขนาด ใหญ่ยักษ์ ซึ่งนายสมหวังได้นำไปดูเต่าตนุที่นำไปไว้ในอ่างปลาข้างบ้าน เป็นเต่าตนุเพศเมียสีดำขนาดใหญ่ยักษ์ มีความยาวจากหัวถึงหาง 1.28 เมตร ความกว้างของกระดอง 1.12 เมตร นำหนัก 208 กิโลกรัม

    นายสมหวังกล่าวถึงที่มาของเต่ายักษ์ว่า ตนมีอาชีพ ทำประมงพื้นบ้าน โดยวางอวนขนาดเล็กในย่านปากน้ำปากพนัง อ.ปากพนัง พื้นที่รอยต่อ ต.บางจาก อ.เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อราว 3 ทุ่มเศษวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ขับเรือหางยาวไปวางอวนตามปกติ จนกระทั่งเวลา 00.30 น. วันที่ 17 มิ.ย. วางอวนเสร็จสิ้น จึงขับเรือกลับบ้าน ตั้งใจว่าจะไปเก็บอวนในช่วงสายวันนี้ ปรากฏว่าพอขับเรือมาถึงปากอ่าวบ้านบางปรง ซึ่งเป็นปากอ่าวเล็กด้านในถัดมาจากปากอ่าวปากพนัง อยู่ระหว่างหมู่ 12 ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง กับหมู่ 7 ต.บางจาก อ.เมืองนครศรีธรรมราช จู่ๆเครื่องยนต์เรือเกิดดับไปดื้อๆ พยายามติดเครื่องอยู่นานนับชั่วโมงแต่ไม่เป็นผล แถมเรือยังถูกคลื่นลมแรงพัดออกทะเลเรื่อยๆ แม้จะใช้ไม้พายพายเรือกลับเข้าคลองบางจากอย่างสุดกำลัง แต่ไม่อาจต้านทานคลื่นลมได้ เรือก็ลอยออกจากฝังไปอย่างต่อเนื่อง
    หนุ่มชาวประมงกล่าวต่อว่า ช่วงนั้นตนรู้สึกอับจนไม่มีปัญญานำเรือกลับบ้านได้ จึงอธิษฐานในใจขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้คลื่นลมสงบ และขอให้ช่วยให้กลับบ้านได้ หลังจากนั้นครู่เดียวคลื่นลมก็สงบลงอย่างปาฏิหาริย์ ทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ยิ่งไปกว่านั้น จู่ๆเรือของตนก็เคลื่อนตัวทวนทิศทางคลื่นลมอย่างช้าๆ กลับเข้าคลองบางจากได้ทั้งที่ไม่ได้ใช้พายพายเรือแม้แต่น้อย ทำให้ตกใจจนขนหัวลุก คิดในใจว่าอาจมีวิญญาณ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยพาเรือของตนกลับบ้านตามคำอธิษฐาน
    นายสมหวังเจ้าของบ้านกล่าวต่อว่า กระทั่ง 6โมงเช้า เรือเคลื่อนตัวมาถึงริมตลิ่งหน้าบ้านแล้วหยุดลง จึงรีบกระโดดขึ้นตลิ่งทันที จากนั้นได้มองไปที่เรือเห็นเต่าตัวใหญ่ว่ายน้ำออกมาจากใต้ท้องเรือ แล้วค่อยๆเดินต้วมเตี้ยมขึ้นมาบนตลิ่ง ทำให้แน่ใจว่าเต่าตัวนี้ดันเรือของตนจากปากน้ำปากพนังมาถึงบ้าน ระยะทางเกือบ 20 กม. แต่ยังรู้สึกแปลกใจว่าเต่ารู้ได้อย่างไรว่ามาถึงบ้าน ตนแล้ว ถึงได้หยุดดันเรือแล้วเดินขึ้นมาบนตลิ่ง ตนและเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวเชื่อว่าเต่าตัวนี้เป็นเต่าเจ้าที่ หรือเป็นพญาเต่า จึงนำเรื่องไปเล่าให้ผู้ใหญ่บ้านฟัง แจ้งนายไกรลาศ แก้วดี นายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ประสานประมงอำเภอปากพนัง มาตรวจสอบ
    ระหว่างนั้นนายไกรลาด แก้วดี นายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช นายอุทร สิทธิศักดิ์ ประมงอำเภอปากพนัง และนักวิชาการจากศูนย์พัฒนาประมงพื้นที่ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เดินทางเข้ามาที่บ้านของนายสมหวัง และเข้าตรวจเต่าดังกล่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วน
    จากนั้นนายอุทร สิทธิศักดิ์ ประมงอำเภอปากพนัง เปิดเผยว่า เต่าตนุตัวนี้ เป็นเพศเมีย อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี ตามลำตัวไม่พบหลักฐานการทำเครื่องหมายหรือการฝังชิปใดๆ ยืนยันว่าเป็นเต่าตนุที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ เคยพบมาในภูมิภาคนี้ และนายสมหวังยินยอมให้นำเต่าไปพักพื้นที่ศูนย์พัฒนาประมงพื้นที่ฯ เพื่อฟื้นฟูให้มีความสมบูรณ์แข็งแรง เนื่องจากเต่ามีอาการอ่อนเพลีย โดยจะนำไปพักฟื้นในบ่ออนุบาล ให้ออกซิเจน ให้อาหาร คาดว่า จะให้พักฟื้นราว 1 เดือน หลังจากแข็งแรงดีแล้วก็จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในท้องทะเลลึกต่อไป ส่วนสาเหตุที่เต่าเข้ามาในพื้นที่ชายฝั่งทะเลนั้น คาดว่าเต่าอาจออกมาหาอาหารเพลินแล้วหลงทาง กระทั่งมาเจอกับเรือของนายสมหวังดังกล่าว
     
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เรื่องข้างบนน่าทึ่งจริงๆครับ พอดีไปเจอเรื่องเต่าอีกเรื่องนึง :-

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width=600 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>
    ***เต่าช่วยชีวิต***
    </TD></TR><TR><TD><TABLE width=590 align=center border=0><TBODY><TR><TD>

    เรื่องจริงนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2534
    ขณะที่ลิมกังยง กลาสีเรือเมย์สตาร์วัย 32 กำลังโยนเศษอาหารลงทะเลในน่านน้ำ
    เขาเกิดเสียหลักพลัดตกลงไปจากเรือ ขณะที่เรือกำลังแล่นอยู่

    เวลาผ่านไปชั่วโมงครึ่ง กว่าคนในเรือจะรู้ว่าเขาหายไป
    ทันทีที่รู้เรื่องนี้ กัปตันเรือก็หันหัวเรือกลับ
    เพื่อตามหาเขาในท้องทะเลกว้างห่างจากฝั่งถึง 130 กิโลเมตร

    หลังจากตามหาอย่างไร้ผล 4 ชั่วโมงครึ่ง ลูกเรือก็สังเกตเห็น "วัตถุลอยน้ำ" อยู่กลางทะเล

    เมื่อเรือแล่นเข้าไปใกล้ ก็พบว่าเป็นเต่ายักษ์
    บนเต่านั้นคือร่างของกลาสีเรือซึ่งหมดสติ แต่ไม่มีริ้วรอยบาดแผลใดๆ

    เมื่อฟื้นคืนสติ ลิมกังยงเล่าว่า เขาลอยคออยู่กลางทะเลเป็นเวลาชั่วโมงหนึ่ง
    ขณะที่นึกว่าจะไม่รอดแล้ว พลันเห็นวัตถุคล้ายไม้แผ่นใหญ่ เขาจึงปีนขึ้นไป

    ปรากฏว่ามีหัวสัตว์ใหญ่หันมามองเขา เลยรู้ว่ากำลังอยู่บนหลังเต่ายักษ์
    เขาจำคำบางคนได้ว่า หากจับคอเต่าเอาไว้มันจะไม่ดำน้ำ เขาเลยทำตาม
    เต่าก็ไม่ว่าอะไร มันไม่ขีดข่วนหรือพยายามสลัดเขาแต่อย่างใด
    ตัวเขามีแต่รอยขีดข่วนเล็กน้อย เพราะเล็บของมันเท่านั้น

    เมื่อลิมกังยงได้รับความช่วยเหลือแล้ว เต่าก็ยังไม่หนีไปไหน คงลอยตัวอยู่ข้างเรือ
    ลูกเรือเลยหว่านแหดึงมันขึ้นมา คนเกาหลีนั้น ขึ้นชื่อว่ากินอาหารทุกอย่าง ไม่ว่างู หรือแม้แต่หมา

    แต่คราวนี้กลับนำเต่ามาเลี้ยงฉลองอย่างดี ให้อาหารเต่าอย่างดี
    อาหารมีทั้งกล้วย เนื้อ รวมทั้งสุราฮะกึ๋น คือวิสกี้และเบียร์ ให้เต่าเลือกกินได้ตามสบาย
    ระหว่างการเลี้ยงดูเต่า มีคนวัดตัวเต่า พบว่ายาวกว่า 9 ฟุต

    ก่อนที่เต่าจะถูกหย่อนลงทะเล กลาสีคนหนึ่งผูกสร้อยไว้กับคอเต่ามีข้อความว่า
    "เต่าตัวนี้ ช่วยชีวิตมนุษย์ไว้ อย่าทำร้ายมันเลย"


    </TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.tamdee.org/note/view.php?No=723</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...