ปลูกต้นธรรม...หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ครั้งหนึ่งหลวงพ่อเคยเปรียบการปฏิบัติธรรมเหมือนการปลูกต้นไม้ ท่านว่า... ปฏิบัตินี้มันยาก ต้องคอยบำรุงดูแลรักษาเหมือนกับเราปลูกต้นไม้ ศีล.......คือ ดิน สมาธิ....คือ ลำต้น ปัญญา...คือ ดอก ผล ออกดอกเมื่อใดก็มีกลิ่นหอมไปทั่ว การปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน ผู้รักการปฏิบัติต้องคอยหมั่นรดน้ำพรวนดินระวังรักษาต้นธรรม ให้ผลิดอก ออกใบ มีผลน่ารับประทาน ต้องคอยระวัง ตัวหนอน คือ โลภ โกรธ หลง มิให้มากัดกินต้นธรรมได้ อย่างนี้...จึงจะได้ชื่อว่าผู้รักธรรม รักการปฏิบัติจริง ..สวัสดีครับ ^ ^...
อุปมาศีล สมาธิ ปัญญา....หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงน้าสายหยุด ท่านได้เมตตาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า หลวงพ่อเคยเปรียบธรรมะของพระพุทธเจ้าเหมือนแกงส้ม แกงส้มนั้นมี 3 รส คือ เปรี้ยว เค็มและเผ็ด ซึ่งมีความหมายดังนี้..... รสเปรี้ยว หมายถึง ศีล ความเปรี้ยวจะกัดกร่อนความสกปรกออกได้ฉันใด ศีลก็จะขัดเกลาความหยาบออกจากกาย วาจา ใจ ได้ฉันนั้น..... รสเค็ม หมายถึง สมาธิ ความเค็มสามารถรักษาอาหารต่างๆ ไม่ให้เน่าเสียได้ฉันใด สมาธิก็สามารถรักษาจิตของเราให้ตั้งมั่นอยู่ในคุณความดีได้ฉันนั้น.... รสเผ็ด หมายถึง ปัญญา ความเผ็ดร้อนโลดแล่นไป เปรียบได้ดั่งปัญญา ที่สามารถก่อให้เกิดความแจ้งชัด ขจัดความไม่รู้ เปลี่ยนจากของคว่ำเป็นของหงาย จากมืดเป็นสว่างได้ ฉันนั้น.... ..........สวัสดีตอนหัวค่ำครับ...(^__^)...
ไปอ่านหน่อยนะจ๊ะ ผมอ่านแล้วน้ำตาซึมเลย ซาบซึ้งกับเมตตาของหลวงปู่จริงๆ คำสั่งสอนของหลวงปู่ดู่ http://board.palungjit.com/showthread.php?t=164649
สติธรรม ....... หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ บ่อยครั้งที่พวกเราถูกหลวงปู่ท่านดุในเรื่องของการไม่สำรวมระวัง ท่านมักจะดุว่า "ให้ทำ (ปฏิบัติ) ไม่ทำ ทำประเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวออกมาจับกลุ่มกันอีกแล้ว ทีเวลาคุย คุยกันได้นาน" ปฏิปทาของท่านต้องการให้พวกเราตั้งใจปฏิบัติ ตั้งใจทำให้จริง มีสติ สำรวมระวัง แม้เวลากินข้าว ท่านก็ให้ระวังอย่าพูดคุยกันเอะอะเสียงดัง" สติ นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่จะทำให้เราได้หยุดคิด พิจารณาก่อนที่จะทำ จะพูด และแม้แต่จะคิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าสิ่งนั้นดีหรือชั่ว มีคุณประโยชน์หรือเสียหาย ควรกระทำหรือควรงดเว้นอย่างไร เมื่อยั้งคิดได้ก็จะช่วยให้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างละเอียดประณีต และสามารถกลั่นกรองเอาสิ่งที่ไม่เป็นสาระไม่เป็นประโยชน์ออกให้หมด คงเหลือแต่เนื้อที่ถูกต้องและเป็นธรรมซึ่งเป็นของควรคิด ควรพูด ควรทำแท้ๆ สวัสดีตอนเช้าครับ ^_______^
อุบายวิธีทำความเพียร หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ครั้งหนึ่งที่ได้สนทนาปัญหาธรรมกับหลวงปู่ ท่านเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า...เขามาถามปัญหาข้า ข้าก็ตอบไม่ได้อยู่ปัญหาหนึ่ง ผู้เขียนเรียนถามท่านว่า "ปัญหาอะไรครับ " ท่านเล่าว่า " เขาถามว่า ขี้เกียจ (ปฏิบัติ) จะทำอย่างไรดี" หลวงปู่หัวเราะ ก่อนที่จะตอบต่อไปว่า "บ๊ะ ขี้เกียจก็หมดกัน ก็ไม่ต้องทำซิ" สักครู่ท่านจึงเมตตาสอนว่า "หมั่นทำเข้าไว้...ถ้าขี้เกียจให้นึกถึงข้า ข้าทำมา 50 ปี อุปัชฌาย์ข้าเคนสอนไว้ว่า ถ้าวันไหนยังกินข้าวอยู่ก็ต้องทำ วันไหนเลิกกินข้าว...นั่นแหละถึงไม่ต้องทำ" สวัสดีตอนเย็นครับ ^___________^
ผู้ใดห้ามคนอื่นที่ให้ทาน ผู้ใดห้ามคนอื่นที่ให้ทาน ผู้นั้นชื่อว่า ทำอันตรายต่อคน ๓ คน คือ ทำอันตรายต่อบุญของทายก ทำอันตรายต่อลาภของปฏิคาหก อนึ่ง ตัวของผู้นั้นชื่อว่า ถูกก่น (ขุดรากคือความดี) และ ถูกประหาร (ตายไปจากความดี) เสียก่อนแล้ว ~~~~~-----------~~~~~----------~~~~~ สวัสดีครับ ต้อย
แนะวิธีวางอารมณ์ หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ หลวงปู่เคยพูดเสมอว่า"ผู้ปฏิบัติต้องหมั่นตามดูจิตรักษาจิต" สำหรับคนที่ไม่เคยปฏิบัติแล้วไม่รู้จะดูที่ไหนอะไร จะดูอะไร รู้สึกสับสน แยกไม่ถูกเพราะไม่เคยดู ไม่เคยสังเกตอะไร เคยอยู่แต่ในความคิดปรุงแต่ง อยู่กับอารมณ์แต่แยกอารมณ์ไม่ได้ ยิ่งคนที่ยังไม่เคยบวช คนที่อยู่ในโลกแบบวุ่นวาย ยิ่งดูจิตของตนได้ยาก ผู้ฝึกจิตถ้าทำจิตให้มีอารมณ์หลายอย่างจะสงบไม่ได้ และไม่เห็นสภาพของจิตตามเป็นจริง ถ้าทำจิตใจให้ดิ่งแน่วแน่อยู่ในอารมณ์เดียวแล้ว จิตก็มีกำลังเปล่งรัศมีแห่งความสว่างออกมาเต็มที่ มองสภาพของจิตตามความเป็นจริงได้ว่า อะไรเป็นจิต อะไรเป็นกิเลส อะไรที่ควรรักษา อะไรทีควรละ สวัสดีตอนเย็นครับ [IMG]
ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณต้อย ขอบคุณที่เป็นห่วง อากาศวันนี้หนาวมากค่ะ คุณต้อยก็ดูแลตัวเองให้อบอุ่นด้วยนะค่ะ เดียวไม่สบายเป็นห่วงค่ะ ฮิๆ.. ถ้าเหงาเมล์มาคุยเล่นกับนุชก็ได้ค่ะ ยินดีค่ะ..:))
สวัสดีค่ะคุณต้อย ..แหมหายหน้าไปนานเลยนะค่ะ ดีใจที่เข้ามาทักทายกันอีกค่ะ ก็คิดถึงเหมือนกัน นุชเองระยะหลังๆก็ยุ่งค่ะ จะเข้ามาเช็คอีเมลล์ตัวเองแล้วก็ ปิดไม่ได้มีเวลานั่งอ่านเน็ทนะบางครั้ง ..คุณและครอบครัวสบายดีนะค่ะ?
มีบุญมาฝากให้ได้โมทนาจ๊ะน้องต้อย ...ร่วมบุญไปสองงาน ซุ้มประตูมณฑปจัตุรมุขและสร้างพระผงเจ้าแม่กวนอิมคะ คิดถึงจึงเอาบุญมาฝาก