เรื่องเด่น ไหว้สารทจีนเสริมดวง ปลดล็อกพิบัติภัย

“สารพัดพิบัติภัยช่วงครึ่งปีแรก …เหตุผลการไหว้สารทจีนเสริมดวงกลางปี” เรื่องสำคัญที่จิตรา ก่อนันทเกียรติ นักเขียนเรื่องจีนที่สะสมความรู้เรื่องจีนมากว่า 30 ปี อยากจะบอกเล่าเป็นความรู้สู่กัน


จำวันที่ 3 กรกฎาคม ที่มี 3 ตายใหญ่ในไทยได้ไหม?…ทั้งจ่าสมาน ที่เสียชีวิตใต้น้ำเพราะช่วยหมูป่าติดถ้ำหลวง นักท่องเที่ยวจีนมาเรือล่มตายหลายสิบคนที่ภูเก็ต แถมด้วยเครื่องบินตกที่แม่ฮ่องสอน…


จิตรา บอกว่า มีการเข้าไปดูคำทำนายของหมอดูชื่อดังว่า เดือนกรกฎาคมจะมีการตายหมู่ครั้งใหญ่ จึงหยิบปฏิทินจีนประจำวันมาดูบ้าง พบว่า 3 กรกฎาคมเป็นวัน “จอชงมะโรง” ซึ่งปีนี้เป็นปีจอชงมะโรง


ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาได้ให้ความรู้ที่ได้จากซินแสฮ่องกงว่า ทางโหราศาสตร์จีนพบการเกิดพลังจากทุกครั้งที่นักษัตรจอกับมะโรงชงกัน เกิดเป็นคลังไฟใหญ่ขึ้นมา “โดยตัวนักษัตรมะโรงเองมีพลังน้ำมหาศาล เรียกว่ามีอภิมหาคลังน้ำอยู่ในตัว…เมื่อชงกับนักษัตรจอ ต่างฝ่ายต่างเกิดเป็นคลังไฟใหญ่”




แต่…นักษัตรมะโรงมีน้ำใหญ่ดับไฟใหญ่ของตัวเองได้ ในขณะที่นักษัตรจอไม่มีน้ำดับคลังไฟของตัวเอง ปี 2561 จึงอาจเป็นปีที่มีภัยมากกว่าปีอื่น ทั้งไฟไหม้ อุบัติเหตุการเดินทาง อาจเป็นอาถรรพณ์ที่ในทางโหราศาสตร์จีนถือนาจาซึ่งมีอีกชื่อว่า “เทพล้อไฟ” เป็นเทพธาตุไฟ มาร่วมผสมโรงกับการเกิดคลังไฟใหญ่ของนักษัตรจอ


โดยในปี 2555 ซึ่งเป็นปีมะโรง ในปีนั้นการจัดงานตรุษจีนที่สุพรรณบุรีเกิดระเบิดรุนแรง อาจเป็นเพราะในการแห่มังกรนั้น คณะมังกรเมืองไทยใช้ “นาจา” เป็นตัวล่อในการแสดงแห่มังกร


หลังเบิกเนตรแล้วจึงอาจเกิดอาถรรพณ์ให้มีความผิดพลาดจากการเก็บดอกไม้ไฟเกิดระเบิดใหญ่ดังไฟบรรลัยกัลป์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดภูเขาไฟระเบิดที่อินโดนีเซียคือภูเขาไฟเมอราปี เมื่อวันที่ 11 พ.ค.61 และเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ก็เป็นภูเขาไฟอานัก กรากาตัวที่พ่นลาวาออกมาอย่างรุนแรง…การเกิดไฟป่าที่อเมริกาปีนี้ก็รุนแรง


“ในขณะเดียวกัน นักษัตรมะโรงที่มีอภิมหาคลังน้ำ ก็นำพาภัยน้ำมาให้ หลายภัยล้วนซ้ำการเกิดเหมือนภัยน้ำในปีมะโรง 2555 เช่น พายุไต้ฝุ่นพระพิรุณที่ถล่มญี่ปุ่นนั้น ในปี 2555 ก็เกิดไต้ฝุ่นพระพิรุณ ความแรงระดับ 10 ทำความเสียหายอย่างมากให้ญี่ปุ่นเช่นกัน”


และ…อีกเงื่อนไขหนึ่งในโหราศาสตร์จีนคือ ปี 2561 นี้เป็นปีจอ ธาตุดิน หมายถึงการมีธาตุดินเข้ามามาก โดยโหราศาสตร์จีนนั้นต้องการให้ทั้ง 5 ธาตุคือ…ธาตุดิน, ธาตุน้ำ, ธาตุไม้, ธาตุไฟ, ธาตุทอง มีครบถ้วนเฉลี่ยๆกัน ในดวงใครมีธาตุไหนมาก โดยปกติจะไม่ต้องการธาตุนั้นอีก


เหมือนคนที่มีน้ำตาลอยู่ในตัวมากอยู่แล้ว จะไม่เอาน้ำตาลอีกเพราะจะทำให้เป็นเบาหวาน


การมีธาตุดินมากเกินไปของปีจอ ธาตุดินจึงอาจเป็นพลังลบที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง เช่น 4 สิงหาคมที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่เกาะลอมบอก อินโดนีเซีย เป็นวันมะโรงชงจอ




และล่าสุดคือ…แผ่นดินไหวที่จีน


ดังนั้น แค่ครึ่งปี ทั้งโลกและไทยก็มีภัยพิบัติ เกิดการสูญเสียทั้งจากภัยน้ำ ภัยไฟ อุบัติเหตุ ซ้ำแล้วซ้ำอีก การที่ จิตรา กางตำราดูการเกิดอาถรรพณ์ว่า 3 ก.ค.เป็นวันจอชงมะโรง ที่ได้ถามผู้ใหญ่ที่ชำนาญดวงไทยว่า 3 ก.ค.มีอะไรเป็นประเด็นในทางโหราศาสตร์ไทยไหม คำตอบ คือ ปี 2561 วันพฤหัสบดีเป็นวันอุบาทว์


ซึ่ง 3 ก.ค. เป็นวันพฤหัสบดี จึงสองเด้งคือ เป็นวันอุบาทว์ด้วย จอชงมะโรงด้วย


อย่างไรก็ตาม ในการนำเรื่องการต้องดูวันจอชงมะโรง กับวันมะโรงชงจอ มาเผยแพร่นี้ จิตรา ก่อนันทเกียรติ เป็นนักสะสมความรู้เรื่องจีน ไม่ได้ต้องการจะเป็นหมอดู ไม่ต้องการมีบาปกรรมจากการมีปากวาจาสิทธิ์…แต่ต้องการให้รู้ว่า ภูมิปัญญาจีนในเรื่องโหราศาสตร์และการไหว้เจ้านั้น ไม่ใช่เรื่องงมงาย


แต่ต้อง “รู้จริง” และมี “คุณธรรม” ในการใช้วิชา


จิตรา เล่าให้ฟังอีกว่า เธอต้องใช้เวลายาวนานมากในการสะสมความรู้และทำความเข้าใจ ทั้งจากการตระเวนลงใต้กว่า 20 ครั้ง เพื่อไปคุยกับผู้ใหญ่ที่เป็นร่างทรง ผู้ใหญ่ที่เป็นลูกของพ่อที่เคยเป็นมือพิธีกรรมของศาลเจ้า ผู้ใหญ่ที่ช่วยงานศาลเจ้ามานาน


แล้วไปถามความรู้เพิ่มเติมทั้งจากซินแสฮ่องกง นักพรตผู้ใหญ่วัย 70 ปี ของฮ่องกง กว่าจะเข้าใจว่า ทั้งโหราศาสตร์จีน และการไหว้เจ้าของจีน เป็นเรื่องของพลังที่มองไม่เห็นเช่นพลังของดวงดาว


คนจีนดึกดำบรรพ์ตั้งแต่กว่า 4,300 ปีก่อน ได้ทำแผนที่ดวงดาว โดยแบ่งเป็น 28 กลุ่มดาว ซึ่งโหราศาสตร์ไทยแบ่งเป็น 27 กลุ่มดาว อีกทั้งยังได้ทำอีกแผนที่ซึ่งแบ่งกลุ่มดาวเป็น 12 ช่อง แต่ละช่องหมายถึงแต่ละกลุ่มดาวที่ต่างกลุ่มก็ต่างพลัง ส่งผลต่อโลกและดวงชะตา พลังไหนเป็นพลังแบบใด



จิตรา

อัจฉริยะจีนในอดีตน่าจะมีสัมผัสพิเศษ แล้วให้แต่ละนักษัตรเข้าไปประจำใน 12 ช่องพลังดวงดาว เพื่อควบคุมชะตาทั้ง “ฟ้า” และ “ดิน” ซึ่ง…หมายความว่า การเกิดภัยพิบัติทั้งจากภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว มีพายุรุนแรง คลื่นลมในทะเลแรงผิดปกติ ทุกปีล้วนมีเกิดขึ้น แต่อาจต่างเวลาและพลังการเกิด แต่ครึ่งปีแรกนี้ที่รับเยอะหน่อยน่าจะมาจากพลังกลุ่มดาวนักษัตรจอ และนักษัตรมะโรง…


“ภัยพิบัตินี้ทำให้เกิดความเสียหาย มีคนตายมากมาย คนรอดย่อมใช้พลังดวงไปไม่น้อย”


นี่คือเหตุผลของการต้อง “ไหว้สารทจีน” วันที่ 15 เดือน 7 ของจีน ปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 25 ส.ค.2561 จิตรา จึงขอแนะนำให้ตั้งใจไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษให้ดีๆ


ไหว้เจ้าที่ขอบคุณท่านที่ช่วยดูแลคุ้มครองบ้านและคนในครอบครัว ไหว้บรรพบุรุษซึ่งต้องมี “อ่วงแซจิ่ว” ที่เปรียบเหมือนวีซ่า ให้บรรพบุรุษผ่านขึ้นมารับเครื่องเซ่นไหว้ได้ ที่คนจีนสั่งว่าการไหว้บรรพบุรุษเป็นการกตัญญู เพราะในสมัยยังมีชีวิตจะยากมากที่คนเราจะไม่ทำบาป


ตัวอย่างง่ายๆคือศีล 5 การไม่ผิดลูกเมียคนอื่น แต่ผู้ชายไทยมีไม่น้อยที่นอนกับผู้หญิงไปทั่ว นี่คือการผิดศีลที่ตายแล้วย่อมต้องตกนรกปีนต้นงิ้ว แต่จะตกแค่ 3-5 ปีคงเป็นไปไม่ได้


ถ้าต้องตก 10ปีนรก ก็คือหลายร้อยปีมนุษย์ การที่ลูกหลานได้ไหว้ให้บรรพบุรุษได้พ้นทุกข์ในนรกสักแว้บ…แม้เพียงชั่วครู่ชั่วคราว แต่ก็ได้ปีติจนต้องพยายามรวบรวมส่งพลังให้ลูกหลานที่ไหว้ได้มีพลังดวงที่สูงขึ้น


สำหรับการไหว้ผีไม่มีญาติ จิตราแนะนำว่าควรไหว้ที่นอกบ้าน บริเวณหน้าบ้าน เพราะเจ้าที่ของบ้านจะไม่มีการอนุญาตให้วิญญาณเร่ร่อนเข้ามาในบ้าน แต่วิญญาณเหล่านี้จะตอบแทนด้วยการส่งพลังให้คนไหว้โชคดี สังเกตได้จากพวกพ่อค้าแม่ค้าที่ไหว้เซ่นไหว้อาหารตรงถนนที่ตั้งขายของ มักขายดีกัน




ส่วนใครจะสามารถไหว้ได้มากหรือน้อย ได้ไหว้ดีกว่าไม่ได้ไหว้ คนมีฐานะควรไหว้ชุดใหญ่ครบถ้วน จัดหนักจัดเต็ม ส่วนคนเงินน้อยขอแนะนำว่า ไหว้เจ้าที่ด้วยไก่ไหว้ทั้งตัว เพราะการมีเงินน้อยอาจเพราะเรารู้น้อยทำงานไม่เก่ง ไหว้ไก่ให้เก่งงานรู้งานจะได้ก้าวหน้าในงาน เหมือนขุนนางที่ใส่หมวก


“ไหว้ไก่ทั้งตัวจะได้ครบเต็ม ไหว้บรรพบุรุษด้วยขาหมูพะโล้ก้อนใหญ่ จะได้ร่ำรวยสมบูรณ์ ได้เงินเป็นก้อนเป็นกำและขาหมูมีน้ำ ให้ชีวิตราบรื่น ส่วนการไหว้ผีไม่มีญาติ ใช้เป็ดพะโล้ไหว้ทั้งตัว เพราะเป็ดตัวใหญ่กว่าไก่ และว่ายน้ำได้ปัญหาจะได้ผ่านพ้นได้ไม่ยาก”


“เชื่อจิตราเถอะค่ะ เก็บข้อมูลจนเห็นกับตา และเจอกับตัวเองว่าทำแล้วเวิร์กจริงๆค่ะ”…เรื่องทำนองอย่างนี้ใครที่ไม่เชื่อไม่ศรัทธาก็โปรดอย่าได้ลบหลู่.


ขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/content/1359013