ให้อภัย ... การให้ที่บริสุทธิ์

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 4 กรกฎาคม 2008.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ให้อภัย ... การให้ที่บริสุทธิ์

    http://hilight.kapook.com/view/26092



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    ข้อมูลจาก Forward mail
    เรื่องโดย อนุสรา ทองอุไร
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

    การแสดงอภัยทาน เป็นการชำระใจ แม้จะดูพูดง่ายแต่ก็ทำได้ยาก หากไม่ฝึกทำจนเป็นปกติ เพื่อให้เข้าใจง่ายและอยากทำให้ได้ ขอให้พิจารณาเหตุผลถึงความต่อเนื่องของผลกรรม ที่มีผลข้ามภพข้ามชาติว่า ให้ผลร้ายแรงเพียงใด เป็นไปได้ไหม? ที่เราต้องการยุติการส่งผลของกรรมกับคนนั้นเพียงภพนี้เท่านั้น หรือว่าอยากจะพบอยากจะใช้กรรมกันต่อไป หลายคนที่รักมาก หลงมาก แค้นมากก็ผูกใจเจ็บไม่ให้อภัย ไม่ยกโทษให้ เหมือนการผูกสิ่งที่ไม่ชอบไว้ที่ตนเองตลอดเวลา . . .

    การให้อภัยจะช่วยให้สามารถยุติปัญหาต่างๆ ได้ เปรียบเสมือนคนล้างแก้วน้ำให้สะอาด ทำให้เหมาะสมที่จะรองรับน้ำบริสุทธิ์ที่เทลงไปใหม่ ส่วนหนึ่งจากการเทศนาธรรม จัดโดยสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี ร่วมกับบริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิสชิ่ง พระศรีญาณโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก ที่มาเทศน์เรื่องการให้อภัยทาน มีเนื้อหาที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์นำมาปรับใช้ให้ใจเป็นสุข

    [​IMG]


    [​IMG]ให้อภัยเหมือนล้างใจให้สะอาด

    การให้อภัยจะช่วยให้สามารถยุติปัญหาต่างๆ ได้ เปรียบเสมือนคนล้างแก้วน้ำให้สะอาด ทำให้เหมาะสมที่จะรองรับน้ำบริสุทธิ์ที่เทลงไปใหม่ เหมือนการโยนของที่ไม่ชอบทิ้งเสียโดยไม่ต้องเสียดาย การให้อภัยคือการแสดงกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อภัยทานเวลาจะให้ไม่ต้องไปขอใคร ไม่เหมือนใครมาขอเงินเรา ที่ต้องควักกระเป๋าให้ แต่การให้อภัยไม่ต้องหาจากไหนและไม่รู้สึกว่าเป็นการสูญเสีย

    ขอให้ภูมิใจเมื่อมีใครมาขอโทษ เมื่อมีใครให้อภัยเราหรือเมื่อสำนึกได้ว่าได้ทำอะไรผิดพลาดไปก็ขอโทษกัน การขอโทษหรือการให้อภัย มิใช่การเสียหน้าหรือเสียรู้ มิใช่การได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใด หากแต่เป็นการชำระใจให้สะอาด เหมือนภาชนะสกปรกก็ชำระล้างให้สะอาด ใครจะคิดอย่างไรมิใช่ประเด็น แต่สำหรับผู้แสดงออกว่าเราให้อภัยในเรื่องนี้ต่อบุคคลผู้นี้แล้ว นั่นเป็นสิ่งสำคัญเพราะสิ่งนั้นจะถูกบรรจุลงไปในจิตของเรานั่นเอง

    การผูกอาฆาต ความพยาบาท ความอิจฉา โกรธ เกลียด ความคิดแก้แค้น ทิฐิมานะนั้น เป็นเสมือนเชื้อไวรัส อภัยทานคือเครื่องมือแอนตี้ไวรัส ส่วนจิตของเราเหมือนคอมพิวเตอร์ ในชีวิตที่เหลืออยู่นี้อาจจะดูเหมือนยาว แต่มีใครบอกได้ว่าจะอยู่ได้ปลอดภัยถึงวันไหน เราต้องการความทรงจำที่เลวร้าย หรือต้องการความทรงจำที่ดีในชีวิต ต้องการนั่งนอนอย่างมีความสุข มีชีวิตอยู่ด้วยความอิ่มเอิบหรือต้องการมีชีวิตอยู่ด้วยการถอนหายใจ ด้วยความทุกข์และกังวลใจ สิ่งเหล่านี้กำหนดได้ที่ตัวเอง

    [​IMG]


    [​IMG]ฝึกใจให้คิดแต่เรื่องดีๆ

    ความคิดเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก สุขหรือทุกข์ของมนุษย์อยู่ที่วิธีคิด คิดเป็นก็พ้นทุกข์ คิดไม่เป็นแม้แต่เรื่องมิใช่เรื่อง ก็อาจเกิดเรื่องได้ คนเราอยู่ไม่ถึง 100 ปี ทำไมจะเสียเวลามาครุ่นคิดเรื่องไร้สาระ ทำไมจะต้องเสียเวลามาทำเรื่องที่ทำให้เกิดทุกข์ การยอมกันเสียบ้าง ก็เป็นความสุขได้ไม่ยาก เวลาที่โกรธ เกลียด พยาบาทใคร สีหน้าของเราจะเปลี่ยนไปหน้าจะเครียดแดงก่ำ เลือดสูบฉีดเร็ว หัวใจเต้นแรง มือไม้สั่น

    เวลาโกรธจัดจิตที่ถูกครอบงำโดยอารมณ์ร้าย คือ ความหนักใจ เหนื่อยหอบ ทำอะไรก็เป็นทุกข์ไม่มีความสุข แต่พอได้ยกโทษให้ใครเมื่อหายโกรธเหมือนยกภูเขาออกจากใจ จะรู้สึกทันทีว่ายิ้มได้ มีความสบายใจโล่งโปร่งสบาย คิดแต่เรื่องดีๆ จิตใจก็เบิกบานอิ่มเอิบ ที่สำคัญช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ผ่องใส

    เราอาจคิดว่าการให้อภัยบ่อยๆ แก่คนบางคน เขาอาจจะไม่ปรับตัว ยังก่อเหตุอยู่เสมอๆ งานก็ไม่สำเร็จ ยังเหลวไหลอยู่เหมือนเดิม นั่นอาจเป็นเหตุผลในการทำงาน แต่สำหรับเหตุผลของใจนั่น เมื่อให้อภัยใจเราก็เบา เพราะหมดห่วง หมดทุกข์ หมดสนิมที่จะมากัดใจให้ผุกร่อน วิธีคิดมีความสำคัญมากสำหรับชีวิตของคน เรามักได้ยินเสมอว่า แพ้หรือชนะอยู่ที่กำลังใจ แท้จริงแล้วคำว่ากำลังใจก็คือวิธีคิดนั่นเอง พลังที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์คือการที่ใจมีกำลัง และเป็นกำลังจากความคิดที่ดี

    มนุษย์จึงต้องสร้างกำลังใจให้แก่กันและกัน กำลังใจเป็นสิ่งที่ให้ไม่รู้จักหมด ยิ่งให้คนอื่นได้มากเท่าไร กำลังใจก็จะยิ่งเกิดขึ้นแก่เรามากเท่านั้น เหมือนวิชาความรู้ ยิ่งให้ยิ่งพอกพูน ยิ่งหวงไว้เฉพาะตัวก็ยิ่งหดหาย การให้อภัยแม้ยากแต่หากพยายามทำบ่อยๆ ให้กลายเป็นนิสัย จะเป็นความสุขใจในภายหลังเมื่อย้อนนึกถึง ด้วยเหตุนี้จึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดให้ได้ ไม่ให้ใจเป็นถังขยะแต่ให้ใจเป็นหิ้งบูชาพระที่งดงามทุกวัน ด้วยการมองแต่เรื่องดีๆ ของคนให้พบ มองบวกคิดบวกพูดบวก เพราะการทำอะไรเป็นบวกจะทำให้ได้กำไรใจสบาย

    [​IMG]


    [​IMG]ศัตรูก็ควรให้อภัย

    เคยไหมบางคนไม่รู้จักกันมาก่อน แต่พอเห็นหน้าจะรู้สึกไม่ชอบทันที จะพูดจะทำอะไรดูเกะกะน่ารำคาญไปหมด แม้แต่ความรู้สึกที่เขามีต่อเราก็เช่นเดียวกันนั่นเป็นเพราะอดีตเราไม่ยอมให้อภัยต่อกัน การที่ไม่ยอมให้อภัยเหมือนเราไม่ยอมล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย แม้จะไปที่ไหน สวมใส่เสื้อผ้าชนิดใด งามแค่ไหน ร่างกายของเราก็ยังคงสกปรกและตามไปทุกหนทุกแห่ง การให้อภัยเปรียบเหมือนการอาบน้ำชำระร่างกาย

    ท่านอาจลืมคิดไปว่าลูกหลานที่เกิดมาแล้วผลาญทรัพย์ทำลายชื่อเสียง ทำให้พ่อแม่เดือนร้อนนอนทุกข์นั้น แท้จริงก็คือศัตรูในชาติที่แล้วที่ไม่ได้อโหสิกรรมแก่กัน กรรมจึงติดตามกันมาเห็นผลถึงชาตินี้ บางทีคนที่เขาโกรธเราหากเราไม่โกรธตอบ ก็จะไม่เป็นการตอบรับกระแสกัน เหมือนโทรศัพท์ถึงกัน ถ้าอีกฝ่ายไม่เปิดโทรศัพท์รับ ฝ่ายที่โทร.ถึงก็หมดสิทธิจะคุยกันเพราะกระแสไม่ถึงกัน การตอบรับซึ่งกันและกันหากเป็นความโกรธ ความแค้น สิ่งที่จะตามมาก็คือการรับรู้และเก็บอารมณ์ทั้งโกรธและเกลียดไว้ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย

    เมื่อรู้แล้วก็ควรสละอารมณ์นั้นด้วยตัวเราก่อน เพื่อป้องกันจิตมิให้เป็นทุกข์เพราะคนนั้นเป็นเหตุ คิดเสียว่าเขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้ ไม่ไปยึดเป็นรักเป็นชัง ก็เมื่อแม้แต่รักพระท่านยังสอนให้ละทิ้ง เพื่อมิให้ยึดติด แล้วทำไมเราจะยังมองเห็นโกรธแค้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดมั่นอยู่ได้ ดังนั้น วิธีการแผ่เมตตาท่านจึงสอนไม่ให้คิดว่าเป็นคนที่รักหรือชัง หากแต่ให้คิดว่าเป็นสรรพสัตว์ที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ร่วมโลกเดียวกันการคิดเช่นนี้เป็นการปรับอารมณ์ให้สมดุลไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

    [​IMG]


    [​IMG] แผ่เมตตาให้สัตว์ที่กินเป็นอาหาร

    เจ้ากรรมนายเวร คือ สัตว์น้อยใหญ่ที่เรากินเป็นอาหาร ไม่ว่าจะเป็นหมู เนื้อ ไก่ เป็ด ปลา กุ้ง หอย ต่างๆ นับตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบันนับไม่ถ้วนกี่ร้อยกี่พันชนิด เนื้อหนังมังสาของเรา อวัยวะทุกส่วนล้วนแล้วแต่มีหุ้นส่วนของสัตว์น้อยใหญ่ทั้งสิ้น อย่าคิดว่าเป็นของเราคนเดียวแล้วไม่เคยแผ่เมตตาให้สัตว์น้อยใหญ่ ที่เรากินเข้าไปทุกวันๆ ทั้งๆ ที่เขาสละชีวิตของเขาเพื่อต่อชีวิตเราให้ยาวออกไป

    หากเขารู้สึกน้อยใจที่ถูกเพิกเฉย ความน้อยใจของเขาบางครั้งทำให้เราเกิดโรคร้าย เช่น มะเร็ง บางคนป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ หมอก็หาโรคไม่เจอ แต่พอแผ่เมตตากลับหายเรื่องเช่นนี้ มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย การแผ่เมตตาให้เขา แท้จริงก็คือแผ่ให้ตัวเรานั่นเองการให้เขาคือการให้เรา เพราะเขาอยู่กับเราเขาคือร่างกายของเรา เขาสละชีวิตเลือดเนื้อมาเป็นพลังงานให้ชีวิตเรา

    การแผ่เมตตาทำได้ง่ายเพียงแต่ให้นึกถึงเขาเสมอๆ คิดถึงความดีของเขาที่ได้ส่งเสริมให้เรามีชีวิตอยู่ การแผ่เมตตาถือเป็นการแสดงความขอบคุณต่อหลายชีวิตที่ถูกปรุงเป็นอาหารอร่อยว างบนโต๊ะอาหารรอเรามาขบเคี้ยว ชีวิตเราถูกเลี้ยงโดยสัตว์อื่นการกินคือการต่ออายุ วันหนึ่งเราต่ออายุ 3 เวลา แต่ละเวลาเราต้องกินอาหารอื่นนับสิบชีวิต

    ขอให้เราฝึกให้อภัยทุกวัน ทำเหมือนที่เราแผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ ขอให้เราทำทุกครั้ง ทำเหมือนกรวดน้ำหลังทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้สรรพสัตว์น้อยใหญ่ การให้อภัยแก่ใครนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย เป็นเรื่องธรรมดาๆ คือทำได้โดยไม่ต้องฝืนใจทำ

    เมื่อให้อภัยเสียแล้วใครๆ ที่ผูกอาฆาตพยาบาทเราไว้ แรงพยาบาทของเขาก็จะหมดโอกาสติดตามเรา เพราะกรรมนั้นหมดแรงส่ง เนื่องจากเราได้อโหสิเสียแล้ว ยุติสนิมในใจคือความพยาบาทอาฆาตให้หมดสิ้นไปจากใจของเราเสียแต่บัดนี้ ​
    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    http://www.womanplusonline.com/content_detail.php?mode=5&id=135

    [FONT=MS Sans Serif, sans-serif]<table width="100%" border="0" cellpadding="1" cellspacing="0"><tbody><tr><td valign="top"> </td><td valign="top">
    [​IMG]
    </td><td valign="top"> </td></tr></tbody></table>
    [/FONT]
    จิตใจที่สมบูรณ์ คือจุดเริ่มต้นของร่างกายที่แข็งแรง สดใส ปรารถนาแรงกล้าอย่างหนึ่งของสาว Plus ยุคใหม่ คือการได้ใช้ชีวิตในวัยหนุ่มสาวได้อย่างเต็มที่ครั้งหนึ่ง สปา คือหนทางในการเพิ่มพลังทางใจให้กับใครหลายคนในเวลาที่อ่อนล้าจากการงานและการดำเนินชีวิต
    วันนี้ศาสตร์แห่งการบำบัด หรือที่รู้จัก กันดีว่า Therapy กำลังเป็นทางเลือกใหม่ให้พวกเราได้ลองไปสัมผัส WP จึงชวนคุณเปิดใจรับ 4 ศาสตร์แห่งการบำบัดที่ว่ากันว่าเป็นวิธีบำบัดใจให้เป็นสุข เพื่อเตรียมคุณให้พร้อมลุยกับงานกองโตตรงหน้าและปัญหาอีกนานาชนิดกันเลยทีเดียวค่ะ


    1. บำบัดด้วยเสียง หัวเราะสร้างสุข
    + จุดเริ่มต้น
    การบำบัดด้วยเสียงหัวเราะ กำลังได้รับความนิยมอย่างมากเลยค่ะ โดยเฉพาะที่ศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดย อ.ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา ประธานโครงการเล่าถึงความเป็นมาของศาสตร์แห่งเสียงหัวเราะว่า จุดเริ่มต้นเกิดจาก ดร.วัลลภ ปิยะ-มโนธรรม ซึ่งเล็งเห็นถึงปัญหาความเศร้าของคนในสังคมที่เรามักพบเห็นอยู่เสมอ เสียงหัวเราะเปรียบเสมือนยาอายุวัฒนะ ไว้ต้านทานความทุกข์ ความเครียด ที่ทำให้ร่างกายและจิตใจเราป่วย เพราะฉะนั้นหากคนอารมณ์ดีขึ้นได้ด้วยเสียงหัวเราะชีวิตก็จะเป็นสุขขึ้นค่ะ
    + วิธีบำบัด
    ต้องทำการฝึกจิตใจ ร่างกาย และความคิดให้เชื่อมต่อไปในทิศทางเดียวกันเสียก่อน หลังจากนั้นจึงเริ่มเปล่งเสียงจากภายในท้อง อก ลำคอ และปากด้วยการออกเสียงสระ 4 ตัว ได้แก่ โอ อา อู เอ จากนั้นจึงค่อยเปล่งเสียงเป็นคำ บางครั้งให้ออกเสียงคำเดียวกัน เสียงเหมือนกัน แต่ความรู้สึกต่างกัน เหมือนเป็นการสะท้อนบางอย่างออกมาจากภายใน สุดท้ายก็ค่อยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาได้อย่างอิสระและเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด
    + ผลลัพธ์แห่งความสุข
    อ.ดร.จิตรา บอกว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาบำบัดด้วยเสียงหัวเราะ มักกลับไปด้วยจิตใจที่เบิกบานมากขึ้นค่ะ อาจเพราะส่วนหนึ่งได้ระบายความอัดอั้นต่างๆ ออกมาทางเสียงหัวเราะ และเสียงหัวเราะเหล่านี้เองที่มีผลต่อความคิดในแง่บวกที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อสภาพจิตใจ ดีขึ้น ร่างกายก็จะแข็งแรงตามไปด้วย ศาสตร์การบำบัดด้วยเสียงหัวเราะ จึงถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ในสังคมไทยตอนนี้

    <table width="100%" border="0" cellpadding="1" cellspacing="0"><tbody><tr><td valign="top">
    </td><td valign="top">
    [​IMG]
    </td><td valign="top">
    </td></tr></tbody></table>

    2. ศิลปะบำบัด สร้างสีสันให้ชีวิต
    + จุดเริ่มต้น
    Art Therapy เป็นการใช้กิจกรรมทางศิลปะเพื่อวินิจฉัยหาข้อบกพร่อง ความผิดปกติของกระบวนการทางจิตใจ ช่วยในการบำบัดรักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพให้ดีขึ้นด้วย เช่น ในด้านการพัฒนาอารมณ์ สติปัญญา สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนากล้ามเนื้อ การเคลื่อน-ไหวของร่างกาย และทักษะทางสังคม ซึ่ง คุณชลิต นาคพะวัน ศิลปินอิสระเจ้าของ Art Project and Gallery เป็นคนหนึ่งที่อุทิศตนช่วยเหลือสังคมด้วยการจัดกิจกรรมบำบัดด้วยศิลปะขึ้น แม้จุดเริ่มต้นโครงการของเขาจะมาจากความสนใจของเด็กๆ แถวบ้านที่อยากวาดภาพ และเขาก็มอบโอกาสนั้นให้ จนกลายเป็นความสุข โครงการศิลปะบำบัดจึงเกิดขึ้น
    นอกจากนี้ศูนย์ศิลปะ หรือ Human Center ของคุณหมอพัชรินทร์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ผู้ที่รักและหลงใหลในงานศิลปะ จนยอมลาออกจากการเป็นหมอ เพื่อออก มาช่วยเหลือคนผ่านงานศิลปะ เพราะเธอเชื่อว่า ศิลปะสามารถเยียวยาโรคได้ โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็ง การวาดภาพ งานปั้น และประติมากรรม สามารถทำให้ผู้ป่วยมีสภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงขึ้นได้อย่างรวดเร็วค่ะ
    + วิธีบำบัด
    แนวทางการบำบัดด้วยศิลปะ ส่วนใหญ่จะเริ่มจากการรับรู้ปัญหาของผู้ที่เข้ารับการบำบัดเสียก่อน แล้ววิธีจะเน้นไปที่การผสมผสาน สอดแทรกหลักจิตวิทยา หรือธรรมะเข้าไปในศิลปะ ซึ่งนับว่าเป็นยาที่ดีที่สุดในการช่วยบรรเทาจิตใจให้สงบเยือกเย็นยิ่งขึ้น การบำบัดด้วยศิลปะจะมีทั้งการวาดรูป ปั้นรูป เน้นการพูดคุยอธิบาย และมีหลักธรรมเป็นแกนนำ เพื่อชี้ทางสว่างให้ความทุกข์นั้นๆ เปลี่ยนแปลงเป็นความสุขค่ะ
    + ผลลัพธ์แห่งความสุข
    ผู้ที่เข้าไปบำบัดส่วนใหญ่จะมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงแรกๆ ค่ะ เพราะประโยชน์ของศิลปะคือการได้ฝึกสมาธิ จิตใจสงบ จนสามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ของชีวิตได้อย่างง่ายดาย


    3. วารีบำบัด สายน้ำ แห่งความสงบ
    + จุดเริ่มต้น
    ว่ากันว่าวารีบำบัดเป็นศาสตร์ที่สืบทอดมาจากยุคกรีกและโรมันค่ะ ต่อมาได้แพร่ไปสู่ยุโรปตะวันออก จนกลายเป็นการ อบไอน้ำแบบรัสเซีย (Russian Bath) การอบซาวน่าแบบฟินแลนด์ (Finnish Bath) จนกระทั่งได้รับการพัฒนาให้เป็นการบำบัดรักษาโรคโดยชาวเยอรมัน ทุกวันนี้ วารีบำบัดจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของการบำบัดโรคแบบวิถีธรรมชาติที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ส่วนใหญ่จะมีสองรูปแบบคือ การออกกำลังกายใต้น้ำ (ในสระว่ายน้ำ) และวารีบำบัดในสปา ซึ่งการบำบัดแบบนี้จะเป็นการสร้างสมดุลให้ร่างกายโดยอาศัยความร้อน ความเย็นของน้ำที่มากระทบผิวกาย
    + วิธีบำบัด
    กิจกรรมที่ทำในสระว่ายน้ำจะถูกออกแบบและปรับอุณหภูมิไว้อย่างเหมาะสม มีการฝึกกล้ามเนื้อและออกกำลังกาย
    รวมอยู่ด้วย ในขณะที่การบำบัดในสปาจะมีหลายวิธีด้วยกัน เช่น การนอนแช่ในอ่างน้ำที่มีการติดตั้งหัวฉีดไว้ใต้ผิวน้ำ เพื่อให้กระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือด กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ อาจมีการนวด อบไอน้ำ รวมถึงการพอกตัวด้วยโคลน หรือถ่านหินร่วน ทั้งนี้แล้วแต่จุดประสงค์ในการบำบัดด้วยค่ะว่าต้องการรักษาโรคหรือเพียงแค่การผ่อนคลายความเครียด
    + ผลลัพธ์แห่งความสุข
    ประโยชน์หลักๆ ที่ได้จากการบำบัดด้วยสายน้ำคือ การช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการบรรเทาอาการอักเสบของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่างๆ อีกด้วย ที่สำคัญวารีบำบัดมีผลอย่างมากในการช่วยผ่อนคลายจิตใจ ลดความเครียด เรียกว่าเป็นยาเพิ่มพลังใจเลยก็ว่าได้ค่ะ


    4. ทำสวนบำบัดจิต ฟื้นใจให้เติบโต
    + จุดเริ่มต้น
    ทฤษฎีการฟื้นฟูสภาพจิตใจของมนุษย์โดยใช้ต้นไม้ เป็นการรักษาวิธีหนึ่งที่มีมานานแล้วค่ะ เพราะต้นไม้สามารถทำให้คนรู้สึกสบายขึ้น จิตใจได้รับการฟื้นฟูได้ดีหลังการสูญเสีย ซึ่งนักบำบัดชื่อ Karin Fleming แห่งโรงพยาบาลเพื่อการฟื้นฟู หรือ Bryn Mawr Rehabilitation Hospital in Malvern, Pennsylvania พบว่าการให้ผู้ป่วยได้สัมผัสกับธรรมชาติอยู่เสมอๆ จะทำให้สภาพจิตใจดีขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งเกิดเป็นทฤษฎีการทำสวนเพื่อบำบัดจิต

    <table width="100%" border="0" cellpadding="1" cellspacing="0"><tbody><tr><td valign="top">+ วิธีบำบัด
    เพราะต้นไม้มีผลต่อสภาพจิตใจในส่วนลึกของมนุษย์ การใช้เวลาไปกับการทำสวน ปลูกต้นไม้ จะทำให้จิตใจเพลิดเพลินได้อย่างไม่รู้ตัว สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่บ้านที่สามารถทำสวนได้อย่างสบายๆ แล้ว ผู้ที่อยู่ในอพาร์ตเมนต์ก็สามารถสร้างสวนในกล่อง หรือพื้นที่ว่างเล็กๆ ภายในห้องก็ได้ หรือบางครั้งแม้แต่การเดินทางไปสวนสาธารณะบ่อยๆ ก็สามารถช่วยให้จิตใจเบิกบานขึ้นได้เช่นกันค่ะ
    + ผลลัพธ์แห่งความสุข
    ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นหลังการทำสวนไประยะหนึ่ง โดยเริ่มจากสภาพจิตใจที่ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ และจะส่งผลต่อเนื่องถึงสภาพร่างกายที่แข็งแรง สดชื่นตามไปด้วย ในสหรัฐอเมริกาได้มีการทดสอบกับกลุ่มผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่ได้รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล โดยกลุ่มหนึ่งสามารถมองเห็นสวนต้นไม้และมีโอกาสได้ลงไปปลูกต้นไม้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งอยู่ในห้องพักเฉยๆ กลุ่มแรกสามารถพักฟื้นร่างกายได้อย่างรวดเร็ว สภาพจิตใจร่าเริงขึ้น และมีโอกาสกลับมาหายเป็นปกติมากกว่ากลุ่มหลังอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ
    </td><td valign="top">
    </td><td valign="top">
    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table>
    และทั้งหมดนี้คือศาสตร์แห่งการบำบัดทั้ง 4 ที่แม้คุณไม่ได้ป่วยก็สามารถนำมาใช้ในการสร้างความสุขให้กับจิตใจและร่างกายของเราได้ เพราะทุกวันที่คุณต้องเจอกับความเครียดจากการทำงาน ความอ่อนล้าจากการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การบำบัดใจให้มีพลังเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขค่ะ


    WOMAN PLUS VOL.3 NO.9 16-31 MAY 2008
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2008
  3. kurei

    kurei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +76
    ^^การให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดจิงๆค่ะ
     
  4. อุดรเทวะ

    อุดรเทวะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,925
    ค่าพลัง:
    +130
    ขอบคุณครับ การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน
     
  5. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้
    ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     
  6. แพน้อย

    แพน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    สูงสุดของการให้ทานคือ ธรรมทาน
    รองมาคืออภัยทาน
    เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้โดยยากทั้งคู่
    เป็นเรื่องของใจล้วนๆ
    ถ้าใจยอมรับในสิ่งที่ทำ
    โดยที่ไม่มีความรู้สึกชอบชังเข้าไปปะปน
    เป็นการทำด้วยความเมตตา กรุณา
    นับว่าทานนั้นบรรลุผลของการให้ทานในระดับสูงแล้ว
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อภัยทาน คือสุดยอดการให้ที่ทำให้ตัวเรา

    และผู้อื่น เป็นสุข ชุ่มเย็น ไม่เดือดร้อนวุ่นวายใจ

    ไม่ต้องใช้ทรัพย์อื่นใด นอกจาก "ใจ" ของท่านเอง

    ;12
     

แชร์หน้านี้

Loading...