แสงมรณะ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 11 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    "อรุณรัศมี" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่ออยู่กับคนใกล้จะสิ้นใจ

    ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่ได้พบกับเรื่องแปลกๆ ค่อนข้างน่ากลัว ไม่ว่าจะคิดในแง่วิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์ก็ตาม แต่จำได้ว่าขณะที่พบนั้นรู้สึกหวาดกลัวมากๆ จนทำอะไรไม่ถูก แทบจะช็อกคาที่ หรือสมัยนี้เรียกว่าสติแตกนั่นแหละค่ะ

    เมื่อประมาณ 10 ปีแล้ว ดิฉันเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ยังไม่มีงานทำ คุณย่าก็มาล้มป่วยด้วยโรคชราพอดี

    ความจริงคุณย่ามีโรคประจำตัวหลายอย่าง ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขข้ออักเสบ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ แพทย์จะทำบายพาสหรือบอลลูนให้ก็เกรงจะไม่ปลอดภัย เพราะคุณย่าอายุ 80 เศษแล้ว ร่างกายไม่แข็งแรงพอ

    ท่านเจ็บออดๆ แอดๆ จนกระทั่งระยะหลังอาการหนัก มีหายใจไม่ออก นัยน์ตาเหลือกค้าง ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล อยู่ห้องไอซียูครั้งละ 3-4 วัน พ่อต้องเสียเงินครั้งละหลายหมื่นบาทค่ะ

    คุณย่ากลับบ้านมักมีอาการเลอะเลือน บางทีก็พูดพึมพำคนเดียว บางทีก็ร้องเรียกพ่อบ้าง ดิฉันบ้าง ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน บางทีตี 2 ตี 3 ท่านก็ตะโกนเรียกดังมาถึงชั้นบน กว่าจะได้ยินก็ตื่นหมดบ้านเพราะท่านตะโกนดังมาก

    ในที่สุด ดิฉันก็ลงมานอนในห้องคุณย่าข้างล่างเสียเลย พอท่านเรียกก็รีบไปหาทันที

    ท่านตะโกนไปตามจิตใต้สำนึกมากกว่าจะต้องการพบจริงๆ จังๆ เพราะเมื่อพบแล้วท่านก็ดูสงบ หลับตา พึมพำอะไรเบาๆ ดิฉันเคยพยายามเอียงหูเข้าไปใกล้ๆ ก็ไม่เคยจับความได้สักครั้ง

    น้องๆ ดิฉันยังเด็ก บางคนก็เป็นวัยรุ่น ไม่ค่อยสนใจคุณย่าหรอก แต่ดิฉันเองสนิทกับท่านมานานมาก และได้ชื่อว่าเป็นหลานรักของคุณย่าอีกด้วย

    ก่อนจะล้มเจ็บ ท่านเคยเป็นคนช่างพูดช่างคุย ชอบเล่าเรื่องต่างๆ ให้ดิฉันฟังตั้งแต่เล็กจนโต ทั้งเรื่องนิทาน เรื่องบุญ-กรรม เรื่องผี เรื่องชาตินี้-ชาติหน้า ท่านบอกว่าคนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรมทุกคน ดังนั้นจึงมีความทุกข์มากกว่าความสุขเสมอไป

    คุณย่าบอกว่า ถึงคนเราจะสูญเสียชีวิต เลือดเนื้อถูกไฟแผดเผาจนเหลือแต่เถ้าถ่าน แต่จิตยังอยู่ ยังผูกพันอยู่กับสิ่งที่ตนรักใคร่หรือห่วงใย จนกว่าจะแสวงหาแดนเกิดในภพภูมิที่เหมาะสมกับตนต่อไป ท่านยืนยันว่า มนุษย์เราล้วนแต่มีแสงสว่างอยู่ในร่างกายทุกคน เรียกว่าแสงแห่งจิต หรือแสงของวิญญาณก็ได้ ถ้าความตายมาถึง แสงดังกล่าวก็จะล่องลอยออกจากร่างไปเป็นสัญญาณมรณะ

    ดิฉันจำได้ว่าตอนนั้นฟังแล้วสนุกค่ะ คิดว่าเป็นนิทานมากกว่า...ต่อมาจึงได้อ่านพบว่าชาวตะวันออกโบราณ (ผู้เชี่ยวชาญทางเข้าฌาน) ก็เชื่อว่ามีรังสีประจำตัวแฝงเร้นอยู่ในร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์สภาพของอารมณ์อยู่ตลอดเวลา

    เช่น เมื่อมีอารมณ์โกรธ เกลียด จะมีสีส้ม สีแสด ถ้าเกิดอารมณ์หึงหวงหรือตระหนี่ถี่เหนียว จะมีสีน้ำตาลปรากฏ

    เมื่อเกิดโทสะหรือกำลังมีความโลภลุ่มหลง จะมีสีแดงคล้ำ เมื่อมีอารมณ์รักใคร่ทางโลกีย์ จะมีสีแดงกุหลาบ แต่ถ้ามีอารมณ์อิจฉาริษยาจะปรากฏสีเขียว

    เมื่อใช้ความคิดให้เกิดปัญญาจะมีสีเหลือง เมื่อมีอารมณ์สงบเป็นปกติจะมีสีม่วง แต่เมื่ออยู่ในอารมณ์ที่เชื่อมั่น มีจิตศรัทธาต่อบุญกุศล หรือซาบซึ้งในรสพระธรรม ก็จะปรากฏสีน้ำเงินสดใส คนใกล้ตายจะเปล่งสีเทาหนาทึบ คล้ายหมอกควันสีดำออกมาอย่างแน่นอน

    ถ้าเห็นแสงหรือสีเทาดำออกจากร่างของผู้ใด จงเชื่อมั่นได้เลยว่าจิตของคนผู้นั้นกำลังจะสละร่าง หรือออกจากร่างกายไป คล้ายกับคนผู้อพยพโยกย้ายจากบ้านเรือนอันผุพังเกินซ่อมแซมแล้ว ฉันใดก็ฉันนั้น!

    คืนสุดท้ายของคุณย่านั่นเอง ขณะที่กำลังหลับสบายอยู่หน้าเตียงท่าน ดิฉันก็ฝันว่าคุณย่าลุกจากเตียงมานั่งได้เองเหมือนคนปกติ แล้วหันมายิ้มให้อย่างใจดี บอกว่า...ย่าไปก่อนนะหลาน ไม่ต้องกลัวหรอก แล้ววันหนึ่งเราก็ต้องได้พบกันแน่นอน

    ในความเงียบเชียบนั้น ดิฉันได้ยินเสียงคล้ายคนสำลักลมหายใจอยู่ใกล้ๆ หู ก็ต้องตกใจตื่นจากความฝัน มาพบกับความจริงว่าคุณย่ากำลังเข้าขั้นโคม่า ทรวงอกสั่นสะท้อน นัยน์ตาเหลือกกลับ อย่างที่คนสมัยก่อนเรียกว่า "เข้าขั้นตรีทูต" แล้ว

    ดิฉันร้องเรียกเสียงดัง ผวาเข้าคว้ามือเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งของท่านไว้ ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องว่า...คุณย่าเป็นอะไรคะ?

    ไม่มีคำตอบ นอกจากเสียงคร่อกเบาๆ ดิฉันเกือบจะวิ่งขึ้นไปตะโกนเรียกพ่อแม่ให้ลงมาดูมาช่วย แต่แล้วก็ต้องตะลึงตัวแข็งทื่อในบัดดล!

    สวรรค์ทรงโปรดด้วยเถิด! มีแสงสีเทาทึบๆ ค่อนข้างดำคล้ายหมอกควันล่องลอยออกมาจากทรวงอกและศีรษะของคุณย่า ที่กำลังเงยหน้า เกร็งตัว มือบีบมือดิฉันแน่น...ท่ามกลางแสงไฟอ่อนๆ จากหัวเตียง ดิฉันเห็นแสงสีเทาดำนั้นเปล่งออกมาจากศีรษะคุณย่ามากขึ้นทุกที...ก่อนจะค่อยๆ จางหายไป

    ในที่สุด ใบหน้าท่านก็หงุบลงมาตามเดิม ก่อนจะพลิกมาทางดิฉัน เปลือกตาปิดสนิท แน่นิ่งไปโดยที่ยังบีบมือดิฉันอยู่ตามเดิม...ได้ยินเสียงตัวเองปล่อยโฮ ซบหน้าลงกับทรวงอกบอบบางของคุณย่าแล้วสะอื้นไห้จนตัวโยน

    ดิฉันเชื่อแล้วว่ามีแสงเร้นลับในร่างมนุษย์จริงๆ โดยเฉพาะแสงมรณะค่ะ?

    ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก
    ใบหนาด
    - ข่าวสด
     

แชร์หน้านี้

Loading...