เรื่องเด่น แผ่นดินไหวส่งแรงสั่นสะเทือนถึงอีกฝั่งของโลกได้ใน 3 วัน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ เตือนภัย, 6 สิงหาคม 2018.

  1. โพธิสัตว์ เตือนภัย

    โพธิสัตว์ เตือนภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,565
    กระทู้เรื่องเด่น:
    441
    ค่าพลัง:
    +655
    _102844308_4f969d78-22be-4b1b-8762-47849aea19db.jpg
    Image copyright Getty Images
    คำบรรยายภาพ ภาพความเสียหายจากแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ที่ไต้หวันเมื่อเดือน ก.พ. 2016

    แม้อาฟเตอร์ช็อก (Aftershock) หรือการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นตามหลังเหตุแผ่นดินไหวจะเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ แต่ล่าสุดนักธรณีวิทยาต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงแต่ละครั้งสามารถส่งคลื่นสะเทือนที่ทำให้เกิดการสั่นไหวได้ไกลถึงอีกซีกโลกหนึ่ง ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออริกอนสเตทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ผลการศึกษาเรื่องดังกล่าวลงในวารสาร Nature Scientific Reports โดยระบุว่าได้วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหวย้อนไปในอดีตตลอด 44 ปีที่ผ่านมา และพบว่าหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาด 6.5 ขึ้นไป มักมีแนวโน้มที่จะเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.0 หรือรุนแรงกว่าตามมาในอีกฝั่งหนึ่งของโลก ซึ่งมักจะเกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 2-3 วันให้หลัง

    ดร. โรเบิร์ต โอมัลลีย์ ผู้นำทีมวิจัยระบุว่า “แผ่นดินไหวเป็นส่วนหนึ่งของวงจรที่แผ่นเปลือกโลกสะสมแรงเค้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อรอยเลื่อนที่แผ่นเปลือกโลกมาบรรจบกันใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของวงจรนี้ แรงเค้นจะเพิ่มสูงจนถึงจุดที่ต้องปลดปล่อยออกมาและเกิดแผ่นดินไหวได้”

    _102844306_40f9d150-2992-4d2b-800b-ec15de7e5f61.jpg
    Image copyright EPA
    คำบรรยายภาพ ภาพจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.2 ทางภาคกลางของอิตาลี เมื่อเดือน ส.ค. 2016

    “ยิ่งเหตุแผ่นดินไหวมีความรุนแรงมากขึ้นเท่าใด การสั่นสะเทือนที่เกิดตามมาในอีกซีกโลกหนึ่งยิ่งมีขนาดหรือแมกนิจูดมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา มักเกิดเหตุแผ่นดินไหวตามหลังที่รุนแรงเกือบทั้งสิ้น โดยจะเกิดภายในพื้นที่ 30 องศา วัดจากจุดตรงข้ามกับศูนย์กลางแผ่นดินไหวซึ่งเกิดก่อนในอีกซีกโลกหนึ่ง” ดร. โอมัลลีย์กล่าว

    อย่างไรก็ดีนักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบชัดถึงสาเหตุและกลไกที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์เช่นนี้ขึ้น แม้ก่อนหน้านี้จะพบว่าพลังงานจากคลื่นสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวสามารถสะท้อนลึกลงไปในชั้นเนื้อโลกหรือแมนเทิล (Mantle) ได้ก็ตาม

    ตัวอย่างหนึ่งของเหตุการณ์ลักษณะนี้ คือเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2004 ซึ่งมีจุดศูนย์กลางนอกชายฝั่งเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย และมีความรุนแรงจนทำให้เปลือกโลกทั้งแผ่นเคลื่อนตัวขึ้นลงช้า ๆ ราว 1 เซนติเมตร และทำให้โลกทั้งใบ “สั่นไหวเหมือนกับตีระฆัง” ส่งผ่านพลังงานซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวตามมาในอีกซีกโลกได้ แต่คลื่นสั่นสะเทือนนี้จะเคลื่อนที่ช้ามากจนมนุษย์ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแต่อย่างใด

    ขอบคุณที่มา
    https://www.bbc.com/thai/features-45081891
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 สิงหาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...