เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 24 ธันวาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_9754.jpeg
      IMG_9754.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      175.2 KB
      เปิดดู:
      27
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึงอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษามหาราช วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ตั้งแต่ประมาณ ๖ โมงเช้าเหมือนเดิม

    กราบเรียนพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ รองแม่กองธรรมสนามหลวงประจำหนกลางว่า วันนี้กระผม/อาตมภาพไม่ได้อยู่ถึงพิธีเปิด เนื่องเพราะว่าต้องไปเยี่ยมลูกน้อง ซึ่งเข้าอบรมตามโครงการอบรมครูพระสอนปริยัติธรรมแผนกธรรม ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อบรรจุเข้าเป็นครูประจำกองธรรมสนามหลวงในปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ที่หอประชุมใหญ่พุทธมณฑล หมู่ที่ ๖ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคณะภาค ๑๔ ก็ยังทำหน้างง ๆ ว่า "งานอะไร ?" เมื่อกราบเรียนไป ท่านถึงบอกได้ว่า "เป็นงานคนละส่วนกัน" คือของท่านเองรับผิดชอบในส่วนของการสอบ การตรวจข้อสอบ แต่ว่าทางด้านโน้นรับผิดชอบในส่วนของการผลิตครูพระ

    เมื่อฉันภัตตาหารเช้าและเซ็นชื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางไปยังพุทธมณฑล พอเข้าไปถึงด้านในก็ต้องสะดุ้ง เนื่องเพราะว่าในหอประชุมใหญ่นั้น เปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นมาก ๆ กระผม/อาตมภาพมาจากทองผาภูมิซึ่งอุณหภูมิลดฮวบ ๆ จาก ๑๖ องศาเซลเซียส ลงมาเป็น ๑๔ องศาเซลเซียส ลงมาเป็น ๑๒ องศาเซลเซียส พูดง่าย ๆ ว่าลดวันละ ๒ องศาเซลเซียส ยังไม่รู้สึกเย็นเท่ากับนั่งอยู่ในหอประชุมพุทธมณฑลนี้เลย..!

    พระครูพิมลสรกิจ เลขานุการรองแม่กองธรรมสนามหลวง ได้มาให้การต้อนรับ เรียนว่า "นิมนต์พระอาจารย์นั่งแถวหน้าเลยครับ อยู่ทางด้านหลังองค์ประธานไปเลย คาดว่าคงจะไม่มีใครมาอีกแล้ว นอกจากเจ้าหน้าที่ของกองธรรมสนามหลวง"

    ปรากฏว่าอีกครู่หนึ่ง หลวงพ่อพระครูบวรธรรมานุสิฐ (สอน ปวโร) เจ้าคณะอำเภอพุทธมณฑล เจ้าอาวาสวัดมะเกลือ ในฐานะเจ้าของพื้นที่ก็เดินทางมาถึง จึงได้นั่งปรารภกันว่า "ทำไมเขาถึงเปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็นขนาดนี้ ?" ไม่คิดบ้างเลยหรือว่าที่มาอบรมกันในวันนี้ ก็คือครูพระสอนศีลธรรมในหนกลางและหนใต้ ซึ่งหนกลางนั้น สถานที่เย็นที่สุดก็น่าจะเป็นอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ขนาดนั้นกระผม/อาตมภาพยังรู้สึกทนแทบจะไม่ไหว หนใต้นั้นไม่ต้องพูดถึงเลย ก็คือมีแต่ฤดูร้อนกับฤดูฝนเท่านั้น แต่ในเมื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องทนนั่งกันต่อไป..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    จนกระทั่งท่านชุติญาณ์ แก้วมณี รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เดินทางมาถึง พิธีกรได้ชี้แจงขั้นตอนต่าง ๆ ของงาน แล้วอีกสักครู่ พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรเมธาจารย์ (ยุทธศักดิ์ กิตฺติยุตฺโต ป.ธ.๖) เจ้าคณะภาค ๔ - ๕ (ธ) กรรมการมหาเถรสมาคม รองแม่กองธรรมสนามหลวงก็เดินทางมาถึง พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณรองแม่กองธรรมได้นำบูชาพระรัตนตรัย แล้วรับการถวายสักการะจากตัวแทน ทั้งครูพระและทั้งข้าราชการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

    ท่านรองฯ ชุติญาณ์ได้ถวายรายงาน แล้วพระเดชท่านเจ้าคุณรองแม่กองธรรมก็ได้ให้โอวาท ซึ่งปรารภอยู่ในลักษณะคล้ายคลึงกับเมื่อวานนี้ที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) กรรมการมหาเถรสมาคม แม่กองธรรมสนามหลวง องค์เลขานุการในสมเด็จพระสังฆราช ได้กล่าวไปแล้ว

    โดยเฉพาะได้ปรารภว่า ผู้ที่เข้ารับการอบรมครูพระในวันนี้ยังมีขาดอยู่หลายรูป เนื่องเพราะว่าท่านนั่งอยู่บนที่สูง มองลงไปแล้วเห็นเก้าอี้ว่างอยู่ ถ้าเป็นครูพระจากปักษ์ใต้ก็ยังพอให้อภัย เพราะว่ามีน้ำท่วม อาจจะติดภารกิจในการกอบกู้วัดของตัวเอง แต่ถ้าหากว่าเป็นครูพระของภาคกลางแล้ว ก็เป็นที่น่าอนาถใจอยู่มาก เนื่องเพราะว่า
    ถ้าตนจะไปเป็นครูสอนคนอื่นเขา แค่การตรงต่อเวลาแบบนี้ยังทำไม่ได้ แล้วท่านทั้งหลายจะไปเป็นแบบอย่างให้คนอื่นเขาทำตามได้อย่างไร ?

    เมื่อพระเดชพระคุณท่านปรารภไปจนจบความแล้ว พวกเราได้ถวายความเคารพ แล้วกระผม/อาตมภาพก็ขอตัว เดินไข้จับออกจากหอประชุมมา เดินทางกลับยังที่พักชั่วคราวที่วัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี

    หลังจากฉันเพลแล้วก็ได้นำวัตถุมงคล "ของแพง" ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นส่วนที่สวยสมบูรณ์มาก เพราะว่าตั้งใจคัดเอาไว้ เพื่อนำเข้าพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน แต่ในเมื่อผู้ออกแบบพิพิธภัณฑ์ มีแนวคิดในการสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์แสง สี เสียง ในลักษณะมัลติมีเดีย ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ที่เน้นการวางของ กระผม/อาตมภาพจึงได้นำวัตถุมงคลเหล่านี้ ออกมาให้ทุกคนได้บูชากัน

    ท่านใดยังพอมีเงินอยู่ ถ้าต้องการของขวัญปีใหม่ ที่ต้องบอกว่าถูกใจทั้งผู้ให้และผู้รับ ก็สามารถที่จะบูชากันได้ เนื่องเพราะว่าวันนี้จะนำออกให้เป็นวันสุดท้ายของปีนี้ จบจากนี้แล้ว มีอารมณ์เมื่อไรแล้วค่อยงัดเอา "ไม้ตาย" ออกมาว่ากันทีหลัง..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    ในส่วนของวัตถุมงคลนั้น ท่านทั้งหลายถ้าหากว่าไม่ได้จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ กรุณาเถิด..อย่าได้เร่งรีบไปบูชามาโดยฟังคำบอกเล่าของผู้จำหน่ายเท่านั้น เมื่อประมาณ ๓ วันที่ผ่านมา พระใหม่วัดท่าขนุนได้นำเอาสมเด็จหางหมาก และมีดหมอดาบฟ้าฟื้นของวัดท่าซุง มาให้กระผม/อาตมภาพช่วยดูให้ กระผม/อาตมภาพเหลือบตาดูไปครั้งเดียว ก็เห็นอย่างชัดเจนว่า ในส่วนของสมเด็จหางหมากนั้น มีเกินครึ่งที่เป็นของทำเลียนแบบ ส่วนที่เหลือถ้าต้องการจะดูว่าใช่ของทางวัดท่าซุงหรือเปล่า ? ก็ต้องมาส่องดูตำหนิกันก่อน

    ในส่วนของเหรียญทำน้ำมนต์ กระผม/อาตมภาพชี้ให้ดูชัด ๆ เลยว่า หลายเหรียญที่ท่านเอามานั้น มีข้อต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทำไมไม่ช่างสังเกตเอาเสียเลย..!? จำเอาไว้ว่าวัตถุมงคลต่อให้เราอยากได้แค่ไหนก็ตาม ถ้ามีอะไรให้ "เอ๊ะ..?" เมื่อไร ขอให้วางทันที เนื่องเพราะว่ามีสิทธิ์ที่จะเจอ "ค่าหน่วยกิต" แพง ๆ อย่างแน่นอน..!

    โดยเฉพาะในส่วนของมีดหมอ ภปร. - สก. หรือว่ามีดหมอถอนโบสถ์ของวัดท่าซุง ซึ่งเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่ามีดหมอดาบฟ้าฟื้น ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงให้พวกเรา ไปกว้านเอามีดหมอที่มีอยู่ในตลาดพยุหะคีรีช่วงนั้นมา ได้รวมกันไม่เกิน ๕๐ - ๖๐ เล่มเท่านั้น แล้วก็ได้นำของตัวเองมาให้กับพระท่านดูเป็นตัวอย่างว่า ของที่มีอายุ ๔๐ - ๕๐ ปีนั้น ต่างจากของที่ท่านบูชามาขนาดไหน..!? ของที่ท่านบูชามาเหมือนกับเพิ่งทำเสร็จเมื่อวานนี้เอง..!
    ของที่ทำมานานขนาดนั้น ต่อให้รักษาดีขนาดไหนก็ตาม อย่างน้อย ๆ ก็จะมีร่องรอยความเก่าโดยธรรมชาติทั้งสิ้น

    ขอให้ศึกษารูปร่างลักษณะ ตลอดจนกระทั่งร่องรอยความเก่าของวัตถุมงคลให้แน่ใจก่อน ไม่ใช่แค่คนขายบอกว่า "บูชามาด้วยตนเองสมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่" แล้วคุณก็ไปเชื่อถือ เนื่องเพราะว่านั่นเป็นการ
    "เล่นวัตถุมงคลด้วยหู ไม่ได้เล่นด้วยสายตา" การเล่นวัตถุมงคลด้วยหูก็คือเขาบอกว่าอะไรเราก็เชื่ออย่างเดียว ถ้าเป็นแบบนี้ "ค่าหน่วยกิต" จะแพงมากเป็นพิเศษ..!

    เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเคยเจอมาแล้ว ตอนนั้นได้ไปทำการปลุกเสกวัตถุมงคลให้กับทางวัดอาวุธวิกสิตาราม ท่านเจ้าคุณสายรุ้ง - พระศรีวินยาภรณ์ (สายรุ้ง อินฺทาวุโธ ป.ธ. ๗) ซึ่งเป็นเลขานุการของหลวงปู่เจ้าคุณทองดี (พระธรรมวชิรสุธี) เจ้าอาวาส ท่านให้ไปพักอยู่ในสำนักงานของท่าน แล้วก็มี "อาเสี่ย" ท่านหนึ่งนำวัตถุมงคลหลายสิบองค์ ส่วนใหญ่เลี่ยมทองประดับเพชรมาทั้งสิ้น มาให้ท่านเจ้าคุณสายรุ้งช่วยดูให้ว่า "ของแท้หรือเปล่า ?"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,893
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,575
    ค่าพลัง:
    +26,418
    กระผม/อาตมภาพเองเหลือบมองแล้วก็ถอนใจ พอดีท่านเจ้าคุณสายรุ้งส่งมาตรงหน้า บอกว่า "หลวงพ่อเล็กน่าจะถนัดกว่า" กระผม/อาตมภาพก็รู้ท่า จึงได้บอกว่า "ดูได้แค่งู ๆ ปลา ๆ เห็นว่ากรอบสวยขนาดนี้น่าจะไม่มีปัญหากระมัง ?"

    เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าคนฟังออกก็จะรู้ว่า ถ้าเราพูดว่าเป็นของทำเลียนแบบก็จะเสียน้ำใจกัน โดยเฉพาะบุคคลที่ไม่รู้มารยาทในวงการ ไปถามอยู่ต่อหน้าร้านจำหน่ายวัตถุมงคลและคนขายว่า "ของแท้ไหมครับหลวงพ่อ ?" ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองก็ถือมารยาทในวงการ ก็คือ "ไม่ทุบหม้อข้าวของใคร" ได้แต่บอกว่าต้องดูด้วยตนเอง ต่อให้กระผม/อาตมภาพบอกไปแล้ว ถ้าท่านไม่มั่นใจก็จะเสียกำลังใจเปล่า ๆ

    เรื่องในลักษณะอย่างนี้ เราไปถามต่อหน้าคนขาย เขาถือว่าเสียมารยาทมาก ไม่มีใครไปชี้เป็นชี้ตายตรงนั้นหรอก เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จะเจอมีดเจอปืนเป็นรางวัลในการชี้เป็นชี้ตายตรงนั้นหรือเปล่า..!? จึงเป็นเรื่องที่ถ้ามีโอกาสถามลับหลังก็จะบอกให้ แต่ถ้าหากว่าถามตรงนั้นเมื่อไร ไม่มีทางที่กระผม/อาตมภาพจะฟันธงให้

    โดยเฉพาะลูกศิษย์บางท่าน เห็นกระผม/อาตมภาพไปยืนเล็งวัตถุมงคลที่ร้านไหนก็มักจะจ้องตามไป พอกระผม/อาตมภาพชี้วัตถุมงคลที่ตนเองต้องการ จ่ายเงินเสร็จสรรพเรียบร้อย ที่เหลือก็แห่เข้าไป "อย่างกับแร้งลง" โดยที่ลืมไปว่า ในส่วนที่กระผม/อาตมภาพเอาไปนั้น ก็คือของที่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าใช่ ส่วนที่ไม่ได้เอาไปไม่ใช่ว่าไม่มีสตางค์ หากแต่ว่าเป็นของที่ทำเลียนแบบขึ้นมาล้วน ๆ..!

    บางอย่างก็พูดกันในวงการว่า "เก๊ ๑๐๐ เมตร..!" ก็คืออยู่ห่าง ๑๐๐ เมตรก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ แต่ท่านทั้งหลายเห็นครูบาอาจารย์หยิบของร้านไหน ก็แห่กันไปบูชาที่ร้านนั้น ขอบอกว่า "ถ้าทำในลักษณะนี้ โอกาสที่ท่านจะเสีย "ค่าเล่าเรียน" แพง ๆ ก็มีถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ทีเดียว..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...