เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 15 กุมภาพันธ์ 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,217
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,517
    ค่าพลัง:
    +26,353
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,217
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,517
    ค่าพลัง:
    +26,353
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพต้องทำพิธีบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย และยกช่อฟ้าอุโบสถ วัดราษฎร์ประชุมชนาราม หมู่ที่ ๒ ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ให้กับพระครูกาญจนปริยัติคุณ (ชุมพร ปิยธมฺโม ป.ธ.๓) เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน แล้วกระผม/อาตมภาพส่งท่านไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัท ต่อจากนั้นก็ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดธุดงค์สมเด็จ แล้วก็ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส

    ท้ายที่สุด เมื่อทางด้านพระมหาสันติ โชติกโร ป.ธ.๙ อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา ท่านได้ฝากภาระวัดราษฎร์ประชุมชนารามให้กับกระผม/อาตมภาพ ที่เคยเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสมาก่อน ให้หาเจ้าอาวาสมาทดแทนท่าน ซึ่งป่วยหนักด้วยโรคมะเร็ง แล้วระบุตัวลงมาด้วยว่าต้องการพระครูกาญจนปริยัติคุณ เนื่องจากเคยสัมผัส และร่วมงานใกล้ชิดกันมา ทราบว่าท่านพระครูบ่าว ซึ่งเป็นชื่อเล่นนั้น ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรักใคร่เมตตา เนื่องเพราะว่าเป็นบุคคลที่มีความจริงใจ และตั้งใจทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาจริง ๆ

    กระผม/อาตมภาพซึ่งทำให้ท่านต้องตะลอนไปเป็นเจ้าอาวาสหลายต่อหลายวัดมาด้วยกัน ก็จำเป็นที่จะต้องขอร้องให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่อีกแห่งหนึ่ง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านเองซึ่งมีความเมตตาต่อญาติโยมทั้งหลายที่ขาดเจ้าอาวาส จึงยอมรับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนารามให้กับทุกคน

    ในตอนแรกนั้น กระผม/อาตมภาพติดต่อไปที่พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ.๖ วัดปากน้ำภาษีเจริญ อดีตพระภิกษุวัดท่าขนุนอีกรูปหนึ่ง ซึ่งไปเรียนบาลีอยู่ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ เนื่องเพราะว่าท่านมีลูกศิษย์มาก มีกำลังที่จะบริหารจัดการให้วัดราษฎร์ประชุมชนารามเจริญขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

    แต่ว่าท่านมหาเอ หรือว่าหลวงพ่อมหาเอของหลายต่อหลายท่าน ช่วงนั้นป่วยเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษอย่างหนัก จึงได้ขอตัวว่า มอบให้ท่านพระครูบ่าวมาเป็นเจ้าอาวาสดีกว่า แล้วท่านจะหางบประมาณในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดราษฎร์ประชุมชนารามแห่งนี้ให้เอง
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,217
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,517
    ค่าพลัง:
    +26,353
    เมื่อตกลงกันได้แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้บอกกับญาติโยมทั้งหลาย ทางด้านบ้านท่ามะขามนี้ว่า จะขออนุญาตในการปรับบูรณะวัดเสียใหม่ทั้งหมด โดยมีพลเอกเจษฎา เปรมนิรันดร อดีตเจ้ากรมเทคโนโลยีสารสนเทศทหารบก ช่วยรับเป็นภาระให้อีกส่วนหนึ่ง ในการหาช่างมาดำเนินการและควบคุมงาน โดยขอให้กระผม/อาตมภาพเป็นประธานอุปถัมภ์โครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดราษฎร์ประชุมชนาราม

    ก็คือว่าถ้ามีส่วนใดส่วนหนึ่ง ซึ่งท่านอาจารย์มหาเอไม่สามารถที่จะหาเงินได้ทัน กระผม/อาตมภาพก็ต้องควักกระเป๋าไปช่วย แต่ว่าตั้งแต่ต้นมาจนบัดนี้ เมื่อบูรณะวัดจนกระทั่งสวยงามเกือบจะทั่วถึงแล้ว กระผม/อาตมภาพยังไม่ต้องควักกระเป๋าช่วยเลยแม้แต่บาทเดียว..!

    เมื่อถึงเวลาทำการบูรณปฏิสังขรณ์หลังคาอุโบสถและช่อฟ้าใบระกาเรียบร้อยแล้ว จึงได้มีการบวงสรวงบอกกล่าวครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เพื่อที่จะขออนุญาตยกช่อฟ้าขึ้นสู่ที่ประดิษฐาน เป็นการแสดงออกซึ่งความสำเร็จในการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งนี้ พูดง่าย ๆ ว่างานใหญ่ที่สุดสำเร็จลงแล้ว ในส่วนที่เหลือ ก็เพียงเก็บรายละเอียดต่าง ๆ เท่านั้น

    ในที่นี้ก็ต้องขอบพระคุณชาวบ้านท่ามะขามและญาติโยมทั้งหลาย ตลอดจนกระทั่งหน่วยราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เชื่อถือและยินยอมให้พระครูบ่าวได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ โดยเฉพาะอดีตผู้ใหญ่บ้าน คือ นายบุญเนือง พุกนิลฉาย ปัจจุบันคือสมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่ามะขาม ได้กล่าวว่า "ถ้าไม่ใช่หลวงพ่อเล็กให้การรับรอง พวกผมไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่า รื้อทิ้งไปมากมายขนาดนี้ แล้วจะทำคืนกลับมาให้ดีได้" แต่ในเมื่อทำทุกอย่างให้เห็นได้แล้ว ทุกคนก็มีแต่นิยมยินดี เนื่องเพราะว่าวัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขามนั้น เป็นวัดที่มีความสำคัญคู่มากับวัดเหนือและวัดใต้

    ในสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสกาญจนบุรีนั้น มีเรื่องเล่าว่าบรรดาทหารต่าง ๆ ไปชุมนุมกัน เพื่อถวายการต้อนรับที่วัดใต้ จึงได้รับพระราชทานนามว่า วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ส่วนบรรดาคุณหญิง คุณนาย เจ้าใหญ่นายโตต่าง ๆ ไปรอรับอยู่ที่บริเวณวัดเหนือ เหมือนกับเป็นที่ชุมนุมของเทวดานางฟ้า วัดเหนือจึงได้ชื่อว่าวัดเทวสังฆาราม บรรดาประชาชนต่าง ๆ มาร่วมถวายการต้อนรับอยู่ที่บริเวณวัดท่ามะขาม วัดนี้จึงได้ชื่อว่าวัดราษฎร์ประชุมชนาราม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,217
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,517
    ค่าพลัง:
    +26,353
    แต่ด้วยความที่ว่าวัดเหนือนั้น มีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ก็คือหลวงปู่ดี (พระเทพมงคลรังษี) ส่วนวัดใต้นั้น มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังคือหลวงปู่เปลี่ยน (พระวิสุทธิรังษี สังฆปาโมกข์) ในเมื่อทั้งสองวัดมีพระเกจิอาจารย์ชื่อเสียงโด่งดัง ถึงขนาดมีคำกล่าวขานว่า "อยากเจ้าชู้ให้ไปวัดเหนือ อยากเป็นเสือให้ไปวัดใต้" วัดเหนือและวัดใต้จึงมีความเจริญล้ำหน้าวัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขามไปเป็นอันมาก

    เมื่อมาถึงสมัยของพระเดชพระคุณพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทฺโธ ป.ธ.๔) ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก็มีแนวคิดที่จะพัฒนาวัดท่ามะขามให้เจริญทัดเทียมกับวัดเหนือและวัดใต้

    แต่ว่าในช่วงนั้น พอกระผม/อาตมภาพเริ่มลงมือทำไปได้ไม่มากนัก ท่านก็ให้หยุดการพัฒนาไว้ก่อน เพราะว่าได้ติดต่อกับเสธ.นิด (พลตรีศรชัย มนตริวัต) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นลูกศิษย์วัดท่ามะขาม ขอให้มาช่วยดู และออกแบบว่าจะปรับปรุงวัดไปแนวทางใด ยังไม่ทันที่จะทำได้อย่างที่ต้องการ พระเดชพระคุณพระเทพเมธากรท่านก็มรณภาพเสียก่อน..!

    เมื่อมาถึงท่านอาจารย์พระมหาสันติ โชติกโร ป.ธ.๙ เป็นเจ้าอาวาสรูปถัดมา ท่านเองก็มาอายุสั้นเสียอีก วัดราษฎร์ประชุมชนารามจึงได้มารับการพัฒนาอย่างชัดเจน ในยุคของท่านพระครูกาญจนปริยัติคุณ โดยมีผู้สนับสนุนรายใหญ่ก็คือท่านอาจารย์พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ.๖ นี่เอง

    เมื่อทำพิธียกช่อฟ้าเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวกับญาติโยมทั้งหลาย วิ่งไปยังวัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี เพื่อทำการปลุกเสกชนวนในการสร้างวัตถุมงคลรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ให้กับพระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรวิหาร ที่ท่านได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก

    เมื่ออธิษฐานจิต ปลุกเสกวัตถุมงคลให้กับท่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ฉันเพลร่วมกัน และพูดคุยถึงแนวทางในการพัฒนาวัดต่าง ๆ ซึ่งเจ้าน้องเล็กของกระผม/อาตมภาพผู้นี้ ตั้งแต่สมัยที่เรียนมาด้วยกัน ก็กอดแข้งกอดขามาตลอด จนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ทิ้งนิสัย มีอะไรก็ต้องอาศัยกระผม/อาตมภาพอยู่ตลอดเวลา ก็จำเป็นที่จะต้องให้การอุดหนุนกันไป ตามแต่เหตุปัจจัยจะส่งเสริมได้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,217
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,517
    ค่าพลัง:
    +26,353
    ครั้นเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องเดินทางกลับเข้าที่พักที่วัดอุทยาน จังหวัดนนทบุรี เพราะว่าพรุ่งนี้มีงานสำคัญก็คือ พิธีเปิดการอบรมบาลีก่อนสอบประจำปี ๒๕๖๗ ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการอยู่ด้วย และรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารแก่บรรดาผู้เข้ารับการอบรม และพระสังฆาธิการที่มาตรวจเยี่ยมสนามอบรม ในวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ จึงต้องมารอเวลาที่จะเดินทางไปร่วมงานในครั้งนี้ แล้วหลังจากนั้นก็ต้องไปปฏิบัติหน้าที่สำคัญอื่น ๆ ของตนต่อไป

    ซึ่งวันก่อนนั้น กระผม/อาตมภาพโดนท่านเจ้าคุณต่อศักดิ์ (พระราชมหาเจติยาภิบาล) แซวกันในฐานะคนกันเองว่า "หลวงพ่อเล็กจะไปที่ไหนก็ตาม ผมต้องคอยฟังข่าวเอาไว้ เวลากลางค่ำกลางคืน จะได้นอนหันศีรษะไปได้ถูกทาง" ซึ่งท่านเจ้าคุณต่อศักดิ์ หรือว่าพระราชมหาเจติยาภิบาล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามนั้น ท่านเป็นกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) ระดับหน (กลาง) เช่นเดียวกับกระผม/อาตมภาพ

    ท่านเป็นบุคคลที่ใจดี ขี้เล่น แต่ทำงานเก่ง และเอาจริงเอาจังกับงานมาก กระผม/อาตมภาพเองยังบอกว่า "หลวงพ่อเจ้าคุณเล่นแซวกันแบบนี้ ผมไปไม่เป็นเลย" ท่านก็บอกว่า "หลวงพ่อเล็กงานมากจริง ๆ แต่ยังจัดสรรเวลาได้ถูกต้อง ทำงานต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ผมเองก็ยอมรับในข้อนี้"

    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่รับคำชมของพระผู้ใหญ่เอาไว้ เพราะว่าตนเองก็ได้สั่งสอนบอกกล่าวแก่พระภิกษุ สามเณร และญาติโยมทั้งหลายแล้วว่า ไม่ว่างานจะหนักเท่าไร จะมากเท่าไรก็ตาม ถ้าเราสามารถจัดความสำคัญ ก่อนหลังเร็วช้าของงานได้ เราก็จะมีงานอยู่ตรงหน้าแค่งานเดียวเท่านั้น แล้วทำไปตามลำดับ ก็จะไม่รู้สึกว่ายุ่งยาก และไม่รู้สึกเครียดเหมือนผู้อื่น ในเมื่อสอนคนอื่น ตนเองก็ต้องทำตามนั้นด้วย จึงจะสมกับพระบาลีที่ว่า ยถาวาที ตถาการี คือพูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...