เครื่องเรียกฝนใช้งานได้จริง กับประเพณีแห่นางแมว สิ่งไหนควรอนุรักษ์มากที่สุด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย th258258, 15 ธันวาคม 2010.

  1. th258258

    th258258 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +119
    พูดถึงฝน หลายคนมักบ่นว่า

    [​IMG]
    ฝนตกอีกแล้ว ไม่รู้จะตกอะไรนักหนา น่าเบื่อ

    และ

    [​IMG]

    ร้อนจังเล้ย ฝนหายไปไหนหมด น่าเบื่อ ร้อนก็ร้อน



    พูดถึงฝนหลายคน นึกถึงประเพณีแห่นางแมว เพราะแมวสามารถขอฝนได้ แต่หารู้ไม่ว่า

    แมวเหล่านั้นมีหลายตัวที่ต้องตาย
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    มันต้องอยู่ในกรงแล้วกระเตงรอบหมู่บ้านทั้งที่กรงนั้นแกว่งไปมาคงคลื่นไส้น่าดู แต่เพื่อประเพณีคงไม่อาจหนีได้ มันคงอยากจะหนี แต่ก็หนีไม่ได้ ว่าเลี้ยงแมวในกรงว่าแย่แล้ว นี่เล่นเอามันอยู่กลางอากาศแถมมีน้ำสวรรค์มาทางไหนก็ไม่รู้สาดมันไปมา ธรรมชาติแมวไม่ถูกกับน้ำ และสัตว์อื่นๆก็เช่นกัน เมื่อถูกน้ำมากๆอาจช็อกได้ แต่พวกมนุษย์ก็เฮเป้าหมายเดียวคือสืบสานประเพณีที่ใครไม่รู้คิดริเริ่ม ใช่มันมีที่มาแต่หารู้ไม่ว่า ทำไมเขาถึงคิดประเพณีนี้ เพราะความเชื่อ

    แล้วมาดูกันที่ว่า ในสมัยพุทธกาลมีเหล่าพญามารมาผจญพระพุทธเจ้า และเคยได้ยินไหมว่า ความโกรธหรือกิเลสคือเกิดจากมารดลบันดาลใจให้ทำสิ่งที่ชั่ว นี่ก็เหมือนกัน คนคนนั้นที่คิดประเพณีนี้คงได้รับการดลใจจากเทวดาแต่ เทวดาที่ไหนบ้าขนาด ให้ฆ่าแมวแล้วเห็นดีเห็นงามด้วย ที่ฝนตกหลังจากแห่เสร็จนั่นคือเครื่องหมายเตือนว่า อย่าทำแบบนี้ เราตกให้แล้วเลิกซะเถอะ แต่เพราะแรงกรรมของมนุษย์ทำให้ไม่ได้ยินเสียงนั้น แถมคิดว่าเทวดาคงจะรับรู้และเป็นใจ

    เทวดาเป็นเทพที่บริสุทธิ์รักษาศีล5หรือสะสมบุญและเมตตาไว้มากถึงได้เป็นเทวดาชั้นต่างๆ แต่จะมีไหมที่เทวดาเหล่านั้นจะสั่งให้ฆ่าแมว โดยทางอ้อม

    แมวมันทำผิดอะไร

    รู้แล้วว่าทำไมน้ำท่วมหนักขึ้นทุกวัน เพราะ กรรมนี้เป็นหนึ่งในผลกรรมของมวลมนุษย์

    ทำไม การขอฝนมันอยู่แค่แห่ประเพณีนี้อย่างเดียวเรอะ

    แล้วทำไม นายหลวงของเราถึงคิดฝนเทียมได้ โดยไม่ต้องพึ่งประเพณีนี้ เพราะพระองค์มีบุญอย่างหาที่สุดมิได้ แล้วบุญนั่นเองทำให้ปัญญาอันเฉียบแหลม ผุดขึ้น แต่ควบคู่กับการแสวงหาด้วย ถึงเกิดเป็นฝนเทียมได้ไงล่ะ

    ความเชื่อใช่ไหมที่จะขอฝนได้ งั้นผมขอเชื่อ

    ที่ว่า

    การนั่งสมาธิรวมหมู่หรือทำบุญครั้งใหญ่ เพื่อขอฝนจะมีบ้างไม่ได้ ที่ฝนแล้งเพราะกรรม

    ด้านวิทยาศาสตร์คือ

    ที่ฝนแล้ง เพราะสนามแม่เหล็กในพื้นที่นั้นๆที่แล้งมีแต่ไอความร้อนออกจากร่างกายมนจุษย์ ทำให้สะสมเป็นเวลานาน จึงมารวมในสนามแม่เหล็กในที่แห่งนั้นทำให้ เกิดความร้อนระเหยขึ้นไปบนฟ้า ชั้นบรรยากาศแถวนั้นจึงร้อนแบบแล้ง ไม่ใช่ร้อนแบบทุ่งหญ้าชื้น หรือร้อนชื้น จึงไม่ค่อยมีฝน

    แต่ที่ฝนตก เพราะในประเพณีแห่นางแมวมีการสร้างบุญใหญ่ ไอบุญจึงระเหยไปรวดเร็วทำให้สนามแม่เหล็กปล่อยสารบางตัวที่เก็บไว้ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ฝนตก ระเหยขึ้นไปรวดเร็ว ทำให้ฝนตกชั่วครู่ ที่ตกเพราะ มันอั้นไว้นาน แต่ไม่มีสารที่จะทำให้ฝนตก เหมือนลูกโปร่งอมน้ำ ไม่มีเข็มเจาะให้แตกลงมา ก็คงต้องรอให้มันรั่วเองแต่นั่นไม่ใช่เรื่องดี เพราะอั้นไว้นานอาจจะระเบิดได้นั่นคือน้ำท่วม

    เพราะบุญในเส้นประสาทในความรู้สึกที่ทั้งรับและรู้ แต่ความเชื่อผิดๆและเพราะจะได้รวดเร็วในการพูด มนุษย์จึงคิดว่าใจสามารถรับรู้ความรู้สึกได้แต่ที่เรารู้สึกได้ไม่ได้อยู่ที่ใจแต่เป็นเส้นประสาทรับและรู้ความรู้สึกต่างหาก

    หัวใจมีหน้าที่
    หัวใจ (อังกฤษ: Heart) ในกายวิภาคศาสตร์ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง เป็นอวัยวะสำหรับการสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆของร่างกายโดยอาศัยโครงสร้างของกล้ามเนื้อหัวใจ (cardiac muscle) และระบบนำไฟฟ้า (conduction system) ภายในหัวใจซึ่งสร้างและควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ
    หัวใจวางตัวอยู่ในบรินกลางของช่องอก ในบริเวณที่เรียกว่า เมดิแอสไตนัมส่วนกลาง (middle mediastinum) ซึ่งเป็นบริเวณที่ถูกขนาบข้างด้วยปอด และมีหลอดเลือดแดงใหญ่และหลอดอาหารวางอยู่ใต้หัวใจ นอกจากนี้หัวใจยังถูกห่อหุ้มโดยเยื่อบางๆ เรียกว่า เยื่อหุ้มหัวใจ (pericardium) ซึ่งช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้หัวใจยังมีระบบหลอดเลือดเฉพาะ ซึ่งเรียกว่า ระบบหลอดเลือดหัวใจ (coronary system) ซึ่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรง

    หัวใจไม่ได้มีหน้าที่รับความรู้สึก แต่เส้นประสาทต่างหากที่สั่งให้อวัยวะส่วนต่างๆรู้สึก

    แต่มันเรียกยาวไปก็เลยเรียกว่า รู้สึกเจ็บใจ ความเจ็บประสาทรับและรู้และสั่งการไปยังส่วนต่างๆ ที่บอกว่าเจ็บใจ เวลาเรารู้สึกเจ็บใจ เส้นประสาทจะรับและสั่งการไปยังหัวใจ ที่จริงหัวใจไม่ได้เจ็บแต่แค่เต้นแรงเพราะแรงแค้นของเราเท่านั้นเอง ที่แค้นแล้วกระอักเลือด เพราะเราอั้นมานาน พอโกรธอีกทีที่แค้นใจสุดๆ การเต้นของหัวใจก็แรงขึ้น จนกล้ามเนื้อหัวใจฉีกขาดหรือสเนในหัวใจแตก หรือเส้นเลือดฝอยใหญ่แตก เพราะเวลาโกรธจะมีเลือดอยู่ตรงใบหน้ามากทำให้รู้สึกร้อนที่ใบหน้าและนั่นแหละคือที่ว่าคำว่าเจ็บใจ

    เวลาแค้นหรือเจ็บใจ คุณรู้สึกไหมว่าจะร้อนที่ใบหน้า แต่ถ้าร้อนไปทั่วตัว แสดงว่าคุณกำลังจะกระอักเลือด คุณควรปล่อยวางในความแค้น แล้วคุณจะรอดตาย ในความแค้น

    ความแค้นคือบาปแม้แต่คิด เมื่อตายไปจะอยู่ในอบายภูมิ และเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาตามแรงแค้นและสิ่งที่สร้างจากแรงแค้นนั้น

    เวลาเราแค้นมักทำได้หลายอย่าง เช่นฆ่าคน ทำลาย ทำร้าย เป็นต้น เพราะฉะนั้น เรามาสร้างบุญให้โลกนี้เย็นลงกันเถอะ


    ใครว่าพระแค่สั่งสอนพระธรรมที่ใครต่อใครนับถือและใครก็ใครก็เริ่มเบื่อมัน ฟังทีไรก็ง่วง

    ที่ฟังทีไรก็ง่วง เพราะเรามีแรงแค้นมาก เซลล์ประสาทหรือต่อมความง่วงก็จะทำงานเพราะแรงแค้นทำให้เราเพลีย และสะสมไว้ในร่างกาย หรือไม่ได้แค้น แต่ทำงานหนักก็มีส่วนเพราะเวลาคิดหนักๆเรารู้สึกร้อนเพราะการเต้นของหัวใจแรงขึ้น ผสมกับความง่วงและเพลียให้ทำหงุดหงิด

    การนั่งสมาธิบำบัดโรคนี้เป็นวิธีหนึ่งที่ควรทำอย่างยิ่งนอกจากได้บุญแล้ว ความสงบนี่แหละทำให้เราปล่อยสารบางอย่างออกมาชะลอความร้ายของสนามแม่เหล็กทำให้ภัยต่างๆลดน้อยลงแต่ปัจจุบันพบว่า ผู้คนมักแค้นมากยิ่งขึ้นเลยทำให้เกิดภัยต่างๆไม่หยุดหย่อน

    ใครอยากอายุยืนจงเร่งสร้างบุญ

    มาเข้าเรื่อง

    ผมไปเจอเรื่องนี้มาเกี่ยวกับฝน ที่ใครก็โรคตเบื่อ ใครๆก็โรคตชอบ แต่เรื่องนี้ชอบแน่ครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>[​IMG]

    "พลังพีระมิด" แก้วิกฤติสุขภาพ
    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
    วัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

    สภาพสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีสารเคมีสังเคราะห์ได้ทำลายบรรยากาศชั้นโอโซน ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน น้ำแข็งขั้วโลกละลาย และทำลายแกนพลังงานของโลก ทำให้พลังงานแม่เหล็กโลกแพร่กระจายอยู่ทั่วไป ในบรรยากาศใต้พื้นโลก

    แม้กระทั่งในร่างกายมนุษย์เรายังถูกฝังอัดแน่นด้วยพลังงานที่ร้อนและหนัก จึงเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยเรื้อรัง และรักษาไม่ได้ ทำให้มนุษย์อยู่ในสภาวะเสี่ยง เพราะสภาพดั้งเดิมทางธรรมชาติของโลก ที่เอื้อต่อการมีชีวิตของมนุษย์และสัตว์ เกิดการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยพิษภัยต่อสุขภาพ เป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้เซลล์และภูมิต้านทานโรคของมนุษย์เกิดการเสื่อมถอย

    ด้วยเหตุนี้ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ วัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน จึงได้คิดพัฒนาผลงานด้าน สมาธิบำบัด ให้มีวิวัฒนาการตามลำดับ เป็นทางเลือกของสุขภาพองค์รวม และวิถีแห่งสุขภาพองค์รวมของคลื่นพลังงานบำบัดในปัจจุบัน จัดเป็นนวัตกรรมด้านสุขภาพแนวทางใหม่ ที่ไม่ใช้ยา ประยุกต์หลักการ วิปัสสนากรรมฐาน และหลักความรู้จาก วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการนำพลังงานเข้าสู่ร่างกาย เกิดกระบวนการขับสารพิษ และฟื้นฟูเซลล์

    พระอาจารย์รัตน์ ได้ประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์เสริมสุขภาพแนวใหม่ มีเป้าหมายเพื่อสร้างคลื่นพลัง นำไปใช้เสริม พลังปราณ ให้แก่ร่างกายทั้งของมนุษย์ ด้วยอุปกรณ์ประกอบ พลังพีระมิด ที่ทำมาจาก "แร่มโนธาตุ" มีการจัดวางจำนวนก้อนของพีระมิด ตามภาวะการหมุนของโลกที่เปลี่ยนแปลง เพื่อเสริมพลังกระแสลมปราณ โดยใช้น้ำเป็นสื่อ และให้ประโยชน์สำคัญ สามารถช่วยรักษาโรคได้แทบทุกชนิด ช่วยทำให้หายใจสะดวก ลมหายใจยาวลึกถึงท้อง และทำให้ดันสารพิษสารตกค้างที่สะสมอยู่ลึกในเซลล์และนิวเคลียสให้หมดไป

    [​IMG]

    ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดวิกฤติสุขภาพ มีที่มาจากแหล่งใหญ่ๆ คือ

    ๑. เส้นแรงแม่เหล็กโลก ที่ไหลเวียนอยู่บริเวณพื้นผิวโลก มีปริมาณมากกว่าที่ไหลเวียนอยู่ภายในแกนโลก และเป็นการไหลเวียนที่ไม่เป็นระเบียบ ทำให้ร่างกายมนุษย์และสัตว์ได้รับปริมาณเส้นแรงที่มากกว่าปกติ เส้นแรงจึงฝังตัวอยู่ภายในร่างกาย ทำให้เกิดปัญหากับเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ กระดูก ระบบไหลเวียนเลือด และระบบขับถ่ายของเสีย

    ๒. ก๊าซพิษ จากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ได้เพิ่มปริมาณและความเข้มข้นขึ้นมากในอากาศ ทำให้อากาศไม่สะอาด มีสิ่งปนเปื้อนอยู่ในอากาศมาก ความหนาแน่นของอากาศก็เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหากับระบบหายใจ

    ๓. คลื่นพลังงานอันเป็นพิษ อาทิ กัมมันตรังสี และแสงอัลตราไวโอเลต ได้เพิ่มปริมาณขึ้นในโลก ซึ่งส่งผลให้คลื่นพลังชีวิตที่เป็นแสงสว่างภายในร่างกาย ที่เรียกว่า พลังปราณ ถูกทำลาย ทำให้ระบบพลังงาน ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย และระบบฮอร์โมน เกิดปัญหา ก่อให้เกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย หรือระบบต้านทานโรค รวมทั้งการทำงานของอวัยวะภายในเสื่อมถอยลงเร็วกว่าปกติ ปัญหานี้สามารถบำบัดรักษาได้ก็ด้วยการใช้ พลังพีระมิด ซึ่งเป็นพลังที่มีอยู่ในธรรมชาติ

    ด้วยความสนใจในเรื่องของ พลังพีระมิด ที่สามารถใช้บำบัดโรคภัยไข้เจ็บได้ คุณยุวดี บุญครอง ผู้บริหารศูนย์สุขภาพองค์รวม เอช พลัส จึงได้นิมนต์พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ มาถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ ในการใช้พลังพีระมิดบำบัด ให้แก่สมาชิกผู้ที่สนใจเป็นจำนวนมาก เมื่อเร็วๆ นี้

    พระอาจารย์รัตน์ ได้เริ่มต้นสอนวิธีฝึกเพื่อดูดของเสียออกจากร่างกาย โดยการวางก้อน พีระมิด หันด้านที่มีรูเจาะออกไปด้านนอกลำตัว นึกความรู้สึก (จิต) ส่งไปให้ถึง หรือชนรูเจาะ ที่ก้อนพีระมิด เป็นจังหวะ พลังจิตและพลังแร่มโนธาตุ (พีระมิด) จะช่วยคลายความเจ็บปวด เสมหะ น้ำลาย เลือดเสีย จะถูกขับออกมา ให้บ้วนทิ้ง

    [​IMG]

    วิธีรับพลังพีระมิด เพื่อให้พลังพีระมิดช่วยทำการรักษาได้ลึก จึงควรทำในท่ายืน โดยให้ยืนเท้าแยกออกจากกันเล็กน้อย เหมือนการทำท่ากายบริหาร และทำความรู้สึกให้ว่าง หยุดนึกหยุดคิด ถ้าทำความรู้สึกให้ว่างไม่ได้ ให้ดึงความรู้สึกอยู่ภายในห้องฝึก ไม่ส่งความรู้สึกฟุ้งซ่านออกไปยังที่อื่นๆ ซึ่งจะทำให้รับพลังพีระมิดได้ยาก ผู้ฝึกจะต้องยืนหันหน้าไปยังทิศต่างๆ มีด้วยกันทั้งหมด ๖ ทิศ แต่ละทิศจะสามารถบำบัดรักษาส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างเห็นผล ซึ่งต้องใช้เวลาในฝึกบริหารพอสมควร

    นอกจากนี้ พระอาจารย์รัตน์ได้นำผู้เข้ารับการอบรมไปทดสอบ เตียงนอนสุขภาพพลังพีระมิด เป็นอุปกรณ์ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพลังพีระมิด อย่างสมบูรณ์แบบ เตียงนอนสุขภาพพลังพีระมิด ประกอบขึ้นจากกลุ่มพีระมิด ๔ กลุ่ม กลุ่มละ ๔ ก้อน รวมทั้งหมด ๑๖ ก้อน ทำงานร่วมกับ น้ำ ท่อน้ำ ปั๊มน้ำ และถังน้ำ โดยพีระมิด ๔ ก้อน ในแต่ละกลุ่ม จะมีลักษณะแตกต่างกันที่การจัดวาง เพื่อสร้างพลังงาน ในขณะที่น้ำกับพลังงานไหลเวียนจะเหนี่ยวนำพลังงานที่อยู่ใกล้เคียง ช่วยทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเต็มที่ ให้นั่งหรือนอนบนเตียงนี้อย่างน้อยวันละครั้ง ครั้งละไม่น้อยกว่า ๑ ชั่วโมง โดยใช้ได้ทั้งผู้ป่วย และคนปกติทั่วไป

    หลังจากการใช้แล้ว ให้สังเกตน้ำในถังที่เคยใสสะอาด จะมีสีขุ่นมัว และสกปรกอย่างเห็นได้ชัด การใช้งานครั้งต่อไปจึงควรจะเปลี่ยนน้ำใหม่ทุกครั้ง

    พระอาจารย์รัตน์กล่าวว่า "น้ำที่ไหลวนล้อมตัวผู้นอนบนเตียงนอนสุขภาพพลังพีระมิดนี้ เป็นน้ำพลังงานที่มากด้วยประโยชน์ เช่น พลังกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุ จะช่วยซ่อมแซมฟื้นฟูเซลล์ ช่วยให้ผู้ป่วยหนัก เช่น มะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต หัวใจ ภูมิแพ้ ฯลฯ ฟื้นคืนสภาพได้เร็ว ช่วยให้คนปกติมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ผิวพรรณสดใส คืนความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ร่างกาย อายุยืน และสารพิษสารตกค้างในเซลล์จะถูกดันระบายออกมาจากร่างกาย เป็นเสมหะ น้ำลาย หรือออกผดผื่นคันตามผิวหนัง ปัสสาวะ อุจจาระ ถ้าหากปริมาณสารพิษสารตกค้างในร่างกายมีมาก กระบวนการขับของเสียออกจากเซลล์อาจต้องใช้เวลาหลายวัน และของเสียที่เกิดจากเซลล์จะถูกทำลายจะระบายออกไปพร้อมกับพลังของน้ำ"

    ผู้สนใจต้องการทดลองการบำบัดรักษาโรคด้วย เตียงพลังพีระมิด หรือต้องการก้อนพีระมิด สร้อยพีระมิด เพื่อใช้ในการบำบัดส่วนตัวที่บ้าน เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ "ศูนย์สุขภาพองค์รวม เอช พลัส" ชั้น ๑๑ อาคารไอทีสแควร์ หลักสี่ โทร. ๐-๒๗๘๔-๖๐๒๒

    [​IMG]

    "ดร.อาจอง" ตรวจเครื่องลดมลภาวะ
    เรียกฝนยันพลังงานพีระมิดมีจริง

    "ดร.อาจอง" ขนเครื่องลดมลภาวะ-เรียกฝน ให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ทดสอบ ยืนยันผลการศึกษาพลังงานพีระมิดมีจริง แต่ยังไม่มีการรับรองทางวิทยาศาสตร์ ส่วน ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ขอเครื่องติดตั้งสนามบิน ลดปัญหาหมอกควัน

    กรณีที่พระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้คิดค้นและประดิษฐ์เครื่องลดมลภาวะทางอากาศรวมทั้งเครื่องเรียกฝน โดยใช้หลักการของพีระมิด ขั้วแม่เหล็กโลก และศูนย์แรงดึงดูดของกาแล็กซี่ทางช้างเผือกได้เป็นผลสำเร็จนั้น

    ล่าสุดวันที่ ๒๐ สิงหาคม ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา หนึ่งในทีมวิศวกรผู้ออกแบบระบบลงจอด ยานอวกาศไวกิ้ง เพื่อลงจอดบนดาวอังคารขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (National Aeronautics and Space Administration) หรือนาซา ได้เดินทางไปตรวจสอบเครื่องมือดังกล่าวที่สำนักปฏิบัติธรรมสวนบูรณรักษ์ธรรม เลขที่ ๓๘/๑ ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของพระอาจารย์รัตน์

    ดร.อาจองกล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อนำเครื่องดังกล่าวไปที่โรงเรียนสัตยาไสย จ.ลพบุรี เพื่อให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ทำการทดลอง ซึ่งจะมีการสังเกตการทำงาน และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น การศึกษาวิเคราะห์ อาจใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากจะต้องบันทึกความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

    ดร.อาจองกล่าวอีกว่า เมื่อครั้งเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการศึกษาวิจัย และพบว่าพีระมิดสามารถดึงดูดพลังเข้ามาได้ แต่เป็นพลังอะไรยังไม่สามารถบอกได้ เพราะในทางวิทยาศาสตร์ ยังไม่มีการสำรวจพลังงานชนิดนี้ แต่ที่เห็นได้ชัดคือ เมื่อเราตั้งพีระมิดให้ด้านใดด้านหนึ่งให้ตรงขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ จะมีการดึงดูดพลังเข้ามา ซึ่งในการทดลองได้ร่วมกับนิสิต นำเอาเนื้อสัตว์วางไว้ตรงจุดเศษหนึ่งส่วนสามของพีระมิด ปรากฏว่า เนื้อสัตว์ไม่เน่า และยังเคยทดลองกรณีเด็กนอนไม่หลับ โดยนำพีระมิดไว้ใต้เตียง และพบว่าเกิดพลังอะไรบางอย่างทำให้เด็กนอนหลับสนิท ซึ่งผลที่ออกมาพอจะเห็นแนวทางว่า เครื่องลดมลภาวะน่าจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม วิทยาศาสตร์ต้องมายืนยันอีกครั้ง

    [​IMG]

    "เครื่องลดมลภาวะที่มีการประดิษฐ์ขึ้นครั้งนี้ อาจเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเมื่ออาจมีความเป็นไปได้ก็ควรจะช่วยสนับสนุนเพราะจะเกิดประโยชน์กับโลกของเรา และในฐานะนักวิทยาศาสตร์ ตอนนี้รู้แต่ว่าพีระมิดมีพลัง ส่วนจะทำให้เกิดดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างไรยังสรุปไม่ได้ เพราะต้องใช้เวลาวิเคราะห์พอสมควร ส่วนจะได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติหรือไม่ มีหลายขั้นตอน ซึ่งหากพบว่าทำงานได้จริง ตนก็จะเซ็นรับรอง แต่ถ้าจะให้ไกลกว่านั้น คงต้องเชิญนักวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องมาสังเกตการณ์อีกครั้ง รวมทั้งเขียนรายงานส่งไปยังวารสารวิทยาศาสตร์ต่างๆ เพื่อให้คนทั้งโลกเห็นและยอมรับ" ดร.อาจองกล่าว

    ด้านพระอาจารย์รัตน์กล่าวว่า ยินดีที่ ดร.อาจองได้นำเอาเครื่องไปศึกษาในเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อให้มีการรับรองทางวิทยาศาสตร์อย่างถูกต้อง ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นต้องดูกันต่อไป รายงานแจ้งว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา นายธงชัย วงศ์เหรีญทอง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ได้ขอรับเครื่องลดมลพิษไปทดลองใช้ โดยนำไปติดตั้งบริเวณท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน เพื่อปรับบรรยากาศให้เครื่องบินขึ้นลงอย่างสะดวก ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาสภาพอากาศหมอกควันปกคลุมส่งผลกระทบต่อการบินจนมีการยกเลิกเที่ยวบินหลายช่วง


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    [​IMG]


    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-0649897295614309";/* 125x125, created 4/15/09 */google_ad_slot = "9313387529";google_ad_width = 125;google_ad_height = 125;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20101214/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 125px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 125px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS id=google_ads_frame1_anchor style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 125px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 125px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><IFRAME id=google_ads_frame1 style="LEFT: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px" name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-0649897295614309&output=html&h=125&slotname=9313387529&w=125&lmt=1292412942&flash=10.1.53.64&url=http%3A%2F%2Fthairecent.com%2FLocal%2F2010%2F667256%2F&dt=1292412942608&shv=r20101117&jsv=r20101214&saldr=1&correlator=1292412942624&frm=0&adk=1964538716&ga_vid=615958828.1292412943&ga_sid=1292412943&ga_hid=320668890&ga_fc=0&u_tz=420&u_his=4&u_java=1&u_h=1024&u_w=1280&u_ah=994&u_aw=1280&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=-12245933&bih=-12245933&ifk=4100774237&eid=36815002%2C30143207&ref=http%3A%2F%2Fwww.google.com%2Fimgres%3Fimgurl%3Dhttp%3A%2F%2Fthairecent.com%2Fcontent%2F2010%2F2010-06-21%2F667256.jpg%26imgrefurl%3Dhttp%3A%2F%2Fthairecent.com%2FLocal%2F2010%2F667256%2F%26usg%3D__v71bzYfVCOlU-B_IUp-TVTHmsYQ%3D%26h%3D194%26w%3D292%26sz%3D15%26hl%3Dth%26start%3D2%26zoom%3D1%26um%3D1%26itbs%3D1%26tbnid%3D8nBkKvsuG4l3_M%3A%26tbnh%3D76%26tbnw%3D115%26prev%3D%2Fimages%253Fq%253D%2525E0%2525B9%252580%2525E0%2525B8%252584%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%2525B7%2525E0%2525B9%252588%2525E0%2525B8%2525AD%2525E0%2525B8%252587%2525E0%2525B9%252580%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%2525B5%2525E0%2525B8%2525A2%2525E0%2525B8%252581%2525E0%2525B8%25259D%2525E0%2525B8%252599%2526um%253D1%2526hl%253Dth%2526rls%253Dcom.microsoft%3Aen-US%2526tbs%253Disch%3A1&fu=0&ifi=1&dtd=32&xpc=ojb8MlcVqO&p=http%3A//thairecent.com" frameBorder=0 width=125 scrolling=no height=125 allowTransparency></IFRAME></INS></INS>
    มหาสารคาม - พระอาจารย์รัตน์ แห่งวัดดอยเกิ้ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นำ “เครื่องเรียกฝน” ติดตั้งที่จังหวัดมหาสารคามแล้ว 2 เครื่อง หวังช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนหนักจากฝนทิ้งช่วง ระบุหลังติดตั้งเกิดฝนตกจริงช่วงเสาร์-อาทิตย์ ชี้ที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จสามารถช่วยเหลือประชาชน ทำให้ฝนตกในหลายจังหวัดภาคเหนือ

    พระครูอนุสนธิ์ประชาทร หรือพระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะพระภิกษุผู้คิดค้นเครื่องดูดความเย็นจากชั้นบรรยากาศ หรือ “เครื่องเรียกฝน” ได้นำมาติดตั้งไว้ที่ด้านล่างหอประปาหมู่บ้านอุปราช ตั้งอยู่ภายในวัดขุนพรมดำริ ต.ท่าสองคอน อ.เมือง จ.มหาสารคาม เพื่อดึงดูดความชื้นและทำให้ฝนตกเกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้กับเครื่องเรียกฝน

    ทั้งนี้ จากสภาพอากาศปัจจุบันในจังหวัดมหาสารคาม พบว่า บนท้องฟ้ามีเมฆจำนวนมากแต่ฝนกลับไม่ตก สาเหตุเพราะพื้นดินมีความร้อนสูง พระอาจารย์รัตน์ จึงคิดค้นประดิษฐ์เครื่องทำ ความเย็นจากชั้นบรรยากาศ เป็นการเรียกก้อนเมฆให้มารวมตัวกัน เพื่อให้เกิดฝนตก โดยใช้หลักการลมบก ลมทะเล ดันมวลอากาศร้อนขึ้นสู่ท้องฟ้า และดึงมวลอากาศเย็นลงสู่พื้นดิน ซึ่งเป็นหลักการง่ายๆ ทำให้อากาศโดยรอบเย็นลงทำให้ก้อนเมฆเกิดการรวมตัว แล้วทำให้เกิดฝนตก ซึ่งเป็นผลพลอยได้ ส่วนเครื่องมือใช้พีรามิด บรรจุแร่ธาตุที่พบในถ้ำแถบ จ.แม่ฮ่องสอน เจาะรูที่ด้านข้าง จำนวน 7 แท่ง มาใส่ในชั้นเหล็ก โดยมีการต่อท่อน้ำพันรอบพีรามิด เพื่อให้แรงดันน้ำผ่านตัวพีรามิดตัวแรก แรงดูดจะลงไปสู่พีรามิดตัวล่าง หมุนเท่ากาแล็กซี่ของทางช้าง เผือก วนจากขวาไปซ้าย เครื่องก็จะทำงาน สามารถใช้กับพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานน้ำ

    โดยหากเครื่องทำงานตลอดเวลารัศมีการทำความเย็นบนชั้นบรรยากาศจะแผ่ไปไกลราว 20-30 กิโลเมตร ที่ผ่านมาได้นำไปติดตั้งแล้วกว่า 10 เครื่อง ในพื้นที่ภาคเหนือทำให้ เกิดฝนตกเป็นที่น่าพอใจ จึงได้ประกอบเครื่องเรียกฝนจำนวน 5 เครื่อง เพื่อนำไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบ ปัญหาภัยแล้ง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งชาวบ้านได้ร้องขอมา ให้นำเครื่องไปช่วยเหลือ และที่จังหวัดมหาสารคามติดตั้งไว้ 2 เครื่อง

    ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ติดตั้งเครื่องทำความเย็นจากชั้นบรรยากาศ หรือ เครื่องเรียกน้ำฝนแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ 18 มิ.ย. พบว่า ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกที่บริเวณดังกล่าวในช่วงเย็นของทั้งสองวัน

    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-0649897295614309";/* 468x15, created 3/31/09 */google_ad_slot = "0608334890";google_ad_width = 468;google_ad_height = 15;//--></SCRIPT>

    เทพสังหรณ์...<SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20101214/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  2. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,434
    ค่าพลัง:
    +1,770
    แห่นางแมว
    ไวพจน์ เพชรสุพรรณ



    นางแมวเอย ร้องแจ้วๆ
    นางแมวขอฝน
    ขอน้ำมนต์ รดแมวข้าที
    แมวข้านี้ มีแก้วในตา
    ขึ้นหลังคา ลงมา ไม่ได้
    พอลงมาได้
    คาบไข่ วิ่งหนี
    พอถึง เดือนหก
    ฝนก็ตก ทุกปี
    แต่มาปีนี้ ไม่มี ฝนเลย
    พ่อเฒ่ากะลูกเขย
    นอนเก่ย หน้าผาก
    ลูกมาก หลานมาก
    แกกลัว อดข้าว
    ล่ะวันศุกร์ วันเสาร์
    ชวนกันแห่ นางแมว
    ละฝนเท ลงมา
    ฝนเท ลงมา..
    ไฉ่ยา ไฉ่ยา ไช่หย่า ไชย้า
    ไช่หย่า ละไช่ยา
    ....ดนตรี>>>
    พระพุทธองค์ ทรงขึงขัง
    ท่านก็หวัง อรหันต์
    อีตอนฝนกึ่ง พุทธกาล
    ตกในโอ่ง กี่ระแหง.
    ระ แหง ปีไหน ฝนแล้ง
    มีแต่คน ครหา
    ฝนตก คนก็แช่ง
    ฝนแล้ง คนก็ด่า
    มนุษย์ ปากเหม็น
    เคี่ยวเข็ญ เทวดา
    เดือดร้อน หนักหนา
    ถึง ดาว-ดึงส์..
    ไฉ่ยา ไฉ่ยา ไช่หย่า ไชย้า
    ไช่หย่า ละไช่ยา
    ป่าไม้เอย ป่าไม้เมืองไทย
    อยู่ใน ไพรสณฑ์
    เจ้า เป็นต้น ทำให้ฝนตกดี
    แต่มา เดี๋ยวนี้ ไม่มี ป่าเลย
    พ่อเฒ่ากะลูกเขย
    เคยไปฟัน ไปถาก
    ไปฉุด ไปลาก
    ไปเลื่อย เจ้ามา
    เอาทำ หลังคา โซฟาร์ ก็ได้
    จนพ่อค้าไม้ รวยเป็นเศรษฐี
    แต่พอเดือนหก
    ฝนไม่ตก สักที
    สมัยเดี๋ยวนี้ ไม่มี ป่าเลย
    พ่อเฒ่ากะลูกเขย
    ก็เลยอด เลยอยาก
    เพราะความโลภมาก
    เลยต้อง อดข้าว
    ไล่พ่อแก่ แม่เฒ่า
    แกไปแห่ นางแมว
    ฝนไม่เท ลงมา
    ฝนไม่เท ลงมา..
    ไฉ่ยา ไฉ่ยา ไช่หย่า ไชย้า
    ไช่หย่า ละไช่ยา
    ต้องคอยสอน คอยซุ้ม
    พ่อคนหนุ่ม คอยสาว
    ..คอยซุ้ม
    พ่อคนหนุ่ม คอยสาว
    พ่อเจ้าของ อดข้าว
    หมาน้อย ก็พลอยโซ
    พลอยโซ เลี้ยงหมูตัวโตๆ
    ไว้คอยเจ้า คอยสัว
    เงินบาท ลอยตัว
    ต้องคอยใช้ คอยสอย
    ตัวใหญ่ ตัวน่อย
    ต้องคอยส่อง คอยสอด
    นั่นนางแมว หางขอด
    นอนขด อยู่ในครัว
    ไปจับ เอาตัว แห่ไปขอฝน
    ขอ ถนน ขอน้ำขอไฟ
    ขอได้ขอไม่ได้
    จนตาไหลตาแฉะ
    พอเดือนซึมๆ ฝนลึมแซ่ๆ
    ฉันไม่บวช หรอกแม่
    เพราะฉันอยาก มีเมีย
    ไฉ่ยา ไฉ่ยา ไช่หย่า ไชย้า
    ไช่หย่า พี่ชายเอย
    ไฉ่ยา ไฉ่ยา ไช่หย่า ไชย้า
    ไช่หย่า พี่ชายเอย
     

แชร์หน้านี้

Loading...