"เครื่องบีบอัดน้ำมันจากเมล็ดพืชฯ" นวัตกรรม..เพื่อ"สุขภาพ"ที่ดีกว่า!!

หนังสือพิมพ์มติชน

วันที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10282​

"เครื่องบีบอัดน้ำมันจากเมล็ดพืชฯ" นวัตกรรม..เพื่อ" สุขภาพ"ที่ดีกว่า!!

ปัจจุบัน หากพูดถึง "น้ำมันพืช" ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสนใจกับ "สุขภาพ" กันอย่างจริงจัง เพราะเข้าใจว่าน้ำมันพืชที่บริโภคอยู่ทุกวันนี้ มีคุณภาพที่ดีพออยู่แล้ว

แต่เวลานี้ ได้มีการคิดค้นกรรมวิธีที่สามารถทำให้น้ำมันพืชมีคุณค่าได้มากกว่าเดิม โดยคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี (มทร.) ธัญบุรี ได้คิดค้น "เครื่องบีบอัดน้ำมันจากเมล็ดพืชแบบเกลียวเดี่ยว" ขจัดสารพิษ ที่จะคงคุณค่าวิตามินได้มากกว่าน้ำมันพืชหลากหลายประเภทที่เราบริโภคกันอยู่ทุกวันนี้

เพราะน้ำมันพืชที่เราบริโภคกันอยู่ ล้วนผ่านกรรมวิธีการผลิตด้วยการสกัด โดยใช้สารเคมีแทบทั้งสิ้น เพราะผู้ประกอบการเชื่อว่าเป็นวิถีทางเดียวที่จะทำให้ได้ผลผลิตคุณภาพดี ในระยะเวลาที่รวดเร็ว และต้นทุนต่ำ

แต่กระบวนการบีบอัดน้ำมันออกจากเมล็ดพืชโดยตรง ที่คิดค้นขึ้นมานี้ว่าเป็น "ทางเลือกใหม่" ในการได้มาซึ่งน้ำมันพืชบริสุทธิ์ ปราศจากสารเคมี อาทิ น้ำมันเฮกเซน กรดฟอสฟอริก ปนเปื้อน

อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการบีบอัดน้ำมันจากเมล็ดพืชนี้ จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเพื่ออำนวยความสะดวกในการบีบอัด คณาจารย์จาก มทร.ธัญบุรี ได้แก่ ผศ.ชลิตต์ มธุรสมนตรี,ผศ.ชวลิต มธุรสมนตรี,ดร.ศิวกร อ่างทอง และอาจารย์ประจักษ์ อ่างบุญตา จึงร่วมกันคิดค้นเครื่องบีบอัดน้ำมันจากเมล็ดพืชแบบเกลียวเดี่ยวขึ้น

ผศ.ชลิตต์เล่าว่า ในการศึกษาครั้งนี้ ได้เลือกเมล็ดพืชมาทดลองบีบอัดทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดงาขาว เมล็ดถั่วลิสง เมล็ดฟักทอง และเนื้อมะพร้าวขูดตากแห้ง ซึ่งล้วนเป็นพืชที่นิยมสกัดเอาน้ำมันมาบริโภค และมีปริมาณน้ำมันที่ใกล้เคียงกัน สำหรับการทำงานของเครื่องนั้น ใช้มอเตอร์เป็นตัวต้นกำลัง โดยใส่วัตถุดิบลงในกรวยรับวัตถุดิบด้านบน แล้วเกลียวบีบอัดก็จะทำการบีบอัดจนได้น้ำมันจากพืชออกมา ส่วนกากจะแยกลงมาทางช่องคายกากที่มีภาชนะรองรับอยู่

จากการศึกษา วัตถุดิบที่แตกต่างกัน ความเร็วรอบของเกลียวที่ใช้ในการบีบอัด กับขนาดของช่องคายกากก็แตกต่างกันไปด้วย เช่น เมล็ดทานตะวันกะเทาะเปลือก จะบีบอัดได้ปริมาณน้ำมันมากที่สุด โดยใช้ความเร็วในการบีบอัด 15 รอบต่อนาที ช่องคายกากขนาด 8 มิลลิเมตร และควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ 59 องศาเซลเซียส ส่วนเนื้อมะพร้าวขูดตากแห้ง จะบีบอัดได้น้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยใช้ความเร็วรอบ 85 รอบต่อนาที ช่องคายกากขนาด 14 มิลลิเมตร และควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ 55 องศาเซลเซียส

"พบว่าในวัตถุดิบทั้ง 5 ชนิดนี้ เนื้อมะพร้าวขูดตากแห้งได้อัตราน้ำมันมากที่สุด เมล็ดถั่วลิสงได้อัตราต่ำที่สุด เนื่องจากไม่ได้ทำการบดเมล็ดถั่วก่อนทำการบีบอัด ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าวัตถุดิบยิ่งมีขนาดเล็กเท่าไหร่ ยิ่งทำให้บีบอัดง่าย และมีปริมาณน้ำมันออกมามาก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบปริมาณน้ำมันที่ได้จากการบีบอัดด้วยเครื่องนี้ กับปริมาณน้ำมันที่มีการศึกษาวิเคราะห์ผลทางเคมีแล้ว พบว่าน้ำมันที่ได้จากการบีบอัด มีปริมาณเป็นที่น่าพอใจ คิดว่าถ้าในอนาคตมีการพัฒนา และปรับปรุงเครื่องให้ใช้ได้กับพืชชนิดเดียวโดยเฉพาะ จะเพิ่มศักยภาพให้เครื่องบีบอัดน้ำมันได้ปริมาณเพิ่มขึ้นด้วย"

หวังว่าเครื่องบีบอัดน้ำมันจากเมล็ดพืชแบบเกลียวเดี่ยวนี้ จะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการน้ำมันพืช เพื่อจะได้น้ำมันพืชที่มีคุณค่ามาบริโภคกัน เป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่รักสุขภาพ และยังเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่กว่าให้กับผู้บริโภคอีกด้วย

หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจเครื่องบีบอัดน้ำมันจากเมล็ดพืชแบบเกลียวเดี่ยว สามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผศ.ชวลิต มธุรสมนตรี สำนักงานคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี โทร.0-2549-3386-7

 

4 ทางเลือกเพื่อสุขภาพทีดีกว่า​

​

หลายๆคนอาจจะเคยอ่าน หรือได้ยินคำบอกกว่าถึงวิธีการมีสุขภาพที่ดีกันมา บ้างพอสมควร ที่จะพอรู้และเข้าใจวิธีต่างๆเหล่านั้นดีแต่จะทำอย่างไรหากในชีวิตประจำวัน เราไม่สามารถทำได้อย่างนั้น ดังนั้นเราจึงควรมีทางเลือกอื่นที่พอจะช่วยให้คุณ มีสุขภาพที่ดีได้เช่นกัน


1 ทางลัดทานผัก-ผลไม้
สูตรมาตรฐาน: เราควรทานผักและผลไม้สดให้ได้ทุกมื้อในแต่ละวัน โดยเฉพาะในช่วงที่ท้องว่างหรือก่อนอาหาร และควรเป็นผักผลไม้ที่มี เส้นใยไฟเบอร์มากๆ และมีน้ำตาลไม่สูงเกินไป

ทางลัด ทางเลือก: ถ้าการใช้ชีวิตในเมืองทำให้คุณทำจริงได้ยาก ลองพกวิตามินซีไว้ทานให้ได้วันละ 1,000 มก. หรือทานน้ำผลไม้ที่มีวิตามิน สูงๆ นอกจากนี้ ถั่วกระป๋องก็ไม่แย่จนเกินไป จอเพียงให้เราได้รับไฟเบอร์ที่เพียงพอ

2. ทานปลามีประโยชน์
สูตรมาตรฐาน: ใครๆ ก็รู้ ว่าการทานปลามีประโยชน์มากมายขนาดไหน ยิ่งเป็นปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างปลาแซลมอน ปลาเทร้าท์ และปลาซาดีนด้วยแล้ว ก็ยิ่งต่อระบบสมอง ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ และยังเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายอีกด้วย

ทางลัด ทางเลือก: ถ้าปลาเหล่านี้หาทานยาก และยังราคาสูง ลองเปลี่ยนมาเป็นการน้ำมันปลาชนิดแคปซูล หรือน้ำมันเมล็ดลินิน (Flaxseed Oil) ในปริมาณ 1,000 มก. ต่อวัน เพื่อทดแทนและเติมคุณค่าทางอาหารให้มากขึ้น

3. ล้างมือฆ่าเชื้อ
สูตรมาตรฐาน: แม้ไม่ต้องรอหวัด 2009 ระบาด การล้างมือระหว่างวัน โดยเฉพาะก่อนทานอาหารเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย จึงเป็นที่แนะนำว่า การล้างมือจะช่วยฆ่าเชื้อโรคให้น้อยลง ตราบใดที่มือเรายังจับใบหน้า ลำตัว สิ่งของ หรือแม้แต่เข้าห้องน้ำ และอาจเป็น สาเหตุของการเจ็บป่วยได้

ทางลัด ทางเลือก: หากต้องเดินทาง หรืออยู่นอกบ้าน การใช้ผ้าเปียก หรือแอลกอฮอล์ 60 % แบบเจล ก็พอช่วยให้เรามั่นใจขึ้นได้ แม้จะไม่ สะอาดเท่าล้างน้ำที่สามารถล้างซอกเล็บได้ แต่ก็ดีกว่ามากกับการไม่ป้องกันเลย

4. มื้อเช้าสำคัญที่สุด
สูตรมาตรฐาน: ทุกตำรายกให้อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุดของวัน (และไล่ความสำคัญลงไปตามช่วงเวลา) โดยการทานมื้อเช้าที่มี คุณภาพนั้น ก็ควรทานให้ครบทุกสารอาหาร โดยเฉพาะโปรตีน (ที่ย่อยยากกว่าด้วย) ที่ควรทานให้เพียงพอ และบำรุง สมองให้พร้อมไปทั้งวัน

ทางลัด ทางเลือก: หลายคนข้ามมื้อเช้า แล้วไปทานมื้อเที่ยงทีเดียวซึ่งไม่ดีแน่ ทางที่ดีควรพกสูตรลัดอย่างการทานไข่, ซีเรียล และน้ำผลไม้ หรือทานซีเรียลอัดแท่งที่มีไฟเบอร์สูงๆ แล้วตามด้วยน้ำนมถั่วเหลืองอุ่นๆ สักแก้ว ทางออกแบบนี้ดีกว่ามาก หากเปรียบกับ การไม่ทานอะไรเสียเลย และยังเป็นการทำร้ายกระเพาะอาหารอีกด้วย




คำที่เกี่ยวข้อง : ลดความอ้วน สุขภาพ ทางลัดเพื่อสุขภาพที่ดี ดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ

 

เยี่ยมจริง ๆ.............

 

ต้องเป็นผุ้ประกอบการ ราคาคงสูงมากนะคะ