เขมร-บนล้อหมุน ชมทะเล"สีหนุวิลล์"

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย guawn, 23 เมษายน 2007.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>เขมร-บนล้อหมุน ชมทะเล"สีหนุวิลล์"

    สมชาย จรรยา เรื่อง / ภาพ

    </TD><TD vAlign=top align=right>
    [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    อีกมุมที่"สีหนุวิลล์"

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ทัวร์เขมรครั้งนี้ เริ่มต้นจากเดินเท้าข้ามประเทศจากฝั่งชายแดนไทย ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก้าวเหยียบแผ่นดินขแมร์บริเวณด่านปอยเปต ประเทศกัมพูชา

    จุดนี้นอกจากจะเห็นประตูเมืองที่ตั้งตระหง่านเด่นสง่า เพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือนแล้ว ยังเห็นความคึกคักชุลมุนวุ่นวายของผู้คน ที่ทำมาค้าขายขนสินค้าเข้าออกตลอดทั้งวัน

    "จัมเรียบซัว" คำทักทายคนขแมร์ แปลว่า สวัสดี เป็นการต้อนรับอย่างมิตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน ก่อนจะเดินทางต่อไปด้วยรถยนต์

    จากปอยเปตสู่ อ.ศรีโสภณ ที่ชาวบ้านเรียกว่า สวาย (อ่านว่า สะ-วาย แปลว่า มะม่วง) ระยะทาง 48 ก.ม. ถนนดีประมาณ 10 ก.ม. ที่เหลือเป็นลูกรังสลับหลุมใหญ่ๆ อยู่ระหว่างซ่อมบำรุง ตลบอบอวลไปด้วยฝุ่น จึงทำความเร็วได้ประมาณ 20-40 ก.ม./ช.ม. และยังต้องคอยระวังวัวที่มาเดินทอดน่องอยู่บนถนนตลอดเส้นทางด้วย

    จากศรีโสภณ มุ่งหน้าผ่านพระตะบอง โพธิสัตว์ กำปงชนัง ถึงเมืองหลวง คือกรุงพนมเปญ ถนนเส้นนี้ลาดยางมะตอยเป็น 2 ช่องจราจร บรรยากาศสองข้างทางเต็มไปด้วยท้องนาสุดลูกหูลูกตา

    ที่เหมือนบ้านเรา คือ ร้านขายของฝากตั้งเรียงรายอยู่ริมถนน ออกจากเมืองพระตะบองมาเล็กน้อย จะเห็นพ่อค้าแม่ค้ายืนโบกไม้โบกมือเรียกลูกค้าเข้าร้าน

    สินค้าเด่นสะดุดตา ได้แก่ แหนมจากปลาน้ำจืด มัดห่อด้วยถุงพลาสติกใส ใบตองร้อยต่อกันยาวดูสวยงาม ส่วนส้มเช้งเป็นผลไม้ที่ชาวกัมพูชาชอบกิน มากกว่าส้มเขียวหวานบ้านเรา วิธีกิน ต้องปอกเปลือกออกบางๆ เจาะรูตรงกลาง ใช้มือจับลูกส้มแล้วบีบไปรอบๆ ใช้ปากจ่อตรงรูที่เจาะแล้วดูด จะได้น้ำส้มแท้ๆ สดๆ

    ที่แปลกอีกอย่างรถจักรยานยนต์รับจ้าง 1 คันสามารถบรรทุกคนได้ถึง 40 คน ไม่รวมสัมภาระอย่างอื่นอีก คุ้มจริงๆ



    ความรู้ใหม่คือ คนกัมพูชาจะซื้อรถยนต์มาใช้ ต้องซื้อด้วยเงินสดเท่านั้น ไม่มีการผ่อนผ่านระบบไฟแนนซ์อย่างเมืองไทย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ประตูเมืองปอยเปต

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เท่ากับจำกัดจำนวนรถไปในตัว พอเหมาะสมกับพื้นที่ถนนที่ยังต้องพัฒนาอีกมาก

    ใครที่มีรถจึงถือว่าเป็นคนมีฐานะ ยี่ห้อของรถก็บอกถึงฐานะของคนที่นี่ได้เป็นอย่างดี คนรวยใช้รถหรูๆ และแพง ส่วนคนจนก็แทบจะไม่มีข้าวกิน ต้องเดินขอทานมีให้เห็นทั้งประเทศไม่ว่าจะไปที่เมืองไหน

    รถยนต์ทุกคันที่เดินทางเข้าเมืองหลวง ต้องแวะเข้าคาร์แคร์เพื่อล้างทำความสะอาดเสียก่อน เพราะการเดินทาง 300 กว่ากิโลเมตร ทำให้สภาพรถเปรอะไปด้วยฝุ่น

    หากรถสกปรกอาจถูกตำรวจจับปรับ สภาพการจราจรในเมืองหลวง โดยเฉพาะในย่านการค้าแออัด แน่นขนัด สภาพการขับขี่เรียกได้ว่า ตามใจฉัน

    ร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และร้านค้าทอง ตั้งอยู่เรียงรายรอบๆ ตลาดสด เขาค้าขายกันอย่างเสรีโดยไม่เกรงกลัวโจรขโมยโดยไม่ต้องมีตำรวจมานั่งเฝ้า

    กรุงพนมเปญ เป็นเมืองหลวงของกัมพูชา ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมาย สภาพโดยทั่วไปดูทรุดโทรมคร่ำคร่า เพราะที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากภัยสงครามอันยืดเยื้อและถูกทิ้งร้างมานานถึง 4 ปี ในสมัยรัฐบาลเขมรแดง

    ปัจจุบันมีการก่อสร้างและปรับปรุงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของแขกผู้มาเยือน ร้านอาหาร ร้านกาแฟสไตล์ยุโรป เกสต์เฮาส์ราคาประหยัด ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด เลียบแม่น้ำโขง เพื่อให้ผู้เข้าพักได้ชมทัศนียภาพรอบๆ เมืองพนมเปญ อีกทั้งยังเป็นแหล่งถนนคนเดินเที่ยวถึงกันได้ เป็นแหล่งรวมของนักท่องเที่ยวนานาชาติ ที่รู้จักในนาม "ถนนข้าวสารแห่งกัมพูชา" ก็ว่าได้

    พระราชวังหลวง ตั้งอยู่บนถนนโซะเทียะรึ ทางตอนใต้ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สร้างขึ้นตามแบบศิลปะเขมรโดยความช่วยเหลือของฝรั่งเศสในปี 1866 และใช้เป็นที่ประทับของเจ้านโรดมสีหนุ นับจากการเสด็จกลับคืนสู่กรุงพนมเปญ ในปี 1992 เป็นต้นมา

    พระเจดีย์เงิน เขตพระราชวังหลวงตอนบนมีประตูทางออกตั้งอยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นจะมีทางเดินแคบๆ ทอดจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ตรงไปยังประตูทางเข้าด้านทิศเหนือของเขต <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ไกด์พาเที่ยว

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เหตุที่เรียกเช่นนี้เพราะพื้นของอาคาร ปูลาดด้วยแผ่นเงินกว่า 5,000 แผ่น แต่ละแผ่นหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก ถึง 3 ตัน ส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม "วัดพระแก้ว" วัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปสำคัญประดิษฐานอยู่สององค์ คือ พระแก้วมรกตสมัยศตวรรษที่ 17 และพระพุทธรูปหล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์ 90 กิโลกรัม ประดับด้วยเพชร 9,584 เม็ด



    ตลาดเก่า เป็นตลาดเก่าที่สุดในกรุงพนมเปญ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากริมน้ำ บริเวณถนนสาย 108 ตัดกับสาย 13 ภายในตลาดมีสินค้าวางจำหน่ายมากมาย ไล่จากเทป หนังสือ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของแห้ง ไปจนถึงผักสด เปิดค้าขายจนดึก

    ตลาดกลาง เป็นตลาดที่อยู่ใจกลางย่านการค้าของตัวเมือง สร้างขึ้นเมื่อปี 1937 สมัยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ลักษณะเป็นอาคารแบบอาร์ตเดโก ทาสีเหลืองสดใส ทำเป็นรูปกากบาท มีปีกอาคารยื่นออกมาจากโดมที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ละม้าย "ซิกกูแรต" ของพวกบาบิโลน จำหน่ายสินค้าทุกชนิด ไม่ว่าเป็นสินค้าอุปโภค บริโภค ของที่ระลึก เครื่องเงิน และ เครื่องทอง วัตถุโบราณทั้งของแท้และของปลอม

    วัดพนม เป็นวัดที่สำคัญมาก ชื่อพนมเปญ มีที่มาจากวัดแห่งนี้ ตำนานพื้นบ้านเล่าว่า ราวหกร้อยปีก่อน มีเศรษฐินีชาวเขมรผู้หนึ่งชื่อ เพ็ญได้พบพระพุทธรูปถูกน้ำพัดมาเกยฝั่งหลายองค์ ด้วยความศรัทธาแก่กล้า จึงสร้างวัดขึ้นไปบนยอดเขาที่อยู่ใกล้ๆ กัน เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเหล่านั้น แม้เขาลูกนี้สูงเพียง 27 เมตร แต่ถือเป็นเขาสูงที่สุดในละแวกนั้น จึงเรียกกันเรื่อยมาว่า "พนมเปญ" แปลว่า เขายายเพ็ญ

    ไฮไลต์ของการเดินทาง อยู่ที่เมืองชายทะเลที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวบ้านเราไปเยือนมากนัก

    จากพนมเปญ เดินทางต่อไปมุ่งหน้าสู่ สีหนุวิลล์ หรือกรุงพระสีหนุ หรือ กำปงโสม

    สภาพถนนคล้ายมอเตอร์เวย์ แต่มีสองเลน รถเก๋งเก็บค่าเข้า 28 บาท ออกก็เสียอีก 28 บาท มุ่งไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ห่างจากกรุงพนมเปญ 246 ก.ม.

    สองข้างทางเป็นโรงงานอุตสาหกรรรม เกือบตลอดทาง คล้ายกับนิคมอุตสาหกรรมบางปะกงบ้านเรา

    สีหนุวิลล์เป็นเมืองชายทะเลยอดนิยมของกัมพูชา ทะเลสวยสะอาดมีชายหาดชื่อ โอจือเตียล ทรายละเอียดนุ่ม น้ำใส แต่คลื่นแรงมาก เปรียบได้กับทะเลชะอำ

    อาหารทะเลที่นี่สดใหม่และตัวใหญ่ หอมหวาน ราคาไม่แพง ปูและกุ้ง ขนาดใหญ่ ราคาเท่ากันราคากิโลกรัมละ 250 บาท

    เมนูคล้ายๆ บ้านเรา ปูตัวใหญ่ กุ้งสดๆ จากกระชังที่จับจากทะเล นำมาต้มจิ้มน้ำจิ้ม ปลากะพงสด จับมาใหม่ๆ ต้มยำ มีพริกให้เติมเพิ่มความเผ็ดตามชอบใจ เพราะคนที่นั่นไม่ค่อยกินเผ็ด

    เครื่องดื่มยอดนิยมได้แก่ "เบียร์อังกอร์" ที่ตั้งโรงงานผลิตอยู่แถวนั้นเอง รสชาติปานกลางด้วยปริมาณแอลกอฮอล์ 5 เปอร์เซ็นต์ พอๆ กับไฮเนเก้น, ไทเกอร์ หรือ ช้างดราฟต์ แต่ราคาไม่เบานัก เป็นเงินไทยประมาณ 30 บาท

    ซีฟู้ดสดๆ มื้อนี้ คิดเป็นเงินไทย 570 บาท คิดเป็นเงินเขมรกี่เรียล ให้เอา 100 คูณ เพราะ 100 เรียล เท่ากับ 1 บาท

    และที่จะพลาดไม่ได้สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก คือการเยี่ยมชมสิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลก ปราสาทหินนครวัด นครธม โดยเฉพาะปราสาทบันทายศรี ได้รับการขนานนามให้เป็นรัตนชาติแห่งศิลปะขอม ที่ จ.เสียมราฐหรือเสียมเรียบ

    การตะลุยเมืองขแมร์ลักษณะนี้ ต้องมี "เจ้าถิ่น" ที่รู้จักพื้นที่เป็นอย่างดีเป็นผู้นำทาง เพื่อซอกแซกไปยังที่น่าเที่ยวต่างๆ

    ทัวร์นี้ก็เช่นกัน ได้คุณโซมาเนีย เจ้าของประเทศ พาตะลอนเที่ยวชมไปทั่วหัวเมืองต่างๆ โดยการันตีความปลอดภัย

    ถือเป็นการเดินทางที่ทำให้รู้จักเขมรในทางลึกมากขึ้น

    http://www.matichon.co.th/khaosod/k...g=03fea01230450&day=2007/04/23&sectionid=0327
     

แชร์หน้านี้

Loading...