อาลัย"หลวงปู่รอด" พระเกจิพิษณุโลก

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย เฮียปอ ตำมะลัง, 30 พฤศจิกายน 2008.

  1. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อาลัย"หลวงปู่รอด" พระเกจิพิษณุโลก

    คอลัมน์ มงคลข่าวสด




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    พระครูสถิตวีรธรรม หรือ หลวงปู่รอด ฐิตวิริโย เจ้าอาวาสวัดสันติกาวาส ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เป็นพระเถระที่มีพรรษาสูงรูปหนึ่งแห่งเมืองสองแคว เป็นพระเถระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

    หลวงปู่รอด เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เป็นศิษย์สืบสายพุทธาคมจาก "หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งปากน้ำโพ ที่ยังดำรงชีพอยู่และมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า บุญรอด แจ่มจุ้ย เกิดเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2464 ที่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ตลุกเทียม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายเพชร และ นางบุญมา แจ่มจุ้ย ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

    ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก ต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงาน โยกย้ายถิ่นบ่อย แต่ยังมีเวลาที่จะศึกษาเล่าเรียนจนอ่านออกเขียนได้ โดยได้ใช้ชีวิตเติบโตและร่ำเรียนวิชาความรู้ที่ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

    ครั้นอายุได้ 14 ปี ย้ายบ้านไปอยู่ที่บ้านป่ามะม่วง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย เป็นเวลา 3 ปี จากนั้นจึงย้อนกลับไปถิ่นกำเนิด

    กระทั่งเมื่ออายุถึงวัยบวชเรียน โยมพ่อโยมแม่จึงนำตัวมาฝากที่วัดเชิงหวาย ต.ตลุกเทียม อ.พรหม พิราม จ.พิษณุโลก เพื่อท่องบทสวดขานนาคตามประเพณี

    จนท่องขานนาคได้คล่อง จึงเข้าสู่พิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2485 โดยมีพระครูญาณปรีชา วัดดอกไม้ ต.ท่ามะเฟือง อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์หัด วัดหางไกล อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการพวง วัดเชิงหวาย อ.พรหมพิราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ได้รับฉายาว่า "ฐิตวิริโย" แปลว่า ผู้ตั้งมั่นในความเพียร

    หลังจากที่จำพรรษาอยู่ที่วัดเชิงหวายได้ระยะหนึ่ง ได้ออกเดินทางไกลเพื่อไปเรียนนักธรรมที่จังหวัดอุทัยธานี จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี

    หลังจากนั้น ท่านได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดพบว่าบริเวณที่รกร้างริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก ไม่ไกลจากชุมชน มีสถานที่แห่งหนึ่งที่ชาวบ้านพร้อม ใจกันจัดสร้างไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันแดดฝนและสัตว์ร้ายให้กับพระธุดงค์ที่เดินทางผ่านอยู่เนืองๆ

    ในยามที่ไม่มีพระภิกษุมาพักปักกลด สถานที่ดังกล่าวจะถูกทิ้งร้าง ประกอบกับชาวบ้านส่วนใหญ่ มีความประสงค์จะให้ก่อสร้างวัดทางฝั่งตะวันออกบ้าง ด้วยที่ผ่านมา ชาวบ้านต้องลำบากในการนั่งเรือข้ามฟากไปทำบุญที่วัดเชิงหวาย ซึ่งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ

    ท่านจึงเดินทางกลับไปที่จังหวัดอุทัยธานี นิมนต์พระสงฆ์ที่จบนักธรรมชั้นเอกพร้อมพระภิกษุสามเณรอีก 30 รูป จากนั้นจึงได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างวัดขึ้นมาให้ชื่อว่า วัดสันติกาวาส

    พ.ศ.2489 สอบไล่ได้นักธรรมชั้นโท สำนักวัดสันติกาวาส ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก

    ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2489 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสันติกาวาส พ.ศ.2491 เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    พ.ศ.2493 เป็นเจ้าคณะตำบลวงฆ้อง พ.ศ.2494 เป็นกรรมการสงฆ์ฝ่ายสาธารณูปการ อ.พรหมพิราม พ.ศ.2489-2499 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม

    พ.ศ.2509 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2510 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม พ.ศ.2520 เป็นเจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม

    พ.ศ.2544 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอต่อไปอีก 3 ปี

    หลวงปู่รอด พัฒนาวัดสันติกาวาส จนมีความเจริญก้าวหน้าตามลำดับ มีเสนาสนะต่างๆ ครบครัน ในระหว่างนั้น ท่านก็มีโอกาสเดินทางศึกษาหาความรู้ไปตามวัดต่างๆ เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้กลับมาปรับใช้ที่วัดต่อไป

    หนึ่งในวัดที่ท่านมีโอกาสเดินทางไป คือ วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ ของหลวงพ่อเดิม พุทธสโร

    หลังจากได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อเดิม ได้รับการชักชวนจากสุดยอดพระเกจิอาจารย์ให้พักอยู่ด้วยกัน เพื่อช่วยเหลืองานทางวัด ซึ่งหลวงปู่รอดตอบตกลงด้วยความยินดี

    ในช่วงที่อยู่กับหลวงพ่อเดิม ท่านมีโอกาสได้ศึกษาเรื่องของพุทธาคมในการปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะผ้ายันต์และคาถารอบโลก ซึ่งเป็นคาถาที่หลวงพ่อเดิมใช้ประจำตัว ไม่ว่าการพรมน้ำมนต์หรือการปลุกเสกวัตถุมงคล โดยหลวงปู่รอดได้นำมาใช้เป็นคาถาประจำตัวเช่นกัน พระคาถานี้มีด้วยกัน 7 บท อาทิ คาถาหายตัว, คาถามหานิยม, คาถาคงกระพันชาตรี เป็นต้น

    หลวงปู่รอด เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย วัตรปฏิบัติงดงาม เป็นที่เลื่อมใสศรัทธา ประกอบกับบุคลิกของท่านเป็นพระสงฆ์ที่ใจดีมีเมตตาให้ความเสมอภาคต่อทุกคน

    หลวงปู่รอด มักจะพูดบ่อยๆ ว่า "คนเราเกิดมา ไม่ได้ทำเลวไปเสียทุกอย่าง" บรรดาลูกศิษย์ตลอดจนผู้คนที่เลื่อมใสศรัทธาที่เดินทางมาหาหลวงพ่อรอดจึงมีทุกประเภท รวมถึงคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยเรื้อรังรักษาไม่หายก็ยังมาให้หลวงปู่รอดเป่าเสก เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการต่อสู้กับอาการเจ็บป่วย

    ขณะเดียวกัน ยังมีลูกศิษย์ที่เลื่อมใสในเรื่องของวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังด้วยกิตติศัพท์หลวงปู่รอด ในฐานะศิษย์เอกหลวงพ่อเดิม ยิ่งทำให้การปลุกเสกวัตถุมงคลเป็นที่ปรารถนาของบรรดาศิษยา นุศิษย์ โดยเฉพาะกับเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงภัยกับโจรผู้ร้ายที่ชุกชุมในอดีต

    นอกจากเป็นเพราะท่านมีวิชาอาคมขลังแล้ว ยังมาจากชื่ออันเป็นมงคลนามว่า "รอด" เชื่อกันว่าจะทำให้รอดพ้นจากเรื่องเลวร้ายต่างๆ จากร้ายกลายเป็นดี

    ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน หลวงปู่รอดอนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคลหลายรุ่นหลายแบบด้วยกัน อาทิ จัดสร้างขึ้นในโอกาสจัดงานฉลองอายุครบ 7 รอบ 84 ปี เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2548

    แม้ว่าอายุท่านจะล่วงเลยเข้าสู่วัยชราแล้ว แต่กิจนิมนต์ของท่านแทบจะไม่มีวันเว้นว่าง

    ต่อมา หลวงปู่รอด เข้าโรงพยาบาลพรหมพิราม เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เนื่องจากมีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย ส่วนหนึ่งมาจากกิจนิมนต์ที่หลวงปู่ไม่เคยปฏิเสธ

    ทุกวันท่านจะต้องเดินทางไกล เพื่อไปร่วมในพิธีซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการอธิษฐานจิต ปลุกเสกวัตถุมงคล ด้วยท่านเป็นพระเกจิที่ได้รับความศรัทธา แต่ด้วยอายุที่มาก การพักผ่อนน้อย ทำให้ล้มป่วยอาพาธลง

    แม้คณะศิษย์จะขอร้องให้ท่านงดรับกิจนิมนต์ แต่ท่านก็บอกว่า "เขามาเพราะเขาเชื่อมั่นศรัทธาจะปฏิเสธเขาได้อย่างไร"

    หลังเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพรหมพิรามได้ 3 วัน อาการหลวงปู่รอดทรุดหนักลง จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพุทธชินราช โดยคณะแพทย์ได้พยายามรักษาอาการอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

    ในที่สุด หลวงปู่รอด ได้ละสังขารลงอย่างสงบ เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน 2551 สิริอายุ 87 พรรษา 67

    สร้างความอาลัยให้กับคณะศิษย์และชาวเมืองสองแควเป็นอย่างยิ่ง

    [FONT=Tahoma,]หน้า 1[/FONT]


    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHhNUzB6TUE9PQ==
     
  2. หนองสะลาบ

    หนองสะลาบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +564
    กราบนมัสการหลวงปู่เป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็ยังเคารพและศรัทธาตลอดไป
     
  3. thaiput

    thaiput เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    9,528
    ค่าพลัง:
    +27,656
    *-* ขอไว้อาลัยต่อการจากไปของหลวงปู่รอด พระดีเมืองสองแควครับ *-* thaiput007@hotmail.com
     
  4. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    ขอกราบไว้อาลัย พระอริยะสงฆ์ของเมืองไทย
    ด้วยความเคารพอย่างสูงสุดครับ กราบ...
     
  5. orvet49

    orvet49 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +82
    ขอกราบไว้อาลัยหลวงปู่ครับ เสียดายที่ยังไม่ได้กราบหลวงปู่เลย
     
  6. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,679
    ค่าพลัง:
    +9,239
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่รอดเจ้าค่ะ
     
  7. Maiteee3

    Maiteee3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +261
    ขอกราบไว้อาลัยหลวงปู่ครับ
     
  8. SPARTANS

    SPARTANS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    3,380
    ค่าพลัง:
    +2,987
    กราบไว้อาลัยหลวงปู่ครับ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...