อาการแปลก ๆ ส่งสัญญาณสุขภาพไม่ดี

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย dhamaskidjai, 11 ธันวาคม 2009.

  1. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,727
    [​IMG]

    อาการแปลก ๆ ส่งสัญญาณสุขภาพไม่ดี (ไทยโพสต์)

    ตอน ที่ภรรยาของเขา เอลซี วัย 50 หันมากินผักกาดหอมเป็นว่าเล่น แล้วในช่วงนั้น คือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2545 เอลซีสังเกตเห็นรอยบุ๋มเล็ก ๆ ที่เต้านมข้างซ้าย เธอไม่ได้วิตกอะไร แต่จิม แคมพ์เบล วัย 57 ชาวเมืองเดอร์บี ประเทศอังกฤษ นักนิติวิทยาศาสตร์ รู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เขาลงมือค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ต ด้วยการพิมพ์คำว่า " มะเร็ง" และ "ผักกาดหอม"

    "ขนหัวของผมลุกชัน ผมพบว่าผักกาดหอมมีสารประกอบที่ชื่อ ซัลโฟราเฟน ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง เอลซีรีบไปหาหมอ หมอผ่าเอาเนื้องอกที่เต้านมออก และฉายรังสีรักษา จากนั้นอาการอยากกินผักกาดหอมของเธอก็หายเป็นปลิดทิ้ง"

    จาก นั้น เขาเกิดความคิดว่า อาการแปลก ๆ ของคนเราอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสุขภาพที่ผิดปกติ เขาจึงลงมือรวบรวมอาการแปลกกว่า 100 อย่าง เขียนเป็นหนังสือชื่อ "ภาษากายของสุขภาพ" ซึ่งมุ่งให้ความรู้ว่า ภาษากายเหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไร

    แต่เขาเตือนว่า "ถึงแม้ผมได้ค้นคว้าอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ แต่ผมไม่ใช่แพทย์ ถ้าใครรู้สึกวิตกกับสุขภาพของตัวเอง หรืออ่านแล้วเกิดข้อสงสัยประการใด ขอให้ไปพบหมอในทันที"

    ต่อไปนี้เป็นเพียงบางตัวอย่างจากหนังสือเล่มนี้

    กัดเล็บ

    [​IMG]สาเหตุ : ขาดแคลเซียม และแร่ธาตุอื่น ๆ

    ผู้ คนหลายล้านชอบกัดเล็บ และไม่อาจเลิกนิสัยนี้ได้ ทั้งที่รู้ว่าในซอกเล็บมีแบคทีเรียมากมาย และเล็บจะไม่สวย อันที่จริงเรื่องนี้อาจมีสาเหตุ

    เล็บและเส้นผมมีแร่ธาตุชนิดเดียวกับในกระดูก คือ โซเดียม แคลเซียม โปแตสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก ทองแดง และสังกะสี เรามักได้รับแร่ธาตุเหล่านี้จากอาหารไม่เพียงพอ ดังนั้น เล็บจึงกลายเป็นแหล่งแสวงหาที่ดี

    เมื่อเรากัดเล็บ สมองจะมีวงจรการให้รางวัล นั่นเป็นเหตุให้การกัดเล็บกลายเป็นนิสัย และโลหะอัลคาไล (แคลเซียม โปแตสเซียม โซเดียม) ในเล็บยังช่วยขจัดกรดส่วนเกินที่ร่างกายขับออกมาเวลาเครียดด้วย ดังนั้น การกัดเล็บจึงเกี่ยวข้องกับความเครียดอีกสถานหนึ่ง การกินพวกแร่ธาตุเสริมจะช่วยให้เลิกนิสัยนี้ได้

    หนังด้านที่ต้นแขน

    [​IMG]สาเหตุ : ขาดกรดไขมันที่จำเป็น

    รอย ตะปุ่มตะป่ำเล็ก ๆ บนผิวหนังตามท่อนแขนหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ไม่สามารถขจัดได้ด้วยครีม เพราะมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากพันธุกรรมและอาหาร

    อาการนี้เกิดขึ้นเมื่อมีโปรตีนเคอราตินสะสมในรูขุมขน เนื่องจากขาดซีบัม ซึ่งเป็นน้ำมันตามธรรมชาติทำหน้าที่หล่อลื่นผิวหนัง

    เมื่อขาดซีบัม กระบวนการผลัดเปลี่ยนผิวหนังตามธรรมชาติก็สะดุด ทำให้เคอราตินพอกพูนขึ้น โดยเฉพาะบริเวณต้นแขน ขา และก้น ซึ่งสารหล่อลื่นมักมีน้อยตามธรรมชาติ

    กรดไขมันที่จำเป็น (อีเอฟเอ) มีความสำคัญต่อการผลิตซีบัม ภาวะการมีอีเอฟเอต่ำทำให้ผิวหนังผิดปกติ เช่น เกิดผื่นแดงหรือผิวหนังอักเสบ การมีซีบัมน้อยทำให้ผิวหนังแห้ง

    วิธีทำให้ร่างกายผลิตซีบัมมากขึ้น ก็คือ กินปลาที่มีไขมันสูง หรือน้ำมันปลา น้ำมันมะกอก ไข่ วอลนัต น้ำมันเมล็ดปอ

    นั่งไขว่ห้าง

    [​IMG]สาเหตุ : ความดันเลือดต่ำ

    เรามักนึกว่า การยืนไขว้ขา หรือนั่งไขว่ห้าง เป็นนิสัย แต่นี่อาจบ่งบอกว่าคุณมีความดันเลือดต่ำ

    การยืนไขว้ขาเป็นวิธีที่ได้ผลในการยับยั้งความดันโลหิตไม่ให้ลดลง ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเราลุกขึ้นยืนอย่างพรวดพราด การไขว้ขาเกิดจากการสั่งของสมองเพื่อรักษาเลือดที่ไปหล่อเลี้ยง ให้มีปริมาณเพียงพอ วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้ความดันเลือดตก โดยลดปริมาณเลือดที่จะไหลลงไปยังส่วนขา

    ผิวเหลือง

    [​IMG]สาเหตุ : ต่อมไธรอยด์ทำงานน้อย

    เรามักเข้าใจว่า สีผิวที่ดูซีดเหลืองบ่งบอกถึงโรคดีซ่านหรือโรคตับ แต่สาเหตุที่พบบ่อยและไม่ได้อันตรายร้ายแรงขนาดนั้นก็คือ ภาวะขาดไธรอยด์

    อาการร่วมอื่น ๆ ก็คือ รู้สึกเย็น อ่อนเพลีย ผิวแห้ง ผมเสีย และเล็บเปราะ

    ภาวะต่อมไธรอยด์ทำงานน้อยเกิดจากภูมิต้านทานตนเอง ระบบภูมิต้านทานได้ต่อต้านต่อมนี้ ผลก็คือ ต่อมไธรอยด์ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนไธรอกซีนได้อย่างเพียงพอ

    หน้าที่อย่างหนึ่งของไธรอกซีนคือ เปลี่ยนสารต่อต้านอนุมูลอิสระ แคโรทีน ซึ่งพบในแครอท ให้เป็นสารเรตินอล ดังนั้น หากมีไธรอกซีนไม่เพียงพอ เราจะมีแคโรทีนมากเกินไป ซึ่งทำให้ผิวมีสีออกเหลือง ๆ

    เลือดกำเดา หรือเลือดออกตามไรฟัน

    [​IMG]สาเหตุ : ขาดวิตามินเค หรือวิตามินซี

    เลือดกำเดาออกนานกว่าจะหยุดโดยไม่รู้สาเหตุ เลือดออกตามไรฟันหลังแปรงฟัน มีเลือดออกมายมายเมื่อผิวหนังเกิดบาดแผล ล้วนเป็นอาการที่แสดงว่าเลือดในร่างกายไม่ยอมจับตัวเป็นลิ่ม

    เรื่องนี้อาจเกิดจากการขาดโปรตีน โพรทรอมบิน ซึ่งช่วยให้เลือดจับตัวเป็นลิ่ม มักพบในคนที่ชอบเลือกกิน คนชรา คนที่ขาดสารอาหาร

    วิตามินเคช่วยทำให้เลือดจับตัวเป็นลิ่ม หากขาดวิตามินเค รอยมีดบาดนิดเดียวก็ทำให้เลือดไหลไม่หยุดได้ วิตามินชนิดนี้มีในผักหลายชนิด เช่น บร็อกโคลี ผักโขม

    เลือดออกตามไรฟัน ยังบ่งบอกถึงโรคเหงือกด้วย ซึ่งเป็นเพราะขาดวิตามินซี

    ขยี้ตา

    [​IMG]สาเหตุ : เครียด

    เด็กเล็กขยี้ตาเมื่อเหนื่อยเพลีย แต่ผู้ใหญ่ขยี้ตาหรือบีบปลายจมูกตอนยังตื่นไม่เต็มที่

    เมื่อเราขยี้ตาจะเป็นการกดบริเวณกล้ามเนื้อตรงตา ซึ่งทำหน้าที่กลอกลูกนัยน์ตา เป็นการกระตุ้นประสาทสมองเส้นที่ 10 ซึ่งควบคุมการเต้นของหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นช้าลง นี่เป็นต้นเหตุให้คนเราใช้นิ้วและมือขยี้ตาและใบหน้า เพราะทำแล้วรู้สึกผ่อนคลายลง

    ถ้าใครชอบทำแบบนี้บ่อย ๆ ควรลองมองหาสาเหตุที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเครียด

    มือสั่น

    [​IMG]สาเหตุ : ขาดแมกนีเซียม และวิตามินบี1

    คนในวัย 40 ขึ้นราว 5% มีอาการสั่นซึ่งไม่เกี่ยวกับสภาพทางประสาท อาจมีการนี้ที่มือ ลำคอ ใบหน้า หรือเท้า และอาจรู้สึกรำคาญกับเสียง นอนไม่หลับ ชีพจรเต้นผิดปกติ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการเหล่านี้อาจเกิดจากการขาดวิตามินบี1 และแมกนีเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการควบคุมประสาท

    วงการแพทย์พบว่า การขาดแมกนีเซียมในผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรังเป็นต้นเหตุของอาการสั่นและชัก กระตุก ทารกที่ขาดวิตามินชนิดนี้ก็มีอาการสั่นได้เช่นกัน

    วิตามินบี1 และแมกนีเซียม สามารถละลายน้ำได้ และถูกขับออกจากร่างกายได้ง่าย จึงควรเติมเข้าไปใหม่อย่างสม่ำเสมอ

    เหงื่อออกมาก

    [​IMG]สาเหตุ : เบาหวาน และ/หรือขาดโครเมียม

    ภาวะเหงื่อออกมากอาจเกิดขึ้นอย่างปุบปับ สำหรับผู้หญิงในวัย 40 ปีขึ้นไป สาเหตุอาจเป็นเพราะใกล้ถึงวัยหมดประจำเดือน ขณะที่คนอ้วนมักมีเหงื่อออกท่วมเพราะร่างกายต้องทำงานหนัก แต่การมีเหงื่อออกอาจเกิดจากสาเหตุที่น่าวิตกกว่านั้น

    เบาหวานประเภทที่หนึ่ง (คนที่เป็นเบาหวานตั้งแต่เด็ก) มักทำให้รู้สึกร้อนมากกว่าที่คนรอบข้างรู้สึก เพราะเบาหวานรบกวนการทำงานของต่อมเหงื่อเนื่องจากมีเลือดหมุนเวียนน้อย

    คนที่เป็นเบาหวานประเภทที่สอง อาจมีเหงื่อออกมากผิดปกติ เช่น บริเวณรักแร้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับอินซูลิน

    งาน วิจัยหลายชิ้นแนะว่า โครเมียมสามารถรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและลดระดับอินซูลินได้ แต่สารอาหารนี้มักสูญเสียไปในกระบวนการแปรรูปอาหาร หากใครมีเหงื่อออกมาก ควรลองกินโครเมียมเสริม

    ปลายจมูกยับย่น

    [​IMG]สาเหตุ : โรคภูมิแพ้

    ถ้าทารกหรือเด็กเล็กมีอาการคัดจมูก ก็มักหายใจทางปาก จามบ่อย และขยี้จมูกเพราะยังสั่งน้ำมูกไม่เป็น แต่ถ้าเด็กมักใช้ฝ่ามือดันจมูกเป็นนิสัย กระทั่งเกิดรอยยับย่นที่ปลายจมูก เด็กอาจเป็นภูมิแพ้

    จมูกเป็นปราการด่านแรก ที่ป้องกันสิ่งทำให้ระคายเคืองที่อยู่ในอากาศ อาการจมูกอักเสบจึงบ่งบอกว่า ร่างกายได้สูดหายใจเอาสารทำให้แพ้เข้าไป

    หากสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้ไม่ถูกขจัดไป รอยยับย่นที่จมูกจะยังคงอยู่ไปชั่วชีวิต

    ผิวลาย

    [​IMG]สาเหตุ : ขาดสังกะสี

    ผิวลายพบบ่อยที่สุดในช่วงตั้งครรภ์ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นในช่วงเวลาอื่น ๆ ที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงขนาดอย่างปุบปับได้ด้วย เช่น ตอนเป็นวัยรุ่น ผิวลายอาจจางลงได้ แต่จะไม่หายไปจนหมดสิ้น

    สังกะสีช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น การขาดสังกะสีจะยิ่งทำให้ผิวลายมองเห็นได้ชัดขึ้น

    การขาดสังกะสียังส่งผลต่อการสมานแผล ความพร้อมมีบุตร และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ด้วย ฉะนั้น ควรกินอาหารที่มีสังกะสีมาก เช่น หอย (โดยเฉพาะหอยนางรม) จมูกข้าว ชีส ไข่ และเนื้อ

    แต่สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่ดูดซับเอาจากอาหารได้ค่อนข้างยาก สังกะสีมักออกไปในน้ำแกง ฉะนั้นควรซดน้ำด้วย เช่น น้ำซุป หรือน้ำที่เคี่ยวจากเนื้อ

    เหงื่อมีสี

    [​IMG]สาเหตุ : ผิวหนังติดเชื้อแบคทีเรีย

    เหงื่อมีสีเหลือง สีเขียว สีฟ้า หรือสีดำ แม้ดูน่าตกใจ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล นั่นบ่งบอกว่าแบคทีเรียที่สร้างเม็ดสีได้สะสมอยู่ในต่อมเหงื่อที่รักแร้ อวัยวะเพศ หรือเต้านม สีต่าง ๆ นั้นเกิดจากการที่แบคทีเรียได้สัมผัสกับอากาศ

    เท้าแดง

    [​IMG]สาเหตุ : ขาดวิตามินบี5

    เท้าที่มีอาการร้อนและบวมแดง มักเกิดในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นเพราะขาดวิตามินบี5

    บี5 เป็นวิตามินต่อต้านความเครียด ช่วยให้สมองผลิตสารเคมีที่ควบคุมระบบประสาท และวิตามินชนิดนี้จะปลดปล่อยพลังงานจากไขมันที่ถูกกักเก็บไว้

    การขาดวิตามินบี5 จะรบกวนการผลิตพลังงานจากไขมันที่เก็บไว้ ทำให้เท้ามีอาการแดง หรือบางครั้งอาจแดงทั่วปลายขา โดยเฉพาะขณะพักผ่อนในตอนค่ำหรือกลางคืนซึ่งเลือดมีการหมุนเวียนน้อยลง

    ขี้หูเยอะ

    [​IMG]สาเหตุ : ขาดไขมันที่จำเป็น

    ขี้หูทำหน้าที่ทำความสะอาด หล่อลื่น และป้องกันช่องหู โดยดักจับฝุ่นละอองและน้ำ โดยทั่วไปก็จะตกสะเก็ดและร่วงออกมาเอง แต่การมีขี้หูมากก็จะเกิดการสะสมจนเป็นก้อนแข็งภายในรูหู ทำให้หูอื้อ และรู้สึกคัน

    อาการขี้หูมากเกิดจากการขาดไขมันที่จำเป็นหรืออีเอฟเอ ซึ่งควบคุมสารประกอบชนิดหนึ่ง หากสารประกอบนี้มีมากเกินไปในช่องหู ร่างกายจะคิดว่าเกิดการติดเชื้อ และพยายามจะจัดการกับการติดเชื้อ ด้วยการผลิตขี้หูออกมามากขึ้น



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...