อันตรายจากการนอน..ฝันร้ายของจริง

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 27 มิถุนายน 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    มีการประเมินว่า 80-90% ของผู้ที่มีภาวะการนอนที่ผิดปกติไม่ได้รับการวินิจฉัยแม้ว่าอาการปรากฏชัดเจน อาจจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเป็นโรคร้ายแรง
    บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เสนอให้มีการศึกษาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับโรคการหยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ(Obstructive Sleep Apnea: OSA) นับเป็นความผิดปกติด้านการนอนชนิดหนึ่งที่พบเห็นมากที่สุดทั่วโลก คาดว่าประมาณ 4% ของประชากรในโลกกำลังเผชิญหน้ากับโรคนี้อยู่
    อาการของโรคนี้คือการหยุดหายใจเป็นพักๆ ในช่วงระหว่างนอนหลับ โรคการหยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ (OSA) ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงาน
    เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานผลงานการวิจัยพบว่า ภาวะดังกล่าวอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรง เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจวาย โรคหลอดเลือดในสมอง และอื่นๆ มากยิ่งขึ้น
    คนส่วนใหญ่ไม่ได้พบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรคที่เกิดจากภาวะการนอนที่ผิดปกติ ผู้ที่มีอาการโรคการ หยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ (OSA) ระดับปานกลางและรุนแรงบ่อยครั้งแสดงอาการหลายอย่าง เช่น มีเสียงกรนที่ดัง หายใจเฮือกหรือสำลักกรนระหว่างนอนหลับ และง่วงนอนมากเกินไปในช่วงกลางวัน
    อย่างไรก็ตามมีเพียงผู้ป่วยบางส่วนเท่านั้นที่เข้ารับการตรวจรักษาอย่างถูกวิธี ในภูมิภาคเอเชีย ผู้ชายวัยกลางคน 4.1 - 7.5% และผู้หญิงวัยกลางคน 2.1 - 3.2% ที่มีโรคการหยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ (OSA) ดังนั้น การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับเรื่องโรคการหยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ (OSA) จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อก่อให้เกิดการรักษาอย่างถูกวิธีและลดความเสี่ยงการเกิดโรคร้ายอื่นๆ ซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคการหยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ (OSA)
    นายปีเตอร์ ไวท์ รองประธาน ฟิลิปส์ เรสไพรอนิกส์ เอเชีย แปซิฟิก กล่าว การเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิต ในปัจจุบันส่งผลให้คุณภาพการนอนของคนถดถอยตามไปด้วย ซึ่งมีสาเหตุมาจากความเครียดจากการทำงาน ความกังวลด้านการเงิน หรือการบริโภคอาหารที่ไม่มีคุณภาพ
    นอกจากนั้น มีผู้ป่วยเพียง 1 ใน 7 คนที่มีโรคการหยุดหายใจ จากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ (OSA) ที่เข้ารับการรักษา ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว เราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการนอนหลับอย่างจริงจัง
    "การนอนหลับเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดต่อสุขภาพของมนุษย์ มีการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบที่ตามมาจากการ นอนหลับไม่เพียงพออย่างมาก การอดนอนเรื้อรังส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจอย่างมหาศาล นอกจากนั้นยังเป็นสาเหตุนำไปสู่ความไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน และอาจนำไปสู่อุบัติเหตุทางอุตสาหกรรมหรือบนท้องถนนอีกด้วย การอดนอนยังอาจมีผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และอาจนำไปสู่การเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และแม้กระทั่งโรคหัวใจวาย” ไวท์ กล่าว
    จากผลวิจัยโรคการหยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ (OSA) ในกลุ่มพนักงาน ขับรถของโรงพยาบาลพบว่า ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ เป็นโรคการหยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ
    ผู้ที่มีโรคการหยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ (OSA) มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็น โรคความดันโลหิตสูงมากกว่า 2 - 3 เท่าของคนปกติ และมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดในสมองมากกว่า ผู้ที่ไม่มีภาวะดังกล่าว การศึกษาเพิ่มเติมพบว่าโรคเบาหวานชนิด 2 ถูกพบมากขึ้นในผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะ นอนหลับจากการอุดกั้นแม้ว่าบุคคลนั้นไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่น
    ศาสตราจารย์ นายแพทย์ชัยรัตน์ นิรันตรัตน์ หัวหน้าภาควิชา โสต ศอ นาสิก วิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า ในประเทศไทย การที่ประชากรมีอายุมากขึ้น มีโรคอ้วน สูบบุหรี่ และใช้ยานอนหลับ มีผลเกี่ยวเนื่องทำให้เกิดการกรนจนเป็นนิสัย ซึ่งการกรนนี้เป็นอาการหนึ่งของภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้น
    การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ซึ่งจัดทำขึ้นโดยฟิลิปส์ใน 5 ประเทศทั่วโลก พบว่า มีการตระหนักถึงภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้นค่อนข้างดีว่าเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ แต่มีสถิติแสดงให้เห็นว่า หนึ่งในสาม ของคนเหล่านี้คิดเพียงว่าเป็นแค่อาการกรน ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วการกรนเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักก่อให้เกิดโรคการหยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ
    ขณะที่เกือบ 2 ใน 3 รู้สึกว่าการกรนเป็นเพียงแค่ความไม่สะดวกสบายเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องจัดการอะไร การศึกษานี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้นและความผิดปกติอื่นๆ ด้านการนอนซึ่งไม่ได้รับความสนใจอย่างจริงจังจากผู้ที่มีภาวะเหล่านี้
    ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้นสามารถวินิจฉัยได้ง่ายแค่เพียงประเมินจากคำบอกเล่าอาการและตัวบ่งชี้อาการจากผู้ป่วย หากสงสัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ผู้ป่วยจะถูกวินิจฉัยโรคด้วยการศึกษาการนอนหรือที่เรียกกันว่า Polysomnogram หรือ PSG เพื่อยืนยันชนิดและความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะ นอนหลับรวมถึงวิธีการบำบัดรักษาที่เหมาะสม
    เมื่อภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้นถูกระบุว่าเป็นสาเหตุของอาการของผู้ป่วย โซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพในการบำบัดโรคนี้คือ เครื่องช่วยหายใจชนิดแรงดันบวกต่อเนื่อง (Continuous Positive Airway Pressure: CPAP) เป็นวิธีที่ไม่ต้องต่อท่อช่วยหายใจ ซึ่งในปัจจุบันนี้เป็นหนึ่งวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
    ทั้งนี้ เครื่องช่วยหายใจชนิดแรงดันบวกต่อเนื่องจะปล่อยแรงดันลมแบบเบาผ่านหน้ากากเข้าสู่จมูกเพื่อป้องกันการตีบของทางเดินหายใจ ทำให้ผู้ป่วยสามารถหายใจอย่างเต็มที่ระหว่างนอนหลับ เครื่อง CPAP นี้ ได้รับการออกแบบมาให้สามารถช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ป่วยระหว่างการรักษามากยิ่งขึ้น
    ศาสตราจารย์ นพ.ชัยรัตน์ กล่าวว่า เรากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาด้านสุขภาพอย่างร้ายแรง ถ้าเราไม่ได้มีการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ผู้ป่วยที่เป็นโรคภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้นจะตื่นขึ้นมาเพื่อหายใจบ่อยครั้งในระหว่างการนอนหลับ ทำให้ไม่สามารถมีเวลานอนหลับได้อย่างเพียงพอ
    ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจ ตื่นขึ้นมาประมาณ 30 นาทีใน 1 ชั่วโมงเนื่องจากเกิดการหยุดหายใจชั่วคราว เครื่องช่วยหายใจชนิดแรงดันบวกต่อเนื่อง (CPAP) จะสามารถช่วยลดผลกระทบจากภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้นได้อย่างมาก ซึ่งยังส่งผลให้ผู้ใช้มีพลังงานเพิ่มขึ้น ลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคเส้นโลหิตในสมองและโรคหัวใจวาย

    “ในฐานะที่เป็นผู้นำในตลาดการจัดการด้านการนอนหลับและการรักษาโรคการหยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ ฟิลิปส์มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์รักษาโรคเกี่ยวกับการนอนที่สามารถส่งเสริมให้ผู้ป่วยยอมเข้ารับการรักษาโรคการหยุดหายใจจากภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ ฟิลิปส์เสนอความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นเพื่อให้การนอนและคุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น” นายเวน สปีทเติล รองประธานและประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจเพื่อการแพทย์และการดูแลสุขภาพฟิลิปส์ เอเชีย แปซิฟิก กล่าว
    หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญ ของกลุ่มธุรกิจเพื่อการแพทย์และการดูแลสุขภาพฟิลิปส์คือ การเป็นผู้นำในตลาดดูแลสุขภาพที่บ้านซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง
    ฟิลิปส์ได้ผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์อย่างลึกซึ้งเข้ากับความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค จนทำให้ฟิลิปส์สามารถนำเสนอบทสรุป เพื่อแก้ปัญหาความท้าทายด้านการแพทย์ที่โลกกำลังเผชิญอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้ ฟิลิปส์ได้นำเสนอบริการครบวงจรของการดูแลสุขภาพ เรากำลังเชื่อมโยงการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลสู่บ้าน


    �ѹ���¨ҡ��ù͹..�ѹ���¢ͧ��ԧ - ��ا෾��áԨ �͹�Ź�
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กรกฎาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...