"อย่าเพ่งโทษครูบาอาจารย์" โดย ภูเตศวร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 31 สิงหาคม 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    บทความเตือนใจนักภาวนา เพื่อความไม่ประมาท

    ขออนุญาตคุณภูเตศวร
    นำบทความจากคอลัมภ์ " ธรรมะ 5 นาที"
    มาเป็นของฝากนักภาวนาทุก ๆ ท่านด้วย




    หลายวันมานี้มีโทรศัพท์มามากมาย
    ถามถึงเรื่องราวของครูบาอาจารย์รูปหนึ่ง ที่กำลังมีชื่อเสียงในแวดวงสอนพระกรรมฐาน
    ผู้เขียนเองไม่เคยได้กราบท่าน หรือรู้จักท่านโดยส่วนตัวมาก่อน
    หากเคยได้ฟังบรรยายธรรมจากสื่อซีดีมาบ้างเล็กน้อย
    และเคยอ่านหนังสือ "ทางเอก" หนังสือที่ท่านเขียนนานมาแล้ว

    คำถามส่วนใหญ่ที่ลูกศิษย์ลูกหาอยากรู้
    คือความเห็นของผู้เขียนต่อแนวทางการสอนของท่าน ...
    ก็ได้แต่ตอบสั้น ๆ "หลวงปู่พรมก็สอนอย่างนั้น"
    หลวงปู่พรม พรหมโชโต คือครูบาอาจารย์ที่ผู้เขียนเคารพนบนอบอย่างยิ่ง

    ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม
    ที่คณะศรัทธาทมยันตี - ภูเตศวร ดำเนินการสร้างมาตั้งแต่ปี 2541
    สมัยท่านเป็นฆราวาส เคยเป็นโยมอุปัฏฐากหลวงปู่บัว สิริปุณโณ มานานหลายปี

    จำได้ว่าหลายปีที่ผ่านมา หลวงปู่พรมได้ปรารภกับผู้เขียนในวันหนึ่ง

    "คนทำงานอย่างแม้ว มักหาโอกาสนั่งภาวนาได้ยาก
    ปู่จะแนะวิธีปฏิบัติง่าย ๆ ให้นะ"


    หลังจากนั้นท่านก็สอนให้เจริญสติด้วยการสังเกตอาการของจิต
    อะไรที่กระทบ และจิตรู้สึกอย่างไรให้ "รู้" ตามนั้น

    เช่น โกรธ ก็ให้ตามรู้ว่า โกรธ รักให้รู้ว่ารัก เกลียดให้รู้ว่าเกลียด
    เกิดราคะก็รู้ว่าเกิดราคะ ฯลฯ

    ไม่เพียงหลวงปู่จะย้ำว่า ทำไปเรื่อยสติของเราจะกล้าขึ้นไปเรื่อย ๆ เท่านั้น
    ท่านยังรับรองว่า ...
    "เป็นการปฏิบัติที่ลัดเลาะตัดตรงที่สุด"
    เพราะตรงกับสิ่งที่ท่านเคยสอนมานาน

    "ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจดวงนี้ จะนรกสวรรค์
    หรือ พระนิพพานอยู่ที่ใจดวงนี้เท่านั้น"


    เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คือบทสรุปของคำตอบของผู้เขียนที่ชัดเจนว่า
    แนวทางของครูบาอาจารย์รูปนั้นเป็นอย่างไร

    เมื่อได้คำตอบเช่นนั้น หลายท่านก็เลยขยายความต่อถึงเรื่องราววุ่น ๆ ที่ว่า
    เวลานี้มีกระแสโจมตีออกมามากมายหลายประเด็น
    และอยากให้ภูเตศวรแสดงความคิดเห็นบ้าง

    "อย่าเพ่งโทษครูบาอาจารย์"
    ผู้เขียนตอบสั้นตามที่เคยเรียนรู้มา
    เพราะปฏิปทาข้อวัตร ข้อปฏิบัติของครูบาอาจารย์แต่ละรูป แต่ละองค์
    ย่อมมีข้อผิดแผกแตกต่างกันไปตามวาสนาบารมี
    เราไม่รู้ภูมิธรรมของท่านว่าท่านอยู่ระดับไหน ...

    "ไปเพ่งโทษท่านระวังจะลงนรก"

    ถึงตรงนี้ก็เลยขอยกตัวอย่างบางเรื่องมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจพวกเรากันบ้าง
    เรื่องนี้มาจากปากคำของคุณอนุชิต ปุรสาชิด
    ลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่บุญจันทร์ กมโล
    วัดป่าสันติกาวาส อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี

    วันหนึ่งหลวงปู่บุญจันทร์ พาพระลูกวัดเดินทางไปกราบครูบาอาจารย์
    เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิต ก่อนออกเดินทางท่านก็คอยพร่ำบอกลูกศิษย์
    กรณี "เพ่งโทษ" ครูบาอาจารย์ว่า "อย่าทำ อย่าทำ"

    ครูบาอาจารย์องค์แรกที่หลวงปู่บุญจันทร์พาไปคารวะคือ
    หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล
    จากนั้นมุ่งไปวัดนิโครธาราม จ.หนองบัวลำภู ที่ไม่ไกลจากวัดถ้ำกลองเพลนัก
    เพื่อกราบนมัสการหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
    ว่ากันว่าวันที่ไปถึง หลวงปู่อ่อนท่านนุ่งผ้าสบง กับอังสะผืนเดียวนั่งเหลาไม้ทำกลดอยู่
    เมื่อหลวงปู่บุญจันทร์มาถึง และกราบคารวะหลวงปู่อ่อน
    ท่านก็เอาจีวรมาพาดบ่าแล้วรับไหว้

    มีพระลูกศิษย์ที่ติดตามหลวงปู่บุญจันทร์ นั่งคิดสงสัย ...

    "ก็ไหนใครต่อใครบอกว่าหลวงปู่อ่อนสำเร็จภูมิธรรมชั้นสูงแล้ว
    แต่ทำไมไม่มีมารยาทเลย
    หลวงปู่เรานุ่งห่มเรียบร้อยมากราบ
    แต่ท่านรับไหว้ไม่เรียบร้อยอย่างนั้นจะถูกหรือ?"


    คิดเพ่งโทษปุ๊บ หลวงปู่อ่อนก็หันมาปั๊บ ท่านเอ่ยคำทันควัน

    "ไอ้พวกตาเนื้อ ตาเน่า จะไปรู้อะไร
    ดีแต่มัวเพ่งโทษครูบาอาจารย์อยู่หรือไงหือ?"


    กลับถึงวัด ว่ากันว่าหลวงปู่บุญจันทร์ เรียกพระรูปนั้นมาเทศน์อบรมกัณฑ์ใหญ่
    ถึงบาปกรรมในการเพ่งโทษครูบาอาจารย์
    โดยเฉพาะท่านเป็นถึงพระอริยเจ้าว่า ผลกรรมนั้นสาหัส สากรรจ์เพียงใด?

    ถึงตรงนี้จึงอยากบอกท่านทั้งหลายว่า ...

    "รู้อะไรยังไม่แน่ชัด อย่าเพิ่งวิพากษ์วิจารณ์
    อย่าตื่นข่าวตามคำพูดใคร จะมีโทษมากกว่าคุณ"


    ก็ต้องขอบอกตรง ๆ แหละครับ
    วันนี้มีญาติโยมที่เป็นผู้รู้เยอะเหลือเกิน
    โดยเฉพาะตามเว็ปไซด์ต่าง ๆ รู้มาก
    จนถึงขนาดนั่งวิพากษ์ วิจารณ์ครูบาอาจารย์ที่ท่านมีศีลถึง 227 ข้อ
    ขณะที่ตัวเองศีล 5 ข้อ ยังกะพร่อง กะแพร่งเลยครับ
    พวกตามแห่ก็เลยร่วมแจมกันมันหยด ...
    หารู้ไม่ไฟนรกลุกโชติอยู่บนหัวทุกวันโดยไม่รู้ตัว

    เมื่อมีปุจฉามา ...
    ก็ต้องวิสัชนาไปตามปัญญาขี้เท่อไปตามการณ์ละครับ
    สำหรับความเห็นของภูเตศวร คือ ...



    "ถ้ามีใครสักคนสอนให้คนถือศีล ... ฝึกสติ
    นำพาผู้คนที่จมอยู่แต่กิเลส มาขัดเกลาให้ดีขึ้น ..
    ผู้นั้นมีคุณประโยชน์กับชาติ และพระศาสนา
    มีค่าควรกราบไหว้บูชา"


    สำหรับการดักจิต ดักใจ สอบอารมณ์ลูกศิษย์ลูกหานั้น
    ใครคิดอย่างไรไม่รู้
    แต่เป็นสิบ ๆ ปีที่ผ่านมา ครูบาอาจารย์ของภูเตศวร
    ใช้กระหนาบลูกศิษย์ดื้อ ๆ อย่างเรามานานแล้ว
    และเราเชื่ออย่างสุดหัวใจ
    ครูบาอาจารย์เก่ง ๆ อย่างนี้มีในเมืองไทยเยอะ

    ขนาดท่านรู้ ท่านสอนอย่างนั้น
    ทุกวันนี้กิเลสมันยังกดหัวเราซะจนโงไม่ขึ้นเลย

    อยากเพิ่มเติมอีกนิดคือ เรื่องของการปฏิบัติเพื่อก้าวสู่ความพ้นทุกข์
    อันนี้พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงตรัสไว้ชัดเจนว่า เป็นไปตามจริตนิสัยของแต่ละบุคคล
    อันไหนทำแล้วก้าวหน้า ละวางกิเลส .. มีปัญญาได้เร็ว ก็ทำตามนั้น
    ถ้าวิธีการของตนไม่เหมือนของคนอื่น ก็มิได้หมายความว่าของคนอื่นไม่ดีจริงไหม

    สำหรับภูเตศวร หลวงปู่เสน ปัญญาธโร ท่านย้ำอยู่เสมอ ...

    "เอาแต่โลกธรรมแปดนี่แหละ เข้าใจมัน
    อยู่เหนือมันให้ได้ ก็พอได้อาศัยแล้ว"


    ทุกวันนี้ก็เลยนึกขึ้นได้ ...
    แค่อนุโมทนากับความดีที่ผู้อื่นทำ
    และไม่ริษยาความดีมีชื่อเสียงของผู้อื่น
    คนเรามันยังทำยากเลย

    ... เพราะเมตตาธรรมค้ำจุนโลกมันเหลือน้อย ...


    จึงอยากฝากทุกคนว่า ควรหมั่นเจริญเมตตาให้มาก ๆ
    โลกปัจจุบันจะได้เย็นขึ้นบ้าง
    ถ้าไม่เหลือบ่าฝ่าแรงละก็ ให้ละแล้วต่อกันเถิด
    เพราะไฟพยาบาทที่ "เผาใจ"
    มันร้อนกว่า "ไฟนรก" นะโยม



    http://larndham.org
     
  2. ruang25

    ruang25 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +118
    บางคนค้นหาธรรมมะเพื่อละวาง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,683
    ค่าพลัง:
    +9,239

    [​IMG]


    ขออนุโมทนาค่ะ


     

แชร์หน้านี้

Loading...