ห้ามซ้อน 3

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 21 เมษายน 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    คอลัมน์ ขนหัวลุก

    ใบหนาด

    "ป้าชุลี" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในวันสงกรานต์

    สงกรานต์ปีนี้ดิฉันก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวเทศกาลกับเขาเหมือนหลายๆ ปีก่อน เพราะสังขารไม่อำนวย กับจิตใจไม่นึกสนุกสนานเสียแล้ว ถ้าไปตามคำชักชวนของญาติมิตรก็จะตกเป็นภาระเขาเสียเปล่าๆ อยู่บ้านให้ลูกหลานรดน้ำดำหัวตามประเพณี กับพักผ่อนดูข่าวทางทีวีเป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ

    นึกถึงสมัยก่อน เวลารดน้ำขอพรจากผู้ใหญ่ ท่านจะเอามือชุ่มน้ำมาลูบศีรษะเรา พึมพำให้ศีลให้พร ขอให้เจริญก้าวหน้า มั่งมีศรีสุข อย่าเจ็บอย่าไข้...บางครั้งก็เห็นท่านเช็ดมือเปียกๆ กับผ้าขนหนู ก่อนจะยื่นมารับน้ำจากคนต่อไป

    สมัยนี้ เห็นผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนนั่งแบมือให้คนนับสิบนับร้อยมารดน้ำจนสองมือสั่นสะท้านด้วย หนาวเหน็บเต็มประดา น่าสงสารและน่าเห็นใจจริงๆ เลย

    เห็นในทีวีว่าผู้คนออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเยี่ยมบ้านต่างจังหวัด มืดฟ้ามัวดินตามเคย...ไหนจะรอรถโดยสารตามสถานีขนส่งอีกล่ะ ซื้อตั๋วได้แล้วแต่ไม่มีรถให้นั่ง เขาเรียกว่า "ตั๋วผี" บริษัทเดินรถ 2-3 แห่งก็โดนปรับถึงรายละ 1 แสนบาท

    เมื่อสาวๆ ดิฉันเคยไปรดน้ำพระพุทธสิหิงค์ที่ท้องสนามหลวง ได้เห็นในทีวีก็ยกมือไหว้ท่านด้วยความเคารพบูชา นับถือว่าท่านเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง เคยเห็นและเคยกราบไหว้ท่านมาตั้งแต่เด็กจนแก่นี่แหละค่ะ

    ที่ไม่เคยพบของจริง นอกจากในทีวีก็คือถนนข้าวสารนี่เอง!

    ต้องยอมรับว่าเป็นศูนย์เทศกาลสงกรานต์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ใครมาเที่ยวแล้วติดอกติดใจ กลับไปบอกกล่าวญาติมิตรแล้วชักชวนกันมาเที่ยวเป็นประจำ

    การเล่นสงกรานต์ด้วยปืนฉีดน้ำและทาทดินสอพอง กลายเป็นแฟชั่นไปเสียแล้ว เอามาละลายน้ำสาดกันบ้าง ทาหน้าตา...ต่อมาเรียกสั้นๆ ว่า "เล่นแป้ง"

    เมื่อ 2-3 ปีมาแล้วมีการห้ามนำแป้งเข้าไปเล่นสงกรานต์ที่ถนนข้าวสาร ตำรวจจะตั้งด่านสกัดทั้งทางถนนจักรพงษ์ ใกล้ สน.ชนะสงคราม กับ ถนนตะนาว ที่จะออกถนนราชดำเนินกลาง

    ใครนำแป้งใส่ขันเข้าไปก็จะถูกยึดไว้เป็นกองพะเนินเทินทึก ทีวีถ่ายให้เห็นจนน่าขำ...เพราะภาพต่อมาก็คือหนุ่มๆ สาวๆ ทั้งไทยและเทศเอาแป้งไล่ทาหน้าตากันครึกครื้น แทบจะขาวโพลนไปทั้งถนนข้าวสารก็ว่าได้ ที่น่าตลกกว่านั้นก็คือภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนหลับตาปี๋ ท่ามกลางผู้คนที่รุมล้อมละเลงแป้งจนหน้าขาววอก!

    มาถึงปีนี้ก็ห้ามนำแป้งเข้าไปเล่นอีกแล้ว

    ดูในจอทีวีแทบจะไม่เห็นใครไม่โดนแป้งทาหน้าตาตัวแม้แต่คนเดียว

    รู้ทั้งรู้ว่าห้ามไม่ได้ แล้วจะหลับหูหลับตาห้ามไปทำไมคะ? หรือแค่อยากให้ใครๆ รวมทั้งตัวเองได้ยินว่า...ฉันสั่งห้ามไปแล้วนะ ใครไม่ทำตามก็ช่วยไม่ได้

    นอกจากนั้นยังได้ความรู้เพิ่มเติมว่า ถนนข้าวสารกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ตามสายตาของท่านผู้มีอำนาจวาสนาไปเสียแล้ว นั่นคือ...ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด ใครฝ่าฝืนจะโดนจับกุมทันที

    แต่ใครเมามายแค่ไหนก็เข้าไปเที่ยว ไปเล่นสงกรานต์ในถนนข้าวสารได้! หรือใครจะทั้งเมา ทั้งหอบหิ้วเหล้าเบียร์เข้าไปดวดกันก็คงไม่ผิด เพราะไม่ได้เป็นผู้ขายนี่นา

    อย่าบอกว่าตั้งด่านตรวจค้นเลยนะ แป้งขันเล็กๆ ถุงน้อยๆ อาจจะเล็ดลอดเข้าไปได้ ถือว่าหลงหูหลงตาเป็นของธรรมดา แต่มีดดาบยาวๆ ราว 2-3 เล่มที่ยึดไว้เป็นของกลางหลังจากเกิดเรื่องวิวาทระหว่างวัยรุ่นแล้วล่ะเจ้าคะ?

    ถ้าพกดาบผ่านด่านเข้าไปได้ ปีหน้าไม่ต้องตั้งด่านให้เสียเวลาก็ได้นะคะ! เอากำลังไปตรวจตรารักษาความสงบที่อื่นเถอะ...หรือไม่ก็ให้หยุดยาวไปเลย ไหว้ละค่ะ!

    เรื่องป้องกันอุบัติเหตุก็ย้ำนักย้ำหนาว่าเกิดจากเมาสุรา กับไม่สวมหมวกนิรภัย...แต่ตามถนนหนทางทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด คนขับมอเตอร์ไซค์และคนซ้อนท้ายไม่สวมหมวกกันน็อกครึ่งต่อครึ่ง

    ลูกหลานที่ออกไปเที่ยวสงกรานต์ ไม่ว่าย่านไหนๆ ในกรุงเทพฯ ก็เห็นมอเตอร์ไซค์ยกโขยงกันมาไล่ฉีดน้ำคนข้างถนน...มา 10 คัน สวมหมวกกันน็อก 2-3 คน

    การซ้อน 3 ก็ห้ามกันนักห้ามกันหนา แต่มอเตอร์ไซค์ซ้อน 3 กันเกร่อกรุง

    ตำรวจไม่ได้จับ แม้แต่เรียกมาตักเตือน ถ้ามองในแง่ดีก็เห็นใจเจ้าหน้าที่หรอกค่ะ เพราะถ้าเรียกก็ต้องเรียกมาหมดทุกคัน...มีหวังรถติดยาวเหยียดยิ่งกว่าการไปต่างจังหวัดวันแรกๆ ด้วยซ้ำไป

    ว่ากันว่า...อนุโลมวันสงกรานต์

    ถ้าอนุโลมแล้วประกาศให้รกหูรกตาทำไม...มอเตอร์ไซค์ห้ามซ้อน 3 คน?

    ...ขนาดซ้อน 2 อย่างนายแม็ค-ลูกชายวัยรุ่นของเพื่อนบ้านของดิฉัน ก็ยังทำให้พวกเราขนหัวลุกไปตามๆ กันนี่คะ เพราะขณะที่ชมรมผู้สูงอายุของหมู่บ้านนั่งกินอาหารเย็นกันใต้ต้นแสงจันทร์ นายแม็คขี่มอเตอร์ไซค์เข้าประตูมากับเพื่อนที่ซ้อนท้าย เปียกชุ่มโชกทั้งสองคน

    มาถึงก็จอดรถเดินทื่อเข้าบ้าน ไม่มีการทักทายผู้ใหญ่ที่นั่งกันเกือบสิบคนแน่ะ พ่อแม่แกทำหน้าไม่สบายใจ ดิฉันก็รีบบอกว่าไม่มีใครถือสาเด็กหรอก อย่าคิดมากเลย

    เงียบไปนานจนชักเอะใจ ..พอดีนายแม็คแต่งตัวใหม่โผล่ออกมา บอกว่าเกิดอุบัติเหตุเพราะมีพวกวิตถารดักสาดน้ำด้วยถังใหญ่จนรถคว่ำ เพื่อนที่ซ้อนท้ายสลบคาที่ต้องนำส่งโรงพยาบาล แม่เขารีบลุกไปหาแล้วถามถึงเพื่อนที่ซ็อนท้ายมาด้วยกันล่ะ?

    "เพื่อนอยู่โรง"บาลไงฮะ แม็คกลับมาคนเดียว...สงสัยแม่ตาฝาดแล้ว"

    พวกเราลุกพรวดพราดขึ้นทุกคน ยืนยันว่ามีเพื่อนซ้อนท้ายมาจริงๆ คราวนี้นายแม็คหน้าซีด เข่าอ่อน...ถึงไม่บอกก็คงเดาได้นะคะว่าเพื่อนที่เราเห็นซ้อนท้ายรถนายแม็คมาน่ะ สิ้นใจตายแล้วที่โรงพยาบาล
     

แชร์หน้านี้

Loading...