หลวงปู่แย้มวัดตะเคียน ปลุกเสก"ตะกรุดคอหมา"อันโด่งดัง

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย pipat_san, 26 พฤษภาคม 2009.

  1. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    หลวงปู่แย้มวัดตะเคียน


    [​IMG]


    หลวงปู่แย้ม ปิยวณฺโณ (พระครูปิยนนทคุณ) เจ้าอาวาสวัดตะเคียน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ปัจจุบัน อายุ ๙๑ ปี เจ้าของตำนาน ตะกรุดคอหมา อันโด่งดัง ได้สร้างชื่อประดับวงการพระเกจิเมืองไทย
    ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั่วแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะเป็นคนยากจน หรือมหาเศรษฐี ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นักการเมือง ผู้ที่ทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ต่างก็เดินทางมาหาท่าน เพื่อขอพรขอบารมีจากท่านกันมิได้ขาดสายทุกวัน วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ที่ท่านได้จัดสร้างขึ้นมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ต่างถูกสั่งจองและเช่าซื้อหากัน จนทำให้ราคาพุ่งขึ้นๆ ทุกวัน
    ส่วนที่มาของตำนาน ตะกรุดคอหมา นั้น มาจากครั้งเมื่อท่านได้ทำตะกรุดคล้องคอให้หมาในวัดของท่านทุกตัว เพื่อป้องกันภัยให้หมาของท่าน แต่แล้วคนก็มาแย่งหมาไปบูชากันเองจนหมดสิ้น <CENTER></CENTER>


    อันว่าตะกรุดที่ท่านได้ดำริริเริ่มสร้างผูกคอหมา ก็เนื่องมาจากว่า หลวงปู่แย้มท่านเป็นคนที่มีเมตตาต่อสรรพสัตว์สูง ท่านได้เลี้ยงหมาไว้หลายตัว บางครั้งหมาที่ท่านเลี้ยงไว้อาจไปทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านใกล้ๆ วัดบ้าง ทำให้หมาของท่านถูกทำร้ายด้วยการปาก้อนหิน หรือรุนแรงจนถึงขั้นใช้ปืน ใช้มีดดาบทำร้าย ทำให้หมาบางตัวได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
    ครั้นหลวงปู่จะไปห้ามโยมไม่ให้ตีหมา ทำร้ายหมา ก็คงไม่เป็นผลอะไร คิดดังนั้นแล้ว จึงจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำตะกรุด ด้วยพิธีกรรมที่ไม่เหมือนใคร คือ ท่านจารตะกรุดในน้ำ ด้วยสมาธิจิตอันแน่วแน่ของท่าน เมื่อทำเสร็จแล้วจึงนำไปผูกคอหมาที่ท่านเลี้ยงไว้จนครบทุกตัว
    หลังจากนั้น หมาของท่านก็ไม่เคยได้รับความรุนแรงใดๆ อีกเลย ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นเกิดความสงสัย ก็สอบถามกันไปสอบถามกันมาได้ความว่า หลวงปู่แย้มได้ผูกตะกรุดวิเศษไว้ที่คอหมาทุกตัว ตะกรุดคอหมาก็เลยทำให้บรรดานักเลงแถวนั้นเกิดอยากลองของ ว่าจะแน่สักแค่ไหน ก็นำปืนมาลองยิงหมาดู <CENTER></CENTER>


    ปรากฏว่าปืนแตก ! เป็นเหตุให้เกิดความฮือฮาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คนที่ต้องการตะกรุดแบบเร็วๆ ก็แย่งเอาที่คอหมา คนที่มีศีลธรรมดีหน่อยก็ไปบอกกล่าวขอจากหลวงปู่เอง กิตติศัพท์ของหลวงปู่ก็กระฉ่อนแต่นั้นมา จนชาวบ้านเรียกขานท่านว่า "ปู่แย้ม ตะกรุดคอหมา"
    เมื่อได้พูดถึงต ะกรุดคอหมา แล้วว่าคงกระพัน หรือแคล้วคลาดอย่างไร ก็ทำให้ต้องพูดถึงวัตถุมงคลอีกอย่างที่เข้มขลังไม่แพ้กัน นั่นคือ "เสือปืนแตก" เล่ากันว่า มีนายตำรวจใน อ.บางกรวย ทราบข่าวว่าหลวงปู่แย้มสร้างเสือเนื้อตะกั่วขึ้นมา เพื่อหาปัจจัยสร้างวัด และมีคนเล่าให้ฟังถึงความขลังของวัตถุมงคลของหลวงปู่ จึงอยากลองของ ได้มาขอยืมจากลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้วัด เพื่อนำไปลอง
    ปรากฏว่า ยิงนัดแรกไม่ออก นัดที่สองไม่ออก ยิงอีกครั้งเป็นครั้งที่สาม ปืนแตกใส่มือได้รับบาดเจ็บ เป็นแผลเป็นมาจนทุกวันนี้
    การดำน้ำเพื่อจารตะกรุด ตะกรุดคอหมา ยันต์ที่จารมีตัวเดียว คือ "ยันต์มหาเบา" เป็นตำราจาก หลวงพ่อสาย วัดหนองสองห้อง กับ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    อุปเท่ห์การใช้ ตะกรุด หลวงพ่อแย้ม นอกจากข้อห้ามเรื่องด่าพ่อด่าแม่แล้ว สมัยก่อนยังห้ามลอดราวตากผ้า แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยถือกันแล้ว เพราะบ้านยังมีการปลูกกันเป็นหลายๆ ชั้น อันนี้ยกเว้นไปได้
    สิ่งสำคัญ คือ อย่าทำความชั่ว และอย่าไปด่าพ่อด่าแม่เขา ไม่เช่นนั้นความขลังของตะกรุดจะเสื่อมทันที และไม่คุ้มครอง
    พุทธคุณของยันต์มหาเบา นั้น มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ทหารที่ออกทัพจับศึก รวมทั้งเสือร้ายที่ออกปล้นชาวบ้าน เมื่อถึงคราวเกิดเหตุจวนตัว จะใช้หัวแม่เท้าจิกลงบนพระแม่ธรณี (พื้นดิน) แล้วเขียนเป็นวงกลม เป็นยันต์มหาสูญ ระหว่างที่เขียนก็บริกรรมคาถามหาอุด (อุดธังอัดโท หรือ โทอุดธังอัด) แล้วตามด้วยคาถาหัวใจพระแม่ธรณี (เม กะ มุ อุ) หากมีจิตที่เข้มแข็ง และสงบนิ่ง เท่านี้ก็สามารถแคล้วคลาดจากอาวุธของศัตรูได้
    นอกจากนี้แล้ว หลวงปู่แย้มยังสร้างวัตถุมงคลไว้อีกหลายรุ่น เช่น ตะกรุดหนังเสือ รุ่นแรก ดอกเล็ก ตะกรุดหนังเสือ รุ่นแรก ดอกใหญ่ เสือปืนแตก รุ่นสอง เนื้อทองเหลือง พระสมเด็จ ผสมผงอิทธิเจ และผงมหาราช ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ พระผงนางพญา ผสมผงอิทธิเจ และผงมหาราช ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ พระสมเด็จ พิมพ์เล็บมือ ผสมผงอิทธิเจ และผงมหาราช ของหลวงพ่อสด พระผง พิมพ์ไข่ผ่าซีก ผสมผงอิทธิเจ และผงมหาราช ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
    ปัจจุบันหลวงปู่แย้ม ยังเป็นที่เคารพศรัทธาของบรรดาลูกศิษย์ ทั้งศิษย์เก่าศิษย์ใหม่ บางคนออกรถใหม่ก็นำมาให้ท่านเจิมให้ ด้วยบารมีอันแก่กล้าของท่าน รับประกันได้ว่า รถคันนั้นจะไม่มีวันเจออุบัติเหตุใหญ่ๆ แน่นอน
    บางคนทำการค้า การขาย บางช่วงบางโอกาสเศรษฐกิจบ้านเมืองไม่ดี ก็มาหาท่าน ขอเช่าบูชาธูปเสก นำไปจุดไหว้ ปรากฏว่า การค้าการขายดีขึ้นเป็นพิเศษ เรื่องธูปเสกของท่านนี้ ลูกศิษย์ลูกหานิยมบูชากันมาเป็นเวลานานกว่า ๑๐ ปีมาแล้ว เพราะว่าทุกคนไม่เคยผิดหวัง แถมหลวงปู่ยังย้ำพร้อมรับประกันให้ว่า ถ้าไม่ดีจริงให้มาต่อว่าได้เลย พร้อมทั้งยังอธิบายวิธีบูชาให้อีกด้วย
    ตั้งแต่อดีตหลวงปู่พยายามรวบรวมปัจจัยเพื่อนำมาสร้างเสนาสนะ และบูรณะวัดอยู่อย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด จวบจนปัจจุบัน หลวงปู่ชราภาพลงมากแล้ว แต่ยังมีภาระซ่อมสร้างเสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมอีกหลายอย่าง ทั้งยังขาดจตุปัจจัยอีกเป็นจำนวนมาก
    ในการซ่อมสร้างเพื่อให้สำเร็จลุล่วงไป จึงได้ดำริปรึกษาหารือกับคณะกรรมการวัด จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นสุดท้าย เช่น พระชุดยอดขุนพล พระชุดนางพญา รูปเหมือนลอยองค์ โดยปัจจัยจากการเช่าบูชาทั้งหมดทางวัดจะนำไปบูรณะศาสนสถานในวัดทั้งหมด
    การสร้างวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของหลวงปู่แย้ม นี้ ถือเป็นครั้งสำคัญของวัดตะเคียน มวลสารทั้งหมดได้จัดเตรียมมานานนับเดือน รวมทั้งได้นำมวลสารพระเครื่องยุคแรก ที่ท่านสร้าง และบรรจุในกรุนานกว่า ๖๐ ปี
    มวลสารหลักของพระรุ่นนี้ มีผงอิทธิเจ ผงมหาราชเก่า ผงวิเศษ ๑๐๘ ที่ท่านจารและเขียนขึ้นเอง ตามฤกษ์ยามที่ท่านกำหนด และปลุกเสกมานาน ผงไม้ตะเคียนอินทราณี ผงกะลาตาเดียวลงยันต์ จัน-สูรย์ ไม้มงคลแดง ไม้มงคลดำ ผงใบลาน ผงทองคำ ผงตะไบชนวน แผ่นจารยันต์พระเกจิอาจารย์ ๑๐๘ องค์ ผงตะไบชนวนโลหะที่ท่านเก็บไว้ ผงยาจินดาวาสนา รวมทั้งผงกระเบื้องหลังคาโบสถ์ ผงเสาโบสถ์มหาอุด ผงทองพระประธาน เป็นต้น
    โดยจะประกอบพิธีปลุกเสก ๙ วัน ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มิถุนายน-๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ โดยแต่ละวันพิธีจะเริ่มตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหลวงปู่อายุมาก สุขภาพไม่ค่อยดีนัก คณะกรรมการวัดจึงเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ และผู้ที่เคารพศรัทธา เข้ากราบไหว้ได้วันละ ๑ รอบเท่านั้น คือ เวลา ๑๖.๐๐-๑๘.๐๐ น. ส่วนวันพระงดให้เข้ากราบไหว้ ในขณะที่บางวันท่านได้รับกิจนิมนต์ปลุกเสกวัตถุมงคลนอกวัด
     
  2. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    ประวัติหลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน (พระครูปิยนนทคุณ)


    [​IMG]


    พระสงบ กิติญาโณ พระเลขานุการ "พระครูปิยนนทคุณ" (หลวงปู่แย้ม ปิยวณฺโณ) เจ้าอาวาสวัดตะเคียน จ.นนทบุรี กล่าวว่า วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑ นี้ คณะศิษย์จะจัดงานแสดงมุตตาจิต ให้แก่หลวงปู่
    เนื่องในวาระที่มีอายุวัฒนะครบ ๙๔ ปี ทั้งนี้ทางวัดได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดสำคัญๆ ใน จ.นนทบุรี มาฉันภัตตาหารเพลกว่า ๑๐๐ รูป งานนี้คณะลูกศิษย์ได้จัดสร้างพระรูปเหมือนหลวงปู่แย้ม เนื้อผง พิมพ์กลมขนาด ๕ ซม. แจกฟรี สำหรับผู้ที่เดินทางมาร่วมงานทุกท่าน
    ชาติภูมิของหลวงปู่แย้ม ชื่อและสกุลเดิมคือ "แย้ม ปราณี" เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๕๙ ที่ ต.เจ็ดริ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร บิดาชื่อ "เพิ่ม" มารดาชื่อ "เจิม" อายุครบ ๒๐ ปี อุปสมบทตามประเพณี และเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้มารดาที่ล่วงลับไปแล้ว ที่วัดหลักสองบำรุงราษฎร์ มีพระครูคณาสุนทรนุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้ว เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการเหลือ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ชื่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ปิยวณฺโณ"
    พรรษาที่ ๒ หลวงพ่ออาพาธหนัก ต้องกลับไปรักษาตัวที่บ้านด้วยยาต้มแผนโบราณ หายดีแล้วจึงกลับไปอยู่วัดตามเดิม ต่อมาท่านจึงศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณจนแตกฉาน รักษาชาวบ้านจนมีชื่อเสียงโด่งดัง ประมาณพรรษาที่ ๑๐ หลังจากเรียนคาถามาจากหลวงพ่อสาย วัดหนองสองห้อง จ.สมุทรสาคร ท่านบอกว่าใช้เวลาเรียนไม่นาน เนื่องจากวิชาที่เรียนมีมาก จึงเลือกเรียนเพียงบางวิชาเท่านั้น ถ้าเรียนทุกอย่างคงไม่ไหว เพราะวิชามีเยอะแยะ ท่านจึงเลือกเรียนวิชาทำตะกรุด เพราะเอาไว้ป้องกัน และรักษาตัวจากภยันตราย
    วัดตะเคียนเมื่อสมัยก่อนเป็นป่าสวนส้มเขียวหวานเกือบทั้งหมด ถนนหนทางไม่สะดวกสบายเหมือนสมัยนี้
    ส่วนวัตถุมงคลที่ขึ้นชื่อของหลวงปู่แย้ม มีหลายอย่างเช่น พระขุนแผนยอดขุนพล พระนางพญา พระขุนแผนใบบัว และตะกรุดคลองตะเคียน โดยท่านได้จารยันต์ คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ หรือเรียกว่า "แม่ธาตุใหญ่" ซึ่งมีพุทธคุณเหนือยันต์ทั้งปวงลงในตะกรุด
    รวมทั้งความเชื่อสืบต่อกันว่า ผู้ใดที่ท่องหรือบริกรรมพระคาถาบทนี้ด้วยจิตอันสงบ และมั่นคงแล้ว จะมีพุทธคุณคุ้มครองครอบจักรวาล หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ มีพุทธคุณครบทุกด้าน เช่น เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย
    นอกจากนี้แล้ว ยังมียันต์อีกตัวหนึ่ง ซึ่งอาจจะเรียกว่า เป็นยันต์เฉพาะตัวของหลวงปู่แย้ม คือ "ยันต์มหาเบา" เป็นตำราจาก หลวงพ่อสาย วัดหนองสองห้อง กับ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระสงบ ยังบอกด้วยว่า เนื่องจากหลวงปู่อายุมาก สุขภาพไม่ค่อยดีนัก วัดจึงเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาเข้ามากราบไหว้ได้วันละ ๑ รอบเท่านั้น คือ เวลา ๑๖.๐๐-๑๘.๐๐ น. ส่วนวันพระงดให้เข้ากราบไหว้ ในขณะที่บางวันท่านได้รับกิจนิมนต์ปลุกเสกวัตถุมงคลนอกวัด เพื่อความสะดวกติดต่อสอบถามได้ที่ วัดตะเคียน ถนนนครอินทร์ (พระราม ๕) ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โทร. ๐-๒๕๙๕-๑๘๕๑, ๐๘-๑๙๒๑-๐๙๔๖
    [​IMG]

    [​IMG]
    ประวัติหลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน (พระครูปิยนนทคุณ)
    หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน เป็นชาวจังหวัดสมุทรสาคร โดยกำเนิดเกิดที่ ตำบลเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พุทธศักราช 2459 ในครอบครัวชาวนา
    นามเดิมว่า แย้ม ปราณี มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันทั้งหมด 4 คน ท่านเป็นบุตรชายคนที่ 2 ของครอบครัว โยมบิดาชื่อเพิ่ม โยมมารดาชื่อเจิม (ปัจจุบัน โยมบิดา โยมมารดา พี่ น้อง ต่างก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว โดยเฉาะโยมมารดาเสียชีวิตตั้งแต่หลวงปู่อายุได้ 10 ขวบ)
    หลวงปู่แย้มเมื่อตอนเป็นเด็กชายแย้ม ก็เหมือนกับเด็กทั่วไปคือต้องเข้าเรียนหนังสือ เด็กชายแย้มได้เข้าศึกษาหาความรู้ ที่โรงเรียนประชาบาลวัดหลักสองของ อำเภอบ้านแพ้ว แต่เรียนได้แค่ชั้นประถม 1 เท่านั้นเอง เพราะต้องอยู่บ้านเพื่อช่วยบิดาทำนาหาเลี้ยงชีพ ครั้นอายุได้ 14 ปี ก็ต้องลาออกจากโรงเรียนอย่างเด็ดขาด เพราะว่าโตเกินกว่าที่จะไปโรงเรียนแล้ว จึงได้ออกมาช่วยบิดาทำนาเรื่อยมา

    จวบจนกระทั่งอายุได้ 20 ปี บริบูรณ์ โยมพ่อต้องการให้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนาตามประเพณีนิยมของคน ไทยตั้งแต่ครั้งโบราณกาล และเพื่อเป็นการสร้างบุญสร้างกุศล เฉกเช่นชายไทยทั่วไป
    “ฉันก็เต็มใจนะ เพราะจะได้แผ่กุศลไปให้กับโยมแม่ที่เสียไปตั้งแต่อายุฉันได้ สิบขวบด้วย ได้กำหนดวันกันเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ โยมพ่อก็เปลี่ยนใจ บอกว่าเอาไว้ปีหน้าเถอะปีนี้ทำนาก่อน และ มาเลื่อนกันง่ายๆ ฉันก็ไม่ว่ากระไร เอาไงก็เอากัน ฉันเป็นคนตามใจพ่ออยู่แล้ว” หลวงปู่เล่าความหลังให้ฟัง
    หลังจากนั้นก็ทำนาเรื่อยมา จวบจนมาเสร็จสิ้นเอาใกล้ๆ จะเข้าพรรษา โยมพ่อก็เอ่ยปากบอกว่า “บวชเสียเถอะนะ ไปอาศัยบวชกันนาคอื่นเขาก็ยังดี”
    “ฉันก็ตามใจอีก โยมพ่อจะให้ทำยังไงก็เอากัน แล้วโยมพ่อก็นำเงินจำนวน 20 บาทไปถวายพระอาจารย์ที่วัดหลักสองราษฎร์บำรุง โดยบอกความประสงค์กับท่านว่า ให้ช่วยจัดการบวชให้ฉันทีเถอะ ก็เป็นการช่วยจัดหาเครื่องบวชให้นะ ในสมัยนั้นราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่หรอก ไม่ถึง 10 บาทเสียด้วยซ้ำ จากนั้นอาจารย์ก็จัดของที่ท่านมีอยู่แล้วให้ ส่วนเงิน 20 บาทนั้น ท่านได้นำเอาไปจ้างช่างต่อเรือขนาด สามมือลิงใหญ่ๆ ซึ่งหมดเงินไป 18 บาท เพื่อเอาไว้ใช้ในกิจของสงฆ์”

    นายแย้มจึงได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนาที่วัดหลักสองบำรุงราษฎร์ ตามที่โยมพ่อและตัวของท่านเองได้ตั้งศรัทธาเอาไว้
    มีพระครูคณาสุนทรรนุรักษ์เจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้ว เป็นพระอุปัชณาย์ เจ้าอธิการเหลือ เจ้าคณะตำบลเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ชื่นเป็ฯพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “ปิยวณฺโณ”
    หลังจากเสร็จสิ้นการบวชแล้ว ด้วยพระภิกษุแย้ม เป็นพระหนุ่มที่มีหน้าตาดี จึงมีการกล่าวหยอกล้อกันว่า พระภิกษุแย้ม ไม่น่าจะบวชได้นานเกิน 2 พรรษาหรอก จึงเป็นเรื่องให้มีการท้าพนันกันว่า ถ้าพระภิกษุแย้มบวชแล้วอยู่ได้นานเกิน 2 พรรษา แล้วเมื่อถึงเวลาลาสิกขา จะออกเครื่องสึกทั้งหมดให้
    “ฉันก็ไม่ได้รับคำท้านั้นหรอกนะเพราะว่ามันเป็นการพนันและอีกอย่างก็ถือว่า เป็นการพูดล้อกันเล่นมากกว่า ส่วนในใจของฉันนั้นนะมีความศรัทธาอยู่ว่าจะบวชสักสองพรรษาก็คงพอ” หลวงปู่อธิบาย

    ระหว่างครองเพศบรรพชิตอยู่ พระภิกษุแย้มก็เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติเป็นอันมาก รวมทั้งยังตั้งใจศึกษาธรรมะอย่างเอาจริงเอาจัง จนทำให้สามารถสอบได้นักธรรมตรีในพรรษาแรกเท่านั้น
    พอย่างพรรษาที่สองพระภิกษุแย้มก็เกิดป่วย “เรียกว่าป่วยหนักเลยนะ ในชิวิตฉันไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย ฉันป่วยจนแทบจะตายแนะ มันเป็นใข้นะ ต้องนอนซมอยู่กับที่เวลาลุกขึ้นทีไรเป็นหน้ามืดทุกที ต้องดมพิมเสนทุกที ช่วงนั้นไม่มีใครเขามาดูแลฉันหรอก ฉันต้องต้มยาฉันเอง จนโยมพ่อทราบเรื่อง จึงมารับฉันกลับไปรักษาตัวที่บ้าน โดยเอาฉันใส่เรือให้นอนไป บ้านฉันกับวัดก็ไกลอยู่เหมือนกันราวๆ 4 กิโลเมตรได้นะ หมอนุ่มเป็นคนต้มยาสมุนไพรไทยของเรานี่แหละให้ฉัน ทำการรักษาฉัน หมอนุ่มนี่เขาเก่งมากนะ จัดหายามาต้มให้ฉันเพียง 2 หม้อเท่านั้นเองฉันก็หายเลย แต่ก็ต้องพักรักษาตัวอยู่เกือบเดือน จึงค่อยกลับไปจำพรรษาที่วัดได้ตามเดิม”
    ที่วัดหลักสองบำรุงราษฎร์ พระภิกษุสมัยนั้นจะเก่งในเรื่องช่าง ไม่ว่าจะเป็นช่างไม้ช่างปูน ช่างทาสี พระภิกษุเหล่านี้จะเป็นที่โปรดปรานของเจ้าอาวาสมาก พระภิกษุแย้มเองก็มีงานช่างทำเหมือนกันคือเป็นช่างพิมพ์กระเบื้องในโรงงาน ของวัด วันหนึ่งต้องพิมพ์ให้ได้ถึง 530 แผ่นทีเดียวเพื่อให้ทันเวลาที่จะนำไปสร้างกุฏีสงฆ์หลังใหม่ที่ทางวัดได้ สร้างขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่ากระเบื้องทุกแผ่นที่วัดหลักสองใช้สร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ หรือกุฎีสงฆ์ เป็นฝีมือของพระภิกษุแย้มทั้งสิ้น

    นอกจากงานด้านช่างแล้วพระภิกษุแย้ม ยังได้แอบศึกษาวิชาหมอยา เพื่อสงเคราะห์ชาวบ้านแถบนั้นด้วย เป็นเพราะท่านมีเมตตาไม่อยากให้ชาวบ้านเดือดร้อนมากนัก กล่าวถึงการเป็นหมอยาของหลวงปู่แย้ม สมัยก่อนเมื่อประมาณ 70 ที่แล้วนั้น พวกเราลองคิดดูว่าการไปมาหรือการเดินทางนั้นจะลำบากสักขนาดไหน ครั้นเมื่อมีเวลาญาติพี่น้องเจ็บใข้ได้ป่วยก็ต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ เพื่อที่จะช่วยเหลือเขา วิธีที่ดีและรวดเร็วที่สุดก็คือ หมอยากลางบ้านนั้นแหละ และก็ตัวยาสมุนไพรทั้งนั้น พระภิกษุแย้มของญาติโยมก็เลยมองเห็นความสำคัญในข้อนี้ จึงลงมือศึกษาค้นคว้าในเรื่องของตัวยาสมุนไพรและคาถาอาคมที่จะใช้เสกกำกับลง ไปในตัวยาเพื่อใช้สำหรับการรักษา จนท่านมีความมั่นใจในตัวยาสมุนไพรที่ท่านได้ศึกษาจากตำราและค้นคว้าด้วยตัว เอง ท่านก็เริ่มลงมือช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือนร้อนได้ทันที ในพรรษาที่ 2 ของการเป็นพระภิกษุนั้นเอง

    หลังจากนั้นมา ชาวบ้านที่ได้รับการช่วยเหลือ ก็เกิดศรัทธา สาเหตุเพราะว่าท่านสามารถรักษาชาวบ้านให้หายได้ จากคนเดียว เป็นสองคน จนถึงหลายๆคนในเวลาต่อๆมา ยังไม่พอเพียงเท่านั้นชาวบ้านที่รักษาหายแล้วต่างพากันเรียกร้องให้ท่านช่วย รดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ขับใล่สิ่งเลวร้ายที่อยู่ในตัวของตนให้หมดไป จนพากันเข้าใจว่า พระภิกษุแย้ม เป็นพระเกจิอาจารย์ไปเลยทีเดียว หลังจากนั้นมาท่านก็ไม่สามารถขัดญาติโยมได้อีก ทำให้ท่านต้องดั้นด้นเรียนรู้ หาวิธีศึกษาในทุกๆทางจากทุกๆที่ เพื่อจะได้ทำให้มีวิชาเข้มขลังยิ่งขึ้น จนกระทั่งท่านได้พบกับหลวงพ่อสายวัดทุ่งสองห้อง ท่านได้เมตตาช่วยสอน พร้อมทั้งแนะนำให้ความรู้ทั้งเรื่องยันต์และเรื่อง เวทมนต์พระคาถาอาคม ทุกอย่าง

    คำกล่าวที่ว่าความพยายามอยู่ที่ใหนความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น พระภิกษุแย้ม ก็ได้พบเจอกับความจริงข้อนี้ หลังจากเพียรพยายามศึกษา อยู่นานทำให้ท่านสำเร็จ และได้วิชาทุกตัวจากหลวงพ่อสายโดยไม่มีตกหล่นแม้แต่สักตัวเดียว
    จากนั้นชื่อเสียงของท่านก็บรรเจิดขึ้นตลอดเวลา จนกระทั่งบวชได้ 10 พรรษา โยมลุงได้
    นิมนต์ให้มาอยู่จำพรรษาที่วัดตะเคียน

    “โยมลุงของฉันชื่อว่า เคลิ้ม เป็นพี่ชายของโยมแม่เขามามีเหย้ามีเรือนอยู่แถววัดตะเคียนนี้ ทีนี้เขาจะบวชลูกชายก็ไปนิมนต์ฉันมาเป็นพระคู่สวดให้ ฉันก็มาตามนิมนต์ แต่พอพระบวชแล้วโยมลุงก็นิมนต์ให้ฉันอยู่จำพรรษาที่วัดตะเคียนนี่สักพรรษา หนึ่งก่อน เพื่อจะได้อยู่เป็นเพื่อนพระลูกชายของแก ฉันมองดูแล้วก็น่าเห็นใจอยู่ เนื่องจากที่วัดตะเคียนนี้มีพระจำพรรษาอยู่เพียงองค์เดียวเท่านั้นคือหลวง พ่อแดง เจ้าอาวาสนั้นเอง ฉันก็เลยตอบตกลง แต่ผ่านไปเพียง เจ็ดวันหลวงพ่อแดงเจ้าอาวาสก็เกิดมามรณภาพไป หลังจากงานศพหลวงพ่อแดงแล้วฉันก็เลยเดินทางมาจำพรรษาที่วัดตะเคียน และไม่นานนักเจ้าคณะอำเภอก็ให้ทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาส และต่อมาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่นั้นมา” หลวงปู่เล่าถึงสาเหตุที่ต้องมาอยู่ที่วัดตะเคียน
    จวบจนปัจจุบัน หลวงปู่แย้ม เป็นเจ้าอาวาสวัดตะเคียนมาร่วม 60 ปี จากวัดร้าง ที่ไม่น่าอยู่ไม่น่าพิสมัย ได้พัฒนาให้กลับกลายเป็นวัดที่สวยงาม ด้วยตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านได้พัฒนาวัดมิได้หยุดหย่อน แม้จะเป็นวัดที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ทว่าในปัจจุบันการเดินทางมาทีวัดตะเคียนสามารถทำได้โดยง่ายดาย เนื่องจากทางการได้ทำการตัดถนนสายใหม่ ผ่านทางเข้าวัด คือถนนพระรามที่ 5 (นครอินทร์) ช่วยให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น
    ประวัติหลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน เจ้าของตำนาน ตะกรุดคอหมา อันโด่งดัง ได้สร้างชื่อประดับวงการพระเกจิเมืองไทย ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั่วแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะเป็นคนยากจน หรือมหาเศรษฐี ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นักการเมือง ผู้ที่ทราบถึงความศักดิ์สิทธิของท่าน ต่างก็เดินทางมาหาท่านเพื่อขอพรขอบารมีจากท่านกันมิได้ขาดสายอยู่ทุกวี่ทุกวัน
    วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียนที่ท่านได้จัดสร้างขึ้นมา รุ่นแล้วรุ่นเล่า ต่างถูกสั่งจองและเช่าซื้อหากัน จนทำให้ราคาพุ่งขึ้นๆ ทุกวัน เหตุที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะสืบเนื่องมาจากครั้งเมื่อท่านได้ทำตะกรุดคอหมา คล้องคอให้ให้กับหมาในวัดของท่านทุกตัว เพื่อป้องกันภัยให้หมาของท่าน แต่แล้วคนก็มาแย่งหมาไปบูชากันเองจนหมดสิ้น
    อันว่าตะกรุดที่ท่านได้ดำริริเริ่มสร้างผูกคอหมา ก็เนื่องมาจากว่า หลวงปู่แย้มท่านเป็นคนที่มีเมตตาต่อสรรพสัตว์สูง ท่านได้เลี้ยงหมาไว้หลายตัว บางครั้งหมาที่ท่านเลี้ยงไว้อาจไปทำความเดือนร้อนให้ชาวบ้านไกล้ๆ วัดบ้างทำให้หมาของท่านถูกทำร้ายด้วยการปาก้อนหิน หรือรุนแรงจนถึงขั้นให้ปืน ใช้มีดดาบทำร้าย ทำให้หมาบางตัวได้รับความทุกข์ทรมาณเป็นอย่างมาก ครั้นหลวงปู่จะไปห้ามโยมไม่ให้ตีหมา ทำร้ายหมาก็คงไม่เป็นผลอะไร คิดดังนั้นแล้ว จึงจัดเตรียมอุปกรณ์ สำหรับทำตะกรุด ด้วยพิธีกรรมที่ไม่เหมือนใครคือท่านจารตะกรุดในน้ำด้วยสมาธิจิตอันแน่วแน่ ของท่าน เมื่อทำเสร็จแล้วจึงนำไปผูกคอหมาที่ท่านเลี้ยงไว้จนครบทุกตัว
    หลังจากนั้นหมาของท่านก็ไม่เคยได้รับความรุนแรงใดๆ อีกเลย ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นเกิดความสงสัย ก็สอบถามกันไปสอบถามกันมาได้ความว่าหลวงปู่แย้ม ได้ผูกตะกรุดวิเศษไว้ที่คอหมาทุกตัว ก็เลยทำให้บรรดานักเลงแถวนั้นเกิดความอยากลองของ ว่าจะแน่สักแค่ใหนก็นำปืนมาลองยิงหมาดู ปรากฏว่าปืนแตก !
    เป็นเหตุให้เกิตความฮือฮาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คนที่ต้องการตะกรุดแบบเร็วๆ ก็แย่งเอาที่คอหมา คนที่มีศีลธรรมดีหน่อยก็ไปบอกกล่าวขอกับหลวงปู่แย้ม วัดตะเคียนเอง กิติศัพท์ของหลวงปู่ก็กระฉ่อนแต่นั้นมา จนชาวบ้านเรียกขาน ว่า “ปู่แย้ม ตะกรุดคอหมา”

    ปัจจุบันหลวงปู่แย้ม ยังเป็นที่เคารพศรัทธาของบรรดาลูกศิษย์ ทั้งศิษย์เก่าศิษย์ใหม่ ต่างไม่เคยลืมแวะเวียนมาหาท่านกันเป็นประจำ ใครมีอะไรใหม่ มีอะไรที่ทำให้ไม่สบายอกไม่สบายใจก็มาหาท่านซึ่งท่านก็เมตตากับทุกคนที่แวะ เวียนมา บางคนออกรถใหม่ก็นำมาให้ท่านเจิมให้ ด้วยบารมีอันแก่กล้าของท่าน รับประกันได้ว่ารถคันนั้นจะไม่มีวันเจออุบัติเหตุใหญ่ๆ แน่นอน บางคนทำการค้า การขาย บางช่วงบางโอกาสเศรษฐกิจบ้านเมืองไม่ดี ก็มาหาท่านขอเช่าบูชาธูปเสก นำไปจุดไหว้ ปรากฏว่า การค้าการขายดีขึ้นเป็นพิเศษ
    เรื่องธูปเสกของท่านนี้ลูกศิษย์ลูกหา นิยมบูชากันมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีมาแล้ว เพราะว่าทุกคนไม่เคยผิดหวัง แถมหลวงปู่ยังย้ำพร้อมรับประกันให้ว่าถ้าไม่ดีจริงให้มาต่อว่าได้เลยพร้อม ทั้งยังอธิบายวิธีบูชาให้อีกด้วย ...

    เมื่อได้พูดถึงตะกรุดคอหมาแล้ว ว่าคงกระพัน หรือแคล้วคลาดอย่างไร ก็ทำให้ต้องพูดถึงวัตถุมงคลอีกอย่างที่เข้มขลังไม่แพ้กัน นั่นคือ “เสือปืนแตก”
    เล่ากันว่า มีนายตำรวจ ในเขตอำเภอบางกรวย ได้ทราบข่าวว่าหลวงปู่แย้ม สร้างเสือเนื้อตะกั่วขึ้นมาเพื่อหาปัจจัยสร้างวัด และมีคนเล่าให้ฟังถึงความขลังของวัตถุมงคลของหลวงปู่ จึงอยากลองของ ใด้มาขอยืมจากลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้วัด เพื่อนำไปลอง ปรากฏว่ายิงนัดแรกไม่ออก นัดที่สองไม่ออก ยิงอีกครั้งเป็นครั้งที่สาม ปืนแตกใส่มือได้รับบาดเจ็บ เป็นแผลเป็นมาจนทุกวันนี้

    ตั้งแต่อดีต หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียนได้พยายามรวบรวมปัจจัย เพื่อนำมาสร้างเสนาสนะ และบูรณะวัดอยู่อย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด จวบจนปัจจุบันหลวงปู่ก็ชราภาพลงมากแล้ว แต่ยังมีภาระซ่อมสร้างเสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมอีกหลายอย่าง ทั้งยังขาดจตุปัจจัยอีกเป็นจำนวนมาก ในการซ่อมสร้างเพื่อให้สำเร็จลุล่วงไป จึงได้ดำริปรึกษาหารือกับทางคณะกรรมการวัด ว่าด้วยเรื่องการสร้างวัตถุมงคลขึ้นในคราวฉลองทำบุญครบรอบวันเกิดขึ้นเมื่อ เดือนพฤษภาคม ปี 2550 ซึ่งถือเป็นโอกาสดีพิเศษยิ่ง จึงได้จัดสร้างวัตถุมงคล องค์พ่อจตุคามรามเทพ โดยได้นำผงมวลสารจากจตุคามรามเทพ รุ่นเก่ายอดนิยม มาผสมด้วย

    การสร้างวัตถุมงคลในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งสำคัญของวัดตะเคียนซึ่งถือเป็นรุ่นแรก พระที่สร้างในพิธีนี้ทั้งหมดถือเป็นยอดวัตถุมงคลของท่าน มวลสารทั้งหมดได้จัดเตรียมมานานนับเดือน ก็เป็นเพราะความตั้งใจของหลวงปู่เอง รวมทั้งได้นำมวลสารพระเครื่องยุคแรกที่ท่านสร้างและบรรจุในกรุนานกว่า 60 ปี
    มวลสารหลักของพระรุ่นนี้ มีผลอิทธิเจ ผงมหาราชเก่า ผงวิเศษ 108 ที่ท่านจารและเขียนขึ้นเองตามฤกษ์ยามที่ท่านกำหนดและปลุกเสกมานาน ผงไม้ตะเคียนอินทราณี ผงกะลาตาเดียวลงยันต์ จัน-สูรย์ ไม้มงคลแดง ไม้มงคลดำ ผงใบลาน ผงทองคำ ผงตะไบชนวน แผ่นจารยันต์พระเกจิอาจารย์ 108 องค์ ผงตะไบชนวนโลหะที่ท่านเก็บไว้ ผงยาจินดาวาสนา รวมทั้งผงกระเบื้องหลังคาโบสถ์ ผงเสาโบสถ์มหาอุด ผงทองพระประธาน เป็นต้น

    จากการได้เข้าพบนมัสการ หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน ในครั้งนี้ ผู้เขียนซึ่งนับถือท่านและฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่านมานาน ยังได้เห็นความน่ารัก ความมีเมตตาของหลวงปู่อยู่อย่างเต็มเปี่ยม ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา ไม่เกี่ยงงอนเมื่อมีญาติโยมมาขอพบ เพื่อขอพรขอบารมี ไม่ว่าเวลาไหน
    หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียนยังได้มอบวัตถุมงคล ชิ้นล่าสุดของวัด และจัดว่าเป็นวัตถุมงคลล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง นั้นคือ “ตะกรุดหนังเสือ” ก่อนที่หลวงปู่จะมอบให้ผู้เขียน หลวงปู่ยังกำชับว่า “ใครจะยิงให้มันยิงไปเถอะ เดี๋ยวปืนมันก็แตก เอ้า เพี้ยง” ทำให้ผู้เขียนขนลุกซู่ไปทั้งตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้มีผู้หญิงวัยกลางคน พร้อมญาติๆ ของตนได้เข้ามาขอพบหลวงปู่พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า ตนเป็นแม่บ้านทำงานอยู่กับบ้าน วันหนึ่งได้เกิดอุบัติเหตุแบบไม่คาดฝันขึ้น ตนได้ทำน้ำร้อนที่ต้มเดือดจัด หกรดขาทำให้ขาโดนลวกเกือบทั้งขาด้านขวา ตนตกใจมากรีบร้องตะโกนเรียกญาติที่อยู่ใกล้ๆ ให้มาช่วยตนเร็วๆ ทุกคนต่างวิ่งกันมาดูด้วยความตกใจ ครั้นเมื่อตนตั้งสติได้ กลับพบว่าน้ำร้อนนั้นไม่สามารถทำให้ขาของตนพุพองหรือปวดแสบปวดร้อนแต่ประการ ใดเลย ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ตนมานึกขึ้นได้ว่าตัวเองแขวนตะกรุดหนังเสือหลวงปู่แย้มอยู่เพียงอันเดียว จึงรีบมาที่วัดเพื่อกราบขอบพระคุณหลวงปู่ ในอิทธิบารมีของหลวงปู่แย้ม วัดตะเคียนในครั้งนี้

    พบกันใหม่โอกาสหน้าครับ
    อาวุธ แก้วเนียม

    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1590357468802909";/* 336x280, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 3/6/09 */google_ad_slot = "2381184145";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
     
  3. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    ตะกรุดหนังเสือ หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน มีชื่อเสียงในด้านคงกระพันชาตรี และยิงไม่ออก

    พระครูปิยนนทคุณ (หลวงปู่แย้ม ปิยวณฺโณ) วัดตะเคียน ตำบลบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ท่านมีชื่อเสียงด้านแก้คุณไสย์ ตระกรุดคอหมา และด้านคงกระพันชาตรี

    หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน จ.นนทบุรี เจ้าตำรับตะกรุดคอหมา ซึ่งหลายท่านคงเคยได้ยินชื่อฉายานี้กันบ้าง สำหรับ หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียนนี้ ท่านเป็นผู้ที่รักสุนัขของท่านเป็นอันมาก ท่านที่เคยไปวัดตะเคียนจะพบพวกสุนัขอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะในกุฏิของท่านหรือตามศาลา และบริเวณวัดทั่วไป พวกมันจะคอยเดินตามหลวงพ่อ เวลาหลวงพ่อเดินไปไหนในวัด คล้ายๆกับพวกมันตามอารักขาหลวงพ่อ พวกสุนัขเหล่านี้มันดุมาก จึงมีหลายคนไม่ค่อยชอบพวกมันและเคยทำร้ายพวกมันอยู่เนืองๆ เมื่อหลวงพ่อท่านเห็นพวกสุนัขของท่านโดนทำร้าย หลวงพ่อท่านจึงได้เมตตาทำตะกรุดขึ้นมาให้สุนัขขอท่านคล้องคอ หลังจากนั้นมาสุนัขของท่านหากถูกใครทำร้ายก็ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างไร จนคนทั้งหลายเห็นถึงความมหัศจรรย์ พวกคนเหล่านั้นจึงจ้องจะมาเอาตะกรุดที่คล้องคอสุนัขแทน จึงเป็นที่มาของฉายา... ตะกรุดคอหมา…. ครับ

    วัตถุมงคลของหลวงปู่แย้ม ที่เป็นเครื่องรางและเป็นที่นิยม ได้แก่ ตระกรุดเสือ ตะกรุดหนังเสือ และปลัดขิก เป็นต้น

    ตะกรุดหนังเสือ หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน ดอกนี้ทำจากหนังเสือโคร่ง มีชื่อเสียงในด้านคงกระพันชาตรี และมีประสพการด้านยิงไม่ออกมาแล้ว ใส่หลอดพร้อมใช้มาจากวัด ขนาดความยาว ประมาณ 4 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. ใครที่ชอบแบบเหนียวๆน่ามีพกติดตัวมากครับ มีใบคาถามาให้ด้วยเวลาก่อนสวมก็อาราธนาก่อนครับ

    วัตถุประสงค์ ก็เพื่อนำปัจจัยที่ได้ไปทำนุบำรุงศาสนสถานของวัดตะเคียนที่ทรุดโทรม

    พิธีปลุกเสกเริ่มในวันที่ 1 ถึง 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ปลุกเสกพร้อมกันกับตะกรุดเสือปืนแตก โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคนี้ปลุกเสกวันละ 1 ท่านได้แก่

    1. หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน
    2. หลวงพ่อทิม วัดพระขาว
    3. หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว
    4. หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม
    5. หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
    6. หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ นนทบุรี
    7. หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม

    หลังจากนั้นหลวงปู่แย้ม วัดตะเคียนท่านยังเมตตาปลุกเสกดี่ยวอีก 9 วันครับ

    ตะกรุดหนังเสือ หลวงปู่แย้ม นี้จึงน่าบูชามากครับ เพราะวัตถุประสงค์บริสุทธิ์ พิธีดี เกจิดี และมีประสพการณ์แล้วครับ
     
  4. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน รูปหล่อยันต์กลับหล่อโบราณรุ่นแรก เนื้อเงิน

    @--- หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน ---@

    .........ที่มาของ หล่อโบราณรุ่นแรก จัดสร้างตามตำหรับโบราณทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมโลหะ ชนวน ลงอักขระเลขยันต์ ลงยันต์ 108 เททองตามฤกษ์ ปลุกเสกเดี่ยวในโบสถ์มหาอุต อายุกว่า 200 ปี ของวัดตะเคียน เมื่อ 27 ตค. 2539

    .........การสร้างวัตถุมงคลยันต์กลับนั้นยากกว่าการสร้างวัตถุมงคลธรรมดาเป็นอย่างมาก เพราะขั้นตอนตามตำรับโบราณดั้งเดิมนั้น การเตรียมโลหะและชนวนจะต้องดี การลงอักขระและเลขยันต์จะต้องทำตามฤกษ์ สุมทองเททองตามฤกษ์ ในการอธิษฐานจิตปลุกเสกจะต้องสวดพระคาถาย้อนกลับจากท้ายไปหัวทุกบท สมาธิต้องมั่นคง พลังจิตที่ปลุกเสกจึงจะส่งกระแสพระคาถาลงไปประจุในวัตถุมงคลได้อย่างครบถ้วน และเต็มเปี่ยมไปด้วยพุทธคุณที่จะบันดาลให้เรื่องร้ายกลับกลายเป็นดี เรื่องที่ดีจะทวีขึ้นพลันนิรันดร มีเมตตามหานิยม เกิดโชคลาภ เจริญรุ่งเรื่องในการค้าขายและแคล้วคลาด

    .........รูปหล่อยันต์กลับหล่อโบราณรุ่นแรก เนื้อเงินของหลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน จำนวนสร้างแค่ 1,000 องค์เท่านั้น
     
  5. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD style="PADDING-RIGHT: 20px"><TABLE class=ProductPictureBorder height=150 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=150 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD><TD>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    " เสือรุ่น ๓ " หรือ " เจ้าสัวพิทักษ์ทรัพย์ แช่น้ำมนต์ " หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน เนื้อทองเหลืองประสบการณ์สูงมากครับรุ่นนี้ พิธีปลุกเสกใหญ่ ๑๐ วัน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ - ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ รวม ๙ วัน ๙ คืน โดย ๙ พระเกจิดังแห่งยุคคือ

    ๑. หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน นนทบุรี
    ๒. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว อยุธยา
    ๓. หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม
    ๔. หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี
    ๕. หลวงปู่เก๋ วัดปากน้ำ นนทบุรี
    ๖. หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน อยุธยา
    ๗. หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยา
    ๘. หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม อยุธยา
    ๙. หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม นครปฐม

    วัตถุมงคลหลวงปู่แย้มนั้น ดีทางด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรีครบครับ มีไว้บูชาติดตัวไม่เสียหายนะครับขอบอก
     
  7. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    ถ้าผิดกฎ กติกา มรรยาท ขอให้พิจารณา

    แก้ไขใหม่ 18/06/2551

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  8. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน จ.นนทบุรี ๓๕
    สำหรับหลวงปู่ ถ้าเราจำไม่ผิดเป็นปี พ.ศ.๒๕๓๕ ตอนนั้นหลวงปู่อายุได้ ๗๖ ปี ร่างกายหลวงปู่ กำลังแข็งแรงสมบูรณ์ หลวงปู่ออกช่วยเหลือลูกหลานทุกวัน เว้นวันพระ เราจำได้ วันนั้นเป็นช่วงหน้าร้อนเดือนเมษายน หลังวันสงกรานไม่กี่วัน โดยเราคนเดียวเดินทางที่จะไป วัดตะเคียน จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ ที่หลวงปู่จำพรรษาอยู่และเป็นเจ้าอาวาสปกครองคณะสงฆ์อยู่เช่นกัน หนทางที่จะไปวัดตะเคียนในตอนนั้นจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก แต่ไม่เกินความศรัทธาของเราได้ เราไปถึงวัดประมาณเวลาบ่ายได้ โอ้โฮ...สุนัขเยอะมากๆ เพราะหลวงปู่ชอบสุนัข ที่เราไปถึงก็เป็นเวลาที่หลวงปู่ ออกให้ความอนุเคราะห์ ลูกหลานพอดีบนศาลาชั้นสอง..........เราไม่รอช้าเดินตามหลวงปู่ขึ้นไปข้างบน แล้วก็ไปจุดธูปเทียน ไหว้พระที่โต๊ะหมู่บูชา วันนั้นลูกศิษย์หลวงปู่มากจริงๆ ที่มารอทำพิธีกับหลวงปู่ พอหลวงปู่ขึ้นมาแล้วก็นั่งพักสักครู่ หลวงปู่ก็บอกให้ลูกศิษย์คนหนึ่งไปจุดธูปเทียนบูชาพระ แล้วต่อไปก็เป็นเรื่องของหลวงปู่ที่จะทำให้ศิษย์ ตามขั้นตอนที่หลวงปู่ได้ร่ำเรียนมา นานพอสมควร จากนั้นหลวงปู่ก็ให้ลูกศิษย์ที่เข้าพิธีทุกคนนั่งเป็นแถวยาวหน้าระเบียง ข้างบันไดทางขึ้นศาลา แล้วหลวงปู่ก็อาบน้ำมนต์ให้กับศิษย์ทุกคน เป็นอันเสร็จเรื่องของหลวงปู่แล้ว ตอนนี้เป็นเรื่องของลูกศิษย์ทุกคนที่เข้าพิธี ที่ต้องจัดการกับสิ่งของที่นำมาเข้าพิธี แต่เราจำได้ไม่หมดว่ามีอะไรบ้าง จำได้ก็พวกสัตว์ปล่อย เช่นปลา ให้นำไปปล่อยในคลองข้างวัดเป็นอันเสร็จพิธีทุกอย่าง.....จากนั้นลูกศิษย์ที่เข้าพิธีทุกคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็มานั่งคุยกับหลวงปู่ บ้างก็ให้หลวงปู่ดูดวงให้ บ้างก็ให้ลงกระหม่อม บ้างก็รดน้ำมนต์อีกครั้ง และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ วัตถุมงคลของหลวงปู่ ซึ่งมี ธูปเสก ปลัดขิก ตะกรุดโทน เหรียญรุ่นต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะธูปเสกกับปลัดขิก บูชากันมากเพราะส่วนใหญ่ ศิษย์ของหลวงปู่จะเป็น พ่อค้าแม่ขายกันมาก และก็คงจะไม่ลืมตะกรุดโทนของหลวงปู่ที่มีชื่อว่า "ตะกรุดโทนคอหมา" ที่เป็นเอกลักษณ์ของหลวงปู่แต่.....ไม่ได้กันทุกคนนะ เพราะหลวงปู่ต้องดูก่อนว่าคนไหนจะได้ไปใช้ เมื่อถึงเวลาก็จะได้กัน...ส่วนเราในวันนั้นก็ไม่ได้ตะกรุดจากมือหลวงปู่เช่นกัน แต่เราก็ไม่พลาดที่จะบูชาธูปเสก และปลัดขิก ของหลวงปู่มาก่อน.....เมื่อได้มาแล้วเราก็ไม่รอช้า เข้าไปหาหลวงปู่ให้เสกกำกับอีกครั้ง ตอนเข้าไปหลวงปู่ถาม "จะทำอะไร" เราตอบ "จะให้หลวงปู่เสกอีกครั้งครับ" หลวงปู่ดุแต่ ใจดี จากนั้นหลวงปู่ก็ปลุกเสกให้อีกครั้ง พร้อมทั้งลงกระหม่อมให้ แล้วก็รดน้ำมนต์ให้อีกด้วย.....เสร็จสิ้นครบทุกอย่าง จากนั้นเราก็ขอหลวงปู่ลากลับแล้วก็บอกหลวงปู่ว่า "ขอให้หลวงปู่สุขภาพแข็งแรง" หลวงปู่บอก "เออเหมือนกัน" "ตะกรุดวันนี้ยังไม่ได้นะ" จากคำพูดประโยคนี้ของหลวงปู่ ทำให้เราหัวใจพองโตขึ้นมาทันที เพราะว่าต้องมีสักวัน ที่เราจะได้รับตะกรุดจากมือของหลวงปู่แน่นอน.....และเป็นการจุดประกายให้เราต้องมาหาหลวงปู่อีกหลายๆ ครั้งตลอดมา จนเราได้รับตะกรุดโทนจากมือของหลวงปู่จนได้ "ตะกรุดโทนคอหมา" ที่เป็นหนึ่งไม่มีสองรองใคร.........หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน จ.นนทบุรี (อ่านประสบการณ์จริงของ ตะกรุดโทนได้ใน บทความ ๒ หน้า ๑ เรื่อง ตะกรุดโทนคอหมา.........) ได้เลย... และแล้ววันที่รอคอยก็ได้มาถึงจนได้ ที่เราจะได้ครอบครอง ตะกรุดโทนคอหมา ของ หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน จ.นนทบุรี.....วันนี้เราเดินทางมาหาหลวงปู่อีกครั้ง จากที่ได้มาหาหลวงปู่แล้วหลายๆ ครั้งด้วยกัน...จำได้น่าจะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ของปี พ.ศ. ๒๕๓๕ อากาศดีฝนไม่ตก แต่มีลมพัดเย็นสบาย แล้วก็สบายอย่างนี้ทุกครั้งที่ได้มาหาหลวงปู่...เราไม่รอช้าขึ้นข้างบนเหมือนเดิม กราบพระเหมือนเดิม แล้วก็เข้ากราบหลวงปู่เหมือนเดิม...พูดคุยทักทายกันเล็กน้อย แล้วเราก็จะเดินไปที่ตู้วัตถุมงคลทันที แต่.....วันนี้ไม่เหมือนกับทุกวัน ที่ผ่านมา เราได้ยินเสียงของหลวงปู่บอกว่า "หยุดก่อนมานี่ก่อน".........(อ่านภาคต่อได้ใน บทความ ๒๖.หลวงปู่...ของพวกเรา..... ที่หน้า ๒ ได้เลย)

    หมายเหตุ อ่านบทความต่อได้ที่ "หมู่บ้านแห่งความศรัทธา" http://www.siradabanpra.com/
     
  9. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    กราบนมัสการครับหลวงพ่อ
     
  10. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    ใครที่ยังไม่เคยไปกราบท่านที่วัดแนะนำเลยครับ ท่านเก่งมาก
     
  11. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    พระเครื่องของท่าน ถือว่าเป็นสุดยอดของวิเศษครับ
     
  12. pharm.taung

    pharm.taung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +432
    ไปวัดยังไงครับ?

    เผื่อถ้าว่างจะได้ไปกราบท่านครับ ^^
     
  13. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,093
    เสือหลวงปู่แย้ม ดีครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    ผมก็พกอยู่ 2 ตัวนี้แหละครับ ตะกั่วกับทองเหลือง
     
  14. พรปู่

    พรปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +277
    เมื่อเดือนก่อน แม่รื้อกล่องพระ ออกมา พบเหรียญ รุ่นเสาร์ 5 และ ตะกรุด เก่าๆ ที่ได้จากหลวงพ่อ เมื่อ 20 ปีก่อน รวมๆ 20 กว่าชิ้น ยังไม่นับย่าม และ พระพุทธชินราชไว้บูชาที่หิ้งพระ พอรู้ว่าแม่เก็บไว้ เลยมีความสุข

    ได้มาตั้งแต่ถนนกาญจนาภิเษก ยังไม่สร้าง เวลาไปวัดตะเคียนสมัยนั้นต้องเหมาเรือสองตอนจากบางใหญ่ไปวัดราคา 100 บาท (ไปกลับ) คนบางใหญ่พื้นเพเดิม โดยเฉพาะตลาดเก่าบางใหญ่จะนับถือกันมาก (สมัยก่อนที่ทำการอำเภอ อยู่ตลาดเก่าบางใหญ่ เป็นที่คลองบางกอกน้อย คลองอ้อมและคลองบางใหญ่ 3 คลองมาบรรจบกัน - ก่อนที่ย้ายมาที่บางใหญ่ซิตี้)

    หลวงพ่อแย้ม สมัยก่อนที่ผมเจอเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ท่านใจดีมากๆๆๆ และผมเจอผีครั้งแรกในชีวิต ก็ที่วัดตะเคียนนี้แหล่ะ ตอนไปค้างที่วัดเนื่องจากพ่อผมไปสึกที่วัดนี้ (สมัยก่อนท่าน ชอบเรียกผีมาสนทนาด้วยตอนตีสองตีสาม เราก็ดีใจนึกว่าเช้าแล้ว เลยวิ่งมาที่กุฎิท่าน)

    เจอท่านเมื่อปีก่อน แต่ไม่มีโอกาสไปคุยกับท่านเพราะลูกศิษย์มาก

    ขอให้ท่านแข็งแรงครับ

    จากคนตลาดบางใหญ่เก่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2009
  15. พรปู่

    พรปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +277

    จากโลตัสบางใหญ่ (ถนนกาญจนาภิเษก) เข้าถนนนครอินทร์ไปทางสะพานพระราม 5 ไม่เกิน 3 ก.ม. เข้าซอยอีกเล็กน้อยไม่เกิน 1 ก.ม. (ถามคนแถวนั้น จะหาไม่ยาก)
     

แชร์หน้านี้

Loading...