หลวงปู่ภู จนฺทเกสโร ลูกศิษย์ผู้เป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย mahamettayai, 18 ธันวาคม 2013.

  1. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,673
    หลวงปู่ภู จนฺทเกสโร ลูกศิษย์ผู้เป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)

    ปกติ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านมักจะสร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่โต สมกับชื่อเพื่อเป็นพุทธบูชา (อุเทสิกเจดีย์) ไว้เป็นที่สักการะบูชา และปริศนาธรรมควบคู่ไปด้วยตามประวัติท่านสร้างไว้หลายแห่งเช่น <O:p</O:p

    ๑. ที่วัดสะตือ จังหวัดอยุธยา ได้สร้างพระนอน มีความหมายว่า ท่านได้เกิดที่นั่น ต้องนอนแบเบาะก่อน
    <O:p</O:p๒. ที่วัดเกศไชโย สร้างพระพุทธรูปปางนั่งหมายถึงท่านหัดนั่ง ณ ที่นั้น<O:p</O:p
    ๓. ที่วัดอินทรวิหาร สร้างพระศรีอริยเมตไตรย์ (พระยืนอุ้มบาตร) หมายถึงท่านหัดยืน ณ ที่นั้น

    [​IMG]
    <O:p></O:p>
    พระศรีอริยเมตไตรย์เป็นพระพุทธยืนอุ้มบาตร สูงใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ซึ่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้เริ่มต้นสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ และหลวงปู่ภู จนฺทเกสโร เป็นผู้ดำเนินงานก่อสร้างต่อ

    ในขณะที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ดำเนินงานก่อสร้างหลวงพ่อโต ท่านได้หลวงปู่ภู เป็นกำลังสำคัญ เพราะท่านเจ้าประคุณสมเด็จสร้างพระโต ไปได้เพียงครึ่งองค์ก็สิ้นชีพตักษัยเสียก่อน ซึ่งหลวงปู่ภู ได้ดำเนินการก่อสร้างต่อมาจนถึงปี พ.ศ. 2463 หลวงปู่ภูท่าน มีอายุถึง 91 ปี พรรษาที่ 70 นับว่าชราภาพมากแล้ว จึงได้ยกขึ้นเป็นกิตติมศักดิ์ ท่านจึงมอบฉันทะให้ พระครูสังฆบริบาล (แดง) แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ ช่วยบูรณปฏิสังขรณ์ต่อจากเดิม

    ความสัมพันธ์ของเจ้าประคุณสมเด็จโตกับวัดอินทรวิหาร

    เมื่อครั้งเยาว์วัยท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ (โต) ได้เป็นศิษย์ของท่านเจ้าคุณอรัญญิก (แก้ว) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ในสมัยนั้นตามหลักฐาน ท่านเจ้าคุณธรรมถาวร (ช่วง) มีความใกล้ชิดกับเจ้าประคุณสมเด็จดี ได้เคยกล่าวกับพระยาทิพโกษาฯ ว่าถ้าอยากรู้ประวัติของท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ก็ไปดูภาพฝาผนังโบสถ์ที่วัดอินทรฯ ได้

    นอกจากนี้ในสมัยที่หลวงปู่ภูยังมีชีวิตอยู่ท่านได้สั่งกำชับ และสอนลูกศิษย์ทุกคนห้ามมิให้ขึ้นไปบนพระโต เนื่องจากเจ้าประคุณสมเด็จได้บรรจุของดีไว้ภายในฐาน ถ้าใครขึ้นไปจะเป็นอัปมงคลแก่ตัวเอง ส่วนของดีนั้นเข้าใจว่าอาจจะเป็นพระเครื่องสมเด็จก็ได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าซักถามหลวงปู่ว่า ภายในบรรจุอะไรไว้

    เพราะตลอดระยะเวลา ที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ดำเนินงานก่อสร้างหลวงพ่อโตและบรรจุของศักดิ์สิทธิ์ หลวงปู่ได้รู้เห็นโดยตลอด ถ้าของที่บรรจุไว้ไม่ใช่ของสูงท่านคงไม่กำชับลูกศิษย์ลูกหาของท่านเป็นแน่<O:p></O:p>

    <O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2013
  2. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,673
    ประวัติหลวงปู่ภู จนฺทเกสโร


    [​IMG]

    <V:p</V:p

    พระครูธรรมานุกูล นามเดิมชื่อว่า ภู เกิดที่หมู่บ้านตำบลวังหิน อำเภอเมือง จังหวัดตาก ในปี พ.ศ. ๒๓๗๓ ตรงกับปีขาลโดยบิดามีนามว่า นายคง โยมมารดามีนามว่า นางอยู่ พออายุได้ ๙ ขวบ บิดามารดาได้พาไปบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดท่าคอย ได้ศึกษาเล่าเรียนอักขระสมัย (ภาษาขอม) และหนังสือไทย กับท่านอาจารย์วัดท่าแค

    จนกระทั่งอายุได้ ๒๑ ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปี พ.ศ. ๒๓๙๔ ณ พัทธสีมา วัดท่าคอย โดยมี พระอาจารย์อ้น วัดท่าคอย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์คำ วัดท่าแค เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์คำ วัดท่าแค เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มา วัดน้ำหัด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายานามทางพระว่า "จนฺทสโร" <O:p</O:p

    เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่ สำนักวัดท่าแคชั่วระยะหนึ่งก็ได้ออกเดินธุดงค์ จากจังหวัดตากมาพร้อมกับพระพี่ชาย คือ หลวงปู่ใหญ่ <O:p</O:p

    สำหรับวัดท่าแค ในสมัยที่หลวงปู่ภูจำพรรษาอยู่ นั้นยังเป็นวัดเล็กๆ เข้าใจว่าโบสถ์ยังไม่ได้สร้าง ท่านจึงได้มาอุปสมบท ที่วัดท่าคอยแล้วกลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเดิมอีก ปัจจุบันวัดท่าแคนี้ตั้งอยู่ตรงเชิงสะพานกิตติขจรฝั่งตัวจังหวัดตาก ตำบล เชียงเงิน อำเภอเมือง ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดชนะสงคราม
    <O:p</O:p

    ในสมัยที่หลวงปู่ภูเดินธุดงค์มากรุงเทพฯ ครั้งแรก ท่านเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า ได้มาปักกลดอยู่ ณ บริเวณที่ตั้งวังบางขุนพรหม (ธนาคารแห่งประเทศไทย) สมัยนั้นพื้นที่บริเวณนั้นยังเป็นป่ารกร้างว่างเปล่าและเปลี่ยวมาก มีแต่ต้นรัง ต้นตาลที่ขึ้นระเกะระกะไปหมด

    นอกจากนี้ยังมีทางเกวียนทางเท้าเป็นช่องเล็กๆ พอเดินไปได้เท่านั้น ท่านได้มาปักกลดอยู่บริเวณชายแม่น้ำเจ้าพระยา พอตกกลางคืนได้นิมิตฝันไปว่า ได้มีคนนำเอาตราแผ่นดินมามอบถวายให้ท่าน ๓ ดวง เมื่อท่านตื่นขึ้นมาก็ได้พิจารณาถึงนิมิตนั้นพอจะทราบว่า ท่านเองจะมีอายุยืนยาวถึง ๑๐๓ ปีเศษ
    <O:p</O:p

    การเดินธุดงค์ของหลวงปู่นับตั้งแต่เดินทางออกมาจากวัดท่าแคเข้าจำพรรษาที่วัดในกรุงเทพฯ สันนิษฐานจากคำบอกเล่าของท่านที่ได้เล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดสระเกศฯ ได้ช่วยชีวิตรักษาคนป่วย เป็นอหิวาตกโรคไว้ ๖ คนซึ่งยุคนั้นถือว่าอหิวาตกโรคร้ายแรงมาก ยังไม่มียาจะรักษาถ้าใครเป็น..มีหวังตายลูกเดียว และในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ ซึ่งเป็นปีที่อหิวาตกโรคระบาดหนัก จนเป็นที่กล่าวขวัญเรียกกันจนติดปากว่า "ปีระกาห่าใหญ่"

    <O:p</O:pต่อมาท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสามปลื้ม ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดจักรวรรดิ์ราชาวาสและได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ วัดโมลีโลกยาราม (วัดท้ายตลาด) ตามลำดับ
    <O:p</O:p

    กาลต่อมาได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอินทาราม ซึ่งในสมัยนั้นยังใช้ชื่อวัดบางขุนพรหมนอก ในปี พ.ศ. ๒๔๓๒ และได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๔ ส่วนสมณศักดิ์ที่หลวงปู่ได้รับไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้รับตำแหน่งในปีใด เข้าใจว่าได้รับก่อนปี พ.ศ. ๒๔๖๓ เพราะตามหลักฐาน ศิลาจารึกเกี่ยวกับการสร้าง พระศรีอริยเมตไตรย์ มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า<O:p></O:p>

    ถึง พ.ศ. ๒๔๖๓ ท่านพระครูธรรมานุกูล (ภู) ผู้ชราภาพอายุ ๙๑ ปี พรรษาที่ ๗๐ ได้ยกเป็นกิตติมศักดิ์อยู่ในวัดอินทรวิหาร ท่านจึงได้มอบฉันทะ ให้พระครูสังฆบริบาล ปฏิสังขรณ์ต่อมาจนสำเร็จ
    <O:p</O:p
    และท่านได้มรณภาพลงเมื่อ วันเสาร์ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ตรงกับวันขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๖ ปีระกา เวลา ๐๑.๑๕ น. รวมสิริอายุได้ ๑๐๔ ปี ๘๓ พรรษา นับว่าท่านได้ยกเป็นพระครูกิตติมศักดิ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ จนถึงวันมรณภาพเป็นเวลา ๑๓ ปี<O:p></O:p>

    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-poo/lp-poo-hist.htm<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2013
  3. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,673
    ความสัมพันธ์ ของหลวงปู่ภู กับท่านเจ้าประคุณสมเด็จ (โต)

    โดย ไตรภาคี


    [​IMG]


    <O:p</O:pเมื่อครั้งที่หลวงปู่ภู ท่านออกธุดงค์ ส่วนมากจะร่วมเดินธุดงค์รุกขมูลกับเจ้าประคุณสมเด็จโต และหลวงปู่ใหญ่ ซึ่งเป็นพี่ชายเสมอ ถึงแม้ว่าท่านอยู่ที่วัดอินทรฯ พอมีเวลาว่างท่านก็จะข้ามไปหาประสมเด็จฯ เสมอจนเป็นที่ไว้วางใจของสมเด็จโตตลอดมา เมื่อท่านเจ้าพระคุณสมเด็จได้มาสร้างพระศรีอริยเมตตไตรย์ (หลวงพ่อโต) ที่วัดอินทร์ฯ ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จก็ได้มอบหมายให้หลวงปู่ดำเนินแทน

    มีอยู่คราวหนึ่ง ตอนที่ก่อสร้างพระเจดีย์ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ(โต) ท่านไปตรวจดูขณะที่เดินนำหน้าหลวงปู่ สมเด็จท่านได้ชี้ไปที่พระเจดีย์ซึ่งโบกปูนเสร็จใหม่ๆ สมเด็จท่านได้ชี้ไปที่ฐานล่างของพระเจดีย์ พร้อมกับพูดว่า<O:p></O:p>

    "คุณภู จัดการเสีย" <O:p</O:p

    หลวงปู่รับคำพร้อมกับเดินไปตามช่าง ให้มาเอาปูนออก พอช่างเอาปูนออกภายในเป็นโพรงเล็กๆ มีคางคกอาศัยอยู่ในนั้นสิบกว่าตัวถ้าปล่อยทิ้งไว้ มีหวังคางคกตายหมด
    <O:p</O:p

    มีบางครั้งที่หลวงปู่ภู จะข้ามไปลงโบสถ์ทำวัตร ที่วัดระฆัง กับสมเด็จ(โต) เสมอ วันหนึ่งขณะที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ทำวัตรเสร็จได้เดินออกมาจากพระอุโบสถ โดยมีหลวงปู่ภูเดินตามหลัง พอเดินมาถึงตรงเจดีย์หน้าโบสถ์ซึ่งสร้างใหม่

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จได้หยุดตรงหน้าเจดีย์ พร้อมกับหันไปมองหน้าหลวงปู่ภู และหัวเราะ "ฮึๆ " ในลำคอ ด้วยญาณสมาบัติถึงกันหลวงปู่ตอบว่า "ครับ พระคุณท่าน อ้ายคางคกสองผัวเมีย มันกำลังจะหมดลม ใกล้จะสิ้นใจแล้วครับ"<O:p</O:p

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จึงพูดว่า "นั่นซิ" แล้วสั่งให้พระเณรนำจอบเสียมและชะแลง มาขุดเจาะช่องพระเจดีย์ ปรากฏว่าภายในช่องมีคางคกคู่หนึ่งจริงๆ นับว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ และหลวงปู่ภูมีญาณวิเศษ คือการบำเพ็ญสมาธิ จนได้เกิดทิพย์จักษุญาณ "ตาทิพย์" สมกับคำพังเพยได้กล่าวไว้ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ฉันใด อาจารย์ดี ลูกศิษย์ย่อมจะดีฉันนั้น
    <O:p</O:p

    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-poo/lp-poo-hist-02.htm<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2013
  4. potilan

    potilan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2014
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +40
    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...