สุพจน์ สวัสดิ์วงศ์วิชาจัดทำหนังสือ"หลวงพ่อพรหม"เผยจุดลับ"พระแท้"ดูตรงไหน?

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 12 กรกฎาคม 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    <SCRIPT type=text/javascript>var id='20140';function count(){$.ajax({ type: "POST", url: "http://www.komchadluek.net/counter_news.php", data: "newsid="+id, success: function(txt){ var counter_=parseInt(txt); $('#counters').html('จำนวนคนอ่าน '+counter_+' คน'); } });} featuredcontentslider.init({ id: "slider1", contentsource: ["inline", ""], toc: "markup", nextprev: ["Previous", "Next"], revealtype: "click", enablefade: [true, 0.1], autorotate: [true, 8000], onChange: function(previndex, curindex){ }})</SCRIPT>คมชัดลึก : วงการหนังสือพระเครื่องทุกวันนี้ มีความคึกคักมากเป็นพิเศษ นอกจากหนังสือประเภทนิตยสาร ที่ออกประจำเป็นรายเดือนแล้ว ก็ยังมีหนังสือเฉพาะกิจ ที่มีเรื่องราวของพระกรุ พระเครื่อง พระเกจิอาจารย์ เหรียญ เครื่องรางของขลัง ฯลฯ ที่เจาะจงเป็นการเฉพาะ ก็มีออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งหนังสือรวมภาพพระเครื่องต่างๆ ที่จัดทำเป็นหนังสือแจกเป็นรางวัลสำหรับผู้ส่งพระเข้าประกวด อีกด้วย
    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1044823792492543";/* Kom-newdesign338x280story */google_ad_slot = "7614892621";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 336px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 280px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 336px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 280px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"></INS></INS>

    ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย รวมทั้งการออกแบบหนังสือ การจัดหน้าวางรูปเล่มโดยผู้มีความคิดสร้างสรรค์สูง ทำให้หนังสือแต่ละเล่มที่จัดพิมพ์ออกมา มีความสวยงาม ภาพคมชัด จัดหน้าอย่างมีศิลป์ รวมทั้งมีข้อมูลเนื้อหาที่สมบูรณ์ น่าศึกษา ฯลฯ ซึ่งย่อมเป็นประโยชน์แก่นักสะสมพระเครื่องที่สนใจใฝ่ศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
    และเป็นที่น่ายินดี ที่ขณะนี้ได้มีผู้จัดทำหนังสือ รวมประวัติและภาพพระเครื่อง หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ฉบับมาตรฐาน ขึ้นมาใหม่อีก ๑ เล่ม โดย สุพจน์ สวัสดิ์วงศ์วิชา ผู้ชำนาญการพระชุดหลวงพ่อพรหม โดยเฉพาะ และเป็น ๑ ในคณะกรรมการตัดสินพระชุดหลวงพ่อพรหม ของ สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย มาโดยตลอด
    ก่อนจะก้าวย่างขึ้นสู่วงการพระเครื่อง สุพจน์ เล่าว่า "ผมเป็นพนักงานธนาคารกรุงเทพ มาก่อน โดยทำงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ถนนสีลม ฝ่ายโอนเงินในประเทศ พอดีมีรุ่นพี่ท่านหนึ่งที่ทำงานด้วยกัน คือ พี่ชัชชัย จาฏามระ เป็นผู้สนใจพระเครื่องมาก่อน โดยเฉพาะพระหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เพราะพี่ชัชชัยเป็นลูกศิษย์ในสายคุณหมอสมสุข คงอุไร ผู้ก่อตั้งคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก และเป็นผู้ที่หลวงพ่อพรหมได้ให้การอบรมในการปฏิบัติธรรมแนวอานาปาณะสติกัมมัฏฐาน ขณะเดียวกันก็ได้มีการเผยแพร่พระเครื่องของหลวงพ่อพรหมแก่ผู้เลื่อมใสศรัทธาด้วย ทำให้พี่ชัชชัยสะสมพระหลวงพ่อพรหมไว้มากพอสมควร และบ่อยครั้งที่พี่ชัชชัยได้เล่าเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ของพระหลวงพ่อพรหมต่างๆ นานา จนทำให้ผมเกิดความสนใจในพระหลวงพ่อพรหมขึ้นมาด้วย จนถึงกับได้ติดตามพี่ชัชชัยไปที่บ้านคุณลุงหมอสมสุข ที่สะพานเหลือง ได้รับแจกพระหลวงพ่อพรหมมาบ้าง และจากความศรัทธาสนใจตรงนี้เอง ทำให้ผมหาเช่าพระหลวงพ่อพรหมตามสนามพระต่างๆ เมื่อมีโอกาส ซึ่งสมัยนั้นของปลอมยังไม่ค่อยมี และราคาพระก็ไม่แพงมากนัก อยู่ที่หลักร้อยเท่านั้นเอง มีบางอย่างเท่านั้นที่แพงหน่อยก็อยู่แค่หลักพัน ช่วงนั้นผมเก็บพระหลวงพ่อพรหมไว้มากพอสมควร ยิ่งได้เดินทางไปที่วัดช่องแค ได้กราบสรีระของหลวงพ่อพรหม ซึ่งไม่เน่าเปื่อยและยังประดิษฐานอยู่ที่วัดจนถึงทุกวันนี้ ก็ยิ่งเพิ่มความศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อพรหมมากขึ้นไปอีก"
    ต่อมาเมื่อปี ๒๕๔๐ เกิดปัญหาเศรษฐกิจในเมืองไทยเข้าสู่ยุค "ฟองสบู่แตก" สถาบันการเงินต่างประสบปัญหาความคล่องตัวในทุกด้าน สุพจน์จึงเห็นว่าการทำงานธนาคารต่อไปนี้คงจะไม่ก้าวหน้าแน่ จึงได้ลาออกจากงานธนาคารในช่วงนั้น
    และจากการที่ชอบตระเวนหาเช่าพระตามที่ต่างๆ สุพจน์เห็นว่า พระที่สะสมเอาไว้ก็มีมากพอสมควร จึงเอาพระที่มีอยู่นั้นบางส่วนไปวางแผงพระขายตามงานประกวดพระที่จัดขึ้นตามที่ต่างๆ เพื่อจะได้มีรายได้บ้าง
    ตอนแรกคิดว่าจะทำเป็นงานอดิเรก หารายได้เสริม ก่อนจะหางานใหม่ทำ แต่ปรากฏว่า รายได้จากการวางแผงพระมีเป็นกอบเป็นกำ เรียกว่าอยู่ในขั้นน่าพอใจมาก ทั้งนี้เพราะพระที่วางขายนั้น ล้วนเป็นพระแท้ที่ดูง่าย อีกทั้งยังเป็นพระสวยคมชัดทุกองค์ โดยเฉพาะพระหลวงพ่อพรหม พระหลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ มีผู้สนใจมากเป็นพิเศษ ทำให้ขายดีจนแทบจะหาพระป้อนลูกค้าไม่ทัน
    ตรงจุดนี้ สุพจน์เห็นว่า อาชีพนี้น่าจะเอาตัวรอดได้สบายมาก ดีกว่าทำงานเป็นลูกจ้างเขาเป็นไหนๆ เป็นอาชีพอิสระ ที่ไม่มีใครมาเป็นเจ้านายคอยสั่งงาน ไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปเข้าทำงานให้ทันเวลาที่กำหนด ฯลฯ ที่สำคัญคือมีรายได้ดี แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ที่ตัวเราเองด้วย คือต้องขยัน อดทน มานะ พยายาม และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ในการเรียนรู้พระต่างๆ ให้อย่างแม่นยำถูกต้อง
    และที่สำคัญมากที่สุดในอาชีพสายนี้ สุพจน์บอกว่า คือ ความซื่อสัตย์สุจริต และความจริงใจต่อลูกค้า โดยต้องขายแต่ พระแท้ ให้เท่านั้น พระองค์ไหนดูยาก คาบลูกคาบดอก อย่าเอาให้ลูกค้าอย่างเด็ดขาด
    เมื่อเห็นว่า เส้นทางสายนี้มีอนาคตสดใสแน่ สุพจน์จึงตัดสินใจเปิดร้านพระขึ้นครั้งแรก ที่ห้างเดอะมอลล์ ท่าพระ เปิดอยู่ ๒ ปี ก็ย้ายตามพรรคพวกไปอยู่ที่สีลมแกลลอเรีย อีกประมาณ ๑ ปี พอดีที่ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน โดย พี่พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ได้ขยายพื้นที่ร้านพระขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง จึงได้มาขอเช่าร้านพระขึ้นตรงส่วนนี้...จนถึงทุกวันนี้ โดยใช้ชื่อร้านว่า "สุพจน์พระเครื่อง"
    ขณะเดียวกัน ทางสมาคมเห็นว่า สุพจน์เป็นผู้ชำนาญพระหลวงพ่อพรหมอย่างแท้จริง จึงได้แต่งตั้งให้สุพจน์เป็นกรรมการรับพระและตัดสินพระชุดหลวงพ่อพรหม ในงานประกวดพระตามที่ต่างๆ ที่ทางสมาคมให้การสนับสนุน ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ได้มาตรฐาน และผู้ส่งพระเข้าประกวดให้ความเชื่อถือ
    "งานประกวดพระที่มีผมเป็นกรรมการตัดสินพระชุดหลวงพ่อพรหม จะยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก โดยพิจารณาความสวยคมชัดเป็นอันดับแรก องค์สวยสุดก็ต้องได้รับรางวัลชนะเลิศไป โดยไม่ต้องคำนึงว่าเป็นพระของใคร ทุกอย่างเป็นไปด้วยความยุติธรรม ตรงไปตรงมาเสมอ และที่สำคัญจะไม่มีการปล่อยพระปลอมให้หลุดรอดออกไปอย่างเด็ดขาด" สุพจน์ กล่าว
    หลักการศึกษาพระหลวงพ่อพรหม สุพจน์แนะนำว่า อันดับแรกต้องจดจำพิมพ์ต่างๆ ให้แม่น พระแต่ละรุ่นมีหลากหลายพิมพ์ แต่ละพิมพ์ก็ย่อมมีจุดตำหนิที่แตกต่างกันไป
    ถ้าหากเป็นพระรูปเหมือนหลวงพ่อพรหม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรูปเหมือนปั๊ม ก็ต้องพิจารณาตรงรอยตัดข้าง รอยตะไบแต่ง ก่อนจะพิจารณาใบหน้าของหลวงพ่อ หากผิดเพี้ยนจากที่เคยพบเห็นมาก่อนก็ต้องตีเก๊ได้เลย
    ส่วนเหรียญหลวงพ่อพรหม ก็ต้องดูที่รอยตัดด้านข้างเป็นหลัก ต้องจำได้ว่า เหรียญแต่ละรุ่นมีรอยตัดเป็นแบบไหน รวมทั้งใบหน้าของหลวงพ่อ ที่ต้องจดจำให้แม่น หากหน้าเพี้ยนก็อย่าเอาเด็ดขาด เพราะเหรียญปลอมเป็นการทำโดยถอดพิมพ์ ย่อมมีความแตกต่างกันไม่มากก็น้อย นักสะสมต้องใช้ความละเอียดในการพิจารณาทุกขั้นตอน
    สุพจน์ กล่าวด้วยว่า "ทุกวันนี้ พระหลวงพ่อพรหม ได้รับความศรัทธาสนใจอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีประสบการณ์มาโดยตลอด ทำให้ราคาเช่าหาแพงขึ้นเรื่อยๆ จนบางคนคิดว่ามีการปั่นราคากัน ผมยืนยันได้ว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ราคาที่แพงขึ้นเป็นไปตามธรรมชาติ ใครที่คิดว่ามีการปั่นราคา เอาพระมาขายผมได้เลย ยินดีรับซื้อเสมอ หากสวยคมชัดถูกใจ ผมจะให้ราคาที่คนขายพอใจที่สุด"
    อีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้พระหลวงพ่อพรหม มีราคาดีขึ้นเรื่อยๆ ก็เพราะทุกวันนี้ มีคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังเงินสูง หันมาสนใจสะสมพระหลวงพ่อพรหมกันมากขึ้น เมื่อได้พระแท้จากแหล่งที่เชื่อถือได้ และเป็นพระสวยคมชัดดูง่ายด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีความสนใจเช่าหากันมากขึ้น จากปากต่อปาก บอกกันต่อๆ จนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พระหลวงพ่อพรหมโด่งดังและมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ก็ด้วยกำลังซื้อจากคนรุ่นใหม่นี้เอง
    สำหรับ พระหลวงพ่อพรหม ที่ได้รับความสนใจมากในขณะนี้ ประเภทเหรียญ คือ เหรียญรุ่นแรก รุ่นแจกทาน รุ่นสรงน้ำ รุ่นมหาลาภ รุ่นฉลองมณฑป รุ่นโล่ใหญ่ รุ่นใบสาเก รุ่นเสมาครึ่งองค์ ฯลฯ
    ส่วนรูปหล่อ ก็มีรูปหล่อโบราณ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ที่แพงสุดคือ รูปเหมือนปั๊ม ก้นระฆัง เนื้อทองเหลือง เวลานี้มีการเช่าหาถึงหลักล้านกันแล้ว ขณะที่เนื้อทองแดง จะอยู่ที่หลักหมื่นกลางขึ้นไป
    นอกจากนี้ก็มี รูปเหมือนรุ่นนิ้วกระดก รุ่นหูกาง รุ่นแม่ชีกุหลาบ รุ่นผู้ใหญ่ลี และที่เช่ากันแพงสุดๆ คือ รูปเหมือนพิมพ์เข่ากว้างหลังเต็ม เนื้อทองระฆัง ราคาทุกวันนี้อยู่ที่ ๒ แสนบาทขึ้นไป
    จากความรอบรู้อย่างแตกฉาน ในเรื่องของ พระหลวงพ่อพรหม สุพจน์เห็นว่า น่าจะนำความรู้เหล่านี้ออกเผยแพร่สู่สาธารณชนผู้สนใจสะสมพระหลวงพ่อพรหมในวงกว้าง จึงได้จัดทำหนังสือ หลวงพ่อพรหม ถาวโร ฉบับมาตรฐาน ขึ้นมาเล่มหนึ่ง เป็นการรวบรวมประวัติ และวัตถุมงคลของ หลวงพ่อพรหม อย่างครบถ้วนทุกรุ่นทุกพิมพ์ โดยเฉพาะพิมพ์ที่หายาก ก็มีอย่างครบถ้วน ถือว่าเป็นฉบับสมบูรณ์ที่สุดของวงการพระก็ว่าได้
    ภายในเล่ม ประกอบด้วยภาพสีสวยคมชัด หนาประมาณ ๔๐๐ หน้า พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตอย่างดี สี่สีทั้งเล่มพร้อมกล่องใส่สวยหรู โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปสมทบทุนสร้างโรงทาน และศาสนสถานของวัดช่องแค เพื่อเป็นการถวายสักการบูชาแด่หลวงพ่อพรหม ผู้มีพระคุณอย่างหาที่สุดมิได้
    จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ นอกจากจะมีภาพพระหลวงพ่อพรหม ครบทุกรุ่นแล้ว ภาพที่จัดพิมพ์จะมีครบทุกด้าน ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง (ซ้ายขวา) และด้านใต้ฐาน ตรงจุดนี้จะทำให้ผู้ศึกษาพระหลวงพ่อพรหม ได้เห็นถึง จุดลับ อันสำคัญยิ่งของพระหลวงพ่อพรหมแต่ละรุ่น
    หากใครได้ศึกษาจุดต่างๆ เหล่านี้อย่างละเอียดที่สุดแล้ว มั่นใจได้เลยว่า จะดูพระหลวงพ่อพรหมได้อย่างถูกต้องแม่นยำที่สุด
    สุพจน์ ยืนยันว่า หนังสือเล่มนี้ จัดพิมพ์เพียงครั้งเดียว จะไม่มีการจัดพิมพ์ขึ้นมาใหม่อีก แม้ว่าจะขายหมดแล้วก็ตาม โดยมีจำนวนพิมพ์เพียง ๓,๐๐๐ เล่มเท่านั้น หนังสือทุกเล่มมีหมายเลขกำกับ เปิดจองเวลานี้เล่มละ ๑,๕๐๐ บาท (ราคาหน้าปก ๒,๐๐๐ บาท) สอบถามที่โทร.๐๘-๑๙๑๗-๕๐๑๖, ๐๘-๑๗๗๘-๓๕๙๙
    นอกจาก พระหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค แล้ว สุพจน์ยังซื้อขายพระหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี พระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ และพระของเกจิอาจารย์ชื่อดังที่วงการนิยมอีกด้วย

     

แชร์หน้านี้

Loading...