สนทนาเรื่อง ธรรมะหน้าจอ กับตัวตนที่แท้จริงของทุกคนในเวปนี้ (ตอบด้วยนะคะ)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย คุณกรรณิการ์, 8 พฤษภาคม 2008.

แท็ก: แก้ไข
  1. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    ทุกคนในเวปนี้ มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน หลายท่านศึกษาตำราไปด้วย และปฏิบัติไปด้วย โดยเฉพาะการสนทนาหน้าเวป ทุกคนสนทนากันเรื่องธรรมะ การปฏิบัติตัว และการฝึกสมาธิ รวมถึงหลายคนหวังที่จะหลุดพ้นนั่นคือนิพพาน นิพพานนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยาก เราอยากจะทราบว่า ชีวิตจริงหลังออกจากหน้าเวปไปแล้ว คุณปฏิบัติตัวกันอย่างไร อย่างเช่น บางคนอยู่หน้าเวป รู้เรื่องธรรมะ คำสั่งสอนของพุทธองค์เป็นอย่างดี และรู้เรื่องการปฏิบัติเป็นอย่างดี แต่หลังจากที่คุณออกจากเวปไปแล้ว ชีวิตประจำวันของคุณเป็นเช่นไร ปฏิบัติตัวเสมอต้นเสมอปลาย ตามที่ได้บรรยายในเวปหรือเปล่า อันนี้ต้องการคุยกัน เพราะการปฏิบัติตัวต่อหน้าเวป กับการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันนั้นสำคัญมาก ถ้าทุกคนปฏิบัติอย่างที่คุยในหน้าเวปทุกประการ นั้นจะส่งผลให้พวกคุณเกิดปัญญา ในการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันด้วย แต่ถ้าไม่แล้วนั้น มันจะขัดกันทันที และก็เหมือนการใส่หน้ากากเข้าหากัน
    <O:p</O:p
    ส่วนตัวเรานั้น ปฏิบัติตัวเสมอต้นเสมอปลาย ถึงแม้ เราจะไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่รู้เรื่องพระไตรปิฎก เรานั้นโง่เขลา เบาปัญญา ถึงแม้จะมีผู้ใด ยื่นมือเข้ามาสั่งสอนเรา ในเรื่องของคำสอนของพุทธองค์ แต่เราก็ไม่เข้าใจในคำนั้น ๆ อย่างชัดเจน แต่อย่างน้อย เราก็ปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันทุกวันบนพื้นฐานของ ทาน ศีล และภาวะนา และความไม่ประมาท ซึ่งจะทำให้ชีวิตประจำวันนั้นเป็นสุข ถึงจะไม่สุขกายแต่ก็สุขใจ ที่ได้เกิดมาเป็นคนดี ตัวเรานั้นไม่เคยหวังอะไรตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยหวังลาภยศ ทรัพย์สิน เงินทอง ความร่ำรวย แต่เราต้องการความสุข และต้องการให้คนรอบข้างของเรามีความสุข โดยเฉพาะครอบครัว เรายื่นมือช่วยคนอื่นอยู่เสมอ ถึงแม้จะช่วยได้ไม่มากก็ตาม ถึงแม้ว่าการยื่นมือเข้าไปช่วยจะทำให้เราต้องเจ็บตัว เราก็ยินดีทำ นี่ก็คือชีวิตประจำวันของเราเอง เราไม่ต้องการคำเยินยอสรรเสริญจากผู้ใด แต่คำถามของเราในวันนี้มันจะส่งผลต่อพวกคุณอย่างมาก และจะเป็นกระจกสะท้อนเงาตัวเอง เงาในกระจกจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวเราเอง
    <O:p</O:p
    ** ขอเน้นนะคะว่าอย่าซีเรียส **<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2008
  2. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG][​IMG]

    ** ขอเน้นนะคะว่าอย่าซีเรียส **
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 พฤษภาคม 2008
  3. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    สำหรับความรู้ของหลายๆคน และแม้แต่เจ้าของกระทู้ ก็ชัดเจนอยู่กับตนว่า

    ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฏกมามากนัก เหตุผล นั้นมีมาก แต่ที่เหมือนกันสำหรับ
    ทุกคนคือ ไม่เข้าใจ เพราะลักษณะของพระไตรปิฏก ไม่ใช่การเขียนแบบมี
    รูปแบบในการทำตำราตามสำนักนายก ธรรมะที่แสดงเป็นบทบรรยายสภาวะ
    ธรรมของพระภิกษุกลุ่มหนึ่งในที่ประชุม ผู้รับการสอนที่มีอินทรีย์จำเพาะอย่าง
    หนึ่ง ถ้าเราอ่านโดยไม่สนใจบริบทบรรยา ไม่รู้ภูมิประเทศและลักษณะ
    วัฒนธรรมของแต่ละชุมชน ก็จะไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงมีบทบรรยายธรรมะที่
    ไม่เหมือนกันทั้งหมด แถมบางพระสูตรกลับกล่าวขัดแย้งกันเอง

    ดังนั้น การศึกษาพระไตรปิฏก จะเหมือนการอ่านหนังสือสอนการสนทนา
    ภาษาต่างประเทศ ที่ไม่ได้มาในรูปของประโยค แต่มาเป็น Dialogue คือ
    มีบริบท สถานที่ กลุ่มบุคคล สภาพแวดล้อมประกอบการพูด

    เหตุนี้เอง ที่ตำราพระไตรปิฏกที่ปฏิรูปแล้ว จัดหมวดหมู่แล้ว จะทำให้เรารู้
    สึกดีขึ้นที่ได้อ่าน แต่ก็เป็นปัญหาเช่นเดิม เพราะเนื่องจากการตัดบริบท ตัด
    อินทรีย์ของผู้รับธรรมออกไป ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงธรรมเฉพาะตัวได้เลย

    เรา ผู้อ่านตำรามาแล้วส่วนหนึ่ง อีกทั้งเทียบเคียงแล้วซึ่งลักษณะเฉพาะ
    บุคคล ที่เรียกว่า ปัจจัตตัง ทำให้เราเลือกบริบท หรือ พระสูตร มาแสดงได้

    แต่ครั้นจะยกพระสูตรมาให้อ่าน ก็ย่อมติดขัดข้อคับข้องใจ ดังนั้น จึงจำต้อง
    ตัดทอนสรรพนามออกจากพระธรรม แล้วปรับเข้าหาบริบทเฉพาะกาล จนกว่า
    คู่สนทนาจะกล่าว หรือ เห็นธรรมสอดคล้อง ก็จะย้ำลงไปด้วยชื่อพระสูตร
    หรือ คำบาลี ก็จะทำให้ผู้ร่วมสนทนา สามารถนมสิการสภาวะธรรมของตน
    ได้ไปตรงพระสูตรได้ ได้เห็นทั้งสภาวะธรรมของตนที่เป็นปัจจัตตัง และได้
    เห็นความลงกันได้กับพระไตรปิฏก

    * * * *

    หลังจากการสอนแล้ว ก็จะทบทวนกรรมในวันนั้น มีอะไรพร่องไป มีอะไรที่
    ทำให้แตกประเด็นออกไป ถ้าไม่สามารถไตร่ตรองธรรมได้ ก็จะค้นหาตาม
    หนังสือ เพื่อดูบริบทที่พร่อง หรือ เราอาจจะไม่เข้าใจ และอาจจะต้องหา
    พระสูตรที่ใกล้เคียงกัน เช่นนี้ ก็ทำให้สามารถเข้าใจพระสูตรที่ยังไม่เข้าใจ
    เพิ่ม ได้เห็นว่า เราเห็นผิดอย่างไร ก็จะได้ปริยัติ

    ส่วนการปฏิบัติก็แล้วแต่โอกาส ซึ่งต้องบอกว่า ทำอยู่ตลอด แม้แต่เดินเที่ยว
    ในศูนย์การค้า ขับรถ ทำงาน สามารถระลึกสติเพื่อการปฏิบัติได้ตลอด เมื่อ
    ทำไปสักระยะ จิตจะเกิดการพักเพื่อเข้าสู่ฌาณ ก็แล้วแต่วาสนา ถ้าสามารถ
    หาที่ปลีก หลบตัวออกจากทางเดิน เพียงเก้าอี้สักตัวริมบันได้ หรือ ทางเดิน
    ก็พอเพียงต่อการเข้าสู่ฌาณเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้จิตมีกำลังตามที่เขาต้องการ

    * * *

    นี่คือการปฏิบัติ ที่เรียบง่าย ตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง เพราะอ่านปริยัติมาได้ส่วนหนึ่ง

    แม้ข้อธรรมไหน ไม่ชัดในการชี้ ไม่ชัดในปฏิเวธที่จะเข้าเทียบเคียงกับเพื่อนร่วมสนทนา
    ก็จะมีการทบทวนเสมอ

    เรียบง่าย ตรงทาง ดึงเขาได้โดยไม่ต้องให้เขาเสียเวลาก็พอได้ ขึ้นกับวาสนาที่มีต่อกัน

    ซึ่งบางครั้ง การมีวาสนาต่อกัน ก็อาจจะเป็น ธรรมบท เพียงบทเดียว หลังจากนั้นก็หมด
    วาสนาต่อกัน กลายเป็นปฏิปักษ์กัน ก็เป็นเรื่องธรรมดา สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเสมอ แม้แต่
    ชั้นอนาคามี กับ อรหันต์ ประสาอะไรกับลักษณะของปุถุชนจะเกิดไม่ได้ สิ่งนี้ล้วนเป็น
    ธรรมดา ที่เกิดขึ้น และดับไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2008
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขอแสดงความเห็นเป็นส่วนตัวนะคะ
    การปฏิบัติตนทั้งในและนอกจอของดิฉันนั้น
    จะใช้หลัก จริงใจต่อตนเองและผู้อื่น
    มุ่งศึกษาธรรมเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากบ่วงกรรม
    และนับถือผู้ศึกษาธรรมคือกัลยาณมิตร

    ปล.อ่านแล้วอย่าคิดมากนะคะ เป็นการตอกย้ำปณิธาน แหะ แหะ
     
  5. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    ในเวบนี้มีสิ่งที่กระทบเพียงหน้าจอตัวหนังสือรูปผัสสะที่ได้จะน้อยกว่าโลกภายนอกแต่ที่ได้คือจะมีท่านผู้รู้ทั้งหลายมาให้ปัญญาในเรื่องของอารมณ์ และได้อ่านความคิดเห็นต่างต่างๆได้ตามรู้อารมณ์ของตนแล้วปัญญาก็เพิ่งขึ้น ส่วนชีวิตข้างนอกจะมีสิ่งกระทบมากมายสติเป็นตัวรับรู้สิ่งกระทบต่างๆ เมื่อรู้ก็ไหลไปตามกระแสบ้าง ลดกิเลสบ้าง ละกิเลสได้บ้าง บางอย่างก็เลิกยุ่งได้ เป็นไปตามปัญญา แต่เมื่ออยู่กับผู้ที่มีธรรมเกือบทุกวันธรรมมะย่อมซึมซับไปเองโดยที่บางครั้งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเราเข้าใจในสิ่งต่างๆได้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
     
  6. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    *************

    เจ้าของกระทู้ไม่เคยศึกษาพระไตรปิฎกเลยค่ะ แต่ได้ถูกสอนจากคนกลุ่มหนึ่ง ทำให้เข้าใจอะไรขึ้นมากกว่าเดิม แต่ก็ถือว่า ยังอนุบาล ส่วนเรื่องการปฏิบัติของท่าน ขอโมทนาบุญด้วยนะคะ แม้แต่ตัวเราเอง จะทำอะไรก็ต้องมีสติตลอด สติก็คือสมาธิ สมาธิ ก่อให้เกิดปัญญา แต่บางครั้ง การทำสมาธินั้น เราไม่ทราบว่า ตัวกิเลศนั้นหายไปหรือถูกกดทับ ถ้าถูกกดทับนั้นหน้ากลัว เพราะมันรอเวลาระเบิด ถ้าเราไม่มีสติ ข้อนี้ จึงทำให้เราต้องมีสติในการตามดูว่าจิตที่ปรุงให้เกิดกิเลศนั้นมันถูกกดทับ หรือมันดับไปด้วยเหตุใด การเจริญวิปัสสะนาปัจจุบัน ของเรายังไปไม่ได้ มีบางท่านกล่าวไว้ว่า การเจริญวิปัสสะนาจะต้อง เข้าสมถะ ก่อน และต้องพิจารณาสังขารณ์ให้ได้ เมื่อพิจารณาสังขารณ์ได้แล้ว เราก็จะไปวิปัสสะนาต่อ ข้อนี้ยังสงสัยอยู่ว่าถูกต้องหรือไม่ ประการใดค่ะ
     
  7. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166

    อนุโมทนาด้วยนะคะ กับกุศลจิต ของคุณ การทำดีทั้งในจอ และนอกจอ นั่นก็คือความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และผู้อื่นด้วยเช่นกันค่ะ ขอให้เจริญในธรรมค่ะ
     
  8. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    สำหรับคุณกรรณิการ์ ติดตัวเดียวครับที่เห็นตอนนี้

    คือ สภาวะธรรมกลัวการปฏิบัติแล้วไปกดทับกิเลส กลัวว่ากิเลสจะเบิดออกมา

    ให้ ตามรู้สึกตัวนี้ไปเลยครับ ว่ากายกรรม วจีกรรม เราถูกตัวนี้ กำกับหรือเปล่า

    แล้วจะพบ มรรค ครับ

    * * *

    แตกรายละเอียดให้ดู เริ่มจากกลัว (โทษะ) แล้วจึงเกิดนิวรณ์ เข้าเอาโทษะ
    นั้นไปปรุงนิวณ์ ทำให้เกิด ลังเล สงสัย สุดท้าย กลัวไม่ได้ดีปรุงเป็นภพ จึง
    เกิดกรรมที่เข้าไปทาง บังคับกาย ( สมถะ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2008
  9. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    การอยู่ในเวปก็จะมีสิ่งกระทบเพียงหน้าจอตัวหนังสือก็จริง แต่บางครั้ง สิ่งที่มากระทบนั้น จะนำกลับบ้านไปด้วยโดยไม่รู้ตัว ถ้าสิ่งที่ได้รับนั้น เป็นผลในทางลบ การอยู่กับผู้ปฏิบัติธรรมที่แท้จริงนั้น ทำให้เราซึมซับธรรมมะเข้าไปเอง แต่การจะซึมซับได้มากน้อยเพียงใด อยู่ที่พื้นฐานจิตใจของคนผู้นั้นด้วยว่า เค้าเป็นคนเช่นไร จะปรับสภาพจิตใจของตัวเอง ขัดเกลาจิตใจของตัวเองได้มากน้อยเพียงไร ตัวเราย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด
     
  10. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    มรรค เหรอคะ ตัวนี้บางคนต้องการก็ไม่ได้นะคะ ยิ่งอยากได้ ยิ่งจะไม่ได้พบ ค่ะ เราเลยรู้สึกวางเฉย เวลานั่งสมาธิ แต่เกิดนิวรณ์ขึ้นมา ว่ามันกดทับกิเลศหรือเปล่า มันยากนะคะเพราะจิตปรุงได้เอง ถูกจิตหลอกเอาก็มีค่ะ ช่วงหลังเราจะปล่อยตัวตามสบาย เพื่อจะเริ่มไปวิปัสสะนา ไม่ไปบังคับกายค่ะ เพราะจะทำให้เกิดสมถะเพียงอย่างเดียว จะไปวิปัสสะนาไม่ได ยากเหมือนกันนะคะ
     
  11. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    คุณกรรณิการ์เคยมีสภาวะที่รู้สึกอึดอันมากๆทุรนทุรายเหมือนจะตายไหม ช่วยให้ปัญญาด้วย
     
  12. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    เคยค่ะ เคยหายใจไม่ออกแน่นหน้าอกมาก ขณะนั่งสมาธิ หูอื้อ และสมองเริ่มเบลอ เหมือนจะขาดใจตายค่ะ ข้อนี้เราคิดว่าคุณผีเสื้อราตรี น่าจะเคยผ่านมาก่อน ใช่หรือเปล่าคะ เพราะจะไม่มีใครรู้สภาวะนี้หรอกถ้าไม่เคยผ่านมา เค้าจะไม่รู้เลยว่า อาการแบบนี้มันเป็นเช่นไร คุณผีเสื้อราตรี คุณน่ะมีปัญญาสูง แต่ถ่อมตัวนะ
     
  13. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ขอแอบฟังด้วยคนนะครับ กระทู้นี้คิดบวกดีชอบ
     
  14. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    ยินดีค่ะ ทุกคนถือเป็นกัลยานมิตรที่ดีนะคะ ใครที่เคยผ่านอะไรมา ก็มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังบ้าง ว่าผ่านหนทางนั้นมาได้อย่างไร จะได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ค่ะ
     
  15. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ถูกแล้วครับ จะอยากเห็นไม่ได้ ผมถึงใช้คำว่า "จะพบ"

    ถ้าทำได้ตรงทาง ก็จะเป็นเหตุใกล้ให้เกิดได้ ไม่สามารถปรุงแต่ง มรรค ได้

    แต่คำว่า มรรค นั้น ในบางตำราก็หยิบยืมไปใช่ เพราะ แปลว่าทาง จึงกำหนด
    ขึ้นเป็นเส้นทาง มีรายละเอียดกำหนดได้ มรรค แบบกำหนดได้นั้นแหละที่
    คุณกรรณิการควรไตร่ตรองก่อนจะรับไปตามนั้น

    ถ้าให้เทียบปริยัตินิดหน่อน มรรค นั้น ปรากฏการใช้ใน มรรคญาณ ซึ่ง
    เป็นวิปัสสนาญาณ 16 วิปัสสนาญาณ 16 ตัวนั้น มีการระบุชัดเจนว่า
    อันไหน โลกียะ อันไหน โลกกุตระ แล้ว มรรคญาณ นี้อยู่ในส่วนใด
    ก็ต้องไตร่ตรองทวนซ้ำเข้าไปอีก เทียบกับ มรรค 8 ในบางตำราที่กำหนด
    หนทางเอาไว้

    และที่สำคัญ วิปัสนญาณ 16 นี้ ถ้าทำได้ไม่ถึง วิปัสสนญาณ 4 ที่ถูกต้อง
    ก็เป็นอันถือว่ายังยกวิปัสสนาญาณไม่ได้ และแม้จะยกได้ถึง มรรคญาณ
    แล้วก็ตามที ก็ยังเสื่อมได้อีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2008
  16. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    หุหุ สวัสดี คุณกรรณิการ์
    เราเคยทักกันรึยัง ครับ

    [​IMG]
     
  17. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    แล้วเราจะทราบได้อย่างไร ว่าได้ถึงวิปัสสนญาน 4
     
  18. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    หวัดดีค่ะ จำไม่ได้เหมือนกันว่าเคยทักกันหรือเปล่า หรือเคยทักนะ...เอ
     
  19. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    เร็วไปที่จะด่วนชี้ครับ แม้ผมจะเคยคุยกับคุณกรรณิกา แล้ว แต่ก็จำไม่ได้

    ก็คงต้องให้คุณกรรณิกาลองคุยกับคุณผีเสื้อไปก่อน ถ้าผมเห็นจังหวะดี ถ้า

    ไม่เป็นการแทรกแซงทางของคุณผีเสื้อมากเกินไป ก็อาจจะเสียมารยาท

    โพสเข้าชี้ในจังหวะนั้นๆ คนในนี้เรียกว่า เพ่ง แต่ผมเรียกว่า จังหวะ ชี้

    เพราะตอนนั้นคุณจะระลึกสภาวะธรรมได้ ตัวนั้นจึงเหมาะที่จะชี้ครับ
     
  20. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166


    ได้ค่ะ แต่ตอนนี้มีคนพยายามชี้อยู่ รู้สึกค่ะ ชัดเจนด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...